ผจญภัยในสุสานกษัตริย์ ตอน สุสานจิ๋นซี

-

เขียนโดย Lunalily

วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 09.49 น.

  11 บท
  2 วิจารณ์
  12.94K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 เมษายน พ.ศ. 2558 10.27 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

8) รางวัลชิ้นโต

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

บทที่8

รางวัลชิ้นโต

 

 

 

ทุกคนมองหน้ากันแล้วยิ้มเจื่อน ในนี้เคยมีศพผู้หญิงแต่บัดนี้มันกลับหายไปแล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่มีรอยงัดของโลงยิ่งแล้วใหญ่ พี่ชินดงพอเห็นพวกผมทำหน้าไม่สู้ดี ก็ตบไหล่ผมเบาๆปลอบว่า "เอาน่า จะมีศพหรือไม่มีก็ไม่เห็นจะต้องทำหน้าเครียดกันแบบนี้ พวกคุณทำหน้าอย่างกับว่าศพมันจะลุกขึ้นมาจับพวกคุณหักคออย่างนั้นล่ะ"

"คุณเป็นชาวต่างชาติจะรู้อะไร เวลาคว่ำกรวยก็คงเจอแต่กรวยธรรมดาล่ะสิ ที่นี่คือที่ไหน สุสานฉินสือหวงนะ สมัยจ้านกั๋วไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ของวิเศษคุณก็อาจจะเจออยู่ที่นี่" อาลี่หางว่าหัวเสีย แล้วก็หันไปด่าลูกน้องของเขาว่า "พวกเอ็งเดินเพ่นพ่านแบบนี้อยากตายหรือไง กลับมารวมกลุ่ม!" ทุกคนรีบเดินมาหาอาลี่หางทันที ผมเห็นบางคนถือเครื่องเคลือบกลับมาด้วย มือไวกันจริงๆ

ผมก้มลงมองดูฝาโลง ปล่อยให้พวกเขาคุยกัน อ่านประวัติของสนมลี่เฟยคร่าวๆ เธอคือองค์หญิงต่างแคว้นที่ถูกถวายตัวให้ฉินสือหวง อายุเพียงแค่สิบแปดชันษาเท่านั้น เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ดังนั้นเธอจึงได้รับพระราชทานยาพันปี นางเสวยยาต่อหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้ หากจะพูดง่ายๆก็เหมือนฮ่องเต้ให้นางเป็นหนูลองยา ปรากฏว่าหลังจากที่พระราชทานยาได้ไม่นานฮ่องเต้ก็สวรรคต นางถูกฝังร่วมอยู่ภายในตำหนักแห่งนี้ พออ่านแล้วก็รู้สึกขนลุกพิลึก ไม่รู้ว่ายาพันปีอะไรนั่นจะได้ผลหรือเปล่า หรือว่านางจะกลายเป็นผีดิบไปแล้วศพถึงหายไปแบบนี้

เฮียฟานหยิบปืนออกมาแล้วขึ้นลำไว้ บอกกับทุกคนว่า "ระวังตัวหน่อย ที่นี่อาจมีกำดัก หากไม่เจอบ๊ะจ่างก็ต้องเจอกับดักอยู่ดี" อาลี่หางจึงบอกให้ทุกคนเตรียมปืนเอาไว้แล้วมองไปรอบๆห้องมืดทึบ ยิ่งไม่เจอศพก็เหมือนมีหอกข้างแคร่ จะทำอะไรก็ต้องยิ่งระวังตัว ต้องคิดเผื่อเอาไว้ก่อนเสมอ

เหิงอี้บอกกับอาลี่หางว่า "ที่นี่เป็นห้องปิดตาย ผนังห้องเหมือนกันหมด หาทางไปต่อไม่ได้" อาลี่หางพยักหน้า ถามเฮียฟานว่า "จะเอายังไงต่อ"

เฮียฟานยักไหล่ หันมามองผมแวบหนึ่ง ผมเดาสายตาเขาไม่ถูกไม่รู้ว่าคิดอะไร เฮียหันกลับไปคุยกับตาแก่ พูดว่า "ผมมาหาสมบัติ ที่นี่เป็นถึงห้องของสนมลี่เฟยต้องเป็นที่โปรดปรานแน่ๆ หยิบอันไหนก็มีราคาทุกชิ้นพอได้ของแล้วผมกับน้องชายก็จะกลับออกไปทันที"

ชั่วขณะนั้นผมรู้สึกดีใจ แต่ก็เสียดายนิดหน่อย ไหนๆก็มาถึงสุสานแล้วก็อยากรู้อยากเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในเมื่อเฮียทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับผม ตอนนี้ ความคลางแคลงใจที่เคยมียกออกไปจากอกจนหมด

อาลี่หางพยักหน้า "เอาอย่างนั้นก็ได้ ถ้าคุณกลับเราก็จะกลับ แล้วหันไปหาลูกน้องของเขาสั่งว่า "หยิบเอาไปที่จำเป็น อย่าเอาขยะออกไปล่ะ" ทุกคนยิ้มหน้าบานกันถ้วนหน้า อาลี่หางเหลือบมองเฮียฟาน สีหน้าแปลกประหลาด จากนั้นก็เดินไปมุมหนึ่งของห้อง

ผมรู้สึกว่าสองคนนี้มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลแน่ๆ แต่ผมยังหาสาเหตุไม่ได้ ผมหันไปทางเหว่ยถิง หมอนั่นหน้าเสียเล็กน้อย ผมเลยด่ามันว่า "คราวหลังนายไม่ต้องมายุยงให้ฉันกับเฮียแตกคอกันเลย ไม่งั้นฉันลบนายออกจากคำว่าเพื่อนแน่"

เหว่ยถิงหน้ายุ่ง ถอนลมหายใจแล้วบอกผมว่า "อืม ฉันขอโทษ สงสัยห่วงนายเกินไป ทำไงได้เตี่ยนายฝากฉันไว้อีกทีนี่หว่า" พอมันว่าจบก็เดินไปหาอาลี่หางทันที สงสัยอยู่ตรงนี้แล้วอึดอัด ทนสายตาของเฮียฟานที่จ้องจะจับแดกหัวไม่ไหว

ตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเราแยกกันออกเป็นสองกลุ่ม ผมกับพวกเฮียแยกหาของอีกทางหนึ่ง อาลี่หางก็ไปอีกทางหนึ่ง เฮียฟานเลือกไปทางมุมที่ยังไม่มีใครเดินไปสำรวจ พวกเราเดินส่องไฟไปทั่ว ที่นี่มีแต่เครื่องเคลือบสมัยราชวงศ์ฉิน จับชิ้นไหนก็ดูมีราคา

ผมเดินเพลินไปหน่อย ไม่ได้ดูข้างหน้าไม่รู้ว่าพวกเฮียหยุดเดินกันตั้งแต่เมื่อไร กระแทกเข้าเต็มหลังพี่ชินดงเต็มแรงแทบหงายหลัง ผมคลำหัวป้อยๆกะจะด่าสักหน่อย แต่เห็นพวกเฮียเขาพบอะไรบางอย่าง ผมชะเง้อคอมอง พอเห็นเครื่องทองเท่านั้นล่ะ ปากค้างแทบหุบไม่อยู่

"งานนี้เรารวยเละแล้วล่ะโว้ย" พี่ชินดงยิ้มจนปากฉีก เดินเข้าไปที่แท่นเล็กๆนั่น คล้ายกับเป็นสถานที่จำลองส่วนพระราชวังของฮ่องเต้ฉิน ผมเห็นแล้วก็รู้สึกทึ่ง งานแกะสลักเครื่องทองในสมัยนี้ยังเทียบชั้นกับสถานที่จำลองนี่ไม่ได้เลย

"โชคของเราแล้ว ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตมากก็รวยได้แค่คืนเดียว ชินดง แกยกมันออกไปหมดนี่แหละ" เฮียฟานสั่ง เขาเดินเข้าไปแล้วมองมันใกล้ๆ

สถานที่จำลองเล็กแห่งนี้สร้างด้วยหยกเนื้ออ่อนชั้นดี ทำเป็นฐานพระราชวัง ตรงกลางคว้านเป็นบ่อน้ำ ประดับด้วยเพชรพลอยเหมือนทำเป็นสระบัว ตัวตำหนักสร้างด้วยทองคำทั้งหมด ส่วนกลางเหมือนเป็นแท่นรูปปั้นรูปหงส์ฟ้า สลักจากทองคำแท้บริสุทธิ์ทั้งหมด

ผมเห็นแล้วก็มือสั่น ไม่เคยเห็นอะไรที่วิจิตรงดงามเช่นนี้มาก่อน พี่ชินดงมือไวแถมตาไวด้วย เข้าหยิบหงส์ฟ้านั่นขึ้นมาแทบไม่ต้องลังเล แต่เมื่อคว้าได้ก็ต้องร้อง "หืม?" แล้วดึงมันขึ้นมาสองสามทีแต่ก็ไม่หลุด

เฮียฟานถาม "อะไร" พี่ชินดงตอบว่า "ไอ้หงส์ตัวนี้ติดแน่นชิบหายเลย" แล้วก็ฮึดดึงขึ้นมาอีกสองสามที เฮียฟานเห็นแล้วก็ขัดใจลองดึงบ้าง แต่ดึงเท่าไรก็ดึงไม่ออก แรงขนาดพี่ชินดงยังดึงไม่ขึ้นแล้วเฮียฟานนี่คิดว่าจะดึงได้หรือ ส่วนผมยืนมองพวกเขาปล้ำหงส์ฟ้านั่นอยู่นานก็มองเห็นปัญหา บอกพวกเขาว่า "พวกเฮียถอดมันไม่ถูกหลักหรือเปล่า มา เอาเดี๋ยวเฟิงจัดการเอง"

ผมไล่พวกเฮียออกไป แล้วถกแขนทำท่าโชว์พาว นี่ขนาดต้องให้ผมออกโรงพวกเฮียนี่ไม่ไหวเลยจริงๆ ผมจับตัวหงส์ฟ้ากับแท่นสี่เหลี่ยมเล็กๆที่เป็นฐาน แล้วบิดหมุนไปมาทีสองที พอรู้หลักว่าควรบิดไปทางไหน ก็หมุนมันดังกริ๊กหงส์ฟ้าหลุดคามือออกมาเฉย

พี่ชินดงตบหลังผมเข้าป้าบ! "เฮ้ย เก่งนี่หว่าไอ้น้องชาย ไม่เสียแรงที่เป็นน้องอี้ฟานมัน" แรงของพี่แกไม่ใช่น้อยทำเอาผมจุกฝืนยิ้มเจ็บปวด ส่วนเฮียนี่แย่ยิ่งกว่า พี่แกคว้าหงส์ฟ้าไปจากมือผมแล้วยัดใส่กระเป๋าหน้าตาเฉย

ผมบ่นอุบ ด่าไปถึงบรรพบุรุษเฮียแก แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ผมรู้สึกว่าพื้นห้องมันสั่นๆชอบกล ได้ยินเสียงกลไกอีกแล้ว!

เฮียฟานมองหน้าผมผมก็จ้องตาแกตาปริบๆ ยังมีหน้ามาถามผมว่า "เฟิง แกทำอะไรลงไป"

ผมเลยด่ากลับไปให้ "ทำบ้านเตี่ยสิ ยังจะมีหน้ามาถาม" แล้วพื้นก็สั่นอย่างต่อเนื่อง ผมได้ยินเสียงโวยวายจากอีกฝั่ง พร้อมๆกับเสียงร้องของพวกอาลี่หาง

พวกเรามองหน้ากัน ท่าไม่ดีแล้ว รีบวิ่งกลับไปอีกฝั่งของห้องทันที พอมาถึงก็เห็นเหว่ยถิงมันนอนกลิ้งอยู่กับพื้น ทุกคนหายไปเกือบหมด มีแค่เหว่ยถิง เหิงอี้ แล้วก็ลูกน้องของอาลี่หางอีกสามคน อาลี่หางกับลูกน้องเขาส่วนหนึ่งหายไป

พอผมวิ่งไปทางพวกเขา เหิงอี้ตะโกนว่า "ระวังกลไก!" แต่เขาเตือนผมช้าไป ขาผมเหยียบเข้ากับแผ่นหินแผ่นหนึ่ง มันผลุบลงไปทำเอาผมล้มคะมำ

เสียงแผ่นหินลั่น ทำให้คนของอาลี่หางอีกคนผลุบหายลงไปจากพื้น ดวงตาผมเบิกค้าง ความโกลาหนนี่ไม่ทันได้ตั้งตัว

เฮียกับพี่ชินดงหยุดวิ่ง ตะโกนถามเหิงอี้ที่หมอบอยู่อีกด้านว่า "ตาแก่เซี่ยนั่นหายไปไหน" เหิงอี้หน้าไม่ดี ตะโกนกลับมาว่า "ไม่รู้ไอ้จังไรตัวไหนโดนกลไกภายในห้องเข้า อยู่ๆกลไกก็ทำงานพาพี่ใหญ่ผมผลุบหายไปด้านข้างแผ่นหินนั่น" แล้วเขาก็ชี้ไปอีกด้านของห้อง ผมใจหายวาบ พอมองไปมันดูเหมือนผนังธรรมดาดูไม่เหมือนมีกลไกเลยด้วยซ้ำ อาลี่หางหายไปยังไงของเขา

แต่คำด่าของเหิงอี้นี่ทำเอาผมแทบสะอึก ดูท่าไอ้หงส์ฟ้าที่นอนสบายอยู่ในกระเป๋าเฮียฟานนี่จะเป็นตัวปัญหาซะแล้ว

ตอนนี้ทุกคนอยู่ในความกดดันไม่กล้าขยับ ไม่รู้ว่าภายในห้องนี้จะมีลูกเล่นอะไรอีก เหว่ยถิงมันลุกขึ้นนั่งปัดฝุ่น สีหน้าไม่ดี ไอ้หมอนี่มันเป็นลูกคุณหนูไม่เคยทำอะไรลุยๆ พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ร้อนรน ถามว่า "ทำไงดี ทำไงดี อาลี่หางหายไป แบบนี้ก็แย่สิ ผมยังไม่อยากมาตายในสถานที่น่ากลัวแบบนี้หรอกนะ!"

พอเฮียได้ยินคำอัปมงคลก็ด่าลั่น "ไอ้ห่านี่ อยู่ในที่แบบนี้เขาพูดเรื่องตายๆกันหรือ ฮึ ถ้าอยากตายนักเดียวข้าส่งเอ็งไปเฝ้ายมบาลเอง" ไม่ว่าเปล่ายังเล็งปืนสั้นใส่เหว่ยถิงมันอีก ผมรีบยกมือห้าม ปัดมือให้เฮียลดปืนลง บอกว่า "ใจเย็นเฮีย อย่าถือสามันเลย"

เฮียทำหน้าขัดใจจากนั้นก็ลดปืนลง แต่ลดปืนแค่แปบเดียวเท่านั้น แทบจะเรียกว่า ขยับปืนลงแล้วยกขึ้นมาใหม่ ผมนี่ใจหายวาบ นึกว่าเฮียมันไม่ยอม แต่สีหน้าเฮียเปลี่ยนไป จากอารมณ์หงุดหงิดกลายเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที พอผมเห็น ก็เดาอารมณ์เฮียไม่ถูกว่าจะเอาอารมณ์ไหนกันแน่ แต่ตอนนี้ทุกคนเงียบหมด เหมือนกำลังกดดัน

ผมเห็นพี่ชินดงตาเหลือกมองไปทางเหว่ยถิง ผมเลยหันไปมองด้วยความงุนงง แต่เมื่อหันไปมองเท่านั้นล่ะ อื้อหือ หนังหัวผมชายิบ มันเสียววาบไปทั้งร่างกายนอนแข็งทื่อมันอยู่กับที่ นั่นมันตัวบ้าอะไรวะ

ไอ้ตัวประหลาดจะว่าคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง ผมไม่รู้จะอธิบายลักษณะของมันยังไง แต่มันน่ากลัวมาก มันเกาะอยู่ตามผนังห้องแหงนคอมองมาทางพวกเราประมาณสองสามตัว ไม่รู้ว่ามันออกมากันตั้งแต่เมื่อไร เมื่อก่อนหน้าไม่เห็นมีวี่แววว่าจะมีไอ้ตัวพวกนี้

พี่ชินดงปากไว ร้องถามว่า "เชี่ย! นั่นมันห่าไรวะ กอลั่มหรอ?" ยกตัวอย่างได้เป๊ะมาก จริงอย่างที่พี่แกว่า พวกมันเหมือนกอลั่มในเรื่องเดอะลอดออฟเดะริง แต่อัปลักษณ์กว่ามาก ตาโตๆแทบถลนออกมา หัวเล็กๆปากเล็กๆแต่ฟันยาวคมครบทุกซี่ ตัวมันแห้งกรังเสื้อผ้าขาดวิ่ง บางตัวไม่มีเสื้อผ้าใส่เนื้อตัวมันเป็นเลื่อม มีคราบขาวเกาะอยู่เต็มตัวน่าขยะแขยง

พอเฮียฟานได้ยินก็บอกว่า "กอลั่มบ้านมึงสิ นั่นมันบ๊ะจ่าง" พอพี่ชินดงได้ยินก็ร้อง "ฮะ?" เฮียแกส่ายหน้าแล้วพูดว่า "ระวังตัว ไอ้พวกนี้ต้องเป็นศพฝังร่วมที่กลายเป็นบ๊ะจ่างแน่ๆ ไม่รู้ว่ามันรอดมาถึงพันปีได้ยังไง"

พอผมได้ยินก็กลืนน้ำลายอึก หันไปทางเหว่ยถิงที่เอาแต่กวาดตามองมาข้างหน้า ไม่รู้ห่าไรเลยว่าข้างหลังมึงอ่ะอยู่กันเป็นฝูง ผมเห็นเหิงอี้ขึ้นลำปืนตัวเอง ตาจ้องไปทางไอ้ผีพวกนั้นตาไม่กระพริบ กะว่า ถ้าไอ้ตัวห่าพวกนั้นลงมาเมื่อไร เขาจะซัดโป้งส่งมันไปยมโลกในทันที

ตอนนี้ทุกคนต่างเหงื่อแตกพลั่กไม่กล้าขยับเขยื้อน ยิ่งไอ้ตัวพวกนั้นมันอยู่นิ่งๆจ้องมาทางพวกเรา ก็ยิ่งเพิ่มความกดดันเป็นสิบเท่า ผมจ้องไอ้ตัวพวกนั้นตาไม่กระพริบ นึกในใจว่าแย่แล้ว อาวุธป้องกันตัวก็มีแต่มีด แค่มันกระโจนใส่ผมนี่ก็น้ำลายฟูมปากแล้ว จะเอาอะไรไปสู้กับมัน

 หันไปสบตาเฮีย ถามทางสายตาว่าจะเอายังไง เฮียชี้ไปทางประตูทางด้านหลังตำหนัก สื่อว่าให้พวกเราหนีกลับออกไปทางนั้น แต่พอผมสาดไฟฉายไปทางประตูลับ ไอ้พ่อมึงตรัย! ประตูลับปิดสนิทไปแล้ว

ผมหันกลับมามองเฮีย เฮียแกรู้แล้วก็ยิ่งชักสีหน้าเครียดใหญ่ เหงื่อแตกออกมาเป็นเม็ดๆ เหิงอี้เตะก้อนกลมเล็กๆก้อนหนึ่งมาทางผม เรียกร้องความสนใจ พอผมหันไปมองเขามุ่ยปากไปอีกด้านหนึ่งของห้อง ปรากฏว่ามีประตูลับเปิดอยู่ ภายในประตูมืดทึบมองไม่เห็นไรสักอย่าง

ตอนนี้ผมถึงกับบางอ้อ คิดว่าไอ้หงส์ฟ้านั่นคงเป็นตัวหลักของกลไก พอหมุนกลไกเข้าที่ กลไกที่หยุดทำงานก็จะกลับมาทำงานอีกครั้ง ปิดประตูทางด้านหลัง แล้วประตูทางเข้าอีกทางก็จะเปิดออก แต่หายนะมาเยือนเราแล้วทีนี้ มันไม่ได้สั่งให้กลไกกลับมาทำงานธรรมดา แต่มันปล่อยตัวบ้าอะไรไม่รู้ออกมาด้วย ไม่คิดก็ต้องคิดล่ะวะว่าโลกนี้จะมีอะไรที่เหนือธรรมชาติอยู่

ในขณะที่พวกเรากำลังขบคิดหาทางหนีทีไล่ใหม่ เหว่ยถิงมันดันสบตาเข้ากับกอลั่มพวกนั้น ไอ้บ้านั่นเห็นก็ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ แหกปากร้องลั่น

ที่นี้ล่ะเหวย ไม่รู้อะไรเป็นอะไรมันรวดเร็วไปหมด

"ก้มหัวลง!" เหิงอี้ตะโกนลั่นห้องแล้วซัดโป้งใส่กอลั่มตัวหนึ่งกระเด็น พวกมันพุ่งเข้าหาเราเหมือนลิงหิวโซที่พุ่งแย่งเอาอาหาร เฮียพุ่งเข้ามาดึงคอผมให้ลุกขึ้นตาม จากนั้นก็มีเสียงดังโป้ง! เฉียดหัวผมไป

เหิงอี้กำลังคุ้มกันให้เราอยู่ที่มุมนั้น ผมหันกลับไปมองว่าข้างหลังเรามีอะไร พอเห็นเท่านั้นล่ะ โอ้ยๆ ตายๆ นี่มันกะเอาถึงตาย ผีนางสนมที่หายไปที่แท้ห้อยหัวอยู่ข้างหลังเรานี่เอง

ไม่มีเวลามาร้องแหกปาก เสียงปืนจากลูกน้องของอาลี่หางก็รัวลั่นห้อง ยิงมั่วกันไปหมด ไอ้ผีพวกนั้นก็รวดเร็วเกินไปทำให้ยิงว่าวไปหลายนัด บางตัวหล่นลงมาต่อหน้าผมกับเฮีย เกือบโดนมันตะครุบใส่หน้าเข้าให้ ดีที่ว่าเฮียมือไวซัด โป้ง โป้ง โป้ง ใส่หัวจนมันแน่นิ่ง

พี่ชินดงนี่ก็อ้วนพลิ้ว พี่แกหมุนตัวคว้าเอาปืนMR5ที่หล่นอยู่ กลิ้งไปตามพื้น สอยกอลั่มพวกนั้นจนกระเด็น รีบพุ่งไปรับตัวเหว่ยถิงที่เอาแต่นั่งหลับหูหลับตายกมือปิดหูอยู่

เหิงอี้ตะโกนบอกเราว่า "หนีออกไปเร็ว ไอ้พวกนี้มันเคลื่อนตัวเร็วเกินไป!"

ผมเลยถามว่า "จะให้หนีไปไหนเล่า ไปทางไหนก็เจอแต่กับดัก" ไม่ทันขาดคำ ลูกน้องของอาลี่หางคนหนึ่งไม่รู้เหยียบโดนอะไรเข้า พื้นที่เขาเหยียบกลับเปิดออกแล้วผลุบหายลงไปทันที ทีนี้ล่ะต่างคนต่างขวัญกระเจิงทำอะไรไม่ถูก ยิ่งขาดผู้นำอย่างอาลี่หางก็กลัวตายกันหมด

ตอนที่ผมกำลังคลานหลบกระสุน เฮียฟานที่อยู่ข้างๆก็หมุนตัวยิงไปข้างหลังอีกสองโป้ง ควักเอาลูกกระสุนบรรจุมาใหม่รวดเร็วราวกับมืออาชีพ ผมหันไปมองข้างหลัง แม่นางลี่คนนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้เจอหนุ่มๆมานาน พอเห็นแล้วก็กรี๊ดกร๊าดใหญ่ เจอลูกปืนเข้าไปถึงกับร้องโหยหวนแสบแก้วหู

เฮียหมุนตัวกลับมา แล้วคว้าเอาแขนผมให้ลุกขึ้นวิ่งไปทางประตูลับที่เปิดออกบานนั้น ผมชะลอฝีเท้าหันไปมองข้างในห่วงคนที่เหลือ แต่กลับเห็นพี่ชินดงพาเหว่ยถิงกลิ้งไปตามพื้น ได้ยินไอ้เพื่อนมันร้องแอ่ก สงสัยไส้ในบี้แบนหมดแล้ว พากันกลิ้งขลุกๆแล้วก็ผลุบหายไปในไม้กระดานพับ ทะลุออกไปอีกด้านของห้อง ผมช็อกปากค้างทำไรไม่ถูก

เหิงอี้เห็นผมชักช้าบอกว่า "รีบไปเร็วๆ! ที่เหลือผมจะถ่วงมันไว้" พอเหิงอี้เตือน เฮียฟานที่วิ่งนำผมไปก็วิ่งกลับมา ตบหัวเตือนสติผมป้าบหนึ่งแล้วลากผมวิ่งเข้าไปในทางประตูลับ ผมได้ยินเสียงปืนลั่นอยู่หลายนัดจากนั้นก็เงียบเสียงไป

พวกเราวิ่งไปตามทางเดินระเบียง แสงไฟฉายวูบไหวไปตามจังหวะการวิ่ง ส่องเห็นหุ่นเครื่องปั้นทหารของฉินสือหวง ยิ่งสร้างบรรยากาศให้น่ากลัวเข้าไปอีก ได้ยินเสียงครึกครึกครึกเหมือนหุ่นพวกนั้นลมลง ดูเหมือนว่ามีตัวอะไรวิ่งตามหลังเรามา

ผมหันไปร้องบอกเฮีย "เฮีย! ตัวอะไรตามมาไม่รู้" เฮียฟานแกหมุนตัวกลับไปแล้วยิงโป้งสามที วิ่งยิงไปด้วย สั่งผมเสียงห้วนว่า "วิ่งเร็วๆหน่อยเซ่ อยากอยู่เป็นเพื่อนนางสนมนั่นหรือไง" พอโดนสั่งแบบนี้ผมก็ใส่เกียร์เต็มกำลัง วิ่งแม่งตาตั้งไม่สนห่าไรแล้ว

วิ่งมาได้สักพักไม่รู้นานแค่ไหนจนหายใจหายคอแทบไม่ทัน ก็หันไปทางเฮีย กะจะถามว่าพอได้ยัง พอหันไปเท่านั้น อ้าวเฮ้ย! ไอ้เฮียหายไป

คราวนี้แหละ ความซวยยิ่งกว่าซวย ซวยอภิมหาซวยเลยก็ว่าได้ ผมเอี้ยวตัวไปทางด้านหลังคิดว่าเฮียอาจจะตามมา แต่ขาดันสะดุดอะไรไม่รู้เข้าเลยหงายหลังกลิ้งไปหลายตลบ ยันตัวลุกขึ้นนั่งร้องโอดโอย สงสัยเนื้อตัวถลอกหมดแล้ว ส่องไฟฉายไปตามทางเดินที่เราวิ่งมา เฮียฟานหายไปจริงๆ ไม่รู้คลาดกันตรงไหน แต่พวกเราก็วิ่งมาทางตรงนี่หว่าไม่น่าจะหลง เป็นไปไม่ได้!

หัวใจผมเต้นแรงด้วยความกลัวระทึก หอบหายใจหนัก คิดว่ามันคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว หรือว่าเฮียฟานมันเสร็จแม่นางนั่นไปแล้ว? แต่พอผมได้หายใจสักพัก เสียงครึกครึกก็ก้องมาอีก เวรเอ๊ย! ไม่รู้จะเนื้อหอมไปไหน

ผมมองซ้ายมองขวามองหาอาวุธแข็งๆ กะบวกแม่ม แต่สายตาดันสะดุดเข้ากับแท่งเรืองแสงบางอย่าง พอสาดไฟเข้าไปพบว่ามันเป็นห้องๆหนึ่ง เป็นช่องหินที่แหวกให้ผมตะแคงผ่านไปได้ ผมนี่ไม่ต้องคิดอะไรมาก รีบลุกขึ้นพรวดเข้าไปในช่องนั้นไม่คิดชีวิต คิดในใจว่า ไม่ได้แอ้มข้าหรอกแม่นาง จากนั้นก็หมุนตัวกลับมา ส่องไฟออกไปภายนอก

เสียงเคลื่อนไหวดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนมันหยุดอยู่หน้าช่องนั้น เสียงกรีดร้องนั่นดังชัดเจนจนผมปวดหู ทำอะไรไม่ถูก ตื่นตระหนก เดินถอยหลังไปเรื่อยๆด้วยความหวาดกลัว ขาเขอนี่อ่อนละทวยไปหมดแค่สะดุดอะไรเข้าหน่อยก็หงายหลังล้มตึง!

ไม่รู้ว่าสะดุดอะไรเข้า แต่ทำให้ผมด่าเช็ดยันโคตรเง่ามัน พอมือไปโดน  สัมผัสนิ่มๆ หยุ่นๆ เหมือนก้อนเนื้อเละๆ อะไรซักอย่าง ผมหันไปมอง เห็นแท่งเรืองแสงกลิ้งอยู่ข้างๆ พอรู้สาเหตุไอ้สิ่งที่ทำให้ผมหงายหลังก้นจ้ำเบ้าแล้วเท่านั้นล่ะ บัดซบ! แม่งศพคนตาย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา