[Saint Omega]For you or me ?

7.0

เขียนโดย MeiaR

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.59 น.

  15 บท
  2 วิจารณ์
  20.01K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558 22.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

11) ตอนที่ 11 น้ำหนักของการตัดสินใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            เพกาซัส โคกะลืมตาตื่นขึ้นต้อนรับเช้าวันใหม่ด้วยความอ่อนล้า ดวงตาคู่โตค่อยๆเปิดขึ้นพลางขยับกายที่นอนกึ่งคว่ำให้ลุกขึ้นแต่ตอนนั้นเองที่ความปวดร้าวบริเวณสะโพกก็เล่นงานเขาจนแทบทรุดลงกับที่นอน หัวสมองมึนงงเล็กน้อยกับสภาพร่างกายก่อนที่ความทรงจำเรื่องเมื่อคืนจะย้อนกลับมาหาอย่างรวดเร็ว

                ไม่ว่าจะเรื่องที่เขาตวาดกร้าวใส่เอเดนแล้วก็ถูกจับกดลงบนที่นอน การกกกอดที่แสนอ่อนโยนรวมถึงรสจูบนุ่มนวลที่ยังเหมือนติดค้างอยู่บนริมฝีปากคู่นี้แววตาอันเจ็บปวดและอ้างว้างซึ่งสะท้อนอยู่เบื้องหลังใบหน้าเฉยชาสะกดตัวเขาให้นิ่งค้างแล้วยินยอมอยู่ในวงแขนคู่นั้นอย่างไม่รู้ตัว

                เด็กหนุ่มมองสำรวจรอบห้องแล้วพบว่าเขานอนอยู่บนเตียงของเอเดนเพียงลำพังไร้วี่แววเจ้าของเตียงแล้วจึงค่อยพบว่าร่างกายของเขาสะอาดมากจนถ้าไม่มีอาการอื่นหลงเหลืออยู่เขาคงคิดว่าเมื่อคืนตัวเองต้องฝันไปแน่ๆ คนที่ช่วยทำความสะอาดร่างกายเขาก็คงมีเพียงคนเดียว

                “เอเดน...”โคกะเอ่ยเรียกแต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมาเด็กหนุ่มจึงนำผ้าห่มมาคลุมร่างเปลือยเปล่าของตัวเองแล้วฝืนเดินไปที่ห้องน้ำ ไฟในห้องน้ำปิดสนิทไร้ซึ่งเสียงหยดน้ำและวี่แววของคนที่ตามหาอยู่ สุดท้ายด้วยร่างกายที่ม่ค่อยอำนวยโคกะก็ได้แต่หยิบเสื้อผ้าซึ่งคงถูกเอเดนเก็บมาพับวางอยู่ปลายเตียงขึ้นมาสวมก่อนลงไปนอนบนเตียงของเอเดนเหมือนเดิม

                ความจริงโคกะควรจะเดินกลับไปที่เตียงของตัวเองแต่เตียงของเขาก็อยู่ไกลกว่าจึงเลือกกลับมานอนเตียงเอเดน พอเอนกายลงเรียบร้อยโคกะถึงเพิ่งรู้ตัวว่าหากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงยินดีลากสังขารกลับไปนอนเตียงตัวเองมากว่านอนอยู่บนเตียงของคนที่ทำร้ายเขาอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส ทว่าในเวลานี้เขากลับไม่รู้สึกถึงความรังเกียจจนเกือบเรียกว่าขยะแขยงเอเดนในตัวของเขาเลยทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าตนเองรู้สึกแบบนั้นมาตลอด

                “นี่เราเลิกเกลียดหมอนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่”เขารู้สึกเจ็บใจที่ตอบคำถามนี้กับตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ถูกทำร้ายมากเกินกว่าจะให้อภัยแต่เพียงแค่ความใจดีไม่กี่ครั้งนั่นกลับทำให้เขาหวั่นไหว

                “บ้าที่สุด”อดไม่ได้ที่จะกัดฟันอย่างนึกแค้นเคืองตัวเองเป็นที่สุด เขารู้สึกเหมือนโดนปั่นหัวเพื่อเล่นสนุกซึ่งความจริงถ้ามันเป็นแบบนั้นเขาอาจสบายใจมากกว่านี้แต่แววตาของเอเดนกลับดูเจ็บปวดเกินกว่าจะเป็นการหลอกลวง

                ก๊อกๆ

                สิ้นเสียงเคาะประตูก็ถูกเปิดออกโดยไม่รอคำอนญาตแม้แต่คำเดียวส่งผลให้โคกะซึ่งรีบลุกขึ้นมานั่งมีสีหน้าบิดเบี้ยวต่อความปวดระบมช่วงล่าง เด็กหนุ่มจึงส่งสายตาคาดโทษไปให้คนที่เข้าห้องมาโดยไม่ได้รับอนุญาต

                “โซมะ...”เสียงเรียกชื่อด้วยความขุ่นเคืองไมได้ทำให้โซมะรู้สึกรู้สาแต่เมื่อสังเกตว่าเพื่อนสนิทนอนอยู่เตียงคนอื่นเด็กหนุ่มธาตุไฟคนนี้ก็ถึงกับย่นคิ้วเข้าหากันทันที

                “ทำไมนายถึงมานอนบนเตียงของเอเดนได้ล่ะ”สายตาของโซมะบ่งบอกถึงความสงสัยสุดขีด คำถามนี้เล่นเอาโคกะตัวแข็งเป็นหินไปชั่วขณะ เพกาซัสที่ปกติดื้อรั้นถึงกับก้มหน้าลงตอบเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน

                “ก็แค่เบลอนอนผิดเตียง”คำแก้ตัวน้ำขุ่นๆไม่มีทางทำให้โซมะเชื่ออยู่แล้ว โคกะจึงได้แต่พยายามก้มหน้าหลบสายตาโดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าไม่อาจซ่อนใบหน้าแดงระเรื่อไว้ได้

                โคกะเนี่ยนะจะหน้าแดง.....โซมะถึงกับขยี้ตาเพราะคิดว่าตัวเองตาฝาดแต่ต่อให้ขยี้ตาจนตาบอดเขาก็ยังคงเห็นว่าโคกะหน้าแดงอย่างชัดเจน ความสงสัยจึงบังเกิดขึ้นทันทีเพราะอาการของโคกะดูจะประจวบเหมาะกับเรื่องก่อนหน้านี้มากไปหน่อย

                “ถามจริงเถอะระหว่างนายกับเอเดนมีเรื่องอะไรกันรึเปล่า”พอโดนถามจี้ใจดำโคกะก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกแบบคนร้อนตัวแต่ก็ยังส่ายหัวแรงๆเป็นการปฏิเสธเรียกเสียงถอยหายใจจากเพื่อนสนิท

                “เฮ้อ...ช่างเถอะ”อย่างน้อยความดื้อของโคกะก็ยังเหมือนเดิมโซมะจึงยอมปัดเรื่องที่สงสัยทิ้งไปแล้วนั่งลงบนเตียงอย่างรู้สึกแปลกๆนิดหน่อยที่ต้องนั่งบนเตียงของเอเดน

                “ถึงนายจะไม่มีแต่ฉันว่าเอเดนคงไม่ได้คิดเหมือนนาย”ประโยคนี้ของโซมะทำให้โคกะเกิดความระแวงขึ้นมาทันทีจนเด็กหนุ่มแทบลุกไปกระชากคอเสื้อถามกันเลยทีเดียว

                “ระหว่างฉันกับหมอนั่นไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันจะเป็นยังไงหมอนั่นไม่เคยสนใจหรอก”พูดจบโคกะก็หุบปากแทบไม่ทันเมื่อรู้ตัวว่าประโยคที่พูดออกไปฟังดูเหมือนเขากำลังตัดพ้อเอเดนอยู่ไม่มีผิด โซมะขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วยก่อนจะพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้โคกะต้องตกตะลึงออกมา

                “ใครว่าล่ะ เอเดนเป็นห่วงนายมากนะ เวลานายไปเป็นลมอยู่ข้างนอกเกือบทุกครั้งเขาก็ช่วยอุ้มนายกลับมาส่งที่ห้อง อย่าบอกนะว่านายไม่รู้เลยน่ะ”สีหน้าของโคกะบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่เคยรู้มาก่อน โซมะจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างนึกอ่อนใจแล้วอธิบายให้ฟัง

                “ครั้งไหนที่นายล้มลงเอเดนมักจะเป็นคนแรกที่เข้าไปช่วยนายเสมอ สีหน้าของเขาดูเป็นห่วงเป็นใยนายจนฉันยังสงสัยเลยว่านายสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ความตกตะลึงฉายชัดอยู่บนสีหน้าของเพกาซัส โคกะอย่างชัดเจน

                “โกหกน่า....”โคกะทำได้แค่พูดคำนี้ออกไปกับเรื่องที่ได้ยิน

                “ฉันจะไปโกหกนายทำไม เรื่องแบบนี้มันเป็นความลับตรงไหนกัน”เรื่องที่โซมะพูดเป็นความจริงเพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็มักจะเห็นเอเดนเข้ามาอุ้มโคกะกลับไปเสมอจนเหมือนเป็นหน้าที่ซึ่งต้องทำของชายหนุ่มไปเสียแล้วด้วยซ้ำ

                “นายเองก็อย่าหาเรื่องเจ็บตัวให้มากนักเลยพวกเราทุกคนเป็นห่วงนายนะ”โคกะไม่ได้ตอบรับคำพูดของโซมะเพราะกำลังตกใจกับเรื่องที่ตนเพิ่งได้รู้ โซมะถอนหายใจอีกครั้งก่อนตบบ่าโคกะแล้วค่อยเดินออกจากห้องปล่อยให้โคกะพักผ่อนอยู่กับความรู้สึกที่สับสนมากกว่าเดิม

 

                อีกด้านหนึ่งเอเดนที่หายตัวไปจากห้องก็มายืนอยู่ที่ลานฝึกซ้อมเก่าเพียงลำพังซึ่งอาจเรียกได้ว่าเพียงลำพังไม่เต็มปากเพราะในสายตาของเด็กหนุ่มมีกลุ่มหมอกสีดำปรากฏอยู่ข้างหน้า รอยบิดเบี้ยวสีแดงหลายรอยที่อยู่ในหมอกควันดูคล้ายกับใบหน้าของปีศาจที่กำลังยิ้มเยาะไม่มีผิด

                “เจ้าผิดสัญญา โอไรอ้อน”น้ำเสียงเจือความชั่วร้ายของอาพุสฟังดูบาดหูแต่เอเดนก็ยังต้องทนฟังต่อไปเมื่อชีวิตของคนที่เขารักยังอยู่ในมือของอีกฝ่าย ชายหนุ่มกำหมัดแน่นจนเลือดแทบซึมเพราะความใจอ่อนของเขากำลังจะฆ่าโคกะอย่างที่เขาคาดเอาไว้ สีหน้าอมทุกข์ของชายหนุ่มดูจะถูกใจอาพุสไม่น้อย เทพแห่งความมืดจึงได้พูดประโยคถัดมา

                “แต่เห็นแก่ที่เจ้าทำให้เพกาซัสเจ็บปวดและสับสนได้ขนาดนี้ขอแค่เจ้าทำร้ายมันให้หนักกว่าเดิมข้าก็จะยอมให้อภัยเรื่องนี้ก็ได้”หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงยอมทำทว่า ณ ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วไม่ว่าจะสถานการณ์หรือความรู้สึกของตัวเขาเอง

                “ผมทำไม่ได้....ผมทำร้ายเพกาซัสมากกว่านี้ไมได้อีกแล้ว!”เอเดนรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะยิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงแต่เขาก็ไม่อาจแข็งใจทำร้ายคนที่เขารักได้อีกต่อไปแล้วจริงๆ เขาอาจทนยอมให้โคกะเกลียดไปตลอดชีวิตได้แต่เขาไม่อาจทนเห็นน้ำตาของโคกะได้อีกแม้แต่หยดเดียว

                ดวงตาในหมอกควันขยับขึ้นคล้ายคนเลิกคิ้วแล้วจึงตามมาด้วยเสียงหัวเราะแหลมสูงอย่างนึกสะใจระคนสมเพชในตัวของเอเดน อาพุสหัวเราะไปก็พูดจาเหยียดหยามเอเดนไปด้วย

                “ฮ่าๆๆ เจ้ามันช่างน่าสมเพชยิ่วนัก การเตรียมใจของเจ้ามันก็มีแค่นี้สินะ!”คำพูดนี้เอเดนปฏิเสธไม่ได้เพราะมันเป็นอย่างที่อาพุสว่าไว้จริงๆ เขาอาจเตรียมใจที่จะทำแต่ใครบ้างล่ะที่จะสามารถทำร้ายคนที่ตัวเองรักได้ลงคอ

                อาพุสหัวเราะอยู่เช่นนั้น ดวงตาสีเลือดมองเอเดนที่ยืนกัดฟันพร้อมกำหมัดแน่นด้วยความสนุกสนาน สำหรับอาพุสแล้วมนุษย์เป็นสิ่งที่ต้อยต่ำมีค่าเพียงไว้เล่นสนุกเท่านั้นซึ่งในคราวนี้โอไรอ้อนเซนต์ก็ทำให้ตัวเธอรู้สึกบันเทิงใจไม่น้อยเลย เธอจึงอยากจะเห็นแววตาเย่อหยิ่งคู่นั้นถูกย้อมด้วยความสิ้นหวังเสียเหลือเกิน

                “เอาเถิด ห็นแก่ที่เจ้าทำให้ข้าบันเทิงใจได้ขนาดนี้ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า”เมื่อได้ยินเอเดนก็เงยหน้าขึ้นทันทีดวงตาทอประกายหวาดระแวงเต็มที่เนื่องจากรู้อยู่แก่ใจว่าเทพแห่งความมืดตนนี้ไม่มีทางมีเมตตาให้กับเขาหรือเพกาซัสอย่างแน่นอน สีหน้าระแวงของเอเดนดูจะถูกใจอาพุสไม่น้อยเธอจึงฉีกยิ้มชั่วร้ายแล้วกล่าวสิ่งที่เสมือนคำประกาศิตออกมา

                “ถ้าอยากให้เพกาซัสรอดจงนำศีรษะของอาเธน่ามามอบให้ข้า!”พริบตาที่ได้ยินเงื่อนไขนั้นเลือดในกายก็รู้สึกเย็นเฉียบรับรู้ได้ถึงความโหดร้ายในคำสั่งสั้นๆนั้นอย่างเต็มเปี่ยม

                อาเธน่าหรือคิโดะ ซาโอริเป็นเทพธิดาการศึกผู้เฝ้าปกป้องมนุษย์เสมอมา นอกจากนั้นเธอยังเป็นผู้ที่มีความสำคัญต่อโคกะมาก การฆ่าเธอนอกจากจะเป็นการทรยศคนทั้งโลกนี้แล้วยังเป็นการทำร้ายโคกะได้เจ็บปวดยิ่งกว่าในตอนนี้อย่างแน่นอน

                อาพุสสังเกตได้ว่าสีหน้าของเอเดนซีดเผือดจึงรู้สึกสะใจเป็นอย่างยิ่งและแอบหัวเราะให้ความโง่เขลาของมนุษย์ เพราะเธอรู้ดีว่ารอบกายอาเธน่ามีเหล่าเซนต์มากมายคอยปกป้องลำพังบรอนซ์เซนต์คนเดียวไม่มีทางทำสำเร็จได้หรือต่อให้โอไรอ้อนสามารถนำหัวอาเธน่ามาได้จริง ในคราวนี้ไม่ว่าเพกาซัสจะมีใจให้โอไรอ้อนมากแค่ไหนก็คงไม่พ้นต้องลงมือปลิดชีพให้ตายตกตามกันไป

                หากโอไรอ้อนทำไม่สำเร็จ สิ่งที่รออยู่ก็มีเพียงความตายและหลังจากที่โอไรอ้อนสิ้นใจเพกาซัส โคกะก็จะต้องตายด้วยน้ำมือของเธออยู่ดี ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพกาซัสก็ไม่มีทางรอดอยู่แล้ว เธอก็แค่รอให้เรื่องสนุกเกิดขึ้นอยู่เบื้องหลังและรอวันที่สามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้ในวันนั้นก็จะไม่มีทั้งเพกาซัสหรือโอไรอ้อนคอยขัดขวางเธออีกต่อไป

                “ผม....”เอเดนพูดคำปฏิเสธออกไปไมได้แต่ก็ตอบรับไมได้เช่นกันเมื่อทางเลือกอันแสนโหดร้ายได้ย้อนกลับมาหาเขาอีกครั้งและครั้งนี้ก็บีบคั้นหัวใจเขามากกว่าเดิมหลายร้อยเท่า

                “ภายในคืนนี้จงนำศีรษะของอาเธน่ามาให้กับข้า มิเช่นนั้นก็เตรียมตัวรับศพของเพกาซัสไว้ในอ้อมแขนได้เลย”แล้วอาพุสก็สลายหายไปแต่เสียงของเทพแห่งความมืดกลับยังดังก้องอยู่ในหัวของเขา

                เอเดนขยับมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบของที่อยู่ข้างในออกมาแล้วจ้องมองอยู่นาน สิ่งที่อยู่ในมือเปล่งแสงสีฟ้าขาวออกมาจางๆราวกับกดดันให้เขารีบตัดสินใจ

 

            ในห้องฟักของโอไรอ้อนกับเพกาซัส บนเตียงของเอเดนมีร่างบอบบางของเพกาซัส โคกะนอนกระสับกระส่ายอยู่ แม้จะพยายามข่มตาหลับเพื่อพักผ่อนแต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนเด็กหนุ่มก็ไม่อาจนอนหลับได้อยู่ดี

                ตลอดทั้งวันโคกะเอาแต่คิดเรื่องของเอเดนอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ยังหาคำตอบที่ตัวเองต้องการไมได้ หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงสามารถพูดได้เต็มปากว่าทั้งเกลียดและชิงชังในตัวเอเดนมากยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ตอนนี้ความรู้สึกกลับเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง

                “นายเป็นอะไรสำหรับฉันกันแน่”คำถามที่เขาเคยถามเอเดนในตอนนี้กลับย้อนมาหาตัวเขาเองและช่างน่าหัวเราะที่เขาตอบไม่ได้ เพราะเพียงแค่คิดจะเอ่ยคำว่าเกลียดออกมาเสียงของเขากลับหายไปเหมือนถูกปิดกั้นเอาไว้ บนเตียงที่มีกลิ่นอายของชายหนุ่มหลงเหลืออยู่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยแต่หัวใจกลับว้าวุ่นเกินกว่าจะควบคุม

            ภายใต้ความเงียบงันเด็กหนุ่มหวนคิดถึงเมื่อครั้งที่ถูกปกป้องจากการโจมตีของคาเมเลี่ยน กับวงแขนที่กกกอดเขาไว้เมื่อคืนทิ้งความรู้สึกอันแสนสับสนไว้บนร่างกายของเขามากมาย เขาอยากเกลียดเอเดนแต่ตอนนี้กลับเกลียดไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ความรู้สึกของเขาคืออะไร?

            ขณะที่จมอยู่ในความรู้สึกของตัวเองโคกะก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอันคุ้นหูดังขึ้นในความว่างเปล่า ทีแรกเด็กหนุ่มนึกว่าเขาหูฝาดแต่แล้วเสียงนั้นกลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

                “โคกะ....”

                น้ำเสียงอ่อนหวานหากแต่แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยแบบที่ไม่ว่าใครก็อยากยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เสียงที่เคยเรียกเขามาหลายต่อหลายครั้งในช่วงที่สติเลือนรางมาตอนนี้เขากลับเข้าใจอย่างแล้วว่าเจ้าของเสียงนี้คือใครโคกะลุกขึ้นจากที่นอนฝืนกายมายืนบนพื้นพร้อมกับเอ่ยเสียงเรียก

                “อาเรียนั่นเธองั้นเหรอ”แม้จะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อแต่เขากลับมั่นใจว่าต้องเป็นเธออย่างแน่นอน

                “โคกะ”

                เธอเรียกเขาอีกครั้งก่อนที่จะเกิดแสงสว่างรางๆอยู่ตรงหน้า แสงสว่างดวงเล็กค่อยๆรวมตัวเข้าหากันเป็นร่างของเด็กสาวตัวเล็กที่มีน้ำตานองหน้า อาเรียค่อยๆเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าที่ดูคล้ายกับรู้สึกผิด

                “ขอโทษนะ โคกะ”

                อาเรียกล่าวขอโทษแต่เขากลับไม่เข้าใจในคำขอโทษของเธอเลย โคกะยกมือขึ้นหมายจะช่วยเช็ดน้ำตาให้แต่มือของเขากลับผ่านร่างของเธอไปทำให้เขารู้สึกตกใจเพราะครั้งสุดท้ายที่ได้พบกันเขายังสามารถสัมผัสเธอได้อยู่เลย

            “เธอขอโทษฉันเรื่องอะไร”เด็กหนุ่มเก็บความสงสัยลงไปในใจแล้วกล่าวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่ก็ไม่อาจหยุดน้ำตาของอาเรียได้

            “ทุกอย่างเป็นเพราะฉันโคกะถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้ ถ้าหากฉันมีพลังมากพอจะกำจัดอาพุสเธอก็คงไม่ต้องมาทนทรมานเหมือนกับตอนนี้”

            “อาพุสตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ คนที่ทำร้ายฉันตอนนี้น่ะ....”คือ เอเดน....โคกะพูดชื่อนี้ไม่ออกเพราะรู้ว่าสำหรับอาเรียแล้วเอเดนก็เป็นคนสำคัญมากเช่นกัน แต่ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าเขาต้องการพูดอะไร เด็กสาวส่ายหน้าอย่างรุนแรงแล้วบอกเสียงดังฟังชัด

            “ไม่ใช่ เอเดนไม่ได้ทำร้ายเธอ คนที่ทำร้ายเธอคืออาพุส! อาพุสเคียดแค้นที่ถูกกำจัดจึงได้ใช้เศษเสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่ในร่างของเธอทำให้เธออ่อนแอลงจนต้องตายในที่สุด ฉันจึงได้ขอร้องให้เอเดนช่วยเธอแต่ว่า....”

                เสียงของเธอหยุดชะงักไปด้วยความสะเทือนใจแต่เธอก็ต้องพูดเพราะไม่อาจทนเห็นคนสำคัญของเธอทั้งคู่ต้องทนเจ็บปวดอีกต่อไปโดยเฉพาะในเมื่อเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เธอก่อขึ้น!

            “อาพุสบอกว่าถ้าต้องการให้เธอมีชีวิตอยู่เอเดนจะต้องทำร้ายเธอ ยิ่งเธอทรมานมากเท่าไรเธอก็จะมีชีวิตยืนยาวมากขึ้น!

                พริบตานั้นโคกะรู้สึกเหมือนความเป็นจริงในใจของเขาโดนทุบแตกเป็นผุยผง เมื่อพบว่าสิ่งที่คิดมาตลอดแท้จริงกลับตรงข้ามหมดทุกอย่างเธอกำลังบอกเขาว่าทุกความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเขานั้นเพียงเพราะต้องการต่อชีวิตให้กับเขางั้นเหรอ

                “ไม่จริง.....”เขาไม่อาจเชื่อในคำพูดของอาเรียได้ในทันทีแม้จะมั่นใจว่าเธอไม่มีวันโกหกเขาก็ตาม

                “เอเดนอยากช่วยเธอ แต่เขาก็ต่อต้านอาพุสไม่ได้เพราะชีวิตเธออยู่ในกำมือของปีศาจร้าย เขา...เขาก็แค่ทำตามคำขอของฉัน”

                เมื่อพูดจบอาเรียก็ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก ในขณะที่โคกะก็ไม่รู้ว่าตนเองควรจะพูดอะไรดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาอยากได้คำตอบในทุกคำถามที่เกิดขึ้นแต่ในเวลานี้ที่ได้รับคำตอบทุกอย่างแล้วเขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองยิ่งตกลงสู่ความสับสนมากขึ้นกว่าเดิม

                คนที่ทำร้ายเขามาตลอดในเวลานี้กลับกลายเป็นว่ากำลังทำเพื่อช่วยชีวิตเขางั้นเหรอ...เรื่องบ้าๆแบบนี้จะให้เขาเชื่อได้ยังไง แต่ที่บ้าที่สุดคือเขากลับไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ามันไม่ใช่ความจริง

                อาพุสคิดจะฆ่าเขา อาเรียขอให้เอเดนช่วยเขาแต่เอเดนก็ได้แต่ทำตามเงื่อนไขของอาพุสซึ่งก็คือการทำให้เขาทุกข์ทรมานที่สุด เหตุผลนี้สามารถช่วยไขข้อข้องใจทุกอย่างของเขาได้แต่ในด้านความรู้สึกแล้วช่างยากเกินกว่าที่จะสามารถยอมรับได้ หากแต่สีหน้าเจ็บปวดของเอเดนที่ยังคงติดอยู่ในใจเขากลับช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดี

                “ขอโทษนะ โคกะ ฉันขอโทษ...”

                ระหว่างที่พูดขอโทษอาเรียก็เอาแต่ร้องไห้ เพราะคำขอของเธอมักจะทำร้ายคนที่รักเธอได้เจ็บปวดที่สุดเสมอ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือก่อนหน้านี้ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่อย่างเดียว

                “อาเรีย”เสียงหนึ่งที่เอ่ยเรียกเธอดังมาจากหน้าประตูซึ่งมีร่างของเอเดนยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ การมาของชายหนุ่มทำให้อาเรียกับโคกะตกใจไม่แพ้กัน สีหน้าของเอเดนดูราบเรียบจนเธอก็ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มได้ยินทุกอย่างหรือไม่

                “เธอร้องไห้อีกแล้ว”กล่าวด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่ากังวลใจมากเพียงใด แม้จะไม่อาจสัมผัสเธอได้แต่เอเดนก็ยังยกมือขึ้นพยายามวางลงบนแก้มเธอโดยแอบหวังว่าจะสามารถช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอได้สักเพียงนิดก็ยังดี

            “แต่ว่าเป็นเพราะฉันเอเดนถึง....”

                “ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ผมเลือกเอง มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก”เอ่ยปลอบด้วยความปวดใจเพราะรู้ดีว่าเพียงแค่คำพูดไม่อาจช่วยปลดปล่อยเธอออกจากความเศร้าได้ ชายหนุ่มลดมือที่วางบนแก้มเธอแล้วเดินมาหาอีกคนหนึ่งซึ่งยืนมองอยู่ด้วยความสับสน

                “นายรู้เรื่องทั้งหมดแล้วสินะ”เด็กหนุ่มใช้ความเงียบเป็นคำตอบ สีหน้าของเอเดนดูเคร่งเครียดระคนหนักใจแต่กระนั้นดวงตาสีเขียวทั้งสองข้างก็ยังจ้องตรงมายังโคกะอย่างไม่คิดจะหลบสายตาหนี ร่างสูงขยับเท้าเดินเข้ามาหาส่งผลให้โคกะถึงกับสะดุ้งแต่ก็ไม่ได้ถอยห่างออกไป

                “เอเดนนี่นาย....ทำทุกอย่างเพื่ออาเรียอย่างงั้นเหรอ”น้ำเสียงที่ออกไปแปร่งพร่าอย่างน่าตกใจ ตอนที่ได้รู้ว่าเอเดนทำตามคำขอร้องของอาเรียชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดด้วยบางสิ่งที่ยากจะเข้าใจ มันช่างเป็นความรู้สึกที่คล้ายกับจะผิดหวังแต่แล้วเอเดนกลับส่ายหน้าเบาๆ

                “ไม่ใช่ จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้ผมทำเพื่ออาเรียเพราะเธอไม่อยากเห็นนายต้องตายแต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่เพราะสาเหตุนั้นอีกต่อไปแล้ว”มือหนายกขึ้นมาเพื่อดึงร่างของโคกะเข้าไปสวมกอด เอเดนไม่ได้ใช้แรงมากมายในการกอดเขาแต่เด็กหนุ่มกลับสัมผัสได้ถึงความหนักอึ้งของวงแขนข้างนั้นจนไม่อาจสลัดมันออกไปได้

                “ผมไม่อยากให้นายตาย นี่เป็นความต้องการของผมเอง”คำพูดนั้นเรียบง่ายเต็มไปด้วยความจริงใจทว่าแม้อ้อมกอดนี้จะอบอุ่นมากแค่ไหนโคกะก็ยังไม่อาจสงบใจได้เขายังไม่เคยได้รับคำตอบที่สงสัยมานาน

                “ทำไมต้องเป็นฉัน”เด็กหนุ่มถามเสียงเบาแล้วก็เงียบเพื่อรอคำตอบ เอเดนไมได้ตอบในทันทีหากแต่กลับออกแรงกอดเขามากขึ้นด้วยแขนที่เริ่มสั่นเล็กน้อย

                “เพราะนายคือคนสำคัญของผม ในเวลานี้ผมไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากนายดังนั้นไม่ว่าจะในฐานะใดผมก็ไม่อยากจะเสียนายไป”คือความเป็นจริงที่ต้องการมาตลอดและก็ช่างทำร้ายคนฟังได้อย่างเลือดเย็นเป็นอย่างยิ่ง โคกะเคยคิดว่าเอเดนเกลียดเขาแต่ความเป็นจริงกลับบอกว่าเขาสำคัญจึงได้ทำทุกอย่างเพื่อให้เขายังคงกลายเป็นว่าตัวเขาต่างหากคือต้นเหตุของความเจ็บปวดทั้งหมด ในเวลานี้เขาอดคิดอย่างน่ารังเกียจไม่ได้ว่าหากเอเดนเกลียดชังเขาจริงเรื่องมันคงง่ายกว่านี้

                โคกะยอมให้เอเดนกอดอยู่เช่นนั้นอีกครู่หนึ่งก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายผละออกคล้ายกับทำใจได้แล้วแม้สีหน้าจะยังดูเหมือนคนอมทุกข์เช่นเดิม สีหน้าของเอเดนในตอนนี้ช่างเหมือนกับเมื่อครั้งที่เขาตื่นมาพบว่าเอเดนกำลังฝันร้ายไม่มีผิดจนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นทาบทับลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายเฉกเช่นในวันนั้น

                “แท้จริงแล้วทั้งนายกับฉันต่างก็ยังคงติดอยู่ในฝันร้ายตลอดเวลาสินะ”

                ก่อนหน้านี้เอเดนเคยบอกว่าเขาไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มซึ่งก็เป็นความจริง เพราะเพียงแค่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดเขาก็รู้สึกเจ็บปวดแล้วแต่ในฐานะที่เป็นผู้กระทำนั้นโคกะไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเอเดนต้องใช้พลังใจมากแค่ไหนในการกระทำทุกสิ่งที่แสนโหดร้ายเพื่อตัวเขาที่ก่นด่าสาปแช่งอีกฝ่ายทุกเมื่อเชื่อวัน

                “เพกาซัส...” ชายหนุ่มยกมือขึ้นวางทาบทับลงบนหลังมือของเขาอยู่เนิ่นนานก่อนจะยอมตัดใจดึงมือที่วางอยู่บนแก้มออกช้าๆ

                “ทุกอย่างจะต้องจบลงในวันนี้”เมื่อได้ยินคำนั้นโคกะก็มองเอเดนด้วยความสงสัยเพราะเขาไม่มีทางเชื่อว่าทุกอย่างจะจบลงโดยง่ายและคำพูดต่อมาที่ได้ฟังก็ช่วยยืนยันเป็นอย่างดี

                “ผมจะบั่นศีรษะของอาเธน่ามามอบให้อาพุสเพื่อช่วยชีวิตนาย”คำสารภาพนั้นรุนแรงดุจสายฟ้าฟาดที่ผ่าลงบนร่างของโคกะจนหัวใจแทบกลายเป็นธุลี ดวงตาคู่โตเบิกโพลงด้วยความตกตะลึงในคำพูดที่ไม่ต่างกับการก่อกบฏแม้แต่นิดเดียว ที่สำคัญกว่านั้นคือทั้งที่เอเดนรู้ดีว่าอาเธน่าสำคัญต่อเขามากแค่ไหนแต่ชายหนุ่มก็ยังจงใจพูดออกมา

                “เอเดน!”โทสะของเพกาซัสปะทุขึ้นมาในทันที เพราะเด็กหนุ่มไม่มีวันปล่อยให้ใครมาทำร้ายคนสำคัญที่สุดของเขาได้เป็นอันขาด แต่เอเดนก็ไม่ได้ตกใจกับปฏิกิริยานี้แม้แต่นิดเดียวซ้ำยังมีท่าทีนิ่งเฉยราวกับคาดไว้ยู่แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้

                “อาพุสบอกให้ผมนำศีรษะของอาเธน่ามามอบให้ภายในคืนนี้มิเช่นนั้นนายจะต้องตาย”เมื่อชีวิตอาเธน่าถูกดึงเข้ามาเป็นเงื่อนไขโคกะก็ไม่มีทางลังเลเป็นอันขาด

                “ถ้างั้นก็ให้อาพุสฆ่าฉันซะ!”เขายอมตายดีกว่ายอมให้คุณซาโอริที่เขารักที่สุดต้องมีอันตรายแม้เพียงปลายก้อยแต่เอเดนก็ปฏิเสธเสียงแข็งอย่างรวดเร็ว

                “ผมจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น”เสียงของเอเดนราบเรียบแต่หนักแน่น แววตาคมกริบแบบที่ดูก็รู้ว่าไม่มีวันเปลี่ยนใจนัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นจับจ้องไปยังร่างบอบบางซึ่งสีหน้าติดจะซีดเผือดเหมือนคนป่วยราวกับจะย้ำในการตัดสินใจของตนเอง

                “แม้จะต้องฆ่าคนทั้งโลกหรือต้องทรมานยิ่งกว่านี้อีกกี่ร้อยพันเท่าผมก็ยอม สิ่งเดียวที่ผมต้องการคือนายที่ยังคงมีชีวิตอยู่ตรงหน้าเท่านั้น”ยิ่งฟังคำพูดของเอเดนมากเท่าไรโคกะก็ยิ่งรู้สึกรับไม่ได้ เอเดนต้องการให้เขามีชีวิตอยู่โดยที่จะพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขาซึ่งมันคงเป็นชีวิตที่ทรมานยิ่งกว่าตายแต่เอเดนก็ยังคงยืนกรานที่จะทำเช่นนั้น

                “นายคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ”ขณะที่พูดโคกะรู้สึกได้ว่าริมฝีปากของตัวเองกำลังสั่น ลมหายใจติดขัดด้วยเพราะเหมือนปอดสูญเสียการทำงานไป หัวใจบีบรัดจนรู้สึกผะอืดผะอม

                “เห็นแก่ตัวที่สุด”โคกะเผลอหลุดคำพูดอันร้ายกาจนี้ออกไปและพอรู้ตัวก็ไม่อาจเรียกคืนมาได้แต่เอเดนกลับไม่ได้ท้วงติงอะไรสักอย่างเดียว ชายหนุ่มทำเพียงแค่ยืนนิ่งรับฟังคำต่อว่าของเขาอย่างเงียบๆก่อนจะขยับมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วขยับมือข้างนั้นมาข้างหน้าโดยยังกำบางอย่างในมือเอาไว้แน่น

                “ถ้าหากอยากจะหยุดผมก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้น” แล้วมือที่กำอยู่ก็คลายออกพร้อมกับการปรากฏตัวของคริสตัลสีขาวซึ่งถูกติดเข้ากับเชือกหนังเส้นหนึ่ง บนตัวคริสตัลเต็มไปด้วยรอยร้าวและเปรอะสีแดงคล้ำหากแต่กลับยังมีแสงสีขาวฟ้าจางๆเปล่งออกมา สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่โคกะจำได้ว่าถูกทำลายไปแล้ว

                “คล็อธสโตนเพกาซัส.....”สิ่งที่ถูกเอเดนทำลายไปแล้วและเขาก็หาไม่เจอจนถอดใจไปแล้วว่าคงไม่อาจได้มันกลับคืนมาแต่ในวันนี้ทั้งที่มันมาอยู่ตรงหน้าเขากลับรู้สึกดีใจไม่ออก ก่อนจะสังเกตเห็นรอยแดงเปรอะเปื้อนที่สีเหมือนกับ...

                “ผมใช้เลือดของตัวเองเยียวยาชุดคล็อธแม้จะไม่สามารถทำให้มันกลับมาสมบูรณ์ได้แต่ก็คงมีพลังพอที่จะฆ่าผม”เอเดนเป็นฝ่ายเฉลยสิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้ออกมา ยิ่งได้ฟังโคกะก็รู้สึกไม่อยากจะรับคล็อธสโตนกลับมาด้วยเพราะหวาดกลัวต่อการที่ต้องเลือก พอเห็นดังนั้นเอเดนจึงจับมือของโคกะขึ้นมาแล้วบังคับให้เด็กหนุ่มกำคล็อธสโตนเอาไว้

                “ผมเลือกที่จะฆ่าอาเธน่าเพื่อนายแล้วดังนั้นนายจงเลือกเถอะว่าจะให้ใครมีชีวิตอยู่ต่อไป”เมื่อพูดจบเอเดนก็เดินออกจากห้องไป แผ่นหลังอันอ้างว้างทว่าเด็ดเดี่ยวของชายหนุ่มผิดกับโคกะที่ไม่อาจทรงตัวให้ยืนหยัดได้อีกต่อไป ร่าบางทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นแรงจะหยัดยืนขณะที่คล็อธสโตนในมือร่วงหล่นไปอยู่ข้างตัวในวินาทีเดียวกับที่เอเดนเดินจากไป

            “โคกะ...”

                อาเรียเอ่ยเรียกเขาแต่โคกะก็ไม่ได้ตอบด้วยเพราะเขาคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป เอเดนกำลังไปฆ่าอาเธน่าเพื่อช่วยเขาในขณะที่เขาต้องลงมือฆ่าเอเดนเพื่อช่วยชีวิตอาเธน่า ใครคนหนึ่งที่เขายังไม่เข้าใจในความรู้สึกที่มีให้กับอีกคนหนึ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต เอเดนเลือกไปแล้วและเขาเองก็ต้องเลือกว่าจะให้อาเธน่าหรือเอเดนมีชีวิตอยู่ต่อไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา