แอบรัก

9.5

เขียนโดย Omoji

วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.27 น.

  74 ตอน
  990 วิจารณ์
  103.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558 15.51 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

63) แอบรัก ตอนที่63

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่63

เว็บขีดเขียน

 

                                         …………………..ต่อ……………..

   ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่ป๊อปพูดเลยสักนิดเดียว และฉันก็ตกใจมากๆที่เห็นตำรวจเดินเข้ามาฉันถูกพี่ป๊อปลากจนมาถึงห้องของคุณภาคิน และคุณระวีก็ยังคงอยู่เช่นเดิม

 

“คุณยังไม่กลับก็ดีแล้ว”  พี่ป๊อปเอ่ยพูดกับคุณระวี

 

….

 

“คนทำผิดก็ต้องถูกลงโทษใช่มั๊ยล่ะ” พี่ป๊อปหมายความว่ายังไง..

 

    พี่ป๊อปกระชับมือฉันแน่นกว่าเดิมแล้วเดินตรงไปยังแม่เลี้ยง ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับตำรวจสองสามนายที่เดินเข้ามาภายในห้อง

 

“พี่ป๊อปมันอะไรกันคะ”  ฉันกระซิบถามอย่างมึนงง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มกระตุกมุมปากที่ฉันมั่นใจได้เลยว่าพี่ป๊อปต้องมีแผนอะไรบางอย่าง

 

“เชิญครับคุณตำรวจ คนร้ายที่ทำให้พ่อผมเป็นแบบนี้ก็คือ”  พี่ป๊อปทำสิ่งที่ฉันไม่คาดฝันเมื่อเอ่ยประโยคถัดมา

 

 

“ผู้หญิงคนนั้น”

 

   คุณระวี

 

“คุมตัวเธอไว้”  เสียงตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้นแล้วเข้ารวบตัวของคุณระวีไว้อย่างรวดเร็ว

 

“ทำบ้าอะไรน่ะฮะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!

 

“จับไปเลยครับคุณตำรวจ” 

 

   ฉันมองพี่ป๊อปกับคุณระวีอย่างอึ้งๆ

 

“พี่ป๊อปมันไม่แรงไปหน่อยหรอ”  ฉันกระตุกชายเสื้ออของพี่ป๊อปเพื่อถาม

 

“ไม่หรอก คนผิดก็ต้องถูกลงโทษ”

 

“แต่

 

“เงียบเถอะน่า” ทำไมต้องมองฉันด้วยสายตาน่ากลัวแบบนั้นด้วย! เชอะ!

 

   เงียบก็ได้

 

                                ………………….ต่อ……………..

   ผมทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้วล่ะครับ ผู้หญิงคนนี้ไม่สมควรที่จะอยู่บ้านของผมอีกต่อไป และไม่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวด้วยซ้ำ

 

“ป๊อปปี้ทำแบบนี้ทำไมฮะ!

 

“คุณทำให้พ่อผมต้องเป็นแบบนี้! มันก็สมควรแล้วที่ต้องถูกจับ”

 

“ไม่นะ! ฮึก ฮือออ ป๊อปปี้อย่าทำกับฉันแบบนี้เลยนะ..ฮืออ” 

 

“หึ ผู้หญิงอย่างคุณไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้นแหละจับไปเลยครับคุณตำรวจ”  ผมบอกกับตำรวจจนสุดท้ายตำรวจก็ลากตัวของยัยแม่มดออกจากห้องไป

 

“เดี๋ยวผมเชิญคุณไปห้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับ” พูดจบตำรวจนายนั้นก็เดินออกตามไปติดๆ

 

 

“พี่ป๊อป” ฟางเอ่ยเรียกผมด้วยน้ำเสียงสั่น

 

 

“ร้องไห้อีกแล้วหรอหื้ม ขี้แยชะมัด”  ผมเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าของฟาง ผู้หญิงอะไรร้องไห้ได้ทุกสถานการณ์

 

 

“ฮึก ฮืออ ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย”

 

“นางเอกจังเลยนะ” ผมพูดติดตลก และฟางก็ทุบอกผมไปหนึ่งที ยัยบ๊องเอ๊ยย

 

“บ้า! แล้วพี่ป๊อปจะเอา ฮึก ยังไงต่อ”

 

“ไม่รู้เหมือนกัน”

 

“อ่าว”

 

“จะคิดมากทำไม ตอนนี้เรื่องทุกอย่างมันใกล้จะจบอยู่แล้ว..” ผมดึงฟางเข้ามาประชิดตัวอีกหนจนหน้าเราสองคนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก

 

 

“ถ้าเธอยอมเปิดใจ

 

   ผมพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า มันฟังให้รู้สึกใจเต้นแรงหัวใจผมทำงานอย่างหนักเมื่อเราหน้าใกล้กันจนจมูกชนกันไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่ผมชอบที่จะมองหน้าฟางใกล้ๆ บางทีผมคิดว่าถ้าผมทำแบบนี้ฟางจะเข้าใจอะไรๆมากขึ้นก็ได้

 

“ป๊อป..ปี้”  เสียงนั่น?!

 

“พ่อ!” เมือ่ผมหันไปเห็นผู้เป็นพ่อค่อยลืมตาขึ้นมามันเหมือนปาฏิหาริย์ ผมค่อยๆผละออกจากฟางแล้วรีบวิ่งไปยืนข้างเตียงของพ่ออย่างรวดเร็ว

 

 

“แค่กๆ นะ..น้ำ”  น้ำเสียงติดแหบพูดขึ้น ผมหันไปทำท่าว่าจะรินน้ำให้แต่โชคดีที่ฟางยื่นน้ำมาให้ผมซะก่อน

 

 

“นี่ค่ะ”

 

“หึ”  ผมกระตุกยิ้มน้อยๆ ถ้ามีแฟนแบบนี้ก็คงดีสินะ….ไม่นานหรอกผมว่า คิคิ

 

“ค่อยๆกินนะพ่อ” ผมค่อยยกแก้วน้ำป้อนให้พ่ออย่างเบามือ

 

“เดี๋ยวฉันไปตามหมอมาให้นะคะ” ผมหันไปพนยักหน้าให้ฟางก่อนที่เธอจะรีบวิ่งออกมา

 

 

    ไม่นานนักหมอก็เข้ามาภายในห้องพร้อมตรวจเช็คร่างกายของพ่อผมอย่างละเอียดผลที่ได้กลับมาคืออาการของพ่อดีขึ้นและนอนโรงพยาบาลอีกสักอาทิตย์นึงก่อนจะกลับบ้านได้ ผมหันไปยิ้มให้กับฟางที่ส่งยิ้มมาที่ผมเช่นกัน

 

 

   เฮ้อออ รู้สึกดีจัง  จนกระทั่งหมอเดินออกจากห้องไปผมจึงเดินเข้าไปหาพ่อ

 

“ป๊อปฉันขอโทษแกด้วย”  ผมได้ยินเช่นนั้นมันทำให้หัวใจผมกระตุกวูบ ผมเอื้อมมือกอบกุมมือของผู้เป็นพ่อไว้แน่นราวกับต้องการปลอบโยน

 

“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษพ่อน่ะ”  ถ้าผมอยู่มันคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้เพราะผมอาจเป็นเพราะผมแค่คนเดียงเลยก็ได้ที่ใช้อารมณ์เป็นหลัก

 

แกไม่ผิดป๊อปปี้..แกไม่ได้ผิดเลยสักนิด เพราะฉัน..ถ้าฉัน..เชื่อแกตั้งแต่แรก..เรื่องก็คง..ไม่เป็นแบบนี้

 

 

   น้ำเสียงหดหู่นั่นผมสัมผัสมันได้..พ่อรู้สึกผิดจริงๆ แต่ผมก็ไม่อยากเห็นพ่อต้องเป็นแบบนี้เลยจริงๆ..ไม่อยากเห็นใครต้องร้องไห้เสียใจเพราะผมอีก

 

 

พ่อไม่ต้องโทษตัวเองหรอกครับ..เมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วเราก็ไปแก้ไขอะไรไม่ได้..ผมว่าเรามาทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่าครับ

 

   ผมพูดแล้วยิ้มให้กับพ่อ ท่านเองก็ยิ้มตอบผมเช่นกัน ไม่นานร่างของผมก็ถูกพ่อดึงเข้าไปกอด..ความอบอุ่นที่ผมไม่เคยได้รับจากท่านเลย..ผมต้องการความรู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว..

 

พาฟางมาด้วยหรอ…” พ่อผละออกจากผมแล้วหันไปหาฟางที่ยืนอยู่ด้านหลัง..

 

ครับ..พามาด้วย

 

หึฉันพูดจริงๆนะป๊อปฟาง..เธอไม่ต้องแสดงละครอีกต่อไปแล้วล่ะ

 

 

   อึก!ผมเบิกตากว้างไม่ต่างจากฟาง ผมหันไปหาพ่อด้วยความแปลกใจ พ่อรู้..พ่อรู้ว่าเราแสดงกัน

 

พ่อรู้..”

 

ไม่มีพ่อคนไหนที่ไม่รู้เกี่ยวกับลูกตัวเองหรอกนะ..ถึงแม้บางทีฉันอาจจะไม่ใช่พ่อที่ดี

 

“….”

 

แต่ฉันก็พอจะรู้ว่าที่แกทำไปก็เพราะประชดฉันอยู่..ต่อจากนี้ถ้าเหนื่อยเกินไปก็พอได้แล้วนะหนูฟาง..แกด้วยป๊อปปี้..ถ้าไม่รู้สึกอะไรไปเล่นอะไรแบบนั้นไม่ดีหรอกนะ เข้าใจมั้ย

 

   ผมไม่รู้ว่าฟางจะเป็นยังไง..จะรู้สึกแบบผมบ้างรึเปล่า เพราะตอนนี้ผมรู้สึกหน่วงไปทั้งหัวใจ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพียงเพราะการแสดงละครตบตาพ่อ..แต่ตอนนี้..มันก็ถึงเวลาที่จะจบสักที

 

คือพ่อ..”

 

ค่ะ..หนูเองก็ไม่อยากจะปิดบังท่านอีกต่อไปแล้ว..หนูเองก็เหนื่อยเหมือนกัน..เหนื่อยเต็มที เรื่องนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ หนูขอโทษนะคะคุณภาคิน

 

                          ………….ต่อ…………..

  ฉันไม่รู้ว่าพี่ป๊อปจะคิดยังไง..แต่ทุกอย่างมันก็แค่การแสดงอย่างที่คุณภาคินบอก และเมื่อคุณภาคินก็รู้หมดทุกอย่างแล้วบางทีเรื่องนี้มันก็ควรจะจบสักที..

 

  ฉันเองก็อยากจะจบเพราะฉันเหนื่อย..เหนื่อยเต็มทีกับการเดาใจของใครบางคนที่ไม่รู้ว่าคิดยังไงกับเรา..

 

นี่เธอ” พี่ป๊อปหันมามองฉันอย่างไม่เข้าใจ ฉันทำได้เพียงแค่หลบสายตาคู่นั้น

 

“หึ ไปเคลียกันเอาเองล่ะ เรื่องนี้ฉันขอไม่ยุ่ง”

 

   ฉันไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตาพี่ป๊อปเลยสักครั้งหลังจากที่ตอนนี้เรากำลังเดินทางไปถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำ แน่นอนว่าวิ่งที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องจริง เพราะเมื่อฉันกลับมาคิดทบทวนดูแล้วมันก็ไม่เห็นจะมีอะไรแน่นอนได้เลยว่าพี่ป๊อปรักฉัน

 

“ที่เธอพูดแบบนั้นมันหมายความว่าไง”  พี่ป๊อปเอ่ยเปิดเรื่องขึ้น

 

“ก็หมายความอย่างที่พูด” ฉันตอบโดยหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเดิม

 

“เธอเหนื่อยมากใช่มั๊ยที่ต้องวิ่งไล่ตามฉันน่ะ” 

 

   ความจริงมันไม่ใช่เรื่องนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะ แต่ฉันเหนื่อยที่จะต้องคาดเดาจิตใจความรู้สึกของพี่ป๊อปเหมือนกัน

 

….

 

“เรื่องของเรามันเริ่มต้นจากการแสดงทั้งนั้นก็จริงแต่เธอไม่คิดบ้างหรอว่าสิ่งที่ฉันทำในบางเรื่องมันไม่ใช่การแสดงทั้งหมด”

 

….” 

 

“เธอก็คงไม่รู้หรอกว่าฉันก็เหนื่อยเหมือนกัน”

 

   พี่ป๊อปเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแผ่วเบาจนฉันรู้สึกได้แต่ฉันแค่ไม่มั่นใจในความรู้สึกนั้น

 

“เพราะเธอคนเดียวยัยบื้อ! ไม่หัดเข้าใจอะไรง่ายๆบ้างเลยรึไงฮะ!

 

“แล้วฉันต้องเข้าใจอะไรเล่า?!

 

“ทำไมต้องให้ฉันพูดด้วยวะ! ยัยโง่!

 

   ไอพี่ป๊อปด่าฉันอีกแล้วหรอ!

 

“เออ! ฉันมันโง่! โง่ที่ไปรักคนอย่างพี่จนจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย! คนอะไรทำตัวไม่ชัดเจนเลยสักนิด! อึดอัดนะเว้ย!”  O__O!! มะเมื่อกี้ฉันพูดอะไรออกไป…ม๊ายยยยยยยยยยย!!

 

O///O

 

“คึคือลืมๆมันไปเถอะค่ะ”  โอ้ยยยย ฉันอยากจะบ้าตาย หลุดปากออกไปได้ยังไงเนี่ยย แงงงTT

 

“หึ”  ไอน้ำเสียงหัวเราะในลำคอนี่เลิกทำสักทีไม่ได้รึไง ฉันโคตรจะไม่ชอบเลยนะ! ฮึ่ย!

 

    รถของพี่ป๊อปแล่นจนมาถึงสถานีตำรวจเราทั้งคู่เดินเข้าไปภายในและคนที่พบคือคุณระวี่นั่งรออยู่ตรงน้นด้วยขอบตาบวมช้ำ ฉันเดาได้เลยว่าต้องพึ่งผ่านจากการร้องไห้มาแน่ๆ

 

 

“ฮึก ฮืออ ป๊อปปี้ ฮือออ อย่าทำแบบนี้กับฉันเลยนะ” คุณระวีทำท่าว่าจะวิ่งมาหาพี่ป๊อปถ้าไม่ติดตรงที่ตำรวจควบคุมตัวของเธอไว้ซะก่อน

 

“พี่ป๊อปฉันว่าเราไปคุยกับคุณระวีหน่อยดีกว่ามั๊ย”  ฉันพูดขึ้นเมื่อสังเกตเห็นอาการของคุณระวีที่เหมือนตายทั้งเป็นด้วยซ้ำ

 

   ทำไมนะทำไมคุณระวีถึงรักพี่ป๊อปมากขนาดนี้

 

“ฉันไม่อยากคุยอะไรทั้งนั้น”

 

“พี่ป๊อป

 

“เธอคงจำฉันไม่ได้หรอก!!”  จู่ๆคุณระวีก็โพล่งขึ้นมาเสียดื้อ นั่นเรียกสายตาจากทุกคนได้เป็นอย่างดีรวมถึงพี่ป๊อปด้วย

 

“คุณพูดถึงเรื่องอะไร”  พี่ป๊อปหันไปถาม ฉันเองก็ขมวดคิ้วงงกับสถานการณ์นี้เช่นเดียวกัน

 

“รุ่นพี่อย่างฉันคงไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลยใช่มั๊ย ฮึก” 

 

                                              …………………ต่อ……………….

   ผมมองไปยังแม่เลี้ยงอย่างมึนงง ยัยนั่นพูดถึงเรื่องอะไรผมไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว..

 

“รุ่นพี่อย่างฉันคงไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลยใช่มั๊ย ฮึก”

 

  รุ่นพี่งั้นหรอ

 

“ผมไม่เข้าใจ”

 

“หึ วันนั้น

 

……………………………………..

   ย้อนกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว

 

    ป๊อปปี้ในวัยมอสาม หน้าตาหล่อเหลาไม่ได้แตกต่างจากตอนโตเลยสักนิดเดียว..เวลานี้เป็นช่วงยามเย็นแน่นอนว่าแต่ละคนแยกย้ายกันกลับบ้านกันหมดก็คงเหลือเพียงแต่เขา

 

“ฮัลโหลมึงอยู่ไหนวะครับ กูรอมึงเกือบจะครึ่งชีวิตกูแล้วนะสัด เมื่อไหร่มึงจะมาเนี่ย” ป๊อปปี้เอ่ยออกไปยังเสียงปลายสาย หลังจากที่เขารอเพื่อนสนิทอีกสองคนไปร้านเกมส์ด้วยกัน

 

   (เห้ยๆ ท่ดๆ วันนี้กูคงไปกับมึงไม่ได้ว่ะ)

 

“ว่าไงนะ?! มึงมาได้! แล้วทำไมไม่บอกกูวะ! ปล่อยให้กูนั่งเป็นหมาไม่แดกแบบนี้อยุ่ได้”

 

   (พอดีที่บ้านโทรตามกูกลับว่ะ ส่วนไอโทโมะมันก็บอกจะรีบกลับไปซักผ้าแม่มันโทรตาม--*)

 

“อ้าวอิ้เหี้ย! แล้วกูล่ะ? มึงจะให้กูกลับไปขัดรองเท้าให้พ่อหรอ ไอเพื่อนเวรทั้งสองของกู-_-

 

   (เออๆ มึงจะไปขัดรองเท้าหรือแดกรองเท้าก็เรื่องของมึงแระ วางล่ะนะ บายส์)

 

   ตุ๊ด ตู๊ด ตู๊ด

 

“เห้ย! ฮัลโหลๆ! ไอเขื่อนหัวฟวย! ฮัลโหลๆ ห่าเอ๊ยยย”  ป๊อปปี้ยีหัวตัวเองอย่างอารมณ์เสียสุดๆ

 

   เขาเดินเตะฝุ่นอย่างคนไร้ที่ไป ตอนนี้แม่ก็คงอยู่บ้านแต่เขากลับรู้สึกไม่อยากกลับบ้านพิกล

 

“อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย”   เสียงกรี๊ดของใครคนนึงทำให้ป๊อปปี้ต้องหยุดชะงักฝีเท้าแล้วเงี่ยหูฟังให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น..

 

“ช่วยด้วยยยยยย! อร๊ายยยยยยยยยยยยยย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วยยยย!

 

“ชิบหาย”  ป๊อปปี้ไม่รอช้าอีกต่อไป เขาใช้สองเท้ายาวก้าวออกไปตามเสียงนั้นวิ่งระยะไกลที่ใช้ความเร็วเท่าๆกับวิ่งร้อยเมตร

 

    เมื่อมาถึงสิ่งที่เขาเห็นคือผู้หญิงคนหนึ่งกำลังโดนลวนลามจากชายฉกรรจ์อีกคนนึง ป๊อปปี้ไม่อยู่ช้าอีกต่อไปเขาโยนกระเป๋านักเรียนทิ้งอย่างไม่ใยดี

 

“ทำไรวะ!

 

   ผลั้วะ!!

 

   ป๊อปปี้จับไอผู้ชายคนนึงเข้ามารุมกระทืบแน่อนว่าเขาเองก็ถูกเสยหมัดกลับไปไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้เจ็บมาก แต่สุดท้าฝ่ายนั้นก็เป็นฝ่ายหมดสภาพแล้วยอมหนีไปจนได้

 

“ฮึก ฮืออออ ฮือออ” หญิงสาวปิดหน้าร้องไห้ เธอกลัวจนตัวสั่นไปหมด

 

   ป๊อปปี้ได้แต่ยืนมองอย่างนึกสงสารทั้งสงสารทั้งกังวล เขาทำเพียงแค่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับเธอเท่านั้น

 

“พี่เป็นอะไรมากรึเปล่า”

 

“ฮึก ฮือออ ขอบคุณนะ”  หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาพร้อมคราบน้ำตาที่ยังเปื้อนอยู่แต่แล้วก็ถูกลบด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนสีฟ้า

 

“ให้ผมไปส่งมั๊ย” ป๊อปปี้เอ่ยถาม ความจริงเขาแค่รู้สึกเป็นห่วงในฐานะมนุษย์เหมือนกันเท่านั้นเอง

 

“มะไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวพี่กลับเอง ฮึก ก็ได้”

 

….

 

“น้องชื่ออะไรหรอ”  หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาถามอีกหน ป๊อปปี้คงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้หัวใจของเธอมันเต้นแรงมากแค่ไหน

 

“ผมชื่อป๊อปปี้ อยู่มอสามถ้าจำไม่ผิดพี่คงอยู่มอหกใช่มั๊ยล่ะ” 

 

“อื้อ พี่ชื่อ

 

   ตื้อดื่อดื้อดึ  ตื้อดื่อดื้อดึ  ตื้อดื่อดื้อดึ

 

“ฮัลโหลครับแม่ ครับๆผมจะรีบกลับไป”  ป๊อปปี้กดวางสายทันทีที่พูดจบ

 

“เอ่อผมต้องกลับแล้ว ไว้ถ้าเจอกันทีโรงเรียนพี่ก็ทักผมได้ งั้นผมไปก่อนนะ”  ว่าจบป๊อปปี้ก็รีบวิ่งออกไปในทันที

 

   เขาคงรีบมาจนลืมนึกไปว่าหญิงสาวยังไม่ได้บอกชื่อของตนเลย

 

 

“พี่ชื่อระวี เราคงจะได้เจอกันอีกนะ”  ระวีมองแผ่นหลังของป๊อปปี้ที่ลับหายไปไกล เธอได้แต่ยืนยิ้มเพียงคนเดียวอยู่อย่างนั้น….

 

   รักแรกสินะ

 

   ………………………………….


อัพช้าดีกว่าไม่อัพนะฮร้าา ตอนหน้าป๊อปฟางรออยู้นะแจ้ะ จะสมหวังกันยังไงก็รอติดตามพาร์ทหน้าให้ดีล่ะ อิอิ และ ณ จุดๆนี้...

 

   เม้นโล้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา