Love Forever ชาติไหนก็รักเธอ

9.4

เขียนโดย Fakfaeng_love_TK

วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เวลา 18.30 น.

  20 ตอน
  328 วิจารณ์
  37.18K อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5) ผู้ชายคนนั้น . . /คำขอของแม่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ทบทวนตัวละครก่อนอ่านนนน(เนื่องจากกระแสจำชื่อตัวละครไม่ได้ มาแรง)

ภาณุ = ป๊อปปี้              ปลายฟ้า = ฟาง

ธานนท์ = โทโมะ          กอหญ้า = แก้ว

ดนัย = เขื่อน               ม่านแก้ว = เฟย์

รินลดา = จินนี่              ภาพร = พิม

กานดา = ขนมจีน           นิภพ = จองเบ

ริสา = หวาย

 

 

 

ตอนที่ 5 

 

“อืมมมมมมมม ~”เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง จนร่างบางตื่น สายตามองไปทั่วห้อง หวังเจอใครสักคน แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า . .

 

“โอ๊ย! ปวดหัวจัง . . . ทำไมไม่มีใครอยู่เลย”ในใจหวังเจอน้องสาวสุดที่รัก วิ่งมาไถ่ถามอาการ แต่เมื่อไม่เห็น เธอก็เริ่มหวั่นใจเป็นห่วงน้องสาว กลัวจะเป็นอันตราย

 

“สงสัยจะลงไปหาอะไรทาน ออกไปตามคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง”พูดเองเออเองแล้วรีบลุกทันที แต่เมื่อลุกเร็วเกินไปอาการปวดหัวก็จิ๊ดขึ้นมา จำต้องนั่งให้อาการหายเสียก่อน จึงค่อยๆลุกโดยลากเสาน้ำเกลือไปด้วย..

 

 

      ร่างกายที่มีแรงเหลือน้อยเดินชิดกำแพงเพราะกลัวขาหมดแรงแล้วจะล้มไปถูกผู้ป่วยคนอื่น เดินไปอย่างหวาดระแวง เพราะที่นี่เป็นโรงพยาบาลใหญ่ แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่เคยมา ถ้าจะเดินหลงบ้างมันคงไม่แปลกใช่มั้ย?

 

“ไปทางไหนล่ะทีนี้”เมื่อเดินมาถึงทางแยกก็ต้องคิดหนัก จะเดินกลับไปที่ห้องก็จำทางไม่ได้ เดินหน้าต่อก็คงจะไปกันใหญ่ ยืนคิดอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจกลับหลังหัน

 

   ตุบ!

 

“โอ๊ย!”คงเป็นเพราะหันไม่ดูทางทำให้หันไปชนชายร่างสูงจนเธอเซไปติดกำแพง

 

“ขอโทษนะครับ พอดีผมรีบ”เขาหันมาบอกเธอก่อนจะวิ่งไปทางห้องพักพิเศษทันที

 

“ค่ะ . . . 0_0!!”

 

 

‘เมื่อกี้ . . . ผู้ชายคนนั้น?!’

 

 

 

 

 

 

 

‘‘ฟาง ปิดเครื่องทำไม ป๊อปโทรไปหาตั้งหลายครั้ง!’’

 

‘‘เอ่อ....คือ พะ พอดีแบตหมดน่ะ’’  

 

‘‘เอ่อ...ขอโทษนะ ป๊อปแค่เป็นห่วง’’

 

‘‘.............’’  

 

 

 

 

 

 

“อะ โอ๊ยยยยยย!!  ฮึก ภาพอะไรอีก! ออกไปนะ ออกไป!!!”ขาหมดแรงทรุดลงกับพื้น มือกุมขมับอย่างทรมาน เป็นจังหวะเดียวกับที่ม่านแก้วเดินมา เมื่อสายตาของคนเป็นน้องสะดุดเข้ากับร่างบางที่นั่งดิ้นสีหน้าบ่งบอกถึงความทรมาน ก็ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหา แทบจะโยนข้าวของทิ้งเลยก็ว่าได้ เพราะสัญชาตญาณของพี่น้องดูก็รู้ทันทีว่าร่างบางที่นั่งอยู่คือพี่สาวของเธอ

 

“พี่ฟ้า! พี่ฟ้าออกมาจากห้องทำไม พี่ฟ้าเป็นอะไร!!”

 

“ม่านแก้ว! ช่วยพี่ด้วย พี่ปวดหัว! เอาภาพพวกนี้ออกไปที!!!”เริ่มงงกับสิ่งที่พี่สาวพูด แต่ในตอนนี้ความเป็นห่วงพี่สาวอยู่เหนือสิ่งใด รีบตามพยาบาลให้มาช่วย กว่าจะสงบก็ต้องใช้ยานอนหลับอีกรอบ . . .

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“แม่ครับ! แม่เป็นยังไงบ้าง!”

 

“ภาณุ! มาได้ไงลูก ”ตกใจเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนวิ่งมาอยู่ข้างเตียง

 

“ทำไมแม่ไม่ให้คนที่บ้านโทรบอกผม! แม่รู้มั้ยว่าผมเป็นห่วงแทบแย่ ถ้าคุณน้าไม่โทรมาถามอาการของแม่กับผม ผมก็คงจะไม่รู้!”(คุณน้าที่ว่าคือแม่ของดนัยและกานดา) เขาพูดเสียงดังแต่แฝงด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของคนเป็นแม่ก็อ่อนลง รู้ตัวแล้วว่าพูดอะไรลงไป

 

“เอ่อ . . ผมขอโทษครับ”

 

“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่ผิดเองที่ไม่บอกลูกตั้งแต่แรก”

 

“แจน เธอกลับบ้านไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวฉันดูแลคุณแม่เอง”หันไปพูดกับคนใช้ที่มาเฝ้าแม่ของตน (ไม่รู้ว่าบอกดีๆหรือไล่ - -)

 

“ค่ะคุณภาณุ”เดินออกไปอย่างเงียบๆ ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงสองแม่ลูก

 

“ลูกกลับไปทำงานเถอะ ไม่ต้องมาดูแลแม่หรอก แม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก”ไม่อยากให้ลูกชายต้องเสียงานเพราะตน จึงพูดไปอย่างนั้น

 

“เป็นลมแล้วตกบันได้เนี่ยนะครับไม่เป็นอะไรมาก?”

 

“. . . . . . . . . .”

 

“เฮ้อ แม่ครับ แม่ไม่ต้องกลัวผมเสียงานหรอกนะครับ”รู้ว่าแม่ตนเองคิดยังไง

 

“ก็แม่กลัวลูกเป็นห่วงแม่มากไป”

 

“ชั่งเถอะครับ แล้วคุณหมอบอกแม่ยังไงบ้าง”เมื่อเห็นว่าบทสนทาคงมีต่ออีกยาวจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง

 

“หมอเค้าบอกว่า แม่มีรอยซ้ำที่สะโพก แขน แล้วก็ . . . .”

 

“อะไรครับแม่?”

 

“. . . ตรวจเจอโรคมะเร็ง”

 

“ห๊ะ! โรคมะเร็ง”ร้องออกมาอย่างตกใจ ใครจะไปคิดว่าคนที่รักษาสุขภาพเป็นประจำจะเป็นโรคร้ายขนาดนี้

 

“ใช่ลูกฟังไม่ผิดหรอก แล้วหมอก็บอกด้วยว่าแม่จะอยู่ได้อีกไม่นาน. .”

 

“คุณแม่”เขาโผเข้ากอดแม่ตนเองแน่น ราวกับว่าท่านจะหายไปในนาทีนี้

 

“ถ้าแม่ขอให้ลูกทำอะไรสักอย่างก่อนที่แม่จะจากไปได้ไหม?”ถ้าเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำให้กับแม่ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธ

 

“. . . . . . . . อะไรครับแม่”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“โธ่เว้ยยยยยย !!!”

 

“เฮ้ย! ไอ้ณุ แกเป็นอะไรว่ะเนี่ย เมื่อตอนบ่ายยังดีๆอยู่เลย ไหงถึงมานั่งกระดกเหล้าเข้าปากแบบนี้”งงกับอาการและอารมณ์ที่แปรปรวนของเพื่อนชาย ที่หลังจากแยกกันตอนนั้นไม่กี่ชั่วโมง ก็โดนโทรตามให้มาหาที่คอนโด แต่พอมาถึงก็เจอภาพเพื่อนชายนั่งกินเหล้าอย่างต่อเนื่อง แล้วยังร้องโวยวาย ทำลายข้าวของบ้างชิ้นอีกด้วย

 

 

‘บอกฉันหน่อยเถ๊อะ! ฉันตามอารมณ์แกไม่ทัน -*-’

 

 

“เรื่อง ดะ เดิม เอิ้ก! แกโค้งรู๊นะดนัยน้อยยยยย!”

 

“ฉันจะไม่รู้ไอ้ตรงที่แกพูดนี่แหละ = =”

 

“ว่าแล๊ววววว! แกต้องช่วยยยฉานมายด้าย! ไปๆ! กลับไปเลยยยย!!”

 

“แกก็พูดมาดิว่ะ! อะไรๆก็ไล่ บ้าไปแล้วหรือไง!”จับแก้วเหล้าออกจากมือ แล้วพยายามกล่อมให้เพื่อนชายสงบสติอารมณ์ แต่รู้สึกจะต้องบอกตัวเองก่อนเสียแล้ว เพราะไอ้ประโยคร่ายยาวและจับใจความไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์เสียเหมือนกัน

 

“เอิ้ก !  แม่ฉานเป็นโรคมะเร็ง”เมื่อหยุดกินเหล้าได้สักพัก ข้อความต่างๆที่พ่นออกมาจากปากก็ดูจะฟังได้เข้าใจมากขึ้น

 

“หะ?! แม่แกเนี่ยนะ เป็นไปได้ไง? . . . แล้วยังไงต่อ”ไม่ค่อยเชื่อกับสิ่งที่ตัวเองได้ยินสักเท่าไร แต่ก็รับรู้แล้วถามต่อ

 

“หึๆ แล้ว . . . . . . . . .”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ม่านแก้ว! ฉันมาแล้ววว ”

 

“ชู่ๆ! เบาๆหน่อยสิกอหญ้า หมอเพิ่งให้ยานอนหลับไปเมื้อกี้เองนะ  อะ อ้าว! สวัสดีจ๊ะธานนท์ มาด้วยหรอ?”

 

“อืม พอดีต้องมาทำธระแถวนี้ ก็เลยแวะมาส่งยัยแสบนี้ซะหน่อย ”ไม่พูดเปล่า ยังชี้ไปที่เธออีก จนเจ้าตัวนึกหมั่นไส้(รู้สึกว่าจะหมั่นไส้กันตั้งนานแล้วนะ -..-)

 

“หื้มมมม! ชิ! อ่อ แล้วทำไมหมอต้องให้ยานอนหลับด้วยล่ะ?”

 

“ก็ . . . . .”เล่าเรื่องราวที่ตนสามารถจับต้นชนปลายได้

 

“น่าสงสารคุณฟ้าจริงๆ ไม่น่าเจอเรื่องอย่างนี้เลย”

 

“แต่ฉันก็ยังสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง”

 

“อะไรม่านแก้ว?”อาการอยากรู้กำเริบทันที แต่เรื่องแบบนี้ รู้ไว้ก็ถูกต้องแล้วล่ะ

 

“ตอนที่พี่ฟ้าร้องขอให้ฉันช่วย พี่ฟ้าพูดด้วยว่า เอาออกไป เอาภาพพวกนี้ออกไป”

 

“หะ?”

 

“ทั้งๆที่แถวนั้นไม่มีภาพอะไรติดอยู่เลย  ฉันว่ามันยังไงๆอยู่นะ ว่ามั้ยกอหญ้า ธานนท์?”

 

“บ้างทีคุณฟ้าอาจจะมีอาการทางจิต. . . .”

 

“นายจะบอกว่าพี่ฟ้าเป็นบ้าหรอ! 0[]0”

 

“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย -__-”สิ่งที่ทั้งสองพูด มันก็คล้ายๆมุกนะ แต่สงสัยมุกนี้จะทำให้ม่านแก้วเครียดหนักกว่าเดิม

 

“ม่านแก้ว . . ฉะ ฉันขอโทษ”เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรที่ไม่ได้ออกไป จึงรีบขอโทษเพื่อนสาว

 

“ไม่เป็นไรหรอกกอหญ้า ว่าแต่ทั้งสองคนทานข้าวมารึยัง?”

 

“ยังเลย”พอพูดถึงอาหารท้องก็ร้องขึ้นมาทันที ดูถ้างานนี้ต้องจัดอาหารชุดใหญ่ซะแล้ว

 

“งั้นเราลงไปทานข้าวกันเถอะ อีกประมาณ 3-4 ชั่วโมงพี่ฟ้าถึงจะตื่น”ทั้งหมดพากันลงไปทานข้าว แต่ม่านแก้วก็ยังไม่วายหันหลังมาดูพี่สาวตนเอง สายสัมพันธ์พี่น้องยังไงก็ตัดไม่ขาด . . . . . จริงมั้ย?

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ฮึ่ย!! ตัวหนักจริง”เมื่อเหล้าหมดฤทธิ์ เพื่อนชายก็เริ่มไม่ตอบสนอง แถมยังมีเสียงกรนมาให้รำคาญหูอีก ก็ต่อเป็นภาระของดนัยน้อยที่เขาเรียก ต้องอุ้ม(หรือลาก?)จากห้องนั่งเล่นไปยังห้องนอน ตัวก็ไม่ใช่เบาๆซะด้วย - -

 

“เฮ้อ~ เรื่องนี้ฉันช่วยแกไม่ได้จริงๆว่ะ เมื่อไรแม่กับคุณป้าจะหยุดคิดเรื่องคลุมถุงชนสักที” . . .

 

 

 

 

 

 

“. . . . . . . . อะไรครับแม่”

 

“แต่งงานกับหนูกานดา”

 

“แม่ครับ! แต่ผม. . . .”

 

“สิ่งสุดท้ายที่แม่ขอก่อนตายลูกทำให้แม่ไม่ได้หรอ!”

 

“……………….”

 

“……………….”

 

“งั้นผมขอคิดดูก่อน”

 

 

 

 

 

 

 

 

~เขาเลว.. แต่เธอก็ทน เขาเลว.. แต่เธอก็ยอม~

 

“ฮัลโหล ว่าไงดา”

 

“พี่ดนัยรู้เรื่องแล้วใช่มั้ย?”รับสายน้องสาวสุดที่รัก หวังจะได้ยินน้ำเสียงสดใส แต่กลับได้ยินน้ำเสียงเศร้าๆกลับมาแทน

 

“เรารู้แล้วหรอ?”

 

“ค่ะ ดากลับมาบ้านคุณแม่ก็บอกดาเลย . . . มันไม่มีทางแก้ไขเลยหรอค่ะพี่”เจ้าตัวนิ่งไปสักพัก แต่ตอนนี้สมองของเขายังคิดอะไรไม่ออกหรอก

 

“พี่ขอโทษดา พี่ . . . คิดไม่ออกจริงๆ”

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ดาเข้าใจ แล้วพี่ณุรู้รึยังค่ะ?”

 

“รายนี้เมาหัวราน้ำไปแล้ว เพราะไอ้เรื่องบ้าๆนี่แหละ คืนนี้พี่คงต้องอยู่เป็นเพื่อนมันก่อน เกิดตื่นขึ้นมาแล้วคิดสั้น คนที่ซวยก็คือพี่ ฝาก(โกหก)บอกคนที่บ้านด้วยนะ”

 

“ได้ค่ะพี่ ฝันดีค่ะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ตอนนั้นมันอะไรกัน?”นั่งคิดอยู่บนเตียงผู้ป่วยได้สักพัก แต่ก็คิดอะไรไม่ออกเลย . . . ใช่ เธอตื่นแล้ว เธอไม่โวยวาย เธอไม่ปวดหัว เธอมีแค่ . . . . ความสงสัย

  

 แอ๊ดดดดดด~

 

“ฮ่าๆ หนังสนุกมากเลยกอหญ้า 555 . . . พี่ฟ้า! พี่เป็นไงบ้าง!! ยังปวดหัวอยู่รึเปล่า?!”หลังจากไปทานข้าว ธานนท์ก็ชวนไปดูหนัง กว่าจะกลับก็ปาเข้าไปหลายชั่วโมง กลับมาถึงห้องก็เจอพี่สาวนั่งคิดขมิ้ว น้องสาวสุดที่รักก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที

 

“ไม่แล้วล่ะ แล้วเราไปไหนมา ? . . . นี่ใครหรอ?”

 

“สวัสดีค่ะพี่ฟ้า”เมื่อถูกถามเจ้าตัวก็ยกมือไหว้ไว้ก่อน

 

“อ๋อ! นี่เพื่อนม่านแก้วเอง ชื่อกอหญ้า ที่ม่านแก้วเคยเล่าให้พี่ฟังไง พวกเราไปทานข้าวมา แล้วก็เลยไปดูหนัง คิดว่าพี่ยังไม่ตื่น . .”

 

“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ”

 

“น่าเสียดายที่ธานนท์กลับก่อน ไม่อย่างนั้นคงจะได้คุยธุระกับพี่ฟ้าด้วย”

 

“นั่นสิ แต่แกไม่ต้องเรียกพี่ฟ้าว่าพี่หรอ แกกับพี่ฟ้าอายุเท่ากัน”

 

“อ่าวหรอ? งั้นกอหญ้าขอเรียกว่าฟ้าเฉยๆนะค่ะ ^0^”

 

“ค่ะ ^^ ว่าแต่มีธุระอะไรจะคุยกับฟ้าหรอค่ะ แล้วธานนท์คือใคร?”

 

“ธานนท์เป็นเจ้านายกอหญ้าเองค่ะ พอดีที่บริษัทเค้าต้องการช่างภาพที่ฝีมือดีๆไปร่วมงาน กอหญ้าก็เลยอยากจะชวนฟ้าไปร่วมงานด้วย”

 

“มันจะดีหรอค่ะ?”เกิดความไม่แน่ใจในตัวเอง อาการปวดหัวจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ เธอไม่อยากให้งานมันเสียเพราะเธอนะ

 

“เอาเถอะน่าพี่ฟ้า เดี๋ยวค่อยคิดก็ได้ ยัยกอหญ้ายังไม่ได้รีบตอนนี้ พี่นอนพักเถอะ จะได้ออกจากโรงพยาบาลไวๆ”ถึงจะทำตามที่น้องบอก แต่เจ้าตัวก็ยังคิดหนักอยู่ดี . .

 

‘ฉันก็ไม่ใช่ช่างภาพฝีมือดีขนาดนั้นหรอกนะ . . . ไหนจะเรื่องผู้ชายคนนั้นอีก โอ๊ย! มีแต่เรื่อง - -’

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 -ทั้งๆที่แถวนั้นไม่มีภาพอะไรติดอยู่เลย  ฉันว่ามันยังไงๆอยู่นะ ว่ามั้ยกอหญ้า ธานนท์-

-Mankaew-

 

 

 

 

 

 

 

 

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

พระนางได้เจอกันแล้ว(แบบผ่านๆ - -) จะโดนเตะมั้ยเนี่ย TT

พระเอกเครียดจัด นางเอกปวดหัวบ่อย เฮ้อ จะเป็นยังไงล่ะทีนี้ . . .

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา