{Fic Naruto} Behind The Scene Konoha Love Story

-

เขียนโดย LadyTyrell

วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.59 น.

  26 ตอน
  0 วิจารณ์
  21.73K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 02.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

26) My feeling (forth)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          ห้องทำงานโฮคาเงะเริ่มมีบรรยากาศความอึดอัดขึ้นทุกขณะเมื่อซึนาเดะจ้องมองเด็กสาวผู้รอดชีวิตอย่างไม่ไว้ใจแต่ถึงอย่างนั้นหน้าตาและท่าทางของเด็กคนนี้ก็ดูจะไม่มีพิษมีภัยอะไรต่อหมู่บ้านมากเท่าไหร่

“ถ้าเป็นตามที่พวกเธอว่า…ก็ให้เด็กนี่พักที่นี่ไปก่อน หน้าที่นี้เธอรับผิดชอบด้วยนะอายากะ” โฮคาเงะสาวสั่งการด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดทำให้คนที่ได้ยินถึงกับสะดุ้งสุดตัว

“อะไรกันป้า! ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะเนี่ยหา!” อายากะประท้วงด้วยความไม่ชอบใจมากเท่าไหร่เพราะเธอไม่ได้มีแค่เรื่องภารกิจที่ต้องรับผิดชอบ ไหนจะเรื่องตระกูลของเธออีก แน่นอนว่าถ้าเพิ่มอายูมุเข้ามาในชีวิตล่ะก็…รับรองได้เลยว่ายุ่งไปทั้งปีแน่ ๆ

“หยุดประท้วงเดี๋ยวนี้…หรือเธอจะใจดำให้แม่เด็กนี่ไปอยู่กับพวกผู้ชายสองคนนี้รึยังไงกัน?”

“ก็ให้อยู่กับเจ้าคาคาชิเซ่! ดูสนิทสนมกันมากกว่าฉันอีก” เหลือบมองสองหนุ่มสาวต่างวัยด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

          ปัง! มือสวยของซึนาเดะตบโต๊ะทำงานด้วยความรุนแรง ยังไงก็ตามเด็กอายูมุนี่ก็ต้องได้อยู่ภายใต้การดูแลของฟูจิวาระ อายากะตามที่หล่อนเห็นสมควร

“ฉันเลือกให้เธอเป็นคนดูแลและนี่ก็คือภารกิจ!” โฮคาเงะสาวจ้องมองอายากะด้วยแววตาโหดเหี้ยมอำมหิตพร้อมที่จะจัดการกับยายเด็กเหลือขอนี่ได้ทุกเมื่อ

“ก็ได้ ๆ ฉันจะดูแลอายูมุเอง” สุดท้ายโจนินสาวก็ต้องตกปากรับคำอย่างยอมจำนน ให้ตายสิเพิ่มภาระให้เธอตั้งแต่หัววัน

 

          ร่างบางทั้งสองพากันเดินไปตามถนนที่ทอดยาวไปสู่เขตของตระกูลฟูจิวาระ วันนี้อากาศค่อนข้างสดชื่น แดดไม่แรงมากจนเกินไปทำให้หน้าใสของอายากะไม่ยับยู่ยี่เหมือนทุกครั้ง หล่อนเดินไปพร้อมกับฮัมเพลงเบา ๆ

“แล้วฉันจะได้เจอกับพี่คาคาชิอยู่มั้ยคะ?” เด็กสาวเอ่ยขึ้นมาขัดจังหวะเพลงของเธอ

“เรื่องนั้นก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะ”

“งั้นก็ดีเลยค่ะ…ไม่รู้สิรู้…สึกว่าอยู่ใกล้พี่เค้าแล้วฉันมีความสุขมากเลยล่ะค่ะคุณอายากะ”

          โจนินสาวแอบหันไปแบะปากด้วยความหมั่นไส้ อะไรมันจะปานนั้น ตกลงนี่สองคนนี้ต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ ๆ และรับรองได้เลยว่าเธอจะต้องรู้ให้ได้ เอ…หรือว่าเพื่อเป็นการกลบเกลื่อนข่าวลือที่เจ้านารุโตะเป็นคนสร้างขึ้น

“ฉันคิดออกแล้ว!” หญิงสาวตะโกนออกมาด้วยความดีใจทำให้เด็กสาวผมสีอเมทิสต์ที่เดินเคียงมากับเธอหันมามองด้วยความงุนงง

“เอ่อ…มีอะไรรึเปล่าคะคุณอายากะ?” หล่อนเอียงคอถามด้วยความสงสัย

“เปล่าหรอกจ้า…นี่ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหรอก ยังไงซะฉันก็ได้รับหน้าที่ดูแลเธออยู่แล้ว เรียกฉันว่าพี่จะดีกว่า”

“ค่ะ…พี่อายากะ”

 

          ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของซึนาเดะเริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้งเมื่ออ่านทวนรายงานเรื่องการสำรวจหมู่บ้านทาคุจิที่ถูกถล่มไป เธอรู้สึกว่ามันจะต้องมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ ถ้าหากว่าเป็นพวกแสงอุษาจริง พวกนั้นจะทำไปเพื่ออะไร ใคร ๆ ก็รู้ว่าหมู่บ้านทาคุจิเป็นแค่หมู่บ้านธรรมดา ๆ ไม่มีแม้แต่นินจาเลยสักคน

“มันชักจะยังไง ๆ…ชิสึเนะไปตามหน่วยลับมาให้ฉันสองคน!”

“ค่าท่านซึนาเดะ” น้ำเสียงอันเฉียบขาดของโฮคาเงะสาวทำให้ชิสึเนะรีบวิ่งออกจากห้องทำงานเพื่อไปตามหน่วยลับให้มาพบตามคำสั่งของโฮคาเงะแทบจะทันที

 

          หลังจากกลับมาจากภารกิจระดับD อุซึมากิ นารุโตะก็รีบตรงดิ่งไปยังอิจิราคุราเม็งด้วยความรวดเร็ว ยังไงวันนี้ก็จะเบิ้ลให้ได้สักห้าชามตามที่ตัวเองใฝ่ฝันมานาน

“นี่ลุงเหมือนเดิมนาแต่เบิ้ลเป็นห้าชาม!”

“ได้เลยนารุโตะคุง…เพิ่งกลับมาจากภารกิจเหรอ?” เทะอุจิเจ้าของร้านราเม็งสุดโปรดของนารุโตะถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะไม่ได้เจอหน้าลูกค้าเจ้าประจำมาสองวันแล้ว

“อ๊ะใช่แล้ว…เร็ว ๆ หน่อยนะลุงผมหิวจะตายอยู่แล้ว”

“แป๊ปนึงน่า…ของอร่อย ๆ แบบนี้ต้องใจเย็น ๆ” เทะอุจิหันกลับไปทำราเม็งต่อด้วยความตั้งใจ

“ได้ข่าวว่าคุณอายากะเพิ่งกลับมาจากภารกิจเห็นว่าพาเด็กผู้หญิงอายุสัก17กลับมาด้วย” อายาเมะลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของร้านอิจิราคุราเม็งเอ่ยขึ้นกับนารุโตะขณะที่รอราเม็งมาเสิร์ฟ

“เอ๋…จริงเหรอฮะ จัดการราเม็งเสร็จต้องแวะไปหาอาเจ๊ซะหน่อยแล้ว!”

          เด็กหนุ่มเดินพุงป่องออกมาจากร้านอิจิราคุราเม็งด้วยความเชื่องช้าเนื่องจากจัดการซัดราเม็งไปตั้งห้าชามจึงไม่แปลกที่อาการของเขาจะเหมือนกับคนขึ้นอืด

“เฮ้ซากุระจางงงง” นารุโตะโบกมือทักทายเพื่อนร่วมทีมด้วยความร่าเริงแต่น้อยกว่าทุกครั้งเพราะตอนนี้รู้สึกหนักท้องจนเกือบจะเดินไม่ได้

“นารุโตะ! อีกแล้วนะนายเนี่ย” ฮารุโนะ ซากุระมองนารุโตะด้วยสายตาที่ปลงตก ถ้าไม่ได้เอาราเม็งเข้าปากหลายวันก็กลายเป็นแบบนี้ตลอดเลยสินะ เด็กสาวอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นสภาพของเด็กหนุ่ม

“ฮ่ะ ๆ ก็แบบว่าฉันชอบนี่นา” ยกมือเกาหัวแก้เขิน ก่อนที่จะพูดต่อว่า “เน่ ๆ ซากุระจังไปบ้านอาเจ๊เป็นเพื่อนฉันหน่อยสิได้ข่าวมาว่าพาเด็กสาวที่ไหนก็ไม่รู้กลับมาด้วย”

“เอ๋…เด็กสาวงั้นเหรอ นายนี่ชอบพูดเรื่องอะไรที่ทำให้ฉันอยากรู้ไปหมดเลยนะยะ เรื่องของครูคาคาชิก็อีก!”

“แล้วตกลงซากุระจังจะไปกับฉันมั้ยล่า?” นารุโตะจ้องหน้าซากุระด้วยอาการลุ้นสุดขีด

เด็กสาวผมสีชมพูพยักหน้าตอบตกลงเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มเดินนำนารุโตะออกไป

“รอฉันด้วยสิซากุระจังงงง!”

“นายก็รีบตามมาเร็ว ๆ สิยะเจ้าบ้านารุโตะ!”

 

          ร่างชายหนุ่มผมสีน้ำเงินและสีน้ำตาลในชุดหน่วยลับปรากฏขึ้นในห้องทำงานโฮคาเงะ ทำให้โฮคาเงะสาวที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับเอกสารรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง

“ฉันมีภารกิจให้พวกนายสองคนไปทำ” ซึนาเดะหยิบแผ่นรายงานภารกิจของทีมคาคาชิยื่นให้กับหน่วยลับผมสีน้ำเงิน

“หมายความว่าจะให้พวกเรากลับไปสำรวจอีกรอบเหรอครับ?”

“ใช่…ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ยังไม่ลงรอยแล้วอีกอย่างก่อนออกไปทำภารกิจช่วยไปดูเด็กที่ชื่ออายูมุที่บ้านตระกูลฟูจิวาระที”

“ตระกูลฟูจิวาระ?” หน่วยลับผมสีน้ำตาลทวนคำถามด้วยความสงสัย

“เออนั่นแหละ…ฉันไม่ได้จะให้พวกนายไปสำรวจจริงจังหรอกฉันแค่อยากจะให้ไปตามสืบที่มาที่ไปของยายเด็กนั่น!”

“รับทราบครับท่านโฮคาเงะ” พูดจบหน่วยลับทั้งสองคนก็หายแวบไปด้วยความรวดเร็ว

 

          คุนิโนบุ อายูมุพยายามหัดจับคุไนตามที่อายากะสอนเธอแต่เด็กสาวก็พบว่ามันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน เหงื่อเม็ดโป้งผุดพราวอยู่บนใบหน้าหวานทำให้คนที่รับหน้าที่เป็นครูฝึกสอนต้องรีบยกมือเป็นเชิงให้เด็กสาวหยุดพัก

“บางทีตอนนี้คุไนอาจจะยากไปสำหรับเธอ” อายากะออกความเห็นขณะที่ยื่นแก้วชาให้กับอายูมุ

“ขอบคุณค่ะพี่อายากะ…ถึงจะยากยังไงแต่ว่าฉันก็จะพยายามนะคะ” อายูมุพยายามส่งยิ้มหวานให้กับคนที่ทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ตรงหน้า

“เอางี้ดีกว่าฉันว่าเธอน่าจะเริ่มเรียนพวกกระบวนท่าก่อนน่าจะดีที่สุด!”

“แล้วใครจะช่วยสอนให้ฉันล่ะคะ?” แอบหวังลึก ๆ ให้อายากะไม่ถนัดกระบวนท่าเพราะเธออยากจะให้คาคาชิเป็นคนสอนมากกว่า

“มีท่านอายากะอยู่นี่ด้วยทั้งคน!” โจนินสาวยิ้มร่าก่อนที่จะสังเกตเห็นสีหน้าอันผิดหวังของเด็กสาว

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ?”

          ปากบางอันได้รูปถูกฟันสีขาวสะอาดกัดไว้เล็กน้อย อายูมุกำลังชั่งใจอย่างหนักหน่วงว่าควรจะพูดอะไรออกไปดีหรือไม่

“บอกฉันมาเถอะน่า…ยังไงซะตอนนี้ฉันก็มีหน้าที่ดูแลเธอนี่นาอายูมุจัง”

“คะ…คือว่าฉะ…ฉันอยากเรียนกับพี่ค…”

“เฮ้อาเจ๊” // “สวัสดีค่ะพี่อายากะ!” เสียงของอุซึมากิ นารุโตะและฮารุโนะ ซากุระดังขึ้นขัดจังหวะสิ่งที่อายูมุกำลังจะพูดออกมาทำให้คนที่ถูกเรียกว่าอาเจ๊หลุดจากการโฟกัสเรื่องของเด็กสาวผมสีอเมทิสต์แทบจะทันที

“นารุโตะซากุระมานี่ก็ดีเลย! ฉันเพิ่งนึกได้ว่ามีเอกสารที่ต้องตรวจอีกนิดหน่อยน่ะฝากดูแลอายูมุด้วยนะ”

“ได้เลยค่าพี่อายากะ” ซากุระส่งยิ้มหวานให้กับเจ้าของบ้านก่อนที่จะหันไปชวนอายูมุคุย

“โอ๊ส!” นารุโตะรับคำพร้อมกับเดินเข้าไปหาเด็กสาวผู้มีเรือนผมสีอเมทิสต์ด้วยท่าทางเป็นมิตร

 

          ตราประจำตระกูลถูกประทับติดกันอยู่หลายครั้งหลังจากที่ผู้นำตระกูลกลับมาตรวจดูเอกสาร โนบุเพิ่งจะบอกเธอเองว่าเอกสารการค้าไม่ได้เยอะอะไรมากมายแต่ทำไมพอกลับมาจัดการมันกลับเยอะกว่าที่ได้ยินมาซะอีก

“ท่านหญิงครับ…มีคนมาหาครับ” โนบุเปิดประตูห้องเข้ามารายงานด้วยรอยยิ้ม

“ใครล่ะ…เพื่อน สมาชิกในตระกูลหรือว่าแขก?” หญิงสาวตอบทั้งที่สายตายังคงอ่านทวนเอกสารการค้า

“ออกไปเถอะครับรับรองว่าท่านหญิงจะต้องดีใจ”

          ภาพชายหนุ่มสองคนที่มีเรือนผมสีน้ำเงินและสีน้ำตาลในชุดผ้าฝ้ายยูคาตะยืนรออยู่ตรงลานบ้านทำให้ฟูจิวาระ อายากะรีบวิ่งเข้าไปกอดสองหนุ่มผู้มาเยือนด้วยความรวดเร็ว

“เจ้าพวกบ้านี่! ไม่เจอตั้งนานคิดถึงชะมัดเลย” หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาเพราะตั้งแต่อาซึชิและเคนตะเข้าสังกัดเป็นหน่วยลับทั้งพวกเขาและเธอก็มีเวลาเจอกันน้อยลง

“ผมคิดถึงลูกพี่สุด ๆ ไปเลย!” อาซึชิผู้มีเรือนผมสีน้ำเงินเอ่ยขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก

“น่าอายจริง ๆ เจ้าอาซึชิใครใช้ให้ร้องไห้กันฟะไม่สมกับเป็นหน่วยลับเอาซะเลย…ฮึก!” ชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับเสียงสะอื้น

“อย่าเถียงกันน่าพวกนายสองคน”

“พวกเราจะไม่เถียงกันครับลูกพี่!” อาซึชิและเคนตะตะโกนออกมาพร้อมกันทำให้หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าลูกพี่ยิ้มออกมาได้แต่กลับไม่ใช่ยิ้มแบบปกติ มันกลับเป็นรอยยิ้มอันแสนจะเจ้าเล่ห์!

“เออดีแล้ว…แบบนี้พวกนายคงว่างกันสินะ ฉันมีงานให้ทำ!” เสียงสั่งการของหญิงสาวเต็มไปด้วยอำนาจที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ปีจากเด็กชายที่กลายเป็นหนุ่มเต็มตัวก็ยังคงกลัวเหมือนเดิม

“ตะ…แต่ว่าพวกเรามีภารกิจจากท่านโฮคาเงะแล้วนะครับ” เคนตะรีบเอ่ยปฏิเสธเพราะจากการสังเกตสีหน้าของอายากะแล้วรับรองว่าต้องเป็นเรื่องไร้สาระแน่ ๆ

“ชะ…ใช่ครับอย่างที่เจ้าเคนตะว่าไว้เลย” อาซึชิช่วยยืนยันเสริมความน่าเชื่อถือ

“งั้นเหรอ…ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเองก็ได้!” ถึงแม้จะอยากด่าเจ้าลูกกระจ๊อกสองคนนี้แต่ก็ทำไม่ได้เพราะทั้งสองคนได้รับภารกิจจากป้าซึนาเดะ

 

          คิ้วเรียวขมวดมุ่นขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องทำงานดังขึ้น ฟูจิวาระ อายากะพยายามเงี่ยหูเพื่อฟังว่าโนบุจะพูดอะไรแต่ก็กลับไร้เสียงของชายหนุ่มวัยกลางคน สุดท้ายจึงตัดสินใจเงยหน้าจากเอกสารขึ้นไปมองว่าใครเป็นคนเปิดประตูเข้ามา

“ไง” เสียงทุ้มของร่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเอ่ยขึ้น

“โนบุอนุญาตให้นายเข้ามาได้ยังไงกัน!” ความโมโหเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาคือคาคาชิและอีกไม่พอโนบุที่เป็นถึงมือขวาของเธอก็กลับไม่เข้ามารายงานก่อนเหมือนทุกครั้ง!

“ก็ไม่รู้สิ…คุณโนบุก็แค่ยิ้มแล้วผายมือเชิญให้ฉันเข้ามา”

“แล้วนายมีธุระอะไรกับฉันรึไงยะ” ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเท้าสะเอวถามผู้มาเยือน

“ว่าแล้วเชียวว่าเธอต้องลืม”

“ลืมอะไรกัน?” ดวงตาสวยจ้องคนตรงหน้าเพื่อรอคำตอบ จู่ ๆ ก็มาหาว่าเธอลืมเฉยเลย หมอนี่เพี้ยนไปแล้วแน่นอน

“ก็เรื่องในห้องวันนั้นที่เธอบอกว่าตอบตกลงจะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน”

“เรื่องนั้นนี่เอง! แต่ว่านายก็ไม่ได้เปิดผ้าคาดปากให้ฉันดูจริง ๆ นี่ ถือว่าเป็นโมฆะก็แล้วกัน!” หญิงสาวตอบด้วยท่าทางเอาแต่ใจ

“แหม ๆ แต่ฉันถือว่าเธอตอบตกลงไปแล้วนี่นา” เขาส่งยิ้มตาหยีมายังเธออีกครั้ง

“ก็เรื่องของนายซี่ ใครจะสนล่ะยะ” อายากะโบกมืออย่างไม่ใส่ใจแต่ข้างในใจจริง ๆ แล้วก็อยากจะถอนคำพูดที่พูดออกไปเมื่อกี้เหมือนกัน ความจริงแล้วก็อยากจะไปนั่นแหละแต่ว่าไม่รู้สิ…เกลียดความรู้สึกแบบนี้จริง ๆ

“ถ้างั้น…ฉันไปก่อนนะไว้เจอกัน” ฮาตาเกะ คาคาชิรู้สึกได้ถึงความเสียใจที่ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเขาจึงตัดสินใจหันหลังเตรียมตัวที่จะก้าวออกจากห้องทำงาน

“เดี๋ยวก่อนฉันเปลี่ยนใจแล้ว! ไปก็ได้แต่ว่าขอเคลียร์งานนี่อีกนิดเดียว” ตะโกนออกไปด้วยความรวดเร็วเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังจะก้าวพ้นขอบประตู

          คาคาชิหันมามองอายากะเพียงชั่วครู่แล้วจึงเดินกลับมาหาเธอที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง ‘ยายนี่จะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย…รู้สึกว่าเงินในกระเป๋าเริ่มสั่นซะแล้วสิ’

 

          มือหนาเอื้อมไปหยิบเอกสารที่วางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาพร้อมกับแยกส่วนที่ลงตราประทับไว้อีกกองส่วนอีกกองนั้นเป็นส่วนที่ยังไม่ได้ลงตราประทับ

“ถ้าฉันไม่ช่วยแยกให้มีหวังฉันคงหิวจนไส้ขาดแล้วแน่ ๆ” เขาเอ่ยออกมาหลังจากที่อายากะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ

“อย่ามาบ่นเป็นตาแก่แบบนี้สิยะ!”

โป๊ก! สันหนังสือนิยาย18+ ประทับลงกลางศีรษะของโจนินสาวอีกครั้งโทษฐานที่เธอหาว่าเขาบ่นเป็นตาแก่

“เจ็บนะเฟ้ย!” เธอยกมือขึ้นมาคลำศีรษะตัวเองป้อย ๆ ก่อนที่จะหันไปถามคาคาชิอีกครั้ง “วันนี้จะไปร้านไหนดี?”

“เธอชอบกินร้านไหนที่สุดล่ะ?” เขาหันมาถามเธอ ทำไมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะไปเดทกับอายากะยังไงยังงั้นแหละ

“ก็กินได้หมดทุกร้านนั่นแหละน่าแต่ว่านะ…วันนี้ฉันรู้สึกอยากกินเนื้อย่าง! งั้นเราไปร้านเนื้อย่างกัน” ว่าจบมือเล็กก็รีบดึงเขาให้ออกมาจากห้องทำงาน

          คนที่ถูกลากไปตามแรงดึงมองหญิงสาวพลังช้างสารด้วยความเอือมระอา พอพูดถึงเรื่องของกินทีไรก็ไม่เคยที่จะสนใจสิ่งอื่นใดอีกเลย เนี่ยน่ะเหรอผู้นำตระกูล?

“พี่คาคาชิ!” เสียงใสของคุนิโนบุ อายูมุตะโกนขึ้นทำให้อายากะที่กำลังลากเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกหยุดชะงักแทบจะทันที

          ไม่ได้เพียงแต่เรียกชื่อเท่านั้นเด็กสาวรีบวิ่งเข้าไปกอดร่างสูงด้วยความรวดเร็ว เธอเฝ้ารออยากเจอเขามาแล้วทั้งวัน ถึงแม้ว่าเพิ่งจะเจอกันตอนช่วงเช้าในห้องทำงานของท่านโฮคาเงะก็ตาม

          อายากะแอบแบะปากด้วยความหมั่นไส้ เธอคิดว่าสองคนนี้ต้องมีความรู้สึกพิเศษอะไรบางอย่างให้แก่กันแน่ ๆ และรับรองได้เลยว่ามันต้องมากกว่าคำว่าพี่น้องเพราะจากที่ดู ๆ แล้วตาแก่ลามกนั่นก็กอดตอบเด็กสาวด้วยความเอ็นดู “เฮอะอะไรจะปานนั้น” หล่อนพึมพำออกมาเบา ๆ แต่ก็พอทำให้ร่างสูงได้ยินอยู่เล็กน้อย

“เธอว่าอะไรนะ?” หลังจากคลายกอดกับอายูมุแล้วจึงรีบหันไปถามแม่สาวผมส้ม

“ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยนะยะ…หูนายคงเพี้ยนแล้วล่ะตาแก่ลามก!”

“พี่สองคนกำลังจะไปไหนกันเหรอคะ?” เด็กสาวถามขึ้นด้วยความสนใจ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าโจนินสองคนนี้กำลังจะออกไปข้างนอก และแน่นอนว่าเธอก็จะขอไปด้วย!

“กำลังจะไปกะ…อุ๊บ!” ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคมือหนาของโจนินผมเงินก็เลื่อนมาอุดปากไว้ด้วยความเร็ว

“กำลังจะไปส่งรายงานภารกิจน่ะ” คาคารีบชิงตอบแทบจะทันทีทำให้ร่างบางที่ถูกเขาเอามืออุดปากไว้มองด้วยความไม่เข้าใจ

“งั้น…ฉันขอไปด้วยได้มั้ยคะ? อยากจะเดินเที่ยวด้วยน่ะ” อายูมุส่งสายตาอ้อนวอนให้กับคาคาชิอย่างน่าสงสารแต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหัวปฏิเสธเธอ

“คงจะไม่ได้หรอกเพราะนอกจากส่งรายงานภารกิจแล้วพวกเรายังมีประชุมต่ออีกด้วย” ชายหนุ่มแสร้งทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายกับธุระที่จะต้องไปทำ

 

“เน่ ๆ ซากุระจังฉันว่านะอาเจ๊กับเจ้าครูนั่นต้องกำลังกิ๊กกันแน่ ๆ เลย” นารุโตะเอ่ยขึ้นหลังจากที่แอบดูเหตุการณ์

“แต่ฉันว่าไม่ใช่หรอก…ฉันว่าพี่อายูมุน่ะชอบครูคาคาชิ!” เด็กสาวผมสีชมพูออกความเห็น

“มั่วแล้วน่าซากุระจัง…พี่อายูมุน่ะชอบฉันตังหากแต่ฉันชอบซากุระจังมากกว่า” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นมาถูจมูกด้วยความเขินแต่ก็ต้องรีบยกมือไปคลำศีรษะตัวเองต่อเพราะถูกหมัดจากฮารุโนะ ซากุระประทับลงกลางศีรษะเข้าเต็ม ๆ

“งั้นนายก็คอยดูเลย” เด็กสาวตอบด้วยความมั่นอกมั่นใจก่อนที่จะลากนารุโตะออกมาจากพุ่มไม้พร้อมเดินตรงไปยังหนุ่มสาวทั้งสาม

ลูกศิษย์ทั้งสองที่กำลังเดินเข้ามานั้นทำให้คาคาชิรู้ได้ทันทีว่าควรจะทำยังไงต่อไปกับอายูมุที่เริ่มจะทำหน้าตาเศร้าหมอง

“นารุโตะซากุระ…มาที่นี่เหมือนกันเหรอ พวกเธอช่วยดูแลอายูมุจังหน่อยจะได้มั้ย? พอดีว่าฉันกับยายเจ๊โหดนี่จะรีบไปส่งรายงานภารกิจแล้วก็มีประชุมต่อน่ะ”

“ได้สิฮะครูแต่ว่านา พรุ่งนี้ต้องเลี้ยงราเม็งผมเป็นการตอบแทน”

“จ้ะ…งั้นไปก่อนนะ” ว่าจบเขาก็รีบลากร่างบางที่ยืนทำหน้างงออกจากเขตบ้านของตระกูลฟูจิวาระไปยังร้านเนื้อย่าง

 

          ฟูจิวาระ อายากะคีบเนื้อย่างเข้าปากจนไม่สนใจคนที่มาด้วยและไม่แม้แต่จะเอ่ยถามเหตุผลที่เขาโกหกอายูมุเลยสักนิด เมื่อจัดการสวาปามจนอิ่มเรียบร้อยแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่ามากับคาคาชิ

“กินเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่?” เธอถามออกไปด้วยความแปลกใจเพราะเห็นจานกองตั้งเป็นภูเขาอยู่ตรงหน้าโจนินผมเงิน

“ก่อนเธอจะคีบเนื้อชิ้นแรกเข้าปาก”

“ขี้โม้จริงนะนายเนี่ย…นี่ ๆ กินของคาวแล้วก็ไปกินของหวานกันต่อเถอะ” พูดจบโจนินสาวก็ลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็วทำให้พนักงานหนุ่มเดินตรงมายังโต๊ะที่ทั้งสองนั่ง

นิ้วเรียวชี้ไปยังคาคาชิเป็นเชิงบอกให้พนักงานว่าชายหนุ่มคนนั้นจะเป็นคนจ่าย

“มื้อนี้นี่คุ้มจริง ๆ” หญิงสาวเอ่ยออกมาหลังจากที่ทั้งลากทั้งดึงคาคาชิให้ไปร้านดังโงะ

“ก็เจ๊เล่นสวาปามซะขนาดนั้น” เขาเอ่ยออกมาเบา ๆ แต่ก็ไม่พ้นการได้ยินของหญิงสาว

“ว่าไงนะยะ! หาว่าฉันสวาปามงั้นเหรอ?!”

“ปะ…เปล่าหรอก พอดีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านัดกับเจ้าไกไว้น่ะ”

“ไม่ให้ไป! ในเมื่อตอนนี้นายเดินตามฉันมาจะครึ่งทางแล้วเพราะฉะนั้นเลทกับรุ่นพี่ไกนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป” อายากะพูดด้วยความเอาแต่ใจ เรื่องอะไรเธอจะต้องจ่ายเงินค่าดังโงะอีกในเมื่อคาคาชิจ่ายค่าเนื้อย่างให้เธอแล้วก็ต้องจ่ายค่าดังโงะให้ด้วย

“จะหาเรื่องกินฟรีก็บอกมาตรง ๆ เถอะน่า” เขาหันมาพูดกับเธอขณะที่กำลังสั่งดังโงะ

“แหมรู้ใจฉันจริง ๆ นะเนี่ยแบบนี้ไงถึงไม่อยากให้เป็นอะไรไป” เธอพูดออกมาพร้อมกับเคี้ยวดังโงะด้วยท่าทางอารมณ์ดี

“เฮ้อ…งั้นฉันไปก่อนล่ะไว้เจอกัน”

“เออขอบใจมากนะสำหรับวันนี้” หญิงสาวโบกมือให้ร่างสูงที่หันหลังเดินออกไปทางหอพักนินจา

“กระเป๋าแฟบเลยเรา…ยายนี่ร้ายกาจจริง ๆ” เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเมื่อพบว่าวันนี้เสียเงินเยอะมากกว่าทุก ๆ วัน

 

          ดวงตาคู่สวยสีมรกตของอายูมุฉายแววเศร้าอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออายากะกลับมาถึงบ้านเพียงแค่คนเดียวแต่กลับไม่มีวี่แววของคนที่เธออยากจะเจอเลย

“นารุโตะกับซากุระกลับไปนานแล้วเหรอ?” โจนินสาวเอ่ยถามพลางทรุดนั่งลงข้าง ๆ เด็กสาว

“ค่ะ…” เธอตอบรับเพียงสั้น ๆ ก่อนที่จะพยายามส่งยิ้มอันสดใสให้กับเจ้าของบ้าน ไม่รู้ว่าความจริงแล้วคาคาชิกับอายากะเป็นเพื่อนหรือมากกว่าเพื่อนกันแน่ ถึงจะบอกว่าโจนินผมเงินเหมือนกับพี่ชายของเธอแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอก… ความจริงแล้วเธอรู้สึกดีกับเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วล่ะ!

“พรุ่งนี้ออกไปเดินเล่นที่ตลาดกันมั้ย? ฉันจะพาเธอไปดูร้านของตระกูล” อายากะพยายามชวนอายูมุคุยเพราะดูท่าทางของเด็กสาวจะไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่

“ได้ค่ะ…งั้นฉันขอตัวไปนอนก่อนนะคะพี่อายากะ”

          ร่างบางของฟูจิวาระ อายากะเตรียมตัวที่จะลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำและเข้านอนบ้างแต่ประสาทสัมผัสของเธอก็รับรู้ได้ถึงการมาของเพื่อนสนิทอย่างชิรานุอิ เก็นมะ

“มาทำอะไรดึกดื่นกันยะ!” หันไปถามแทบจะทันที

“ช่วยไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ!” เก็นมะส่งสายตาอ้อนวอนอย่างถึงที่สุดจนทำให้อายากะใจอ่อนยอมไปเป็นเพื่อน

          ทุกท่าทางและการกระทำของทั้งสองอยู่ในสายตาของคุนิโนบุ อายูมุแทบจะทั้งหมด หล่อนรู้สึกโล่งไปใจไปอีกเปราะหนึ่งที่เห็นว่าอายากะดูท่าทางสนิทสนมกับเก็นมะมากกว่าคาคาชิเสียอีก บางทีเก็นมะและอายากะคงจะกำลังจะไปเดทกันอยู่มั้ง หวังในใจให้เป็นอย่างที่คิดไว้เพราะไม่อยากจะเห็นหญิงสาวผมส้มใกล้ชิดกับผู้ชายในฝันของหล่อน

 

บ้านตระกูลยามานากะ

“พี่คิดว่าคุณเก็นมะเป็นคนยังไงเหรอคะ?” ยามานากะ อิโนะเอ่ยถามพี่สาวของตัวเองหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องของยูกิ

“รุ่นพี่เก็นมะเค้าก็เป็นคนดีนี่จ๊ะ” ใบหน้าหวานตอบน้องสาวพร้อมกับส่งยิ้มให้

“งั้นเหรอ…แต่ฉันว่าเขาดูแปลก ๆ นะ ชอบมาด้อม ๆ มอง ๆ ที่ร้านเราออกจะบ่อยแต่ก็ไม่ได้มองเฉย ๆ ชอบเข้ามาถามหาพี่แล้วก็ซื้อดอกไม้กลับไปตลอดเลย”

“รุ่นพี่เค้าคง…” ยามานากะ ยูกิไม่อยากจะพูดอะไรต่อจึงเว้นไว้แต่เพียงเท่านั้นแต่ก็ทำให้อิโนะสังเกตเห็นใบหน้าที่กำลังแดงเหมือนลูกมะเขือเทศ

“อย่าบอกนะว่าพี่กับคุณเก็นมะกำลังเดทกัน?” เด็กสาวถามขึ้นด้วยความตกใจ ถ้าเกิดว่าเรื่องนี้รู้ถึงหูอิโนะอิจิผู้เป็นพ่อล่ะก็จะยอมให้สองคนนี้คบกันรึเปล่านะ

“มะ…ไม่ใช่นะ รุ่นพี่เก็นมะไม่ได้ชอบพี่หรอกจ้ะ” ยูกิรีบโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน

          เสียงคนปีนหน้าต่างทำให้สองพี่น้องยามานากะรีบหันไปมองแทบจะทันทีแต่ก็กลับไร้วี่แวว บางทีพวกเธออาจจะหูฝาดไป

 

          โจนินสาวยืนมองเพื่อนสนิทที่กำลังปีนขึ้นไปให้ถึงหน้าต่างห้องนอนของยูกิอย่างทุลักทุเลนั้นทำสีหน้าเอือมระอาอย่างสุดขีด เนี่ยนะที่เรียกให้เธอมาเป็นเพื่อนน่ะ หมอนี่ช่างไม่มีกึ๋นในการจีบสาวเอาซะเลย

“เห่ยชะมัด!” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ ขณะที่สายตาก็จ้องมองเพื่อนสนิทที่พยายามเกาะขอบหน้าต่าง

          หันไปมองทางหน้าต่างอีกที ยูกิและอิโนะก็พบว่าพวกเธอไม่ได้หูฝาดไปเพราะตอนนี้ภาพชายหนุ่มที่มักจะคาบเข็มนั้นปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างเต็มตาและก็คงจะเป็นเรื่องที่แปลกที่สุดเพราะเขาไม่ได้คาบเข็มไว้เหมือนเช่นทุกครั้งแต่เขากลับคาบดอกกุหลาบสีแดง!

“ระ…รุ่นพี่มีอะไรรึเปล่าคะ?” ยูกิเอ่ยถามออกไปด้วยความตกใจ

“สวัสดีค่ะคุณเก็นมะ!” อิโนะตะโกนทักทายคนที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นว่าที่พี่เขยด้วยความรวดเร็ว ไม่ยักรู้ว่าอายุปูนนี้แล้วยังจะใช้วิธีจีบแบบเด็ก ๆ อีก

          ชิรานุอิเก็นมะเพียงแค่พยักหน้ารับพร้อมกับส่งสายตาให้ยูกิมารับกุหลาบจากเขา ใบหน้าหวานที่เข้าใจความหมายของชายหนุ่มเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่ออีกครั้ง หล่อนค่อย ๆ เดินไปทางหน้าต่างอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“งั้น…ฉันไม่กวนพี่กับคุณเก็นมะแล้วดีกว่า ฮิฮิ” เด็กสาวพูดด้วยท่าทางเขินอายก่อนที่จะเปิดประตูออกจากห้องพี่สาวตัวเอง

“ขอบคุณนะคะ” ยูกิตอบแต่เพียงเท่านั้นแล้วจึงรีบดึงกุหลาบมาด้วยความขวยเขินแต่หล่อนก็ไม่ทันได้ฉุกคิดว่ากุหลาบนั้นมีหนามแหลม! มันเป็นอะไรที่อันตรายอย่างมาก จนสุดท้าย…

 

          ตุ้บ! ร่างของชิรานุอิ เก็นมะร่วงตกลงมายังพื้นดินด้วยความรวดเร็ว เพราะหนามแหลมของกุหลาบบาดตรงปากเข้าอย่างจังจนสมาธิและสติหลุดกระเจิง

“น่าอายจริง ๆ เลยเจ้าเก็นมะนี่…เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” อายากะรีบวิ่งเข้าไปดูอาการเพื่อนสนิทด้วยความรวดเร็ว

“ขอโทษนะคะรุ่นพี่!” ยามานากะ ยูกิรีบวิ่งออกมาจากบ้านพร้อมกับมองเก็นมะด้วยสายตาที่สำนึกผิด

“ไม่เป็นไรหรอก…ฉันแค่จะมาชวนไปปลูกดอกไม้ด้วยกันพรุ่งนี้เช้า” ชายหนุ่มพยายามฝืนยิ้มอย่างสุดกำลัง

“นั่นไงยูกิพยักหน้าตอบตกลงแล้ว ทีนี้นายก็กลับไปได้แล้วเจ้าเก็นมะมุกเห่ย!” อายากะตอบแทนยูกิจนทำให้ถูกมือบางของเพื่อนสนิทยกขึ้นมาตีแขนของเธอเบา ๆ

“อายะจังก็!” ใบหน้าหวานยังคงขึ้นสีแดงระเรื่อเหมือนตอนยื่นมือไปรับกุหลาบไม่มีผิด

“ฉันมองตาก็รู้คำตอบแล้วล่ะน่า ตกลงตามนี้นะพรุ่งนี้เจ้าเก็นมะจะมารับยูกิแปดโมงเช้า ห้ามสายล่ะ!”

 

          คนที่จัดการเป็นแม่สื่อให้กับเพื่อนรักทั้งสองคนเดินกลับบ้านด้วยความสบายใจ ไม่เข้าใจเจ้าพวกนี้จริง ๆ คิดจะชอบหรือจะจีบกันทำไมไม่พูดกันตรง ๆ มัวแต่พิธีรีตองกันอยู่ได้

“ถ้ามัวแต่ทำแบบนั้นคงต้องรอให้หงำเหงือกก่อนละมั้ง!” พึมพำพร้อมกับหัวเราะด้วยความชอบใจก่อนที่จะต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกอะไรบางอย่างฟาดเข้าที่ศีรษะ

“พึมพำอะไรไร้สาระอีกแล้วนะเธอ”

“หน็อยสองครั้งแล้วนะยะตาแก่ลามก!” อารมณ์เดือดกำลังปะทุขึ้นมาเพราะตอนเย็นก็ถูกเขาใช้สันหนังสือฟาดแล้วตอนนี้ยังมาใช้ดอกกุหลาบฟาดเธออีก

“โทษที ๆ พอดีว่ากุหลาบดอกนี้มันคงจะชอบเธอน่ะ” เขาส่งยิ้มตาหยีพร้อมกับยื่นกุหลาบสีขาวให้กับหล่อน

          ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ จู่ ๆ หมอนี่ก็ยื่นกุหลาบให้เฉยเลย สงสัยคงจะเก็บได้ที่ไหนซักที่ละมั้ง แล้วเรื่องอะไรจะปฏิเสธด้วยล่ะอย่างน้อยก็เอาไปอวดสองคู่รักอย่างฮานะกับไรโดว่ามีหนุ่มมาจีบก็คงจะดี!

“จะให้กุหลาบกับฉันก็ไม่เห็นต้องหาข้ออ้างเลย!” หญิงสาวยื่นมือไปรับด้วยความรวดเร็ว

“ใครว่าล่ะ…เห็นมันตกอยู่ที่พื้นเลยเก็บมา” สายตาอันสุดแสนจะปรือของคาคาชิทำให้อายากะเชื่อว่าสิ่งเขาพูดมานั้นคือความจริง

“ชิ! ฉันก็แค่แซวเล่นเฉย ๆ น่า…แต่ก็ขอบใจนะ” อายากะหันไปส่งยิ้มกว้างให้กับคนที่เพิ่งจะเอากุหลาบขาวให้กับเธอ

“เดี๋ยวเดินไปส่งที่บ้านมีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย”

“ฮื่อก็ได้!”

 

          สองหนุ่มสาวเดินเคียงกันไปในความมืดมิดของรัตติกาลที่ยังคงมีแสงสว่างจากดวงดาวและไฟตามท้องถนน ฟูจิวาระ อายากะถือกุหลาบขาวดอกนั้นขึ้นมาสูดเอาความหอมของมันเข้าปอดก่อนที่จะยื่นให้คาคาชิที่เดินเคียงไปกับเธอลองดมกลิ่นของมันดูบ้าง ทำให้ ณ เวลานี้ทั้งสองคนดูจะมีความสุขกับการแลกเปลี่ยนกันสูดดมกลิ่นหอมของกุหลาบขาวดอกนั้น

          เสียงใสหัวเราะคิกคักดังไปตามถนนที่ทอดยาวสู่เขตของตระกูลฟูจิวาระเมื่อได้ยินวีรกรรมอันสุดป่วนของตัวเองในช่วงที่ทำงานอยู่ในหน่วยลับจากปากของอดีตหัวหน้าทีม

“ไว้เจอกัน” เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านของผู้นำตระกูลโจนินผมเงินจึงเอ่ยลา

“เออ…ว่าแต่ไหนล่ะเรื่องที่บอกว่าอยากคุยด้วย ไม่เห็นจะมีอะไรเลย!” คนที่เพิ่งจะถูกบอกลาประท้วงขึ้นมาทันทีเมื่อไม่เห็นได้ยินเรื่องที่เขาบอกว่าอยากจะคุยด้วย

“ก็คุยไปแล้วนี่” เขาตอบด้วยท่าทีเฉยเมยตามแบบฉบับที่มักจะทำอยู่บ่อย ๆ

“อะไรกัน!” อายากะหน้ามุ่ยด้วยความไม่ชอบใจเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่คาคาชิสื่อ

โป๊ก! สันหนังสือนวนิยาย18+ ฟาดลงกลางศีรษะของหญิงสาวเป็นครั้งที่สอง

“เธอนี่น้า…ไม่รู้อะไรบ้างเลย…ไว้เจอกันฉันไปก่อนล่ะ” ว่าจบร่างสูงก็หายแวบไปด้วยความรวดเร็วปล่อยให้คนที่เพิ่งจะถูกสันหนังสือฟาดลงกลางศีรษะยืนงงอยู่อย่างนั้น

“บ้าจริง ๆ หมอนี่!” รอยยิ้มผุดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อก้มลงมองกุหลาบสีขาวที่ถืออยู่ในมือ ถึงคนให้จะบอกว่าเก็บมาได้ก็เถอะนะแต่ก็ทำให้ผู้รับยิ้มไม่หุบจนเดินขึ้นไปถึงห้องนอน

          สำหรับกุหลาบสีขาวคงจะเป็นสัญลักษณ์และตัวแทนที่สามารถบ่งบอกได้ถึงความรักจากผู้ให้ไปยังผู้รับโดยเหมือนกับสารภาพไปกลาย ๆ ว่า ‘รักด้วยใจบริสุทธิ์และไม่หวังสิ่งใดตอบแทน’

 

.....................................................................................................

          ในที่สุดก็อัพรัว ๆ มาจนถึงตอนล่าสุดแล้วนะคะ ยังไงก็ฝากติดตามรออ่านตอนต่อไปด้วยเด้อค่ะ ถ้าหากมีอะไรผิดพลาดหรืออยากจะคอมเม้นติชมไรท์ก็ยินดีน้อมรับทุกคอมเม้นนะคะ จะได้มีกำลังใจในการปั่นด้วย 5555555 

 

จริง ๆ มีรูปกะว่าจะลงสปอยด้วยแต่คงต้องของดลงนะคะเพราะว่ายังใช้ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ 

 

ขอให้สนุกกับการอ่านค่า แล้วเจอกันตอนที่27 (ซึ่งอาจจะนานเช่นกันเพราะกำลังอยู่ในช่วงสอบไฟนอล)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา