I'm not your playmate : กูไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงครับ!

8.4

เขียนโดย Master

วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เวลา 14.16 น.

  25 บท
  18 วิจารณ์
  55.05K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) 18 - Sick...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

18

Sick… ป่วย

 

 

“คิง...” ผมมองหน้ามันอย่างหวาดกลัว

 

“...”

 

ไม่มีแม้แต่คำทักทายตอบกลับมา หรือแม้แต่คำถามที่มันควรจะถามว่าไปไหนมา หรือไปกับใครมาก็ไม่มี... ความเงียบของมันทำให้ผมแอบอึดอัดอยู่ในอก

 

“เอ่อ... เข้าห้องก่อนมั้ย?”

 

“ไม่เป็นไร...”

 

“...” ท่าทางนิ่งๆที่มันตอบมาอย่างนี้ทำให้ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี บรรยากาศน่ารำคาญใจแบบนี้ไม่ควรจะมีเลยจริงๆ

 

“ไปกับนนท์มาเหรอ?”

 

“อือ”

 

“ไปไหนมาล่ะ?”

 

“ไป... ซื้อแว่น” ...กับพ่อของมัน ประโยคหน้าผมเว้นเอาไว้ เพราะมันแทบไม่เกี่ยวอะไรกับผมแม้แต่น้อยอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น อาจมีเรื่องคุยกันอีกยาวผมเลยเงียบไว้ดีกว่า

 

“เหรอ”

 

“แล้ว... มารอนานหรือยัง?”


“ก็... พอสมควร”

 

“ขอโทษนะ” ผมนิ่งไปสักพัก “นึกว่าไปกับ...มิ้นท์”

 

ผมจ้องตากับคิงอยู่สักพัก ริงโทนโทรศัพท์ของคิงก็ดังขึ้นมา เขากดรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป ส่วนผมเบนหน้าหนีไปทางอื่น

 

ไม่อยากรู้ว่ามันคุยกับใคร หรือคุยกันว่าอะไร... เพราะลึกๆในใจผมเองก็รู้ดีว่าใครโทร.มา

 

...มิ้นท์...

 

“ครับ... ครับ... อ๋อ อื้อ เดี๋ยวพี่ก็กลับบ้าน... ไม่ลืมหรอกน่า... คิดถึงเหมือนกันครับ... ฝันดีนะ... ครับๆ ราตรีสวัสดิ์ครับ บาย”

 

เพราะมันยืนบังอยู่หน้าห้อง เข้าห้องไม่ได้ ต่อให้ไม่อยากได้ยินก็ต้องได้ยิน และเท่าที่ฟังก็คงไม่ต้องถามว่าใคร ถ้าผมเดาเรื่องของมันถูกพอๆกับการเดาข้อสอบ ผมคงเก่งไปแล้ว...

 

“...”

 

ดูจากอารมณ์ พอมันคุยกับมิ้นท์จบแล้ว มันก็ดูอารมณ์เย็นขึ้นมาอีกนิด ระเบิดที่ควรจะลงเมื่อกี้ก็สลายไปอย่างรวดเร็ว ผมควรจะขอบคุณมิ้นท์ที่โทร.มาพอดีสินะ แต่ลึกๆ ผมก็แอบ... เสียใจ?

 

บ้าน่า ผมไม่มีความคิดอะไรแบบนั้นหรอก...

 

ระหว่างที่ผมคิดอะไรแสนวุ่นวายในหัว มันเดินเลี่ยงออกมาจากหน้าประตูห้องทำให้ผมไขกุญแจห้องเข้าไปได้ ผมเดินเข้าไป หันหน้ามามองมัน... และหยุดยืนหน้าประตูที่เปิดกว้างเอาไว้

 

“พรุ่งนี้วันเสาร์...” ผมพูดออกมาเบาๆ “...ว่างมั้ย?”

 

“โทษทีนะ พอดีว่า... นัดกับมิ้นท์ไว้นะ” มันตอบ

 

ผมฝืนยิ้มออกมา ไม่รู้ว่ารอยยิ้มที่แสนฝืดเฝื่อนนี้มันจะรู้หรือเปล่า... ขอบตาร้อนผ่าว ทั้งๆที่ผมคิดว่าตัวเองเข้าใจดีแล้วแท้ๆเชียว ผมเองก็คิดไว้เมื่อวานแล้วเหมือนกัน... ยังไงซะ แฟนของมันก็ไม่ใช่ผม ยังไงก็คงออกมาในรูปแบบนี้ แต่ทั้งอย่างนั้น...

 

ตอนนี้ผมคาดหวังอะไร... อยู่นะ?

 

“เหรอ... อือ ไปเถอะ”

 

“...” มันทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรแต่ก็เงียบไป ให้ผมยิ้มค้างอยู่คนเดียว

 

“เอ่อ... ไปได้แล้วป่ะ นอนเร็วๆ เดี๋ยวไม่หล่อนะมึง ไปๆ” ผมดันมันออกจากหน้าประตู ผมทั้งยิ้ม ทั้งหัวเราะเบาๆให้มันรู้ว่าไม่เป็นไร

 

และเพราะอย่างนั้น เสียงมันดูแผ่วเบา และแสนเสแสร้งเหลือเกิน...

 

“งั้น... ไปก่อนนะ”

 

“อือ ราตรีสวัสดิ์ล่วงหน้านะ”

 

“บาย ฝันดี” มันโบกมือลาให้ผม แล้วค่อยๆเดินออกไปโดยไม่ได้หันกลับมามองผมเลยสักนิด แต่ถ้ามันหันมามองสักหน่อยมันคงเห็น...

 

เห็นว่าน้ำตาที่มันเอ่อคลออยู่ที่ขอบตากำลังไหลลงมา...

 

ผมปิดประตู แล้วทิ้งตัวลงกับประตูหน้าห้อง เหมือนอะไรที่อัดอั้นอยู่ในใจกำลังจะระเบิดออกมา น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบงัน เพราะผมกำลังร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียวอย่างนี้ เลยทำให้ผมเข้าใจว่าต่อให้พยายามมากแค่ไหน สุดท้ายแล้ว ผมก็ไม่สามารถเก็บมันเอาไว้ได้อยู่ดี และต่อให้ผมทำใจมามากแค่ไหน มันก็เป็นแค่ ‘ความพยายาม’ ที่ไร้ผลอยู่ดี

 

รู้สึกเกลียดตัวเองที่ร้องไห้อย่างกับคนงี่เง่า เกลียดที่ตัวเองทำตัวเหมือนคนบ้าขึ้นทุกวัน ถึงจะเกลียดตัวเองมากแค่ไหน แต่ผมกลับรู้ดียิ่งกว่าใคร ว่าต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็ยังจะ ‘รัก’ มันอยู่ดี เพราะมันไม่มีเหตุผล...

 

‘ความรัก’ ของผม มันไม่มีเหตุผลมาตั้งแต่ต้นแล้ว ตั้งแต่ผมรัก ‘ผู้ชาย’ ด้วยกัน และยังเป็น ‘เพื่อนสนิท’ อย่างไอ้คิงอีก...

 

ผมซุกหน้าลงกับหัวเข่าที่ตั้งขึ้นมาทั้งสองข้าง ปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาอย่างช้าๆ

 

“มึงไม่เป็นไรเว้ยเก้า... มึงต้องไม่เป็นไร มันแค่อารมณ์ชั่ววูบแค่นั้นแหละ...”

 

...และย้ำเตือนความคิดของตัวเอง

 

 

 

อ่าฮะ... แล้วผมก็ตื่นขึ้นมากับขอบตาช้ำๆ และหัวที่ปวดจนแทบจะระเบิด

 

อ่า... ไม่น่าเลย เมื่อวานกว่าจะอาบน้ำก็ปาไปตีสองแล้ว แถมยังเอาน้ำเย็นราดหัว และไม่ยอมเช็ดให้แห้ง ปืนขึ้นเตียงนอนเลย ผลที่ออกมาก็คือ...

 

“ฮัดชิ่ว!”

 

โอ๊ยพ่อ! โอ๊ยแม่! ผมเป็นหวัดในรอบปีแล้วคร้าบ!!

 

ปกติคนหัวแข็ง (ในหลายๆความหมาย) อย่างผมไม่ค่อยเป็นหวัด แต่ผมกลับมาเป็นหวัดในสภาพไม่เอื้ออำนวยซะเลย ยาแก้ปวดหัวของผมมันหมดพอดี ยาอื่นๆก็ไม่มี แถมร้านขายยายังค่อนข้างไกลจากอาร์ทเมนต์หอพักผมอีกซะด้วย ไม่ไหวๆ จะให้เดินไปซื้อเองก็อาจจะตายกลางทางก็ได้...

 

ดูเหมือนผมจะลืมอะไรสักอย่าง... ช่างเถอะ...

 

ห้องทึมๆ เพราะไม่มีแรงลุกขึ้นมาเปิดม่าน หรือเปิดไฟทำให้ผมรู้สึกหดหู่ขึ้นมาอีกแล้ว

 

“เอาไงดีว่ะเนี่ย?” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง โทรศัพท์ก็ไม่รู้วางไว้ไหน แต่มือที่ควานหาอยู่บนโต๊ะข้างเตียงกลับปัดสมุด หนังสือ โน้นนี่ตกลงไปหมด จนต้องถอนหายใจออกมายาวๆ

 

ติ๊งต่อง... ติ๊งต่อง...

 

เออดี! มีคนมาตอนนี้แต่ไม่มีแรงยกขึ้นไปเปิด เสียงกริ่งหน้าห้องดังอยู่หลายสิบครั้งจนเงียบหายไป ไอ้คนมากดคงโมโหที่เห็นรองเท้าผม แต่ผมไม่ยอมลุกขึ้นไปเปิด แต่กลับหลับอุตุอยู่ในห้องแหง...

 

“ครับ... ช่วยไขกุญแจห้องให้ทีครับ เพื่อนผมอาจจะไม่สบายตายอยู่ในนั้นก็ได้นะ เปิดสิครับ! บอกให้เปิดก็เปิดเถอะน่า! ถ้ามันด่าให้มันด่าผมเอง เปิดเซ่!!”

 

เสียงแบบนี้ อาการขี้โวยวายจนน่าสงสารแฟนมันในอนาคตของมันคงมีแค่คนเดียว... ไอ้นนท์

 

แกรก...

 

เสียงไขกุญแจห้อง พร้อมเสียงคนวิ่งเข้ามาเปิดประตูผมอย่างดัง

 

“เก้า!”

 

“ไอ้ห่า เบาๆหน่อยก็ได้ ปวดแก้วหูฉิบ” ผมส่งยิ้มอ่อนๆให้ “ขอบคุณและขอโทษนะครับคุณป้าเจ้าของหอ ผมไม่สบายนะครับ”

 

“ไหวมั้ยจ๊ะ?” เธอถาม

 

“สบายมากครับ มีเบ๊มาคอยรับใช้แล้ว ฮ่ะๆ” คุณป้ายิ้มแล้วเดินออกไป

 

“โทร.มาแล้วทำไมไม่รับว่ะ? ไม่สบายแล้วทำไมไม่โทร.หา ไม่สบายมากหรือเปล่า? ไหวมั้ย? ปวดหัวมากเปล่า? ไข้ขึ้นกี่องศา? ไปหาหมอมั้ย? พ่อกูเป็นหมอ ไปหาพ่อกูก็ได้... นอนโรงพยาบาลดีกว่าป่ะ? แบบนี้ต้องให้น้ำเกลือสินะ? แล้ว...”

 

“พอๆ พอก่อนเถอะ พูดซะยาวกูตอบไม่ทัน”

 

“อ่าๆ”

 

“กูปวดหัวนิดหน่อย แต่ที่แย่คือไม่มีแรง แล้วก็ไม่ถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลให้เป็นเรื่องใหญ่”

 

“แต่ว่า...”

 

“พอเหอะน่า กูไม่เป็นอะไรๆ”

 

“พูดได้ขนาดนี้ก็คงพอไหวนั่นแหละ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองงึมงำ “แล้ว...ถามอะไรหน่อยดิ เมื่อวานมึงได้กินข้าวป่ะ?”

 

“เออว่ะ...” ผมเพิ่งคิดได้ “ไม่ได้กินอ่ะ”

 

ผมนึกเรื่องที่ผมลืมออกแล้วครับ ผมลืมกินข้าว ตั้งแต่กินเค้กที่เมซโซ่ก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องผมเลย เพราะผมบอกมันเองว่าเดี๋ยวก็กินของในห้องก็ได้ เลยไม่ได้กินอะไรเลย (เง้อ ผมลืมอ่ะ นี่สินะ เหตุผลที่ทำให้ผมไม่มีแรง)

 

“เฮ้อ~ มึงนี่โคตรเด็กเลยว่ะ” นนท์ถอนหายใจ

 

“ไรว่ะ?”

“ต้องมีคนดูแลตลอด ไม่ไหวๆ โตจนมีเมียได้แล้วนะมึง”

 

“หือ~ ใครจะหล่อเพอร์เฟ็คท์เหมือนมึงกันละครับนนท์”

 

“ประชดอีกๆ” มันส่ายหน้า “มึงมีพวกโจ็กซองป่ะ”

 

“น่าจะมีนะ ในตู้เย็นอ่ะ”

 

“ดูมึง เอาไปไว้ในตู้เย็นแทนตู้กับข้าว... ช่างเถอะ เดี๋ยวกูไปทำมาให้กิน มียาป่ะ?”

 

“ยาหมดอ่ะ”

 

“ไหนว่าไม่มีแรงเดินไปดู?”

 

“ตั้งแต่ครั้งก่อนล่ะ ไม่มียาให้แดก... หายช้า”

 

“เออๆ ดีนะที่มียาอยู่ในเป้”

 

นนท์ส่ายหัวเดินหนีออกไปจากห้องนอน แค่ห้องผม ‘แทบจะ’ ไม่มีอะไรมันต้องโทชมโหขนาดนั้นเลยรึไงกันเล่า! โมโหตลอดเลย!

 

ว่าแต่มันเอาเป้มา? เอามาเพื่อ?

 

รออยู่ไม่นาน กลิ่นหอมก็โชยเข้ามา จริงๆนะคือว่า... ผมเคยกินข้าวที่ไอ้นนท์มันทำให้กิน อยากบอกว่าอร่อยมาก ขนาดผมว่าแม่ผมทำอร่อยแล้ว มันทำอร่อยกว่า มันน่ะ สุดยอดพ่อบ้านชัดๆ อย่าไปห้องมันเชียว มันทำความสะอาดเองตลอด (อันนี้แม่บ้านบ้านมันบอก) มันเป็นคนที่รักความสะอาดมากกว่าสิ่งใดในโลก...(?)!

 

ใครได้มันเป็นแฟนล่ะสบายไปสามชาติ เจ็ดชาติ! (ว่าแล้วก็ประกาศหาแฟนให้มันซะเลย)

 

“เอ้า มีแรงลุกยัง” มันวางข้าว และน้ำไว้ที่โต๊ะหัวเตียงแล้วถามผม

 

“ก็นิดหน่อย”

 

ผมลุกขึ้นมานั่งตัวตรงที่เตียงได้โดยมีมันคอยช่วยพยุง และผมก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้ามันที่เพิ่งเกิดขึ้น

 

“หล่อดีนี่หว่า” ผมชม

 

แว่นสีดำเงินที่ซื้อมาเป็นแว่นสำรองถูกสวมอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลาของมัน ดูดีไม่หยอกใช่มั้ยล่ะเพื่อนผม หึๆฮ่ะฮาๆ

 

“ก็นะ” นั่น... ไม่มีถ่อมตัวซะด้วย “พอดีมันติดมากับเป้อ่ะ ส่วนอีกอันลืมไว้ที่บ้าน”

 

“อ้อ” ผมตอบอย่างเข้าใจ

 

ผมกับมันมองกันไปมา สายตาของมันที่ถือชามข้าวค้างไว้บอกผมว่า ‘กินข้าวเด่ะ อุตส่าห์ทำมาให้แดก’ สายตาของผมก็ตอบกลับไปว่า ‘โทษทีว่ะ มึงก็เห็นว่ากูไม่มีแรงยกมือขึ้นจับช้อนมาแดก... ไม่ได้!’

 

“...” สุดท้ายมันก็ต้องยอมคนป่วยแบบผม

 

ผมอ้าปากรับโจ๊กที่มันทำให้กลืนลงคออย่างแสนสะดวกสบาย ก่อนป้อนก็มีคนเป่าให้เย็น พออยากกินน้ำก็มีคนเอามาให้ดื่มถึงปาก อยากไม่สบายสักสามสี่วัน...

 

บอกได้เลยว่า ‘เป็นคนป่วยนี่สบายชะมัด!’ (ว่ะฮ่ะฮ่ะฮ่า!)

 

“สายตามึงชั่วร้ายมาก”

 

“ว่ะ! เคยมีคนว่าไว้ว่า อย่ารังแกคนป่วย” ผมมองมัน

 

“= =” สายตาแม่งเอือมระอาผมมาก

 

“มีหน้าที่ป้อนก็ป้อนไปป่ะ อุ๊บ! ร้อนนะสัด!”

 

“โทษๆ มีหน้าที่กินก็กินไปป่ะ ฮ่าๆ” นนท์ว่า

 

ผมกินอย่างเงียบๆโดยให้มันป้อนต่อไป พอกินจนหมดมันก็เดินออกไปหยิบยาที่เป้ที่มันลืมหยิบมาพร้อมกัน อยู่คนเดียวแค่ไม่ถึงนาทีก็ทำให้ผมมานั่งคิดได้

 

เมื่อวานผมยังดราม่าอยู่เห็นๆ แต่พอมีมันแล้วผมรู้สึก... สบายใจ?

 

มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับหลายๆครั้งที่ผมไม่เคยรู้ตัว เวลามีมันอยู่ข้างๆผมรู้สึกผ่อนคลาย และ... มีความสุข

 

อาจเป็นเพราะนนท์ไม่เคยถามถึงสาเหตุหลายๆอย่างของผม ทั้งเรื่องที่ผมโมโห ร้องไห้ แกล้งป่วย หรืออะไรหลายๆอย่าง ตั้งแต่ผมกับมันสนิทกัน... จนทำให้ผมมานั่งคิดว่าอะไรที่ทำให้มันดีกับผมได้ขนาดนี้

 

...นนท์เป็น ‘เพื่อน’ ที่ดี... หรืออีกความรู้สึกนึง...?

 

ที่ผมแบคิดอย่างนั้นไม่ใช่เพราะหลงตัวเองหรืออะไร แต่เพราะมันคล้ายๆกับความรู้สึกที่ตัวเองเคยเป็นมาก่อน ตอน... ‘แอบชอบเพื่อน’

 

คงไม่ใช่ผมเนื้อหอมในหมู่พวกผู้ชายแทน... ใช่มั้ย? บ้าเถอะ! คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก!

 

“กินยาๆ” มันบอกผม ผมที่พอมีแรงแล้วก็กินยาด้วยตัวเอง

 

“แต๊งค์ว่ะ” ผมมองมัน “มึงเป็นคนดีเว่อร์เลยว่ะ...”

 

“...” รอยยิ้มค้างปรากฏขึ้นบนหน้าหล่อ “...งั้นเหรอ? กูอาจจะไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คิดก็ได้นะเว้ย...”

 

“ไม่เห็นเป็นอะไร ก็มึงเป็นเพื่อนที่ดีกับกูก็พอแล้ว”

 

“...”

 

“แล้วนี่มึงมาทำไม?”

 

“อ่าฮะ... ตอนแรกว่าจะพาไปเที่ยว แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วว่ะ”

 

“ว่า?”

 

“มาเฝ้าคนป่วยแทนไปเที่ยวดีกว่า ฮ่าๆ”

 

“โห่! ถ้าไม่มีมึงกูคงตายคาห้องไปล่ะ”

 

“ไม่หรอกน่าๆ” นนท์ยกมือโบกปฏิเสธ “มึงไม่ตายหรอก เพราะมึง... อึดกว่าช้างอีก ฮ่าๆๆ”

 

“ไอ้เวรนี่...”

 

ช่วงนี้ ผมเป็นคนอัธยาศัยแย่หรือไงนะ พูดๆไปก็มีแต่คนเงียบๆ พูดต่อประโยคไม่ได้จนกลายเป็นบรรยากาศงี่เง่าเงียบเฉยเลย!

 

“เฮ้อ~ ง่วงว่ะ”

 

“ง่วงก็นอนดิ นอนพื้นนะ เตียงกูไม่กว้าง”

 

“กูนอนได้ล่ะกัน” มันพูด “มึงจะทำร้ายผู้มีพระคุณของมึงโดยการไล่ลงไปนอนด้านล่างรึไง?”

 

“ก็เปล่า”

 

ว่าแล้วมันก็ล้มตัวลงนอนข้างๆผม แล้วมันก็กระเด้งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งออกนอกห้อง ผมได้แต่ถามตัวเองว่ามันเป็นบ้าอะไรของมันเนี่ย?

 

ไม่นานมันก็กลับมาพร้อมถ้วยเล็กๆ มือมันมีผ้าขนหนูถืออยู่ด้วยทำให้ร้องอ้อในใจ

 

“ลืมไปว่ะ พอเห็นเหงื่อมึงแล้วก็นึกออก พ่อกูว่าคนป่วยห้ามอาบน้ำ เดี๋ยวไข้กลับ”

 

“ไข้กลับก็ดีดิว่ะ กลับไปเลยกูจะได้หาย”

 

“ไอ้เวร ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ไอ้บ้า” นนท์ด่าอย่างไม่จริงจัง ว่ะ! เลน่มุกหน่อยก็ไม่ได้ ทำตัวซีเรียสเชียวนะมึง

 

มันเช็ดตัวส่วนที่พ้นออกมาจากเสื้อผ้าให้ ดีที่ผมใส่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ แต่เช็ดไปเช็ดมามันก็โมโหสั่งให้ผมทำต่อเอง... ว่ะ! ไอ้ห่านี่! จะช่วยก็ช่วยให้เสร็จสิว่ะ!

 

ถึงจะแอบบ่นมันในใจ แต่ให้มันช่วยตั้งเยอะแล้ว ผมเลยพยายามเช็ดตัวเองต่อไป ผมเช็ดหลังไม่ถึงแต่ก็พยายามเอื้อมมือไปเช็ด แต่เช็ดไปเช็ดมา ไม่รู้ว่าเป็นช่วงผีเข้าผีออกหรืออย่างไร มันก็คว้าผ้าขนหนูกลับไป แล้วเช็ดหลังผมให้ต่อ

 

... สับสนในตัวเองหรือไงฟ่ะ!

 

“นอน” คำสั่งเดียวสั้นๆง่ายๆได้ใจความของนนท์ทำให้ผมต้องข่มตาหลับโดยเร็ว เหมือนมีแม่มาคอยอยู่ข้างๆเลยแฮะผ้าที่ถูกบิดหมาดแล้ววางโปะบนหัวผม

 

“มึงนี่... เหมือนแม่กูชะมัด”

 

“ช่วยแล้วยังบ่น”

 

“เปล่า กูไม่ได้บ่น... แค่คิดว่ามึงน่ารักดี” ผมมองหน้ามันตรงๆ “ยังไงก็ขอบคุณนะ”

 

“...อือ” มันเบือนหน้าหนีทำให้ผมหัวเราะออกมาในลำคอ

 

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ขอบคุณมากๆ ไม่มีมึง กูคงตายไปแล้ว”

 

“อย่าเว่อร์ๆ”

 

“จริงๆ เหมือนตอนที่มึงคอนทำนู่นทำนี่ให้ไง ไม่มีมึง ช่วยกลางภาคกูคงสอบตกไปล่ะ แถมยังคอยติวให้ทุกปลายภาคด้วย”

 

“อือ...”

 

“ขอบใจนะ”

 

“พอแล้วๆ พูดอย่างกับกำลังจะตายห่านั่นแหละ เดี๋ยววันนี้กูค้างนี่นะ เดี๋ยวโทร.บอกพ่อก่อน”

 

“อือ แต๊งค์”

 

“หลับซะ” มันลูบหัวผมเบาๆ จนทำให้ผมเริ่มคล้อยหลับไป

 

... ถ้าคนที่ผมชอบเป็นมัน ก็คงดีสินะ?

 

 

 

: Talk :

คนอ่าน คนเม้นท์หายเกลี้ยง 555

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา