นักสืบซัมเมอร์

6.3

เขียนโดย รถโฟล์ค

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 23.38 น.

  6 ตอน
  3 วิจารณ์
  11.60K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) เวลาเปลี่ยนทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

           วันนี้เป็นวันที่โรมต้องตื่นเช้ามากกว่าปกติ  เพราะกำหนดการการเดินทางไปสัมมนาฯที่เชียงคาน  รถจะหมุนล้อตอน 7 โมงเช้า เขารีบไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วและรีบเดินหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปขึ้นรถที่หน้าโรงอาหารกลาง มหาวิทยาลัยวิกตอรี  ซึ่งห่างจากหอพักสายรักไม่ไกลนัก  .....เขารีบมาก จนเขาลืมนึกถึงเรื่องความฝันเมื่อคืนไปเลย

 

 

“ข้าวก็ยังไม่กิน ทำไงดีจะทันไหมเนี่ย” เขาบ่นกับตัวเองและรีบเดินไปอย่างรีบร้อน

 

“อ้าว คนไปไหนหมด ทำไมไม่มีใครมารอรถเลย”  เขาลุกลี้ลุกลน ทั้งกริยาและสายตา  ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบๆบริเวณนั้น เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังจะขับรถมอเตอร์ไซด์ออกไป  ชายหนุ่มรีบวิ่งไปถามหญิงสาวคนนั้น

 

“พี่ครับ พี่ครับ!  จะไปไหนครับ เห็นมีคนมารอรถที่นี่ไหมครับ ตอนเช้า  นี่ก็พึ่ง 7 โมงเองนะครับ” เขารีบพูดอย่างรวดเร็ว

 

 “น้องไปมัวทำไรอยู่ครับ รีบขึ้นรถเร็วๆครับ ตอนนี้รถอยู่หน้ามินิมาร์ทสายรัก” หญิงสาวคนนั้นอธิบาย

 

 “ครับ!”  โรมไม่รอช้ารีบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซด์หญิงสาวคนนั้นไป 

 

  “พี่ครับๆ พี่ชื่อไรครับ”โรมถามตามประสาคนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน

 

  “ชื่อ เนเน่ ค่ะ น้องล่ะชื่อไรเรียนปีไหน”เนเน่ ถามกลับ

 

  “ชื่อ โรมครับ เรียนปี 3 สาสุข ครับ” เขาตอบด้วยความภาคภูมิใจในคณะตัวเอง

 

  “เหรองั้นก็ปีเดียวกันสิ หน้าเด็กนะเนี่ย นึกว่าเป็นน้อง  มีแฟนยังคะ”

 

โรมว่าจะตอบว่า “ยัง” แต่ก็มาถึงรถบัสที่จอดอยู่หน้ามินิมาร์ทสายรัก ซึ่งมี 2 คัน ที่จะเดินทางไปเชียงคานพอดี เขาก็เลยรีบลงรถมอเตอร์ไซด์ และ ขอบคุณหญิงสาวคนนั้นและรีบหอบกระเป๋าขึ้นรถคันที่ 1 ไป และนี่เอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เขาได้เจอกับผู้หญิงที่ชื่อเนเน่คนนี้

 

 -*********************************************************

 

พอขึ้นมาบนรถโรมก็มองหาที่นั่ง เห็นที่ว่างพอดีแต่มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่อีกเบาะข้างๆ เขาเข้าไปนั่งใกล้ๆ ไม่พูดจาอะไร  ขณะที่ผู้ชายคนนั้นก็เหมือนไม่คิดจะถามเขาแต่อย่างใด

 

รถขับมาถึงอำเภอเมืองเลย ใกล้จะถึงเชียงคานแล้ว เขามองไปนอกหน้าต่างของรถ  เห็นภูเขาสวยงามมาก “เมืองเลยนี่ภูเขาเยอะเหมือนชัยภูมิเลยนะ  แต่บรรยากาศสวยกว่า” เขาพูดเบาๆกับตัวเองและเปรียบเทียบเมืองเลยกับบ้านตัวเอง

 

พลางผู้ชายคนนั้นก็หันมาสบตาเขา  เขาตกใจเล็กน้อยก็จึงเปิดปากถามออกไป

 

 “ชื่อไรครับ เนี่ย เรียนคณะไรครับ”

 

 “ชื่อ โบ้ ครับ เรียน วิศวะปี 3” เขาตอบแบบหน้านิ่งๆไม่มีรอยยิ้มแต่อย่างใด และเหมือนไม่คิดจะถามโรมแต่อย่างใด

 

“ครับ เราชื่อโรมนะ เรียนสาสุขปี 3 ยินดีที่ได้รู้จัก”

 

          จากนั้นเสียงก็เงียบไปไม่มีเสียงใครคุยกันเลยบนรถ มีเพียงเสียงแอร์และเสียงรถที่ดังมากระทบหูทั้งสองข้างของเขา ไม่นานก็เดินทางไปถึงเชียงคาน ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเลย    เชียงคานมีบรรยากาศที่สวยงามมาก มีดอกไม้ ภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่อีกฟากฝั่งแม่น้ำโขง  แม่น้ำโขงมีน้ำไหลวนอยู่ตรงนั้น เรียก “แก่งคุดคู้”   รีสอร์ทก็น่าอยู่จริงๆ หน้าบ้านพักแต่ละหลัง มี ต้นไม้ ดอกไม้ตัดแต่งไว้อย่างสวยงาม ข้างในมีห้องน้ำที่สะอาด  โดยบ้านพักที่เขาอยู่นั้นมี 2  ชั้น นอนด้วยกันทั้งหมดหลังละ 10 คน ซึ่งต่างคนก็มาต่างคณะ  ต่างชมรมกันทั้งนั้น ซึ่งต่างคนต่างไม่รู้จักกับใครเลย

 

  เอก กับ แบงค์ เป็นเพียง 2 คนที่โรมคุ้นเคยที่สุด เพราะเคยพักอยู่หอเดียวกันสมัยเรียนปี 1 และเอก ก็เป็นเพื่อนคณะสาธารณสุขศาสตร์ คณะเดียวกันกับเขา  แต่ว่าสองคนนี้กลับได้พักบ้านคนละหลังกับเขา ทำให้เขาจำเป็นต้องหาเพื่อนใหม่

 

บรรยากาศการสัมมนาพัฒนาศักยภาพนิสิต   3 วันที่โรมต้องมีชีวิตอยู่ที่เชียงคานกับเพื่อนๆพี่น้องในมหาวิทยาลัยเกือบ 50 กว่าชีวิต ก็มีบรรยากาศมากมายที่ประทับใจ และ น่าเบื่อ    ส่วนมากจะเป็นการฟังบรรยายในห้องประชุมและกิจกรรมวอร์กแรลลีย์ เป็นกิจกรรมที่เขาประทับใจมากที่สุด การมาสัมมนาฯในครั้งนี้ก็ทำให้เขามีความรู้ในการจัดกิจกรรมมากขึ้น และการมาค่ายครั้งนี้ก็ทำให้เขาได้รู้จักกับเพื่อนๆใหม่ๆอีกหลายๆคน ที่สำคัญก็จะมี  น้องเต้ น้องโน้ต  น้องแดง น้องอ้อม พี่โบอิ้งค์ และ น้องจอย

 

 

 

 หลังเสร็จกิจกรรมการสัมมนาพัฒนาศักยภาพนิสิตฯ ที่เชียงคานในครั้งนั้น มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปในชีวิตของโรม  เขาเริ่มไม่สนิทกับคนในชมรมเหมือนเดิม เพราะก่อนหน้านั้นก็มีคนใหม่ๆมากหน้าหลายตา  ที่สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกในชมรมฟ้าสดใส ที่สำคัญ มี  น้องโจอี้  น้องไทย  น้องมาก  น้องปลาย และ  น้องโจอี้อีกคนหนึ่ง  ซึ่งเป็นแก้ง Z-Boy  ที่ชอบเล่นดนตรี และพึ่งย้ายเข้ามาสังกัดชมรมฟ้าสดใส  พวกเขาเป็นรุ่นน้องปี 1 ซึ่งในตอนแรก เขาก็รู้สึกดีกับคนทั้ง 5 คนเหล่านี้ทุกคน

 

วันเวลาเปลี่ยนทุกอย่างก็เปลี่ยนไป...... มันเริ่มเป็นจริงในชีวิตของโรม  แม้แต่พี่น้องในแก้งฮีโร่ ก็เหมือนไม่สนใจใยดีเขาเลย  เขาคิดว่าพวกนั้นคงจะไปเอาใจพวกน้องๆที่มาใหม่ เพราะ แก้งฮีโร่ต้องทำหน้าที่เป็นพี่ที่คอยเทคแคร์ให้กับคนเหล่านั้น  เลยไม่สนใจเขา แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรมาก

 

**********************************************************

 

จนวันหนึ่งเขาก็เหมือนเข้ากับใครไม่ได้ ทั้งคนในแก้งฮีโร่และคนในชมรมฟ้าสดใส  ทุกอย่างมันเหมือนจืดจางลงไป จากที่เคยสนิทกัน  คุ้นเคยกัน เฮฮากันได้หมด ก็เปลี่ยนไป หลายกลุ่มแก้งก็ได้สร้างกำแพงขึ้นมาด้วยความหยิ่ง  ทำให้หลายคนและเขาเองรู้สึกไม่สนิทกันเหมือนแต่ก่อน   จากที่หลังเลิกเรียนหรือพักเที่ยงจะไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันก็ไม่ไป  เขาเหมือนสูญเสียเพื่อนไป

 

“โจอี้” คนชื่อโจอี้ที่เข้ามาในชมรมฟ้าสดใสใหม่นั้นมี 2 คน โดยคนแรกจะเป็นคนตัวสูง ผิวคล้ำ ซึ่งหลายคนจะเรียกว่า “น้องโจอี้ใหญ่ ”ส่วนอีกคน ตัวเล็กกว่าคนแรก หลายคนจะเรียกว่า “น้องโจอี้เล็ก”

 

 น้องๆแก้ง Z-Boy ที่เข้ามาใหม่นั้นตอนแรกโรมคุยได้ทุกคน แต่ต่อมาเขากลับไม่ค่อยถูกคอกับน้องโจอี้ใหญ่เท่าไรนัก  น้องโจอี้ใหญ่เริ่มมีกลุ่มแก้งใหม่ขึ้นมาในชมรมฟ้าสดใส โดยมีน้องเคน และ พี่โอ๋  เพื่อนในแก้งฮีโร่แก้งเก่าของเขาเป็นคนสำคัญ  รวมทั้งมีน้องๆในแก้งอื่นๆอีกด้วยโดยเฉพาะ น้องนาน่า น้องตี๋  น้องโอ่ง  พวกเขาเหล่านั้นเหมือนสร้างแก้งขึ้นมาในชมรมและเพิ่มพูนความหยิ่งในจิตใจพวกเขา ไม่ยอมคุยกับคนอื่นๆนอกแก้งตัวเอง  คนอื่นทักทายก็ไม่อยากจะตอบ และทำให้เขารู้สึกเข้ากับใครไม่ได้  เจอหน้ากันก็ไม่ทักทายกันเหมือนแต่ก่อน 

 

“น้องนาน่า ทำอะไรครับ  สบายดีไหม....”โรมเอ่ยถามสาวน้อยวัย 18 ปีที่ดูตัวเล็กๆ  ขณะเดินผ่านมาทางเขาในช่วงพักเที่ยงของวันหนึ่ง

 

...........ไม่มีเสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้นมาจากน้องนาน่า เขารู้สึกเสียความรู้สึกมาก  หรือเธอจะไม่ได้ยิน ....เป็นไปไม่ได้....ยกเว้นเธอจะหูหนวกเท่านั้น

 

 

 

และสิ่งที่เลวร้ายไปมากกว่านั้นในช่วงเย็นของวันหนึ่งในระหว่างที่ พี่เค น้องเคน และ เขาเดินแจกเอกสารชมรมเพื่อให้คนในมหาวิทยาลัยมาอยู่ในชมรมฟ้าสดใสมากขึ้น  น้องเคนกับพี่เคก็เดินเคียงคู่คุยกันเรื่องไร้สาระไปตามริมฟุตบาตรในระยะทาง 2 กิโลเมตรในมหาวิทยาลัยวิกตอรีไปเรื่อยๆ โดยที่มีโรมเดินตามต้อยๆอยู่ข้างหลังเหมือนเป็นส่วนเกินอะไรอย่างนั้น  เป็นเรื่องที่เลวร้ายที่พวกเขาทั้งสองคนเหมือนไม่สนใจความรู้สึกของเขาเลย

 

 

“พี่เคครับ ชมรมเราจะไปออกค่ายที่ไหนครับ”โรมพยายามเอ่ยปากชวนทั้งสองคนนั้นคุย

 

 

.........แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาจากคนข้างหน้าเลย เหมือนหูซ้ายทะลุหัวขวา  ราวกับว่าคำพูดของเขาไม่ได้เอ่ยออกมาจากปากเลย  หรือเขาทำผิดอันใดถึงไม่สนใจความรู้สึกเขาเลย  ....เขาทำอะไรผิดไป....เขาบ่นในใจกับตัวเอง  ดวงตากลมโตสีดำคู่นั้นก็เศร้าเหลือเกิน  ไม่มีใครสนใจเขาแล้วหรือไร.....

 

 

ส่วนน้อง Z-Boy อีก 4 คนก็เริ่มห่างหายจากชมรมฟ้าสดใสไป  ไม่ค่อยผูกพันธ์ตัวกับชมรมเท่าไร แต่คนเหล่านั้น โรมก็ยังคุยได้และรู้สึกดีด้วยเสมอ มีเพียงน้องโจอี้ใหญ่เท่านั้นที่ เขาไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของเขาเท่าไรนัก  และแม้ว่าน้องโจอี้คนนั้นจะเป็นคนคุยเก่งก็ตาม

 

โรมเริ่มพยายามสร้างความสัมพันธ์กับคนใหม่ๆมากขึ้น ไม่ว่าที่คณะตัวเอง หรือ ต่างคณะก็ตาม  ในเวลานั้นเขาคิดได้เพียงแค่ว่า เขาต้องหาเพื่อนใหม่แล้วล่ะ.... เขาพยามตีสนิทกับหลายๆคนในคณะแต่ก็ไม่สนิทเลย  เพราะเพื่อนที่คณะส่วนมากเป็นผู้หญิง ผู้ชายน้อยมาก และเวลาไปกับผู้หญิง ผู้หญิงก็จะกลัวว่าแฟนหนุ่มเขาจะมองว่าเป็นแฟนกับเขา และจะมีปัญหาตามมาอีก  เพื่อนในคณะหลายคนจึงไม่ค่อยอยากไปไหนกับเขาเท่าไร เขาจึงรู้สึกว้าเหว่และเดินอยู่คนเดียว แต่สาเหตุนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาเลิกไปห้องชมรมและไม่รับผิดชอบหน้าที่ที่เขาบริหารชมรมอยู่ในตำแหน่ง ประธานชมรม แต่อย่างใด  ถึงแม้ว่าจะรู้สึกอึดอัดเพราะไม่รู้ว่าไปแล้วเราจะคุยกับใคร.... เขาก็จำเป็นต้องไป.....จำเป็นจริงๆ

 

 

 

 
 ในระหว่างที่โรมนั่งกินขนมที่ม้าหินอ่อน หน้าพลาซ่าในมหาวิทยาลัยวิกตอรีอยู่ตามลำพังคนเดียว  พลางดวงตาของเขาก็มองคนที่เดินผ่านไปผ่านมา   สายลมอ่อนๆก็พัดมากระทบกับตัวเขาเบาๆ  ท่ามกลางความเหงาทำให้เขารู้สึกอยากจะร้องไห้แต่น้ำตาสักหยดก็ไม่ไหลออกมาเลย  ดวงตาที่กลมโตสีดำคู่นั้นของเขา  ช่างดูเศร้าเหลือเกิน  เขาไม่เหลือใครอีกแล้วหรือไร………..

 

 

 

“น้องคะ ๆ"  มีเสียงใสของหญิงสาวคนหนึ่งเรียกโรม มาจากข้างหลังของเขา
            

……….

 

 “น้องคะ น้องคะ” เสียงนั้นเริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆเขา จนเขาตื่นจากภวังค์แห่งความเศร้า

 

 “ว่าไงครับพี่ มีไรเหรอครับ” เขาเอ่ยถาม พลางสายตาคู่นั้นดูสดใสขึ้น

 

 “พี่ชื่อ เชอรี่ นะคะ น้องชื่ออะไรคะ.... พอดีพี่มีสินค้ามาแนะนำค่ะ สนใจไหมคะ” พี่เชอรี่รีบพูดเร็วมากจนเขาไม่รู้จะตอบอะไรก่อนดี

 

 “อ๋อผมชื่อโรมครับ   ....พี่ขายแอมเวย์เหรอครับ” ชายหนุ่มตอบและถามแบบไม่อยากจะถามเท่าไร

 

 “ใช่ค่ะ เคยใช้สินค้าของแอมเวย์ไหมคะ”สาวสวยโฆษณาสินค้า พลางยิ้มให้กับเขา

 

  การได้สนทนากับพี่เชอรี่ก็ทำให้โรม หายจากความเหงาทันที เพราะบางทีความเหงามันอาจจะเกิดจาก การที่เราไม่มีเพื่อนคุย หรือไม่ได้คุยกับใครก็ได้  และต้นเหตุของความเสียใจ และ เศร้าใจของเขาก็ไม่ได้มาจากอะไร ก็คือ การที่เขาไม่ไปพูดกับคนอื่น  ....และคนอื่นหยิ่งไม่พูดกับเขานั่นเอง

 

 ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์โรมก็ดังขึ้น  เขารีบเอามืออันหนาใหญ่ของเขาล้วงกระเป๋าเสื้อและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับทันที

 

 

 “ว่าไงครับ” โรมเอ่ยทักทายต้นสาย


“ชมรมฟ้าสดใส  ใช่ไหมคะ” ต้นสายพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


“ใช่ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”เขาถามอย่างสงสัย หน้านิ่วคิ้วขมวด 

 
“อ๋อ พอดีมีประชุมนะคะ 1 ทุ่ม ที่กองกิจการนิสิต ชั้น 2 ห้องประชุม 1 ค่ะ” ต้นสายอธิบาย


“ครับๆ ได้ครับ เดี่ยวไปครับ ขอบคุณที่โทรมาบอกนะครับ”โรมพูด แล้วถอนหายใจกับภารกิจที่กำลังจะตามมา


 “ค่ะ.......”

 

 

 

 หลังจากประชุมแบ่งงบประมาณในวันนั้น  โดยชมรมฟ้าสดใสได้รับเงินทั้งสิน 10,000 บาท จึงจำเป็นต้องทำโครงการไปออกค่ายก่อนวันที่ 12 กันยายนแต่ในการเข้าประชุมครั้งนี้เขาฟังมาผิดคิดว่าให้ทำโครงการเสนอสภานิสิตก่อนวันที่ 12 กันยายน  ซึ่งมันห่างจากช่วงสอบปลายภาคแค่ 2 สัปดาห์ ทำให้เขาต้องยุ่งมาก ทั้งเรื่องการบ้าน อ่านหนังสือสอบ และทำโครงการไปเสนอสภานิสิตมหาวิทยาลัยวิกตอรีอีก ซึ่งกว่าจะผ่านก็ยากพอสมควร 

 

 **************************************************************

 

ชมรมฟ้าสดใสก็เป็นชมรมที่ดูยิ่งใหญ่มากในมหาวิทยาลัยวิกตอรี  สมาชิกหลักๆ ก็จะมีอยู่ประมาณ 20 คนที่ชอบเดินเข้าเดินออกห้องชมรมนี้เป็นประจำ  โดยในการทำโดยภารกิจการเสนอโครงการ และ การจัดทำโครงการทั้งหมดจะตกอยู่เป็นภารกิจหลักของประธานชมรม คือ “โรม” แต่เพียงผู้เดียว เพราะนอกนั้นก็ไม่มีใครเข้าใจในการทำเอกสารราชการ และ หนังสือราชการอะไรต่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาให้เขาเป็นอย่างมาก เพราะเขาต้องรับภาระหนักอยู่คนเดียว ไม่เหมือนชมรมอื่นๆ ซึ่งสาเหตุนี้เกิดจากเวลามีการจัดอบรมการทำโครงการหรือทำชมรม  สมาชิกในชมรมก็จะไม่ค่อยให้ความร่วมมือเลย

 

 

 

 ในที่สุดโครงการก็ผ่านสภานิสิตฯ แต่ก็มีปัญหาตามมาอีกมากมายที่เขาต้องดำเนินการแก้ไข และปรับเปลี่ยนใหม่  โรมเข้าไปส่งโครงการกับพี่นักกิจการนิสิตที่กองกิจการนิสิต ตามลำพังคนเดียวหลังจากที่โครงการเสนอผ่านสภานิสิตเรียบร้อยแล้ว   ซึ่งพี่ที่ทำหน้าที่ดูแลโครงการชมรมฟ้าสดใสคือ พี่เป้  โดยพี่เป้จะส่งโครงการไปให้รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต เซ็นอนุมัติอีกทีหนึ่ง แต่พอดีวันนั้นพี่เป้ไม่อยู่ เขาจึงต้องเอาไปส่งกับ พี่นิวหัวหน้างานกองกิจการนิสิต ซึ่งหลายคนต่างล่ำลือมาว่าโหดมาก ด่าคนไปทั่ว

 

 

 

“นี่โครงการเธอทำมาแบบนี้ได้ยังไง  งบประมาณนี้เธอจะใช้ได้เหรอ”พี่นิวเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม  ทำให้หนุ่มหน้ามนอย่างโรมต้องสะดุ้งเล็กน้อย  พร้อมทำหน้างงๆ และไม่พอใจนิดหนึ่ง พลางในใจก็บ่นไปอีกว่า “อะไรกันนักหนาวะ เหนื่อยโว้ย เมื่อไรจะผ่านเนี่ย”

 

 “อ้าว!! โครงการมีปัญหาอะไรครับ  ก็ทำมาสมบูรณ์ ผ่านสภาฯ แล้วนี่ครับ”หนุ่มหน้ามนอธิบาย  พร้อมกับค่อยๆนั่งลง               

 

“นี่วันนั้นเธอได้เข้าประชุมไหม เขาให้ใช้งบประมาณก่อนวันที่ 12 กันยายน ไม่ใช่เหรอ ”พี่นิวอธิบายทั้งไม้ทั้งมือประกอบกรียาท่าทาง

 

“ได้เข้าสิครับ” โรมตอบสั้นๆได้ใจความ พลางทำหน้างงๆ

 

 “เธอต้องกลับไปแก้มาใหม่นะ  เปลี่ยนวันที่ 7-8 ตุลาคม  เป็นวันเสาร์-อาทิตย์ที่ใกล้จะถึงนี้”  พี่นิวอธิบายอีก ซึ่งมันคือวันที่ 11-12  ซึ่งถ้าออกค่ายวันนั้นอะไรๆก็ไม่พร้อมแน่นอน เพราะวันนี้ก็วันที่ 9 กันยายนแล้ว

 

   “คงไม่ได้หรอกครับพี่นิว  แต่ทำไมใช้ไม่ได้ถึงผ่านสภามาได้ล่ะครับพี่ ถ้าไม่ได้สภาทำไมไม่บอกล่ะครับ ว่าไม่ได้ ผมจะไม่ได้ต้องจัด” โรมถามกลับไปอีก พร้อมอธิบายเหตุผล ด้วยหน้าตาซีเรียสมากจนคิ้วทั้งสองข้างจรดกัน

 

“นี่เธอ!!” พี่นิวเสียงเข้มขึ้นจนโรมตกใจสะดุ้ง ………  “  ผมก็ไม่ได้บอกนะว่าจะไม่ช่วยชมรมคุณ ถ้าคุณไม่มั่นใจก็โทรไปถามสภาสิครับ ไม่งั้นก็เชิญคุณไปถามองค์การนิสิต  แล้วก็ไม่ต้องมาทำหน้าไม่พอใจกับผมนะ ผมไม่ชอบ” พี่นิวบ่นไม่พอใจใส่เขาซะยืดยาว

 

 โรมถึงกับเงียบไป  เขาอยากจะเดินหนีออกจากตรงนั้นไปให้ไกลแต่ก็ทำไม่ได้ ….พระเจ้าช่วยลูกด้วย ทำไมชีวิตลูกมีแต่ปัญหาจัง.....เขาพรึมพรำกับตัวเอง ก่อนจะเอ่ยขึ้น หลังเงียบไปครู่ใหญ่
          

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปถามสภาฯ ก่อนนะครับพี่” เขาเอ่ย แล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากที่เลวร้ายที่สุดแห่งนั้น

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา