only you แค่เธอเท่านั้นที่ฉันจะรัก

9.3

เขียนโดย Solize

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 22.13 น.

  3 ตอน
  9 วิจารณ์
  7,347 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559 22.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) Be myself

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

สามปีต่อมา

สนามบินอินชอน  ประเทศเกาหลี

                ท่ามกลางสนามบินอินชอนที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินควักไขว่ไปมาจนน่าปวดหัว ฉันเดินเข็นรถเข็นที่บรรจุกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ และกระเป๋าใบเล็กๆอีกสองสามใบออกมาทางช่องออกของผู้โดยสารหลังจากผ่านด่านตรวจสอบพาสปอร์ตสุดหฤโหด ด่านตรวจสอบคนต่างชาติสุดเหี้ยม แล้วยังต้องมานั่งรอกระเป๋าที่ส่งมากับเครื่องบินอีกลำและยังต้องรอจนกว่าจะตรวจสอบกระเป๋าก็ปาไปหลายชั่วโมงกว่าฉันจะได้ออกมานี่ เหอะ เบื่อจะแย่อยู่แล้ว

                ฉันหยุดรถเข็นไว้กลางทางเดินก่อนจะมองไปรอบๆตัว ผู้คนมากมายต่างพากันมายืนรอใครบางคนที่มีความเกี่ยวพันธ์กับพวกเขา หลายคนมีป้ายที่เขียนชื่อหรือข้อความที่สามารถจะสื่อสารกันรู้เรื่อง ส่วนอีกหลายคนก็มีรูปหรือโปรเตอร์แผ่นใหญ่ๆที่หวังว่าคนที่เป็นเจ้าของจะเดินมาเห็น ฉันกวาดตามองไปทุกๆแผ่นป้ายและรูปทุกๆใบเผื่อจะมีป้ายสักหนึ่งแผ่นที่เขียนชื่อฉันและรูปสักใบที่เป็นรูปฉัน....แต่ก็ไม่มี

                “หึ จะมีได้ไงกัน” ฉันยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะเข็นรถออกไป

                “หวัดดี”เสียงทุ่มต่ำดังขึ้นจากกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงรั่วเหล็กที่ใช้กั้นระหว่างทางเดินของผู้โดยสารกับคนภายนอกก่อนที่ร่างสูงของเจ้าของเสียงนั้นจะกระโดดข้ามรั่วมายืนอยู่ข้างๆฉัน

                ฉันผละออกด้วยความตกใจ จำได้ว่าฉันพึ่งจะหนีออกจากบ้านมาไม่ได้บอกใครทั้งนั้นว่าจะไปที่ไหน แล้วหมอนี่เป็นใครรู้ได้ไงว่าฉันจะมาที่นี่ ฉันมองสำรวจร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้า กางเกงยีนสีดำตัวใหญ่ที่ถูกดึงให้โหลดนิดหน่อย เสื้อไหมพรมสีดำตัวยาวดูลุ่มล่ามตัดกับผิวสีขาวเว่อร์นั่น แล้วไหนจะแว่นดำกับหมวกไหมพรมสีเดียวกับชุดนั่นอีกหล่ะ ฉันจำไม่เห็นได้ว่าเคยรู้จักกับโจรป่าตั้งแต่เมื่อไร่

                เอะ! แต่เสียงก็คุ้นๆแฮะ

                “ยืนทำหน้างี่เง่าอยู่นั่นแหละ รู้ไหมเธอทำให้ฉันเสียเวลามากกก~” หมอนั้นบ่น แต่ฉันก็ยังยืนทำหน้างงไม่หาย บอกตรงๆเสียงคุ้นมากแต่ฉันจำไม่ได้ซะทีว่าหมอนี่เป็นใคร

                “โทษนะ เรารู้จักกันด้วยเหรอ”

                “อะ อะไรนะ” หมอนี่ถึงกับพูดไม่ออก ก่อนจะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก็ใครใช้ให้นายแต่งตัวแบบนี้มาล่ะ “ฉันไอออนไง นี่เธอจำพี่ชายตัวเองไม่ได้เลยเหรอ”

                “ห๊ะ! นายน่ะนะไอออน”ฉันถอยหลังไปก้าวหนึ่งก่อนจะมองสำรวจผู้ชายตัวสูงเว่อร์ที่แอบอ้างว่าเป็นพี่ชายของฉันนี่อีกที หมอนี่ตัวโตขนาดนี้เชียวเหรอ จะว่าไปก็ไม่ได้เจอกันตั้งสามปีนี่เนอะ ไม่แปลกที่อะไรๆจะเปลี่ยนไปเยอะแยะ ได้ข่าวว่าหมอนี่เป็นนักร้องด้วยนี่นา และได้ข่าวมาอีกว่าวงของเขาแอบดังมากด้วยนี่แต่ฉันก็ไม่รู้จักอยู่ดี

                ถ้าถามว่าทำไมน่ะเหรอ ทั้งหมดก็ต้องโทษไอ้ตัวร้ายนี่คนเดียว เพราะหมอนี่ทำให้ฉันเหมือนตกนรกทั้งเป็น เมื่อสามปีก่อนช่วงที่ฉันกลับไปอเมริกาได้สองเดือนฉันก็เกิดอาการอยากกลับมาเกาหลี ฉันเลยหนีออกมาจากบ้านสามสี่ครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จสักที เพราะพ่อของฉันให้คนเฝ้าดูฉันอยู่ตลอดเวลา ทุกคนในบ้านจึงรวมหัวปรึกษากันว่าถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปต้องมีครั้งที่ห้าที่หก พวกเขาจึงโทรมาปรึกษาไอออนที่อยู่เกาหลีว่าจะเอาไง

                รู้ไหมว่าหมอนี่บอกว่าไง เขาว่าทางที่ดีควรจับฉันขังไว้ซะ! แล้วทุกคนก็ตกลงกันว่าจะทำตามคำที่หมอนี่แนะนำด้วยการให้ฉันย้ายไปเรียนที่โรงเรียนประจำที่ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันแม้แต่ไฟฟ้าก็ยังจะเข้าไม่ถึง(เว่อร์ไว้ก่อน)ตลอดระยะเวลาสามปี ปิดเทมอๆไหนก็อย่าหวังว่าฉันจะได้กลับบ้านเหมือนคนอื่นๆถ้าฉันยังไม่หายบ้า

ซิสเตอร์บอกว่าพวกนั้นพูดอย่างนี้จริงๆ(ไม่ได้แปลงสารใหม่นะขอบอก)

                ช่วงหลังๆมานี่พวกเขาคงเห็นว่า(อาการ)ฉันคงดีขึ้นแล้วจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่เชื่อไหมว่าพอออกมาจากคุกนั้นได้เท่านั้นแหละฉันก็ขึ้นแท็กซี่มาที่สนามบินแล้วแจ้นมาเกาหลีนี่แหละ ถ้าถามว่าทำไมฉันถึงมาที่นี่น่ะเหรอ ก็มีแค่เรื่องเดียว ฉันอยากจะเจอหมอนั่นอีกสักครั้งก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้เจอ ฉันเลยไม่กลับไปบ้าน และก็ไม่อยากเจอคนใจร้ายพวกนั้นด้วย ปรกติพวกเราก็ไม่ค่อยจะถูกกันอยู่แล้ว แล้วนี่ยังมาทำกับฉันอย่างนี่อีกคิดว่าเรื่องมันจะจบง่ายๆรึไง โดยเฉพาะไอ้หมอนี่ตัวต้นคิดฉันยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่

                “มีธุระอะไร-_-”ฉันเชิดหน้าขึ้นสี่สิบห้าองศาแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นหวังให้ระดับสายตาฉันสูงเท่าสายตาหมอนี่ซะหน่อย หมอนี่จะได้ไม่ต้องมาทำท่าก้มลงมองเหมือนกับฉันต่ำต้อยซะเต็มประดา แต่ฉันก็ยังเป็นฉันยืดสุดได้แค่ระดับจมูกหมอนี่เท่านั้น ก็ฉันสูงแค่ร้อยหกสิบห้า (แบบโกงๆ)เอง ส่วนหมอนี่น่ะเหรอน่าจะสูงร้อยแปดสิบห้าอัพนะ

                “ฉันต่างหากที่ต้องถามว่าเธอมีธุระอะไรถึงต้องมาที่นี่”ไอออนถามฉันกลับด้วยเสียงนิ่งๆ

                “บอกเหตุผลที่ฉันต้องตอบคำถามนายมาสักสามข้อสิ”

                “ฉันเป็นพี่ชายของเธอ เธอเป็นน้องสาวของฉัน เราเป็นครอบครัวเดียวกัน”

                “เหตุผลของนายไม่ผ่าน”

                “ทำไม”ไอออนขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย ฉันจึงตอบกลับไปตามความจริง

                “นายไม่ใช่พี่ชายฉัน ฉันไม่ใช่น้องสาวนาย และเราก็ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน”ไอออนไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมาเขาเพียงแค่มองหน้าฉันนิ่งๆยากที่จะแปลความหมายได้ “ฉันจะพูดอีกครั้งในหลายร้อยครั้งที่นายยังไม่เข้าใจ”

“...”

“ ฉันมีพี่ชายคนเดียว ตอนนี้เขากำลังทำงานอยู่ที่อังกฤษ แม่ของฉันมีแค่คนเดียวตอนนี้ท่านกำลังมีความสุขอยู่บนสวรรค์ ส่วนพ่อของฉันไม่มี ฉันไม่นับคนที่ไม่เคยดูแลฉันเลยอย่างผู้ชายที่นายเรียกว่าพ่อเป็นพ่อของฉันหรอก”

“...”

“ครอบครัวของฉันมีแค่สองคน แต่มันก็จบลงเมื่อพวกนายสองคนแม่ลูกเข้ามา นายกับแม่ของนายแย่งพี่ชายของฉันไป ฉันถึงต้องอยู่ตัวคนเดียวและกลายเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ ฉันพูดถูกไหม ^_^”ฉันส่งยิ้มหวานปิดท้าย ไอออนเสมองไปทางอื่นเหมือนทุกทีที่ฉันพูดถึงเรื่องนี้

“นั่นมันเรื่องที่เธอคิดเองเออเองไปคนเดียว เอาล่ะ ฉันมีเวลาไม่มากสำหรับเรื่องของเธอ”

                “-?-”หน้าฉันขึ้นเควชั่นมาร์กทันที่ที่ไอออนพูดจบ

                “ฉันมีทางเลือกให้เธอสองทางคือจะอยู่หรือจะไป”

                “เฮอะ! ฉันจำไม่ได้ว่านายเป็นผู้กุมชะตาฉันตั้งแต่เมื่อไร”ฉันหัวเราะในลำคอก่อนจะเข็นรถไปอีกทางที่ไม่มีหมอนี่ แต่ก็ติดตรงที่มือใหญ่ๆนั่นดึงรถเข็นของฉันไว้ทำให้ไปไหนไม่ได้ ฉันจึงตัดสินใจจะเข็นชนเขา แต่ก็ติดตรงที่เราแรงน้อยนี่สิ หมอนี่ได้ทีเลยดึงรถเข็นไปไว้เองซะเลย ฮึ่ย! เจ็บใจ

                “ข้อหนึ่ง ถ้าเธอยืนยันที่จะอยู่ที่นี่เธอจะต้องไปพักอยู่กับฉัน เพราะไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องไปอยู่ที่อื่น ในเมื่อเธอเองก็ไม่รู้จักใครที่นี่เลย”

                “...”

                “หรือข้อสอง รับนี่ไปซะแล้วก็กลับไป...ว่าไง เลือกเร็วๆเข้า บอกแล้วไงว่าฉันไม่ค่อยมีเวลา”ไอออนยิ้มอย่างผู้มีชัยจนฉันอยากจะเอามือไปลูบหน้าขาวๆนั่นให้แดงเล่นๆก่อนจะหยิบเอาตั๋วเครื่องบินออกมาจากกระเป๋ากางเกง โอ้โห O[]Oชั้นเฟิร์สคลาสสุดไฮโซซะด้วยสิ! “เครื่องจะออกอีกหนึ่งชั่วโมงจากนี้และคราวนี้ฉันหวังว่าเธอจะกลับให้ถึง‘บ้าน’นะ”

                ไอ้หมอนี่-*-

                ฉันยื่นมือไปหยิบเอาตั๋วมา ไอออนยกมุมปากยิ้มเหมือนจะบอกว่า ‘เธอทำถูกแล้วเด็กน้อย’ฉันมองไอออนกลับและยิ้มให้เขาเช่นกัน ก่อนที่ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเราสองคนจะเหือดหายไปด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน เมื่อฉัน

                เปาะ!

                หักตั๋วเครื่องบินแสนแพงนั่นออกเป็นสองท่อน!

                “หว้า หักซะแล้วอ่ะ”

                “-*-”

                “สงสัยคงมีคนอยากให้ฉันอยู่ที่นี่ล่ะมั๊ง^^”ฉันยิ้มจนแก้มปิ ในขณะที่ตานี่โกรธจนแก้มบวม ฮะๆได้แกล้งคนนี่มันสนุกจริงๆ ถึงแม้จะต้องทนอยู่กับหมอนี่ตลอดระยะเวลาที่ฉันอยู่เกาหลีก็คงไม่เป็นไร ไอออนนายคอยดูนะ ฉันจะทำให้นายทนอยู่กับฉันไม่ได้จนต้องไล่ฉันไปเลยล่ะ

หลังจากเปิดศึกกันไปกลางแอร์พอร์ทไอออนก็ขับรถพาฉันมาจอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ไกลจากชุมชนพอสมควร ดูเหมือนจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวเสียมากกว่า หน้าบ้านปลูกต้นเมเปิ้ลและดอกไม้อีกเยอะแยะดูร่มรื่น ตัวบ้านเป็นแบบสมัยใหม่ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไปเหมาะสำหรับอยู่กับครอบครัวประมาณสี่ห้าคน ข้างๆบ้านมีโต๊ะไม้ตัวยาวหนึ่งชุดกับชิงช้าที่อยู่ในดงดอกไม้อีกหนึ่งตัว

                ช่างเป็นบ้านที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นดีเหลือเกิน

                ฉันคิดในใจก่อนจะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้สิ ฉันชอบความรู้สึกแบบนี้มากๆเลยล่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าในชีวิตของฉันยังไม่เคยได้สัมผัสแบบนี้เลยสักครั้งก็เป็นได้

                “จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม เข้ามาสิ”

                “เอ๋ เข้าไปได้เหรอ?”

                “หรือจะรออยู่ตรงนี้ก็ได้นะ -*- เดี๋ยวฉันไปเก็บของแป๊บเดียว”ไอออนทำหน้าเซ็งใส่ ไม่รู้ทำไมหมอนี่ถึงชอบทำหน้าแบบนี้ใส่ฉันเรื่อยเลย -_-

                “ทำไมต้องเก็บของด้วยล่ะ”

                “ก็ฉันจะออกไปอยู่กับเธอไง”

                “ห๋า เมื่อก่อนนายพักที่นี่เหรอ”ฉันถามพร้อมกับวิ่งตามหมอนี่ไปด้วย (เดินเร็วมากกก)

                “เออ ก็นี่มันบ้านของ Daemon ฉันก็ต้องพักที่นี่สิ”

                “ห๊ะ Daemon มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าตัวนั้นด้วยล่ะ”ฉันทำหน้างง พร้อมทั้งนึกไปถึงพวกครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ในเทพนิยายกรีกที่เคยอ่านมา

                “อะไรนะ -*-” ไอออนหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าฉันอย่างหงุดหงิด “นี่เธอไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมาถึงไม่รู้จัก Daemon พวกฉันน่ะดังจะตาย”ไอออนพูดพร้อมกับยืดอกขึ้นอย่างขี้โอ่ ถ้าให้ฉันเดา ไอ้ Daemon อะไรนี่คงจะเป็นชื่อวงของหมอนี่สินะ แล้วยังมาแอบด่าฉันอีกนะพูดเรื่องนี้ขึ้นมายั๊วะเลยเนี่ย-_-*

                “ก็ไปมุดหัวอยู่ที่เอเธนซอล์นรกที่นายส่งฉันไปไง อย่ามาทำเป็นลืม เรื่องนี้ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเลยนะ-^-”

                “เหรอ”ไอออนทำหน้ามึนๆแล้วเดินต่อ ฉันเกลียดเวลาที่หมอนี่ทำหน้าแบบนี้ที่สุด

                “แล้วนี่วงนายมีกี่คน”ไอออนหันมาทำหน้าเบื่อหน่ายสุดชีวิตใส่ฉัน ทำไงได้ล่ะ ก็ฉันไม่รู้นิ

                “เดี๋ยวเธอก็รู้ แล้วอย่าลืมขอบคุณฉันมากๆด้วยล่ะ”ไอออนพูดทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในบ้าน

 “แล้วทำไมฉันต้องขอบคุณนายด้วยล่ะ ด่าให้มากๆสิถึงจะถูก”

 

“ดื่มนี่รอไปก่อนนะ”ไอออนวางขวดอะไรสักอย่างไว้ตรงหน้าฉัน

“นี่มันโซจูไม่ใช่เหรอ นี่บ้านพวกนายไม่มีน้ำเปล่ารึไงนะ”ฉันบ่นๆจนหมอนี่หน้าหงิกไปอีกรอบ

“เลิกบ่นได้แล้ว มีอะไรก็กินๆไปซะ”ไอออนนั่งลงข้างๆก่อนจะยกโซจูขึ้นดื่ม...รวดเดียวหมดค่ะพี่น้องO_O

“ไหนว่าจะไปเก็บของไง แล้วมานั่งทำไมตรงนี้”

“เรื่องนั้นมันไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ที่เจ้าพวกนั้นตากหาก ฉันยังไม่ได้บอกพวกมันเลยว่าจะย้ายออกไป”ไอออนทำหน้าคิดหนัก แค่ย้ายออกนี่มันยากขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย

“แล้วนี่เพื่อนนายไปไหนล่ะ”ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ฉันยังไม่เห็นสิ่งมีชีวิตสักตัวเลย

“ยังไม่กลับมั้ง ได้ยินว่าพอจบคอนฯพวกมันจะไปกินเลี้ยงต่อ”

“อ้าว แล้วทำไมนายไม่ไปด้วยล่ะ”

“จะไปได้ไง ฉันก็ต้องรีบไปรับเธอนี่-*-”ไอออนทำหน้าหงิก(อีกแล้ว) “คุณแม่โทรมาบอกฉันตอนสองทุ่มพอคอนฯจบฉันก็รีบไปรับเธอทันทีนั้นไง”

“นายไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งก็ได้นิ ไม่มีใครรู้หรอก”

“ฉันจะปล่อยเธอไว้อย่างงั้นได้ไง ก็เธอน่ะ เป็นน้องสาวของฉันนะ”

“...”

“แม้เธอจะไม่คิดอย่างงั้นก็ตาม”ไอออนพูดสวนก่อนที่ฉันจะอ้าปากบรรยายเรื่องนี้อีกรอบ

ปัง!

ฉันกับไอออนหันไปตามเสียงประตูที่ไม่ว่าจะฟังยังไงก็ไม่น่าจะใช้มือเปิดเข้ามาพร้อมกัน และทันทีที่สายตาของฉันโฟกัสไปยังหนุ่มหล่อสี่คนที่กำลังเดินเข้ามาในบ้าน ฉันก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น หัวใจที่ไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่าหวั่นไหวเลยตลอดสามปีก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะใบหน้าหล่อเหลาที่ชวนหลงใหลและ ไม่ใช่เพราะร่างกายที่แสนจะเซ็กซี่และเพอร์เฟ็กต์ แต่เป็นเพราะ พวกเขาคือคนที่ฉันเคยรู้จักและเฝ้าคิดถึงตลอดเวลา

                “Princes”

                ฉันเอ่ยฉายาของพวกเขาออกมาเบาๆเมื่อก่อนตอนที่เรียนอยู่ที่ฮันกุกฮยองพวกเขาทั้งสี่เป็นคนที่โดดเด่นมากมีความสามารถไปทุกด้านทั้งเรื่องเรียน เรื่องกีฬา เรื่องดนตรีและเรื่องชกต่อย พวกสาวๆต่างพากันกรี๊ดกับความสามารถที่ไร้ขีดจำกัดนี้และให้ฉายากับพวกเขาซะเลิศหรูว่าเป็นเจ้าชาย แถมยังมีการจัดตั้งเว็บแฟนคลับด้วยนะ(และฉันก็สมัครไปตั้งแต่วันแรกที่เปิดเว็บล่ะ^^)

                ฉันมองผ่านลีจุน เฮซองและฮิเดกิไปยังสมาชิกคนสุดท้ายที่เข้ามาในบ้าน รู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปเยอะเลย อาจจะเป็นเพราะงานที่เขากำลังทำอยู่ก็ได้ ผมที่เคยสีดำถึงได้เป็นสีแดงสด รูปร่างที่เคยผอมบางดูจะมีกล้ามเนื้อมากขึ้น รู้สึกเหมือนว่าจะสูงกว่าเดิมด้วยนะ

                ทันทีที่เขาเห็นฉันตาเรียวๆคู่นั้นดูเหมือนจะเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะปรับให้มันเป็นเหมือนเดิมแล้วก็เดินไปเหวี่ยงเป้สีดำที่สะพายมาลงที่โซฟาแล้วเดินเข้าครัวไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนต่างมองไปที่เขาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะหันมาทำหน้าประหลาดใจใส่ฉันต่อ

                “โอ้โห เห็นรีบๆนึกว่ามีธุระสำคัญอะไร ที่แท้ก็หนีมากกสาวอยู่นี่เอง ร้ายนะแก”เฮซองเอ่ยปากขึ้นเป็นคนแรก แล้วพวกขาทั้งสามก็เดินมานั่งที่โซฟาตรงข้ามฉันกับไอออน ลืมสังเกตไป นอกจากเรียวเจแล้วพวกนี้ก็เปลี่ยนลุคไปเหมือนกันนะ ดูเน้นความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น

                “เออ พวกแกมาก็ดีแล้ว ฉันมีเรื่องจะบอก”

                “เรื่องอะไรวะ”ฮิเดกิถามพร้อมทั้งมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสงสัย รู้สึกว่าพวกนี้จะจำฉันไม่ค่อยได้นะ ถึงได้จ้องเอ๊า จ้องเอาอย่างนี้ -_-

                “ฉันว่า ฉันจะย้ายออก”

                “ห๊า!”พวกเขาทั้งสามคนร้องออกมาอย่างตกใจแล้วก็มองไอออนอย่างไม่น่าเชื่อ

                “ทำไมวะ”ลีจุนผู้ที่ดูมีสติที่สุดถามขึ้น คิ้วเรียวเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ

               “ฉันจะออกไปอยู่กับยัยนี่”ไอออนตอบหน้าตาเฉยนั่นทำให้เจ้าสามคนนี่อยากตรงเข้ามาบีบคอเขานัก!แหง๋ล่ะ ปกติหน้าตาหมอนี่ก็กวนโอ๊ยสุดๆอยู่แล้ว (สำหรับฉันนะ) ยิ่งมาทำหน้ามึนๆเหมือนมันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งกวนโคตร

                “ได้ไงกัน ทำอย่างนั้นเราก็แย่น่ะสิ นายจะยอมทิ้งวงไปเพื่อยัยนี่เนี่ยนะ!”ฮิเดกิไม่พูดเปล่าเขายังชี้นิ้วมาที่ฉันจนเกือบจะทิ่มตาอยู่แล้ว ฉันจึงปัดมือหมอนี่ออกไป แค่นั้นแหละ เขาก็จ้องฉันตาแทบถลนยังกะฉันไปฆ่าพ่อฆ่าแม่เขามาซะงั้น

                “นั่นน่ะสิ ปรกติแกไม่เคยแคร์ผู้หญิงคนไหนไม่ใช่เหรอ แล้วนี่อะไรกันแกจะยอมทิ้งวงที่เราสร้างขึ้นมาด้วยความยากรำบากเพื่อผู้หญิงคนเดียวเหรอวะ”--->เฮซอง

                “ฉันคิดออกแล้ว! ต้องใช่แน่ๆ  ‘ของ!’ แกโดนของใช่มั๊ย ฉันเคยได้ยินมาว่าแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีพวกพ่อมดหมอผีที่อาศัยพลังลึกลับของธรรมชาติเปลี่ยนแปลงคน ยัยนี่ต้องมาจากแถบนั้นแน่ๆเลย”--->ฮิเดกิ

               (  ^-_-)   (-_-^ )

               ฉันกับไอออนได้แต่มองหน้ากันอย่างพูดไม่ออก มีคนเคยบอกหมอนี่ไหมว่าความคิดเขาแปลกๆ

              “ฉันคิดว่าแกน่าจะมีเหตุผลกว่านี้นะ”ยังคงเป็นลีจุนอีกเช่นเคยที่ปกติที่สุด

              “พวกนายรู้จักยัยนี่มั๊ย”

             ( -_-   )  (   -_- ) ขวับๆ

               พวกเขาส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกันอย่างงงๆ ฉันเองก็งงเหมือนกัน ไอออนจะพูดอะไรกันแน่

              “แต่ฉันรู้จัก”นี่คือคำตอบที่รอฟังค่ะ หมอนี่มันกวนจริงๆนั่นแหละ-*-

              “ก็แหง๋ล่ะ ถ้าแกไม่รู้จักแล้วสะแหล็นหน้าจะหนีไปอยู่กับยัยนี่ทำซากอะไรวะ”--->ฮิเดกิ

              “ก็ใช่ไง เพราะพวกแกไม่รู้จักยัยนี่และที่เกาหลีนี้ก็ไม่มีใครรู้จักเธอ มีแต่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่รู้จักเธอดีกว่าใคร ฉันถึงปล่อยยัยนี้ไว้ไม่ได้”ไอออนเน้นคำพูดประโยคหลังดังจนผิดสังเกต และสายตาของเขาก็เลื่อนไปจับจ้องใครบางคน พอฉันมองตามสายตาเขาไปก็เห็นเรียวเจกำลังมองพวกเราคุยกันอย่างเงียบๆ

               “เฮอะ! อะไรของแกวะไอออน เมื่อก่อนออกจะเลวแสนเลว แล้วทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนมาเป็นคนดีซะล่ะว่ะ”

               “-_-”ไอออนส่งสายตาแบบอาฆาตไปทางเฮซอง นี่ตกลงมันด่ารึชมกันแน่ “สรุปเลยนะว่า ถึงยังไงฉันก็ไม่มีทางทิ้งเธอแน่”

               “แต่จะทิ้งพวกเรางั้นสิ (T^T)”ฮิเดกิทำหน้าน้อยใจ เห็นแล้วชักสงสารนิดๆแฮะ

               “นี่ไอออน ถ้ามันยุ่งยากขนาดนั้นเดี๋ยวฉันอยู่คนเดียวก็ได้นะ”

               “ได้ไง ก็ตกลงกันแล้วนี่! -*-” ไอออนทำเสียงเข้มแบบไม่พอใจ ฉันก็เลยต้องหุบปากไปทันที ก็เห็นว่าตกลงกันไม่ได้นี่นา ทำไมต้องดุฉันด้วยว่ะ >^< “เหตุผลของฉันก็มีแค่นี้แหละ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวนะ”ไอออนลุกขึ้นทำท่าจะเดินไปเก็บของบนห้อง ฉันเลยลุกตามมั่งก่อนที่จะประสาทเสียกับสายตาอาฆาตมาดร้ายของฮิเดกิ

                “ฉันคงให้แกไปไม่ได้ว่ะ”

                “ว่าไงนะ!”ไอออนหันไปชักสีหน้าใส่ลีจุน เฮ้ยๆอย่าตีกันเพราะมีฉันเป็นต้นเหตุนะ ฉันไม่ค่อยจะประทับใจเท่าไร่ด้วยสิ >_< (แต่สีหน้ามีความสุขมาก)

                “เฮ้อ!” ลีจุนถอนหายใจหนักๆอย่างเหนื่อยใจ เขาหันมามองหน้าฉันกับไอออนสลับกับไปมาก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่ฉันกับทุกๆคนไม่คาดคิดออกมา “ถ้าสิ่งที่ทำให้นายอยากออกไปจากบ้านหลังนี้คือยัยนี่...ฉันจะให้เธออยู่ด้วยก็ได้”

                “ห๊า!O[]O”พวกนั้นพากันตะโกนออกมาอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ฉันเองก็ยังไม่ยากจะเชื่อหูตัวเองเหมือนกัน นี่เขาบอกว่าจะให้ฉันอยู่ที่นี่งันเหรอ จริงเหรอคะท่านหัวหน้า กรี๊ดดดด ดีใจ >_<

                “จริงเหรอวะ”ไอออนก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง

                “เออ!”

                “เฮ้ย ได้ไงวะ ทีฉันกับไอ้เฮซองเวลาพาผู้หญิงมาที แกด่าเอาๆแล้วทำไมทีไอ้นี่ถึงยอมวะ”

                “ใช่ แกคิดดีแล้วเหรอ ยัยนี่ไม่ใช่แค่มาค้างคืนเดียวกับนะ แต่จะมาอยู่ที่นี่เลยนะเว้ย”

                “ฉันตัดสินใจไปแล้ว -_-”แค่นั้นแหละ เฮซองกับฮิเดกิก็หันมามองหน้ากันอย่างช่วยอะไรไม่ได้ก่อนจะพร้อมใจกันหันมาส่งสายตาชิ้งๆใส่ฉัน แล้วฉันผิดอะไรเนี่ย “แต่ว่า...ระหว่างที่เธออยู่ที่นี่ เธอต้องทำงานให้พวกฉันนะ”

                “งะ งานอะไรคะ”ฉันชักจะได้กลิ่นแปลกๆลอยมาแต่ไกลแล้วสิ แถมดูเหมือนว่าไอ้สองคนที่ทำหน้าเหมือนโลกจะแตกเมื่อกี้จะพากันสะแยะยิ้มอย่างพอใจอยู่นะ

                “ก็ไม่มากเท่าไรหรอก^^”ลีจุนเผยยิ้มนิดๆแต่หล่อโคตรค่ะ~ “แค่ทุกอย่างที่สั่งน่ะ...ทำได้รึเปล่า”

กรี๊ดดด ฉันขอถอนคำพูดเมื่อกี้นะไอ้หล่อโคตรนั้นน่ะ น่าจะบอกว่าเลวโคตรมากกว่าถึงจะเหมาะสม T_T ไม่อยากจะจินตนาการชีวิตตังเองหลังจากนี้เลย TT_TT

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา