The Gypsy Death...ต่อให้ตายยังไงก็รัก

9.1

เขียนโดย tietang

วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 10.14 น.

  24 ตอน
  981 วิจารณ์
  41.11K อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

6) นายหญิงของ...ไทยานนท์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่6 นายหญิงของ...ไทยานนท์

 

 

“นายเป็นอะไรบ้าเหรอไง”

 

 

แก้วที่เห็นอาการก็อดที่จะทักไม่ได้ แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมาก็มีเพียงร้อยยิ้มและเสียงหัวเราะอีกตาม

 

เคย

 

 

“ทุกคนนนน...ไทยานนท์มีนายหญิงแล้วนะ”

 

 

ป๊อปปี้ประกาศลั่นบ้านทั้งลูกน้องในบ้านที่เป็นผู้หญิง และลูกน้องที่เป็นมาเฟียต่างออกมายืนเรียงแถว

 

หน้ากระดานต่อหน้าแก้วส่งยิ้มแล้วก้มคับนับพร้อมกัน

 

 

 

“ยินดีต้อนรับครับ/คะนายหญิง”

 

 

 

แก้วอึ้งหนักจนต้องโค้งตอบคนเหล่านั้นไป เธอออกจะมึนงงเล็กน้อยอยู่คนมากมายก็มาเรียกเธอว่า

 

นายหญิง รอยยิ้มทั้งหมดทำให้เธอเขินอายไปบ้างเล็กนาย เป็นใครเจออย่างนี้ก็ต้องเขิน แก้วเลยยิ้มๆ

 

ตอบไป

 

 

 

“ที่นี้บ้านจะได้มีสีสันบ้างเนอะเห็นไอ้โมะมันเข้มมามากพอแล้ว”

 

 

“ฉันจะมีหรือไม่มีฉันก็ยังเหมือนเดิม”

 

 

“ฮ่าฮ่า ก็ฉันบอกแล้วว่าแกต้องมีวันนี้และมันก็มีจริงๆ”

 

 

“ถ้าฉันไม่ทำยัยนี่ก็จะโดนจ้องล้างจองผลาญไม่เลิกไม่รู้ไอ้เคนมันไปติดใจอะไรนักหนาดูๆแล้วก็ไม่

 

 

เห็นจะมีอะไรดีจูบก็ไม่เป็นสักนิดเย็นชีดยิ่งกว่าน้ำแข็ง”

 

 

 

โทโมะว่าพลางมองมายังแก้วแล้วจ้องไปที่รอยที่ตัวเองพึ่งทำไว้เมื่อสักครู่

 

 

“ไอ้บ้า ไอ้ฉวยโอกาสไอ้มาเฟียนิสัยเสีย”

 

 

แก้วด่าจบก็เดินไปหยิบถุงเสื้อผ้าเดินขึ้นห้องไป

 

 

“นี่เป็นคนแรกๆเลยนะรองจากแม่กับพ่อแกที่กล้าด่าแก”

 

 

“ก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ”

 

 

“เอ่อ แต่ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ก็ทำให้ผู้ชายสู้กันได้หล่ะน่า”

 

 

จริงๆเพราะแก้วนี้หล่ะต้นเหตุสำคัญของเรื่องวุ้นวายทั้งหมด ใครจะเชื่อว่านางแบบตัวเล็กคนนี้จะทำ

 

ให้มาเฟียสองแก๊งค์ออกศึกมาประชันหน้ากัน

 

 

“แต่นั้นไม่ใช่ฉัน”

 

 

“เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ตอนนี้ทุกคนอย่าลืมนะว่าบ้านเรามีนายหญิงแล้วฮ่าฮ่า”

 

 

ป๊อปปี้ย้ำก่อนจะขอตัวกลับไปบ้านตัวเองที่อยู่ใกล้ๆขนาดบ้านที่ไม่เป็นรองกันสักเท่าไหร่นัก ที่จริง

 

แล้วโทโมะกับป๊อปปี้เป็นเพื่อนกันมากกว่าที่จะเป็นเจ้านายลูกน้องกัน เพราะโตมาด้วยกันแต่ติดตรงที่

 

พ่อของป๊อปปี้เป็นน้องของพ่อโทโมะเลยทำให้ป๊อปปี้ดูจะอำนาจน้อยกว่าโทโมะเล็กน้อย  โทโมะ

 

ไม่ได้อะไรกับคนมากนักเค้าเดินเงียบๆขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อไปห้องนอน

 

 

“นายจะให้เตรียมไข่ลวกไหมคะ”

 

 

แม่บ้านที่อายุราว30เห็นจะได้เอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มจะเดินขึ้นไป นี่ทุกคนคิดอะไรกันอยู่เค้าแค่

 

ประกาศว่าแก้วเป็นนายหญิงของที่นี้ทุกคนแลจะครึกครื้นเป็นพิเศษถึงกับรอเตรียมไข่ลวกกันเลย

 

เหรอไง

 

 

“ไม่ต้องฉันไม่เหนื่อยเท่าไหร่”

 

 

แม่บ้านทั้งหลายต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่นายใหญ่บอกว่าไม่เหนื่อยแสดงว่า...โทโมะไม่รู้ว่าพวกแม่บ้าน

 

จะคิดไปถึงเรื่องอย่างว่าแต่พอเห็นสีหน้าถึงเดาออกว่าไข่ลวกที่ทำให้หมายความว่าอะไร

 

 

“แยกย้ายไปทำงานถ้ายังอยากอยู่ที่นี้”

 

 

น้ำเสียงเชียบแฝงความดุดันสั่งครั้งเดียวทุกคนก็วิ่งสลายไปราวกับฝุ่น

 

 

“มายืนแอบมองทำไม จะออกมาก็ไม่ออก”

 

 

แก้วถึงกับสะดุงโหยงที่โทโมะรู้ว่าเธอแอบฟังเค้าคุยกันอยู่เธอทำสีหนาเจือนๆก่อนจะออกมา

 

 

“ไม่ได้แอบซักหน่อย เมื่อไหร่จะบอกซักทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นฉันงง”

 

 

“แน่ใจว่าอยากรู้”

 

 

ทำไมมีอะไรที่เธอจะรู้ไม่ได้ เธอก็ยี่สิบกว่าแล้วบรรลุนิติภาวะแล้วแยกแยะและแก้ไขได้

 

 

“อืม...นายมีหน้าที่เล่าก็เล่ามา”

 

 

“ผู้หญิงน่าเบื่อเหมือนกันหมดตรงที่ชอบซักไซ้นี้หล่ะ”

 

 

“ผู้ชายก็น่าเบื่อตรงฟอร์มเยอะ ขี้เก๊ก”

 

 

 

เธอส่วนกลับไปแบบทันควันที่สุด อีกฝ่ายก็เงียบด้วยความที่มาอยากมีเรื่องเพราะถ้ามีเรื่องเถียงกับ

 

ผู้หญิงแน่นอนว่าไม่จบง่ายๆแน่ ผู้หญิงจะไม่ยอมเริกราถ้าเธอเถียงไม่ชนะข้อนี้เค้ารู้ดีเลยเลือกที่จะ

 

เงียบไว้ดีกว่า เดินตรงไปที่ห้องนอนโดนมีแก้วเดินตามติดไปอย่างกระชั้นชิด

 

 

 

“ที่นี้ก็เล่ามาได้แล้ว”

 

 

“ถ้าฉันเล่าแล้วเธอห้ามถามเพราะฉันจะเล่าม้วนเดียวจบ เข้าใจตามนี้นะ”

 

 

“แล้วถ้าฉันสงสัยก็ถามไม่ได้เลยไง”

 

 

“เลือกเอาว่าจะฟังจนจบแล้วค่อยมาถาม หรือถามแล้วการเล่าที่เหลือจะไม่มีทางได้ฟัง”

 

 

 

คนพวกนี้ยังไงกันนะเข้าใจก็อยาก ทำอะไรก็ต้องระเบียบไปหมดแก้วนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟายาวข้างเตียง

 

เพื่อรอโทโมะที่นั่งไขว้ห้างอยู่บนเตียงว่าเมื่อไหร่จะพร้อมเล่าให้เธอฟัง และการสนทนาที่ยาวนานก็

 

เริ่มต้นขึ้น

 

 

 

“พ่อเธอเป็นหนีไอ้เคนตะมัน100ล้าน ต่อให้บ้านเธอจะรวยแค่ไหนเงิน100ล้านมันก็มากอยู่ดีพอไอ้

 

เคนมันรู้ว่าเธอเป็นลูกมันเลยเสนอข้อแลกเปลี่ยนให้เธอไปอยู่กับมันเพื่อแลกกับเงิน100ล้านที่พ่อเธอ

 

เป็นหนี้มันอยู่ ทีแรกพ่อเธอก็ไม่ยอมแต่พอหาเงินมาไม่ได้ก็จำเป็นต้องยกเธอให้ไอ้เคนมันไงหล่ะ นี้ไง

 

ทำให้เธอโดนไล่ล่าแบบไม่จบไม่สิ้น”

 

 

“แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่กับนายได้หล่ะ”

 

 

“ฉันห้ามไม่ให้เธอถามนะ”

 

 

“ตอบมาเหอะน่า”

 

 

“แม่เธอมาขอร้องฉัน เรียกง่ายก็เอาเธอมาขายให้ฉันนั้นแหละ”

 

 

“100ล้าน”

 

 

“ใช่100ล้าน ค่าตัวเธอสูงมากจริงๆ”

 

 

“นายซื้อไว้ทำไมหล่ะ”

 

 

“ก็เห็นแก่ความเป็นน้าไงหล่ะ ถ้าเป็นคนอื่นฉันก็คงไม่ช่วย”

 

 

“นายคิดว่ามันคุ้มเหรอไงกับการที่ได้ตัวฉันมาในราคา100ล้าน และนายก็ต้องมีเรื่องกับเคนตะอะไร

 

นั้น”

 

 

“เธอก็ชวยทำให้มันคุ้มซิ แต่แค่นี้ไอ้เคนมันก็คลั่งจะตายอยู่แล้วฉันจะทำให้มันได้รู้ว่าการเสียของรัก

 

มันเป็นยังไง”

 

 

“นายพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ”

 

 

“เรื่องนี้เธอไม่สมควรรู้ เพราะไม่เกี่ยวับเธอ”

 

 

“ทุกเรื่องตอนนี้เกี่ยวกับฉันทั้งงั้นแหละน่า”

 

 

 

 

“ไอ้เคนมันหลอกให้น้องสาวฉันรักหลอกฟันแล้วทิ้ง และตอนนี้ฉันสามารถที่จะแยงของที่มันอยาก

 

ได้มาจนได้”

 

 

 

แววตาอาฆาตฉายชัดออกมาจากดวงตาเข้มคู่นั้น หญิงสาวเผลอนึกไปถึงรูปคู่ที่แตกเป็นเสี่ยงๆที่วางอยู่

 

บนโต๊ะของโทโมะ คนนั้นเหรอน้องสาวโทโมะที่แรกเธอนึกว่าเป็นแฟนซะอีก

 

 

“สรุปฉันมีค่าแค่เงิน100ล้าน”

 

 

“มันก็มากแล้วนะสำหรับผู้หญิงไร้สาระคนหนึ่ง”

 

 

“แล้วพวกนายจะได้รู้ว่าผู้ชายที่อยู่ใกล้ฉันต้องเจ๋งทุกคน”

 

 

“ถ้าเรื่องเงินฉันมั่นใจว่ามีมากพอนะ คราวนี้รู้เรื่องแล้วก็เลิกจู้จี่ได้แล้วฉันจะไปทำงานนะ”

 

 

 

 

เค้าๆไม่กลัวแม้กระทั้งดวงกินผู้ชายอย่างเธอ หึระวังไว้เถอะจะได้กินแกลบเข้าสักวัน โทโมะเดินออก

 

จากห้องไปอย่งรวดเร็วสักพักเธอก็ได้ยินเสียงรถแล่นออกไปจากบ้านด้วยความเร็วเค้าทำงานอะไร

 

นักหนาแถมยังเป็นงานที่ต้องทำกลางคืนสะด้วยซิ

 

 

“นายหญิงคะเชิญทานข้าวคะ”

 

 

เสียงแม่บ้านปลุกหญิงสาวให้ตื่นห้วงความคิด แม่บ้านยืนผายมือให้เธอไปทางประตู

 

 

 

“แก้วไม่ทานอาหารเย็นคะ ต้องขอโทษด้วยกับข้าวที่ทำไว้ป้าก็ทานไปเลยนะคะคงไม่มีใครทานแล้ว”

 

 

 

แม่บ้านรับคำแล้วไม่พูดว่าอะไรโค้งคำนับแล้วเดินกลับออกไปอย่างว่าง่าย คนที่นี้ก็ดีเหมือนกันไม่มี

 

ปากมีเสียงดี ถ้าเป็นที่บ้านมีหวังซักร้อยโลแน่คงจะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมเธอไม่กินข้าว พอแม่บ้านเดิน

 

พ้นประตูไปแก้วก็เริ่มจักเสื้อผ้าที่ซื้อมาเข้าตู้แล้วเดินไปอาบน้ำ

 

 

 

“นายมาทำรอยบ้าอะไรไว้เนี่ย แดงจนน่าเกลียด”

 

 

ลูบคลำรอยแดงระเรื่อที่อยู่บนคอขาวบริเวณกระจก

 

 

 

ผลัว~

 

 

“ทำไมชอบเหรอลูบเหมือนอยากได้อีก”

 

 

 

เสียงของคนที่เปิดประตูเข้ามาอย่างถือวิสาสะนึกจะเข้าก็เข้า เค้าทำงานอะไรทำไมเร็วจังไปไม่ถึงครึ่ง

 

ชั่วโมงก็กลับมาแล้ว

 

 

 

“ชอบบ้าอะไรหล่ะน่าเกลียด นายมาลบมันเลยนะ”

 

 

 

ถึงเธอจะมีอาชีพเป็นนางแบบใช้ร่างกายโชว์วับๆแวมๆมาก็มากแต่ก็ยังไม่เข้าใจการทำสัญลักษณ์ที่คอ

 

ว่ามันแปลว่าอะไร ก็จะรู้ได้ยังในเมื่อเธอคบกับผู้ชายคนไหนยังไม่ได้เดือนก็ต้องเลิกคบไม่ถึงขั้น

 

ลึกซึ้งก็ต้องเลิกราไป นับว่าเธอยังเด็กอยู่มากสำหรับเรื่องความรัก

 

 

 

“แน่ใจนะว่าจะให้ฉันลบให้”

 

 

“อ้าวนายทำนายก็ต้องเป็นคนลบซิ”

 

 

 

โทโมะเดินเข้ามาใกล้แผงอกกว้างปะทะเข้ากับอกนิ่มหยุ่นดึงร่าวบางเข้ามาใกล้โน้มใบหน้าลงมาแล้ว

 

ประกบริมฝีปากแน่น และด้วยความชำนานไม่นานนักแก้วเผลอรับสัมผัสจากลิ้นร้อนๆ รสจูบที่ดูดดื่ม

 

และเร้าร้อนทำให้เธอแทบจะทรงตัวไม่อยู่มือบางจิกไว้กับแผ่นหลังกว้างเพื่อพยุงร่างกาย เชกเช่น

 

เดียวกับมือหนาที่ดันให้ร่างบางประชิดเข้ามาอีก ลิ้นร้อนแตะลากจากปากไล้ลงมาเรื่อยๆจนถึงซอกคอ

 

ที่เป็นรอยแดง บดคลึงริมฝีปากที่รอยนั้นอย่างหนักหน่วงเหมือนจะซ้ำให้มันดูชัดเจนมากกว่าแทนที่

 

จะลบมัน

 

 

 

“อืมมม...”

 

 

...........................................................................................................................................

 

 

อัพแล้วนะคะฝากด้วยนะคะเม้นๆโหวดแล้วไรเตอร์จะมาอัพให้อีกนะคะ

 

 

รักลีดเดอร์จ๊วฟฟม๊วฟฟ

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา