RAUSANNE แทนใจรักในใจเธอ

9.3

เขียนโดย signorina

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.37 น.

  25 ตอน
  0 วิจารณ์
  25.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 12.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) ซินญอร์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

13

~ ซินญอร์ ~

 

            ฤดูหนาวกำลังผ่านพ้นไป

 

            ขณะที่แอลลิเซ่นกำลังง่วนอยู่กับการช่วยแม่ของเธอประกอบชิ้นส่วนแบบจำลองโครงสร้างภายในของบ้านซึ่งเป็นงานที่แม่เธอทำอยู่ เธอรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่จู่ๆ มีและแมททิวก็พร้อมหน้าพร้อมตากันมาหาเธอเพื่อชวนเธอออกไปเที่ยวด้วยกัน และเมื่อเธอถามถึงรายละเอียดของแผนการเที่ยวครั้งนี้ ทั้งสองก็ทำท่าอึกอัก แล้วโวยวายขึ้นมาให้เธอรีบไปแต่งตัวซะอย่างนั้น

            “ไปเถอะแอลลี่ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ลูกยังไม่ได้ออกไปไหนมาไหนเลยนะ ไปเที่ยวกันตามประสาเพื่อนๆ สนุกดีออก” แอนนาเปิดทาง

            “ใช่ค่ะ น้าแอนนา” มีว่า

            “อืม สนุกแน่” แมททิวสมทบ

            แอลลิเซ่นถอนหายใจ “ก็ได้ งั้นรอฉันขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

            ทั้งสองยิ้มอย่างเบิกบานและพยักหน้าให้เธอ

 

            แอลลิเซ่นขึ้นไปบนห้อง มองตัวเองในกระจกแวบหนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจหันไปหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินลงมาทันที

            ทันทีที่แมททิวเคลื่อนรถออกมา มีก็ต่อว่าเธอเป็นการใหญ่หาว่าเธอแต่งตัวธรรมดาเกินไป แอลลิเซ่นยิ่งสับสนและแปลกใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ แต่แล้วเธอก็ได้รับคำตอบในเวลาต่อมา เมื่อมีสายเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเธอ เธอกดรับสาย

            อืม โรวว์แซน นั่นเอง

            “ไง คุณอยู่ไหนกันแล้ว”

            ปริศนาต่างๆ เริ่มคลี่คลายแล้วตอนนี้ เธอคิด

            “โรวว์… ” แอลลิเซ่นเอ่ยออกมาได้แค่นั้นเพราะจู่ๆ มีก็คว้าโทรศัพท์เธอไปซะก่อน

            “นี่โรวว์แซน นายน่าจะเก็บอาการใจร้อนไว้บ้างก็ดีนะ” มีวีนใส่ แล้วฟังเขาพูดต่อ

            “ใช่ เราใกล้ถึงแล้ว” เธอเอ่ย และหยุดฟังอีกครั้ง

            “โอเค งั้นก็วางสายได้แล้วหละ”

            แล้วมีก็กดวางสายในเวลาต่อมา และส่งโทรศัพท์กลับมาให้เธอ

            “นี่มันอะไรกันนะ มี” แอลลิเซ่นโวยขึ้นมา

            มียิ้มเจื่อนๆ ก่อนตอบ “ก็เมื่อวานนี้นะสิ จู่ๆ โรวว์แซนก็โทรหาแมทแล้วชวนเขาไปขี่ม้าที่คอกม้าคฤหาสน์วินด์เซอร์ แล้วหลังจากนั้น… ”

 

            แอลลิเซ่นขัดขึ้นก่อนที่มีจะพูดจบ

            “...เปล่า ฉันหมายถึงว่าเมื่อหลายวันก่อนเธอยังยืนกรานให้ฉันเลิกคบกับ     โรวว์แซนอยู่ดีๆ แล้วทำไมจู่ๆวันนี้ถึงได้ญาติดีกับเขาขึ้นมาซะหล่ะ”

            มียิ้มเขินๆ

            “ก็ ฉันมาคิดดูแล้วนะ ในเมื่อเขาชอบเธอและเธอก็ชอบเขา ฉันก็ควรจะเห็นดีด้วยสิ ส่วนเรื่องของแคทธริน… มันก็ช่วยไม่ได้นี่”

            “ง่ายๆ อย่างนี้เลยหรอ” แอลลิเซ่นท้วง  “อือฮึ” มียืนยัน

 

            อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ทุกคนก็มาถึงที่บ้านเล็กในอาณาเขตของคฤหาสน์วินด์เซอร์ และเป็นไปตามที่คาดไว้ ทันทีที่รถเคลื่อนเข้ามาในคฤหาสน์แห่งนี้ มีถึงกับพูดไม่ออก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครหยุดยั้งความสามารถในการพูดของเธอได้เลย แต่แล้วเธอก็ต้องเอ่ยออกมาในที่สุด

            “พระเจ้า นี่ฉันคิดว่าคฤหาสน์ใหญ่ที่เราเพิ่งผ่านเข้ามาเมื่อกี้ก็ดูโอ่อ่าอลังการมากแล้วนะ แต่ดูคฤหาสน์หลังนี้สิ ดูอบอุ่น น่าอยู่เหลือเกิน”

            “บ้านเล็ก” แอลลิเซ่นเอ่ยขึ้นมาซะอย่างนั้น

            “หืมม” มีหันมาทำหน้างง

            “ที่นี่เขาเรียกกันว่า บ้านเล็ก” เธอตอบ

            แล้วมีก็อ้าปากหวอ สายตาของเธอกำลังมองไปรอบๆ อย่างพิจารณา

 

            โรวว์แซนยืนรออยู่หน้าบ้านใกล้โรงจอดรถ เมื่อรถจอดสนิท เขาก็เดินมาเปิดประตู แอลลิเซ่นก้าวลงจากรถแล้ว หัวใจของเธอที่สั่นเทาอยู่แล้วก็กลับเต้นระรัวเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อจู่ๆ เขาก็โน้มใบหน้ามาใกล้ๆ แล้วกระซิบอย่างแผ่วเบาที่ข้างแก้มเธอ

            “ยินดีต้อนรับครับ”

            เสี้ยววินาทีนั้น แอลลิเซ่นจำได้ว่าเธอเผลอสูดลมหายใจเข้า รับกลิ่นกายอันหอมกรุ่นจากตัวเขา เป็นกลิ่นหอมจางๆ จากอาฟเตอร์เชฟที่ใช้หลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ

            แล้วก็มีเสียงหนึ่งกระแอมขึ้นมาขัดจังหวะ

            มี นั่นเอง

            แอลลิเซ่นหันหน้าไปตามเสียงนั้น ยิ้มเขินๆ แล้วขยิบตาให้มี

            จากนั้นโรวว์แซนก็เอ่ยชวนทุกคนเข้าบ้าน

 

            มีกับแมททิวกำลังตกลงกันอยู่ว่าพวกเขาจะทำกิจกรรมอะไรก่อนดี ระหว่างการดูหนังฟังเพลงเต้นรำกันที่ห้องข้างบน การว่ายน้ำอาบแดดที่สระขนาดใหญ่กลางแจ้งในสวนหลังบ้าน หรือไปขี่ม้าที่คอกม้าคฤหาสน์วินด์เซอร์ โรวว์แซนจึงใช้โอกาสนี้คว้ามือแอลลิเซ่นได้แล้วพาเธอเดินขึ้นข้างบน เขาบอกกับเธอว่าวันนี้แมคซ์ไปออกรอบพร้อมคุณปู่ เขาเลยคิดแผนการชวนแมททิวกับมีมาที่นี่

            แอลลิเซ่นต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อพบว่า พื้นที่ข้างบนนี้มีการตกแต่งอย่างประณีต บรรดาภาพวาดสีน้ำมันแต่ละรูปที่ติดอยู่บนผนังบ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี แล้วเธอก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ารูปภาพกรอบทองรูปหนึ่ง รูปที่เธอเคยเห็นมาแล้วที่คฤหาสน์วินด์เซอร์

            โรวว์แซนหยุดตาม

            “หืมม” เขาเปล่งเสียงออกมา

            “ในรูปนี้มีคุณคนเดียวที่ต่างไปจากคนอื่น” เธอเอ่ยประโยคคำถามในรูปประโยคบอกเล่า แล้วหันมามองเขา รอฟังคำตอบ

            เขายิ้มมุมปาก “ผมได้รับทุกอย่างมาจากแม่นะ”

            แอลลิเซ่นขมวดคิ้ว แล้วไงหล่ะ เธอคิด

            “มานี่สิ” เขาเอ่ยขึ้น แล้วนำทางเธอเข้าไปในห้องของเขา

 

            แอลลิเซ่นเข้าไปในห้อง เดินตามหลังเขาไปช้าๆ แล้วกวาดสายตามองทั่วห้อง เธอสังเกตว่า ห้องนี้มีการตกแต่งในแบบที่แตกต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิง ข้าวของและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น แลดูหรูหราอลังการ แต่ก็ยังคงความเรียบง่ายตามแบบฉบับของโรวว์แซน

            “แอลล์” เขายื่นบางอย่างมาให้เธอ

            ครู่ต่อมา แอลลิเซ่นก็เข้าใจทุกอย่างในทันที สิ่งที่เธอกำลังถืออยู่ตอนนี้เป็นกรอบรูปไม้ขนาดเล็ก รูปของผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีผมสีบลอนด์ยาวประบ่า ตาสีเขียวอมฟ้าสดใส และรอยยิ้มมุมปากที่เหมือนกับรอยยิ้มของโรวว์แซนราวกับว่าเป็นพิมพ์เดียวกัน แอลลิเซ่นเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่า มีแววบางอย่างแฝงอยู่ในดวงตาสีเขียวอมฟ้าคู่นั้น เป็นแววตาแห่งความโศกเศร้าระทมทุกข์

 

            เพียงเสี้ยววินาที แอลลิเซ่นได้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไปโดยที่ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า เธอขยับตัวจนชิดร่างเขา เขย่งปลายเท้าแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ ประทับริมฝีปากจุมพิตเขาอย่างแผ่วเบา เขาชะงักเล็กน้อยแต่ก็ตอบสนองเธอกลับในทันที มือทั้งสองของเธอสอดเข้าไปสัมผัสบริเวณต้นคอและเรือนผมของเขา เขาใช้ท่อนแขนโอบรัดรอบเอวเธอและรั้งร่างเธอให้แนบชิดกับเขายิ่งขึ้น แอลลิเซ่นคิดว่าตอนนี้เธอคงไม่สามารถผละออกจากร่างของเขาไปได้เลย ทว่าจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงมีตะโกนเรียกชื่อเธอจากชั้นล่าง

            “เฮ้ แอลลี่ ลงมาว่ายน้ำกันเถอะ”

            อืม เยี่ยม !

            ทั้งสองชะงักเล็กน้อย แล้วผละออกจากกันช้าๆ มองตากัน แล้วก็หัวเราะออกมาในที่สุด

            ที่สระว่ายน้ำกลางแจ้ง มีซึ่งอยู่ในชุดว่ายน้ำทูพีซสีเหลืองสดใสกำลังแหวกว่ายอยู่บนผืนน้ำ บางครั้งก็แอบหันมาเล่นหยอกล้อกันกับแมททิว โรวว์แซนกำลังนอนหลับตาเงียบๆ อยู่ที่มุมหนึ่งของสระ ศีรษะของเขาวางหงายอยู่ตรงขอบสระส่วนร่างกายตั้งแต่คอลงไปก็จมอยู่ในน้ำ

            แอลลิเซ่นลุกขึ้นยืน เดินไปที่ขอบสระ ก้มตัวลงหยิบหินสีขาวขึ้นมาสองสามก้อน กำลังมองดูหินเหล่านั้นและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย และแล้วเพียงชั่วพริบตา เธอรู้สึกราวกับว่ามีอะไรบางอย่างมากระแทกเธอจากด้านหลัง เธอแผดเสียงร้องออกมาดังลั่น ก่อนที่ร่างของเธอจะดิ่งลงสู่ผืนน้ำเบื้องหน้า วินาทีต่อมาก็มีใครบางคนดึงร่างเธอขึ้นมาพ้นผิวน้ำ เธอสูดอากาศหายใจเข้าเฮือกใหญ่หนึ่งครั้ง สองครั้ง เมื่อร่างกายและการหายใจกลับเข้ามาสู่สภาวะคงที่แล้ว เธอจึงรู้คำตอบ

            มี นั่นเอง

 

            มีกับแมททิวกำลังแผดเสียงหัวเราะแข่งกันอย่างดุเดือด

            แอลลิเซ่นส่งสายตาอาฆาตกลับไปยังทั้งสอง แล้วจึงตระหนักในเวลาต่อมาว่า ตอนนี้มือของเธอทั้งสองข้างโอบกระหวัดอยู่รอบคอของโรวว์แซน ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากเธอเพียงคืบเดียว รอยยิ้มหวานๆ ระบายอยู่ทั่วใบหน้า แอลลิเซ่นรู้สึกวูบวาบขึ้นมาทันที ร่างกายของเธอสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอดเขา

            “คุณว่ายน้ำเป็นใช่มั้ย” เขาถาม

            แอลลิเซ่นทำหน้างอ แล้วพยักหน้าหงึกๆ เขายิ้มพลางโน้มใบหน้ามากระซิบข้างหูเธอ

            “เดี๋ยวผมค่อยเอาคืนให้นะ”

            คราวนี้เธอพยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง จนเขาขำออกมา

           

            หลังจากจัดการกับอาหารมื้อกลางวันกันเสร็จแล้ว แมททิวก็ชวนทุกคนไปขี่ม้ากันต่อ แต่มียืนกรานที่จะขึ้นไปข้างบนเพื่อฟังเพลงและดูภาพยนตร์กันก่อน และแมททิวก็ต้องว่าตามเธออีกครั้ง ส่วนแอลลิเซ่นหลังจากที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่โรวว์แซนจัดหามาให้แล้ว ทั้งคู่ก็ขอผ่านการดูภาพยนตร์แล้วออกมาเดินเล่นกันที่สวนน้ำพุข้างนอกแทน

            แอลลิเซ่นก้มมองชุดที่เธอสวมอยู่ แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างอดสงสัยไม่ได้

            “คุณไปหาเสื้อผ้าพวกนี้มาจากไหนกัน”

            เขาเลิกคิ้วแปลกใจกับคำถามของเธอ

            “คือฉันหมายถึง มันเป็นเสื้อผ้าผู้หญิงนะ” เธอว่า

            เขายิ้มบางๆ ก่อนตอบ “ก็ แต่ละเดือนจะมีห้องเสื้อจากที่ต่างๆ ส่งแค็ตตาล็อกเสื้อผ้ามาให้เราดู ถ้าเราถูกใจตัวไหนก็แจ้งรหัสสินค้าตัวนั้นไป แล้วเขาก็จะมาส่งให้”

            “คุณพูดว่า เรา หรอ”

            “ใช่ ก็ครอบครัวผมไง”

            เธออ้าปากค้างอยู่หลายวินาที แล้วเขาก็เอ่ยขึ้น

            “เอ่อ คุณไม่ชอบชุดนี้เหรอ คือผมก็พยายามเลือกชุดที่คล้ายกับชุดที่คุณใส่มาที่สุด และร้านนี้ก็อยู่ใกล้ที่สุด เขาจะได้มาส่งทันเวลาที่คุณอาบน้ำเสร็จไง”

            แอลลิเซ่นพยักหน้าแบบงงๆ แล้วก็เปลี่ยนหัวข้อเรื่องใหม่

            “อื้ม วันนั้นคุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ”

            เขาขมวดคิ้ว “ถามว่า”

            “ว่าทำไมถึงเรียกชื่อฉันว่า แอลล์”

            เขาหัวเราะเบาๆ

            “นี่แสดงว่าไม่มีใครเรียกคุณว่า แอลล์ เลยหรือ”

            เธอส่ายหน้า

            ทั้งคู่หยุดยืนอยู่ตรงลานหิน หันหน้าเข้าหากัน แอลลิเซ่นตั้งใจฟังเขาพูด

            “วันแรก บนรถประจำทาง วันที่เกิดความทรงจำดีๆ ระหว่างคุณกับชายผู้สวมสูทผูกไทคนนั้น”

            เขายิ้มขำๆ แล้วเอ่ยต่อ “ตอนที่คุณหยิบเครื่องเล่นเพลงและหูฟังขึ้นมาผมสังเกตเห็นพวงกุญแจเล็กๆ ที่ห้อยอยู่ เป็นรูปตัวแอลล์”

            “อื้มม เข้าใจละ” เธอว่า แล้วยิ้ม

            “แต่ถ้าคุณไม่ชอบผมจะไม่เรียกอีก”

            เธอยักไหล่ “ใครว่าไม่ชอบหล่ะ”

            แล้วเขาก็ยื่นแขนทั้งสองข้างไปโอบรอบเอวเธอพร้อมกับดึงร่างเธอเข้ามาใกล้ขึ้นอีก ก่อนเอ่ยว่า

            “แล้วแบบนี้หล่ะ ชอบมั้ย”

            เขาสบตาเธอ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ เธอหลับตาลง สูดรับกลิ่นหอมที่คุ้นเคยจากลมหายใจของเขา แล้วริมฝีปากอ่อนนุ่มก็ประทับลงมา แต่แล้วแอลลิเซ่นก็เบือนหน้าหนี แล้วเอ่ยว่า

            “เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อน ฉันมีอีกหนึ่งคำถาม”

            โรวว์แซนกลอกตา ส่ายหน้าแล้วขำเบาๆ แขนของเขายังคงโอบรอบเอวเธอ

            “รีบๆ ว่ามาเลย”

            “เกี่ยวกับแคทธริน”

            “อือฮึ”

            “เธอบอกว่าคุณสองคนคบกัน แล้วจู่ๆ คุณก็ทำตัวเหินห่าง แล้วคุณก็มา…”

            เขาต่อให้ “…แล้วผมก็มาชอบคุณ”

            เธอพยักหน้ายิ้มๆ

            เขาพูดต่อ “ใช่ เมื่อก่อนเราสนิทสนมกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ตอนนี้ถึงจะไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกกับเธอเหมือนเดิม เหมือนเพื่อนคนหนึ่ง”

            “และคุณก็ไม่เคยบอกเลิก คุณทำให้เธอสับสน” เธอแนะ

            เขาคลายมือจากการโอบแล้วเปลี่ยนมาประคองใบหน้าของเธอแทน

            “ผมไม่เคยพูดว่าชอบเธอ ผมไม่เคยบอกกับใครๆ ว่าเราคบกัน แล้วผมจะไปบอกเลิกเธอได้ยังไงกัน”

            แอลลิเซ่นนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ยิ้มออกมา

 

            กิจกรรมสุดท้าย เมื่อทุกคนมาถึงยังคอกม้า มีก้าวลงจากรถเป็นคนแรก      อะดรีนาลีนในร่างเธอกำลังสูบฉีด เมื่อโรวว์แซนนั้นได้บรรยายถึงเกียรติประวัติม้าของเขาว่าไม่เคยมีผู้ใดสามารถเอาชนะซินญอร์ได้เลย เมื่อมีได้ยินเช่นนั้น เธอจึงเอ่ยท้าประลองกับเขา และแมททิวก็ยินดีเข้าร่วมการประลองฝีมือในครั้งนี้ด้วย

            “แอลลี่ เธอจะนั่งดูเฉยๆ ไม่ได้นะ ฉันรับปากกับน้าแอนนาไว้แล้วว่าวันนี้จะทำให้เธอสนุกทั้งวัน” มีเอ่ย

            “อ๋อ แน่นอน วันนี้ฉันสนุกมากโดยเฉพาะตอนที่เธอผลักฉันตกน้ำนะ” เธอบ่นเคืองๆ

            มีหัวเราะร่วน แล้วเปลี่ยนมาทำสีหน้าสำนึกผิด

 

            โรวว์แซนเดินอ้อมรถมาโอบเอวแอลลิเซ่นแล้วเดินนำไปยังโรงเก็บม้า ทันทีที่แอลลิเซ่นเดินเข้าไปใกล้ซินญอร์ มันก็เข้ามาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ตัวเธอราวกับคุ้นเคยกันมาก่อน ทำให้โรวว์แซนหัวเราะออกมาอย่างอดขำไม่ได้ แอลลิเซ่นเองก็ประหลาดใจเช่นกัน

            มีกับแมททิวเตรียมพร้อมอยู่บนหลังม้าแล้ว โรวว์แซนกับแอลลิเซ่นเดินออกมาพร้อมซินญอร์ เขาขึ้นไปนั่งบนหลังซินญอร์ แล้วก็ยื่นมือข้างหนึ่งมายังแอลลิเซ่น เธอเบิกตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ แล้วผงะถอยหลังเล็กน้อยพลางส่ายหน้าให้เขา

            เขาจึงเอ่ย “มาเถอะน่า”

            “ไม่ ฉันขอดูอยู่ตรงนี้แหละ”

            เขาหันไปมองมีแวบหนึ่งแล้วหันกลับมา แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างมีแผนการ

            “แอลล์ ผมรู้ดีว่าคราวนี้ซินญอร์จะชนะอีกตามเคย ดังนั้นเพื่อความยุติธรรมคุณก็ขึ้นมานั่งกับผมซะ”

            มีมองหน้าโรวว์แซน ตาเบิกกว้าง แล้วท้วงทันที

            “ชักจะดูถูกกันมากไปแล้วนะโรวว์ เอาเล้ย ฉันละอยากเห็นเหลือเกินตอนที่ม้าของคุณตามหลังฉันมาต้อยๆ ”

            โรวว์แซนยักไหล่ ยิ้มท้าทาย

            “อย่าเอาฉันเข้าไปยุ่งกับภารกิจของพวกเธอเลยนะมี” แอลลิเซ่นวอน

            “โถ่ แอลลี่ ได้โปรดทำเพื่อฉัน” มีทำหน้าอ้อนวอน

            แอลลิเซ่นนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ถอนหายใจยาว แล้วยื่นมือให้โรวว์แซน

 

            ซินญอร์วิ่งควบไปตามทางข้างหน้าอย่างสบายๆ โรวว์แซนรู้สึกได้ถึงร่างที่สั่นสะท้านอยู่แนบกายเขา เส้นผมสีน้ำตาลเข้มของเธอปลิวสยายตามแรงลม เขาซุกหน้าสูดรับกลิ่นหอมจากเรือนผมนั้น แอลลิเซ่นยิ้ม หันมาค้อนใส่เขาวงหนึ่ง แล้วใช้มือรวบผมไปข้างๆ เขาโน้มตัวกระซิบที่ข้างหูเธอ

            “ตัวคุณสั่นเชียว กลัวเหรอ”

            “เปล่า” เธอตอบ

            “ทำไมถึงสั่นอย่างนี้หล่ะ”

            “ทำเป็นรู้ดี” เธอว่า

            “ซินญอร์กระซิบบอก” เขาแหย่บ้าง

            แอลลิเซ่นยิ้ม ส่ายหน้า

            “ไม่ต้องกลัว ผมก็อยู่นี่แล้วไง”

            แล้วเขาก็โน้มตัวเล็กน้อยประทับริมฝีปากลงที่ซอกคอของเธอ ใบหน้าแนบแก้มเธอและกระชับกอดเธอแน่นขึ้น รอยยิ้มกระจายทั่วใบหน้าเธอแล้วตอนนี้

 

            หลายนาทีต่อมา มีกับแมททิวยืนพิงอยู่ที่ประตูรถ แมททิวยืนด้วยท่าทีผ่อนคลาย ส่วนมีนั้นเธอมีสีหน้าขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่เธอเห็นแอลลิเซ่นกับโรวว์แซนเดินเคียงคู่กันมาพร้อมซินญอร์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอถึงกับเอามือท้าวเอว แล้วทำตาเขียวใส่สองคนนั้น เธอโวย

            “นี่ฉันมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ก็ไหนบอกว่าซินญอร์เจ๋งนักไง”

            “อ้าวหรอ สงสัยว่าวันนี้ครูฝึกยังไม่ได้ให้อาหารซินญอร์มั้ง” โรวว์แซนว่า

            มีมองหน้าแอลลิเซ่นแล้วส่ายหน้าเป็นเชิงรู้ทัน

            แอลลิเซ่นยักไหล่ให้เธอ แล้วยิ้ม

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา