{Fic Naruto} Behind The Scene Konoha Love Story

-

เขียนโดย LadyTyrell

วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.59 น.

  26 ตอน
  0 วิจารณ์
  21.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 02.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

21) พี่สาวที่เจ้าครูจอมมาสายแบกกลับบ้านคือใครกัน?!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          ผ่านมาได้หลายวันแล้วกับการที่อายากะได้เจอกับอิทาจิและถูกเขากอดอยู่บนต้นไม้ หญิงสาวไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้กับใคร ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองจะต้องเก็บเงียบไว้ด้วยทั้ง ๆ ที่พวกแสงอุษาเป็นตัวอันตรายกับหมู่บ้านและนารุโตะ

“ฮึ่ยเจ็บใจจริง ๆ ทำไมตอนนั้นเรากลับไม่ดิ้นรนทำอะไรเลยสักอย่าง!” เธอนิ่วหน้าด้วยความไม่ชอบใจหลังจากเดินกลับจากที่ทำการโฮคาเงะมาตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยชาวบ้านมากมาย

เสียงจ้อกแจ้กจอแจของผู้คนในหมู่บ้านนั้นไม่ได้ทำให้โจนินสาวรู้สึกหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้ในหัวสมองของเธอเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องของอิทาจิ

“เฮ้…อาเจ๊” อุซึมากิ นารุโตะที่เพิ่งเดินออกจากอิจิราคุราเม็งมานั้นรีบปรี่เข้ามาทักฟูจิวาระ อายากะแทบจะทันทีเพราะเขาไม่ได้เจอเธอมาหลายวันแล้ว

“เอ๋…เดินผ่านเราไปเฉยเลย เน่ ๆ อาเจ๊ผมเรียกไม่ได้ยินรึไง!” เด็กหนุ่มรีบวิ่งตามร่างบางของโจนินสาวพร้อมกับตะโกนด้วยความดังทำให้ผู้คนรอบข้างต่างหันมามองเป็นตาเดียวกัน

“หรือเราควรจะเอาเรื่องนี้ไปบอกยูกิดีนะ?” อายากะพึมพำออกมาอีกครั้งทั้งที่สองขาเรียวของเธอยังคงก้าวเดินต่อไป

“อะ…อ้าวแล้วนี่ตอนนี้ฉันกำลังจะไปไหนกันยะเนี่ย!” เธอหันหน้าไปมาด้วยความตกใจเมื่อตัวเองเดินมาเกือบท้ายหมู่บ้าน

“แฮ่ก แฮ่ก เหนื่อยชะมัด” เสียงหอบหายใจพร้อมกับเสียงบ่นของเด็กหนุ่มดังขึ้นอยู่ข้างหลังทำให้คนที่กำลังงงงวยกับชีวิตตัวเองรีบหันไปมองทันที

“นี่นายมาทำอะไรแถวนี้ยะเจ้านารุโตะ?”

“ก็วิ่งตามอาเจ๊มาน่ะสิถามได้…แปลกจริงเมื่อกี้ผมตะโกนเรียกก็ไม่ยักตอบ มัวแต่คิดอะไรอยู่เหรอเรื่องเจ้าครูนั่นใช่ปะ?” เด็กหนุ่มจ้องมองเธออย่างจับผิด

“ใช่ที่ไหนกัน! ฉันมีเรื่องให้คิดตั้งมากมาย!”

“ถ้างั้นก็บอกผมมาเซ่”

“จุ้นจ้านจริงนะนายเนี่ย…เอาเป็นว่าเราไปเดินเล่นที่ตลาดกันดีกว่า ท้องนายยังคงไม่อิ่มใช่ม้า?” หญิงสาวรีบหาของกินมาล่อแทบจะทันทีเพราะไม่อยากให้นารุโตะถามอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว กลัวว่าตัวเองจะหลุดปากพูดอะไรออกมา

          

          ทั้งสองคนต่างพากันเข้าออกร้านโน้นทีร้านนี้ทีจนตอนนี้ทั้งอาหารขนมและเสื้อผ้าต่างถูกหิ้วอย่างพะรุงพะรังโดยฝีมือของนารุโตะ เด็กหนุ่มหน้ามุ่ยด้วยความไม่ชอบใจ ถึงแม้ว่าจะได้กินฟรีก็ตามแต่ก็ถูกใช้ให้เป็นเบ๊หิ้วของจนจะหิ้วไม่ไหวอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าประจำเดือนของอาเจ๊มาไม่ปกติหรือยังไงถึงได้เอาแต่ซื้อซื้อซื้อและซื้อ!

“มองอะไรยะ!” หล่อนหัดมาตวาดแว้ดเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มหน้านิ่วด้วยความไม่ชอบใจ

“ก็อาเจ๊ทำไมต้องซื้อเยอะแบบนี้ด้วยเล่า! ถึงจะมีแต่ของกินที่ผมชอบก็เถอะ หนักจะตายอยู่แล้วนา”

“นายก็ช่วยถือให้มันคุ้มกับเงินที่ฉันจ่ายไปหน่อยสิยะ นี่กลับบ้านกันได้แล้ว”

‘กลับบ้านกันได้แล้ว’ ถึงจะเป็นประโยคที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก็ตามทีแต่มันก็ทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกว่าตัวเองจะไม่ต้องกลับไปนอนอยู่ที่ห้องด้วยความโดดเดี่ยว…เหมือนกับว่าเขากำลังจะกลับบ้านกับครอบครัวยังไงยังงั้นแหละ

 

บ้านตระกูลฟูจิวาระ

“อีกแล้วเหรอครับท่านหญิง?” ชายหนุ่มวัยกลางคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นถุงข้าวของพะรุงพะรังที่นารุโตะหิ้วตามหลังผู้นำตระกูลสาวเข้ามา

“อือ…แก้เซ็งน่ะ”

“แต่ว่าของเก่าที่ซื้อไปคราวก่อนผมยังไม่เห็นท่านหญิงเอาออกจากถุงเลยนะครับ”

“ช่างเถอะน่า…นาน ๆ ทีจะมีเวลาช็อปปิงแบบนี้” เธอโบกมืออย่างไม่ใส่ใจก่อนที่ยื่นมือไปรับถุงจากนารุโตะมาไว้

“นารุโตะวันนี้ไม่ต้องกลับไปนอนที่ห้องหรอก นอนบ้านฉันเนี่ยแหละ” หญิงสาววัย21ปีส่งยิ้มตาหยีไปให้กับเด็กหนุ่มหนวดแมว

“งั้นผมไม่เกรงใจละนา ว่าแต่ทำไมถึงได้ชวนให้ผมค้างอะ…แอบคิดอะไรกับผมอ๊ะเปล่า?” ยกมือขึ้นมาถูจมูกแก้เขิน

“เจ้าเด็กแก่แดด! มะรืนนี้ฉันต้องออกไปทำภารกิจคงจะนานเหมือนกันกว่าจะกลับมา น่าจะไม่ได้เจอนายนานเลย ก็เลยอยากจะใช้เวลาด้วยกันน่ะ ชดใช้เรื่องที่…”

“ท่านหญิงครับ!” โนบุเอ่ยขัดคำพูดของหญิงสาวด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวว่านารุโตะจะรู้ความจริงเรื่องพ่อแม่ของตัวเอง

“เอ๋…เมื่อกี้อาเจ๊จะพูดว่าอะไรเหรอฮะ?”

“อ้อเปล่าหรอก ๆ เราไปกินข้าวเย็นกันเถอะ”

          กว่าจะพูดให้นารุโตะเข้าใจได้ว่าไม่มีอะไรจริง ๆ ก็ปาไปเกือบจะครึ่งชั่วโมงเพราะเด็กหนุ่มเอาแต่เซ้าซี้จนอายากะเกือบจะหลุดปากหลายครั้ง หมู่นี้ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรมากหรือเปล่า หลายครั้งแล้วที่จะเผลอหลุดโพล่งความลับหลาย ๆ อย่างออกไป

 

          ภายในความมืดสลัวของห้องนอนใหญ่ยังคงมีแสงเล็ก ๆ จากข้างนอกสาดส่องเข้ามา อากาศคืนนี้เย็นสบายถึงแม้ว่าจะเพิ่งสามทุ่มก็ตาม เจ้าของห้องนอนพลิกตัวไปมาเพราะในหัวสมองยังคงคิดถึงเรื่องนั้นไม่หยุด สุดท้ายร่างบางจึงผุดลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรวดเร็วพลางเหลือบมองไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังนอนหลับอยู่บนฟูกด้วยความเอ็นดู

‘คงหลับไปแล้วสินะ’ โจนินสาวคิดในใจก่อนที่จะค่อย ๆ กระเถิบลงจากเตียงพร้อมกับแอบย่องออกไปทางประตู

          อายากะนำชุดลำลองที่หยิบติดมือมาใส่อย่างลวก ๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะผูกกระบังหน้าผากไว้ที่คอ เพราะอาการนอนไม่หลับแบบนี้แท้ ๆ เลยทำให้ต้องออกมาสรรหาอะไรเข้าปากซักหน่อย เผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้น ขาเรียวเดินไปตามท้องถนนที่ตอนนี้ร้านรวงต่าง ๆ เริ่มทยอยปิดกันแล้วยกเว้นแต่ร้านเหล้าและคาราโอเกะที่ยังคงเปิดอยู่และคาดว่าคงจะเปิดจนถึงตอนเช้า

 

          สายลมอุ่นพัดประทะเข้ากับใบหน้าอันเนียนใสที่ปราศจากเครื่องสำอาง ทำให้คนที่กำลังเดินเตร่อยู่นั้นรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด ๆ ราวกับว่าสายลมกำลังปลอบประโลมเธอให้หายวิตก

          เดินผ่านร้านโน้นร้านนี้ได้พักใหญ่แต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจเข้าไปในร้านซักทีจนสมองผุดความคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมา เธอจึงวิ่งมุ่งหน้าตรงไปยังหอพักของพวกนินจาแทน

 

          เมื่อเดินเข้าไปภายในชั้นล่างก็กลับพบว่าโซฟาและโต๊ะรับแขกที่โจนินและจูนินหลายคนมักจะมานั่งรวมตัวกันหลังกลับจากภารกิจนั้นเงียบเชียบเกินกว่าที่เคยเป็น อายากะเหลียวซ้ายแลขวาจนแน่ใจแล้วว่า ณ ตอนนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่เป็นสิ่งมีชีวิตอยู่ในห้องนี้

“อะไรกันเนี่ย…หายไปไหนกันหมด” ถอนหายใจด้วยความเสียดายก่อนที่จะตัดสินใจหันหลังกลับ “ไปก๊งเหล้าคนเดียวก็ได้ชิ!”

“เอ๋…อายากะ มาทำอะไรที่นี่เหรอ?” เสียงทุ้มของอิรุกะดังขึ้น เขาตั้งใจจะนำขยะลงมาทิ้งแต่ก็กลับเห็นร่างบางของอายากะที่กำลังเตรียมตัวจะเดินออกไปจึงตะโกนทักไว้ก่อนเผื่อมีอะไรที่เขาพอจะช่วยเหลือได้

“นายพอจะรู้มั้ยว่าเจ้าพวกที่ชอบนั่งก๊งเหล้าหายไปไหนกันหมด?” โจนินสาวหันควับมาถามแทบจะทันที

“ภารกิจน่ะ เห็นว่าเดี๋ยวสักพักก็คงจะกลับมากันแล้วล่ะ ช่วงนี้ในหอพักมีแต่คนไปทำภารกิจเวลาเดียวกันตลอด…เลยไม่ค่อยมีคนอยู่”

“งั้นก็ดีเลย…นายก็ว่างอยู่พอดีนี่นา ไปก๊งเหล้าเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” ไม่ว่าเปล่าหญิงสาวรีบเดินไปฉุดแขนชายหนุ่มให้ออกไปพร้อมกับเธอทันที

          อุมิโนะ อิรุกะจำใจต้องเดินออกไปตามแรงลากของอายากะอย่างเลี่ยงไม่ได้ ใจจริงก็อยากจะปฏิเสธอยู่หรอกแต่แค่นึกภึงภาพวันที่โคโนฮะมารุเกือบจะถูกบาทากระทืบมารซ้อม เขาก็รู้สึกขยาดแล้ว

“แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง” จูนินหนุ่มพูดพลางยกไหเหล้าเดินตามโจนินสาวกลับไปที่หอพัก

“แหมออกมาแบบนี้ทั้งทีก็อยากจะแบกเหล้ากลับไปก๊งกับเพื่อน ๆ” อายากะส่งยิ้มด้วยท่าทาอารมณ์ดี หลังจากที่เหล้าเข้าปากแล้วก็เริ่มจะรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย

 

          เมื่อเดินเข้ามาในชั้นล่างสุดของหอพักก็พบว่าเพื่อนคนอื่น ๆ พากันกลับมาจากภารกิจเรียบร้อยแล้ว ทุกคนพูดคุยกันอย่างออกรส จนกระทั่งใครคนใดคนหนึ่งสังเกตเห็นผู้มาเยือนจึงรีบทักด้วยความดีใจ

“ไงอาเจ๊โหด แบกไหเหล้ามาเยอะแยะแบบนี้จะมามอมพวกเราล่ะสิ”

“ฉันไม่เลี้ยงนายหรอกย่ะไรโด! โทษฐานที่เรียกฉันแบบนั้น”

“ใจเย็น ๆ สิอายากะจัง…โอ้วแค่เห็นเหล้าพลังวัยรุ่นของฉันก็ลุกโชนขึ้นมาแล้วล่ะสิ” ไมโตะไกพูดทั้งน้ำตาที่กำลังไหลพรากเพราะความซาบซึ้งในพลังวัยรุ่น

“ฉันก็แค่หยอกเล่นเองค่ะรุ่นพี่…นี่วันนี้มาดวลกับฉันหน่อยเป็นไง ขอท้าทุกคนไว้เลย…ฉันไม่ยอมแพ้แน่ ๆ” ว่าจบหญิงสาวก็ส่งสัญญาณให้เบ๊ชั่วคราวอย่างอิรุกะยกไหเหล้าไปวางไว้บนโต๊ะ

“เอาก็เอาซี่…ฉันไหวอยู่แล้ว” คุเรไนยอมรับคำท้าแทบจะทันทีแล้วก็ตามมาด้วยโจนินและจูนินอีกหลายคน

 

          ภารกิจครั้งนี้หนักหนาเอาการแต่คาคาชิก็สามารถจัดการให้มันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี หลังจากแยกกับทีมอาสึมะที่หน้าหมู่บ้านเขาจึงรีบมุ่งตรงไปยังหอพักเพื่อที่จะอาบน้ำและนอนพักผ่อนแต่เมื่อเดินมาถึงใกล้ประตูเข้าหอพักก็กลับได้ยินเสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเฮฮาโดยเฉพาะเสียงของอดีตเพื่อนร่วมงานอย่างฟูจิวาระ อายากะ

“เฮ้อ…เอาอีกแล้วสิเจ้าพวกนี้นี่ มียายนั่นเป็นหัวโจกดูท่าทางคงจะถึงพรุ่งนี้เช้าแน่ ๆ” เขาส่ายหัวด้วยความเอือมระอาก่อนที่จะตัดสินใจเข้าห้องทางหน้าต่างแทน เพราะถ้าหากเดินผ่านเจ้าพวกนั้นละก็รับรองว่าต้องถูกลากเข้าไปร่วมวงด้วยแน่ ๆ

 

          ผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดถูกแขวนผึ่งไว้ที่ราวตากผ้าตรงระเบียงหลังจากที่เจ้าของห้องจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวที่จะนอน แต่อยู่ ๆ ก็รู้สึกอยากจะลงไปสอดแนมดูพวกที่นั่งก๊งเหล้ากันซักหน่อยว่าตอนนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง

“คุณคาคาชิ! ผม ผม ผม…ม่ายด้ายมาววววหรอกนะ” อิรุกะที่ตอนนี้หน้าแดงด้วยฤทธิ์เหล้าเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคาคาชิเดินเข้ามาในวงเหล้า

ตอนนี้ทุกคนที่พากันก๊งเหล้าต่างสลบเหมือดกันทั้งหมดรวมไปถึงหัวโจกที่อุตส่าห์แบกไหเหล้าเข้ามาท้าดวลด้วย

“คุณอิรุกะก็เป็นไปกับเขาอีกคนเหรอเนี่ย” โจนินผมเงินพึมพำขึ้นมาเบา ๆ ก่อนที่จะหันควับไปฟังเสียงของอิรุกะ

“งานเน้…อายากะชนะน็อค!” หลังจากพูดประโยคนี้จบจูนินหนุ่มก็ฟุ้บหน้าลงไปกับโต๊ะทันที

คาคาชิตัดสินใจที่จะพาอายากะกลับไปส่งที่บ้านแต่เมื่อเขาพยายามจะอุ้มหล่อนขึ้นมาก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อไมโตะ ไกผุดลุกขึ้นมาพร้อมกับตะโกนใส่หน้าเขา

“มาแข่งกันเถอะคาคาชิว่าใครจะคอแข็งกว่ากัน!”

“เอาอีกแล้วเจ้าไก…อะ…อะไรกันแค่ละเมอเองเหรอ เฮ้อโล่งอกไป” พูดจบเขาก็รีบช้อนร่างบางที่ฟุ้บไม่ได้สติกับโต๊ะขึ้นมาด้วยความแผ่วเบาก่อนที่จะแบกเธอพาดบ่าแล้วเดินออกจากหอพักไปยังบ้านของตระกูลฟูจิวาระ

 

          หลังจากตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำนารุโตะก็พบว่าหญิงสาวที่เขามักจะเรียกว่าอาเจ๊ไม่ได้นอนหลับอยู่บนเตียง ถ้าเป็นอย่างนั้นหล่อนหายไปไหนกันนะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาและหล่อนยังนอนคุยกันอยู่เลย เมื่อคิดได้ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงรีบออกจากห้องนอนพร้อมกับเดินหาทั่วบ้านแต่ก็ไม่พบ สุดท้ายจึงตัดสินใจออกไปตามหาข้างนอกแทน

          ถนนในยามเที่ยงคืนนั้นต่างเงียบปราศจากผู้คนสัญจรไปมา เวลานี้จึงมีเพียงแค่เด็กหนุ่มผมเหลืองในชุดลำลองที่เดินเตร่ตามหาคนที่หายไป นารุโตะพยายามเดินไล่หาตามร้านเหล้าหรือร้านคาราโอเกะก็ไม่พบอายากะเลยแม้แต่นิดเดียว

“หายไปไหนของเค้านะ!” เด็กหนุ่มพึมพำขณะที่กำลังตัดสินใจว่าจะกลับไปนอนที่บ้านตระกูลฟูจิวาระหรือว่าตามหาคนที่หายไปกลางดึกดีแต่และแล้วขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้นก็กลับได้ยินเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นถนนเป็นจังหวะ เขาจึงรีบกระโดดไปซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้เพื่อแอบมองว่าเป็นใครบางทีอาจจะเป็นอาเจ๊ของเขาก็ได้

“นั่นมัน…เจ้าครูจอมมาสายนี่นา ว่าแต่กำลังแบกใครอยู่นะ พี่สาวคนนั้นคงจะอายุสัก17-18แน่เลย”

“เอ๋…แบบนี้มันเข้าข่ายพรากผู้เยาว์รึเปล่านะ!” เด็กหนุ่มมองด้วยความสงสัยก่อนที่จะตัดสินใจแอบตามไปอย่างห่าง ๆ

“เอาอีกแล้วสิเจ้านารุโตะ”

          คาคาชิรู้ตัวแทบจะทันทีเมื่อนารุโตะแอบสะกดรอยตาม ถ้าเกิดว่าเด็กนี่รู้ว่าคนที่เขาแบกเป็นยายเจ๊โหดล่ะก็…มีหวังข่าวโคมลอยนั่นคงจะดังกว่าเดิมแน่ ๆ… สุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะแวบไปบ้านตระกูลฟูจิวาระแทนการเดิน

“อะไรกันเนี่ย! หายไปเฉยเลย…” นารุโตะบ่นด้วยความเสียดาย อีกนิดเดียวแท้ ๆ ที่จะได้เห็นหน้าตาของพี่สาวคนนั้นให้ชัดกว่านี้

 

          หน้าต่างห้องของผู้นำตระกูลฟูจิวาระถูกเปิดแทบจะทันด้วยฝีมือของผู้บุกรุกอย่างฮาตาเกะ คาคาชิ เขาแบกอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่างฟูจิวาระ อายากะผ่านเข้ามาทางหน้าต่างได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้คนที่กำลังหลับใหลอยู่บนบ่าเขาคงจะฝันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ‘ยายนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ’ เขาส่ายหัวให้กับความคิดของตัวเองเล็กน้อยก่อนที่จะบรรจงวางร่างบางที่สลบไสลเพราะฤทธิ์เหล้าลงบนเตียงกว้าง

          ชายหนุ่มกวาดสายตามองรอบ ๆ ห้องเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเพียงเขาและเธอเท่านั้นแต่ก็ต้องไปสะดุดตาเข้ากับฟูกสีขาวที่วางอยู่ห่างจากเตียงไปเพียงเล็กน้อย

“แสดงว่ามีคนมานอนกับยายเจ๊โหดงั้นสินะ…ว่าแต่ใครกัน?” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ พลางเดินเข้าไปใกล้ฟูกที่ว่าก่อนที่จะตรัสรู้ได้ในทันที “นารุโตะเองหรอกเหรอ…” เพราะเสื้อแจ็กเก็ตของเด็กหนุ่มที่พับวางอยู่บนฟูกจึงทำให้เขาสังเกตเห็นได้ง่ายว่าเป็นใคร

 

          คาถาลับที่มักจะถ่ายทอดกันเพียงแค่แวดวงของผู้นำตระกูลนั้นเป็นคาถาที่ต้องใช้จักระอย่างมาก คนที่จะใช้คาถานี้ได้ต้องฝึกการควบคุมจักระได้อย่างดีเยี่ยมและนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของเด็กสาว เธอฝึกการควบคุมจักระตั้งแต่ตอนที่เริ่มเข้าเรียนนินจาอคาเดมี่ จนถึงตอนนี้จึงเป็นเวลาอันเหมาะสมสำหรับฝึกคาถาลับนั่นก็คือ ‘ปลดพันธนาการ’ สำหรับคาถานี้แล้วผู้ใช้จะต้องควบคุมจักระได้ดีและมีสมาธิอย่างมากถ้าหากขาดอย่างใดอย่างหนึ่งอาจจะถึงขั้นเอาชีวิตไม่รอดเลยก็ว่าได้

“มันไม่โหดเกินไปสำหรับน้องเหรอครับท่านพ่อ?” ชายหนุ่มผมสีส้มในชุดผ้าฝ้ายยูคาตะมองผู้นำตระกูลด้วยสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัดเพราะไม่อยากจะให้น้องสาวของตัวเองฝึกใช้คาถาลับแบบนั้น

“ไม่หรอก…ดูหน้าน้องของแกก่อนสิ” ฟูจิวาระ เซอิจิหันไปมองลูกสาวคนเล็กด้วยความหนักใจ ความจริงแล้วเขาไม่ได้คิดจะสอนให้หล่อนใช้คาถาในตอนนี้แต่เป็นเพราะถูกรบเร้าจนไม่สามารถปฏิเสธได้อีก สุดท้ายจึงต้องยอมจำนน

“เฮ้อ…แล้วก็คงไม่พ้นผมใช่มั้ยล่ะที่ต้องเป็นคนฝึกน่ะ” ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย แม่น้องสาวบ้าพลังของเขาจะต้องไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนจนกว่าจะฝึกสำเร็จแน่ ๆ ขนาดตัวเขาเองที่ฝึกตอนนั้นก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว

 

          วิวแม่น้ำเบื้องหน้าปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดเมื่อสองพี่น้องผู้มีตำแหน่งที่จะได้รับการสืบทอดขึ้นเป็นผู้นำตระกูลฟูจิวาระเดินทางมาถึงสถานที่ฝึกซ้อมครั้งนี้ อายากะสมัยที่ยังเป็นเด็กสาวรู้สึกตื่นเต้นกับวิชาใหม่เป็นพิเศษ

"เริ่มกันได้รึยังอากิระ!" เสียงใสเอ่ยถามพี่ชายแทบจะทันที

"ถ้าพร้อมก็เริ่มได้" เสียงทุ้มตอบกลับมาเพียงสั้น ๆ เพราะตอนนี้ต้องเข้าโหมดโหด จะใจดีแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว

"เหวออออออ อากิระจะทำอะไรฉันน่ะ!" เด็กสาวร้องด้วยความตกใจเมื่อถูกลวดเส้นบางพันธนาการรอบตัวอย่างแน่นหนาจนเธอไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย

"จำที่ฉันพูดเมื่อกี้ได้ไหม?"

"อื้อจำได้สิ...จำได้ขึ้นใจเลย" อายากะพยักหน้าด้วยความรัวเร็วเพราะอยากจะให้พี่ชายภูมิใจในตัวเธอและเลิกทำท่าทางเคร่งเครียดแบบนั้นซะที

"งั้นก็ดี...ฟังนะถ้าเธอหลุดออกมาไม่ได้เธอก็ตาย..." ว่าจบชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายก็รีบยกร่างน้องสาวที่ถูกพันธนาการโยนลงน้ำอย่างไม่ใยดี

          ร่างของเด็กสาวค่อย ๆ จมลงไปในน้ำช้า ๆ ตอนนี้ไม่แม้แต่จะมีอากาศหายใจ... เนี่ยน่ะเหรอการฝึกคาถาลับสุดโหด ถ้าหากว่าเธอหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ไม่ได้ก็ต้องตายอย่างนั้นเหรอ... 'ไม่นะ...ยังไม่อยากตายตอนนี้!'

          ถึงแม้ว่าจะพยายามตั้งสมาธิและควบคุมจักระแต่ฟูจิวาระ อายากะก็พบว่าจิตใจไม่สงบนิ่งเลยแม้แต่น้อยและอากาศในปอดก็ค่อย ๆ หมดลงเรื่อย ๆ เธอจะต้องตายที่นี่แน่นอน ตายเพราะการฝึกคาถาลับของตระกูล...ประโยคสุดท้ายที่เด็กสาวพยายามตะโกนจากในน้ำก็คือเรียกชื่อพี่ชายสุดที่รัก

 

"อากิระ!!" เสียงตะโกนดังก้องไปทั่วห้องพร้อมกับร่างบางที่ผุดลุกขึ้นจากเตียง ที่ฝันร้ายแบบนี้เป็นเพราะดื่มหนักมากไปแน่ ๆ เลย

"เอ๊ะ แล้วเรามาอยู่ในห้องได้ยังไงกัน?" พึมพำออกมาด้วยความสงสัย

"ละเมออีกแล้วนะเธอ" เสียงที่แทรกผ่านท่ามกลางความมืดทำให้อายากะหันไปมองรอบห้องจนป๊ะเข้ากับคาคาชิที่ยืนพิงหน้าต่าง

"นายเข้ามาได้ยังไงกันตาแก่ลามก!?" เจ้าของห้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

"เข้ามาทางหน้าต่าง"

"อย่ามากวนประสาทฉันนะยะ" ทำท่าลุกขึ้นจะเงื้อหมัดแต่ก็ต้องทรุดตัวลงบนเตียงเพราะอาการมึน

"ไม่เป็นไรใช่มั้ยเธอน่ะ?" คาคาชิรีบถลาเข้าไปใกล้คนที่นั่งอยู่บนเตียงแทบจะทันที

"ยังไม่ตายย่ะแค่มึนนิดหน่อย" เธอพูดพร้อมหลุบตาลงต่ำเมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้กลุ้มใจ

"กำลังคิดมากล่ะสิ" โจนินผมเงินมองด้วยความสงสัยใคร่รู้ บางทีเขาอาจจะช่วยแบกรับเรื่องที่เจ้าหล่อนกำลังคิดมากได้

"..." ณ เวลานั้นมีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ คนที่กำลังจมอยู่ในความคิด กัดปากตัวเองด้วยความชั่งใจว่าควรจะพูดอะไรออกไปหรือไม่

"บางทีความเข้มแข็งไม่ต้องแสดงมันตลอดเวลาก็ได้...ถ้าอยากจะอ่อนแอสักวันมันจะเป็นอะไรไป" ชายหนุ่มคิดว่าเขาได้พูดในสิ่งที่ควรพูดแล้วหวังว่าคนที่นั่งอยู่บนเตียงคงจะเข้าใจได้และบางทีหล่อนก็คงอยากจะใช้เวลาอยู่คนเดียวเขาจึงตัดสินใจหันหน้าไปทางหน้าต่างเพื่อที่จะกลับไปพักผ่อน

"นั่นสินะ..."

          

          สิ้นเสียงใส คาคาชิก็รู้สึกตัวแทบจะทันทีเมื่อเขาถูกอายากะกอดจากทางด้านหลัง หล่อนซบหน้าลงกับแผ่นหลังของเขาพร้อมกับพูดอู้อี้จนเขาฟังไม่ออก

          เขาค่อย ๆ แกะมือเล็กของหล่อนออกพร้อมกับหมุนตัวร่างบางให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา คราวนี้คงจะถึงเวลาที่จะรับฟังปัญหาซักที

          แต่เมื่อเห็นหน้าใสที่ปราศจากเครื่องสำอางเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่าอาจจะแบกกลับมาผิดคนแต่ก็คงไม่ใช่เพราะการพูดการจาคืออายากะชัด ๆ เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมนิ้วโป้งไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้กับหล่อนก่อนที่จะดึงร่างบางเข้ามากอดตามความรู้สึกของตัวเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา