RAUSANNE แทนใจรักในใจเธอ

9.3

เขียนโดย signorina

วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.37 น.

  25 ตอน
  0 วิจารณ์
  25.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 12.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) คืนดีกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

16

~ คืนดีกัน ~

 

            นาฬิกาบอกเวลาหกโมงเช้า

 

            แอลลิเซ่นเดินลงมาที่ชั้นล่างแล้ว วันนี้เธอแต่งกายแบบสบายๆ ในหน้าร้อน ด้วยกระโปรงยีนส์ตัวโปรดยาวเหนือเข่าเล็กน้อยแลดูทะมัดทะแมง และเสื้อยืดแขนสั้น        สีน้ำเงินเข้มมีตัวอักษร L สีขาวสกรีนที่ด้านหน้าตัวเสื้อ วันนี้เธอม้วนผมเป็นลอนใหญ่แล้วรวบผมขึ้นเป็นหางม้า

            แอนนากำลังทำสลัดผัก แอลลิเซ่นเดินมาข้างหลังแล้วกระแอมเบาๆ

            “อ้าว วันนี้แต่งตัวเสร็จไวนะลูก รอเดี๋ยวนะ”

            “ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูขอแค่มื้อเล็กๆ เหมือนทุกวัน”

            แล้วเธอก็หยิบพายข้าวโพดขึ้นมาหนึ่งชิ้น กัดไปหนึ่งคำแล้วเอ่ยขึ้นว่า

            “แม่คะ หลายวันก่อนมีใครมาหาหนูบ้างมั้ย”

            “ไม่รู้สิ ก็ไม่เห็นมีนะ ทำไมเหรอ”

            “เปล่าค่ะ แค่ถามดู”

 

            เธอกัดพายข้าวโพดคำสุดท้ายแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำผักผสมผลไม้ใส่แก้ว ปิดตู้เย็นแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแอนนา ก่อนเอ่ยขึ้นว่า

 

            “แม่คะ วันนี้หนูดูเป็นยังไง”

            แอนนาหันมามองหน้าลูกสาวด้วยสีหน้าประหลาดใจ

            แอลลิเซ่นถามซ้ำ พร้อมทำท่าผายมือ

            “ว่าไงคะ”

            “ลูกก็ดู… เป็นลูกเหมือนเดิม”

            แอลลิเซ่นหัวเราะเบาๆ แล้วยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะกล่าวลามารดา

            “โอเค พอแล้วสำหรับมื้อเล็กๆ งั้นหนูไปนะคะแม่”

            แอนนายังคงมีสีหน้าประหลาดใจอยู่นั่นเอง

            “จ้ะ นั่งรถดีๆ นะ”

 

            แอลลิเซ่นเดินออกมาถึงป้ายรอรถประจำทาง พอดีกับที่รถแล่นมาจอดตรงหน้า เธอก้าวขึ้นไปบนรถ และก็เหมือนทุกครั้ง เธอหันไปมองที่นั่งประจำของโรวว์แซนกับแมคซ์ อืม ไม่ปรากฏร่างทั้งสองอยู่ตรงนั้นเลย แล้วแอลลิเซ่นก็เปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน เธอก้าวลงจากรถทันทีที่รถจอดป้ายถัดมา

 

            เธอวิ่งกลับมาที่บ้านอย่างเร่งรีบ เดินตรงขึ้นไปบนห้อง แล้วนำกรอบรูปขนาดใหญ่มาวางลงบนเตียง เธอเดินไปยังกล่องเก็บของแล้วคว้าเอากระดาษแผ่นใหญ่ขึ้นมา บรรจงห่อกรอบรูปจนเสร็จ แล้วถือลงมาข้างล่างอย่างทุลักทุเล แอนนากับแคทธรินกำลังทานอาหารเช้ากันอยู่ แอลลิเซ่นเดินออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่ทั้งสองคนจะทันได้เอ่ยคำถามใดๆ

 

            แมคซ์เดินตรงมาที่บ้านเล็กอย่างรีบร้อน เมื่อเข้ามาในห้องนอนของโรวว์แซน พบว่า เขากำลังนอนหลับอยู่ แมคซ์จึงเคาะประตูสองสามครั้ง เขาลืมตาขึ้นหันมามองแมคซ์แล้วพึมพำ

            “นายมีอะไรแต่เช้า ถ้าไม่ด่วนก็เชิญออกไปได้เลย”

            แมคซ์เดินมาที่เตียงแล้วดึงผ้านวมผืนหนาออกจากร่างเขา พร้อมหัวเราะอย่างชอบใจ

            “แอลลี่คงชอบใจถ้าได้มาเห็นนายในสภาพเปลือยท่อนบนโชว์ผิวขาวๆ เนียนๆ แบบนี้ ฮ่าๆๆ”

            โรวว์แซนพลิกตัวบนเตียง ใช้มือลูบใบหน้า แล้วเอ่ยต่ออย่างงัวเงีย

            “เธอไม่มาหรอก”

            “ฉันจะไม่ถามนะว่านายเป็นบ้าอะไรของนาย เอาเป็นว่าเมื่อคืนนี้ฉันแกล้งบอกเธอไปว่านายป่วยนิดหน่อย แล้วบ่ายนี้เธอไม่มีเรียน เธอบอกจะแวะมา รับมือให้ดีนะพวก” แมคซ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วหันหลังเดินออกไป

 

            โรวว์แซนลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักข้างเตียง แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นกระดาษสีเขียวแผ่นเล็กที่มีข้อความว่า ขอบคุณที่ช่วยฉันเมื่อวานนี้

            เขาทำธุระในห้องน้ำเสร็จก็เดินลงมาข้างล่าง หวังว่าจะนอนเล่นอยู่บนโซฟาสักครู่แล้วค่อยกลับขึ้นไปนอนข้างบนในช่วงบ่าย เพื่อแสดงบทบาทคนป่วยตบตา  แอลลิเซ่น เขาหย่อนกายลงบนโซฟา แล้วเอื้อมมือไปหยิบรีโมทโทรทัศน์ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินมา เขาชะโงกศีรษะขึ้นมองข้ามพนักโซฟาแล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อพบว่าเป็นแอลลิเซ่นที่กำลังเปิดประตูเข้ามา เขาจึงรีบมุดหลบลงไปที่พื้นใต้โซฟา

 

            แอลลิเซ่นเปิดประตูบ้านเล็กแล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อพบว่าประตูไม่ได้ล็อคไว้ แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าคงเป็นแมคซ์ที่มาเปิดประตูไว้ให้ แล้วเธอก็ยกกรอบรูปขึ้นมาประคองไว้ เธอนิ่วหน้าเล็กน้อยกับน้ำหนักของมัน แล้วเดินโซเซเข้าไปข้างในช้าๆ เพื่อไม่ให้เดินชนอะไรระหว่างทาง

 

            โรวว์แซนแอบมองเธอเดินเข้ามา กำลังแบกอะไรบางอย่างด้วยท่าทางทุลักทุเล เขาพยายามกลั้นขำไว้ แล้วมองเธอเดินต่อไปจนถึงขั้นบันได เขาแน่ใจว่าตอนนี้เธอคงไม่สามารถหันหลังมาได้ เขาจึงลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆย่องเบาๆ หวังจะเดินตามหลังเธอ

 

            แอลลิเซ่นก้าวขึ้นบันไดขั้นที่สามแล้ว มีเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากของเธอ เธอนึกอยากจะวางกรอบรูปลงสักครู่หนึ่งแล้วค่อยยกขึ้นมาใหม่ แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะเกรงว่าถ้าวางมันลงแล้วจะยกไม่ขึ้นอีก เลยตัดสินใจก้าวขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ทีละขั้น ทีละขั้น… จนกระทั่งเมื่อถึงบันไดขั้นที่ห้า แอลลิเซ่นก้าวเท้าพลาดไป แล้วร่างของเธอก็เริ่มเซไปข้างหลัง น้ำหนักของวัตถุที่ถืออยู่ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เธอกำลังจะตกบันไดแต่มือทั้งสองข้างยังจับกรอบรูปไว้แน่น เธอแผดเสียงร้องตามสัญชาตญาณ แล้วทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างจากข้างหลังมาประชิดตัวเธอ แล้วทุกอย่างก็ล้มลงไปกองที่พื้น มีเสียงดัง ตุ้บ และ โอ้ย ตามมาแต่… ไม่ใช่เสียงของเธอ         

    

            แอลลิเซ่นใช้เวลาสำรวจสถานการณ์โดยรอบไม่กี่วินาที แล้วจึงตระหนักว่ามีร่างของใครบางคนอยู่ข้างใต้ตัวเธอ เธอค่อยๆ ยกกรอบรูปลงวางข้างๆ และพยายามจะลุกขึ้นแต่ใครคนนั้นก็รัดร่างเธอแน่นขึ้น แล้วก็มีเสียงเปล่งออกมา

            “โอ้ย อย่าดิ้นสิ แอลล์”

            แอลลิเซ่นกลอกตาไปมา อืม โรวว์แซนนั่นเอง

            “โรวว์ !!”

            “หืม”

            “ปล่อยฉันได้แล้ว”

            โรวว์แซนยิ้ม “เดี๋ยวสิ”

            “นี่ ฉันอึดอัดแล้วนะ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”

 

            โรวว์แซนค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง และยังไม่ปล่อยแขนที่โอบรอบตัวแอลลิเซ่น ตอนนี้แอลลิเซ่นเลยนั่งอยู่บนตักของเขา เธอถอนหายใจแล้วเอียงหน้ามามองเขา ปรากฏว่าใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ใกล้กันแค่คืบเดียว         โรวว์แซนยิ้มมุมปากเช่นเคย เป็นแบบที่ทำให้ใบหน้าของเธอรู้สึกอุ่นขึ้นมาเหมือนทุกครั้ง และเป็นแบบที่เขาเองก็รู้ว่าเธอไม่มีทางต้านรับไหว แล้วโรวว์แซนก็พูดขึ้น

            “เจ็บตรงไหนรึเปล่า ดูคุณสิ เหงื่อเต็มหน้าเลยนะ”

            แอลลิเซ่นยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วหันมาเอ่ยบ้าง

            “ฉันต่างหากหล่ะที่ต้องถามคุณว่าเจ็บตรงไหน คุณเป็นคนป่วยและก็เป็นฝ่ายที่ลงมากระแทกพื้นนะ”

            โรวว์แซนยิ้มกว้างขึ้น แล้วก็ขำออกมา พร้อมพูดต่อ

            “ผมไม่ได้ป่วยอะไรทั้งนั้น แมคซ์มันแกล้งคุณนะ”

            แอลลิเซ่นกลอกตาอีกครั้ง เขาพูดต่อ

            “ส่วนเรื่องที่กระแทกกับพื้นนี่ก็ต้องเจ็บอยู่แล้วหละ แต่โชคดีที่ผมเป็นนักกีฬา แค่นี้ถือว่าเล็กน้อย”

            แอลลิเซ่นยังคงหน้างอ ไม่สบอารมณ์

            โรวว์แซนดึงที่มัดผมของเธอออก ปล่อยผมสยาย แล้วเขาก็หลับตาพริ้มสูดกลิ่นหอมจากเรือนผมเธอ

            “โอเค ตอนนี้หายเจ็บแล้วหละ”

            แล้วเขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมๆ กับพยุงร่างแอลลิเซ่นให้ลุกขึ้นตาม ทันทีที่ลุกขึ้นได้แอลลิเซ่นก็เดินอ้อมตัวเขาไป เขาหันไปคว้าแขนของเธอได้

            “นี่คุณจะไปไหน”

            “ไปโรงเรียนสิ คุณไม่ได้ป่วยและฉันก็แค่จะเอารูปมาคืนคุณ อ้อ รูปของคุณได้รางวัลที่หนึ่ง ไปรับรางวัลได้ที่นายอำเภอนะ”

            โรวว์แซนหันหน้าก้มมองรูปที่วางอยู่บนพื้น เขายิ้มแล้วหันหลับมาพูดต่อ

            “นั่นเป็นรูปของคุณต่างหาก”

            แอลลิเซ่นพูดขณะที่สายตามองไปทางอื่น

            “ฉันไม่เห็นอยากได้รูปนี้เลยนี่”

            โรวว์แซนเป็นฝ่ายกลอกตาไปมาบ้าง

            “แล้วคุณอยากได้รูปไหนกันหล่ะ ใช่รูปที่ถ่ายกับเพื่อนคนสนิทที่เป็นลูกชายของนายอำเภอรึเปล่า ว่างๆก็เอามาให้ผมดูบ้าง ผมเองก็อยากรู้ว่าคุณชอบแบบไหนกัน”

             แอลลิเซ่นขมวดคิ้วลึกกว่าเดิม แล้วโวยบ้าง

 

            “ฉันไม่มีรูปที่ถ่ายกับริคเลยสักรูป แต่ถ้าคุณหมายถึงรูปที่ฉันถ่ายกับหนูน้อย แอ๊บบี้ละก็ ไว้เมื่อไหร่ที่คุณไปรับรางวัลที่บ้านนายอำเภอ คุณก็ขอเขาดูเอาเองสิ”

            แอลลิเซ่นพยายามแกะมือของเขาออกจากแขนเธอ

            โรวว์แซนหยุดคิดนิดหนึ่งแล้วท้วงต่อ

            “เป็นไปได้ยังไง ก็เห็นๆ อยู่ว่าคุณกับเขาสนิทสนมกันแค่ไหน”

            แอลลิเซ่นไม่เข้าใจและสับสนมากขึ้นกับคำพูดที่แสนจะกำกวมของเขา

 

            “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณพูดถึงอะไร แต่ก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าคุณปล่อยฉันไปได้แล้วหละ เพราะแขนของฉันตอนนี้มันเริ่มเจ็บจริงๆ แล้วหละนะ”

            โรวว์แซนชะงักแล้วก็ปล่อยมือของเขาออกจากแขนของเธอ และแอลลิเซ่นก็ผละเดินออกไปอย่างรวดเร็ว โรวว์แซนเดินตามเธอมาติดๆ ขณะที่พยายามยื่นมือออกไปจะคว้าตัวเธออีกครั้ง เขาก็รู้สึกถึงแรงตึงที่ข้างหลังท่อนแขน และเปล่งเสียงออกมาโดยสัญชาตญาณ

            “อ้าาา โอ้ยย”

 

            แอลลิเซ่นหันหลังกลับมาเห็นเขาก้มๆ มองและกำลังใช้มือกุมข้อศอกของตัวเองอยู่ เธอเห็นเลือดไหลหยดลงมาตรงข้อศอกของเขา เลยเดินพรวดเข้ามาหาเขา แล้วเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ

            “ไหนบอกไม่เจ็บไง”

            โรวว์แซนยักไหล่ และยิ้มเจื่อนๆ ให้

 

            อีกครู่ต่อมา ขณะที่แอลลิเซ่นกำลังทำแผลให้เขาอยู่นั้น เขามองดูเธอใกล้ๆ แล้วทบทวนสิ่งต่างๆ ในใจ หลายวันที่ผ่านมาเขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคิดถึงเธอมากเพียงใด เขาคิดถึงกลิ่นหอมหวานจากเส้นผมของเธอ คิดถึงรอยยิ้มที่สดใส คิดถึงเสียงหัวเราะที่กลั่นออกมาจากใจ ระยะเวลาที่ต้องห่างจากตัวเธอ นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้ลืมเธอได้บ้างแล้ว ตรงกันข้ามกลับทำให้เขาคิดถึงเธอมากขึ้นกว่าเดิม แล้วเขาก็ตัดสินใจพูดขึ้น

 

            “โอเค ผมผิดเอง ผมไม่ควรโกรธที่คุณจะไปคบหากับคนอื่นบ้าง เพราะผมเองที่ไม่ทำอะไรให้มันชัดเจนกว่านี้…”

            แล้วแอลลิเซ่นก็ขัดขึ้นมากลางอากาศ

            “…อะไรนะ คุณเนี่ยนะโกรธฉัน คุณมีสิทธิ์อะไรกัน ฉันต่างหากที่ต้องโกรธคุณ ฉันฝากข้อความไว้แต่ก็ไม่เห็นคุณจะติดต่อกลับมา อ้อ แล้วไอ้เรื่องที่ไปหาฉันที่บ้านแต่ไม่คิดจะบอกฉันสักคำ แต่กลายเป็นว่าแฟนเก่าของคุณต้องเป็นคนมาบอกฉันทำให้ฉันเสียหน้า แล้วทีนี้คุณมีสิทธิ์อะไรจะมาโกรธฉัน”

 

            เมื่อแอลลิเซ่นพูดจบเธอก็ทำแผลให้เขาเสร็จพอดี เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วคว้ากล่องใส่อุปกรณ์ทำแผล เดินไปเก็บยังที่เดิม โรวว์แซนเดินตามมาติดๆ และยังคงพูดไม่หยุด

 

            “โอเค ข้อหนึ่งผมก็ไม่มีสิทธิ์จริงๆ นั่นแหละเพราะเรายังไม่เคยตกลงคบกันอย่างเป็นทางการ แต่ผมก็ยังรู้สึกโกรธอยู่ดีเมื่อนึกถึงภาพที่คุณหัวเราะกันสนุกสนานขณะที่เกาะอยู่บนหลังของ… คนอื่นที่ไม่ใช่ผม และข้อสอง แคทธรินเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง ไม่ใช่แฟนเก่าอะไรทั้งนั้น”

 

            แล้วแอลลิเซ่นก็หยุดเดินกะทันหัน ทำให้โรวว์แซนที่เดินตามหลังมาติดๆ ชนเข้าอย่างจัง และรีบถอยหลังกลับทันที แอลลิเซ่นหัวเราะร่ากับท่าทางของเขา

            และตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้ว

 

            “โอเค ฉันจะพูดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ข้อหนึ่ง ฉันเคยจูบคุณก่อนด้วยซ้ำ แต่เมื่อครู่คุณกลับบอกว่าเรายังไม่ได้ตกลงคบกันอย่างเป็นทางการเลย ก็ได้ แล้วแต่คุณจะคิดเถอะ ข้อสอง ฉันกับริคเป็นแค่เพื่อนกันและฉันเองก็ไม่เคยคิดจะจูบคนที่ฉันเรียกว่าเพื่อนแน่ๆ …จบ”

            แล้วแอลลิเซ่นก็หันหลังเดินตรงไปยังประตู โรวว์แซนใช้เวลาประมวลผลข้อมูลอยู่ชั่วอึดใจ เขายิ้มออกมา แล้ววิ่งพรวดไปขวางแอลลิเซ่นที่ประตูบ้าน เธอถอนหายใจแล้วส่ายศีรษะเบาๆ

 

            “นี่ ฉันจะไปเรียน ไม่มีเวลามานั่งอธิบายอะไรให้ใครฟังทั้งวันหรอกนะ ใครอยากจะงี่เง่าก็เชิญตามสบาย”

            โรวว์แซนยิ้ม ยิ้ม และก็ยิ้มอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งสังเกตเห็นว่าแอลลิเซ่นหน้าแดงขึ้นมาเหมือนทุกครั้ง เธอพยายามเบี่ยงสายตาไปทางอื่น

 

            “ผมรู้ว่าวันนี้คุณไม่มีเรียนบ่าย”

            “งั้นฉันจะกลับบ้าน”

            “โอเค ผมเป็นคนงี่เง่า”

            “ที่สุด” เธอเพิ่มให้

            “อืม ผมเป็นคนงี่เง่าที่สุดก็ได้ ขอร้องหละ อย่าเพิ่งกลับเลย”

 

            แอลลิเซ่นถอนหายใจ แต่ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ขยับเขยื้อน แล้วโรวว์แซนก็ยิ้มเจ้าเล่ห์มีแผนการในใจ เขาค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้เธอจนเกือบชิดกันแล้วจึงใช้มือสองข้างรวบผมเธอขึ้นอย่างเบามือ เธอแหงนหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ เพียงเสี้ยววินาทีก็มีริมฝีปากอันนุ่มละมุนประทับลงมา เธอหลับตาพริ้มสนองตอบจุมพิตนั้นทันทีและสูดลมหายใจเข้าช้าๆ รับกลิ่นหอมรวยรินจากลมหายใจของเขา เธอเบียดกายเข้าไปแนบชิดเขามากขึ้นจนรู้สึกร้อนไปทั่วทั้งร่าง ทั้งคู่ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปยังโซฟาที่อยู่ทางซ้ายมือ เขาใช้มือขวาโอบรับน้ำหนักร่างเธอตอนทิ้งตัวลงบนโซฟา แอลลิเซ่นกอดกระชับร่างเขาแน่นขึ้น ลมหายใจเธอเริ่มผิดจังหวะ เขาสอดมือเข้าไปพันม้วนเส้นผมของเธอเล่นและบรรจงจูบเธออย่างหนักหน่วง แอลลิเซ่นรู้สึกหัวหมุน ตาลาย สติเริ่มกระเจิง หัวใจเต้นถี่ระรัวมากขึ้น แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น แอลลิเซ่นชะงักพลันนึกขึ้นได้ว่าเป็นโทรศัพท์ของเธอ

            เธอผละจากจุมพิตนั้น แล้วหอบเฮือกหาอากาศหายใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ส่ายศีรษะแล้วหัวเราะออกมาชุดใหญ่ก่อนจะเอ่ยขึ้น

 

            “มีโทรมา” แล้วเธอก็รับสาย

            “ฮัลโหล ว่าไงมี”

            โรวว์แซนยังคงนอนแนบชิดทับร่างเธอ เขาถอนหายใจยาว แล้วส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้ แต่แล้วก็มีแผนการบางอย่างขึ้นมาในใจ

            “ฉันอยู่บ้านนะมี วันนี้รู้สึกไม่ค่อยดี เลยหยุดเรียนสักหนึ่งวันนะ”

            แล้วเขาก็ก้มหน้าก้มตาพรมจูบแอลลิเซ่นตรงซอกคอใต้ใบหูจรดคางวนไปมาซ้ายทีขวาที ทำให้แอลลิเซ่นหัวเราะด้วยความจั๊กจี้

            “ฮ่าๆ นี่หยุดนะ… เอ่อ เปล่านะมี ไม่ใช่ๆ คือฉันไม่ได้หมายถึงเธอ ฮ่าๆ นี่หยุดเดี๋ยวนี้นะ โอเค มี แค่นี้ก่อนนะ แล้วฉันจะ… โอ้ย ฉันค่อยโทรกลับนะ”

            แล้วเธอก็กดวางสาย โรวว์แซนหยุดจ้องตาเธอเขม็ง แล้วทั้งคู่ก็ระเบิดหัวเราะออกมา

 

            หลังจากทานอาหารเที่ยงฝีมือของโรวว์แซนแล้ว ทั้งคู่ก็ออกมานั่งเล่นที่ริมสระ โดยนั่งกันคนละมุม แอลลิเซ่นเอ่ยถามขึ้นก่อนว่า

            “วันนี้ทำไมถึงไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยหล่ะโรวว์”

            โรวว์แซนยิ้มขณะที่กำลังปาก้อนหินเล่น “ฝีมือแมคซ์นะสิ”

            “แมคซ์ทำไมเหรอ”

            เขาหันมาตอบเธอ “แมคซ์นึกว่าคุณจะมาที่นี่ตอนบ่ายเขาก็เลยเข้ามาปลุกผมแต่เช้าก่อนไปเรียน แล้วก็คงจะกำชับพวกแม่บ้านให้ไปอยู่ที่อื่นกันเพื่อให้คุณกับผมได้อยู่กันตามลำพังไงหล่ะ”

            แอลลิเซ่นอ้าปากค้างอยู่ครึ่งวินาที แล้วหุบลงตามเดิม แล้วเอ่ยต่อ

            “อาหารกลางวันอร่อยมาก ฉันเลยมีหนึ่งคำถาม”

            “อือฮึ”

            “มีอะไรบ้างที่คุณทำไม่เป็น”

            เขาหันมา ทำหน้าแปลกใจ “หืมม”

            “ก็เท่าที่ฉันเห็น คุณดูเก่งไปหมดทุกอย่างเลยนี่” เธอเลิกคิ้วขึ้น

            เขายิ้ม “เอ่อ ผมก็มีนะ เรื่องที่ทำไม่ได้”

            “เช่นอะไรบ้าง”

            เขาหยุดคิดนิดหนึ่ง “ก็เช่น กีฬาบางอย่าง”

            “เจาะจงมาเลย”

            “เอ่อ ระบำใต้น้ำมั้ง”

            แอลลิเซ่นถอนหายใจ “ฉันจริงจังนะ”

            “โอเคๆ งั้น… ก็มีอยู่อย่างหนึ่งที่คุณทำได้แต่ผมทำไม่ได้”

            เธอยิ้ม “อะไร”

            “เขียนหนังสือด้วยมือซ้าย”

            แอลลิเซ่นขมวดคิ้วแล้วกระพริบตาถี่ๆ แสดงความงุนงง

            “ก็คุณเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายได้ แต่ผมเขียนไม่ได้เพราะปกติผมจะเขียนด้วยมือขวา” เขายิ้ม

            “คุณรู้ได้ยังไงกันว่าฉันเขียนหนังสือด้วยมือข้างซ้าย คุณไม่เคยเห็นนี่”

 

            โรวว์แซนยิ้ม ลุกขึ้นเดินไปหาเธอ แล้วยื่นมือดึงร่างเธอให้ลุกขึ้น เขาโอบเอวเธอแล้วพากันเดินขึ้นข้างบน เมื่อเขาเปิดประตูห้อง เธอกลับหยุดนิ่งอยู่ที่ประตู เอียงศีรษะเล็กน้อย ยิ้มบางๆ แล้วจ้องมองเขาเป็นเชิงคำถาม

            เขาส่ายหน้าช้าๆ แทนคำตอบว่า ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด

            “มาเถอะน่า ผมกำลังจะตอบคำถามคุณไง”

            แอลลิเซ่นปิดประตูแล้วเดินมาหาเขา เธอนั่งลงที่เตียงขณะที่เขาเปิดลิ้นชักแล้วหยิบกระดาษสีเขียวใบเล็กๆ แผ่นนั้นขึ้นมา เธอจำมันได้ทันที

            “นี่คุณเก็บไว้ด้วยหรอ”

            เขาขยิบตาขวาให้เธอหนึ่งที เธอยิ้ม

            “แล้วยังไง คำตอบอยู่ที่ไหนหล่ะ”

            โรวว์แซนหย่อนกายลงนั่งข้างๆ เธอ “ผมให้เวลาคุณคิดคำตอบเองก่อน”

            “นี่ คุณไม่รู้จริงๆ ก็ยอมรับมา ใครบอกคุณกัน มีหรอ”

            เขากลอกตาไปมา แล้วเอนหลังทิ้งตัวลงนอน

            “แค่สังเกตดีๆ คำตอบอยู่บนกระดาษนั่นแหละ”

            แอลลิเซ่นจ้องมองตัวอักษร แล้วพลิกกระดาษไปมา เริ่มหงุดหงิด

            “โอ้ย ช่างมันเถอะ ไม่อยากรู้แล้ว” เธอวางกระดาษลงในลิ้นชักตามเดิม

            โรวว์แซนถอนหายใจ แล้วยิ้ม

            “ผมรู้ว่าคุณเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายเพราะว่าบนกระดาษเต็มไปด้วยรอยเลอะจากหมึกปากกา เวลาที่คุณเขียนไปเรื่อยๆ มือของคุณก็จะทับตัวอักษรที่คุณเพิ่งเขียนไป ทำให้เกิดรอยเลอะไง”

            แอลลิเซ่นเอื้อมมือไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง แล้วก็เป็นอย่างที่  โรวว์แซนว่าไว้

 

            เธอหันมายิ้มกว้างให้เขา เขาแสร้งทำเป็นหลับตา แต่เมื่อเธอหันกลับไป เขาจึงส่งยิ้มหวานให้เธอ แล้วก็ลุกพรวดขึ้นจากเตียง เดินตรงออกจากห้องไป แอลลิเซ่นลุกขึ้นเดินสำรวจรอบๆ ห้องเขายังไม่ทันไร เขาเดินกลับมา แล้วเอ่ย

 

            “แอลล์ มานี่ ไปสนามม้ากัน”

            แอลลิเซ่นส่ายหน้า แล้วท้วงขึ้น

            “วันนี้ฉันไม่อยากไปสนามม้า ขออยู่สำรวจห้องคุณดีกว่า จะสำรวจทุกซอกทุกมุมเลย” เธอยักคิ้วให้

            เขาถอนหายใจ เดินตรงมาหาเธอแล้วฉวยมือเธอลากออกไปจากห้อง

            “จริงๆ นะ วันนี้ฉันไม่อยากไปจริงๆ อยากสำรวจห้องคุณมากกว่า”

            “ห้องผมคุณมาสำรวจเมื่อไหร่ก็ได้ แต่วันนี้ผมมีอะไรจะให้คุณดู”

            พวกเขาทั้งคู่เดินมาถึงโรงรถ โรวว์แซนเปิดประตูให้แอลลิเซ่นพร้อมกล่าว

            “เชิญครับ คุณซอว์เยอร์”

            เธอขำเบาๆ ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่ง แล้วหันมาเอ่ยบ้าง

            “ขอบคุณค่ะ คุณวินด์เซอร์”

            เขายิ้มรับพร้อมก้มลงจุมพิตเร็วๆ ที่แก้มเธอหนึ่งที แล้วเดินอ้อมมายังฝั่งคนขับ แอลลิเซ่นรู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังสูบฉีดใต้ผิวหนังบริเวณที่เขาจุมพิตเมื่อครู่ เธอยิ้ม

 

            ครู่ต่อมา พวกเขาก็มาถึงสนามม้า คราวนี้แอลลิเซ่นรีบก้าวลงจากรถโดยไม่รอให้เขามาเปิดประตูให้ เขาหันมาค้อนใส่เธอวงหนึ่ง เธอยิ้ม

            “คราวนี้จะแอบถ่ายรูปฉันตอนไหนก็บอกกันสักคำ ฉันจะได้ประเมินราคาถูก”

            โรวว์แซนขำเบาๆ

            “อะไรกัน ผมนึกว่าคุณรู้ตัวแล้วเสียอีก ที่นี่เราจะมีช่างภาพประจำอยู่สามตำแหน่งในสนาม คอยบริการถ่ายภาพให้กับแขกที่มาเที่ยว เผื่อว่าพวกเขาต้องการภาพที่ระลึกกลับไปชมกัน”

            “ก็คุณไม่เคยบอกฉันนี่”

            เขาเดินอ้อมมาหาเธอ แล้วโอบไหล่เธอ พร้อมทำท่าชี้ไปยังจุดต่างๆ   

            “โอเค เห็นมั้ย ตรงนั้นเป็นจุดที่หนึ่ง ตรงโน้นจุดที่สอง และตรงนี้ข้างหลังเรานี่แหละที่เป็นจุดที่ผมได้ภาพๆ นั้น คุณกับซินญอร์ไง”

            แอลลิเซ่นพยักหน้าหงึกๆ แล้วเอ่ยต่อ

            “เขาถ่ายทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกอิริยาบถของคนเลยหรือไง”

            “เปล่า เฉพาะวินด์เซอร์เท่านั้นที่เขาจะต้องถ่ายทุกอิริยาบถเก็บไว้ ส่วนคนอื่นๆ ต้องมาลงชื่อไว้ว่าต้องการให้เขาถ่าย เขาจึงจะถ่ายให้”

            “แต่วันนั้นฉันไม่ได้ลงชื่อไว้ซะหน่อย” เธอท้วง

            เขาใช้นิ้วชี้แตะจมูกเธออย่างแผ่วเบา แล้วเอ่ย “คุณไม่จำเป็นต้องลงชื่ออยู่แล้ว ผมไปบอกเขาเองว่าให้ถ่ายทุกอิริยาบถของแฟนสาวคนสวย ถ้าเขาพลาดอิริยาบถไหนขึ้นมาละก็ น่าดู”

            แอลลิเซ่นสะกดใจไม่กลอกตาให้กับคำว่า แฟนสาวคนสวย

            “เอาละ ไปกันได้แล้ว ผมอยากให้คุณได้ดูอะไรบางอย่าง”

            เธอยักไหล่ แล้วเดินตามเขาไปยังโรงเก็บม้า

 

            เมื่อเข้าไปข้างในแล้ว แอลลิเซ่นเดินมาทักทายเจ้าซินญอร์ด้วยความสนิทสนม แล้วโรวว์แซนก็นำผ้าสีดำมาผูกตาเธอไว้ แอลลิเซ่นถอนหายใจแต่ก็เล่นไปตามเกมส์ที่เขาวางไว้ เกมส์จะได้จบไวๆ เธอคิด

            เวลาผ่านไปห้านาที

            “โรวว์” เธอเรียก

            เงียบ

            “โรวว์ คุณอยู่ไหนนะ”

            เงียบสงัด

            “ฉันว่าเกมส์ของคุณมันหมดสนุกแล้วนะ”

            “มาแล้วๆ ใจเย็นๆ สิ” เขาเอ่ยขึ้น แล้วเดินมายืนอ้อยอิ่งอยู่ข้างหลังเธอ จับมือเธอทั้งสองข้างให้ยื่นออกไปข้างหน้า

            “ทำอะไรเนี่ย” เธอท้วง

            “ชู่วว”

            แล้วมือของเธอก็สัมผัสกับอะไรบางอย่างที่ เป็นขน นุ่ม ลื่น เธอค่อยๆ ลูบไปตามเรือนร่างของสิ่งนั้น แล้วก็ยิ้มออกมา

            “ม้า ใช่มั้ยหล่ะ”

 

            โรวว์แซนยิ้มกว้างแล้วโน้มตัวลงจุมพิตที่แก้มเธอเบาๆ แล้วดึงผ้าปิดตาออก ทันทีที่แอลลิเซ่นลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้าแทบจะทำให้เธอหยุดหายใจได้เลย เธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าซินญอร์เป็นม้าที่งามที่สุดที่เธอเคยพบเห็น แต่ตอนนี้ม้าตัวนี้ที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอหลงรักมันทันที ด้วยร่างที่ดูผอมบางกว่าซินญอร์เล็กน้อยแต่สง่างามกว่ามาก ดวงตาของมันมีสีน้ำตาลอ่อนแลดูอบอุ่น และมีขนที่สละสลวยเงางามทั้งตัวเป็นสีน้ำตาลแดง แอลลิเซ่นยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น โรวว์แซนโน้มตัวมากระซิบข้างหูเธอ

 

            “เธอเป็นของคุณ”

            แอลลิเซ่นหันขวับมาหาเขาทันที

            เขายิ้มให้แล้วพูดซ้ำ “เธอเป็นของคุณแล้วนะ”

            “ม้าตัวนี้... ของฉันหรอ” เธอเปล่งเสียงออกมาในที่สุด

            โรวว์แซนพยักหน้า แล้วยิ้ม

            แอลลิเซ่นหันกลับไปครึ่งวินาทีแล้วก็หันกลับมาอีกครั้ง

            “คุณเรียกว่า เธอ หรอ”

            โรวว์แซนพยักหน้า แอลลิเซ่นยิ้มแป้น แต่แล้วก็หุบยิ้ม

            “ทำไมอีกหล่ะ” เขาว่า

            “ก็... ฉันอาจจะดูแลม้าไม่เป็นนะ” เธอเอ่ย

            เขาส่ายศีรษะอย่างไม่อยากเชื่อ “ถ้าผมปล่อยให้คุณดูแลมัน มันคงต้องอายุสั้นแน่ๆ”

            เธอขมวดคิ้ว และพยักหน้าเห็นด้วย

            เขาส่ายศีรษะอีกครั้ง “นี่ ผมมีครูฝึกคอยดูแลซินญอร์และต่อไปนี้เขาจะคอยดูแลม้าของคุณด้วยเช่นกันโอเค๊ ! ”

            เธอยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันเงางาม “โอเค”

 

            แล้วทั้งคู่ก็เดินจูงม้าของตัวเองออกมายังลานกว้าง คราวนี้แอลลิเซ่นตั้งใจเดินเข้าไปใกล้ๆ มุมกล้อง โรวว์แซนมองเธอแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ เขาเดินอ้อมมาหาเธอ แล้วเอ่ยขึ้น

            “คุณจะตั้งชื่อให้เธอเมื่อไหร่”

            แอลลิเซ่นหยุดคิดนิดหนึ่ง สีหน้าดูแปลกไป “ไม่รู้สิ คุณคิดให้ฉันละกัน”

            โรวว์แซนส่ายหน้าจริงจัง

            แอลลิเซ่นยิ้มแล้วเอ่ยต่อ “งั้นฉันขอกลับไปคิดดูก่อนนะ”

            เขาพยักหน้าแล้วยิ้มให้เธอ

            “งั้นตอนนี้คงต้อง…” จู่ๆ เธอก็เขย่งปลายเท้าขึ้น โน้มตัวจูบเขาแบบไม่ทันตั้งตัว และเป็นจูบที่เร่งเร้า หนักหน่วง ยากจะต้านทาน มือข้างหนึ่งของเธอสอดไว้ใต้เรือนผมของเขาบริเวณท้ายทอย อีกข้างก็โอบไว้ที่แผ่นหลังของเขาเพื่อพยุงตัว โรวว์แซนใช้ท่อนแขนโอบรอบเอวเธอหลวมๆ เขาครางเบาๆ อย่างเป็นสุข เสี้ยววินาทีต่อมา เธอก็ลืมตาแล้วผละตัวออกช้าๆ และจุมพิตเร็วๆ ที่ริมฝีปากนั้นอีกครั้ง เธอรอให้เขาลืมตาขึ้น แล้วจึงเอ่ย

 

            “ขอบคุณค่ะ” แล้วเธอก็ยิ้มยิงฟัน

            โรวว์แซนกระพริบตาถี่ๆ สูดอากาศหายใจเข้าช้าๆ แล้วเอ่ยบ้าง

            “โอ พระเจ้า คุณเพิ่งจะทำให้ผมคลั่งเลยนะแอลล์”

            “อืม แล้วคุณก็จะได้เก็บรูปไว้ดูด้วยนะเวลาที่คุณคลั่งเนี่ยมันเป็นยังไง”

            โรวว์แซนขมวดคิ้ว งุนงง

            แอลลิเซ่นหันหน้าไปทางซ้ายมือของเธอ แล้วเขาก็เบิกตาโพลง

            ทั้งคู่ต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา