รอยแค้นลิขิตรัก

6.7

เขียนโดย ดอกรัก

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 11.10 น.

  7 ตอน
  1 วิจารณ์
  15.52K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ตัดสินใจอยู่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

“ได้สิ ตามใจแก ฉันเคารพการตัดสินใจของแกอยู่แล้ว จะให้เธออยู่ในฐานะอะไรก็ตามใจแกนะ เอาล่ะ  ถ้าหมดธุระแล้วเดี๋ยวฉันขอตัวก่อน พอดีฉันต้องไปจัดการงานที่ยังค้างอยู่ก่อน”

 

คาบะพูดแล้วลุกขึ้นยืนบุรุษชุดดำในห้องต่างพร้อมใจกันก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นเขาได้เหลือบมองไปที่หญิงสาวสลับกับมองไปที่ริวเหมือนกับว่าเขารู้ถึงความต้องการอะไรบางอย่างของริว ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมลูกน้องอีกประมาณ 10 คน

 

ยูบอกเรื่องเธอกับหัวหน้าของเขาเป็นภาษาญี่ปุ่นซึ่งเธอเข้าใจมันได้ดีทั้งหมดแต่สิ่งที่เธอเริ่มกลัวได้เริ่มเข้ามาในใจเธอมากขึ้น ทำไมเขารู้จักชื่อเธอ เกิดอะไรขึ้นกับเธอแล้วทำไมทำไมเธอต้องอยู่ที่นี่กับเขา แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้คำตอบให้กับตัวเอง เธอก็รู้สึกเจ็บบริเวณต้นแขนเพราะด้วยแรงกระชากของใครบางคน

 

“ลุกขึ้น   จะนั่งอยู่ที่นี่จนตายหรือไง”

 

ด้วยแรงกระชากเพียงเล็กน้อยของเขาก็ทำให้เธอลุกขึ้นติดมือเขาไปไม่ยาก แต่หญิงสาวก็ใช่จะเดินตามเขาไปแต่โดยดี เธอทั้งเตะ ทั้งใช้เล็บยาวๆของเธอจิกลงไปบนกล้ามเนื้อแขนแข็งแรงของเขาซึ่งตอนนี้มันเต็มไปด้วยรอยจิกจากเล็บของเธอ  แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยแถมยังดึงเธอแรงขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

 

“ปล่อยฉัน ฉันไม่ไป ปล่อยฉันนะฉันจะกลับบ้าน ปล่อยยย”

 

“เงียบ”

 

เสียงเข้มของเขาดังขึ้นอีกครั้งเพื่อสั่งให้เธอหยุดโวยวาย แต่ก่อนที่คนทั้งคู่จะเดินออกจากห้องโถงใหญ่ไปนั้น ริวก็เดินเข้ามาขวางทางของพวกเขาไว้

 

“เธอบอกให้ปล่อยนายก็ปล่อยเธอซิยู”

 

“เธอเป็นคนของฉัน ฉันขอร้อง อย่ายุ่งกับเธอ”

 

ยูพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ดูจริงจังและยังกระชับเอวขอดกิ่วของร่างบางให้มาอยู่แนบชิดกับเขามากยิ่งขึ้นระหว่างการสนทนาระหว่างเขาและริว เพื่อแสดงถึงความเป็นเจ้าของในตัวเธอ

 

“ฉันขอตัวนะ ริว ”

 

ชายหนุ่มพูดเสร็จก็รีบลากร่างบอบบางออกไปจากห้องที่เขาและเธอยืนอยู่โดยมีสายตาที่โกรธจัดของริวมองตามคนทั้งคู่ด้วยความไม่พอใจ

 

“รู้จักฉันน้อยเกินไปแล้วยู”

 

ปึง

 

เสียงกระแทกประตูปิดลงเมื่อพุธน้ำบุศย์กลับเข้ามาในห้องนอนของยูอีกครั้งหนึ่ง ความเงียบเข้ามาปกคลุมภายในห้องอีกครั้งแต่ครั้งนี้เธอต้องรู้ให้ได้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ทำไมในฐานะคนสวนของเขาตามที่เขาบอกกับเจ้านายของเขา

 

“ที่นี่ที่ไหน”

 

“ญี่ปุ่น”

 

ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบกับสิ่งที่เธอถามเขา

 

หญิงสาวเกือบช็อกกับสิ่งที่เธอได้ยิน ญี่ปุ่นเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงแล้วทำไมเธอต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย

 

“ญี่ปุ่น ไม่จริง คุณโกหก”

 

“แล้วฉันจะทำอย่างนั้นทำไม เอาล่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนเอาของใช้จำเป็นมาให้ แล้วก็เตรียมตัวไปทำงานด้วยจะมานั่งกินนอนกินเฉยๆ คงจะไม่ได้หรอกนะ เพราะเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะคนสวนของฉัน ไม่ใช่เมีย”

 

“แล้วทำไมฉันต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย ทำไมฉันต้องมาเป็นคนสวนของคุณ ทำไม”

 

หญิงสาวเริ่มแผดเสียงดังขึ้นเนื่องจากความกลัวและความสับสนที่เกิดขึ้น จนถึงตอนนี้เธอยังไม่ได้รับคำตอบที่ทำให้เธอรู้ถึงสาเหตุการมาที่นี่ของเธอในครั้งนี้ด้วย

 

“ฮึ”

 

ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากเขานอกจากเสียงสะใจปนเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นในลำคอของเขา ชายหนุ่มเดินหันหลังกลับไปเพื่อที่ตั้งใจที่จะเดินออกจากห้องแต่ยังไม่ทันที่เขาจะบิดลูกบิดประตูได้ครบรอบ เขาก็ต้องรู้สึกเจ็บแปลบจากกลางหลัง  ที่เขี่ยบุหรี่ที่ทำจากแก้วคริสตัลอย่างดีถูกขว้างมาจากหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางห้อง เขาหันหน้ากลับมาด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความโกรธจัดกับสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกดล็อคประตูอย่างแน่นหนาและเดินก้าวยาวๆเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอ พุธน้ำบุศย์ถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแต่ด้วยความโมโหจึงทำให้เธอกล้าทำสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้น

 

“เธอกล้ามากนะที่ทำกับฉันแบบนี้”

 

ชายหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมบีบแขนกลมกลึงทั้งสองข้างของเธออย่างแรงจนหญิงสาวใบหน้าเหยแกเนื่องจากความเจ็บปวด

 

“ก็คุณไม่ยอมบอกฉันว่าทำไมฉันต้องมาเป็นคนสวนของคุณด้วย ทั้งๆที่คุณก็มีเงินมากมายที่จะจ้างคนสวนซักกี่สิบคนก็ได้ แต่ทำไมต้องเป็นฉัน”

 

“เธอไม่จำเป็นต้องรู้”

 

“ฉันต้องรู้ถ้าฉันต้องอยู่ที่นี่ ฉันก็ต้องรู้”

 

“คนสารเลวอย่างพวกเธอต้องให้คนอื่นเขามานั่งอธิบายอีกหรือไงว่าเลวกันแค่ไหน”

 

“เลว คุณว่าใคร ใครเลว พูดจาให้เข้าใจหน่อย ฉันไม่เข้าใจ”

 

“เธอก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ พ่อเธอไม่เคยบอกเธอเลยหรือไงว่าเขา........”

 

พุธน้ำบุศย์รอฟังคำตอบจากเขาด้วยใจที่จดจ่อทำไมเขาต้องพูดถึงพ่อเธอด้วย

 

“พ่อฉัน พ่อฉันเขาทำอะไร”

 

“เขาฆ่าพ่อฉันตายและพาแม่ฉันไปไหนก็ไม่รู้ เธอเป็นลูกสาวของเขาเธอต้องรับผิดชอบ ฉันจะทำให้พ่อเธอรู้ว่า การที่หัวใจแหลกเหลวนั้น  มันเป็นยังไง ฉันจะทำให้เธอตายทั้งเป็น”

 

“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อคุณโกหก”

 

“ได้  ถ้าเธอไม่เชื่อพรุ่งนี้ฉันจะให้คนของฉันไปส่งเธอที่ประเทศไทย แล้วก็พาพ่อของเธอมาแทน  ก็ดีนะจะได้แก้แค้นให้ถูกคนไปเลย”

 

เสียงพูดปนเสียงหัวเราะของเขาทำให้เธอแทบอยากจะตายไปตอนนี้เลย   น้ำตาที่สะกดกลั้นไว้ของหญิงสาวเริ่มไหลออกมา ไม่จริงพ่อไม่มีวันทำแบบนั้นแน่ ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยเห็นพ่อฆ่าสัตว์เลยซักตัวเดียวแล้วเธอจะไปฆ่าคนได้ยังไง สีหน้าและท่าทางที่ตกใจสุดขีดของเธอตอนนี้มันทำให้เขาสะใจไม่น้อย

 

“ว่าไง”

 

เขาถามเธอด้วยความรู้สึกที่เหนือชั้นกว่า เขาไม่ได้รู้จักเธอมาก่อนแต่เขาก็คิดว่าเธอคงไม่ยอมให้พ่อของตัวเองมาทุกข์ทรมานที่นี่แน่

 

พุธน้ำบุศย์ได้แต่ยืนนิ่งๆพร้อมกับความคิดที่เกิดขึ้นในใจของเธอ เธอไม่มีวันให้พ่อมาอยู่ที่นี่แน่ๆ พ่อแก่มากแล้ว แล้วเธอเองก็จะพิสูจน์ความบริสุทธิของพ่อให้เขาได้รู้ด้วยว่าพ่อเธอบริสุทธิ

 

“ได้.....ฉันจะอยู่ที่นี่แต่คุณต้องรับปากว่าคุณจะไม่ทำอะไรพ่อฉันนะ”

 

น้ำเสียงของเธอที่ตอบคำถามของเขาที่ตอนนี้ไม่เหลือความเข้มแข็งอีกต่อไปน้ำตาที่ตั้งใจไม่ไห้ไหลมันก็ไม่ยอมเชื่อฟังและกลับยิ่งไหลเพิ่มมากขึ้น จนเธอต้องปล่อยให้มันไปตามความรู้สึกของเธอในตอนนี้

 

ภาพของหญิงสาวตรงหน้าของยูทำให้จิตใจที่แข็งราวกับหินของเขาถึงกับอ่อนลง เขาจึงรีบหันหน้าหนีเพื่อจะได้ไม่เห็นความอ่อนแอของเธอพร้อมกับเอ่ยตอบเธอกับไปเสียงเข้มว่า

 

“เธอไม่มีสิทธิมาต่อรองกับฉัน ถ้าเธอทำให้ฉันไม่พอใจพ่อกับแม่เธอเดือดร้อนแน่”  

 

เขาพูดเสร็จก็เดินออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ภายในห้องนอนใหญ่นั้นกลับมีแต่น้ำตาของพุธน้ำบุศย์ที่ไหลออกมาราวกลับว่ามันหยุดไม่ได้ เป็นเวลาเนินนานที่ร่างบอบบางของหญิงสาวนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ใกล้ๆกับประตูจนเวลาผ่านไปนานเท่าไร่แล้วก็ไม่รู้   แต่หญิงสาวก็ยังคงร้องไห้อยู่ที่เดิม  จนกระทั่ง...

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา