[EXO] Separate วิปโยค [Chanbaek]

-

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.03 น.

  6 chapter
  0 วิจารณ์
  13.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558 19.51 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) JOKER

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ความเครียด เป็นอาการที่มักขึ้นโดยไม่รู้ตัว หากความเครียดถูกปล่อยทิ้งไว้มันจะส่งผลต่อร่างกายให้เกิดอาการป่วยง่าย แต่หากปล่อยความเครียดนั้นให้สะสมไว้นานวันเข้า อาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าและถึงขั้นลุกลามจนกลายเป็นโรคจิตทางอารมณ์ได้

นี้เป็นบทความในหนังสือเล่มหนึ่งที่ชานยอลเลือกมาอ่าน ถึงแม้มันจะไม่ได้ช่วยให้อาการป่วยของเขาดีขึ้น  ตัวเขาทำได้เพียงประคับประคองอาการของตัวเองด้วยการพยายามทำให้ร่างกายและสมองผ่อนคลายมากที่สุด  เสียงขับกล่อมจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงดังอยู่ในห้องคนไข้ เพลงที่ใช้บรรเลงนั้นคือเพลง if I didn't care ของ The lnk spots  วงดนตรีแจ๊สวงโปรดของชานยอล

 

'If I didn't care

more than words can say

If I didn't care would I feel this way?

If this isn't love then why do I thrill?

And what makes my head

go 'round and 'round

While my heart stands still?'

 

 

ชานยอลนั่งเอนหลังพิงพนักโซฟาตัวใหญ่สีแดงสด หลับตาลง พาตัวเองผ่อนคลายและเคลิบเคลิ้มกับจังหวะเพลงจนเข้าสู่ห้วงนิทราที่ดำดิ่งลึกลงไป..

 

 

 

รอบข้างมีแต่ความมืดมิด ไม่มีแม้แต่แสงไฟนำทาง แต่แปลกที่ชานยอลกลับมองเห็นตัวเองยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่สีขาว เขาเห็นภาพสะท้อนของตัวเองอยู่ในกระจกบานใส แต่แปลกที่ตัวเขาในกระจกนั้นมีลักษณะภายนอกไม่เหมือนตัวชานยอลเองเลยสักนิด ภาพในกระจกสะท้อนชานยอลในผมสีขาวที่ดูมีเสน่ห์ ในขณะที่จริงแล้วตัวชานยอลเองนั้นมีผมสีน้ำตาลเข้ม สวมเสื้อเชิ้ตสีดำขลับ ในขณะที่ชานยอลในกระจกใส่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว บริเวณแขนมีรอยTattoo เป็นตัวอักษรและรูปภาพขนาดเล็กอยู่ทั่วท่อนแขนหนา ภาพสะท้อนของชานยอลในกระจกยืนโงนเงนไปมาเหมือนคนเมาไม่ได้สติ มันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชานยอลพร้อมกับส่งรอยยิ้มชั่วร้ายให้อีกฝ่าย

 

"นายคงจะเป็นฉันสินะ.."

"คิดว่าอย่างนั้นอ่ะนะ.. " ภาพสะท้อนตอบ

 "แล้วทำไมตัวฉันถึงดูไม่มีเสน่ห์อย่างนี้? แต่งตัวเชยชะมัด" ภาพสะท้อนพูดจาดูถูก มันกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า

"นายมีสิทธิอะไรมาพูดแบบนี้ นายก็เป็นเพียงแค่ภาพสะท้อนของฉันเท่านั้น.."

เมื่อมันได้ยินแบบนั้นถึงกับหัวเราะคิกคักด้วยเสียงเล็กแหลมแสบแก้วหู

"ช่ายๆ.. ถึงตอนนี้ฉันจะเป็นแค่ภาพสะท้อนของนาย แต่สักวันฉันก็จะขึ้นไปยืนแทนนาย!!.." ภาพสะท้อนใช้ฝ่ามือทุบกระจกเสียงดังจนเป็นรอยร้าว เลือดไหลเป็นสายเต็มมือ มันก้มมองดูมือของตัวเองและกรีดร้องโหยหวนไม่ยอมหยุด ชานยอลเอามืออุดหูตัวเองไว้ เสียงหวีดนี้รวมเข้ากับเพลงที่ชานยอลกำลังเปิดฟังอยู่ มันบดขยี้โสตประสาทของชานยอล ภาพสะท้อนพูดจาเยอะเย้ยและเอาแต่สมน้ำหน้าชานยอล  ทำให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยอาการตกใจกลัว มันมักจะเป็นแบบนี้เสมอเมื่อเขานอนหลับ ชานยอลไม่เคยได้ฝันเหมือนคนปกติเลย เขาจะยืนคุยกับ 'ภาพสะท้อน' ของตัวเองในกระจก มันแทนตัวเองว่าเป็น’โจ๊กเกอร์’ มันชอบยียวนกวนประสาทและเล่นมุขตลกร้ายใส่ชานยอลเสมอ คนอื่นเห็นคงคิดว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วที่ยืนคุยกับตัวเองในกระจก

 

แต่เขาสาบานได้ว่านั้นมันไม่ใช่ตัวเขา มันเป็นปีศาจร้ายที่จ้องจะมาแทนที่เขาให้ได้

 

 

ในห้องคนไข้ชานยอลนี้ไม่เหมือนกับห้องอื่นๆรอบข้าง เพราะมันทั้งสะอาดและมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกขนย้ายมาจากที่บ้านและชั้นหนังสือไม้ทรงสูงที่ชานยอลเป็นคนสั่งให้นำเข้ามาเพิ่มเอง พวกคนนอกอาจจะสงสัยว่าทำไมห้องของคนไข้ ปาร์ค ชานยอล ถึงดูพิเศษกว่าคนไข้คนอื่น เพราะว่าเขาเป็นคนไข้เคสพิเศษของโรงพยาบาล

 

 

แต่พิเศษเรื่องฐานะหรอกนะ..

 

 

'ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลค้าทองชื่อดังที่กำลังจะแต่งงานกลับหายตัวไป!!'

 

นี้คือข้อความบนหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่ชานยอลอ่าน เรื่องข่าวการหายตัวไปของเขาเป็นหัวข้อประเด็นสนทนาที่ร้อนแรงและพูดกันแบบปากต่อปาก บ้างก็ว่าเขาเป็นตายไปแล้ว บ้างก็ว่าเขาพี้ยาจนเกินขนาด เลยถูกส่งตัวไปบำบัด บ้างก็ว่าเขาโดนสั่งเก็บจากคนนอกบ้าง

 

 

 

 

ไม่ใช่หรอก ชานยอลก็แค่เป็นโรคจิตเท่านั้นเอง

 

 

 

 

หลังจากเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเขาเสียศูนย์ อาการของชานยอลก็เริ่มผิดปกติขึ้นทุกๆวัน บางวันเขาก็มีอารมณ์เศร้าจนน่าเป็นห่วงแต่วันต่อมาชานยอลกลับมาเป็นแบบเดิม แต่เขากระตือรือร้น และหงุดง่าย อาการเป็นแบบนี้สลับกันไปมาตลอด 1 สัปดาห์ที่ยังไม่ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล จนพ่อของเขาต้องตัดสินใจส่งเขามารักษาลับๆที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ด้วยความที่มีฐานะสูง พ่อและแม่จึงจัดการปิดปากคนในโรงพยาบาลไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป  ให้สิทธิพิเศษสำหรับชานยอลเสมอในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะที่พัก อาหารการกินหรือสิทธิเหนือคนไข้ทุกคน แต่ชานยอลกลับยังไม่มีหมอที่จะทำการรักษาประจำเลย คงมีแต่บุรุษพยาบาลคนหนึ่งที่ได้รับหน้าที่ดูแลชานยอลไปก่อนที่คุณหมอจะมารับช่วงการรักษาต่อ นี้ก็ผ่านไปหลายวันแล้วที่บุรุษพยาบาลคนนั้นไม่มาเยี่ยมหรือตรวจอาการเขาเลย ตัวชานยอลเองก็ไม่ใส่ใจอะไรมากหรอก เขาชอบที่จะอยู่ปลีกวิเวกมากกว่า

 

 

เพื่อที่เขาเวลาร้องไห้จะได้ไม่มีคนมาเห็น...

 

 

"ขอเข้าไปข้างในหน่อยได้ไหม??"

เสียงเล็กดังขึ้นขัดจังหวะเพลงในห้อง ชานยอลรีบลุกขึ้นไปปิดเครื่องเล่นแผ่นเสียงทันที แบคฮยอนยืนสงบเสงี่ยมอยู่หน้าห้อง เขาสวมเสื้อกาวน์แบบสั้นที่บุรุษพยาบาลคนอื่นๆชอบใส่กัน แต่สีผมสีแดงเพลิงนั้น ดูเผินๆอาจไม่คิดว่าทำงานในโรงพยาบาลด้วยซ้ำ

 

"ถ้าคุณแบคฮยอนไม่อยากมาก็ไม่ต้องมาก็ได้นะครับ.."

"ทีงี้ยอมปริปากพูดซะทีนะ ตอนเจอกันครั้งแรกเอาแต่เงียบซะเหมือนเป็นใบ้เลย" แบคฮยอนแขวะ สีหน้าดูไม่ค่อยยินดีที่จะต้องมาดูแลคนไข้อย่างชานยอล

ถึงแบคฮยอนจะผ่านการดูแลคนป่วยมาเยอะแล้วก็ตาม แต่มันก็ไม่เคยน่าอึดอัดใจเท่ากับการดูแลไอหูกางนี้มาก่อน เพราะครั้งแรกที่เจอกันมันมีแต่เสียงร้องไห้คร่ำครวญของชานยอลดังระงมทั่วห้อง มันยิ่งทำให้แบคฮยอนแทบจะสติแตกกับชานยอลที่เอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมหยุด จนเขาเผลอด่าอีกฝ่ายออกไปอย่างหยาบคายและพูดจาดูถูก มันทำให้การเจอกันครั้งแรกของพวกเขาทั้งสองไปได้ไม่สวยสักเท่าไหร่ มันทำให้ชานยอลยิ่งเอาแต่ปิดกั้นตัวเองจากแบคฮยอนมากยิ่งขึ้น จนบางครั้งที่แบคฮยอนแอบมาหาชานยอลถึงกับเดินมาล็อกประตูห้องทันทีที่เห็นแบคฮยอนยืนอยู่หลังบานประตู

 

 

 

ก็รู้สึกผิดที่พูดแบบนั้นไปอยู่หรอกนะแต่มันน่ารำคาญจริงๆนั้นแหละ...

 

 

 

 

"ช่างเถอะ.. ถึงฉันจะไม่ใช่หมอแต่หน้าที่การดูแลมันก็เป็นของฉัน ยังไงฉันก็ทิ้งนายไม่ได้หรอก.." แม้น้ำเสียงจะราบเรียบ แต่ความรู้สึกที่แฝงเข้ามานั้นแสดงถึงความห่วงใย ไม่ใช่น้อย

 

"..."

"งั้นวันนี้นายช่วยเล่าเรื่องในชีวิตนายให้หน่อยสิ ฉันอยากรู้"

แบคฮยอนดูมีท่าทีสนใจขึ้นมาทัน เขามองรอบห้องเพื่อหาเก้าอี้สักตัวที่จะนั่ง ชานยอลเดินไปลากเก้าอี้หนังสีดำมาให้อีกฝ่ายนั่ง ทั้งสองนั่งจ้องหน้ากันอยู่สักพัก ก่อนที่ชานยอลจะพูดเปิดประเด็นการสนทนา

 

"คุณอยากรู้เรื่องอะไรหรอครับ.."

"อะไรก็ได้ เล่าๆมาเถอะ"

"จริงหรอ! โอเคงั้นผมจะเล่าเรื่องความสมบูรณ์แบบของตัวผม" ชานยอลดูเปลี่ยนไปทันทีจากตอนแรกที่เอาแต่ทำหน้าตาเบื่อโลกตอนนี้กลับตาลุกวาวและลนลาน เขาดูหายใจเร็วและแรงขึ้นมากกว่าเดิม เลียริมฝีปากตัวเอง เหมือนปากของชานยอลมันเริ่มไม่อยู่สุข สั่นระริกระรี่ ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าภาพสะท้อนของชานยอลได้เข้ามาควบคุมการทำงานในทุกส่วนของร่างกายแล้ว

"คุณรู้ไหมว่าตัวผมหน่ะมันสุดยอดขนาดไหน เกิดในครอบครัวที่รวยและทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศ คุณมองหน้าผมสิ! มองสิ! ดูรูปร่างผมสิ! เห็นไหมว่ามันงดงามราวกับผลงานศิลปะมากแค่ไหน ใบหน้าที่ได้รูปผิวขาวเนียน เป็นที่หมายตาของผู้หญิงและผู้ชายทั่วทุกสารทิศ ขนาดตอนมาทีนี้ครั้งไอแก่อ้วนที่เป็นหัวหน้าหมอ เอาแต่จ้องตาเป็นมัน เงี่ยนหนักมากขนาดหนักสินะ ฮ่าๆ แต่ผมเกลียดไอ้อ้วนโสโครกนั้น มันช่างน่าขยะแขยงเพราะตัวผมนิยมกินแต่ของชั้นสูงเท่านั้น ของต่ำๆแบบนั้นผมไม่มีทางจะย่างกรายเข้าไปเด็ดขาด เห็นหน้าตาผมดูดีขนาดนี้แหละ แต่นิสัยผมแม่งโคตรดีเหมือนหน้าตาเลยอ่ะนะฮ่าๆๆๆ ตอนกลางคืนผมชอบออกไปขับรถเล่นให้ลมมันตีหน้า…” แบคฮยอนฟังสิ่งที่ชานยอลพูดไม่ทันเลยสักนิด เขาพูดเร็วและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ  ตอนนี้แบคฮยอนเริ่มสับสนกับอาการของชานยอลเข้าให้แล้ว ไหงตอนแรกเงียบเอาแต่ทำหน้าบึ้งแล้วทำไมตอนนี้กลับดูกระตือรือร้น ช่างพูดและดูมั่นใจในความสามารถของตัวเองมากเหลือเกิน

 

 

นี้มันจะน่ากลัวเกินไปแล้วนะ...

 

 

“ถ้าวันไหนเบื่อๆก็โทรหาจอห์น คุณคงไม่รู้จักสินะว่าจอห์นคือใคร เขาเป็นนายหน้าให้กับอีตัวหลายร้อยชีวิต ผมก็จะโทรไปบอกว่าจะเอาแบบไหน ถ้าเป็นผู้หญิงผมนิยมก็ผมบอล์นทอง เอาแบบนมโตๆนะ เล็กแล้วเวลาขย้ำมันไม่สะใจเท่าไหร่ ผู้ชายนี้ยังไม่เคยลองนะ แต่ก็น่าสนใจดีเหมือนกันฮ่ะๆๆๆ” ชานยอลหัวเราะเอิ๊กอ๊าก แต่คิ้วกลับชมวดเป็นปม หน้าของเขาเริ่มแดงจัดโดยไม่มีสาเหตุ “อีตัวคนนึง ชื่อเจน ตอนเอาเสร็จแม่งยังตามตื๊อ  อุตสาห์เอาเงินฟาดหัวว่าให้ไปไหนก็ไปก็ยังไม่ยอมหยุดตามอีก อยากได้ผมจนหน้ามืดตามัว เผลอฆ่าตัดหัวไปเลยอ่ะ ตอนนั้นนี้เลือดเต็มตัวเลย น่ารังเกียจเลือดของผู้หญิงคนนั้น มันช่างโสโครกชะมัด แต่มันยิ่งทำให้ผมสนุก สนุกมากเลยนะ เวลาบีบก้อนเนื้อสีแดงสด ลิ่มเลือดแตกกระจายเต็มมือเลย ผมเก็บทั้งหัว ทั้งแขน ทั้งขา เก็บไว้ในตู้เย็นบ้าง เหมือนสะสมแสตมป์เลย ฮ่ะๆๆ”  ชานยอลเปลี่ยนท่าทางการนั่งเป็นไขว้หาง เขาดูคึกมากกว่าเดิมเสียอีก เอาแต่เหล่มองแบคฮยอนโดยไม่ละสายตา ลูบฝ่ามือไปมาอยู่อย่างนั้น “ถามจริง เคยมีแฟนบ้างป่ะ??” ชานยอลยิงคำถามใส่ แบคฮยอนดูงุนงงที่อีกฝ่ายถามอะไรแบบนี้

“เอ่อ.. ก-ก็เคยมีนะ”

“แล้วเคยมีอะไรกันยัง??”

“นายถามอะไรเนี่ย!!??”

“เอาหน่า.. ฉันก็แค่อยากรู้เฉยๆ แต่นายจะไม่ตอบก็ไม่เป็นไรนะ ฉันก็ไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่” ชานยอลหลุดขำเป็นเสียงลมหายใจทางจมูก นั้นมันยิ่งยั่วโมโหแบคฮยอนมากกว่าเก่า

“ก-แกมันบ้า...”

“ผมไม่ได้บ้า ผมแค่ชอบอะไรสนุกๆ รู้ไหมผมก็เคยมีแฟนนะ เธอช่างสวย สง่าและอ่อนโยน รอยยิ้มของเธองาม งาม...

งามมาก... ช่างงามเหลือเกิน.. แต่พอเธอรู้ว่าฉันแอบไปเอากับอีตัว เธอโกรธจัดจนไม่ยอมคุยกับฉันอยู่เป็นอาทิตย์มันทำให้ผมหงุดหงิด ผมพยายามระบายอารมณ์กับผู้หญิงอีกหลายต่อหลายคน แต่ผมก็เผลอเอามีดแทงทุกที รู้ไหมผ้าปูที่นอนมันเต็มไปด้วยเลือดแล้วก็หน้าอกที่ผมตัดเอามาวางเรียงกัน ผมปล่อยให้เต้านมวางไว้บนเตียงอยู่อย่างนั้น ผมขับรถไปหาเธอถึงที่บ้าน โชคดีรึเปล่าที่เธออยู่คนเดียว ผมพยายามข่มขืนเธอ แต่เหมือนเธอจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ขัดขืนใหญ่เลย เธอตะโกนด่าใส่หน้าผมเป็นชั่วโมงๆ มีดในมือผมเผลอ... ผมบอกว่าเผลอจริงๆนะ ไปปักอยู่ที่หน้าผากเธอซะได้ นับเป็นความสัมพันธ์ที่จบได้สวย ว่าไหม”

“...”

“ซึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเลยหรอ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

“ท-ทำไมนายต้องทำแบบนั้นด้วย??” แบคฮยอนพยายามสกัดกั้นอารมณ์กลัวของตัวเองไว้ เรื่องที่ชานยอลพล่ามมันน่าสะพรึงกลัวมากกว่าเรื่องผีที่ตัวเขาเคยฟัง

“คนไร้น้ำยาแบบคุณไม่มีวันเข้าใจหรอกครับ คุณมันโง่เกินกว่าจะเข้าใจเรื่องแบบนี้” ชานยอลยักไหล่ แบคฮยอนฉุนกึกขึ้นมา สองมือเริ่มกำหมัดแน่น

“โถ่ๆ... แค่นี้โมโหหรอครับ หึๆฮ่ะๆๆฮ่าๆๆๆ วู้วววววว ฮ่ะๆๆ อยากต่อยผมงั้นหรอ เชิญเล๊ยยย ถ้ามันทำให้คนโสมมแบบคุณสูงขึ้นก็ทำเล๊ยยยย ทำเลยสิ!! ฮ่าๆๆๆ”

ชานยอลกอดไหล่ตัวเอง ก้มตัวลงหัวเราะและร้องตะโกนเสียงดังจนตกลงจากเก้าอี้ ใช้กำปั้นทุบพื้นห้องด้วยความสะใจ เขาทำตัวเหมือนคนบ้า แต่ก็แน่นอนเขาเป็นคนบ้า ชานยอลปล่อยให้ห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของตัวเองอยู่นานสองนาน แบคฮยอนตัดสินใจเดินออกจากห้องไป เขาปิดประตูเสียงดังสนั่น ชานยอลหยุดหัวเราะทันที ใบหน้าดูเคร่งขรึมขึ้นมา แต่เหมือนเขาแค่พยายามกลั้นขำเอาไว้ จนสุดท้ายชานยอลหัวเราะด้วยเสียงทุ้มจนตัวสั่นออกมา เขาหัวเราะเสียงดังจนหอบออกมา นิ้วมือขยับไปมาไม่อยู่สุข เหงื่อไหลอยุ่เต้มใบหน้า เขายิ้มกรุ่มกริ่มและโยกตัวไปมาอยู่อย่างนั้น เอาใบหน้าไปถูกับส่วนเบาะรองของเก้าอี้ที่แบคฮยอนนั่ลงไป เขาสูดดมกลิ่นอย่างดูดดื่ม ยิ้มกว้างด้วยความปิติยินดี

 

“ได้ของเล่นใหม่แล้ว... ได้เวลาสนุกแล้ว..อดใจไม่ไหวแล้วซี่...”

 

 

 

 

 

 

-------------

สกรีมผ่านแท๊ก #ฟิคชานยอลวิปโยค เข้ามาพูดคุย+ทวงฟิคได้ที่ @Beam_Minami

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา