I'm Rorikon ผมนี่แหละ ผู้ชายโรคจิต!

10.0

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21.12 น.

  5 ตอน
  125 วิจารณ์
  21.89K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 21.50 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

“มีอะไรก็รีบๆพูดมาได้ม่ะ ฉันไม่มีเวลาว่างมานั่งฟังเรื่องไร้สาระนักหรอกนะ”

 

 

“ฉันกับโทโมะเราเคย ‘อะไรๆ’ กันมาก่อน...ฉันว่าไม่ต้องบอกเธอก็น่าจะรู้นะ”

 

 

“...”

 

 

“ฉันพลาดเองแหละที่ตอนนั้นดันทิ้งเขาไป แต่ถ้าตอนนี้ฉันเกิดอยากกลับตัวกลับใจที่จะกลับมา เธอคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยสาวน้อย”

 

 

“ขอโทษนะ ฉันไม่เข้าใจว่าป้าจะมาบอกฉันทำไม ถ้าอยากกลับมาหากันมากนักแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย เหอะ!” ร่างบางติดจะหงุดหงิดไม่น้อย ดูก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จงใจเยาะเย้ยเธอ แต่เรื่องอะไรกันล่ะ ไม่มีความจำเป็นที่เธอต้องไปรู้สึกอะไรอยู่แล้วนี่ถ้าสองคนนี้จะกลับมา ‘อะไรๆ’ กันอีกครั้ง

 

 

“ต้องขอสิเพราะเธอกับโทโมะดูท่าจะมากกว่าที่ฉันเห็นอยู่น้า เอ๊...หรือว่าแค่คุยๆกันเล่นๆไม่ได้จริงจังอะไร”

 

 

“โอ๊ะ แน่นอนเพราะว่าฉันไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรกับตาลุงนั่นอยู่แล้วล่ะ หมดธุระแล้วใช่มั้ย จอดรถเดี๋ยวนี้เลย!”

 

 

“ทำไมถึงเป็นเด็กปากแข็งแบบนี้ล่ะ ให้ตายเถอะ เธอดื้อขนาดนี้เลยนะเนี่ย”

 

 

“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย อยากจะพลอดรักกันที่ไปกันก็เชิญแต่ขออย่างเดียว...ไม่ต้องมาบอกฉัน คนอย่างคุณหนูแก้วไม่มีวันสนใจผู้ชายของคนอื่นหรอก”

 

 

“...”

 

 

 

“อ้อ ยกเว้นว่าถ้าฉันพอใจ แบบนั้นน่ะถึงจะแย่ง! แต่กับผู้ชายคนนี้...ถ้าอยากได้ก็เอาไปค่ะ สวัสดีคุณป้า!” แก้วว่าพลางดึงเบลท์ออกจากตัวและทันทีที่เบลล์หยุดรถลงเจ้าตัวก็รีบเปิดประตูออกไปไม่แคร์ว่าคนที่นั่งอยู่ด้วยจะรู้สึกยังไง

 

 

“เด็กบ้านี่ดื้อจังนะ นายผิดปกติจริงๆที่หันมาชอบเธอน่ะโทโมะ!”

 

 

 

เบลล์ต่อสายถึงตัวการที่ทำให้เธอต้องมารับมือกับเด็กก้าวร้าวอย่างแก้วทันที อันที่จริงเธออาสาจะช่วยเขาเองต่างหาก แต่ถึงแบบนั้นก็อดจะต่อว่าเขาไม่ได้ มันเสียเซลฟ์มากเลยนะที่โทโมะสนใจเด็กปากจัดแบบแก้วแล้วเลือกที่จะเมินเธอ มันต่างกันมากเลยนะระว่างเธอกับเด็กผู้หญิงคนนั้น เบลล์ว่ารสนิยมเขาแย่มากเลย

 

 

[ฉันพูดแล้วเหรอว่าฉันชอบยัยเด็กนั่น แล้วอีกอย่างเธอก็เป็นคนอาสาทำเรื่องนี้เองด้วย แล้วจะมาโวยอะไรใส่ฉันล่ะ ฉันเตือนเธอแล้วนะว่าแก้วไม่ใช่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆ ยัยนั่นร้ายจะตาย]

 

 

“เหอะ พูดดีไปเถอะ ร้ายจะตายแล้วยังไง ทำไมนายมาถอนตัวออกมาล่ะถ้าไม่ชอบ ปากแข็งพอกันเลยนะ สมแล้วที่อยู่ด้วยกันได้”

 

 

[อะไร หมายความว่าไง ฉันไม่ได้จะอยู่กับเด็กนั่นซะหน่อย]

 

 

“แบบนี้แหละที่เรียกว่าอยู่กันได้ แค่นี้นะ ฉันจะหาวิธีปราบพยศยัยม้าดีดกะโหลกของนายต่อ”

 

 

 

            หลังจากที่หัวเสียกลบมาถึงบ้านแก้วก็เตรียมจะขึ้นห้องตัวเองทันที คิดว่าคงทานข้าวกับคุณป๋าไม่ลงแล้วล่ะ แต่พอดีดันถูกคุณพ่อบังเกิดเกล้าเรียกตัวไว้เสียก่อนเห็นบอกมีแขกมาที่บ้านในฐานะหุ้นส่วนชาวอเมริกา ที่เดินทางมาเยี่ยมเยียนบริษัทที่นี้แล้วก็ถือโอกาสมาพักร้อนไปในตัว

 

 

“ทักทายกันสิลูก นี่คุณเอ็ดเวิร์ดหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเรา แล้วนี่ลูกสาวคนเดียวของผม ชื่อยัยแก้วครับ”

 

 

“...” ร่างบางลังเลว่าจะเอ่ยทักทายเขาอย่างไรดี และดูท่าว่าอีกฝ่ายจะมองออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่จึงเป็นฝ่ายเอ่ยทักขึ้นมาก่อน

 

 

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมพูดไทยได้เพราะเคยมาบ่อยๆ”

 

 

“เช่นกันค่ะ คุณป๋าคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูขอ...”

 

 

“ลูกยังไปไหนไม่ได้ มานั่งข้างป๋านี่ ป๋ามีเรื่องจะคุยด้วย” ร่างบางถอนหายใจเบาๆ นึกแล้วเชียวว่าต้องมีอะไรพิเศษ ดวงตากลมโตมองหน้าผู้เป็นพ่อสลับกับชายร่างสูงที่นั่งยิ้มเป็นมิตรอยู่ตรงข้าม เขามีใบหน้าอ่อนใส จมูกโด่งแหลมตามฉบับชาวต่างชาติแต่กลับดูหล่อเท่ห์ไม่ใช่ฝรั่งจ๋าเหมือนที่เคยพบทั่วๆไป

 

 

“ช่วงนี้คุณเอ็ดเวิร์ดจะมาอยู่เมืองไทยสักประมาณสองสามอาทิตย์ ป๋าอยากให้หนูช่วยจัดการให้ด้วย”

 

 

“ไหนว่ามาไทยบ่อยๆไงค่ะ ทำไมหนูต้องคอยดูแลเขาด้วย” แก้วถอนหายใจอย่างเซ็งๆจนคนเป็นพ่อต้องแอบดุเบาๆที่ลูกสาวเสียมารยาทต่อหน้าแขก

 

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าเธอคงกำลังยุ่งๆ เดี๋ยวจะเรียนได้ไม่เต็มที่”

 

 

“ไม่ได้หรอกครับ ยังไงผมก็ต้องให้ยัยแก้วดูแลคุณ ในฐานะหุ้นส่วน และหนูต้องทำด้วยเพราะนี่คือคำว่าสั่งของป๋า ถ้าลูกดื้อ ป๋าจะไม่ตามใจแล้วนะ”ประโยคหลังคนเป็นพ่อหันมาพูดกับลูกสาวที่นั่งหน้าง้ำไม่พอใจ เรื่องอะไรที่ต้องมารับภาระเพิ่มอีกล่ะ แค่เรื่องทุกวันนี้ก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว

 

 

“ก็ได้ค่ะ ก็ได้”

 

 

“เริ่มวันนี้เลยเป็นไง”

 

 

“เห็นจะไม่ได้ค่ะ หนูเหนื่อยมากกกกกกก ขอตัวไปพักก่อนนะคะ ไว้พรุ่งนี้หนูไม่มีเรียนค่อยว่ากัน บายค่ะ” แก้วว่าพลางลุกเดินขึ้นห้องไปไม่สนใจสายตาดุๆของผู้เป็นพ่อเลยสักนิด

 

 

 

วันต่อมา

 

 

“อ๊า น่าเบื่อจริงๆแหะ นี่คุณไม่เบื่อบ้างหรือไง เป็นคนรวย เดินช้อปห้างหรู กินข้าวร้านแพงๆ?” ในที่สุดแก้วก็พูดในสิ่งที่คิดอยู่นาน วันนี้ทั้งวันเธอต้องคอยตามดูแลเป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวให้กับหุ้นส่วนของพ่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเบื่อจะตายชัก

 

 

“ฮะๆ คุณนี่น่ารักดีนะ”

 

 

“เลิกจีบฉันเลยนะ ชิส์!” แก้วเบือนหน้าหนีอย่างเซ็งๆ พลางคิดว่าผู้ชายก็เป็นเหมือนกันหมดทั้งโลก หาเรื่องเข้าหาผู้หญิงเป็นอยู่แค่เรื่องเดียว

 

 

“ผมไม่จีบคุณหรอก เชื่อใจเถอะ ผมมีคนรักอยู่แล้วครับ”

 

 

 

“ทำไมหน้าดูเศร้าขนาดนั้นล่ะ พูดถึงคนรักแต่ทำหน้าเหมือนแบกโลกเอาไว้อย่างงั้นแหละ”

 

“อ้อ เราทะเลาะกันนิดหน่อย แต่พอมาเจอคุณผมว่าผมไม่ค่อยเศร้าแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก” เอ็ดเวิร์ดคลี่ยิ้มออกมานิดๆ ให้กับผู้หญิงตรงหน้า เขาคิดว่าเธอเป็นคนน่ารักจริงๆ เหมือนน้องสาวตัวเล็กๆมากกว่าจะคิดเป็นอื่นได้

 

 

“บอกว่าอย่าจีบฉันไง!” เมื่ออีกฝ่ายได้ฟังก็ถึงกับหัวเราะครืนออกมาอีกครั้งกับความในใจในตัวเองของแก้ว เขาคิดว่าเธอตลกด้วยซ้ำที่คิดแบบนั้น

 

 

“แล้วทำไมถึงไม่ให้จีบล่ะ มีคนรักแล้วเหรอ บางทีท่านประธานอาจจะอยากให้เราสองคนหมั้นกันเพื่อธุรกิจก็ได้นะ”เขาแกล้งแหย่เล่นจนอีกฝ่ายถึงกับหัวขวับไปมองอย่างไม่พอใจ

 

 

“อย่ามาน้ำเน่าน่ะ ถ้าเป็นแบบนั้จริงฉันตัดขาดกับคุณป๋าแน่ รวมถึงนายด้วย ไม่ตายดีแน่นอน!”

 

 

“แหย่เล่นเองนะ ผู้หญิงไทยนี่ใจร้ายทุกคนเลยสิ?”

 

 

“คนรักของนายคงเป็นคนไทย?” เรื่องแค่นี้คนฉลาดอย่างแก้วดูออกไม่ยาก และก็จริงอย่างที่ว่า เอ็ดเวิร์ดมีท่าทีเงียบไปอย่างเห็นได้ชัด

 

 

“ผมหิวแล้วล่ะ ไปหาอะไรทานกันดีกว่า”ร่างสูงถอนหายใจยาวก่อนจะเดินนำหน้าแก้วเข้าไปร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งหนึ่งแทนคำตอบ

 

 

“ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกนะ ยังไงฉันก็ต้องดูแลคุณอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรปรึกษาก็ว่ามาอย่ามาทำหน้าเหมือนคนอมโลกไว้ทั้งใบแบบนั้น เห็นแล้วน่าหดหู่ชะมัด”

 

 

“อมโลก? มัน...มันคืออะไรเหรอ”

 

 

 

“ฉันหมายถึง หน้านายเหมือน...เหมือนคนที่เป็นทุกข์มากๆนะ หยุดทำหน้าเศร้าแบบนั้นเลยนะ เดี๋ยวฉันกินข้าวไม่ลง โอเค?”

 

 

“อ่อ โอเคครับ” เขาพยักหน้ารับน้อยๆก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง

 

 

“ไม่ต้องชมว่าฉันน่ารักด้วย” แก้วพูดขึ้นลอยๆขณะที่กำลังสั่งอาหารทำเออีกฝ่ายเหวอไปที่เธอรู้ใจเขาถึงขนาดนี้ เขาจะพูดว่าเธอน่ารักจริงๆนั่นแหละ แต่ยังไม่ทันพูดอีกฝ่ายกลับดักคอขึ้นมาซะก่อน

 

 

“ผมชอบคุณนะ”

 

 

“บอกว่าห้ามหวั่นไหวกับฉันไง”

 

 

“ผมเปล่า เฮ้อ...ก็แค่ชม คุณบอกไม่ให้พูดว่าคุณน่ารักไง”

 

 

“ห้ามรู้สึกดีกับฉัน ฉันไม่ได้ชอบคุณหรอกนะ ชาวต่างชาติไม่ใช่สเปคฉัน คุณไม่ได้ใจฉันง่ายๆแน่ อย่าพยายาม ห้ามรู้สึกอะไรกับฉันด้วย จะบอกให้นะว่าผู้ชายหลายคนใจสั่นมานักต่อนักแล้วที่ได้นั่งกินข้าวกับฉันแบบนี้! เพราะฉะนั้น ถ้าคิดอะไรกับฉันอยู่ล่ะก็ เลิกคิดไปได้เลย!”

 

 

“ไปกันใหญ่แล้วเบบี้ ฮ่ะๆๆ โอเคๆ ผมจะไม่รู้สึกอะไรกับคุณก็ได้ ผมรักคุณจริงๆนะถึงได้ยอมแบบนี้ ฮ่ะๆ”

 

 

“เอ็ดเวิร์ด!...” แก้วเงียบเสียงลงทันทีหลังจากที่กำลังต่อปากต่อคำกับฝรั่งจอมกวนเมื่อเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินควงกันเข้ามาและจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากยัยป้ามหาภัยกับคุณลุงดรคจิตอย่างโทโมะกับเบลล์

 

 

“ฮันนี่เป็นอะไรไปเหรอ เงียบไปเลย...” เอ็ดเวิร์ดหันมองตามสายตาของแก้วไปพลางเงียบเสียงลงเช่นกันเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือใคร แต่แล้วคนที่มีสติก่อนใครเพื่อนก็คือแก้ว หญิงสาวรีบดึงตัวเองกลับมา

 

 

“เอ็ดเวิร์ด ฉันไม่อยากกินที่นี่แล้ว เปลี่ยนร้านกัน”

 

 

“...”

 

 

“เอ็ด..”

 

 

 

“โทโมะ ไปเถอะ ฉันไม่อยากกินที่นี่แล้ว” เบลล์หันกลับมาเรียกโทโมะและพยายามดึงแขนเขาออกจากร้าน แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเมื่อเห็นว่าแก้วมากับคนอื่น เขาเลยอยากจะแกล้งป่วนซะให้เข็ดผิดกับเบลล์ที่วันนี้ดูจะแปลกไป

 

 

“ทำไม เมื่อวานยัยเด็กนั่นขู่จะฆ่าเธอหรือไง ทำไมต้องทำเหมือนหลบหน้าด้วย ไปเถอะ”

 

 

 

          โทโมะพาเบลล์มานั่งร่วมวงกับแก้วและแน่นอนว่าเจ้าตัวไม่ยอมแน่ที่อยู่ๆโทโมะพาคนอื่นมานั่งร่วมวงกับเธอแบบนี้

 

 

“ลุกเดี๋ยวนี้ นี่ไม่ใช่ที่ของลุงนะ!”

 

 

 

“คนที่ต้องลุกคือไอ้เวรนี่ต่างหาก มันนั่งทับที่ฉันอยู่นะ” โทโมะพูดจากกำกวมจนแก้วถึงกับเดือดดาลที่เขาฉีกหน้าเธอแบบนั้น ในขณะที่ทั้งเอ็ดเวิร์ดและเบลล์ต่างเงียบใส่กันอย่างไม่รู้ว่าใครจะเริ่มพูดอะไรก่อนดี

 

 

“นี่แฟนใหม่หนูเหรอจ๊ะ เท่ห์ดีนะ Nice…”

 

 

 

“นี่ไม่ใช่!” ยังไม่ทันที่เบลล์จะพูดจบแก้วก็รีบแทรกขึ้นมาทันที จังหวะที่แก้วปฏิเสธขึ้นมานั่นแอบทำให้เธอโล่งอกที่ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่ใช่แฟนใหม่ของแก้ว

 

 

“โทโมะ นายสู้ไม่ได้เลยนะ ฮ่ะๆ” เบลล์แสร้งทำเป็นหัวเราะทั้งที่บรรยากาศบนโต๊ะอึมครึมเสียยิ่งกว่าอะไรดี ผู้ชายตาน้ำข้าวตรงหน้าก็เอาแต่จับจ้องเธอไม่วางตาและด้วยกล้วยว่าความจะแตกเธอก็เลยทำเป็นพูดคุยอย่างปกติ ไม่มีใครรู้จักเอ็ดเวิร์ดนอกจากแก้ว โทโมะเองก็รู้จักแต่เพียงชื่อของเขาเท่านั้นว่าเป็นคู่รักของคู่ขาเก่าอย่างเบลล์

 

“มาทำอะไรที่นี่!” โทโมะถามเสียงเข้มพลางปรายตามองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเขาอย่างไม่สบอารมณ์

 

 

“มากินข้าวกับหุ้นส่วนในบริษัทแล้วก็...ไม่แน่ว่าจะเป็นหุ้นส่วนหัวใจด้วยหรือเปล่า คุณป๋าฉันชอบสร้างความตื่นเต้นให้ฉันอยู่เสมอล่ะ จริงค่ะเอ็ดเวิร์ด”

 

 

“...”

 

 

“เอ็ด”

 

 

“เอ่อ...ครับ”

 

 

“เธอตายแน่ถ้าเป็นแบบนั้น”

 

 

“เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะตาย ไปกันเถอะค่ะเอ็ดเวิร์ด แก้วไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ปาร์ตี้กันดีกว่า ฉันรักมันที่สุดเลยยยยยย!”แก้วว่าพลางควงแขนเขาออกไปท่ามกลางความเงียบของเอ็ดเวิร์ด แม้ตัวจะเดินตามแก้วออกไปนอกร้านแต่สายตาของเขายังคงจับจ้องผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ในร้าน

 

 

“ไหนบอกว่ารักฉันไง เมื่อกี้เกือบทำฉันขายหน้าแล้วนะ ทำไมไม่ช่วยฉัน นั่งเงียบอยู่ได้ ชิส์!”

 

 

“ผมขอโทษ แต่คนพวกนั้นเป็นใครเหรอ?”                                                    

 

 

“พวกคนบ้า...”

 

 

“แต่ผมได้ยินคุณเรียกเขาว่าลุง แต่เขาไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะ น่าจะอ่อนกว่าผมด้วยซ้ำ”

 

 

“สงสัยอะไร คุณแก่กว่าฉัน ฉันยังไม่เรียกคุณพี่เลยน่า! เอาเป็นว่านั่นเป็นศัตรูของฉัน โอเค้?”

 

 

“ผู้หญิงคนนั้นด้วยเหรอ...” เขาถามเสียงงแผ่วจนแก้วชักสงสัย

 

“ทำไมต้องทำหน้าหงอยแบบนั้นเวลาพูดถึงป้านั่นด้วย ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ เอาแต่เงียบ ฉันแอบเห็นนะว่าคุณจ้องยัยป้านั่นตาเป็นมันเลย ทำไม สวยเหรอ ชิส์”

 

 

 

“เปล่าหรอก แต่ผมว่าเขาไม่น่าใช่ศัตรูนะ เขาดูเหมือนหึงคุณด้วย”

 

 

“หึงอะไรล่ะ ยูอย่ามาเครซี่ได้ม่ะ ฝรั่งบ้า ฮึ่ยๆๆๆๆ!” แก้วว่าเขาอย่างอารมณ์เสียก่อนจะเดินลิ่มๆนำหน้าไป ท่ามกลางความงุนงงของเอ็ดเวิร์ด

 

 

“เฮ้ แซวแค่นี้ทำไมต้องหน้าแดง สองคนนั้นเขากิ๊กกันเหรอทำไมคุณก็ดูเหมือนจะหึงผู้ชายคนนั้น”

 

 

“หึงบ้าอะไร ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับตาลุงนั่นทั้งนั้น และอีกอย่างสองคนนั้นเขาไม่ใช่แค่กิ๊กกันแล้วนะ เขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว!” พอพูดถึงสองคนนี้แก้วก็ต้องโมโหขึ้นมาอีกรอบแต่คราวนี้เอ็ดเวิร์ดกลับเงียบสนิทไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

 

 

“กลับกันเถอะครับ”

 

 

 

“นอยด์อะไรอีกล่ะ ยัยป้านั่นหน้าเหมือนแฟนเก่านายหรือไง เฮ้! จะไม่รอฉันจริงๆเหรอฝรั่งบ้า นี่!”

 

 

 


 

อันยองฮาเซโย555555555555555555555555

 

หายไปนานมาแย้วจ้าาาาาาาาาาาาาา -.-

 

จริญมั่นใจในตัวเองม๊ากว่าเอ็ดของเค้าจีบ555555555

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา