YAOI LOVERS ระวัง! อ่านแล้วหัวใจจะY

-

เขียนโดย ดินลา

วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.53 น.

  10 ตอน
  7 วิจารณ์
  11.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560 22.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

6) [SJ] Look Like Love 2.1: Maybe...Never

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

               หลังจากออกมาจากบ้านของอดีตคนรัก ฮีชอลเดินไปตามทางท่ามกลางท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มไม่ขาดไปจากใบหน้าที่สวยราวกับผู้หญิง เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าการกลับมาครั้งนี้จะมีเรื่องดีๆ มากกว่าที่คิด ฮันคยองคนที่เขาเป็นห่วงว่าจะยังคงไม่ลืมอดีต ตอนนี้กลับมีคนที่รักและดูมีความสุขมากจนเขาเองแทบไม่อยากจะเชื่อ เด็กคนนั้นอาจจะเป็นปาฏิหาริย์ของฮันคยองก็ได้ ฮีชอลคิดแล้วก็ยิ้มเดินต่อไปอย่างร่าเริง ผ่านกลุ่มเด็กมัธยมต้นสามคนซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนกัน ก็ทำให้เขานึกถึงตอนที่ไปหาน้องชายที่มหาวิทยาลัย ตอนที่เห็นฮยอกแจเพื่อนของน้องชายเขาอยู่กับผู้ชายอีกสองคนที่คิบอมโบกมือให้ เขาเห็นเพียงไกลๆ แต่เขากลับรู้สึกสะดุดใจแปลกๆ แต่ก็ไม่ติดใจอะไรและลืมไปแล้วจนกระทั่งเมื่อกี้นี้

               ‘คงต้องกลับแล้วสินะ’ ฮีชอลคิดเมื่อเห็นว่าทั้งบริเวณมืดมากแล้ว เขาคิดว่าคงจะไม่พักที่บ้านของคิบอมหรอกเพราะกลัวว่าน้องชายจะถามเหตุผลที่เขามาที่นี่ ฮีชอลถอนหายใจ เขาก็มีเหตุผลของเขาเหมือนกันนะที่กลับมาทั้งอย่างนี้ เพียงแต่ยังไม่พร้อมที่จะบอก

               ฮีชอลมองถนนหนทางรอบๆ ตัวก็เพิ่งสำนึกได้ว่าตัวเองหลงทางเข้าให้แล้ว กำลังจะหยิบมือถือโทรหาคิบอม แต่ก็ดันลืมเอามาอีก ‘ซวยจริงๆ เลยเรา’

               ขณะที่กำลังจะเดินไปถามทางที่ร้านอาหารเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลนัก ก็ต้องชะงักเท้าใช้มือยันกำแพงข้างทางประคองตัวเองไว้ไม่ให้ล้มลง รู้สึกแน่นหน้าอกเจ็บจนหายไม่ออก อาการหน้ามืดก็พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ‘เจ็บมากกว่าครั้งๆ ก่อนซะอีก’ ฮีชอลยิ้มอย่างเจ็บปวดกับตัวเอง พยายามจะควานหายาในกระเป๋าเสื้อโค้ทแต่มือกลับสั่นมากจนแทบควบคุมไม่ได้และสติก็เริ่มดับวูบไปที่ละน้อยๆ

               “เฮ้! คุณ….คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ฮีชอลสติดับวูบไปพร้อมกับเสียงที่ดังอยู่ข้างหน้า “นี่! คุณ…” ร่างสูงใหญ่รับร่างบอบบางที่อยู่ๆ ก็ล้มลงไว้ได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่จะตกตะลึงนิ่งค้างไปเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของคนในอ้อมแขน

 

 

               ร่างสูงที่ปกติจะมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ขี้เล่นอยู่เสมอ ตอนนี้กลับเคร่งขรึมเมื่อมองคนที่นอนอยู่บนเตียงใหญ่ในคอนโดหรูของเขา ร่างสูงนั่งอยู่ที่เก้าอี้โซฟาหนานุ่ม ในมือถือบุหรี่สูบไปเรื่อยๆ พร้อมกับครุ่นคิดไปถึงอดีตที่เขาโยนทิ้งไปเมื่อนานมาแล้ว

 

               เขานั่งมองสำรวจเรือนร่างที่นอนอยู่ตรงหน้าอย่างหลงใหลในความงดงาม ที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ชาย ผิวขาวเนียนไปทั้งตัว หน้าตาสวยงาม ริมฝีปากสีแดงสดอิ่มน่าลิ้มลอง ทำเอาเขามองอย่างเคลิบเคลิ้ม

               “อือ…” เสียงครางนิดๆ พร้อมกับที่ร่างบอบบางขยับกายลุกขึ้น มองไปรอบๆ ห้องอย่างมึนงง

               “ตื่นแล้วหรือ รู้สึกยังไงบ้าง” เขาเอ่ยทัก ร่างนั้นหันมามองเขาอย่างอึ้งๆ ปนตกใจ

               “…คุณเป็นใคร แล้วฉันอยู่นี้ได้ยังไง” ร่างนั้นถามอย่างงงๆ มองเขาเหมือนระแวง จนเขาต้องยิ้มออกมาเพราะท่าทางนั้นดูน่ารักดี

               “ก็คุณเดินอยู่ตรงหน้าผมดีๆ อยู่ๆ ก็เป็นลมล้มใส่ผมพอดี แล้วคอนโดผมก็อยู่ใกล้ๆ ก็เลยพาคุณมาพักที่นี่ก่อน คุณคงไม่ว่าอะไรนะ” เพราะเขาเสียดายว่าหากพาไปส่งโรงพยาบาลคงจะไม่ได้คุยกันแบบนี้แน่

               “ขะ…ขอบคุณนะ เอ่อ คุณ…” ร่างนั้นถามเบาๆ ไม่มองหน้าเขา แก้มนั่นสีเข้มขึ้นคล้ายกำลังเขิน

               “ซีวอน...เชวซีวอน แล้วคุณ…” ซีวอนบอกชื่อพร้อมส่งรอยยิ้มที่ไม่เคยมีสาวคนไหนไม่หวั่นไหวให้ ซึ่งก็เป็นตามคาด แม้จะเป็นผู้ชายแต่ร่างนั้นก็หน้าแดงอย่างเห็นได้ชัดและไม่ยอมสบตาเขา

               “ผม คิม…คิมฮีชอล” ฮีชอลพูดตะกุกตะกัก ใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มนั้นทำให้เขาใจเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แม้แต่กับฮันคยอง เขารู้ตัวในนาทีนั้นเลยว่าเขา ‘ชอบ’ ซีวอน

 

 

               ซีวอนอยากจะหัวเราะกับเหตุการณ์ที่ทั้งสองพบกันครั้งแรกที่อเมริกา เพราะมันช่างเหมือนกับตอนนี้เสียเหลือเกิน…แต่มันต่างที่ความรู้สึกของเขาที่มันเปลี่ยนไปแล้ว

               ซีวอนอัดบุหรี่เข้าเฮือกใหญ่ จำขึ้นมาได้อีกว่าหลังจากนั้น พวกเขาก็ไปดินเนอร์กัน แล้วก็ไปจบกันที่เตียงในห้องของเขา ต่อจากนั้นทุกวันเขาจะมีฮีชอลมานอนข้างกายเสมอ ทั้งที่ไม่คิดว่าจะยอมง่ายขนาดนี้เพราะอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้วเพราะแม้ฮีชอลจะสวยมากกว่าผู้หญิงหลายคนที่เขาเคยนอนด้วย แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะจริงจังด้วยแม้แต่น้อย แต่ฮีชอลกลับมาสารภาพว่ารักเขามาก จนเขารู้สึกว่าน่ารำคาญ อีกทั้งตอนนั้นเขาก็เริ่มเบื่อๆ แล้วด้วย

 

               “ทำไมนายทำอย่างนี้ล่ะ ซีวอน” ฮีชอลพูดเสียงรวดร้าว น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย หลังเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังอยู่บนเตียงกับผู้หญิง…อีกแล้ว ซีวอนทำท่าเฉยชาไม่แยแสอาการสะอื้นของคนตรงหน้าเลยสักนิด เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปอีกห้อง ฮีชอลรีบเดินตาม

               “ฉันรักนาย…รักนายนะ ซีวอน ทำไมนายทำกับฉันแบบนี้” ฮีชอลกอดร่างซีวอนไว้แน่นสะอึกสะอื้นร้องไห้ ซีวอนนิ่งก่อนจะจับมือฮีชอลให้ออกจากตัวเขาอย่างแรง สีหน้าแสดงความเบื่อหน่าย

               “รักบ้ารักบอ อะไรของนาย เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันก็แค่เซ็กส์! เราก็แค่สนุกกันแค่นั้น” ซีวอนพูดอย่างเย็นชา ฮีชอลนิ่งอึ้งเมื่อได้ยิน…เราไม่ได้เป็นอะไรกัน…ก็แค่เซ็กส์…หัวใจเจ็บร้าวกับคำพูดไร้เยื่อใยไม่กี่คำที่ออกมาจากปากของคนที่เขารักมาก

               “นาย…นายไม่เคยรักฉันเลยหรอ…” ฮีชอลถามเสียงแผ่วคล้ายหมดแรง ซีวอนไม่ตอบ แต่เขาแค่มองสายตาของซีวอนก็รู้คำตอบแล้ว หัวใจฮีชอลแตกเป็นเสี่ยงๆ ในนาทีนั้นเอง สายตาเบี่ยงมองไปทางอื่นไม่อยากสบสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกที่มองมาที่เขา ฮีชอลหันไปเห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางอยู่มุมห้อง รีบหันกลับไปมองหน้าซีวอนอย่างตื่นตระหนก

               “นาย…นายจะไปไหนเหรอ ซีวอน” ฮีชอลถามเสียงสั่น สายตาก็หันมองไปที่กระเป๋าใบโตสลับกับใบหน้าเย็นชานั่น

               “ฉันจะกลับเกาหลีในอีก…สองชั่วโมงนี้แล้ว” ร่างสูงพูดเฉยๆ ดูนาฬิกาข้อมือแล้วคว้าเสื้อมาสวม ไม่สนใจร่างของอีกคนที่ตกตะลึงงัน

               “นายไม่คิดจะบอกฉันเลยสินะ…คิดจะทิ้งฉันไว้ที่นี่คนเดียวงั้นเหรอ” ฮีชอลถามอย่างเจ็บปวด

               “ใช่” เสียงนั้นตอบกลับมาชัดเจนและไม่แยแส ฮีชอลน้ำตาร่วง วิ่งไปกอดยื้อร่างซีวอนที่ถือกระเป๋าลากไปทางประตูไว้สุดชีวิต

               “ไม่! ไม่นะๆ ซีวอน…นาย…นายอย่าเพิ่งไป ฉัน…” ฮีชอลร้องไห้คร่ำครวญกอดร่างซีวอนไว้แน่น ร้องตะโกนราวจะขาดใจไม่ให้อีกฝ่ายไป

               “ลืมเรื่องนี้ไปซะเถอะ” ซีวอนถอนใจอย่างเบื่อหน่าย กับเรื่องที่เขาอค่เล่นๆ นี้กลับมาทำให้เขารำคาญใจซะได้ ซีวอนจับมือฮีชอลออกอีกครั้ง แล้วเดินออกประตูไปโดยไม่เหลียวมองมาข้างหลังแม้แต่นิด

               ขณะที่มือใหญ่กำลังปิดประตู แสงแวววาวสีเงินตรงข้อมือนั้นคือสายสร้อยข้อมือที่ฮีชอลทำให้เองกับมือกำลังส่งประกายวิบวับ ก่อนจะลับหายไปพร้อมกับประตูห้องที่ถูกปิดลง ราวกับเป็นคำบอกลา ทิ้งให้ร่างบางทรุดลงร้องไห้สะอื้นตัวโยนจนแทบขาดใจ

 

 

               “............” ฮีชอลลืมตาขึ้น สายตามองเห็นร่างที่นั่งเยื้องอยู่พอดี

               “ตื่นแล้วก็ดี ลุกขึ้นสิ เดี๋ยวฉันจะไปส่ง” ซีวอนเห็นฮีชอลยังมองเขานิ่งไม่พูดอะไร ก็ขยี้บุหรี่ลงที่เขี่ยบุหรี่ลุกขึ้นเดินไป ก่อนจะชะงักเมื่อรู้สึกถึงร่างกายอุ่นๆ มาแนบชิดที่หลัง

               “ซีวอน…ใช่นายจริงๆ ด้วย…ซีวอนๆ” เสียงหวานสั่นเครือเมื่อเรียกชื่อซีวอนซ้ำไปซ้ำมา แขนเรียวโอบกอดคนตรงหน้าดีใจเมื่อสัมผัสได้ถึงร่างอุ่นๆ ที่มีชีวิต ไม่ใช่ภาพลวงตาอย่างที่เขาเคยเห็นทุกครั้งไป

               ซีวอนผละร่างหนีจากอ้อมแขนของฮีชอล หันไปเผชิญหน้าตรงๆ กับอีกฝ่ายที่มีรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจประดับอยู่บนหน้าที่ค่อนข้างซีดเซียว

               “นายเลิกทำอย่างนี้สักทีได้มั้ย” น้ำเสียงทั้งเบื่อหน่ายทั้งรำคาญส่งตรงไปยังฮีชอล ที่ตอนนี้รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้า

               “ซีวอน…ฉันคิดถึงนายนะ…ฉันดีใจมากนะที่ได้เจอนาย” ฮีชอลเก็บความเศร้าไว้ในใจ เอื้อมไปจับมือซีวอนไว้แล้วพูดเสียงนุ่มนวล ตามองซีวอนด้วยความรักและหวังเล็กๆ ว่าอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่า คิดถึงเขาเหมือนกัน

               “ฉันบอกว่าให้เลิกทำอย่างนี้ได้แล้ว!” ซีวอนสะบัดมือออกแล้วตวาดอย่างเหลืออด

               “ซีวอน…” ฮีชอลเรียกชื่ออีกผ่านด้วยเสียงรวดร้าว

               “นายมาที่นี่ทำไม” ซีวอนถามเสียงเย็นชา

               “ฉัน…แค่อยากเจอนาย ฉันคิดถึงนาย…” ฮีชอลบอกทั้งน้ำตา

               “แต่ตอนนี้ฉันมีคนที่ชอบแล้ว…และครั้งนี้ฉันจริงจัง” ประโยคจากซีวอนแทบจะเหมือนกับเอามีดมากรีดหัวใจที่บอบช้ำอยู่แล้วของเขาและก็ซ้ำเข้ามาให้ยิ่งต้องเจ็บทรมานมากขึ้นไปอีก

               “และฉันไม่เคยรักนายเลย…นายควรจะยอมรับความจริงได้แล้ว และลืมเรื่องในอดีตไปซะ เพราะมันไม่เคยมีความหมายกับฉันสักนิด” ซีวอนพูดต่ออย่างไม่ปราณีความรู้สึกอีกฝ่าย จับพาร่างฮีชอลที่นิ่งค้างให้ออกไปจากห้องไปที่หน้าคอนโดเรียกแท็กซี่แล้วส่งร่างฮีชอลเข้าไปในรถแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

               ฮีชอลนั่งอยู่ในรถอย่างมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนเพียงเสี้ยววินาที แต่ทิ้งความเจ็บปวดที่กรีดฝังลึกแม้จะทำอย่างไรก็ไม่มีวันจางลงไป คำพูดของอีกฝ่ายยังคงก้องอยู่ในหัว

               ‘ตอนนี้ฉันมีคนที่ชอบแล้ว…และครั้งนี้ฉันจริงจัง’

               ‘ฉันไม่เคยรักนายเลย…นายควรจะยอมรับความจริงได้แล้ว และลืมเรื่องในอดีตไปซะ เพราะมันไม่เคยมีความหมายกับฉันสักนิด’

               ใบหน้างามซีดขาวนิ่งไร้ความรู้สึกทั้งที่ใจตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง น้ำตามากมายที่ไหลออกมาไม่ได้ช่วยระบายความเจ็บปวดให้ลดลงไปเลยแม้สักนิด

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

  

               เช้าวันนี้ซีวอนกำลังเดินไปมหาวิทยาลัยด้วยความหงุดหงิดเป็นพิเศษ เมื่อคืนเขาอารมณ์เสียจนนอนไม่หลับ ก็เพราะเรื่องของฮีชอล เขารู้สึกรำคาญคนอย่างฮีชอลจนแทบบ้า คนบ้าอะไรที่พูดครั้งเดียวก็ไม่เข้าใจ ไม่ยอมเข้าใจ ยังจะมาตามเขาอยู่ได้ เขารำคาญจนแทบจะเป็นเกลียด ใบหน้านั่นที่คอยแต่เฝ้ามองเขาด้วยสายตาเศร้าๆ ที่แฝงความหวังไว้ ราวกับกำลังหลอกตัวเองทั้งที่เขาก็พูดชัดเจนไปขนาดนั้นแล้วแท้ๆ บ้าจริงๆ

               ร่างสูงเดินดุ่มๆ ก้มหน้า เตะหินเตะทรายไปเป็นพักๆ เมื่อหงุดหงิดสุดๆ คิดเอาว่าสิ่งที่เตะไปนั้นคือใบหน้าของฮีชอลทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นฮีชอลที่เขาอยากจะเตะออกไปให้พ้นๆ หน้าซะเหลือเกิน ซีวอนเดินมาถึงประตูหน้ามหาวิทยาลัยถึงกับชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าของคนที่เขาอยากจะเตะออกไปให้พ้นๆ ชีวิต อารมณ์หงุดหงิดที่สั่งสมมาก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นพรวดๆ อยากจะเข้าไปตะคอกใส่หน้าที่ยิ้มขึ้นมาอย่างสดใสทันทีที่เห็นเขานั้น อยากเข้าไปไล่ให้ไปพ้นๆ หน้า แต่ก็ระงับอารมณ์เปลี่ยนใจเป็นมองผ่านไปเหมือนไม่มีฮีชอลอยุ่ในสายตาแทนเสีย ประจวบเหมาะกับฮยอกแจวิ่งเหยาะๆ มาทางนี้พอดี

               “อรุณสวัสดิ์ครับ พี่ซีวอน” ฮยอกแจโค้งให้ซีวอน พร้อมยิ้มกว้างอย่างสดใสท่าทางดูมีความสุขผิดกับวันก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด และยังดูน่ารักมากขึ้นจนทำให้ซีวอนหายหงุดหงิดไปได้บ้าง ก่อนจะคิดอะไรดีๆ ได้ ก็รีบคว้าไหล่รุ่นน้อง เข้ามาใกล้แล้วหอมแก้มฮยอกแจเร็วๆ ไปหนึ่งที

               “พี่ซีวอน” ฮยอกแจตกใจจับแก้มตัวเอง มองหน้าซีวอนงงๆ

               “เอาน่า โทษทีๆ อุบัติเหตุน่ะ” ซีวอนพูดบอกเบาๆ แล้วยิ้มกลบเกลื่อนรุ่นน้องไป สายตาแอบชำเลืองไปมองร่างฮีชอลที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วยความสะใจ เพราะมั่นใจว่าฮีชอลต้องเห็นที่เขาทำแน่นอน

               ความตั้งใจของฮีซอลที่จะเดินเข้าไปทักทายซีวอนถูกทำลายลงแทบจะทันทีที่แขนของซีวอนโอบไหล่ของเด็กหนุ่มที่น้องชายเขาแนะนำว่าชื่อ ฮยอกแจ ฮีชอลได้แต่ยืนแข็งทื่อมองภาพซีวอนเดินโอบไหล่ฮยอกแจจากไปไกล มองสายตาที่ซีวอนส่งมาให้เขาแวบหนึ่งนั้นแล้ว ก็ทำให้เข้าใจว่านั่นคือ ‘คนที่ซีวอนชอบ’ ความรู้สึกเหมือนอยากจะวิ่งหนีไปให้พ้นจากตรงนี้เสียทีแต่ขากลับขยับไม่ได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว และคงจะไม่ได้ขยับอีกนานถ้าไม่มีเสียงของน้องชายทักมาเสียก่อน

               “พี่…พี่ครับ พี่!” เสียงเรียกของคิบอมฟังดูเคร่งเครียดกว่าปกติ ฮีชอลที่กำลังจะเอ่ยถามว่ามีอะไรนั้น ก็ถูกคิบอมจับแขนลากไปก่อนทันที

               “มะ…มีอะไรหรอ คิบอม ลากพี่ไปทำไมเนี่ย” ฮีชอลถามอย่างงงๆ แต่ก็ยอมตามไปแต่โดยดี

               “เรามีเรื่องต้องคุยกัน” คิบอมพูดเสียงเฉียบขาด จนฮีชอลต้องขมวดคิ้วสงสัยที่น้องชายดูจริงจังขนาดนี้

               “ทำไมพี่ถึงมาที่เกาหลี” คำถามแรกที่คิบอมถามเมื่อทั้งคู่เข้ามาในห้องพักอาจารย์ ทำเองฮีชอลถึงกับอึ้งไปไม่น้อย

               “พี่…เอ่อ…คือพี่…” ฮีชอลพยายามจะคิดหาเหตุผล “พี่…พี่ก็มาหาเราไง ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน” ตอบไปพร้อมกับหลบสายตาที่จริงจังของน้องชาย

               “ผมไม่เชื่อหรอก ถ้าพี่มาหาผมทำไมพี่ต้องปิดบังพ่อกับแม่ด้วยล่ะ และที่สำคัญทำไมพี่ปฏิเสธไม่ยอมรับการรักษาขั้นต่อไป” คิบอมบอกพลางมองพี่ชายนิ่งทั้งโกรธทั้งห่วงและยังไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายต้องทำแบบนี้

               “……พี่บอกไม่ได้จริงๆ ว่าทำไม” คำตอบจากปากของพี่ชายไม่ได้ช่วยให้เขาพอใจเลย แต่ก็พยายามระงับอารมณ์ไว้ เพราะห่วงร่างกายคนตรงหน้ามากกว่า

               “ผมไม่สนหรอกนะว่าพี่จะมีเหตุผลอะไร แต่ผมขอนะ…พี่กลับไปที่อเมริกาเถอะ”

               “ไม่ได้หรอก พี่ยังกลับไม่ได้” ฮีชอลพูดเสียงเศร้าๆ

               “ทำไมล่ะ ทำไมกลับไม่ได้” คิบอมเริ่มขึ้นเสียงดังอย่างไม่รู้ตัว ฮีชอลได้แต่มองอย่างเจ็บปวด

               “นายไม่เข้าใจหรอกคิบอม”

               “งั้นพี่ก็บอกผมมาสิ ว่าทำไม ทำไมต้องยอมเอาชีวิตตัวเองมาสี่ยงขนาดนี้ด้วย!” คิบอมตวาดถามเสียงดัง สายตาคาดคั้นขอเหตุผลแต่อีกฝ่ายกลับหลบตา

                “คิบอม…สักวันหนึ่งถ้านายได้รู้จักกับบางสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง นายก็อาจจะเข้าใจก็ได้”

               “ผมไม่เข้าใจหรอก ว่าอะไรที่มันจะสำคัญไปกว่าชีวิตของพี่…ผมขอร้องล่ะ พี่กลับไปรักษาตัวที่อเมริกาเถอะนะ” ฮีชอลเห็นน้องชายไม่ยอมรับฟังในสิ่งที่เขาพยายามจะบอกก็ได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจ

               “หัวใจของพี่มันตายไปนานมากแล้วนะ พี่คิดมาตลอดว่าพี่จะอยู่ไปทำไมในเมื่อมันไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้มันฟื้นขึ้นมา จนพี่ได้พบกับปาฏิหาริย์ที่ทำให้หัวใจพี่เหมือนฟื้นขึ้นมาแต่เขาก็หนีจากพี่ไป ตอนนี้พี่ได้พบกับปาฏิหาริย์นั่นแล้ว…คิบอม เวลาของพี่มันเหลือไม่เยอะแล้วนะ เพราะงั้นพี่ขอได้มั้ย…ขอให้พี่ได้ทำตามหัวใจที่มันใกล้จะตายเต็มทีนี้แล้วได้มั้ย” ฮีชอลร้องขอน้องชายด้วยสายตาที่เจ็บร้าวกับรอยยิ้มบางๆ ราวกับได้พบเจอความหวังสุดท้ายของตัวเอง

               คิบอมเห็นท่าทางของพี่ชายก็หมดคำจะพูด ได้แต่ทรุดลงนั่งเก้าอี้มือกุมขมับหันหน้าหนีไปทางไม่ยอมสบตากับพี่ชาย ฮีชอลเห็นดังนั้นก็ได้แต่เดินออกไปจากห้องเงียบๆ โดยไม่เห็นว่าคิบอมเองก็ซ่อนสายตาที่เจ็บร้าวเพราะความเป็นห่วงไว้ไม่แพ้กัน แต่ใจที่มันคุกรุ่นไปด้วยความโมโหทำให้ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ เขาต้องหาทางทำให้พี่ชายกลับไปอเมริกาให้ได้ คิบอมตัดสินใจพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปปิดประตูเสียงดังตามแรงอารมณ์

               ร่างสูงเดินลิ่วๆ ไม่มองหน้าใคร ถึงมองก็ไม่มีใครกล้าสบตาอยู่ดี ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรอาจารย์คิมคิบอมที่ปกติจะมีรอยยิ้มและท่าทีที่เป็นมิตรเสมอ แต่วันนี้กลับมีสายตาและสีหน้าที่น่ากลัวจนคนไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้เลยด้วยซ้ำ ร่างสูงเอาแต่เดินๆ จนมาถึงห้องสมุด แอร์เย็นฉ่ำกับบรรยากาศเงียบๆ ก็พอจะทำให้อารมณ์ของเขาเย็นลงไปบ้าง ทำให้คิดได้ว่าเขาจะมามัวอารมณ์เสียอยู่อย่างนี้ไปก็เสียเวลาเปล่า สู้รีบไปหาวิธีพาฮีชอลกลับไปดีกว่า

               คิบอมกำลังจะหันหลังกลับออกไปก็พลันได้ยินเสียงบางอย่างที่ไม่ควรมีในที่นี้อย่างยิ่งเสียก่อน เขาจึงเปลี่ยนใจค่อยๆ เดินเข้าไปหาเสียงที่ว่านั่น จนถึงช่องทางที่อยู่ลึกเข้าไปข้างในสุดและเป็นมุมอับสายตาพอดี คิบอมเห็นร่างของนักศึกษาหญิงชายคู่หนึ่งในชุดกึ่งเปลือยกอดรัดกันแนบชิดพิงแอบอยู่ที่ผนังแคบๆ เสียงกายเนื้อส่วนล่างเคลื่อนไหวกระทบกันค่อนข้างดัง ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าทั้งคู่กำลังทำอะไรกันอยู่

               คิบอมส่ายหัวเล็กน้อยกับพฤติกรรมของเด็กสมัยนี้ กำลังจะส่งเสียงให้ทั้งคู่รู้ตัว แต่เด็กผู้หญิงก็ลืมตามามองเห็นเขาก่อนพอดี

               “อ๊ะ!…อา…อาจารย์”เธออุทานออกมาสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับรีบผละออกจากเด็กผู้ชายที่หันหลังให้คิบอม ทั้งคู่รีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วฝ่ายหญิงก็รีบวิ่งหนีออกไปก่อนที่คิบอมจะรั้งไว้ทัน เหลือแต่เด็กผู้ชายที่กำลังรูดซิปกางเกงอยู่ด้วยท่าทางอารมณ์เสีย

               “มาขัดจังหวะทำบ้าไรวะ…เฮ้ย!” เสียงหวานก่นด่าเบาๆ หันไปเผชิญหน้ากับคนที่มาเห็นพวกเขาทำอะไรกันอยู่ แต่ก็ต้องอุทานชี้หน้าออกมาอย่างลืมตัว เมื่อเห็นว่าเป็นใคร

               “กะ…แก แกเองเหรอไอ้เด็กบ้า!”

               คิบอมเองก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปเหมือนกันเมื่อเห็นว่าผู้ชายคนที่ว่าคือ ลีทงแฮ หนุ่มหน้าหวานที่เขาสนใจตั้งแต่แรกเห็น อยู่ๆ อารมณ์โมโหที่รุนแรงยิ่งกว่าตอนแรกก็พุ่งพรวดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ และก่อนที่อีกฝ่ายนั้นจะหายตกใจ คิบอมก็จับแขนทั้งสองข้างของทงแฮแล้วดันเข้าไปติดกับผนังตรึงไว้ไม่ให้ขยับหนีไปได้ ชั่วขณะที่ทงแฮกำลังอ้าปากจะด่าว่าอะไรเขาหรือเปล่านั้นก็ไม่อาจรู้ได้เพราะนาทีนั้นเขาได้โน้มลงไปบดจูบดุดันรุนแรงกับริมฝีปากนุ่มนั่นด้วยแรงอารมณ์โมโหที่ปะทุขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุไปเสียแล้ว

。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。。

 

                                                                                  

 

 

            

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา