So please love me ยัยPoppetจอมเอ็ดรัก

-

เขียนโดย chocodyminty

วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 18.24 น.

  1 ตอน
  3 วิจารณ์
  4,059 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทนำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ณ ห้างบลูเบลล์
สาวน้อยร่างบางส่วนสูง160ต้นๆแต่งชุดนักเรียนของโรงเรียนแอร์นีเวย์กำลังเดินฉับๆอยู่ในห้างสรรพสินค้าสุดโปรด เธอเป็นเจ้าของหุ่นสวยกระชับและใบหน้าสวยหวานเข้ากับผมสีน้ำตาลแดง(ไม่ใช่หนังนะจ๊ะ อย่าคิดลึก)ที่ถูกรวบรัดไว้ตรงตามระเบียบแต่ปล่อยม้าเฉียงมาปิดหน้าผาก ยิ่งทำให้เธอกลายเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มมากมาย แต่เจ้าตัวดูจะไม่ได้สนใจใครนอกจากมือถือโลลิป็อบสีชมพูที่แนบหูอยู่
"เจอกันร้านเดิมจ้า"
พอตกลงกับเพื่อนรักเสร็จ ฉันก็วางโทรศัพท์ทันที
ฉันชื่อว่าป็อปเพทแปลว่าที่รัก เป็นลูกคุณหนูที่เเสนจะเพอร์เฟค(ชมตัวเองนิดส์ๆ)เเละรักสนุกเเต่ไม่ใจเเตก
วันนี้ฉันไปสมัครสอบที่โรงเรียนมัธยมปลายเอซีซีสุดโด่งดังมาล่ะ เเต่บังเอิญเวลามันเหลืออีกครึ่งวันก็เลยเสียดายเลยได้ขอหม่าม้าออกมาเที่ยวกับยัยฮันนี่เพื่อนรัก เเต่ยัยนั่นบ้านอยู่เเถวๆนี้เลยเดินกลับไปเอารถมอเตอร์ไซต์มาเพราะมีธุระตอนเย็นอีก
ฉันเลยต้องมารอซะก่อน ร้านที่นัดกันไว้ก็คือร้านอาหารญี่ปุ่นชาบิชิ   
"อย่ารังเเกคนที่ม่ายมีคายด้วยคำว่าร๊ากเลย"เสียงเรียกเข้าเฮงซวยดังขึ้น
ก็แหงล่ะ เพราะเป็นเสียงฉันเเละฮันนี่ร้องกันนี่นา ก็มันบอกว่าถ้าใช้เสียงอื่นเลิกเป็นเพื่อนกันเลยอ่ะเลยจำใจใช้ไปด้วยเสียงขีดเดียว
“ฮัลโหล”ฉันคว้ามือถือเครื่องโปรดขึ้นมากดรับสายทันทีด้วยความที่กลัวว่าคนรอบข้างจะได้ยินเสียงรอสาย
"(ป็อป ฉันคงไปเหรดประมาณครึ่งชม.อ่ะพอดีรถชนหน้าซอยนิดหน่อย ยังตกลงกันไม่ได้เลย)"ฮันนี่พูดขึ้นมาก็น่าชนหรอกเล่นบิดซะร้อยยี่ที่น่าตกใจคือ ที่ผ่านมามันรอดได้ไงต่างหาก
"อือๆเดี๋ยวจองที่ให้ก่อนละกัน เเค่นี้นะ..ว้าย"ฉันวางสายไม่ทันไรด้วยความเซ่อก็ไปชนกับประตูข้างหน้า
แต่ไม่ใช่ความผิดฉันนะ ฉันแค่เดินมาริมๆเตรียมจะเข้าลิฟต์เพื่อลงไปข้างล่าง แต่แวบเดินคุยตรงหน้าประตูอะไรก็ไม่รู้ แล้วก็มีใครสักคนเปิดประตูออกมา
เเล้วใครกัน เปิดมาชนฉันซะได้เดี๋ยวเเม่จะด่าให้ลืมทางกลับบ้านเลยคอยดู
"เอ่อ..เป็นอะไรรึเปล่า"เสียงห้าวของชายที่เปิดประตูออกมาถามกับฉันอย่างสงสัย
อย่างน้อยก็ยังเป็นห่วงกันมั่งล่ะ ยกโทษให้ก็ได้ยะ
"ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ"ฉันพูดไปเเละยิ้มเจื่อนให้เขาพอเป็นน้ำใจ
“ผมไม่ได้ถามว่าคุณเป็นอะไรรึเปล่า ผมจะถามว่าหัวสมองคุณน่ะ เป็นอะไรรึเปล่าต่างหาก”
“อ้าว! ฉันตอบนายดีๆนะยะ ทำไมปากหมาแบบนี้ล่ะ”
“เฮอะ ก็ดูสิ คนสติดีๆที่ไหนจะมายืนพิงประตูดาดฟ้าที่เขียนไว้ด้านในว่าดึงด้านนอกว่าผลักกันล่ะ คนปกติเขาก็คงรู้ว่าถ้าอยู่ใกล้ๆเดี๋ยวมีคนผลักมาก็ได้กระเด็นกันพอดี”
อ๋อ มันคือประตูดาดฟ้านี่เอง
“ก็ฉันไม่คิดว่ามันจะมีใครไปปรับทุกข์อยู่บนดาดฟ้านี่ยะ ตาคนอมทุกข์”
ที่จริงฉันไม่รู้ต่างหากว่าประตูอะไร
“นี่เธอ พูดแบบนี้หาเรื่องกันใช่มั้ย”
“ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะหาเรื่องนายซะหน่อย พ่อคนอมทุกข์”
มีฉายาให้เรียกแทนคำว่านายแล้วดีใจมั้ยจ๊ะ~
“นี่เธอ..”
“ใครเหรอ เห็นเรียกตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว โทษทีนะ ฉันป็อปเพท ไม่ได้ชื่อเธอย่ะ”
“ฉันก็ไม่ได้ชื่อพ่อคนอมทุกข์อะไรนั่นสักหน่อย”
“นั่นไม่ใช่ชื่อ ฉายาที่ฉันเพิ่งตั้งไว้เรียกคนนิรนามอย่างนายต่างหากย่ะ”
“เธอชื่อป็อปเพทสินะ..ลูกสาวคนเดียวของคุณหญิงพริตินันท์ใช่รึเปล่า”
โอ๊ะโอ ดูไปดูมารู้สึกสายตาหมอนี่จะเจ้าเล่ห์ขึ้นยังไงบอกไม่ถูกแฮะ
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม หรือจะจับตัวฉันไปเรียกค่าไถ่ยะ”
“ก็ไม่แน่ แม่เธอรวยซะขนาดนั้น ใครๆก็อยากจะทำ”
เอ๋ หมายความว่ายังไง ไม่นะ ชี้โพรงให้กระรอกซะแล้วฉัน
“ฉะ..ฉันไม่อยากเถียงกับนายแล้ว จะไปไหนก็ไปไป๊ ชิ่วๆ”ว่าแล้วฉันก็รีบเดินฉับๆก้าวเข้าลิฟต์ไปทันที...
เฮ้อ โชคดีที่ตานั่นไม่ได้ตามมา

“ติ๊งหน่อง~”ในที่สุดก็ถึงชั้น2ที่มีร้านชาบิชิของฉันซะที ว่าแล้วก็ก้าวออกไปโล้ดดด
“บังเอิญจัง เจอกันอีกแล้ว”เสียงที่ฉันคุ้นๆว่าเคยได้ยินดังขึ้นจากด้านข้างซึ่งเป็นบันได
...พ่อคนอมทุกข์...
“...”ฉันไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นทั้งปวงแล้วเดินหนีไปดื้อๆ...ก็ไม่รู้หรอกว่าตานี่มาถูกชั้นได้ยังไงแต่ที่แน่เขาคงจะพยายามจับตัวฉันไปเรียกค่าไถ่แน่ๆ ทำไงดีๆๆ
ข้อที่1.เรียกรปภ.
ไม่ๆๆ ฉันยังไม่มีหลักฐานอ่ะ เดี๋ยวก็ได้โดนอบรมแทนกันพอดีสิ
ข้อที่2.โทรฯหาหม่ามี้ให้มารับ
ใช่ๆๆ นี่แหละดีที่สุด
ว่าแล้วฉันก็เปิดฝาโลลิป็อบเครื่องงามแล้วกดปุ่มยุกๆยิกๆในขณะที่ยังเดินหนีผู้ต้องสงสัยอยู่จากนั้นก็เอามาแนบหูทันที แต่สิ่งที่ได้ยินเหมือนดั่งเสียงมรณะ
“(เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้)”ไม่นะ ที่พึ่งของช้านนน
ทำไงดีๆๆ
3......
อ๊าก ไม่สามารถคิดอะไรได้ในขณะนี้ กรุณาเอาขี้เลื่อยออกก่อน
โนววว สมองสุดฉลาดปราดเปรื่องเลื่องเลิศของฉันมันกำลังฝ่อง่ะ ปกติฉันจะคิดได้ตั้งหลายวิธีนี่นา นี่ฉันกลัวจนคิดไม่ออกเลยนะ ให้ตายเถอะ พระเจ้าลูกจะบ้าตาย
“นี่ยัยคุณหนู หยุดเดินแล้วมาคุยกับฉันดีๆได้มั้ย เมื่อกี้เธอยังไม่ได้ขอโทษฉันเลยนะ”
ยังจะตามมาอีก ชัวร์เลย ตานี่ต้องคิดอย่างที่ฉันแน่ๆ ฉันไม่ใช่กล้วยหอมนะยะ ที่บี1อย่างฉันคิดอะไร บี2อย่างนายก็ต้องเข้าใจหมดง่า ช่วยคิดอย่างอื่นทีเถอะ
“...”ฉันไม่ตอบอะไรเขาแต่หยุดเดินแล้วหันหลังไปมองชายคู่กรณี
“โฮ่ หยุดจนได้นะ ยัยคุณหนูตัวแสบ เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”เขาพูดแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน
“แต่ฉันไม่มี นายต้องการเงินใช่มั้ย ฉันรู้”
“เงิน?”ยังไม่ทันที่ตานั่นจะหายสงสัยฉันก็ใช้มือควักหาอะไรบางอย่างซึ่งประโยคที่พูดไปเมื่อสักครู่อาจทำให้เขาคิดว่าฉันจะควักเงินเป็นหมื่นๆที่เตรียมมาซื้อกระเป๋านำเข้าจากจีนออกมาขว้างใส่หน้าเขา
แต่เปล่าเลย ถึงฉันจะรวยแต่ก็รู้คุณค่าของเงินนะยะ..สิ่งที่ฉันจะหยิบออกมาน่ะเหรอ หึๆๆ
“นี่แน่ะ ต้องการเงินสินะ ฉันไม่ให้หรอกย่ะ เอาไอ้นี่ไปกินไป๊ไอ้นรก”ฉันจัดการฉีดสเปรย์พริกไทยที่ควักออกมาใส่เต็มๆตาของคู่กรณีจนเขาร้องโอดโอยอย่างทรมาน จังหวะนั้นฉันเลยจัดการเตะเข้าจุดยุทธศาสตร์ของบุคคลเพศพ่อตรงหน้าซะสุดแรงเกิดโดยไม่กลัวว่าใครจะตายทั้งสิ้น ขอแค่ฉันรอดก็เป็นพอ
ตานั่นทรุดลงไปกองกับพื้นทันทีเมื่อถูกเตะเข้าไป ฉันเลยรีบออกวิ่งอย่างไม่รอช้า แต่คนที่มามุงดูเยอะชะมัด(แต่ก็ไม่มีใครคิดจะช่วย)ฉันก็เลยเสียเวลาแทรกตัวออกไปนานพอดู
ฉันวิ่งไปเรื่อยๆไม่ยอมหยุดเพราะว่าตานี่คงตามตื้อน่าดูจนกระทั่งไปหยุดเอาที่หน้าร้านน้ำดื่มด้านนอกห้างบลูเบลล์เพราะเหนื่อยจนจะก้าวขาไม่ออกแล้ว
“น้ำเปล่า..แฮ่กๆ ขวดนึงค่ะ”ฉันเดินเข้าไปซื้อน้ำที่ร้านนั้นด้วยอาการเหนื่อยหอบ
รู้มั้ยว่าเจ๊ที่ขายน้ำอยู่แกทำหน้ายังไงเค้าทำหน้าเหมือนรังเกียจฉันอ่ะไม่ต้องส่องกระจกฉันก็พอจะรู้ว่าผมเผ้าคงจะกระเซ๊อะกระเซิงไม่เป็นทรงแล้วล่ะโฮๆอุตส่าห์มัดอย่างประณีตแท้ๆ ToT
“จะกินน้ำเนี่ยมีตังค์จ่ายแน่เหรอ”ยัยเจ๊(ที่จริงอายุเขาไม่น่าเกินม.ปลายหรอกแต่หมั่นไส้)คนเดิมพูดพร้อมมองฉันเหมือนเดิม นี่ฉันเหมือนคนบ้าขนาดนั้นเชียว?
“อะไรยะคนค้าคนขายเค้าพูดกะลูกค้าอย่างนี้น่ะเหรอ ต๊ายไม่ดูสภาพตัวเองซะมั่งก่อนจะด่าคนอื่นน่ะฉันมีปัญญาจ่ายย่ะ เอามาสิ”ฉันด่ากลับไปพร้อมกวักมือให้ยัยเจ๊นั่นเดินไปหยิบน้ำมาให้ซะที(หายเหนื่อยแล้วเรอะ)
“เอ้า!! 20บาท”ยัยป้านั่นเอาขวดน้ำวางกระแทกที่เค้าน์เตอร์อย่างแรงแล้วกวักมือเลียนแบบฉัน
“นี่ น้ำเปล่าขวดเล็กนิดเดียวเอง 20บาทเนี่ยเกินไปมั้งยะ”              
“ทำไม ฉันพอใจจะขายอ่ะกับคนอื่นก็12บาทแหละแต่เธอมันอวดดีนักนี่ถ้าไม่พอใจก็ไปร้านอื่น ชิ่วๆ”ยัยบ้านั่นพูดกระแทกเสียงใส่ฉันทั้งยังไล่อย่างกับหมูหมาเอ่อ..อะไรอีกนะช่างมันเถอะ
“เฮอะ จำไว้เลยนะ”ฉันพูดพร้อมหยิบขวดน้ำมาแล้วควักหากระเป๋าสตางค์สุดหรูเริศอลังการที่ควรจะอยู่ในกระเป๋าสพายของฉันออกมาแต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อสิ่งๆนั้น...หายไป!!
“อะไรๆ ทุกข์ใจเพราะไม่มีเงินอยู่เหรอยะถ้าไม่มีเงินก็เอาคืนมาเลยนะยะ”ยัยนั่นพูดพร้อมกับเตรียมจะยื่นมือมาหยิบขวดน้ำคืนแต่ยังไม่ทันหยิบก็มีมือของใครก็ไม่รู้มาวางที่เคาน์เตอร์พร้อมแบงค์20ในมือ
“อ่ะ นี่ค่าน้ำของผู้หญิงคนนี้นะ”เสียงห้าวของชายผู้มาใหม่ดังขึ้นข้างๆตัวฉันและเมื่อฉันหันไปมองก็ได้พบกับเทพบุตรสุดหล่อที่ฉันวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนมาเมื่อกี้และกำลังจะก้าวขาเพื่อหนีไปอีกทางแต่..
มืออีกข้างของชายคนนั้นกลับมาดึงไว้ซะก่อนโฮๆๆลูกช้างมาได้แค่นี้ใช่มั้ย
“พี่มอลเตส!!”ยัยเจ๊นั่นพูดต๊ายนี่เป็นรุ่นน้องของตาหน้าหล่อนี่เหรอเนี่ย
“อยู่คุยกันตรงนู้นหน่อยสิครับ”เขาคนนั้นไม่แม้แต่จะมองไปตามเสียงเรียกแต่กลับมาพูดกับฉันที่ขยับไปไหนไม่ได้
“ฮะๆขอโทษด้วยนะคะ คือฉันมีธุระด่วน ขอตัว..อุ๊บ”ฉันเริ่มจะเฉไฉก่อนจะเดินไปอีกทางหนึ่งแต่ก็ถูกขัดขวางโดยแขนของนายคนเดิมที่อ้อมเข้ามาล็อคคอของฉันไว้
“แต่ผมก็มีธุระเหมือนนี่นาครับนั่งคุยกันสักนิดนะครับ”ตานั่นพูดด้วยเสียงที่เหี้ยมโหดขึ้นเรื่อยๆโฮๆๆลูกช้างมาได้แค่นี้จริงๆสินะ
เพราะเหตุฉะนี้ฉันก็เลยต้องเดินมานั่งเบียดเสียดกับตานี่บนม้านั่งอันเบ้อเริ่มเทิ่ม(ประชด)
 “ทำไมต้องวิ่งหนีผมด้วย”
“ก็นายจะจับฉันนี่”
“จะบ้าเหรอผมยังไม่ได้บอกสักคำว่าจะจับคุณน่ะ”
แกแหละบ้า
“อ้าวก็นายพูดเองเลยไม่ใช่รึไงกัน”
“ผมแค่บอกให้ฟังว่ามันคงมีคนคิดแบบนั้นเยอะ เพราะคุณเป็นพวกอยู่ไม่ติดบ้าน”
เออจริงแฮะ สงสัยฉันคงบ้ากว่า
“แล้ว..แล้วนี่ฉันอุตส่าห์วิ่งซะแทบเป็นแทบตายนี่มันไร้ความหมายงั้นเหรอ”
“ครับ”
ฉันถามแกยาวยืดแกตอบฉันสั้นแค่เนี้ย?
“แล้วนายไม่บอกฉันแต่แรกยะ”
“คิดว่าผมบอกทันเหรอครับคุณเล่นวิ่งสู้ฟัดซะขนาดนั้นแถมยังทำกับผมซะแทบกระอัก”
ก็จริงแฮะ
“ชิ..ฉันผิดก็ได้ยะว่าแต่ว่า นายวิ่งตามฉันมาเนี่ยไม่เหนื่อยมั่งเหรอวิ่งมาก็เร็วพอๆกับฉันนี่นาไหงเหงื่อแทบจะไม่มีเลยล่ะ”
“ผมเป็นสารวัตรนักเรียนนะครับถ้าไม่อึดแล้วจะจับใครได้ล่ะครับ”
“ถ้านายไม่มีเรื่องอะไรแล้วฉันขอตัว อ้อ ต้องขอโทษด้วยสำหรับทุกเรื่อง”
“เดี๋ยวสิครับ ถึงคุณจะพอเอาตัวรอดได้ก็เถอะ แต่มันไม่ปลอดภัย คุณควรจะกลับบ้านนะ”ตานั่นพูดซะยาวเหยียด
เฮอะเรื่องอะไรฉันจะต้องเชื่อกันยะ 
“ถ้าฉันไม่กลับล่ะ?มีปัญหามะ”
“มีแน่ครับเพราะถ้าคุณไม่กลับดีๆ ผมคงต้องใช้กำลังนิดหน่อย”
“ชิ..กลับก็ได้ยะ”โฮะๆๆหลอกต่างหากเดี๋ยวค่อยกลับมาตอนห่างจากตานี่ก็ได้ย่ะ
“ดี งั้นก็ขึ้นรถเลยครับ รถผมจอดอยู่แถวๆนี้พอดี”
“ว่าไงนะ ยี้! ฉันไม่ขึ้นรถนายหรอกย่ะจะมีเชื้อโรคอะไรมั่งก็ไม่รู้ให้ตายก็ไม่ขึ้น”ขืนขึ้นไปฉันก็เสียแผนสิยะ อีกอย่าง ฉันไม่นิยมขึ้นรถคนแปลกหน้า
“งั้นก็คงต้องใช้กำลังนะครับ”ตานั่นไม่พูดเปล่ายังลุกขึ้นจากม้านั่งแล้วใช้มือทั้งสองข้างช้อนร่างของฉันขึ้นมาก่อนจะเดินไปที่ลานจอดรถโดยไม่สนใจฉันที่ขัดขืนแทบเป็นแทบตายอยู่บนแขนของเขา
“นี่!ปล่อยฉันนะยะนายมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้กันรู้มั้ยว่าฉันเป็นใครน่ะ ปล่อยช้านนน"ฉันทั้งดิ้นทั้งกรี๊ดทั้งตะโกน
แต่คงต้องไว้อาลัยให้กับทุกๆสิ่งเพราะแถวนั้นไม่มีใครเลยสักคน
“เงียบซะที!”เสียงตะคอกดังขึ้นจากชายที่อุ้มร่างของฉันอยู่ตอนนี้ทำเอาฉันนิ่งเงียบไปทันที
“แต่..ก็นายไม่มีสิทธิ์นี่นา”
“เป็นเพราะคุณไม่ให้ความร่วมมือต่างหากล่ะ  ถ้าแหกปากอีกคำเดียวผมอาจจะต้องทำอะไรรุนแรง”
“…”ฉันก็เลยเงียบไปทันทีทันใด
แต่มันน่ากลัวอ่ะ อีตานี่จะจับฉันไปเรียกค่าไถ่รึเปล่าก็ไม่รู้ง่ะไม่มีอะไรรับประกันเลย หม่าม้าช่วยหนูที ป็อปเพทจะตายแล้วง่า~~~~  T_T

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา