The Heart เพราะหัวใจรักใครไม่เป็น...

8.8

เขียนโดย พายุลมหนาว

วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 07.14 น.

  12 chapter
  83 วิจารณ์
  16.30K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กันยายน พ.ศ. 2558 00.03 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

6) [6] ต่อหน้าต่อตา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

 

The Heartเพราะหัวใจรักใครไม่เป็น...

 

Chapter (6)

 

 

 

            “สวัสดีครับ หมอจริญญา” พรู๊ด! แค่กๆ อีตาผอ.เล่นโผล่มาไม่ให้สุ่มให้เสียงฉันเลยเผลอพรวดกาแฟใส่หน้าเขาเต็มๆ เขาทำตาปริบๆในระหว่างที่ฉันรีบโค้งขอโทษเขาก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าซับหน้าที่ชุ่มไปด้วยกาแฟฝีมือฉัน ผอ.ยกมือห้ามแล้วดึงเอาผ้าฉันไปเช็ดต่อเอง ฉันจึงได้แต่ทำหน้าเจื่อนพลางมองพวกพยาบาทที่ขำเราสองคนอย่างอายๆ

 

 

 

            “แก้วขอโทษค่ะ ผอ. ก็คุณเล่นโผล่มาไม่บอกกล่าวกันแก้วเลยตกใจ” ฉันยิ้มแหย่มองเขาด้วยสีหน้ารู้สึกผิดสุดๆ วันแรกก็ก่อเรื่องซะแล้วเรา ซวยแท้ๆ

 

 

 

            “ไม่เป็นไรครับ ผมผิดเอง วันนี้คุณหมอเริ่มงานวันแรกสินะครับ” เขายิ้มหวานให้ฉันที่ยังยิ้มเจื่อนอยู่เบาๆ

 

 

 

            “ค่ะ วันนี้แก้วเริ่มงานวันแรก ฝากตัวด้วยนะค่ะ” แล้วอีตาผอ.นั้นก็กุมมือฉันส่งสายตาปิ้งๆเล่นเอาฉันสะดุ้ง อะไรของเขาอีกเนี่ย!?

 

 

 

            “ถ้ามีอะไรที่หมอจริญญา เอ่อ น้องแก้วอยากรู้ ผมยินดีเป็นที่ปรึกษาหรือถ้าน้องแก้วอยากจะเป็นมากกว่า..” เขาพูดจาหวานหูก้มหัวจะประทับจูบบนฝ่ามือบางของฉันแต่ไม่ทันได้ทำ  มีแฟ้มหนาเล่มใหญ่ฟาดหัวอีตาผอ.นั้นต่อหน้าต่อตาฉันด้วยน้ำมือของหมอหญิงคนหนึ่งซะก่อน O-O!? ช่างกล้า

 

 

 

            “โอ๊ย ใครว่ะ เฮือก!” อีตาผอ.หน้าซีดเป็นไก่ต้มทันทีเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนฟาดเขา ฉันรีบชักมือเก็บอย่างเร็วพลางมองแพทย์หญิงอีกคนตรงหน้าฉัน ใครล่ะนั้น?

 

 

 

            “คุณไม่มีงานมีการทำเรอะค่ะ ถึงเอาเวลามาจีบเด็กใหม่แบบเนี่ยห่ะ!” หมอหญิงคนนั้นตวาดด่าผอ.วิชิตซะหงาย ฉันว่าหล่อนต้องไม่ธรรมดาแน่ๆขนาดระดับผู้บริหารชียังกล้าด่าต่อหน้าผู้คนกลางโรงพยาบาทยังเงี่ย นับถือจริงๆ

 

 

 

            “มะๆ มีคร้าบ ขอโทษคร้าบที่ร๊ากกก” ผอ.วิชิตเสียงอ่อยเป็นลูกหมาเลยทีเดียว รีบวิ่งไปกอดอ้อนหมอหญิงคนนั้น แต่หล่อนสะบัดตัวออกแล้วชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง ที่รัก นั้นก็แฟนผอ.อ่ะดิ = =?

 

 

 

            “ถ้ามีครั้งหน้าอีก...ตาย!” เจ้าหล่อนเล่นท่าสะบั้นคอขู่ทำเอาผอ.วิชิตถอยหลังเกาะเคาร์เตอร์พยักหน้ารัวๆอย่างเข้าใจความหมายที่เธอสื่อ ก่อนที่หมอหญิงเหล็กจะเดินมาหาฉัน อย่าบอกนะว่าจะมาตบฉันหน่ะ เฮ้ย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยน้า ผอ.นั้นมันมายุ่งกับฉันเองอ่ะ >[]<!

 

 

 

            “ฉันเนตรนภาจ้ะ” หล่อนยกมือขอเช็คแฮนด์ฉันพร้อมกับรอยยิ้มดูเป็นมิตร นึกว่าจะตบฉันซะอีกรอดตัว

 

 

 

            “ค่ะ ฉันจริญญา เรียกแก้วเฉยๆก็ได้ค่ะ” เจ้าหล่อนยิ้มแล้วเรียกให้ฉันตามเธอไป ก่อนเราทั้งคู่จะมานั่งที่ร้านกาแฟเดิมที่ฉันพึ่งซื้อกินไปเมื่อเช้า =v=;; เอ๋ มาทำไมหว่า ฉันมองหญิงสาวตรงข้ามกับฉัน เธอเป็นผู้หญิงหน้าคม ทาปากแดงเข้ม ไว้ผมสั้นซอยสีดำสนิท สวมชุดเดรสทำงานแขนสั้นสีขาวส่วนประโปรงเป็นสีดำทับด้วยเสื้อกาว รองเท้าส้นสูง โดยรวมเป็นผู้หญิงที่ดูเซ็กซี่

 

 

 

            “หน้าฉันมีอะไรติดรึป่าว จ้องใหญ่เชียว” เผลอจ้องนานไปหน่อย O_o!

 

 

 

            “ไม่ค่ะ แก้วแค่เห็นชุดคุณหมอเนตรนภาสวยดี” ฉันรีบโบยไปเรื่อย เจ้าตัวก็ยิ้มแล้วจิบลาเต้ในมือต่อ

 

 

 

            “เรียกฟ้าก็ได้ เรียกเนตรนภามันดูห่างเหินยังไงไม่รู้ ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้นนะพึ่งจะสามสิบต้นๆเอง” สามสิบยังแจ๋วชัดๆ

 

 

 

            “ค่ะหมอฟ้า” ดีใจจังตอนแรกนึกว่าจะน่ากลัวซะอีก ก็ดูเฟรนลี่ดีนี้น่า หลังจากนั้นฉันก็พูดคุยกับหมอฟ้ายาวเป็นชั่วโมงก่อนที่เราทั้งสองจะแยกไปทำงานใครทำงานมัน ฉันเดินไล่ห้องคนไข้เพื่อหาใครคนหนึ่งที่ไอ้ป็อปวานฉันมา เห็นบอกเป็นผู้ป่วยทางจิตคลุ้มคลั่งเพราะโดนฉีดยาบางอย่างเข้าไปทำให้ประสาทหลอนจนเป็นบ้าและเป็นพยานปากสำคัญในการหาหลักฐานเอาผิดพวกมัน เห็นว่าผู้ป่วยจะให้การสารภาพแต่ดันถูกทำร้ายจนเป็นบ้าเสียก่อนนี้สิ แล้วคนของแสนก็ตามมาดูแลไม่ห่างบอกว่าคนของเขา เขาจะรักษาเองทำให้พวกตำรวจเข้าไปยุ่งไม่ได้

 

 

 

            “2104 2105 210.. 2107!” บิงโกเจอแล้ว มีใครแอบตามเรามาหรือป่าวนะ ฉันเบี่ยงซ้ายทีขวาที ทางสะดวกหึๆ ไหนว่าเวรยามเยอะไงไม่เห็นมีสักคนเลยไอ้ป็อป กลับไปมีเคลียร์ ฉันแง้มประตูเข้ามาในห้องขาวสว่าง มีร่างของชายคนหนึ่งถูกมัดติดกับเตียงตรึงด้วยเชือกนับสิบจากสภาพฉันเดาได้เลยว่าหมอนี้ต้องอาละวาดอย่างหนักถึงขนาดจับมัดแน่นปึก แล้วจะให้ฉันมาดูอะไรเนี่ยไอ้ป็อป

 

 

 

            “รักษามาตั้งเดือนหนึ่งแต่ไม่มีท่าทีจะดีขึ้น กลับดูโทรมกว่าเก่าซะอีก นี้มันรักษาจริงๆแน่เรอะ” ฉันไล่ดูตามเนื้อกายผู้ป่วย ยังดีที่ดูจากแฟ้มประวัติมาก่อน ฉีดยากล่อมประสาทอย่างแรงทุก 6 ชั่วโมง น่าจะฉีดไปไม่นานมานี้ หืม นี้มันรอยอะไร ที่ท้ายทอยมีรอยเหมือนฟกช้ำเลือดคลั่ง รอยฉีดยา..ปกติเขาไม่ได้ฉีดเข้าสายน้ำเกลือเหรอไม่ก็หัวไหล่ แล้วนี้มันอะไรถูกแทงจุดเดิมๆจนแผลขยายตัวช้ำหมด เลือดเป็นสีดำอีก พิษนะสิ O^O!?

 

 

 

            “ปากบอกว่าดูแล ดูยังไงก็คิดฆ่าให้ตายชัดๆ” ฉันเอาไอโฟนเครื่องขาวถ่ายจุดที่ฉันเจอเพื่อเก็บเป็นหลักฐาน เสียงฝีเท้าก็ดังมาแต่ไกลพร้อมกับเสียงพูดคุยหน้าห้อง เวรล่ะพวกมันกลับมาแล้ว

 

 

 

            แอ้ดดดดดดด.....ตึก ตึก ตึก...

 

 

 

            เสียงฝีเท้าหนักเหยียดพื้นพร้อมเจ้าของร่างชายผู้หนึ่งในชุดเสื้อกาว เขาสวมแว่นดำและผ้าปิดปากบดบังใบหน้าส่วนหัวใส่หมวกแก็ปสีดำ ร่างสูงใหญ่ค่อยๆสวมถุงมือยางแล้วหยิบเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแต่เท้าหนักก็ต้องชะงักเมื่อแปลกใจที่ประตูห้องน้ำเปิดอยู่เล็กน้อย เขาเลือกที่จะเดินมากวาดมองในห้องน้ำจับลูกบิดประตูเปิดกว้างให้ทัศนียภาพขยายออกโดยไม่รู้ว่ามีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งแอบอยู่หลังบานประตูที่เขาดัน ร่างใหญ่เลิกสนใจหันไปทำสิ่งที่ตนหมายต่อ

 

 

 

            “ใครกัน?” ฉันกุมหัวใจเต้นตึกตักๆด้วยความตื่นกลัว ยังดีที่ไหวตัวทันแอบหลบเข้ามาในห้องน้ำเสียก่อน แต่ไม่คิดว่าชายคนนั้นจะเอ๊ะใจเห็นด้วย เกือบโดนจับได้แล้วไหมล่ะ อีแก้วเอย แต่มันมาคนเดียวเหรอ นั่นพวกที่เหลือก็อยู่หน้าห้องนะสิ ดีนะที่ประตูอยู่ห่างห้องน้ำ ฉันย่องเข้าไปแอบหลังกำแพงแล้วชะเง้อดูเล็กน้อยให้พอมองเห็น เขาถือเข็มฉีดยาที่บรรจุด้วยของเหลวสีเหลืองใสดึงเอาสายน้ำเกลือมาแล้วจ่อเข็มฉีดเข้าไปจนหมดหลอด ของเหลวเข้าไปผสมกับน้ำเกลือไหลเข้าร่างกายผู้ป่วยที่ยังสลบ ผ่านไปไม่ถึงนาทีร่างของผู้ป่วยคนนั้นกระตุกดิ้นพลุ่งพล่านเหมือนคนชัก ฉันปิดปากตัวเองด้วยความตกใจก่อนที่ร่างนั้นจะแน่นิ่งไปในที่สุด ฉันรีบแอบเข้าที่เดิมพร้อมเงี่ยฟังเสียงชายร่างใหญ่นั้นเดินออกไป

 

 

 

            “แฮ่กๆๆ เฮ้อ” ฉันตั้งพยายามรวบรวมสติที่มีอยู่หลังได้ยินเสียงประตู รีบออกจากห้องน้ำมาดูร่างของผู้ป่วยที่นอนนิ่ง ไม่หายใจ ชีพจรก็หยุดเต้นไปแล้ว ฉันเห็นการฆาตกรรมต่อหน้าต่อตาแต่ฉันกลับทำอะไรไม่ได้ทำได้เพียงยืนดูเขาถูกฆ่า บ้าชะมัด ฉันเร่งออกจากห้องไปให้เร็วที่สุดเพราะถ้าขืนอยู่นานกว่านี้อาจมีคนมาเห็นเข้า

 

 

 

            “ขะ ขอโทษค่ะ” ด้วยความเร่งรีบทำให้ฉันปะทะเข้ากับร่างของคนๆหนึ่งเข้าเต็มๆ

 

 

 

            “แก้ว” ฉันเงยหน้ามองเขาก็พบว่าคนที่ชนคือ โทโมะ เขาเกลี่ยเม็ดเหงื่อบนใบหน้าสวยของฉันที่เม็ดน้ำแตกพลั่ก เขาชักสีหน้าขมวดคิ้วเป็นปม เอียงคอไปมาเหมือนกำลังจับผิดฉัน

 

 

 

            “นายมาทำอะไรที่นี้ ญาติป่วยเหรอ?” ฉันพยายามฝืนยิ้มแล้วล้วงหาผ้าเช็ดหน้าตัวเอง ก่อนจะนึกออกว่ามันไม่ได้อยู่ที่ฉัน มันอยู่กับผอ.วิชิต แล้วโทโมะก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าสีกรมให้ฉัน ฉันจึงรับมาซับหน้าตัวเอง

 

 

 

            “ขอบคุณนะ เดียวฉันซักคืนให้ล่ะกัน” โทโมะไม่พูดอะไรตามเคย ฉันเลยเลือกที่จะเงียบตามก่อนจะเหลือบเห็นในมือเขาเหมือนถือเทปอะไรบ้างอย่างแล้วมือใหญ่ก็รวบเก็บของเข้ากระเป๋าของเขาหลังรู้ตัวว่าฉันแอบมอง

 

 

 

            “ ไม่ต้องคืนหรอก ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น” แต่มันเป็นของนายนะตาบ้า จะให้เก็บไว้ได้ไงกัน แค่ยืมใช้ก็แย่อยู่แล้ว

 

 

 

            “เดียวๆ โทโมะ” ฉันรีบคว้าแขนเขาเมื่อเห็นเขาจะเดินหนีฉันเหมือนเดิม ให้ตายเหอะทำไมเขาถึงชอบหนีฉันอยู่เรื่อย

 

 

 

            “อะไร” เขามองฉันด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนที่ภาพทุกอย่างรอบตัวจะมืดลงแล้วดับสนิท...

 

 

 

 

            “โว้ย ไอ้แก้วทำไมไม่รับโทรศัพท์ว่ะ โทรเป็นสิบแล้วนะเว้ย!” ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีขาวลายหมีพูห์กางเกงยีนเอ่ยอย่างหงุดหงิด เขาโทรหาเพื่อนสาวคนสนิทเป็นสิบๆสายแต่กลับไม่มีการตอบรับเลยสักนิด แล้วพอเจ้าตัวกำลังจะกดอีกทีกลับมีเบอร์แปลกตาโทรเข้ามา

 

 

 

            “สวัสดีครับ ผู้กองภานุพูดสายอยู่ครับ” ป็อปปี้กดเปิดลำโพงแล้วนั่งลงเก้าอี้ทำงานในห้องนอนของเขาเอง

 

 

 

            “ดีคร้าบบ นี้เขื่อนเองคร้าบ จำกันได้รึป่าว” ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงสุดๆผิดกับคนที่ฟังเมื่อรู้ว่าเป็นใคร

 

 

 

            “ไอ้เชี่ยเขื่อน หายไปไหนเป็นเดือนว่ะ” ป็อปปี้ตะคอกอัดโทรศัพท์เล่นเอาปลายสายปิดหูหนีแทบไม่ทัน

 

 

 

            “ใจเย็นดิไอ้ป็อป กูก็โทรหามึงแล้วนี้ไง กว่ากูจะขอมามี้ย้ายไปนู่นได้แทบตายเลยนะ มึงอย่าพึ่งบ่นกูสิ” เขื่อนรีบบอกเหตุผลให้เพื่อนชายเย็นลง

 

 

 

            “เอ่อๆ กูขอโทษล่ะกัน แล้วมึงจะมาเมื่อไหร่แล้วเรื่องนั้นถึงไหนล่ะ” ป็อปปี้ถามเขื่อนกลับ

 

 

 

            “เรียบร้อย ไม่ต้องห่วงระดับเขื่อนซะอย่าง สบายมาก” ป็อปปี้ยิ้มทันทีหลังได้ข่าวดีจากเขื่อน

 

 

 

            “สรุปมึงมาวันไหนกูจะได้เอารถไปรับ” ป็อปปี้ถามซ้ำในทีแรก

 

 

 

            “ไม่ต้องหรอกเพื่อน กูมีรถส่วนตัวเดียวกูขับมาเองมึงเตรียมตัวพบกับรถใหม่กูได้เลย มาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ” เขื่อนหัวเราะอย่างภูมิใจ ป็อปปี้ส่ายหน้าไม่ไหวเพื่อนตัวเองก่อนเขาวางสายลงแล้วย้ำเบอร์เก่าที่โทรมาตั้งแต่เช้าแต่ผลก็ยังคงเหมือนเดิม เขาถอนหายใจแล้วคว้าเอากระเป๋าตังค์ลงอพาร์ทเม้นท์ที่เขาอยู่เดินมาถึงตลาดนัดในเมือง

 

 

 

            “ลูกเท่าไรไหร่ครับป้า?” ป็อปปี้ถามแม่ค้าพร้อมหยิบแอปเปิ้ลโชว์ให้ดู

 

 

 

            “เอาไปเถอะลูก ป้าให้ฟรี” ป้าเจ้าของร้านยิ้มเมื่อเห็นชายหนุ่ม ยกแอปเปิ้ลให้เขาโดยง่ายเพราะเห็นเป็นคนกันเอง ป็อปปี้กัดเนื้อผลไม้หวานฉ่ำกินหน้าระรื่นก่อนจะนิ่วหน้าเพราะเห็นโจรวิ่งราวกระเป๋ากำลังตรงมาทางเขาและด้านหลังมีร่างสองสาวไล่ตามโจรมาติดๆ

 

 

 

            “เอาคืนมานะ!” ฟางถอดเอารองเท้าส้นสูงปาโดนหัวโจรเต็มๆ ทำให้ร่างของโจรไถลลงไปนอนกับพื้นทันที กระเป่าที่ถูกขโมยมาปลิวไปหยุดอยู่ที่เท้าของป็อปปี้ ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดูเป็นจังหวะเดียวกับที่โจรพุ่งตัวเข้ามาหาเขา

 

 

 

            “ส่งกระเป๋ามา!” โจรชักมีดหมายทำร้ายเขา แต่ป็อปปี้เอนตัวแล้วล็อคแขนโจรได้ทันก่อนจับกระทุ้งด้วยหัวเข่าจนมีดหลุดมือแล้วปล่อยศอกใส่หน้าโจรจนเสียหลักล้มลงไปนอน

 

 

 

            “หึ เล่นกับใครไม่เล่น” ป็อปปี้เดินข้ามโจรกำลังเอากระเป๋าไปคืนสองสาวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ โจรที่นอนหงายเห็นมีดของตนก็รีบคว้ามาแล้วพุ่งไปทำร้ายชายหนุ่มอีกรอบ

 

 

 

            “คุณ ระวัง!!!” ฟางตะโกนเตือนป็อปปี้ ชายหนุ่มหันไปก็ตกใจที่โจรคนเดิมวิ่งเอามีดจะแทงเขาซ้ำ เขาเอี่ยวตัวถอยห่างแต่ไม่พ้นจนหมดจึงโดนมีดเฉือนเป็นทางยาวเฉียงขึ้นทำให้เสื้อลายหมีพูห์ตัวโปรดของเขาขาด ป็อปปี้โมโหรีบกระชากคอเสื้อโจรแล้วอัดหมัดเข้าหน้าโจรสลบน็อคลงไประยะยาว เขาหยิบเอากุญแจมือที่พกไว้ล็อคมือโจรก่อนจะปล่อยให้พวกชาวบ้านจัดการที่เหลือ

 

 

 

            “นี้กระเป๋าคุณ วันหลังก็ระวังซะบ้าง รู้ว่าขาสั้นยังไม่เจียมตัวคิดจะตามโจรอีก” ป็อปปี้ยื่นกระเป๋าคืนฟางแล้วพูดหาเรื่องตามสไตล์เขาด้วยความที่ว่ายังหมั่นไส้ฟางไม่หาย

 

 

 

            “ฉันไม่ได้ขาสั้นย่ะ แล้วนี้ก็กระเป๋าณีไม่ใช่ของฉัน!” ฟางตวาดกลับ มณี สาวรับใช้ฟางเห็นท่าไม่ดีก็รีบเข้ามาห้ามทั้งสองคน

 

 

 

            “ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยจับโจรให้” มณีโค้งขอบคุณ ฟางเบ้ปากหมั่นไส้ป็อปปี้ที่เอาแต่เก้อเขินเล็กน้อยก่อนตาเล็กจะสังเกตแผลบนหน้าอกเขา

 

 

 

            “ตายแล้ว คุณบาดเจ็บนิ!” ฟางอุทานออกมา ป็อปปี้ก้มหน้าสำรวจร่างตัวเองก็พึ่งรู้ว่าตนเป็นแผล

 

 

 

            “แค่นี้เองไม่ตายหรอก ตื้นๆ” ป็อปปี้พูดอย่างไม่แยแส ฟางนึกโมโหที่เขาไม่ห่วงตัวเองก็รีบฉุดแขนใหญ่แล้วไปขอยืมห้องชาวบ้านแถวนั้นเพื่อทำแผลให้ชายหนุ่ม หญิงสาวกดเขาให้นั่งลงแล้วไปหยิบเอากล่องพยาบาทมาวางข้างๆตัวเขา

 

 

 

            “นี้คุณเดียวผมทำเองก็ได้ ไม่ต้องลำบากคุณหรอก” ป็อปปี้ว่าแล้วแย่งเอาอุปกรณ์ทำแผลฟางแต่ฟางยื้อกลับ

 

 

 

            “ไม่ได้ ฉันทำคุณเจ็บฉันก็ต้องรับผิดชอบสิ” ฟางมองด้วยแววตาจริงจังจนป็อปปี้ใจอ่อนยอมให้เธอทำ

 

 

 

            “ว้าย คุณจะทำอะไรหน่ะ!?” ฟางยกมือปิดตาเพราะตกใจที่ป็อปปี้เล่นถอดเสื้อต่อหน้าเธอ

 

 

 

            “อ้าวคุณถ้าไม่ถอดแล้วคุณจะทำแผลได้ยังไง เลิกอายแล้วรีบทำสักทีผมหิวข้าว” ป็อปปี้ลอบขำฟางกับท่าทีเขินอายของเธอ ฟางหยิบเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ไล่ทำอย่างชำนาญสร้างความแปลกใจให้ชายหนุ่มอย่างมาก

 

 

 

            “คุณทำแผลเก่งเหมือนกันนิ” ป็อปปี้พูดระหว่างที่ฟางหยิบเอาเบตาดีน

 

 

 

            “แน่สิ ก็ฉันเพื่อนสนิทแก้ว” ฟางยักคิ้วกวน ป็อปปี้แอบยี่ฟันยั่วโมโหฟางทีหนึ่งจึงโดนมือบางกดแผลเต็มแรง

 

 

 

            “โอ๊ยๆๆ พอๆคุณผมเจ็บนะ” ป็อปปี้รวมแขนบางรีบว่าที่ฟางแกล้งเขา

 

 

 

            “ใครใช้ให้คุณยั่วโมโหฉันละ สมน้ำหน้า แบร่” ฟางแลบลิ้นใส่ ป็อปปี้จึงดึงหญิงสาวมานั่งตักทันที

 

 

 

            “ว้าย ปล่อยนะ!?” ฟางดิ้นขืนตัวแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งทำให้ป็อปปี้ได้ใจ

 

 

 

            “ปากดียังเนี่ย มันต้องโดนจูบปิดปากสักที” ป็อปปี้แกล้งทำเป็นโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ฟางสะดุ้งรีบจัดการบิดหูเขาทั้งสองข้างหวังให้ชายหนุ่มปล่อย

 

 

 

            “โอ๊ยๆๆ เจ็บๆ” ป็อปปี้ร้องเจ็บแต่ยังไม่ปล่อยตัวหญิงสาว ฟางจึงบิดหูเขาแรงขึ้นจนชายหนุ่มต้องรีบแก้เผ็ดเธอดึงร่างเล็กล้มลงนอนบนเบาะแล้วขึ้นคร่อมพร้อมทั้งกักแขนสองข้าง

 

 

 

            “ฮ่าๆๆ ที่นี้คุณก็ไม่มีมือที่ไหนมาทำร้ายผมแล้ว เตรียมตัวไว้ให้ดียัยตัวแสบ” ป็อปปี้ยิ้มเยาะพร้อมรอคาดโทษฟางใจจดใจจ่อ

 

 

 

            “ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า!” ฟางดิ้นขลุกขลักในอ้อมอกชายหนุ่ม ป็อปปี้ยิ้มแป้นก่อนจะก้มหน้าเข้าไปใกล้กะแกล้งหญิงสาวอีกรอบ

 

 

 

            “ว้าย!!!” มณีที่ตามมาที่หลังเพราะไปเอาส้นสูงอีกข้างที่ฟางขว้างไปก็ต้องตกใจเมื่อเห็นทั้งคู่กอดกันกลมบนเตียงไม่พอ ป็อปปี้ยังถอดเสื้ออีกแล้วทำท่าจะจูบฟาง ทั้งสองรีบผละออกจากกัน ฟางมองป็อปปี้ตาเขียวส่วนชายหนุ่มก็เอาแต่อธิบายเหตุผลให้มณีฟังว่ามันไม่ใช่อย่างที่เธอเห็นเลยสักนิด แค่กะแกล้งยัยแสบเท่านั้น

 

 

 

 

 

            มาอัพเรื่อยๆ เรื่อยๆจริงๆนะ พยายามทำให้เนื้อเรื่องดูสนุก ชอบก็คอมเม้นบอกกันด้วยนะ ฝากติดตามเรื่อยๆน้าทุกคน \>w</ ร้ากทุกคนนะ เม้นรัวๆเด้อ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา