พ่อบ้านปีศาจ ภาคชิเอลเป็นปีศาจ บท3 YAOI 18+

9.8

เขียนโดย sebbynoi

วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 09.51 น.

  31 บท 3 ตอน พ่อบ้านผู้นั้นกับการแข่งขัน
  11 วิจารณ์
  53.06K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557 09.55 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

13) ตอนที่ 13

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

และเพียงไม่นานเซบาสเตียนก็ทำอาหารเสร็จทั้งหมดเขาก็เอามาจัดวางที่โต๊ะอาหาร ชิเอลเดินตามมองจ้องอาหารตาเป็นมันด้วยความอยากจะกินเร็วๆ พ่อบ้านหนุ่มไม่ได้ว่าอะไรก็เดินข้าวเดินออกห้องครัวห้องอาหารไป
ส่วนฟินนี่ที่ยังบาดเจ็บอยู่จึงทำได้แค่นั่งมองดูอยู่เฉยๆเพราะเซบาสเตียนสั่งห้ามเอาไว้ไม่ต้องมาช่วยให้นั่งพักไปนั่นแหละ 
"หืม กลิ่นหอมน่าทานมากๆเลยครับคุณเซบาสเตียน"ฟินนี่หยุดร้องไห้แล้วพูดอย่างร่าเริงมองดูเซบาสเตียนเดินถือถาดอาหารผ่านหน้าไปมา หลับตาพริ้มอย่างดีอกดีใจที่จะได้กินอาหารที่แสนอร่อยเสียที
ชิเอลไม่ได้ช่วยอะไรเลยได้แต่เดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงหัวโต๊ะอาหารตัวยาวเตรียมลงมือกิน ก็เขาเป็นนายใหญ่ของบ้านนี้นี่ก็ต้องให้พ่อบ้านมาคอยบริการให้สิ
"จริงสินายน้อยผมวานขึ้นไปบอกพวกบัลโดให้ลงมาหน่อยได้มัยครับ"เซบาสเตียนเอาอาหารมาวางที่โต๊ะเห็นชิเอลนั่งเฉยๆเลยถือโอกาสใช้งานสักหน่อย เขาจะเริ่มฝึกนายน้อยให้ทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างไม่อยากให้เอาแต่ใจมากนักเดี่ยวจะเคยตัวทำอะไรไม่เป็น
"หนอย นี่นายกล้ามาใช้เจ้านายอย่างฉันเชียวเหรอเซบาสเตียน นายเป็นพ่อบ้านก็ไปตามเอาเองสิ"ชิเอลโวยใส่ทันที เรื่องอะไรจะให้เขาไปตามกันล่ะ
"งั้นก็ปล่อยให้สองคนนั้นอดตายไปเลยแล้วกัน ผมไม่ว่าง.."เซบาสเตียนพูดด้วยท่าทีไม่แยแส พรางเดินกลับไปที่ครัวเพื่อไปเอาอาหารมาวางที่โต๊ะต่อ เขาทำอาหารไว้หลายอย่างมีแค่สองมือเลยต้องเทียวไปเทียวมาหลายรอบหน่อย
"งั้นผมขึ้นไปบอกพวกนั้นให้เองก็ได้ครับ"ฟินนี่เลยอาสาจะขึ้นไปตามบัลโดให้
"ไม่ต้องฟินนี่ นายยังบาดเจ็บอยู่ นั่งพักไปก่อนนั้นแหละ นายน้อย ขึ้นไปบอกพวกนั้นทีสิขอรับ"เซบาสเตียนสั่งให้ฟินนี่นั่งเฉยๆ
"แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วย"ชิเอลร้องประท้วง
"ก็นายน้อยไม่ได้ทำอะไรเลยนี่ หัดทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมบ้างสิครับ โตแล้วไม่ใช่เหรอ หรือยังไม่โต.."เซบาสเตียนพูดแขวะใส่แกมสั่งสอนไปในที
"ไม่ต้องมาสอนฉันเลย นายนั่นแหละไปตามเอาเองสิฉันเป็นเจ้านาย ทำไมต้องทำตามที่พ่อบ้านสั่งด้วยล่ะ"ชิเอลหลับตาพูดด้วยท่าทีหยิ่งทะนงไม่ยอมทำตามที่พ่อบ้านสั่ง
"หึ ผมไปตามเองก็ได้ แต่อาหารพวกนี้ผมจะเสริฟให้เฉพาะคนที่ได้รับบาดเจ็บอยู่เท่านั้น เด็กอมมือแร้งน้ำใจอย่างคุณไม่มีสิทธิ์มาแตะต้อง"เซบาสเตียนต่อว่าด้วยท่าทีเย็นชา
"หนอย จะมากไปแล้วนะเซบาสเตียน กล้ามาว่าฉันแบบนี้เลยเหรอ งั้นเรื่องแข่งอะไรบ้าบอนั่นยกเลิก!!"ชิเอลตวาดใส่ยืนขึ้นกระแทกมือลงบนโต๊ะด้วยความโมโห
"ก็แล้วแต่คุณ ผมให้ดาร์กชิลลงแข่งคนเดียวก็ได้ เชิญคุณนอนเล่นในร่างตัวเองไปเหอะ ถึงยังไงลูกรักของผมก็เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายกว่าคุณเยอะก็แล้วกัน"เซบาสเตียนทำทีไม่แยแส เพราะถึงยังไงเขาก็ยังมีดาร์กชิลเป็นตัวเลือกอยุ่อีกตั้งคน
"อึ้ย..กล้าเห็นคนอื่นดีกว่าฉันงั้นเหรอ จะมากไปแล้ว"ชิเอลกำมือแน่นตัวสั่นด้วยความโมโหและน้อยใจที่เซบาสเตียนเห็นคนอื่นดีกว่าเขา
"ก็คุณเป็นเด็กใจร้าย ทั้งดื้อ เอาแต่ใจ ไม่น่ารักเอาซะเลย"เซบาสเตียนหลับตาพูด
เพียะ!!แล้วชิเอลก็เดินมาตบหน้าเซบาสเตียนหนึ่งฉาดใหญ่ในทันที ตาสีท้องฟ้าหรี่ลงด้วยความโมโห น้ำตาคลอ ทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ ก่อนจะเดินหนีขึ้นบันไดไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่อีกาหนุ่มเอาเขามาเปรียบเทียบกับปีศาจน้อย
"ดาร์กชิล"เซบาสเตียนจึงแกล้งเรียกชื่อของปีศาจน้อยเพื่อยั่วโทสะชิเอลต่อ
ได้ผลชิเอลถึงกลับหยุดชะงักหันมามองตาขวางใส่คนเรียกด้วยอารมณ์เดือดดาล เขาไม่น่าบอกเรื่องเด็กคนนั้นกับเซบาสเตียนเลย เขาไม่นึกเลยว่าวันที่เขาต้องถูกเปรียบเทียบจะมาถึงเร็วขนาดนี้
"ถ้าแกเห็นปีศาจน้อยนั่นดีกว่าฉัน ต่อไปไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ไสหัวไปเลย!!"ชิเอลหันมาตะครอกใส่ ผลักไสพ่อบ้านให้ไปไกลๆ
ฟินนี่ที่กำลังนั่งดูอยู่เริ่มนั่งไม่ติดเมื่อมาเห็นการทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างเซบาสเตียนกับชิเอล เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุยังไงไม่รู้สิ
"เอ่อ...คือ.."ฟินนี่พยายามจะหาทางพูดแทรกขัดจังหวะการทะเลาะกันของชิเอลกับเซบาสเตียน
"ดาร์กชิล ดาร์กชิล ดาร์กชิล" เซบาสเตียนไม่สนใจหลับตาลงเรียกชื่อปีศาจน้อยไปเรื่อยๆยั่วโมโหชิเอลมากยิ่งขึ้น 
ชิเอลเบิกตากว้างเขาทั้งรู้สึกโกรธและกลัว กลัวว่าเซบาสเตียนจะเรียกดาร์กชิลออกมาจริงๆ เพราะในยามนี้เขาเหมือนตกเป็นเบี้ยล่างให้ซาตานหนุ่มมีลู่ทางที่จะรังแกเขาได้ทุกเมื่อ
"หยุดนะ หุบปาก!!"ชิเอลเอามืออุดหูตวาดสั่งให้เซบาสเตียนหยุดเรียกชื่อของปีศาจน้อยนั่นสักที เขาไม่อยากฟังชื่อนี้
"ดาร์กชิล ดาร์กชิล ดาร์กชิล ดาร์กชิล ดาร์กชิล ดาร์กชิล"เซบาสเตียนยังคงเรียกชื่อนั้นรัวๆแกล้งยั่วโทสะชิเอลไปไม่ยอมหยุด
"ฉันขอสั่งให้แกหุบปาก ได้ยินมัย!!ฮึก ฮือๆ"แล้วชิเอลก็ตวาดลั่นน้ำตาไหลพรากๆลงอาบแก้มใสๆแล้วร้องสะอื้นด้วยความคับแค้นใจ
และเมื่อเสียงตะโกนลั่นของชิเอลทำให้คนที่อยู่ในห้องได้ยินเข้าจึงเปิดประตูเดินออกมาที่ระเบียงแล้วก้มลงไปมองดูว่าข้างล่างเกิดอะไรกันขึ้น ทำไมเสียงดังขึ้นมาถึงข้างบนแน่ะ
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ..อ้าว..นายน้อย..เซบาสเตียน..ดีจัง..ที่กลับมากันแล้ว.แฮ่กๆ.."เสียงทุ้มแหบๆของชายผมทองร่างสูงใหญ่บึกบึนเอ่ยถามลงมาข้างล่าง พอชะโงกลงมาดูที่บันไดก็เห็นชิเอลกำลังยืนเอามือปิดหูร้องไห้สะอื้นอยู่
ชิเอลเอาหลังมือปาดเช็ดน้ำตาออกแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียงเรียกของคนที่อยู่ข้างบนระเบียง ดูท่าคงไม่ต้องไปตามให้วุ่นวายแล้ว เพราะคนข้างบนกำลังเดินเขยกๆลงบันไดมาสมทบด้วยตัวเอง
"ดาร์กชิลๆๆๆๆ"เซบาสเตียนยังคงเรียกชื่อปีศาจน้อยรัวๆไม่เลิก
"...หยุดนะ..ฮือๆ"ชิเอลถึงกลับปล่อยโฮเอามือปิดหูส่ายหน้ารัวๆเขาไม่อยากได้ยินชื่อนี้
"คุณเซบาสเตียนครับพอเถอะ อย่ายั่วโมโหนายน้อยอีกเลย นายน้อยร้องไห้แล้วนะครับ เรื่องแค่นี้เองทำไมต้องทะเลาะกันด้วยล่ะ ไหนๆตอนนี้คุณบัลโดก็ลงมาแล้วผมว่าเรามาทานอาหารกันดีกว่านะ ผมหิวจะแย่แล้ว"ฟินนี่เกิดทนไม่ไหวขึ้นมาเลยต้องหันมาขอร้องคนยั่วโทสะให้หยุดพูดได้แล้ว และพยายามทำตัวร่าเริงเชิญชวนกันทานอาหารเปลี่ยนเรื่องไป
บัลโดเดินเขยกๆลงมาบันไดมาแล้วมองดูแตละคนอย่างงุนงงก่อนจะเดินมากระซิบถามฟินนี่
"เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาเหรอฟินนี่"บัลโดถามเสียงกระซิบ
"แฮะ ไม่มีอะไรแค่มีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อย"ฟินนี่เลยกระซิบตอบไปแล้วทำทียิ้มๆให้ดูเหมือนไม่มีการม่ามา เอ้ยดราม่าเกิดขึ้นมาก่อน
เซบาสเตียนจึงถอนตัวเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อไปเอาอาหารส่วนที่ยังไม่ได้เอาออกมาจัดวางที่โต๊ะอาหารต่อ 
ส่วนชิเอลปลีกตัวเดินขึ้นบันไดหนีทุกคนกลับไปที่ห้อง เขาไม่มีอารมณ์จะกินแล้วเพราะกำลังงอนเซบาสเตียนอยู่ที่บังอาจมาพูดเปรียบเทียบเขากับดาร์กชิล มันน่าโมโหชะมัด
และพอชิเอลเดินขึ้นไปบนห้องไม่นาน เซบาสเตียนก็เดินออกมาพร้อมกับถาดอาหารจานสุดท้าย มื้อนี้เขาทำอาหารไว้หลายอย่าง ทั้งของคาว ของหวาน ของกินเล่น เขาทำเท่าที่วัตถุดิบในตู้เย็นพึงมี ซึ่งสามารถทำให้กินได้หลายคนเลยทีเดียว
"นายน้อยล่ะ"เซบาสเตียนถามเมื่อเห็นว่าชิเอลหายไปจากตรงบันไดแล้ว ถึงเขาจะชอบแกล้งนายน้อยก็ตามแต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
"ร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับเข้าห้องไปแล้วล่ะ ท่าทางจะโกรธนายน่าดู นายมีปัญหาอะไรกับเด็กคนนั้นกันแน่น่ะ ดาร์กชิลนี่ใครกันเหรอ"บันโดบอก
"หึ.. ปีศาจน้อยในร่างของนายน้อยน่ะ เขาเกิดมาเพราะการปลดขี้จำกัดพลังปีศาจที่ฉันเป็นคนปลุกขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ
"อืม..งั้นเหรอ..แล้วทำไมถึงทำให้นายน้อยโกรธขึ้นมาได้ล่ะ"บัลโดถามต่อด้วยความสงสัย
"ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่ผิดใจกันนิดหน่อย เอ่อ..พวกนายหิวมากไม่ใช่เหรอ กินกันไปก่อนได้เลย เดี๋ยวฉันไปเคลียกับเด็กคนนั้นเอง กินให้เต็มที่เลยนะ"เซบาสเตียนรีบตัดบท
บันโดพยักหน้าก่อนจะเดินไปสมทบกับฟินนี่ที่ค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาที่โต๊ะอาหารอย่างทุลักทุเล 
เซบาสเตียนเดินมาช่วยประครองพาคนบาดเจ็บมานั่งที่เก้าอี้ที่โต๊ะอาหารให้เรียบร้อยก่อนแล้วจากนั้นเขาก็ถามหาสาวใช้ที่จนป่านนี้ยังไม่ลงมาเสียที
"จริงสิ..แล้วเมย์ลินล่ะ ฟื้นหรือยัง"เซบาสเตียนถามเสียงเรียบพรางเดินไปหยิบน้ำมารินใส่แก้วบริการให้คนเจ็บอย่างมีเมตตา
"ยังไม่ฟื้นเลย ดูเหมือนยัยนั่นจะมีไข้ตัวร้อนจี๋เลยล่ะ"บัลโดบอกพรางค่อยๆทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะอาหารวึ่งมีอาหารน่ารับประทานหลายอย่างวางเรียงรายเต็มโต๊ะเลยทีเดียว
"อืม งั้นเดี่ยวพวกนายกินกันไปก่อนเดี่ยวฉันจะขึ้นไปดูอาการของเมย์ลินเอง"เซบาสเตียนอาสาจะไปดูอาการของเมย์ลินด้วยตัวเอง 
"เอ่อ..เดี่ยวก่อนสิครับ คุณเซบาสเตียน คือว่า..นายน้อยกับคุณทานากะยังไม่มาเลย พวกเราอยากให้มากันครบคนก่อนน่ะ แล้วค่อยกินพร้อมๆกัน"ฟินนี่เรียกร้อง ถึงเขาจะหิวโซซักแค่ไหนแต่เขาก็ยังอยากรอให้มากินพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่ดี
"พวกนายกินไปก่อนเถอะ เดี๋ยวหิวตายกันพอดี คุณทานากะไม่มาหรอก ฉันส่งเขาให้ไปหลบภัยกับพวกคุณอัคนีและเจ้าชายโซมา พรุ่งนี้ค่อยไปรับ ส่วนนายน้อยเดี่ยวฉันจะยกไปให้เขาที่ห้องเอง"เซบาสเตียนบอกเพื่อให้ฟินนี่กับบัลโดกินอาหารได้เลยไม่ต้องรอให้ครบคนหรอก เพราะยังไงก็ไม่มีทางที่จะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสมอไป
"ว้าน่าเสียดายจัง.."ฟินนี่พูดอย่างเสียดายทำหน้าเศร้าไม่สบายใจที่คืนนี้ไม่ได้กินอาหารกันกันพร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนครั้งก่อนๆ
"เอาหล่ะ เดี่ยวฉันจะขึ้นไปดูเมย์ลินก่อน ขอตัว"เซบาสเตียนไม่อยู่ให้ใครมาทักท้วงอีก รีบเดินขึ้นบันไดไปยังห้องของสาวใช้เพื่อดูอาการของเธอว่าบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน
ฟินนี่กับบัลโดจังมองหน้ากันแล้วก้มลงมองดูอาหารด้วยท่าทีหิวกระหาย อยากจะกินเต็มแก่แล้ว และในเมื่อความหิวมันไม่เข้าใครออกใครสุดท้ายก็แพ้ใจตนเอง ลงมือหยิบตักอาหารบนโต๊ะมากินทันทีอย่างมูมมามไม่เกรงใจใครแล้ว
ง่ำๆๆๆ จับๆๆ แล้วทั้งฟินนี่และบัลโดต่างก็ลงมือเขมือบอาหารกันอย่างหิวโหยไม่รอใครแล้ว
ส่วนชิเอลในตอนนี้กำลังนอนคว่ำฟุบหน้าลงกับหมอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียงด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจและโมโหพ่อบ้านปากร้ายที่มาพูดทำร้ายจิตใจเขาอย่างไม่ปราณี เขาได้แต่หวังว่าเจ้านั่นจะเข้ามาง้อ อย่างน้อยก็อยากได้ยินคำขอโทษจากปากเจ้านั่นสักคำก็ยังดี
"ฮึ่กๆอีกาใจร้ายทำไมต้องเอาฉันไปเปรียบเทียบกับปีศาจน้อยนั่นด้วย เห็นเด็กนั้นมันดีกว่าฉันนักหรือไง ฮึ่ก ใช่สิ ฉันมันไม่น่ารักเหมือนเด็กคนนั้นนี่ ฮือๆ"ชิเอลตัดพ้อต่อว่าเซบาสเตียนไปร้องไห้สะอื้นไปมือเล็กๆดึงทึ้งผ้าห่มมาคลุมหัวแล้วนอนร้องไห้ไปเพียงลำพังท่ามกลางความมืดสลัวๆ เพราะไม่ได้จุดไฟที่ตะเกียงในห้องนอนแถมยังไม่มีประตูอีก
กึก กึก เสียงเหมือนเท้าของใครสักคนกำลังเดินมาตามระเบียงทางเดิน 
ชิเอลหยุดร้องเอามือปิดปากแล้วค่อยแอบปิดผ้าห่มออกมาดูอย่างลุ้นๆว่าจะจะเป็นเซบาสเตียนหรือเปล่า และจะเข้ามาง้อเขามัย
แต่ทว่าเสียงนั้นกลับดังขึ้นเรื่อยๆ ชิเอลจึงรีบเอาผ้าห่มมาคลุมโปงแล้วทำทีเป็นแกล้งหลับนอนนิ่ง หูยังคงเงื่ยฟังเสียงรองเท้าหนังของเซบาเตียนอยู่อย่างลุ้นๆและรอดูว่าเสียงนั้นจะหยุดลงที่ตรงไหน หน้าช่องประตูห้องของเขาหรือเปล่า 
แต่แล้วชิเอลก็ต้องผิดหวังเพราะว่าเสียงการเดินนั้นไม่ได้มาหยุดที่หน้าห้องของเขา เสียงนั้นยังคงเดินผ่านเลยห้องของเขาไป และหยุดลงที่หน้าประตูอีกห้องหนึ่งซึ่งก็คือ..
ก๊อกๆ แอ๊ดดดด ห้องของสาวใช้เมย์ลิน...
ชิเอลถึงกลับน้ำตาไหลออกมาอีกครั้งเอามือปิดปากกลั้นเสียงร้องสะอื้นของตนเองด้วยความผิดหวังที่เซบาสเตียนไม่ยอมมาหาหรือมาง้อเขา แต่กลับเดินไปยังห้องของสาวใช้เมย์ลิน หรือเจ้านั้นจะไม่สนใจเขาแล้ว คงจะเบื่อเขาแล้วงั้นสินะ
แต่เซบาสเตียนไม่ได้เป็นอย่างที่ชิเอลคิดเขาแค่เข้ามาดูอาการของสาวใช้ตามหน้าที่ของตนเท่านั้นเอง 
"เมย์ลิน.."เซบาสเตียนเรียกเสียงแผ่วก้มลงมองดูใบหน้าที่ฟกช้ำเป็นสีม่วงแกมเขียว ปากเจ่อ ร่างกายบอบช้ำ จากการถูกซีโร่ทำร้ายมาอย่างหนักก่อนที่จะถูกดูดวิญญาณไป
"......."สาวใช้ผู้น่าสงสารยังคงหลับสนิทไร้การตอบสนองใดๆกับการเรียกของพ่อบ้านหนุ่ม 
เซบาสเตียนค่อยๆเอามือมาแตะเบาๆที่หน้าผาก แล้วเขาก็รีบชักมือออกเพราะตอนนี้หญิงสาวตัวร้อนจี๋ยังกับไฟเลยทีเดียว คงต้องรีบพาไปหาหมอรักษาโดยด่วนเสียแล้วไม่อย่างงั้นเธออาจจะป่วยตายไปจริงๆก็ได้ ดังนั้นซาตานหนุ่มจึงตัดสินใจค่อยๆรวบตัวของเธอมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนแล้วพาออกไปจากห้อง
เดินผ่านห้องของชิเอลไปแต่ก็ไม่วายตะโกนบอกให้เด็กหนุ่มทราบก่อนว่าเขาจะไปไหน
"นายน้อยตอนนี้เมย์ลินไข้ขึ้นสูงมาก ผมจะพาเธอไปหาหมอก่อน ถ้าคุณจะไปด้วยก็รีบตามผมลงไปข้างล่างนะขอรับ"เซบาสเตียนตะโกนบอกชิเอลก่อนจะพาร่างหมดสติตัวร้อนเป็นไฟของสาวใช้ลงบันไดไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว
ชิเอลที่กำลังนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะความน้อยใจอยู่พอได้ยินเสียงเซบาสเตียนพูดขึ้นมาเขาก็หยุดชะงัก รีบผุดลุกขึ้นมานั่งบนเตียง มองออกไปข้างนอกก็เห็นพ่อบ้านปากร้ายของเขากำลังอุ้มเมย์ลินเดินผ่านห้องไปยังบันได
"ฮึ่ก..ยัยนั่น..ไข้ขึ้นสูงงั้นเหรอ.."ชิเอลพูดพรางสะอื้นก่อนจะรีบเอามือมาเช็ดน้ำตาออกให้หมด แล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินตามเซบาสเตียนไป เพราะถึงเขาจะยังงอลพ่อบ้านอยู่ แต่ก็อดห่วงสวัสดิภาพของสาวใช้ไม่ได้อยู่ดี ก็เขาเป็นผู้นำแห่งแฟนท่อมไฮด์ถ้าหากเขาไม่ดูดำดูดีคนของเขาก็เสียชื่อแย่สิ ยิ่งโดนเจ้าอีกาปากร้ายสบประมาทกล่าวหาว่าเป็นเด็กใจร้ายอยู่ยิ่งทำให้เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อลบล้างคำสบประมาทของเจ้านั่น เขาไม่ใช่เด็กอมมือแร้งน้ำใจสักหน่อย ไม่ใช่..
เซบาสเตียนอุ้มเมย์ลินลงมาสมทบกับพวกฟินนี่และบัลโดที่ตอนนี้กินอิ่มแปล้จนพุงกางเลยทีเดียว
"ฟินนี่ บาร์ด เราต้องไปโรงพยาบาลกันเดี๋ยวนี้ เมย์ลินไข้ขึ้นสูงมาก หากมัวชักช้ายัยนี่อาจตายขึ้นมาจริงๆก็ได้ พวกนายรีบตามมานะ"เซบาสเตียนพูดอย่างรีบเร่งพรางอุ้มสาวใช้ที่ป่วยหนักเดินนำตรงไปยังประตูทางออกจากบ้านพักตากอากาศ
ฟินนี่กับบัลโดมองหน้ากันก่อนจะตัดสินใจเดินตามเซบาสเตียนไป ชิเอลพอเห็นว่าตนกำลังจะถูกทิ้งห่างจึงวิ่งตามพวกคนรับใช้ไปอย่างไม่ลังเล
และพอทุกคนออกมาจากบ้านแล้ว เซบาสเตียนก็ส่งตัวเมย์ลินให้บัลโดอุ้มชั่วคราว เพราะในบรรดาคนรับใช้หมอนี่แข็งแรงที่สุด
"บัลโดฝากยัยนี่หน่อย เดี่ยวฉันจะไปเรียกรถม้ามา ตอนนี้พึ่งจะสี่ทุ่มกว่าๆจุดบริการรถม้าแถวๆนี้คงยังพอมีให้ใช้บริการอยู่ พวกนายรออยู่นี่นะ"เซบาสเตียนพูดพรางส่งร่างเมย์ลินให้บัลโดอุ้มก่อนจะหายตัววับไปอย่างรวดเร็ว
"ได้...อ้าว..หายไปไหนแล้ว.."พอบัลโดรับเมย์ลินมาอุ้มเซบาสเตียนก็หายตัวไปแล้ว 
ชิเอลที่ตามมาสมทบเป็นคนสุดท้าย เขาก็ไม่พบเซบาสเตียนแล้ว
"เจ้านั่นไปไหน"ชิเอลเดินมาถามฟินนี่ที่ตอนนี้กำลังยืนเกาะตัวบัลโดพยุงตัวเอาไว้ไม่ให้ล้มอยู่อย่างทุลักทุเล
"ไปตามรถม้าครับนายน้อย"ฟินนี่ตอบยิ้มๆ
และสิ้นคำตอบของฟินนี่ได้ไม่นาน พวกเขาทั้งสามก็ได้ยินเสียงของรถม้ากำลังแล่นตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
กุบ กุบ คลืดดดด เอี๊ยด...แล้วรถม้าก็มาจอดที่ตรงหน้ารั้วบ้านพักตากอากาศแฟนท่อมไฮด์ที่ในตอนนี้มีชิเอล ฟินนี่ บัลโดที่อุ้มเมย์ลินกำลังยืนรออยู่
เซบาสเตียนก้าวลงมาจากรถม้าเขาก็เดินมาหาบัลโดทันที
"ส่งเมย์ลินมาเดี่ยวฉันจะพาเธอไปนอนในตู้รถม้าก่อน ส่วนนายกับฟินนี่ค่อยตามไปนะ "เซบาสเตียนบอกอย่างรีบเร่งพรางคว้าตัวเมย์ลินมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนก่อนจะเดินนำลิ้วๆพาหญิงสาวขึ้นไปบนรถม้าซึ่งตอนนี้คนขับรถม้าอาสามาเปิดประตูให้ตามมารยาท
ชิเอลยืนนิ่งมองดูพ่อบ้านของเขาอย่างไม่สบอารมณ์ที่ดูเหมือนไม่สนใจเขาเลยสักนิด พอเจ้านั่นพาเมย์ลินขึ้นไปส่งในรถม้าแล้วก็ไม่มีทีท่าจะกลับมารับเขาเลย 
"เอ่อ...เราไปกันเถอะครับ นายน้อย "ฟินนี่เลยต้องเอ่ยปากชวนนายน้อยให้ตามไปเพราะดูท่าเซบาสเตียนจะหายเข้าไปในรถม้าไม่กลับลงมาอีกแล้ว
"ไปกันเถอะครับนายน้อย"บัลโดเองก็ชวนชิเอลด้วยอีกคน 
แล้วทั้งสามก็ทยอยกันมาขึ้นรถ บัลโดแข็งแรงที่สุดจึงค่อยๆประครองฟินนี่ให้เดินมาที่รถม้าอย่างช้าๆ ส่วนชิเอลก็เดินตามหลังมาเฉยๆไม่คิดจะช่วยพยุงคนบาดเจ็บเลย แถมยังเดินตัวปลิวไปคนเดียวจนนำคนบาดเจ็บไปก่อนด้วยซ้ำ
เซบาสเตียนแอบมองดูท่าทีของนายน้อยแล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ดูท่าเด็กคนนี้คงจะสอนให้เป็นเด็กดีมีน้ำใจนั้นคงทำได้ยาก เขาคงต้องอบรมขัดเกลากันอีกเยอะ และพอซาตานหนุ่มเห็นว่าบัลโดทำท่าจะไม่ไหวเขาจึงหายตัวมายืนข้างๆช่วยพยุงตัวฟินนี่กับบัลโดไปพร้อมๆกันทั้งสองคนเลยพาเดินไปด้วยกันอย่างช้าๆ
ชิเอลหยุดเดินหันกลับมามองแล้วต้องอ้าปากค้างที่เห็นพ่อบ้านของตนมาช่วยพยุงคนบาดเจ็บทั้งสองด้วยอีกแรง เด็กหนุ่มจึงเริ่มรุ้สึกขึ้นมาหน่อยๆแล้วว่าตนทำตัวไร้ประโยชน์สิ้นดี ถ้าหากเป็นดาร์กชิลเด็กคนนั้นจะยอมช่วยคนพวกนั้นหรือเปล่านะ 
"นายน้อยเดินขึ้นไปก่อนเลยครับ ไม่ต้องรอพวกผมหรอก แฮ่กๆ"ฟินนี่บอกด้วยท่าทีหอบๆค่อยกระเผลกๆเดินมาพร้อมกับบัลโดและเซบาสเตียนมาอย่างช้าๆ
ชิเอลเดินมาถึงที่บันไดทางขึ้นรถมาแล้วแต่เขายังไม่ได้ก้าวขึ้นไป เพราะรู้สึกเกรงใจคนบาดเจ็บพวกนั้นขึ้นมา จึงหยุดยืนรอยังไม่กล้าที่จะขึ้นรถม้าไปก่อนคนอื่นๆ
เซบาสเตียนไม่ได้พูดอะไรเขายังคงคอยพยุงคนบาดเจ็บทั้งสองมาเรื่อยๆจนเดินมาเกือบจะถึงทางขึ้นรถม้าแล้ว 
ชิเอลจึงตัดสินใจหลีกทางให้พวกคนบาดเจ็บขึ้นไปก่อน เขากับเซบาสเตียนจะขึ้นไปทีหลัง 
"ทำไมไม่ขึ้นไปก่อนล่ะมาถึงนานแล้วไม่ใช่เหรอ"เซบาสเตียนถามอย่างแปลกใจที่เห็นชิเอลเดินถอยออกมาหลีกทางให้เขาส่งตัวฟินนี่กับบัลโดขึ้นรถไปก่อน
"ให้คนเจ็บขึ้นไปให้หมดก่อน ฉันค่อยขึ้นทีหลังก็ได้"ชิเอลหลับตาพูดหันหน้าหนีไม่กล้ามองหน้าคนถาม
"หึ..เริ่มจะรู้สึกขึ้นมาบ้างแล้วใช่มัยขอรับ"เซบาสเตียนพูดเสียงเยาะๆ
"ชิ...นายไปนั่งกับคนขับเลยไป ที่เต็มแล้ว..!!" ชิเอลจิปากเชิดใส่อย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินหนีพ่อบ้านตามคนรับใช้ขึ้นรถไปและ.. 
ปั้ง!! แต่ก็ไม่วายชะโงกหน้ามาตวาดสั่งพร้อมกับปิดประตูใส่หน้าพ่อบ้านไล่ให้ไปนั่งกับคนขับแทนซะเลย
เซบาสเตียนไม่ได้พูดอะไรยอมไปนั่งกับคนขับตามที่ชิเอลสั่งเพราะตนเองก็เห็นด้วยว่าทีเต็มแล้วจริงๆ เพราะตอนนี้ที่นั่งอีกฝั่งหนึ่งในตู้รถม้ามีร่างหมดสติของสาวใช้เมย์ลินนอนกินที่ไปเต็มเหยียด ส่วนอีกฝั่งก็มีพวกหนุ่มๆทั้ง ชิเอล ฟินนี่ และบัลโดนั่งเบียดกันสามคนจนเต็มแล้ว 
หากมีเซบาสเตียนเข้ามาอีกคนจะต้องให้เจ้านั่นไปนั่งที่พื้นนั่นแหละหรือไม่ก็ต้องเอาเมย์ลินมานอนบนตักพ่อบ้านซึ่งชิเอลไม่มีทางยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ๆ เลยตัดปัญหาไล่ให้เจ้านั่นไปนั่งกับคนขับจะสะดวกกว่าเป็นไหนๆ
และพอเซบาสเตียนเดินขึ้นไปนั่งข้างหน้าตรงข้างๆคนขับแล้วรถม้าก็เคลื่อนที่ตรงไปยังคลีนิคที่อยู่ใกล้หมู่บ้านในทันทีตามที่พ่อบ้านหนุ่มได้บอกจุดหมายปลายทางเอาไว้แต่แรกตอนที่เขาใช้บริการรถม้าไม่ก่อนหน้านี้
ส่วนชิเอลก็นั่งอยุ่กับพวกคนรับใช้ที่ตู้รถม้าด้านหลังด้วยท่าทีสำรวมนิ่งเงียบกว่าที่เคย ไม่พูดไม่จาอะไรกับใครเลย ฟินนี่กับบันโดก็คุยกันไประหว่างทางถึงเรื่องทั่วๆไป ปล่อยให้รถม้าแล่นไปตามทางไปเรื่อยๆจนกระทั่ง
เอียด เสียงรถม้าค่อยๆชะลอความเร็วลงและหยุดลง พร้อมกับเสียงของคนขับดังมาจากข้างหน้า เซบาสเตียนส่งเงินค่าโดยสารให้เมื่อเห็นถึงที่หมายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคลีนิคแห่งนี้เป็นตึกฉุกเฉินเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพื่อรองรับคนไข้ป่วยฉุกเฉินในยามกลางคืนซึ่งมีแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ที่อื่นปิดบริการหมดแล้ว
"ถึงแล้วครับ"คนขับบอกพรางก้าวลงมาจากที่นั่งคนขับมาบริการเปิดประตูให้ผู้โดยสาร 
เซบาสเตียนกระโดดตามลงมาเพื่อที่จะมาอุ้มร่างที่หมดสติของเมย์ลินพาไปรักษาที่คลีนิคที่อยู่ตรงหน้านี้โดยนำเข้าไปในคลีนิคก่อนเลยเป็นคนแรกพร้อมกับคนป่วย แล้วก็ตามด้วยบันโดที่ต้องคอยพยุงฟินนี่ลงจากรถม้า
ส่วนชิเอลยังคงนั่งไขว่ห้างนิ่งยังไม่ยอมลงมา เขาจะให้พวกคนรับใช้ลงไปให้หมดก่อนแล้วเขาค่อยตามลงไปเป็นคนสุดท้าย ซึ่งตามหลักแล้วเซบาสเตียนจะต้องมาคอยรับพยุงตัวเขาลงจากรถ แต่ในตอนนี้พ่อบ้านของเขากลับอุ้มสาวใช้พาเดินหายเข้าไปข้างในคลีนิคไปซะแล้ว 
ชิเอลเลยต้องลงมาโดยมีคนขับรถมาคอยจับมือพยุงแทน พอลงมาแล้วคนขับก็คำนับให้ทีหนึ่งก่อนจะปิดประตูรถม้าแล้วเดินอย่างรีบเร่งไปที่นั่งคนขับแล้วบังคับรถม้าเคลื่อนออกไปทันทีเพื่อไปหาลูกค้าคนอื่นๆต่อ
พวกฟินนี่กับบันโดต่างค่อยๆพยุงกันเองเดินตรงเข้าไปในคลีนิคอย่างทุลักทุเล ชิเอลเดินตามมาทีหลังสุดและเขาเกิดเห็นใจคนพวกนั้นขึ้นมา เขาจำคำพูดสบประมาทของเซบาสเตียนได้ขึ้นใจเลย
-"เด็กอมมือแร้งน้ำใจ....ไม่น่ารักเอาซะเลย"-
และด้วยความอยากจะเอาชนะลบคำสบประมาทนี้ไปให้ได้ ชิเอลจึงตัดสินใจเดินไปช่วยพยุงฟินนี่แทนบันโดด้วยความมุ่งมั่น
"ปล่อย..ฉันจะพยุงฟินนี่ไปเอง นายพอเดินเองไหวใช่มัย บันโด"ชิเอลพูดพรางอาสาจะมาพยุงฟินนี่บันโดที่บาดเจ็บ 
"นายน้อย.."บันโดร้องเรียกด้วยความแปลกใจที่จู่ๆชิเอลเกิดใจดีขึ้นมาอาสาจะช่วยพยุงตัวฟินนี่แทนเขา
ชิเอลไม่พูดอะไร เขาอดรู้สึกเขินขึ้นมาหน่อยๆไม่ได้ ที่ตนเป็นเจ้านายแต่กลับลดตัวมาช่วยพยุงคนรับใช้แบบนี้
เซบาสเตียนพอส่งเมย์ลินไปให้หมอตรวจรักษาแล้วเขาก็เดินออกมาจะมาสมทบพาคนเจ็บอีกสองไปด้วย แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่า นายน้อยของเขาอาสาคอยพยุงฟินนี่เดินตามเข้ามาในคลีนิคไม่ได้เดินตัวปลิวเหมือนอย่างทุกที นับว่าเด็กคนนี้เริ่มรู้จักทำตัวให้มีประโยชน์ขึ้นมาบ้างแล้ว
"เมย์ลินหล่ะ"บันโดที่ตามเข้ามาอย่างช้าๆถามอย่างสงสัย
"ส่งเข้าห้องตรวจแล้ว ตอนนี้หมอกำลังรักษาอยู่ ที่เหลือก็พวกนาย มาฉันช่วย..บันโด"เซบาสเตียนบอกด้วยท่าสงบพรางเดินตรงมาคว้าแขนอดีตพ่อครัวร่างกำยำมาพยุงพาเดินเข้าไปในคลี่นิค ส่วนฟินนี่เขาปล่อยให้นายน้อยเป็นคนพยุงไปแทน
และพอพวกเขาทั้งสี่เดินพากันเข้ามาในคลี่นิคแล้ว เซบาสเตียนก็ส่งตัวฟินนี่ กับบันโดเข้าห้องตรวจไปให้หมดรักษาอาการบาดเจ็บด้วย ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีคนคอยพยุงเข้าไปส่งถึงห้องตรวจ วึ่งไม่พ้นเซบาสเตียนกับชิเอลอยู่ดี
แล้วพอส่งคนรับใช้ทั้งสามไปให้หมอตรวจกันหมดแล้ว เซบาสเตียนกับชิเอลก็ต่างคนต่างเดินออกมาหาที่นั่งรอตรงจุดที่มีที่นั่งไว้บริการของคลีนิค
ชิเอลนั่งก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไรเลย เขายังงอลเซบาสเตียนอยู่
เซบาสเตียนนั่งอยู่ข้างๆรอคอยไปเงียบๆเช่นกัน เขากำลังนั่งรอให้เจ้าหน้าที่พยาบาลมาบอกก่อนว่าคนไข้กลับบ้านได้ไหมหรือว่าต้องนอนพักฟื้นที่คลี่นิคก่อน
และพอไม่มีใครพูดอะไรกันเลย ที่จุดนั่งพักของคลี่นิคจึงเงียบเป็นเป่าสากเพราะในตอนนี้มีแต่ชิเอลกับเซบาสเตียนเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่กันตามลำพังสองต่อสอง ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกฝ่ายเอ่ยทักขึ้นมาก่อน
ติก ๆเสียงนาฬิกาแขวนผนังของคลี่นิคยังคงเดินไปเรื่อยๆ บรรยากาศระหว่างชิเอลกับเซบาสเตียนนั้นเงียบมากยังคงไม่มีใครพุดอะไรกันสักคำได้แต่นั่งรอ และรอต่อไปเงียบๆ
จนกระทั่งมีบุรุษพยาบาลเดินมาหา
"เอ่อ..พวกคุณเป็นเจ้าของไข้ของคุณเมย์ลิน บันโดและฟินนี่หรือเปล่าครับ"บุรุษพยาบาลเดินมาถาม
"ใช่ครับ!!"เซบาสเตียนกับชิเอลตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย และทั้งสองก็หันมามองหน้ากัน
"คือคุณหมอฝากผมมาบอกว่า คนไข้ทั้งสามมีอาการอักเสบของบาดแผลหลายแห่ง และคุณผู้หญิงที่ชื่อเมย์ลินมีแผลติดเชื้อจนทำให้มีอาการไข้ขึ้นสูง ตอนนี้คงต้องพักฟื้นให้น้ำเกลือและทำการรักษาจนกว่าไข้จะลดลงครับ ส่วนคุณฟินนี่กระดูกขาร้าว และบริเวณซีโครงกับช่องท้องมีอาการบวมอักเสบหมอต้องดามกระดูกไว้และเข้าเฝือกและต้องตรวจดูอาการอีกสักระยะ ส่วนคนไข้ที่ชื่อคุณบันโด แม้ไม่มีส่วนไหนหักหรือเดาะ แต่ตามร่างกายบอกช้ำและมีบาดแผลฉกรรจ์เต็มตัว คงต้องให้พักฟื้นที่นี่อีกสักพักเช่นกันครับ"
"สรุปก็คือต้องนอนพักรักษาตัวที่คลีนิคทั้งสามคนเลยใช่มัยครับ"เซบาสเตียนจึงสรุปให้เสร็จสรรพ
"ใช่แล้วครับ ตอนนี้เจ้าของไข้กลับไปบ้านก่อนได้เลยครับ ส่วนการรักษาปล่อยเป็นหน้าที่ของทางคลีนิค ไม่ต้องห่วงคนไข้นะครับ พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมก็ได้ครับ"บุรุษพยาบาลบอกยิ้มๆเขาเป็นชายหนุ่มที่มีอัธยาศัยดี
"ครับงั้นพวกผมคงขอฝากคนไข้ทั้งสามให้คุณหมอช่วยดูแลรักษาด้วยแล้วกัน ขอตัวก่อนครับ"เซบาสเตียนจึงทำการฝากคนไข้ไว้กับคลีนิคให้อยู่ในความดูแลของหมอ อตนนี้เขาสบายใจหายห่วงแล้วเรื่องคนใช้แฟนท่อมไฮด์ ในตอนนี้เขาคงต้องพาชิเอลกลับไปพักที่บ้านเสียที
"ครับ ไม่ต้องห่วง ทางคลีนิคจะดูแลคนไข้ให้อย่างดี เดินทางกลับดีๆนะครับ ผมขอตัวไปทำงานต่อและ"แล้วบุรุษพยาบาลเองก็ขอตัวไปทำงานต่อ ทิ้งให้เซบาสเตียนกับชิเอลอยู่กันตามลำพังอีกครั้ง
เซบาสเตียนหันมามองชิเอลที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เก้าอี้ ถ้าหากเขาไม่เรียกหรือพูดอะไรเด็กคนนี้ก็คงจะไม่ยอมลุกไปไหนหรือพูดอะไรเลยสินะ
"จะกลับบ้านหรือเปล่าผมจะไปส่ง"เซบาสเตียนพูดอย่างลอยๆไม่ได้เจาะจง แต่พวกเขามีกันแค่สองคนตรงบริเวณนี้ ชิเอลก็เลยรู้ว่าพ่อบ้านกำลังพูดกับเขาอยู่แน่ๆจึงเงยหน้าขึ้นหันมามองด้วยท่าทีเย็นชา
ชิเอลผุดลุกขึ้นก่อนจะทำท่าเดินหนีเซบาสเตียนออกไปจากคลีนิค เขาจะเดินกลับบ้านไปเอง ไม่ยอมให้พ่อบ้านปากร้ายไปส่งหรอก
"ถ้าคิดว่าสามารถเดินกลับไปเองได้ก็ตามใจ ไปดีกว่าจะกลับเกาะปีศาจไปนอนสักหน่อย ฮ้าว เริ่มง่วงแล้ว"เซบาสเตียนก็พูดขึ้นมาลอยๆอีก พรางแกล้งทำเป็นปิดปากหาว
ชิเอลหยุดชะงักหันกลับมามองเซบาสเตียนตาขวางอย่างไม่พอใจ นี่เขาอุตส่าห์ยอมช่วยเหลือคนแล้วแท้ๆทำไมเจ้านั้นถึงไม่เอ่ยปากชมเชยเขาบ้างเลยล่ะ หรือว่าแค่นี้ยังไม่ดีพอ
"กลับบ้านไปนอนดีกว่าพรุ่งนี้ต้องเตรียมการฝึกให้ลูกดาร์กชิลแต่เช้าซะด้วยสิ ต้องรีบกลับไปนอนออมแรงไว้ซะและ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นสายจะมีเวลาเตรียมโปรแกรมการฝึกไม่ทัน พอเสร็จจากการฝึกก็จะพาเด็กคนนั้นไปเล่นน้ำตกด้วยแล้วก็..ทำขนมอร่อยๆให้ทาน แล้วดึกๆก็จะพาเขาไปนั่งดูดาวด้วยกันสองคนตามประสาพ่อลูก.."เซบาสเตียนพุดกับตนเองดังทำท่าจะเดินไปที่ประตูทางออกจากคลีนิค
ชิเอลได้ยินเข้าถึงกลับกำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ คำก็ดาร์กชิล สองคำก็ดาร์กชิล เห็นเขาเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง ถึงได้คิดจะให้ปีศาจน้อยมาแทนที่เขาแบบนี้ จะมากเกินไปแล้ว 
และด้วยโทสะที่แทบจะระเบิดออกมา ชิเอลก็ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างด้วยความขาดสติยั้งคิด
"ขอสั่งห้ามเอ่ยถึงดาร์กชิล และเรียกปีศาจน้อยออกมาสิงร่างฉันเป็นอันขาด นี่คือคำสั่ง!!"ชิเอลตัดสินใจใช้ตาขวาบงการเซบาสเตียนไม่ให้เอ่ยถึงดาร์กชิลให้เขาได้ยินอีก เขาเอียนชื่อนี้เต็มทีแล้ว
และด้วยพลังอำนาจแห่งพันธะสัญญาที่แรงกล้าของชิเอลจึงทำให้เซบาสเตียนไม่อาจเรียกชื่อหรือเอ่ยถึงปีศาจน้อยได้อีก จนกว่าเขาจะถอนคำสั่ง 
และนี่ก็คือการเปิดสงครามประสาทระหว่างเขากับเซบาสเตียน เอาสิคราวนี้ไม่มีทางเอ่ยชื่อนั่นขึ้นมาได้อีกแล้วดูซิว่า เจ้าอีกาปากร้ายนี่จะทำยังไง ถ้าหากไม่สามารถเรียกดาร์กชิลมาสิงร่างเขาได้ แล้วใครจะมาลงแข่งฟันดาบให้เจ้านั่นกันถ้าไม่ใช่เขา
ชิเอลแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ ตอนนี้เขาถือไพ่เหนือกว่าเจ้าอีกานี่แล้ว คราวนี้เจ้านั่นก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องมาคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องเขาให้ลงแข่ง มิเช่นนั้นอย่าหวังเลยว่าเขาจะยอมง่ายๆ
เซบาสเตียนยืนนิ่งอึ้งไป ก่อนจะหันมามองชิเอลด้วยท่าทีบอกบุญไม่รับ เพราะคำสั่งที่เด็ดขาดของนายน้อยเขาจึงไม่อาจขัดขืนได้ เขาไม่น่าลืมเรื่องพันธะสัญญาไปเลยให้ตายสิ เสียท่าให้เด็กคนนี้อีกจนได้
และชิเอลก็ถือโอกาสพูดยั่วโทสะพ่อบ้านบ้าง
"เอ๊...ถ้าหากไม่มีใครลงแข่ง แล้วลูกปั้นแมวทองคำนั้นก็คงไม่มีทางที่จะได้ ปีศาจน้อยก็เรียกออกมาไม่ได้แบบนี้ แย่เลยเนอะ หึหึหึ คงไม่มีหวังแล้วสินะ ฉันคือชิเอล แฟนท่อมไฮด์ ไม่มีใครมาแทนที่ฉันได้ จงจำใส่ใจไว้ เซบาสเตียน!!"ชิเอลหลับตาพูดด้วยเสียงเยาะหยัน ยิ้มเจ้าเล่ห์
"อึ้ย เด็กอะไรร้ายกาจจริงๆเลย ผมไม่น่าประมาทคุณเลยจริงๆ นายน้อย น่าจะสะกดพันธะสัญญาเอาไว้ตลอดไปเลยแท้ๆ เจ็บใจนัก"เซบาสเตียนจึงทนไม่ไหวหันมาต่อว่าชิเอลตรงๆเลย
"หึหึหึ ช่วยไม่ได้แกอยากโง่คลายมนต์สะกดพันธะสัญญาให้ฉันเอง มารู้สึกตัวตอนนี้ก็สายเกินไปแล้วล่ะ เอาหล่ะพาฉันกลับบ้านได้แล้ว เซบาสเตียน"ชิเอลพูดพรางยิ้มเยาะอย่างสะใจที่ได้แก้เผ็ดเจ้าอีกาตัวแสบนี่ได้สักที ต่อไปเจ้านั่นคงไม่กล้าหือกล้าอือกับเขาแล้วล่ะ 
"เฮ้อ...ครับๆ"เซบาสเตียนเลยทำได้แต่ถอนใจอย่างเซ็งๆ ก็ทำไงได้เรียกดาร์กชิลออกมาแข่งแทนไม่ได้แล้วนี่ ยังไงก็คงต้องขอร้องชิเอลให้แข่งไม่เช่นนั้นความหวังที่จะได้ลูกปั้นแมวทองคำเท่ากับศูนย์
และเซบาสเตียนจึงเดินตรงมาจับชิเอลรวบตัวขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน พากลับบ้านพักตากอากาศอย่างรวดเร็ว พากระโจมขึ้นไปบนหลังคากระโดนข้ามหลังคานั้นหลังคานี้ไปเรื่อยๆจนกระทั่งเดินทางมาถึงหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านเซบาสเตียนก็พาชิเอลหายตัววับไปทันที
เปรี้ยง !! แล้วพวกเขาทั้งสองก็มาปรากฏตัวยืนที่พื้นห้องนั่งเล่นหน้าเตาผิงของบ้านพักตากอากาศแฟนท่อมไฮด์ซึ่งตอนนี้พวกเขาต้องอยู่กันตามลำพังสองต่อสอง เซบาสเตียนก็ปล่อยตัวชิเอลลงยืนแล้วเขาก็เดินหนีนายน้อยทำท่าจะกลับไปนอนที่ห้องของพ่อบ้าน
"เดี่ยว นั้นแกจะไปไหน"ชิเอลถามด้วยท่าทีเย็นชา
"ไปนอนขอรับ"เซบาสเตียนหันหลังตอบ ก่อนจะเดินตรงไปยังบันไดขึ้นไปยังห้องนอนของตนเอง
"หึ ที่นอนของแก โน่น บนหลังคา ออกไปซะ!!"ชิเอลเอ่ยปากไล่อย่างไม่ไยดี
เซบาสเตียนหันมามองหน้าชิเอลอย่างไม่สบอารมณ์นี่คิดจะไล่ให้เขาไปนอนบนหลังคาจริงๆน่ะเหรอ เขาอุตส่าห์พากลับมาบ้านแท้ๆนะ จะใจร้ายเกินไปแล้ว
"ไปก็ได้ แล้วอย่ามาเรียกก็แล้วกัน เพราะผมจะไม่มาหาคุณ เด็กใจร้าย!!"เซบาสเตียนเลยตอบรับแต่เขาไม่คิดจะนอนบนหลังคาหรอก เขาจะหนีกลับเกาะปีศาจกลับไปนอนที่บ้านของเขาเอง
และเมื่อสิ้นคำตอบรับของเซบาสเตียน ซาตานหนุ่มก็หายตัววับไปทันที ทิ้งชิเอลให้อยู่บ้านไปคนเดียว
"ฮะ 0*0"ชิเอลถึงกลับยืนอึ้งอ้าปากค้างไม่คิดว่าเซบาสเตียนจะกล้าทิ้งเขาเอาไว้คนเดียวจริงๆ
"ไม่มั้ง เจ้านั่นจะทิ้งเราไปจริงๆน่ะเหรอ"ชิเอลส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทางตกใจเอามากๆ พรางวิ่งออกไปดูที่หลังคา เผื่อเซบาเตียนจะอยู่บนหลังคาตามคำสั่งของเขา แต่ทว่า
"ทำไมบนหลังคาถึงไม่อยู่ล่ะ เจ้านั่นหายไปไหนกันแน่นะ..หรือว่า..จะทิ้งเรากลับเกาะปีศาจไปแล้วจริงๆ ไม่นะอย่าทิ้งฉันไปสิ เซบาสเตียน "ชิเอลพูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก ที่ถูกคนที่เขารักทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพังคนเดียวมืดๆแบบนี้
เซบาสเตียนยังไม่ได้ไปไหนเขาแค่แปลงร่างเป็นอีกาคอยแอบดูท่าทีของชิเอลว่าจะเป็นยังไงหากเขาไม่อยู่ เด็กคนนั้นจะร้องหาเขาหรือเปล่า เพราะเขารู้ดีว่าในตอนนี้เด็กคนนั้นไม่เหลือใครแล้วนอกจากเขาเพียงคนเดียวหากขาดเขาไป เด็กคนั้นก้คงไม่รู้จะอยู่ไปเพื่อใคร 
ตอนนี้ชิเอลเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วทรุดลงนั่งกอดเข่าบนโซฟาหน้าเตาผิง บรรยากาศในบ้านเงียบมากจนวังเวง เขาไม่นึกเลยว่าจะถูกทิ้งให้อยุ่บ้านคนเดียวตามลำพังในตอนกลางคืนแบบนี้ แล้วจากนั้นชิเอลก็ค่อยเอนตัวลงนอนบนโซฟาด้วยท่าทีโศกเศร้าปากก็เอาแต่รำพึงถึงพ่อบ้านซาตานของเขา
"เซบาสเตียนทำไมนายต้องทิ้งฉันไปแบบนี้ด้วย นายไม่แคร์ฉันแล้วเหรอ ทำไมต้องหนีฉันไป ฉันแค่บอกให้นายไปอยู่บนหลังคา ไม่ได้ขับไล่นายไปจากที่นี่สักหน่อยทำไมต้องขัดคำสั่งฉัน"ชิเอลพูดด้วยความหงอยเหงา และอดที่จะคิดถึงพ่อบ้านของเขาขึ้นมาไม่ได้ แค่ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ เขาไม่ได้ไล่เจ้านั้นไปจากบ้านสักหน่อยแค่สั่งให้ไปนอนบนหลังคาเท่านั้นเอง
แล้วฉับพลันนั้นชิเอลก็นอนร้องฟุบหน้าลงกับโซฟา 
"เซบาสเตียน ฮือๆ"ชิเอลนอนร้องไห้เมื่อนึกถึงเซบาสเตียนขึ้นมา
แล้วอีกาเซบาสเตียนที่แอบดูอยู่บนระเบียงชั้นสองซึ่งเห็นการกระทำของชิเอลทุกอย่างและในตอนนี้เขาก็ได้เห็นเด็กคนนั้นกำลังนอนซุกหน้าที่โซฟาร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ เขาจึงเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมา สุดท้ายก็ใจอ่อน...ถึงนายน้อยจะดื้อจะอารมณ์ร้ายไปบ้างแต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กที่ค่อนข้างขาดความอบอุ่นเพราะกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็กๆ และถ้าหากเขาทิ้งเด็กคนนี้ไปไม่สนใจไม่ไยดี แล้วเด็กคนนี้จะอยู่ยังไงล่ะ
เขาจึงตัดสินใจล้อนลงมาปรากฏตัวที่ด้านหลังโซฟาที่ชิเอลกำลังนอนฟุบหน้าร้องไห้สะอื้นอยุ่ พรางเดินมาที่หน้าโซฟาเอามือลูบผมเด็กหนุ่มที่กำลังโศกเศร้าเบาๆอย่างอ่อนโยน
ชิเอลสะดุ้งเล็กน้อยหยุดร้องสะอื้นกระทันหัน เมื่อเขาเริ่มรู้สึกถึงมือที่แสนอบอุ่นนั้นมาลูบหัวเขาเบาๆ
"ทำไมมานอนร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ตรงนี้ล่ะครับ นายน้อย"เซบาสเตียนเอ่ยทักมือยังคงลูบไล้เส้นผมสีอคามารีนของชิเอลอย่างอ่อนโยน
ชิเอลผุดลุกขึ้นนั่งเงยหน้าขึ้นมาซบตากับชายที่มาลูบหัวเขาอย่างแปลกใจ 
"ซะ เซบาสเตียน!!"ชิเอลร้องเรียกอย่างโหยหาถึงกลับโผเข้ากอดเซบาสเตียนไว้แนบแน่นด้วยความดีใจที่พ่อบ้านซาตานของเขายังอยู่ไม่ได้ทิ้งเขาไปไหน
"โอ๋ว.."เซบาสเตียนถึงกลับอึ้งไปไม่นึกว่าเด็กคนนี้จะกอดเขาไว้แน่นเลย ท่าทางคงจะกลัวเขาทอดทิ้งไปจริงๆสินะ 
"ฮือๆอย่าทิ้งฉันไปอีกนะเซบาสเตียน ชีวิตของฉันไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากนาย ถ้านายทิ้งฉันไปอีกคนแล้วฉันจะอยู่ยังไงล่ะ ห้ามทิ้งฉันนะนี่คือคำสั่ง ฮือๆ"ชิเอลร้องไห้ไปละล่ำละลักพูดไปแขนทั้งสองโอบกอดพ่อบ้านของเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้หนีไปไหนอีก
"เห...ทั้งที่คุณเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนขับไล่ผมไปน่ะ แล้วมาคราวนี้ทำไมถึงกลับคำซะล่ะ เอาแต่ใจจริงๆเลยนะคุณเนี่ย"เซบาสเตียนต่อว่าพรางเอามือลูบเขาเด็กขี้แยเบาๆปลอบโยน
"ฉันพูดไปอย่างงั้นเอง ก็ฉันกำลังโมโหที่นายเอาฉันไปเปรียบเทียบกับปีศาจน้อยนั่น ฉันก็คือฉัน อย่าเอาไปเปรียบกับคนอื่นจะได้มัย"ชิเอลหลับตาพูดซุกซบหน้าลงกับอกของเซบาสเตียนออดอ้อนเล็กน้อย
"ก็นายน้อยเป็นเด็กไม่ดี ทั้งดื้อ เอาแต่ใจ แล้วเจ้าอารมณ์ จนผมแทบจะเอือมระอาคุณเต็มที ถ้าไม่อยากให้ผมทิ้งคุณไป คุณก็ต้องปรับปรุงตัว ผมทนความดื้อเอาแต่ใจของคุณได้แต่ผมคงทนกับความใจร้ายใจดำของคุณไม่ไหว กี่ครั้งแล้วที่คุณพยายามจะผลักไสผม ถ้ายังขืนขับไล่ผมอีกคราวนี้ผมจะไปจากคุณจริงๆ"เซบาสเตียนพูดด้วยท่าทีจริงจังพรางดันตัวชิเอลให้ผละออก
"ฉันไม่ได้ไล่นายไปจากที่นี่สักหน่อย ก็แค่สั่งให้นายไปอยู่บนหลังคา ก็นายอยากมาทำให้ฉันโมโหก่อนนี่..อีกอย่าง..ฉันก็พยายามปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นแล้ว นายก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันช่วยพยุงฟินนี่เข้าไปส่งในคลีนิค อย่างน้อยฉันก็พอทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้บ้างถึงจะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม แต่ฉันก็จะพยายาม"ชิเอลก้มหน้าพูดแก้ต่าง เขาอยากให้พ่อบ้านยอมรับในตัวเขาบ้าง เขาไม่ใช่เด็กใจแร้งน้ำใจสักหน่อย ที่ผ่านๆมาเขาก็เคยช่วยคนเอาไว้เหมือนกันไม่ใช่ไม่เคยช่วย
"ก็ดีแล้วนี่ครับอย่างน้อยคุณก็ยังรู้จักช่วยเหลือผู้อื่น พยายามต่อไปเดี๋ยวก็ดีไปเองนั่นแหละ ก็คุณยังเด็กอยู่นี่ค่อยๆเรียนรู้ไปนะขอรับ"เซบาสเตียนเอ่ยปากชมพรางเอามือมาแตะไหล่ชิเอลให้กำลังใจให้ทำดีต่อไป
ชิเอลเงยหน้าขึ้นมามองเซบาสเตียนอย่างดีใจที่อย่างน้อยเจ้านี่ก็ยังชมเชยเขาบ้างสักนิดก็ยังดี และอีกคำที่เขาอยากได้ยินจากปากของซาตานผู้นี้คือคำขอโทษที่มาพูดแรงๆที่มาทำร้ายจิตใจเขา
"เอาหล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ได้เวลาที่เด็กดีจะต้องเข้านอนแล้วนะขอรับ ฮึบ"แล้วเซบาสเตียนก็พูดตัดบทพร้อมกับรวบตัวชิเอลขึ้นมาอุ้ม
"โอ๊ะ"ชิเอลตกใจที่จู่ๆก็ถูกเซบาสเตียนจับอุ้มไว้ในอ้อนแขนอย่างกระทันหัน หน้าแดงระเรื้อด้วยความขัดเขิน ตอนนี้เขาหายงอลพ่อบ้านแล้วก็เจ้านั่นอุตส่าห์มาง้อเขาแล้วนี่นา ถ้าจะยังงอลอยู่ก็อาจจะทำให้เจ้านั่นเอือมระอาจนทิ้งเขาไปจริงๆน่ะสิ 
"ป่ะผมจะพาไปนอนพรุ่งนี้คุณต้องตื่นมาฝึกร่างกายกับผมแต่เช้า"เซบาสเตียนถือโอกาสมัดมือชกไปเสียเลยเพราะถึงยังไงชิเอลก็ต้องลงแข่งอยู่ดี เพราะเขาถูกสั่งห้ามเรียกดาร์กชิลออกมาแล้วนี่นะ ยังไงก็ต้องบังคับให้นายน้อยลงแข่งให้ได้ 
"อะไรนะ ก็ฉันบอกยกเลิกแล้วไง ยังไงฉันก็ไม่ลงแข่ง"ชิเอลหลับตาปฎิเสธเสียงแข็ง ถ้าไม่คิดจะมาขอร้องดีๆล่ะก็อย่าหวังว่าเขาจะยอมลงแข่งเลย
"หึหึหึ ไม่ได้..ยังไงคุณก็ต้องแข่งในเมื่อคุณไม่ให้ผมเรียกดาร์กชิลออกมา คุณก็ต้องรับผิดชอบ"เซบาสเตียนพูดด้วยท่าทีจริงจังพรางพาชิเอลเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นสองตรงไปยังห้องนอน
"ไม่ยังไงฉันก็ไม่แข่ง ถ้านายอยากให้ฉันเปลี่ยนใจล่ะก็ มาคุกเข่าอ้อนวอนฉันสิ"ชิเอลไม่ยอมอ่อนข้อให้ถึงยังไงเขาก็ไม่ยอมแข่งถ้าเซบาสเตียนไม่มาร้องขอเขาเป็นอันขาด
"เหอะช่างเถอะ เดี๋ยวถึงวันพรุ่งนี้คุณก็ต้องโดนผมฝึกหนักอยู่ดี และคุณก็จะได้รู้ว่านรกมีจริง หึหึหึ"เซบาสเตียนพูดข่มขู่พรางค่อยวางชิเอลลงนอนบนเตียงซึ่งยังคงไร้ประตูต่อไป
"หนอย นี่คิดจะทำอะไรกันแน่นะ ฝึกบ้าบออะไรกัน ถึงยังไงฉันก็ไม่ฝึก อย่ามาฝันเฟื่องไปหน่อยเลย เซบาสเตียน"ชิเอลดันตัวลุกขึ้นมานั่งไม่ยอมนอนเถียงคำไม่ตกฟากอย่างไม่พอใจ ถึงยังไงเขาก็ไม่ยอมฝึกเด็ดขาด ต่อให้เอาช้างหรืออะไรมาฉุดเขาก็ไม่ฝึกอะไรทั้งนั้น
"หึ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาทะเลาะกันแล้วนะขอรับ นอนได้แล้ว จ๊วบ"และเซบาสเตียนก็จูบประกบปาก ส่งเด็กดื้อเข้านอน
"อุ๊บ 0////0"ชิเอลถึงกลับตกใจหน้าแดงซ่านในทันที ด้วยความคาดไม่ถึงว่าเซบาสเตียนจะจูบประกบปากส่งเข้านอน 
แล้วเซบาสเตียนก็ถอนปากออกแล้วเดินอ้อมเตียงปีนขึ้นมานอนข้างๆ เขาขี้เกียจนอนคนเดียว คืนนี้ขอนอนกอดเด็กตัวนุ่มแทนหมอนข้างหน่อยเหอะ
"เอ้ย..ทะทำไมมานอนตรงนี้อ่ะ ไปนอนบนหลังคาดิ "ชิเอลร้องโวยหน้าแดงซ่านทำท่าโบกมือไล่ให้พ่อบ้านไปนอนบนหลังคา
"ไม่ล่ะ ผมขี้เกียจนอนบนหลังคา มันหนาวจะตายไปใจคอคุณจะให้ผมนอนตากน้ำค้างเย็นๆตลอดทั้งคืนเลยหรือไง คืนนี้ผมจะนอนกอดคุณที่นี่แหละ ไหนๆตอนนี้เราอยู่กันสองต่อสองทั้งที หมับ!!"เซบาสเตียนพุดยิ้มๆพรางคว้าแขนชิเอลฉุดดึงตัวมานอนกอดในทันที
"อ๋า...ไม่นะ ปล่อยเซ่ อึ้ย.."ชิเอลร้องโวยพยายามขัดขืนไม่ยอมให้เซบาสเตียนลากไปกอด แต่ก็ไม่สามารถต้านแรงของชายผู้นี้ได้เลยสุดท้ายก็...
"หึหึหึ นอนกอดกันบนเตียงแบบนี้อุ่นดีนะขอรับ"เซบาสเตียนหลับตาพูดยิ้มๆโอบกอดชิเอลไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นจนชิเอลแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
"อึ้ย >////< นายกอดแน่นไปแล้วนะ ฉันหายใจไม่ออก คลายแขนออกไปหน่อยได้มัยเล่า"ชิเอลร้องโวยหน้าแดงกล่ำถึงเขาจะชอบใจอยู่ก็เถอะแต่เล่นมากอดแน่นแบบนี้เขาก็อึดอัดน่ะสิ
เซบาสเตียนเลยตามใจยอมคลายวงแขนออกเล็กน้อยพอให้ชิเอลหายใจหายคอได้โล่งหน่อยแล้วจากนั้นเขาก็นอนหลับตาไป ชิเอลเงยหน้าขึ้นมาดูใบหน้ายามหลับของพ่อบ้านที่อยู่ใกล้กันมากจนลมหายใจของพวกเขาแทบจะรดใส่กันเลยทีเดียว
"ชิ มาทำเป็นนอนหลับไปก่อนฉันได้ไง น่าหมั่นไส้ นี่แน่ะ"ชิเอลเลยถือโอกาสดึงจมูกเซบาสเตียนแกล้งซะเลย
"อื้อ..อะไรกันเนี่ย นายน้อย นี่มันดึกมากแล้วนะขอรับ นอนได้แล้ว มาแกล้งผมทำไมล่ะเนี่ย"เซบาสเตียนเลยสะดุ้งตื่นเอามือมากุมจมูกที่โดนเด็กตัวยุ่งมาแกล้งดึงเล่น
"ก็ฉันยังไม่นอน แล้วพ่อบ้านอย่างนายจะมานอนก่อนฉันได้ยังไงเล่า"ชิเอลพูดพรางดันตัวลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าพ่อบ้านที่บังอาจมานอนหลับก่อนเจ้านายเขม็ง
"หึ สงสัยคงมีแรงเหลือเฟือ งั้นคืนนี้มาเล่นจ้ำจี้โต้รุ่งกันอีกดีมัยขอรับ เอาให้สลบคาเตียงไปเลย"เซบาสเตียนดันตัวลุกขึ้นมาคว้าแขนเด็กตัวยุ่งเอาไว้พูดขู่ด้วยสีหน้าหื่นกระหายอยากกินเด็กก่อนนอน
"อึ้ย ไม่เอา..0///0"ชิเอลรีบปฎิเสธหน้าแดงซ่านรีบส่ายหน้ารัวๆแล้วค่อยๆกระเถิบตัวหนี อีกาจอมหื่นด้วยความหวาดผวากลัวโดนเซบาสเตียนจับกิน
"ถ้างั้นก็นอนได้แล้ว นี่ถ้ามาแกล้งผมอีกคราวนี้โดนผมจับกินเป็นอาหารก่อนนอนแน่ๆ หึหึหึ"เซบาสเตียนยื่นหน้ามาขู่ยิ้มๆก่อนจะจับชิเอลกดลงนอนหงายแนบติดเตียงแล้วขึ้นไปคล่อมตัว
"อ๊ะ 0////0"ชิเอลหน้าแดงซ่านหายใจถี่ระรัวพยายามเอามือดันอกเซบาสเตียนออก เขายังไม่อยากโดนปล้ำตอนนี้นะ
แล้วเซบาสเตียนก็ผละถอยออกมาล้มตัวลงนอนดึงผ้าห่มของชิเอลมาคลุมโปงหินหลังให้ชิเอลแล้วนอนหลับต่อ 
ชิเอลดันตัวขึ้นมานอนตะแคงข้าง แล้วเอานิ้วมาจิ้มเอวแกล้งพ่อบ้านอีกรอบด้วยความซุกซน ท่าทางเขาคงอยากจะโดนพ่อบ้านจับกินล่ะมั้ง
จึ่ก จึ่ก ชิเอลยิ้มเจ้าเล่ห์แกล้งเอานิ้วมาจิ้มเอวเซบาสเตียนเล่นอีก เรื่องอะไรเขาจะยอมให้พ่อบ้านนอนหลับไปก่อนเขากันล่ะ
"ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้านายน้อยยังไม่ยอมนอน โดนปล้ำแน่ๆ!!"และจู่เซบาสเตียนก็พุดขู่ขึ้นมาอีกโดยที่เจ้าตัวยังนอนตะแคงหินหลังให้อยู่
เล่นทำเอาชิเอลถึงกลับสะดุ้งด้วยความตกใจ รีบชักนิ้วออกจากเอวของเจ้าอีกาจอมหื่นในทันที แต่ก็ยังไม่ยอมนอนยังคงมองดูแผ่นหลังของเซบาสเตียนอยู่อย่างพินิจพิเคราะห์ถึงรูปร่างอันสมบูรณ์แบบไร้ที่ตินั้น
"1"และจู่ๆเสียงนับเลขก็ดังขึ้นอย่งไม่มีปี่มีขลุ่ย
"เฮือก!!" เล่นทำเอาชิเอลสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว
"2..."เซบาสเตียนเริ่มนับต่อ และถ้าเขานับถึงสามเมื่อไหร่ หากชิเอลไม่นอนเขาจะเล่นจ้ำจี้ให้สลบไปเลย
"อึ้ย..หนอย นายนี่มัน.."ชิเอลสบทอย่างเจ็บใจ 
และเซบาสเตียนก็หันมาจ้องหน้าชิเอลด้วยท่าทีดุดัน 
"สะ.."และกำลังจะนับสาม
ชิเอลจึงรีบหลับตาปี๋ยอมนอนทันทีเลยกลัวโดนปล้ำ
และพอเซบาสเตียนเห็นว่านายน้อยยอมนอนแล้ว เขาจึงถอนใจทีหนึ่งก่อนจะโน้มตัวลงมาหอมแก้มเด็กของเขาหนึ่งทีก่อนจะดึงตัวมาโอบกอดไว้ในอ้อมแขนลูบหัวเบาๆแล้วตนก็นอนหลับไปอย่างสบายใจและมีความสุขที่ได้นอนกอดเด็กตัวนุ่มอีกครั้ง
ชิเอลแกล้งหลับตาไม่กล้าลืมตาขึ้นมาอีกเพราะกลัวโดนเซบาสเตียนจับปล้ำ และพอได้หลับตาไปสักพักเขาก็ผลอยหลับไปจริงๆด้วยความง่วงนอน
และในค่ำคืนนี้ก็เป็นคืนที่วุ่นวายอีกเช่นเคย เซบาสเตียนกับชิเอลก็นอนกอดกันกลมดิ๊กอยู่บนเตียง
และอีกบ้านหนึ่งในตอนนี้ ชายหนุ่มผมดำหน้าหล่อใสกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงสี่เสาหลังใหม่เอาหมอนข้างมากอดแล้วละเมอถึงชื่อเด็กหนุ่มที่เขาได้จับมาเป็นของเล่นในคืนนี้ชั่วคราวที่จู่ก็หายตัวไป ด้วยท่าทีหงอยเหงา ตอนนี้ห้องนอนที่ถูกไฟนรกเผานั้นได้รับการซ่อมแซมและปรับเปลี่ยนใหม่หมดจนแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมของสภาพดำไหม้อีก แต่ก็ต้องเสียทั้งพลังงานและกำลังทรัพย์ไปมากโขทีเดียวกว่าจะซ่อมแซมห้องนอนให้กลับมาดีกว่าเดิมเล่นทำเอาเขากับคนรับใช้เหนื่อยแทบสลบเลยทีเดียว 
"ชิเอล..ทำไมต้องหนีผมไปด้วย ผมอุตส่าห์เจอคุณแล้วแท้ๆ แงมๆ..จั๊บๆ..อืม..ชิเอล..ของเล่นที่น่ารักของผม อย่าจากผมไป.."อัลลอยละเมอหาเด็กที่เป็นคนเผาบ้านเขาอย่างโหยหาอาวรแขนแกร่งทั้งสองข้างเอาหมอนข้างมากอดก่าย ปากก็ละเมอหาแต่เด็กคนนั้นไปแทบตลอดทั้งคืน......
..และแล้วก็ถึงเช้าวันใหม่.....
ทางด้านบ้านพักตากอากาศเซบาสเตียนกับชิเอลก็ยังคงนอนกอดกันอยู่บนเตียง และไม่นาน..
"อืม..."เสียงครางเบาๆบ่งบอกว่าเซบาสเตียนรู้สึกตัวตื่นแล้วเอามือขยี้ตาขับไล่ความง่วงก่อนจะหันไปมองเด็กที่เขากำลังกอดอยู่แล้วค่อยๆถอนตัวออกจากการนอนกอดก่ายของชิเอลอย่างช้าๆ ก่อนจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นมานั่ง แล้วจัดท่าจัดทางการนอนของนายน้อยของเขาเสียใหม่ให้นอนเอาหัวหนุนหมอนและห่มผ้าให้
"นอนหลับไปก่อนนะนายน้อยเดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะขอรับ จุ๊บ"เซบาสเตียนพูดเสียงแผ่วบอกเด็กที่กำลังหลับสนิทพร้อมกับก้มลงหอมแก้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะก้าวขาลงมาจากเตียงเดินตรงเข้าไปอาบน้ำที่ห้องน้ำเดี่ยวเขาจะพาชิเอลกลับไปที่เกาะปีศาจเพื่อไปเอาของบางอย่างที่บ้านของตนเตรียมออกเดินทางไปตั้งแคมกันในป่า
และเซบาสเตียนก็หายเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำนานหลายนาที เช้านี้เขาใช้ไฟนรกต้มน้ำในอ่างแทนการต้มน้ำด้วยเตาแบบมนุษย์เพราะว่ามันสะดวกรวดเร็วทันใจดี
พออาบน้ำชำระคราบไคลเสร็จแล้วเซบาสเตียนก็นุ่งผ้าเช็ดตัวแนบไว้กับเอวเดินออกมาจากห้องน้ำออกไปหาเสื้อผ้าพ่อบ้านตัวใหม่มาใส่ที่ห้องพักของตนเอง ทิ้งชิเอลให้นอนหลับไปสักพัก ไว้เขาแต่งตัวเสร็จแล้วค่อยไปปลุกเด็กคนนั้นอีกที
และพอเซบาสเตียนแต่งตัวเสร็จ ชายนุ่มก้ออกไปจากห้องตนเองกลับไปที่ห้องนอนของชิเอลเพื่อปลุกเด็กขี้เซาให้ตื่นนอนเตรียมพาไปอาบน้ำก่อนออกเดินทางกลับเกาะปีศาจ
"นายน้อย..ตื่นได้แล้วขอรับ เช้าแล้วนะ"เซบาสเตียนมาเขย่าตัวปลุกพร้อมกับเดินไปรูดผ้าม่านเปิดให้แสงสว่างยามเช้าส่องลอดเข้ามา
"อืม..."ชิเอลร้องครางเบาๆก่อนจะค่อยๆลืมตาลุกขึ้นมานั่งเอามือขยี้ตาและบิดขี้เกียจไปพร้อมกับอ้าปากหาวกว้าง เอามือเกาหัวจนฟูกระเซิง ด้วยท่าทางงัวเงียพึ่งตื่นนอน
เซบาสเตียนเดินตรงมาคว้าแขนเด็กพึ่งตื่นนอนลากมาจับปลดเสื้อผ้าเตรียมพาไปอาบน้ำ
"อึ้ย..จะทำไร!!"ชิเอลร้องโวยปัดมือพ่อบ้านออกอย่างตกใจที่จู่ๆก็มาจับเขาปลดกระดุมเสื้อนอนโดยที่ไม่บอกอะไรสักคำ
"ก็จะพานายน้อยไปอาบน้ำไงขอรับ "เซบาสเตียนตอบยิ้มๆพรางจับตัวชิเอลเอาไว้นิ่งๆก่อนจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อนอนต่ออีกสองสามเม็ดแล้วถอดออกตามด้วยการปลดตะขอกางเกงขาสั้นตามหลักแล้วถ้าอยู่บ้านตัวเองกางเกงไม่ต้องใส่ก็ได้เวลานอน แต่ว่าต้องเดินทางเลยพ่อบ้านเลยต้องให้ใส่กางเกงไปด้วย
"อ้อ..อืม.."ชิเอลเลยนั่งนิ่งๆยอมให้พ่อบ้านจับเขาแก้ผ้าแต่โดยดี ไม่บ่นหรือโวยวายอะไรอีก
และพอเซบาสเตียนจับชิเอลแก้ผ้าออกหมดจนล้อนจ้อนแล้วก็รวบตัวมาอุ้มพาไปอาบน้ำในห้องน้ำในทันที ซึ่งแน่นอนว่ายังไม่ได้เตรียมผสมน้ำให้เลย
"อ่ะลงไปก่อน เดี่ยวขอผมผสมน้ำแป๊บนึงขอรับ"เซบาสเตียนพูดพรางปล่อยชิเอลลงมายืนข้างๆอ่างอาบน้ำที่ว่างเปล่า
"ทำไมนายไม่ผสมน้ำให้เรียบร้อยก่อนพาฉันมาอาบ แล้วไหนกาต้มน้ำร้อนล่ะ"ชิเอลเงยหน้ามาถามก่อนจะหันไปมองดูรอบๆห้องน้ำเพื่อหากาน้ำร้อน
"หึหึหึ ไม่มีขอรับ ยังไม่ได้ต้มเลย"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆพรางเอาเปิดน้ำก๊อกมาลองใส่ถังให้เต็มก่อนจะเอาไปเทใส่ลงในอ่างอาบน้ำอีกที 
"อะไรนะ นี่อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันอาบน้ำเย็นน่ะไม่เอาด้วยหรอกนะ ถ้าต้องอาบน้ำเย็นสู้รอให้นายลงไปต้มน้ำก่อนไม่ดีกว่าเหรอ"ชิเอลไม่ยอมอาบน้ำเย็นทำท่าจะเดินหนีออกไปจากห้องน้ำ แต่
"ไม่ต้องห่วง ผมใช้พลังไฟนรกต้มน้ำในอ่างได้ครับแป๊บเดียวก็อุ่นขึ้นแล้ว โปรดยืนรอสักครู่"เซบาสเตียนพูดพรางคว้าจับแขนชิเอลยึดไว้ไม่ยอมให้หนีไปไหนทั้งนั้น
"ชิ รอก็ได้ เร็วๆด้วยล่ะ ฉันไม่ชอบยืนแก้ผ้าตากลมนานๆมันหนาว"ชิเอลจิปากอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเร่งให้พ่อบ้านรีบต้มน้ำเร็วๆเขาไม่อยากอยู่ในสภาพเปลือยแบบนี้นานๆ อากาศภายในบ้านมันเย็น
"ครับๆ"เซบาสเตียนตอบรับ พรางก้มหน้าก้มตาทำการอุ่นน้ำในอ่างต่ออย่างรวดเร็ว
และเพียงไม่นานน้ำในอ่างก็อุ่นได้ที่
"เอาหล่ะอุ่นได้ที่และ มานายน้อยลงมาอาบได้แล้วขอรับ"เซบาสเตียนหันมาบอกหลังจากที่เอามือจุ่มลงไปทดสอบอุณหภูมิน้ำจนได้ที่แล้ว
ชิเอลพยักหน้ารับพรางเดินตรงมาก้าวขาลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำในทันที และเซบาสเตียนก็ไปหยิบสบู่และยาสระผมมาจากในตู้ เอามาจัดการอาบและสระผมให้เด็กของเขาอย่างคล่องแคล้ว 
ส่วนชิเอลก็นั่งหลับตานิ่งๆแล้วเอนตัวเอาหลังพิงขอบอ่างหลับตาลงแช่น้ำอย่างผ่อนคลายตอนนี้เขาหายป่วยแล้วไข้ไม่มีแล้วร่างกายก็แข็งแรงขึ้นมาจนเดินเหินได้สะดวก
และเพียงไม่นานเซบาสเตียนก็อาบน้ำให้ชิเอลเสร็จ เขาก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาจากในตู้เอามาซับๆเช็ดๆไปตามเรือนร่างจนแห้งก็เอาผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวให้เด็กของเขาก่อนจะจับรวบตัวอุ้ม
"โอ๊ะ"ชิเอลร้องอุทานด้วยความตกใจที่อยู่ๆก้ถุกจับอุ้มกระทันหันอีกแล้ว ท่าทางคงจะชินได้ยาก
"หึหึหึ"เซบาสเตียนหัวเราะเยาะก่อนจะอุ้มเด็กของเขาพาออกไปแต่งตัวที่ห้องนอน ซึ่งเสื้อผ้าของชิเอลยังพอมีสำรองอยู่ในถุงกระสอบที่เขาเคยซื้อตอนที่อยู่แถวหุบเขาดิวอี้ เขาตั้งใจว่าว่างๆจะพานายน้อยไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่สักหน่อยแต่ก็บางทีก็ยุ่งจนลืมไปซะทุกที
"นี่ตอนนี้ฉันก็หายป่วยแล้ว เมื่อไหร่นายจะพาฉันไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่สักทีล่ะ เบื่อใส่สีดำ สีขาว จะแย่แล้วนะ"ชิเอลบ่นในขณะที่โดนพ่อบ้านจับใส่แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวเสว็ตเตอร์สีเทา และกางเกงขาสั้นสีดำและเสื้อคลุมตัวนอกสีดำ แถมยังภุงเท้า รองเท้าก็เป็นสีดำอีก
"ไปตอนนี้เลยมัยล่ะครับเพราะเดี๋ยวเราจะไปเยี่ยมพวกนั้นที่คลีนิคและไปรับพ่อบ้านทานากะที่โรงแรมที่พวกคุณอัคนีกับเจ้าชายโซมาอยู่ด้วย ยังไงขาไปก็ต้องผ่านร้านค้าขายเสื้ออยู่ดี"เซบาสเตียนเสนอความเห็น
"อืม..ตกลง"ชิเอลพยักหน้ารับเขาเห็นด้วยกับข้อเสนอของพ่อบ้าน 
และไม่นานชิเอลก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็เตรียพากันออกไปจากบ้าน ซึ่งก่อนจะออกไปเซบาสเตียนก็เอากุญแจมาล๊อกบ้านพร้อมกับท่องคาถาอะไรบางอย่างในใจ เอามือมาแตะที่ประตูบ้านพักตากอากาศแล้วก็เดินนำชิเอลออกไปที่นอกรั้วบ้านก่อนจะเอามือมาแตะที่รั้วบ้านที่ตนพึ่งเอาโซ่มาคล้องล๊อกกุญแจเอาไว้อีก
"นั้นนายกำลังทำอะไรน่ะเห็นท่องอะไรขมุบขมิบคนเดียว"ชิเอลถามอย่างสงสัย
"กำลังซ่อนบ้านหลังนี้อยู่ครับ นายน้อยลองมองดูบ้านของคุณอีกทีสิครับเห็นเป็นอะไรเอ่ย"เซบาสเตียนหันมาถามยิ้มๆ
ชิเอลหันกลับไปมองบ้านตัวเองแล้วก็ต้องเบิดตากว้างอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
"เอ้ย..บ้านของฉัน..กลายเป็นบ้านร้างที่ผุพังไปได้ไงน่ะ"ชิเอลร้องถามอย่างตกใจ
"หึหึหึ ถ้าคุณเห็นแบบนั้นแสดงว่าเวทมนต์ของผมสมบูรณ์แล้วล่ะ"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆ
"ว้าวว สุดยอดไปเลยเซบาสเตียน ฉันอยากทำเป็นมั่งจัง สอนฉันบ้างสิ อยากทำแบบนี้ได้บ้างอ่ะ"ชิเอลร้องพูดด้วยท่าทีประทับใจเวทต์มนต์ของเซบาสเตียนจนเขาอยากจะเรียนรู้คาถาพวกนี้บ้างจัง
"ก็แค่คาถาพรางตาทั่วไปน่ะ ไว้นายน้อยใช้พลังปีศาจเป็นเมื่อไหร่ผมจะสอนให้ก็ได้ "เซบาสเตียนพูดอย่างถ่อมตนและให้ความหวังกับเด็กที่เกิดสนใจขึ้นมา
"จริงๆนะ นายต้องสอนฉันนะ"ชิเอลพยายามขอคำยืนยันด้วยความตื่นเต้น เขาอยากเรียนคาถานี้เร็วๆจังเลย ชักรู้สึกชอบที่จะเป็นปีศาจขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ
"หึหึหึ นี่ก็อีกหนึ่งวิชาที่เป็นรางวัลให้ถ้านายน้อยยอมลงแข่งฟันดาบและเอาชนะจนติดอันดับหนึ่งในสามได้ล่ะนะ"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆวกพาเข้าหาเรื่องลงแข่งอีกจนได้
"หา..."ชิเอลถึงกลับอึ้งไปเลย เอาล่ะสิเล่นเอาของแปลกมาหลอกล่อให้ลงแข่งแบบนี้เขาก็อดที่จะเห็นเซบาสเตียนมาคุกเข่าอ้อนวอนขอให้เขาลงแข่งน่ะสิ
"ว่าไงล่ะตกลงจะยอมลงแข่งให้ผมหรือเปล่าขอรับ นายน้อย"เซบาสเตียนถามยิ้มๆ
"ไม่.."ชิเอลหลับตาตอบปฎิเสธทันที
"อ้าวแล้วคุณไม่อยากจะเรียนคาถาอำพรางเหรอ และภาษารูนด้วยนะ ไม่สนใจจริงๆหรือขอรับ"เซบาสเตียนเอาขอดีมาหลอกล่อ
"ชิ..ไม่เห็นจะสนเลย ยังไงฉันก็ไม่แข่ง นอกซะจากนายจะยอมมาคุกเข่าอ้อนวอนฉัน บางทีฉันอาจจะเมตตานายยอมลงแข่งให้ก็ได้"ชิเอลยื่นเงื่อนไขด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ 
"หึหึหึ ไม่ต้องรีบตัดสนิใจหรอกเอาไว้ถึงเวลาเมื่อไหร่คุณก็ต้องแข่งให้ผมอยู่ดีนั่นแหละ"เซบาสเตียนพูดด้วยความมั่นใจร้อยเปอร์เซ้นเลยว่าชิเอลต้องยอมลงแข่งแน่ๆ
"ชิ ไม่มีทาง ฉันไม่แข่ง ยังไงก็ไม่แข่ง"ชิเอลหลับตาพูดปฎิเสธเสียงแข็งเลย ถึงยังไงเขาก็ไม่ยอมลงแข่งเป็นอันขาดเลย
"งั้น..อดกินขนมนะขอรับ..อดเรียนภาษาปีศาจ อดเรียนคาถาต่างๆ ทั้งคาถาไฟนรก คาถาอำพราง การหายตัว..บลาๆ.."เซบาสเตียนลองเอาเรื่องที่น่าสนใจมาหลอกล่อ
"ชิ..ฉันอยู่แบบคนธรรมดาก็ได้ไม่เห็นจะแคร์"ชิเอลทำเป็นไม่แยแส
"งั้นนายน้อยอยุ่ที่นี่ใช้ชีวิตแบบพวกมนุษย์ไปละกัน ผมจะไปสรรหาเด็กคนอื่นมาแข่งแทน"เซบาสเตียนแกล้งพูดตัดรอน
"นี่นายคิดจะทิ้งฉันอีกแล้วใช่มัย"ชิเอลมองหน้าอย่างเอาเรื่อง
"เปล่า..ผมจะไปหาเด็กปีศาจมารับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ที่โลกปีศาจมีเด็กกำพร้าอยู่ตามสถานสงเคราะห์เยอะแยะ ผมจะลองไปขอมาเลี้ยงสักคนเอาอายุพอๆกับนายน้อยนั้นแหละจะได้มาเป็นเพื่อนเล่นกับคุณไง"เซบาสเตียนลองคิดนอกกรอบดู
"ไม่เอาฉันไม่ยอมให้นายมีคนอื่นหรอก และไม่ต้องการให้ใครมาแทนที่ฉัน"ชิเอลไม่ยอมให้เซบาสเตียนไปมีเด็กคนอื่นๆหรอก
"แต่ว่า.."เซบาสเตียนกำลังจะโต้แย้ง
"พอที..เราหยุดพูดเรื่องนี้กันดีกว่า ฉันไม่อยากทะเลาะกับนายอีก เราไปเยี่ยมเจ้าพวกนั้นกันเถอะป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้"ชิเอลรีบตัดบทเปลี่ยนเรื่องไปทันที เขาไม่อยากมีเรื่องมาทะเลาะกับเซบาสเตียนอีก
"ก็ได้ขอรับ ป่ะเราหายตัวไปกันเลยนะผมขี้เกียจบิน"เซบาสเตียนก็เลยหยุดเอาไว้แค่นั้นไม่ชวนทะเลาะอีกตัดสินใจดินมาคว้าตัวชิเอลขึ้นมาอุ้มช้อนก้น ก่อนจะทำการดีดนิ้ว 
เป๊าะ !!แล้วหายตัววับไปทันที
เปรี๊ยง!!แล้วเซบาสเตียนกับชิเอลก้มาปรากฏตัวที่ด้านหลังคลีนิคซึ่งมีสวนและต้นไม้บดบังอยู่จึงเหมาะที่จะใช้ในการแลนดิ้งมากๆ
"แฮ่กๆ โอย มึน..ทำไมถึงยังไม่ชินกับการหายตัวซักทีนะ"ชิเอลบ่นเอามือกุมขมับแล้วสะบัดหน้าไปมาเพื่อขับไล่อาการมึนตึ้บจากการหายตัวไปพร้อมกับเซบาเตียนไปให้ได้
และพอมาถึงที่หมายเซบาสเตียนก็ปล่อยตัวชิเอลลงแล้วเดินนำเด็กหนุ่มตาสีแดงเข้าไปในคลี่นิค แล้วเดินไปที่แผนกประชาสัมพันธ์เพื่อถามข้อมูลห้องพักของพวกคนใช้แฟนท่อมไฮด์วาอยู่ที่ห้องไหนกันบ้าง
"เอ่อไม่ทราบว่าคนไข้ที่ชื่อเมย์ลิน ฟินนี่ และบันโด พักอยู่ห้องไหนกันบ้างครับ คุณพยาบาล"เซบาสเตียนถามเสียงเรียบเขาไม่กล้าหว่านเสน่ห์เพราะมีชิเอลคอยยืนคุมเข้มอยู่
"คุณเมย์ลินห้อง 201 คุณฟินี่กับคุณบันโดรอย อยู่ห้อง 203 ค่ะ"เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ตอบ
แล้วจากนั้นเซบาสเตียนและชิเอลพากันเดินไปยังห้อง 201 เพื่อไปเยี่ยมเมย์ลินกันก่อน
เพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึง ห้อง 201
ก๊อกๆเซบาสเตียนเคาะประตูก่อนจะค่อยเปิดประตูแล้วหลีกทางให้ชิเอลเดินเข้าไปก่อน จากนั้นตนค่อยเดินตามหลังมาเป็นคนสุดท้าย
และเมื่อทั้งสองได้เข้ามาในห้องกันแล้ว 
"เมย์ลิน!!"ชิเอลร้องเรียกพรางรีบเดินตรงมาดูอาการของสาวใช้ใกล้ๆด้วยความรู้สึกสงสารเวทนา ซึ่งสภาพของเธอยังคงนอนแน่นิ่งมีผ้าพันแผลเอาไว้หลายจุดเกือบทั่วตัว มีสายระโยงระยางของการให้น้ำเกลือ แม้เธอจะหนีพ้นจากความตายมาได้แต่สภาพร่างกายของเธอบอบช้ำเต็มทีคงต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรพพยาบาลต่ออีกหลายวันทีเดียว
"นายน้อยใจเย็นๆก่อน เมย์ลินต้องปลอดภัยแน่ๆครับ"เซบาสเตียนเอื้อมมือมาแตะไหล่ชิเอลปลอบโยน
"ไม่มีวิธีรักษาที่ดีกว่านี้แล้วเหรอเซบาสเตียน เลือดของนายสามารถเยียวยารักษาบาดแผลนี่ เอาเลือดของนายมาให้ยัยนี่ดื่มทีสิ "ชิเอลหันมาถามเพื่อขอให้พ่อบ้านหาทางช่วยให้สาวใช้กลับมาหายดีดังเดิมเร็วๆ
"คงไม่ได้ขอรับ เลือดของผมไม่สามารถรักษาบาดแผลให้กับมนุษย์ได้ จะรักษาได้เฉพาะกับปีศาจเท่านั้น"เซบาสเตียนหลับตาพูดอย่างปลงๆ
"งั้นไม่มีคาถาอะไรที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเลยเหรอ ยัยนี่อาจจะเป็นแผลติดเชื้อ นายเคยพูดเอาไว้ว่าถ้าหากบาดแผลติดเชื้อจะทำให้คนตายได้ไม่ใช่เหรอ แล้วนี่เมย์ลินจะมีโอกาสรอดมัย"ชิเอลหันมาถามด้วยท่าทีวิตกกังวลกลัวว่าสาวใช้คนนี้จะตาย
"คงต้องปล่อยไปตามยะถากรรม เราคงช่วยอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้ว ปล่อยให้ทางหมอมนุษย์รักษาเถอะนายน้อย เราไปเยี่ยมเจ้าสองคนนั้นต่อดีกว่าเดี๋ยสเราจะไปธุระกันต่อ"เซบาสเตียนพูดอย่างปลงๆเขาไม่อาจรักษาบาดแผลให้กับมนุษย์ได้ คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอจัดการไป ก่อนจะชวนชิเอลพาไปเยี่ยมพวกบันโดกับฟินนี่ต่อ
"เดี๋ยวสิ เซบาสเตียน ใจคอนายจะปล่อยเอาไว้แบบนี้เหรอ ยัยนี่อาการแย่เต็มทีแล้วนะ"ชิเอลรั้งเอาไว้ด้วยสีหน้าวิตก มองดูสภาพของหญิงสาวที่หลับสนิทอย่างเวทนา
"อย่ากังวลไปเลย ผมเชื่อว่าเมย์ลินต้องหายป่วยได้แน่ๆ อย่าลืมสิยัยนี่อึดจะตาย ไม่ตายง่ายๆหรอกนะครับแต่จะฟื้นเมื่อไหร่นั้นผมไม่อาจบอกได้เราไปได้แล้วล่ะนายน้อย "เซบาสเตียนยืนหันหลังทำท่าจะเดินไปที่ประตูเขามั่นใจว่าเมย์ลินอึดพอตัวทีเดียวคงไม่ตายง่ายๆหรอก
"หา..แต่ว่า.."ชิเอลลังเลยังอดกังวลไม่ได้
"เชื่อมือของหมอเถอะน่า ผมมั่นใจว่ายัยนี่ต้องปลอดภัยแน่ๆขอรับ"เซบาสเตียนพูดให้กำลังใจพรางเดินตรงมาคว้าแขนชิเอลลากไปที่ประตู พาออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
ชิเอลเดินตามมาสีหน้ายุ่งคิ้วขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ เขาไม่เข้าใจเลยว่าตอนนี้เซบาสเตียนคิดหรือรู้สึกยังไงกันแน่ ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นว่าเมย์ลินจะไม่เป็นอะไรทั้งๆที่สภาพของเธอย่ำแย่แบบนั้นแล้วแท้ๆ
"เดี๋ยวสิ ไม่มีคาถาอะไรรักษาเลยเหรอ นายเป็นปีศาจน่าจะรู้วิธีรักษาบ้างสิ"ชิเอลยังตะคิดตะขวงใจ เขาไม่เชื่อหรอกว่าเซบาสเตียนจะไม่รู้วิธีรักษา
"ไม่มีขอรับ"เซบาสเตียนพูดด้วยท่าทีเย็นชา สีหน้าแลดูเจ็บปวด ใช่ถ้าเขารู้วิธีรักษาเจมส์และคนอื่นๆที่เคยอยู่กับเขาคงจะไม่ตายไปหรอก
"ไม่จริง นายโกหก นายต้องช่วยยัยนั่นได้สิก็นาย.."ชิเอลต่อว่าพรางกระชากมือของตนออกมาจากมือใหญ่ของพ่อบ้าน แล้วมองจ้องหน้าชายตรงหน้าอย่างไม่พอใจ
"ผมเป็นปีศาจ ไม่ใช่เทวดา ที่จะมีอิทธฤทธ์ในทางเยียวยารักษาชีวิตมนุษย์ แค่นี้ผมก็ฝ่าฝืนกฏของเผ่าพันธุ์มามากแล้ว อย่าให้ผมต้องล้ำเส้นไปมากกว่านี้เลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอไปเถอะ เราไปเยี่ยมฟินนี่กับบาร์ดกันดีกว่านะขอรับ"เซบาสเตียนพูดท่าทีจริงจังก่อนจะเดินตรงมาคว้าแขนชิเอลลากพาเดินไปยังห้อง 203 ซึ่งเป็นห้องพักผู้ป่วยชายรวม
".........."ชิเอลถึงกลับพูดไม่ออกยอมให้พ่อบ้านพาตรงไปยังห้อง 203 ไปเยี่ยมฟินนี่กับบันโดต่อ
และพอเซบาสเตียนกับชิเอลมาถึงหน้าห้อง 203 
ก๊อกๆเซบาสเตียนก็เคาะประตูก่อนตามมารยาท แล้วเปิดประตูเดินเข้าไปซึ่งครั้งนี้เขาเดินนำนายน้อยเข้าไปข้างในก่อน
และพอเข้ามาข้างในกันหมดแล้ว ชิเอลจึงหันไปมองรอบๆห้องซึ่งในห้องนี้มีเตียงคนป่วยอยู่สิบเตียงที่กำลังนอนและมีผ้าม่านคั้นเอาไว้
"เอ่อ..ทำไมคนไข้เยอะจัง แล้วเจ้าสองคนนั้นอยู่เตียงไหนกันล่ะเนี่ย"ชิเอลบ่นพรางสอดส่ายสายตากราดมองไปรอบๆหาเตียงของคนรู้จักไปพรางๆ
"เตียงที่ 4 กับเตียงที่ 6"เซบาสเตียนตอบเสียงเรียบพรางชี้มือไปยังเตียงเป้าหมายในทันที ก่อนจะเดินนำทางไป
ชิเอลจึงพยักหน้าให้แล้วเดินตามไป และพอมาถึงก็เห็นสภาพของคนรับใช้หนุ่มทั้งสองซึ่งมีสภาพดูไม่จืดเลยทีเดียว เตียงที่ 4 คือร่างของเด็กหนุ่มร่างเล็กมีผ้าพันแผลพันเกือบเต็มตัวและขาข้างหนึ่งมีเฝือกสีขาวเคลือบเอาไว้หนาเตอะจนเกือบเป็นเท้าช้างเลยทีเดียว และขาข้างนั้นถูกพาดเอาไว้กับเชือกผ้าหนาๆที่ผูกตรึงเอาไว้กับเสาเตียง 
"ฟินนี่"ชิเอลส่งเสียงเรียกอย่างตกใจไม่นึกว่าฟินนี่จะมีสภาพแบบนี้ จากนั้นก้ยืนนิ่งไม่พูดอะไรอีกมองดูสภาพของคนรู้จักด้วยความเวทนาสงสารอีกเช่นกันและรู้สึกผิดต่อคนพวกนั้นเพราะคิดว่าตนเป้นต้นเหตุที่ทำให้คนพวกนี้ต้องมารับเคราะห์แบบนี้
เด็กหนุ่มขาหักสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกตนอยู่ จึงค่อยๆลืมตาขึ้นมามองอย่างดีใจ
"อ่ะ..นะนายน้อย...คุณเซ..บาส..เตียน"ฟินนี่พยายามพูดด้วยเสียงแผ่ว ขาดห้วง 
"นายเป็นยังไงบ้าง"เซบาสเตียนถามเสียงเรียบ หันไปมองดูชิเอลที่ยังคงยืนก้มหน้ามองพื้นไม่พูดไม่จากับใครเลย ท่าทางแบบนั้นคงกำลังรู้สึกผิดอยู่สินะ
"ผมสบายดีครับ ถึงแม้ตอนนี้ขาของผมจะหัก ซี่โครงเดาะไปไม่กี่ซี่ก็เถอะ แต่ก็ยังพอลุกไหวนะ ก็ผมแข็งแรงนี่นา หมอบอกว่าอีกไม่นานจะเอาเฝือกออกได้แล้วล่ะ ว้าดูสิขาผมยังกับเท้าช้างเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า"ฟินนี่พูดด้วยท่าทีร่าเริง
"หึหึหึ..พูดได้แบบนี้คงไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ ขอให้หายไวๆนะฟินนี่"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆอวยพรให้หายเจ็บไวๆ
"ครับคุณเซบาสเตียน"ฟินนี่พูดยิ้มๆอย่างร่าเริง เขาเป็นเด็กหนุ่มที่เข้มแข็งมากเลยทีเดียวแม้จะเกิดเรื่องร้ายๆกับตนแต่ก็ยังสามารถยิ้มได้เสมอ
ชิเอลยังคงยืนนิ่งไม่พุดอะไรเลย ถึงแม้จะได้เห็นรอบยิ้มของฟินนี่เขาก็ยังอดรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี เซบาสเตียนเห็นแบบนั้นจึงเอามือมาแตะไหล่พูดปลอดโยน
"ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะขอรับ เดี่ยวอีกไม่กี่วันคนพวกนี้ก็จะกลับมาเดินเหินได้ปกติแล้ว "เซบาสเตียนพุดปลอบอย่างอ่อนโยน
"แต่ว่าฉัน..ฉัน.."ชิเอลยังอดรุ้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี
"ไม่เป็นไรแล้วครับนายน้อย ผมสบายดี"ฟินนี่เองก็พุดปลอบชิเอลด้วยเช่นกัน เพราะเขารู้ว่าเด็กคนนี้คงรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้คนพวกนี้ต้องมาบาดเจ็บหนักขนาดนี้ เพราะเขาคนเดียว 
"แต่ว่า..ที่ทุกคนโดนทำร้ายแบบนี้ก็เพราะฉัน"ชิเอลพูดอย่างเศร้าๆ
"เอาน่าไม่มีใครโทษว่าเป็นความผิดของคุณหรอกนะขอรับ มันเหตุสุวิสัย "เซบาสเตียนเอามือมาลูบผมชิเอลปลอบโยน
"ใช่แล้วล่ะ มันเป็นเหตุสุวิสัย ไม่มีใครผิดหรอกนะครับ อย่าคิดมากสินายน้อย ผมไม่เป็นอะไรแล้วนะ"ฟินนี่พูดปลอบส่งยิ้มร่าเริงไปให้เพื่อปลอบใจมาสเตอร์ตัวน้อยให้หายวิตกกังวลและเลิกโทษว่าเป็นความผิดของเค้าเสียที
"เอ่อ..แต่ว่า..ฉัน.ฉัน."ชิเอลพยายามจะโต้แย้ง
ฟินนี่กลัวว่าเรื่องจะเลยเถิดจึงรีบเปลี่ยนเรื่องหันไปถามเซบาสเตียนเกี่ยวกับเมย์ลินเพื่อตัดบท
"เอ่อ..แล้ว..คุณเมย์ลินล่ะ คุณเซบาสเตียนตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้างครับ"ฟินนี่ถามเขาอดห่วงสาวใช้เมย์ลินไม่ได้
"ยัยนั่นยังไม่ฟื้นเลย แต่อีกไม่นานก็คงจะฟื้นเองนั่นแหละ"เซบาสเตียนบอกด้วยท่าทีจริงจัง เขามั่นใจว่าเมย์ลินต้องฟื้นและหายป่วยได้แน่ๆ
"อ่า...งั้นหรือครับ...ผมได้แต่หวังว่าคุณเมย์ลินจะฟื้นได้เร็วๆ ฟื้น..เร็วๆ"ฟินนี่พูดอย่างมีความหวังเสียงเริ่มขาดห้วงตาหลี่ปรือด้วยความอ่อนล้าจากการฟืนร่างกายพูดมากไปหน่อยจึงทำให้อ่อนเพลียผลอยหลับไปแทบจะทันที
"อ้าว เป็นอะไรไปน่ะฟินนี่..เฮ้อแค่หลับไปนั้นเอง...ท่าทางนายคงจะเหนื่อยสินะ นอนพักไปก่อนละกันขอให้หายไวๆนะ.."เซบาสตียนอุทานเดินมาดูอาการของฟินนี่ใกล้ๆพอเห็นว่าเด็กหนุ่มผมทองขาหักแค่นอนหลับไปเฉยๆเขาก็ถอนใจอย่างโล่งอก และทำท่าจะเดินไปดูอาการของบันโดต่อ
"ไปดูอาการของบันโดต่อดีมัยขอรับ นายน้อย"เซบาสเตียนหันมาชวนชิเอล
"อืม ฟินนี่หลับไปแล้วนี่ ไปสิ"ชิเอลพยักหน้าเห็นด้วย
เขาทั้งสองก็เดินไปอีก2เตียงก็พบกับสภาพที่ดูไม่จืดเลยของบันโด
"โห..นี่เค้าพันผ้ากันขนาดนี้เลยเหรอ ยังกับมัมมี่แน่ะ ท่าทางบันโดจะมีแผลเต็มตัวเลยสินะ"ชิเอลพูดอย่างตกใจที่ได้เห็นสภาพของบันโดที่นอนอยู่เตียงที่หก ที่อดีตพ่อครัวถูกพันผ้าจากหัวจรดเท้าจนมิดเหมือนมัมมี่
"นั่นสิขอรับ"เซบาสเตียนพยักหน้าเห็นด้วย 
"เอ้ย..ใครมาพูดข้างๆเตียงตูฟะ หนวกหูเว้ย คนจะนอน"บันโดจึงรู้สึกตัวพอตื่นมาก็โวยวายทันทีทั้งที่ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูเลยว่าใครพูดเยาะเย้ยหาว่าเขาเป็นมัมมี่
"ไงบาร์ดท่าทางนายยังสบายดีอยู่สินะ โวยวายได้แบบนี้น่ะ"เซบาสเตียนเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี
"หือ.."มัมมี่พ่อครัวร่างกำยำค่อยๆลืมตาขึ้นมาดูเพราะเสียงที่ทักมาฟังดูคุ้นๆ
"อ้าวเซบาสเตียน..นายน้อย.."บันโดจึงร้องทักอย่างดีใจที่ได้เห็นคนทั้งสองมาเยี่ยม
"ทำไมนายถึงมีสภาพเป็นแบบนี้ล่ะ บันโด"ชิเอลถามเสียงเรียบ
"ก็เจ้าหมอบ้านั่นน่ะสิ มาจับฉันพันผ้ามันบอกว่ามีแผลเต็มตัวก็ต้องพันให้หมดทั้งตัว เรื่องพันตัวน่ะมันไม่เท่าไหร่หรอกแต่ว่า ดันมาพันหัวให้อีก นี่ฉันไม่ได้หัวแตกสักหน่อยมาพันหัวพันผ้าทำไมไม่รู้ แบบนี้มันจงใจแกล้งกันชัดๆเจ้าหมอบ้านั่น อึ้ยน่าโมโหชะมัด"บันโดบ่นให้เซบาสเตียนกับชิเอลอย่างไม่สบอารมณ์ เกิดอาการยั๊วหมอที่มาจับเขาพันผ้ามิดตัวเป็นมัมมี่แบบนี้
"หึหึหึ นายคงโดนหมอแกล้งจริงๆนั้นแหละ"เซบาสเตียนพูดเสียงเยาะๆ
"นี่อย่ามาหัวเราะเยาะฉันเซ่ เซบาสเตียน รีบหาทางเอาผ้าบ้าๆนี่ออกไปจากหัวจากหน้าฉันสักทีได้มัย มันน่ารำคาญอึดอัดจะตายชัก"บันโดโวยใส่อย่างหงุดหงิด เขาอยากจะเอาผ้าพันแผลพวกนี้ออกจะแย่แล้ว
"เอาไงดีนายน้อย"เซบาสเตียนหันมาถามก่อนเพื่อความแน่ใจ
"ทำตามที่บันโดขอละกันเซบาสเตียน เอาผ้าพันหัวกับหน้าออกซะ "ชิเอลหลับตาสั่งด้วยความเห็นใจ ถึงแรกๆมันจะดูตลกอยู่ก็เถอะแต่แบบนี้ก็หน้าสงสารเหมือนกันนี่นา
"ครับ"เซบาสเตียนตอบรับ จากนั้นก็มาช่วยบันโดแกะผ้าพันแผลออกจากหัวและใบหน้าออกในทันที
และเพียงไม่นานก็แกะผ้าพันแผลออกจากหัวและหน้าของบันโดออกจนหมดเหลือแต่ช่วงตัวเอาไว้
"เฮ้อ....ค่อยหายใจหายคอโล่งหน่อยเจ้าหมอบ้านั่นคอยดูนะถ้าเจอตัวจะตะบันหน้าให้ เจ็บใจนักบังอาจมาแกล้งตู ขอบใจนะเซบาสเตียน ขอบคุณนะครับนายน้อย"บันโดถึงกลับหายใจยาวออกมาด้วยความผ่อนคลายหายใจได้โล่งสะดวกขึ้นเยอะเมื่อเอาผ้าพันแผลออก
"อืม...ท่าทางพวกนายคงไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วล่ะ เซบาสเตียนเราไปรับทานากะกันเถอะ"ชิเอลพยักหน้าให้อย่างโล่งใจก่อนจะเดินไปหาเซบาสเตียนแล้วดึงชายเสื้อของเขาเอ่ยปากชวนไปรับพ่อบ้านชราทานากะมาที่นี่เพื่อจะได้มีคนคอยดูแลคนเจ็บทั้งสามนี้แทนพวกเขา
"ครับ"เซบาสเตียนตอบรับพรางเดินมารวบตัวชิเอลขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนอย่างกระทันหัน
"เหวอ...!!"ชิเอลร้องลั่นอย่างตกใจ
"หึหึหึ"เซบาสเตียนหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งนายน้อยให้ตกใจได้เสมอเลย
"อึ้ย!! จะอุ้มทำไมไม่บอกก่อนเล่าตกใจหมด เจ้าบ้า!!"ชิเอลโวยใส่หน้าแดงซ่านด้วยความเขิน ก็เจ้าพ่อบ้านเล่นมาอุ้มเขาต่อหน้าบันโดเลยนี่นา เป็นใครก็ต้องเขินกันทั้งนั้นแหละ
"หึหึหึ"เซบาสเตียนได้แต่หัวเราะอย่างขบขันกับท่าทีเขินของชิเอล
"หึหึหึ ท่าทางนายน้อยดูมีความสุขดีนะครับ"คราวนี้บันโดเป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง 
"มีความสุขบ้าบอะไรกัน พูดมากน่า >////< รีบๆนอนพักไปเลยไปบันโด.. ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะเซบาสเตียน อึ้ย ปล่อยเซ่!!"ชิเอลหน้าแดงกล่ำดิ้นพลาดๆร้องโวยวายจะลงให้ได้
"อย่าดิ้นสินายน้อย เดี๋ยวเราจะไปรับคุณทานากะกันไม่ใช่เหรอครับ"เซบาสเตียนพูดพรางพยายามจับยึดตัวชิเอลอุ้มไว้ในอ้อมแขนไม่ยอมปล่อยให้ลงไปง่ายๆทั้งที่คนถูกอุ้มพยายามดิ้นจะลงให้ได้ก็ตาม
"ก็นายจะมาอุ้มทำไมเล่า ฉันโตแล้วนะปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้ ฉันจะเดินเอง นี่คือคำสั่ง!!"ชิเอลสั่งไปพรางดิ้นไปพรางจะดึงดันให้พ่อบ้านปล่อยตัวเขาลงให้ได้
"ก็ได้ครับ"เซบาสเตียนยอมตามใจปล่อยตัวชิเอลลงทันที
พอถูกปล่อยตัวลงแล้วชิเอลก็หันมามองหน้าเซบาสเตียนทำตาขวางใส่อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินสะบัดก้นหนีออกไปจากห้องทันทีอย่างงอนๆ
ปั้ง!! แล้วกระแทกประตูปิดอย่างแรงเลยไม่เกรงใจคนป่วยคนอื่นๆในห้องเลย
"อ้าว.."ทั้งเซบาสเตียนทั้งบันโดต่างร้องอุทานพร้อมกันและมองหน้ากันและกัน
"ท่าทางนายน้อยจะงอนซะแล้วนะเนี่ย เซบาสเตียน รีบไปตามสิ"บันโดบอกยิ้มๆ
"หึ ไม่ล่ะ ปล่อยให้งอนไปก่อนเถอะเดี๋ยวนายน้อยก็หายงอนไปเองแหละ ว่าแต่เช้านี้พวกนายกินอาหารกันหรือยังล่ะ"เซบาสเตียนถามต่อ
"ยังเลยฉันพึ่งตื่นเองเนี่ย ไม่รู้ว่าที่คลีนิคแห่งนี้จะมีอาหารเลี้ยงหรือเปล่า นี่ก็เริ่มจะหิวแล้วด้วยสิ"บันโดบอกพรางเอามือคลำท้องตนเองเบาๆ
"คงมีแหละมั้ง เดี่ยวฉันจะไปถามหมอให้แล้วกัน ถ้าหากไม่มีอาหารให้เดี๋ยวค่อยไปซื้ออีกที"เซบาสเตียนบอกอาสาจะไปถามหมอเรื่องอาหารของคนไข้
"อืม..ขอบใจนะเซบาสเตียน"บันโดพูดด้วยความซาบซึ้งใจ
เซบาสเตียนพยักหน้าให้ทีหนึ่งก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักคนไข้รวมเดินไปหาพวกหมอเพื่อถามเกี่ยวอาหารของคนป่วย
"คุณหมอครับ"เซบาสเตียนเอ่ยเรียกเพราะพอเขาเดินไปตามทางก็เจอหมอสวมชุดกราวสีขาวเข้าพอดี
"อ่า ครับ ว่าไงครับ"หมอหนุ่มท่าทางใจดีหยุดเดินหันมาถาม
"ที่นี่เค้ามีอาหารไว้บริการให้คนไข้หรือเปล่าครับ"เซบาสเตียนถามเสียงเรียบ
ส่วนชิเอลที่กำลังงอนตุ้บป่องแต่เดินไปไม่ไกลสักเท่าไหร่หยุดชะงักแล้วตัดสินใจเดินย้อนกลับมาทางเก่าทันทีเมื่อได้ยินเสียงของพ่อบ้านเอ่ยเรียกหมอตามทางเดินแถวๆหน้าห้องพักคนไข้
"มีครับแต่ไม่ได้ให้กินฟรีนะ เพราะค่าอาหารจะรวมไปกับค่ารักษาพยาบาลด้วยน่ะครับ ทางคลีนิคไม่มีงบมากพอที่จะเลี้ยงอาหารคนไข้ได้ทั้งหมดน่ะครับ ดังนั้นจึงตัดปัญหาในการให้บริการจะมีสำหรับผู้ป่วยที่ลงทะเบียขอใช้บริการอาหารคนไข้และจะคิดไปพร้อมกับค่ารักษาครับ"หมออธิบายเงื่อนไขของการให้บริการอาหารของคนไข้
"งั้นหรือครับ ตกลงผมขอใช้บริการอาหารคนไข้สำหรับทั้งสามคนครับ ค่าใช้จ่ายต่างๆผมจะเป็นคนจัดการเองทั้งหมด"เซบาสเตียนบอก
"ครับงั้นเชิญมาลงสมัครขอใช้บริการที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ที่ชั้นหนึ่งได้เลยครับ แล้วทางคลีนิคจะจัดอาหารไว้บริการคนไข้ให้เองครับ"หมอหนุ่มบอกยิ้มๆก่อนจะเดินจากไปยังห้องตรวจทำหน้าที่หมอต่อ
ชิเอลกำลังแอบดูพ่อบ้านอยู่ตามซอกหลืบ และได้ยินการสนทนาของทั้งสองด้วยทำให้เขานึกขึ้นมาได้ถึงค่าใช้จ่ายเรื่องทั้งค่าอาหารและค่ารักษา เขาดันลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย 
"ค่ารักษาและค่าอาหารของสามคนนั้น เจ้าอีกาเป็นคนออกเองทั้งหมดเหรอ ทำไมถึงไม่สั่งจ่ายด้วยบัญชีของเราล่ะ ต้องคุยให้รู้เรื่อง"ชิเอลหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจไปคุยกับเซบาสเตียนเขาไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครมากนัก
"เซบาสเตียน..เดี่ยวก่อน แฮ่กๆ"ชิเอลจังตัดสินใจวิ่งตามพ่อบ้านลงบันไดไปที่ชั้นหนึ่ง ด้วยท่าทางหอบเล็กน้อยจากการวิ่ง
"เห"เซบาสเตียนหยุดเดินหันมามองข้างหลัง
"อ้าว นายน้อยหายงอนผมแล้วหรือครับ"เซบาสเตียนถามยิ้มๆ
"ชิ เปล่าสักหน่อย ใครงอนนายไม่ทราบ"ชิเอลหลับตาเชิดใส่ รีบปฎิเสธทันที
"หึ...งั้นผมคงเข้าใจผิดไปเอง นึกว่าคุณกำลังงอนผมอยู่ซะอีก อุตส่าห์วิ่งหนีออกไปจากห้องทั้งที"เซบาสเตียนพูดด้วยท่าทีเยาะๆ
"เปล่า..ไม่ได้งอนสักหน่อย แค่จะไปห้องน้ำต่างหาก"ชิเอลหันหน้าหนีพูดแก้ต่างด้วยท่าทีเขินๆหน้าแดงเล็กน้อย
"งั้นหรือครับ เข้าใจล่ะ ทีแท้นายน้อยรีบไปท้องน้ำนี่เอง ไอ้ผมก็ดันคิดมากนึกว่าที่นายน้อยหนีไปเพราะโกรธผมซะอีก เฮ้อค่อยสบายใจหน่อย"เซบาสเตียนหันมาพูดยิ้มๆ
"หึ"ชิเอลเค่นหัวเราะแล้วยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง
"แล้วนายน้อยตามผมมาทำไมหรือครับ"เซบาสเตียนถามต่อ
"ก็นายจะพาฉันไปหาทานากะไม่ใช่เหรอ หรือนายจะทิ้งให้ฉันเดินไปเองจริงๆ"ชิเอลพูดอย่างไม่พอใจที่ได้ยินคำถามแบบนี้
"ผมยังไม่ไปตอนนี้หรอกต้องไปทำเรื่องขอใช้บริการอาหารให้พวกนั้นก่อน"เซบาสเตียนบอก
"ฉันก็..จะไปกับนายด้วยไง เรื่องค่าใช้จ่ายนายโอนเข้าบัญชีของฉันได้เลยนะ เจ้าสามคนนั้นเป็นคนของฉัน จะให้พ่อบ้านอย่างนายมาออกค่าใช้จ่ายแทนได้ยังไง ในเมื่อฉันเป็นนายใหญ่ของแฟนท่อมไฮด์ก็ต้องให้ฉันรับผิดชอบสิ"ชิเอลพูดอย่างจริงจังเขาจะออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
"หึ เก็บเงินของคุณไว้เถอะ ตอนนี้แฟนท่อมไฮด์ยังไม่มีรายได้อะไรเข้ามาเลยไม่ใช่เหรอครับ ก็กิจการของคุณถูกปิดไปนานแล้วนี่ เก็บเงินไว้ใช้ยามจำเป็นดีกว่านะครับ"เซบาสเตียนพูดเตือน
"ไม่..ฉันไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร แค่นายมาคอยเลี้ยงดูฉัน แค่นี้ฉันก็ชดใช้ให้นายไม่หมดแล้ว ขอให้ฉันได้รับผิดชอบในเรื่องนี้เถอะ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะเซบาสเตียน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดขอให้โอนสั่งจ่ายมาที่บัญชีของฉันนี่คือคำสั่ง"ชิเอลพูดด้วยท่าทีจริงจัง
"เห แต่ว่า.."เซบาสเตียนพยายามโต้แย้ง
"ทำตามที่สั่ง โอนค่าสั่งจ่ายมาที่บัญชีของฉัน เข้าใจมัยเซบาสเตียน"ชิเอลสั่งอย่างเชียบขาดด้วยท่าทีมุ่งมั่น
เซบาสเตียนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างชื่นชมยินดี
"เข้าใจแล้วครับ มายลอร์ด "เซบาสเตียนตอบรับพร้อมกับคำนับให้ชิเอลทีหนึ่งก่อนจะเดินตรงมาคว้าแขนนายน้อยของเขาพาเดินไปด้วยกัน
แล้วเซบาสเตียนก็พาชิเอลลงบันไดเดินมาตามทางจนถึงโต๊ะประชาสัมพันธ์ชิเอลก็เป็นฝ่ายติดต่อกับพยาบาลประชาสัมพันธ์สาวแทนพ่อบ้าน เพราะกลัวเจ้าอีกานั่นจะหว่านเสน่ห์ใส่พวกพนักงานประชาสัมพันธ์ไปซะก่อนน่ะสิ (หึง)
"นายไปนั่งรอตรงนั้นเดี๋ยวฉันจะกรอกเอกสารพวกนี้เอง "ชิเอลออกคำสั่งตอนนี้เขาได้เอกสารสำหรับทำการลงทะเบียนขอใช้บริการอาหารคนไข้มาแล้วและกำลังทำการกรอกข้อมูลอยู่
"ครับ"เซบาสเตียนพยักหน้ารับยอมเดินมาหาที่นั่งรอนายน้อยของเขาอย่างว่าง่าย เพราะตนเข้าใจดีว่าเด็กคนนั้นพยายามจะกีดกันเขาออกห่างๆพวกสาวๆแน่นอนเลยล่ะ ถึงได้อาสาจะติดต่อทำเรื่องต่างๆด้วยตัวเองไปแบบนี้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา