Eve in Mystery book อีฟกับหนังสือแห่งความลึกลับ

8.0

เขียนโดย ShineLove

วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 14.53 น.

  28 บทตอน
  54 วิจารณ์
  36.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

27) จุดจบของการเดินทาง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 27 

จุดจบของการเดินทาง

         

          หลังจากที่สหายทั้งหก ได้แก่ อีฟ บลูม แอนโทนี่ โซเฟีย อลิซ และเฮ็ดวิก ผจญภัยใน

ดินแดนนิทานในประตูสุดท้ายมาอย่างยากลำบากในคราวก่อน รวมถึงยังต้องสูญเสีย  ‘คิวเลอร์’ 

ผู้เคยมีความสัมพันธ์กับโซเฟีย และได้ทราบความจริงถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา ไม่ว่าอย่างไร

ก็ตามเหล่าสหายได้เดินทางจนสามารถทำภารกิจในประตูนิทานสุดท้ายได้เสร็จแล้ว

          ตอนนี้เหล่าสหายได้ถูกส่งกลับมายังประตูนิทาน  คุณตาแอนดรูกำลังเฝ้ารอพวกเขาอยู่

ใบหน้าของเขายังคงแฝงไว้ด้วยเป็นมิตรและใจดีอยู่เช่นเดิม  

          “สวัสดีเด็กๆ..พวกเจ้าทำได้ไม่เลวเลยนะ” ตาแอนดรูยิ้มแฝงด้วยความลับบางอย่าง

 “เอาหล่ะ..พวกเจ้าคงอยากกลับบ้านเต็มทีแล้ว”

          “แต่…..” เขายิ้มมุมปาก นัยน์ตาเป็นสีม่วงราวกับมีมนต์สะกด

            ทุกคนทำท่าระวังตัว แต่ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว พวกเขาใกล้จะหมดสติเข้าไปทุกที 

“ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก ฮ่าๆ!”   

         “อย่ามองตามันนะค่ะ!” โซเฟียเกือบจะทรุดลงไป ใช้เวทย์มนต์ป้องกันได้ทันก่อน แต่คน

อื่นๆหมดสติไปเสียแล้ว

         “เก่งจังเลยนะ…แสดงพลังของหนูให้ตาดูหน่อยสิ” ตาแอนดรูหัวเราะแล้วใช้พลังวิเศษ

สีเป็นประกายคลื่นสีม่วงโจมตี  โซเฟียรู้สึกว่าไม่สามารถต่อต้านกับพลังของเขาได้ เพราะเธอต้อง

เป็นฝ่ายป้องกันพลังจากเวทย์มนต์สะกดและพลังเวทย์จากการโจมตีพร้อมๆกัน

         ‘พลังเวทย์ที่มากขนาดนี้ เขานับว่าเป็นผู้ใช้เวทย์ที่เก่งมากคนหนึ่งเลยทีเดียว’ โซเฟียคิด

ในใจ ยังคงเพิ่มเวทย์ป้องกันให้มากขึ้นเรื่อยๆ ‘ฉันต้องช่วยเพื่อนๆไว้ให้ได้!”

         “เทเลพอร์ต!” โซเฟียใช้พลังเคลื่อนย้าย แต่ไม่สามารถทำได้ ฝีหน้าของเธอเริ่ม

เคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย “คงใช้กับที่นี่ไม่ได้สินะค่ะ”

         “ใช่แล้วโซเฟีย..เพราะที่นี่เป็นอาณาเขตระหว่างกาลเวลา เจ้าเลยไม่สามารถกำหนดการ

เคลื่อนย้ายได้” เขายิ้มอย่างเรียบเฉย “จะจัดการเพื่อนของหนูละกันนะ”

         ระหว่างนั้นแสงที่เป็นหมอกสีม่วงจางๆก็ได้เคลื่อนมาปกคลุมเหล่าสหายที่หมดสติอยู่ แล้ว

ก็หายไปพร้อมพวกเขาอย่างรวดเร็ว

         “หากคุณทำอะไรกับพวกเขา ฉันจะไม่มีวันให้อภัยคุณแน่ค่ะ!” น้ำเสียงของเธอเริ่มบ่งบอก

ถึงความโกรธ ‘เขาคงเป็นผู้คุมหนังสือเลยสามารถทำการเคลื่อนย้ายเช่นนี้ได้’

         “ตกใจละสิแม่หนูน้อย ทีนี้ก็เหลือเจ้าเพียงคุณเดียวสินะ” ตาแอนดรูเอ่ยอย่างดูแคลน

พลางปล่อยเวทย์เป็นคลื่นๆใส่เธอโดยไม่ยั้ง

         ‘แย่หล่ะสิ ฉันไม่ไหวแล้ว’ โซเฟียรำพึงในใจ

         “หายไปกับเพื่อนๆของแกซะเถอะ!” เขาสาดเวทมนต์มาอย่างรุนแรง จนทำให้เธอไม่

สามารถต้านได้ จนในที่สุดก็หายวับไปพร้อมกับเพื่อนของเธอ..

          

          แอนโทนี่เปิดตาขึ้นช้าๆด้วยความมึนหัว ท่ามกลางช่องตารางเป็นรูปสีเหลี่ยมบนพื้นและ

รอบๆตัวเขาที่มีแสงลอดสีขาวลอดออกมาตามรูเป็นเส้นๆ  ‘ที่นี่มันที่ไหนกัน เริ่มรู้สึกเบื่อกับหนังสือ

นี้เต็มทีซะแล้วสิ

          
          “หืม..แอนโทนี่เหรอ” อลิซเอ่ยขึ้นเมื่อเธอตื่นขึ้นมา “อ้าว! ที่ไหนกันอีกเนี่ย!”

          “ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ” แอนโทนี่พูดพลางถอนหายใจ “แล้วคนอื่นหายไปไหนกันหมด”

          “ฉันไม่เคยเห็นที่นี่มาก่อนเลย” บลูมปลุกคนอื่นที่ยังไม่ได้สติ “ทุกคนตื่นเร็วเข้า”

          “เธอยังไหวอยู่หรือเปล่าโซเฟีย” อลิซถามเมื่อเห็นโซเฟียดูอ่อนแรง

          “สบายดีค่ะ”

 

          เมื่อสหายทุกคนมีสติและรับรู้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็พบว่าอีฟและเฮ็ดวิกหายไป

ตอนนี้เหลือเพียงแค่แอนโทนี่ บลูม อลิซและโซเฟีย เท่านั้น ทั้งสี่คนจึงตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อ

ไปเพื่อไปตามหาทั้งสองคน และยังคงหาวิธีการที่จะออกไปจากหนังสือเล่มนี้ ..

          

          ดูเหมือนว่าแอนโทนี่จำจำอะไรบางอย่างได้ “นี่ทุกคน!..จำเรื่องในที่เราต้องทำในตำรา

เล่มนั้นได้ไหม” แอนโทนี่พูดอย่างตื่นเต้น “เราต้องเอาพวกมันมาหลอมเข้าด้วยกันไง”

          “ลืมเรื่องนั้นซะสนิทเลย..เรามารีบรวมของกันเถอะ!” อลิซเอ่ยพลางนำของจากการทำ

ภารกิจทั้งหมดออกมาจากกระเป๋าหน้าท้องของตุ๊กตาวิเศษราวกับพื้นที่ในกระเป๋าสามารถบรรจุของ

ได้จำนวนมหาศาล

          “ฉันจะเป็นคนหลอมเองค่ะ” โซเฟียพูดแล้วเริ่มเปิดอ่านแต่ละบรรทัดตามตำราเวทย์หลอม

ภายในหนังสือของแม่มดดำ เสกหม้อสีดำขนาดโตออกมาแล้วใส่สิ่งของทั้งสี่ลงไป ได้แก่ อุ้งเท้า

ของหมาป่า แหวนของอลิซ เส้นผมของเมดูซ่า สร้อยของแวมไพร์ เมื่อเธอเริ่มท่องคาถาของเหลว

สีม่วงประกายก็เริ่มปรากฏอย่างรวดเร็ว

         

           เวลาผ่านไปประมาณสามสิบนาทีของเหลวจึงลดลงไปจนหมด สิ่งที่พบอยู่ภายในหม้อ

คือดาบขนาดใหญ่ เงาเปล่งเป็นแวววับ ด้ามจับสีทอง ตรงกลางมีเพชรใสสะท้อนแสงเป็นประกาย

อยู่ตรงนั้น

 

          “ดาบนี่ให้ฉันเป็นคนถือดีกว่านะ ฮ่าๆๆ!” แอนโทนี่กล่าวพลางทำท่าทางเหมือนคนบ้า

อำนาจ “ฉันคืออาบัง กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติกาล!”

          “ไม่ใช่..อาร์เธอร์ต่างหากหล่ะ!” บลูมและอลิซกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน

          “แหะๆ..ดูเหมือนจะจำผิดไปนิดหน่อย” แอนโทนี่เหงื่อตก

          “ฉันเห็นรังสีแปลกประหลาดค่ะ..แน่ใจว่าปลอดภัยรึเปล่า” โซเฟียใช้ตาวิเศษตรวจสอบ

บริเวณโดยรอบ

          “ถ้างั้นทุกคนระวังตัวก็แล้วกัน ฉันมีอาวุธสำหรับทุกคนด้วย” อลิซโยนตุ๊กตาวิเศษแล้ว

บอกคำสั่ง “ขออาวุธเกรดเอด้วย”

          “ยั๊บปี้!” ตุ๊กตาวิเศษขานรับ ผงวิเศษกระจายรอบๆ มีอาวุธหน้าตาแปลกประหลาดออกมา

บนพื้น อลิซนำไปมอบให้ทั้งสามคน มันคือลูกกวาดล่องหน เมื่อใครทานมันแล้วคนอื่นจะไม่

สามารถมองเห็น กล่องบรรจุหุ่นยนต์ของเล่นตัวเล็กๆจำนวนมากภายในนั้น เคียวสองอันสำหรับ

บลูม และคฑาวิเศษสำหรับโซเฟีย

         “ฉันขอไปสำรวจสถานที่นี้คนเดียวนะ..” อลิซบอกกับทั้งสามคน “ฉันต้องหาความลับ

เกี่ยวกับสถานที่นี้ให้ได้!”

          “ให้ฉันไปกับเธอไหมอลิซ” แอนโทนี่ถามอย่างเป็นห่วง “ไปคนเดียวมันอันตรายมากนะ”

          “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า สบายอยู่แล้ว” อลิซขอห่วงข้ามมิติไปที่ไหนก็ได้จากตุ๊กตา

วิเศษ

          “เธอแน่ใจนะอลิซ” แอนโทนี่ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ เธอผงกหัว “ระวังตัวด้วยนะ!”

          “อื้ม! พวกเธอก็ด้วยนะ” อลิซหันหน้ามาแล้วยิ้มแก้มปริเป็นครั้งสุดท้าย แล้วลอดรูห่วง

วิเศษออกไป

          “เดินทางกันต่อเถอะพวกเรา!”แอนโทนี่ บลูมและโซเฟีย มุ่งหน้าเดินทางต่อไปยังช่อง

โค้งซึ่งเป็นเส้นทางถัดไปด้วยความตั้งใจที่พวกเขามี

          

          ระหว่างที่ทั้งสามสหายยังไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าต้องเผชิญกับอะไร.. รวมกับอีกหนึ่งคนที่คอย

สืบหาเบื้องหลังของความจริงเรื่องนี้  ในฝ่ายของผู้คุมมิติกาลเวลาของหนังสือนั้นยังคงมีแผนอัน

ชั่วร้ายบางอย่างสำหรับพวกเขา..

         

           “ฮ่าๆๆ ในที่สุดพวกมันก็มาจนได้สินะ!” สปาร์ค

          “พวกเด็กนั่นเก่งมากจนข้าคิดไม่ถึงเลยหละ” คุณตาแอนดรูยิ้มยกมุมปาก

          “ยังไงพวกเด็กนั่นก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก” แฮร์รี่กอดอก

          “ทำตามแผนที่วางไว้ได้เลยนะ” ซิลเวียเอามือเสยผมพลางหัวเราะ “พวกมันไม่รอด

แน่ๆ!” 

          “เข้าใจแล้ว จะจัดการเดี๋ยวนี้แหละ” ทั้งสามใช้พลังเคลื่อนย้ายหายไป

          “ส่วนพวกเธอ ไปกำจัดมันได้เลย” ซิลเวียสั่งลูกน้องอีกสองคน

          “รับทราบค่ะ” เฮนเนอร์และแซนดี้ขานตอบ แล้วจึงหายไป

 

          หลังจากที่ทั้งสี่คนเดินมาได้สักพัก ก็ได้มาอยู่ตรงหน้าเขาวงกต สหายทุกคนมองไม่เห็น

อะไรเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากมีกำแพงสูงตระหง่านสีเทาเลยหัวพวกเขาไปหลายฟุต เกือบถึงด้าน

บนสุดของเพดานสีดำ


          “พร้อมนะ” แอนโทนี่หันข้างเล็กน้อยบอกสัญญาณ คนอื่นพยักหัว

 

          แอนโทนี่ก้าวเข้าไป ทุกคนพร้อมใจกันเดินตาม เส้นทางในเขาวงกตทำให้พวกเขารู้สึก

สับสน เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา พอจากนั้นก็ตรงไปและย้อนกลับมา ราวกับเขาวงกตนี่ไม่สิ้นสุด

           
          “นั่นปุ่มอะไรหนะ” ปุ่มสีแดงอยู่ตรงด้านหน้าของแอนโทนี่ เขากำลังจะเอื้อมมือไปกด

          “อย่ากดปุ่มนั่น แอนโทนี่!” บลูมตะโกนใส่เขาเสียงดัง แต่เขาเผลอกดปุ่มไปแล้ว

          “ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่หน่า” เขามองปุ่มนั้นสักพัก

          “แอนโทนี่ ระวัง!” บลูมตะโกนเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองเห็นวัตถุประหลาดกำลังจะตกลงมา

บลูมรีบฉุดตัวแอนโทนี่แล้วกระโจนออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

          “ปึ้ง!” แท่งเหล็กทรงสี่เหลี่ยมใหญ่ สีเงิน มีน้ำหนัก ตกกระทบพื้นเสียงดังสนั่น ปิดเส้น

          ทางที่พวกเขากำลังจะเดินต่อไป ดังนั้นสหายจึงต้องย้อนกลับไปหาทางอื่นใหม่

          “เฮ้อ เกือบไปแล้วไหมละ! ไม่ระวังเอาซะเลย!” บลูมตำหนิ อีฟกับโซเฟียถอนหายใจ

เฮือกใหญ่ “เขาวงกตนี้อันตรายมากๆ”

          “ก็ฉันไม่รู้นี่หน่า!” แอนโทนี่ตอบ “ขอบคุณละกันที่ช่วยนะ!”

          บลูมหลบหน้า ฝีหน้าของเธอแดงเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ฉันควรจะช่วยเธออยู่แล้ว ไปหา

เส้นทางอื่นกันต่อเถอะ” 

          

          ในระหว่างที่ทั้งสี่กำลังหาเส้นทางเพื่อที่จะออกจากสถานเขาวงกตนี้ อลิซนั้นก็ได้เดินแอบ

สำรวจสถานที่นี้อย่างลับๆ เธอได้เคลื่อนย้ายมายังโถงทางเดินปริศนา รอบๆดูเหมือนจะทำจาก

เหล็ก เมื่อก้าวเท้าเดินบนพื้น เสียงฝีเท้าก็ได้ยินอย่างชัดเจน ฉะนั้นเธอจึงต้องเดินเบาๆ เพื่อไม่ให้

มีใครได้ยิน

          ฝีเท้าของใครบางคนประมาณสองถึงสามคนกำลังมุ่งเข้ามาทางที่อลิซอยู่   เธอจึงหลบ

อยู่ตรงนั้น เปลี่ยนชุดโดยใช้ของวิเศษ ให้ดูลับและไม่มีใครจำได้ หลังจากนั้นจึงใช้ผงยาสลบโปรย

ไปยังพวกเขา แล้วนำกุญแจของพวกเขาไปเปิดประตูห้องที่น่าสงสัยนั้น

          เมื่ออลิซไขกุญแจออก สิ่งที่พบในห้องนั้นคือจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่หลายจอ ที่เต็มไป

ด้วยระบบปฏิบัติการควบคุมต่างๆ ปุ่มกด รวมถึงแป้นพิมพ์หลายอัน เรียงรอบตัวเป็นครึ่งวงกลม เธอ

นั่งลงบนเก้าอี้ล้อตัวหนึ่งตรงนั้น แล้วเริ่มกดคำสั่งทันที

 

          ‘กรุณาใส่รหัสผ่าน’

           ‘_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _’

          “รหัสผ่านอะไรยาวเสียจริง!” อลิซพึมพำก้มหาเอกสารที่อยู่ในลิ้นชักเหล็กด้านล่าง “อยู่

แถวนี้หรือเปล่านะ”

            เธอค้นดูลิ้นชักทุกอันแล้วแต่กลับไม่พบสิ่งใดที่เกี่ยวกับเอกสารเลย

            ‘สงสัยฉันคงต้องออกไปหาเองแล้วหล่ะ’

           

          ทั้งสามคนเดินวนรอบวงกตมาได้หลายนาทีแล้วแต่ก็ไม่พบเจอแม้แต่ทางออกเลย และ

แล้วก็เกิดเหตุประหลาดขึ้น เมื่อบลูมได้ยินเสียงแปลกๆ ใต้ฝีเท้าของเธอ “นี่ ฉันได้ยินเสียงแปลกๆ

แถวนี้นะ พวกเธอได้ยินอะไรกันไหม”

          “ฉันก็ได้ยินเสียงแปลกๆนั่นเหมือนกัน! เสียงเหมือนอะไรสักอย่างกำลังแตกเลย” แอนโท

นี่ทำฝีหน้าเคร่งเครียด

            “ได้ยินเหมือนกันค่ะ” โซเฟียเอ่ย

            “ครึก..ครึกๆๆ” พื้นที่อยู่ใต้เท้าของบลูมกำลังจะแตกออกเป็นชิ้นๆ

            โซเฟียสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวบริเวณใต้เท้าของบลูม และรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น

แต่ก็บอกไม่ทัน เมื่อชิ้นส่วนบนพื้นก็ได้ทรุดตัวลงไป รวมถึงร่างของบลูมด้วย “อ๊าก ช่วยฉันด้วย!” 

           โชคดีที่โซเฟียจับแขนของเธอไว้ได้ เธอจึงใช้พลังเคลื่อนย้ายมาอยู่ข้างบน “มูฟวิ่ง!”

           “รีบวิ่งเร็วเข้า พื้นกำลังจะแตกหมดแล้ว!” แอนโทนี่แผดเสียงเตือนทันทีเมื่อเห็นพื้นรอบ

เริ่มแตกออกราวกับดิน  “วิ่งเร็วเข้า!”

           

          ทั้งสามวิ่งด้วยฝีเท้าอย่างรวดเร็วตามทางของเขาวงกต พื้นที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เริ่มขยาย

กว้างมายังพวกเขาใกล้มากขึ้น! จนตอนนี้มาถึงทางแยกอยู่ทั้งหมดสามแยก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ

และทิศตะวันออก เมื่อรวมทิศใต้ที่พวกเขายืนอยู่ด้วยก็เป็นสี่ แต่พวกเขาไม่มีเวลาให้มัวคิดอีกต่อ

ไปแล้ว

         

          “ฉันนึกออกแล้ว!” บลูมคิดขึ้นได้ “เราต้องไปตามเข็มนาฬิกา เริ่มจาก ทิศตะวันตก 9.00

นาฬิกาก่อน จนไปถึงทิศใต้ 6.00 นาฬิกา ”

         

          สหายจึงเริ่มวิ่งไปตามทางที่บลูมบอกทันที  เริ่มจากทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศตะวันออก

และทิศใต้  ในที่สุดก็สำเร็จ พวกเขาสามารถฝ่าเขาวงกตมาได้สำเร็จ พื้นที่กำลังแตกก่อนหน้านี้ก็

ไม่ตามมาอีก ตอนนี้แอนโทนี่ บลูม และโซเฟียยืนอยู่ด้านหน้าของสะพานหล็กขนาดกว้างและยาว

ประมาณสามถึงสี่ร้อยเมตร ทอดยาวไปยังประตูบานใหญ่โตมโหฬารสีทองด้านหน้า

          

          “ฉันคิดว่านั่นคือทางออก รีบไปกันเถอะ” แอนโทนี่พร้อมกับอีกสองคนเร่งฝีเท้าวิ่งไป

ประตูด้านหน้า แต่ทว่าปิศาจโกเลม หรือปิศาจหินตัวใหญ่ยักษ์ ก็ได้กระโดดลงมาจากด้านบน รวม

ถึงปิศาจเห็ด ปิศาจเงือกมีปีก ปิศาจวุ้น ปิศาจนักรบ และซอมบี้ก็บังด้านหน้าและด้านหลังจนเต็ม

ไปหมด “ถึงเวลาสู้แล้วสินะ!”

            “ย๊ากกกกกก!” แอนโทนี่วิ่งไปใช้ดาบเอ็กคาริเบอร์ฟันปิศาจเหล่านั้น “ไปตายซะ เจ้า

พวกปิศาจสกปรกทั้งหลาย!”  

            “เดอะวอเตอร์ฟอล แอ๊คแท็ค!” โซเฟียใช้คทาร่ายพลังคลื่นน้ำตกจากด้านบนโจมตีใส่

ปิศาจเงือกที่กำลังบินอยู่สลายไป “แอ๊ก!”

            “ทันเดอร์โบลด์!..สโนว์สโตรม..มูนไลท์แอ๊คแท็ค..เบลมไฟเยอร์”

            “ชิ้ง!..ชิ้ง!..ฉึก!” บลูมใช้เคียวสองอันของเธอป้องกันและโจมตีเข้าไปยังปิศาจนักรบ

อย่างไม่พลาดเป้าหมาย

          โกเลมยักษ์เริ่มอาละวาด ใกล้เข้ามาที่พวกเขามากขึ้น แอนโทนี่ใช้ดาบฟัน แต่ไม่สำเร็จ

โซเฟียใช้พลังน้ำซึ่งธาตุหินอ่อนแอ โจมตีใส่มันอย่างหนัก “เดอะโอเซียลพาวเวอร์!” 

            น้ำล้อมรอบปิศาจหินยักษ์ไปทั่วตัวของมัน ระเบิดน้ำละเลงเข้าที่ร่างของมัน ปลาฉลาม

และฝูงปลาปรากฏตัวรุมโจมตี งูน้ำพ่นพิษใส่ตัวของมัน สุดท้ายก็ระเบิดออกเป็นแสงสีฟ้าเสียงดัง

กระหึ่ม เศษซากหินกระจุยกระจายเป็นเศษเล็กๆ

            เสียงการต่อสู้ดังกระหึ่มไปทั่วมิติกาลเวลา เสียงดาบกระทบกัน เสียงเวทย์มนต์ ปิศาจ

กรีดร้อง สหายทั้งสามพยายามที่จะกำจัดพวกมันจนหมด แต่ทว่ามันกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้นอีก แอ

นโทนี่ โซเฟีย และบลูมรู้สึกเหนื่อยและพลังงานก็เริ่มจะลงลดถึงศูนย์เข้าไปทุกที

            “ถ้าอย่างนั้นต้องเจอนี่!” แอนโทนี่โยนหุ่นยนต์ตัวเล็กที่อยู่ในกล่องออกมาทั้งด้านหน้า

และด้านหลังหลายตัว หุ่นยนต์เริ่มขยายร่างใหญ่มากขึ้น จนโตและสูงกว่าพวกเขามาก “กำจัดพวก

ปิศาจทิ้งเลยเจ้าหุ่นยนต์!”

            “ปั้งๆๆๆ!” เหล่าหุ่นยนต์ใช้ปืนที่อยู่บนแขนเล็งไปยังพวกปิศาจ พวกมันร้องครวญคราง

อย่างเจ็บปวด ตัวของพวกมันเป็นรู ควันกระสุนขึ้นเป็นฉุยๆ “โฮก….”

            ผ่านไปประมาณสามสิบนาทีด้วยความร่วมมือของหุ่นยนต์วิเศษที่อลิซมอบให้ทำให้

กำจัดปิศาจได้จนหมด  “ขอบคุณนะ เจ้าหุ่นยนต์!” แอนโทนี่กล่าว หุ่นยนต์นำมือทั้งสี่ไปไว้ข้างหัว

ราวกับทำความเคารพ แล้วจึงกลายเป็นหุ่นยนต์ตัวเล็กตกมายังพื้นเช่นเดิม

           

            “เราไปกันต่อเถอะ!” 

            “ฟึบ..ฟึบ” มีคนขว้างดาวกระจายใส่โซเฟีย เธอเอียงหัวเล็กน้อยเพื่อหลบมัน เส้นผม

บางๆปลิวออกมาเล็กน้อย

            “คุณคือ…” โซเฟียกำลังจะพูดชื่อของทั้งสองคน ที่กระโดดมาจากด้านบน

            “ฮ่าๆๆ! ฉันคือหญิงสาวผู้เลอโฉมที่สุดในปฐพี มีนามว่า “แซนดี้”

            “และฉันคือหญิงสาวผู้สง่างามนามว่าเฮนเนอร์”

            “รวมกันเป็น..”

            “เดอะซุปเปอร์บิวตี้ฟูเกิร์ล!”

            “เอ่อ….” ทั้งสามคนทำหน้าตางงงวยไปตามๆกัน “เปลี่ยนชื่อแล้วเหรอป้า”

            “นี่ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นละยะ!” แซนดี้เอ่ย

            “พวกเราไม่ใช่ป้า พวกเราคือคุณพี่ต่างหาก จำไว้ด้วยนะยะ!” เฮนเนอร์สั่งสอน ทำท่า

ทางราวกับคุณยายอายุแปดสิบกว่าปี “ฉันจะจัดการพวกแกเอง เจ้าเด็กดื้อทั้งหลาย!”

           

          แซนดี้ปาดาวกระจายไปยังพวกเขาทั้งสามคน ทันใดนั้นเองแสงประหลาดลักษณะคล้าย

โล่ป้องกันขนาดใหญ่ตรงหน้าพวกเขา พร้อมกับแสงแสบตาจนเลือนลางหายไป ปรากฏร่างของคน

สองคนขึ้นมา

            “ฉันคือสาวน้อยผู้น่ารักนามว่า ซีเรีย”

            “และผมคือชายหนุ่มผู้เย็นชานามว่า ซีแล็ค”

            “พวกเราคือผู้พิทักษ์ความยุติธรรม ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์แกเอง” ทั้งสอง

เอ่ยพร้อมกัน

            “จะบ้าเหรอ นี่ไม่ใช่เซล่ามูนนะ!” ทั้งสามคนทำหน้าชะงัก

            “หลีกทางไปซะ ไม่อย่างนั้นจะเจ็บตัวซะเปล่าๆนะ คุณแซนดี้ คุณเฮนเนอร์” ซีแล็คเอ่ย

อย่างเย็นชา

            “แหม..อย่าพึ่งใจร้อนสิ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน” แซนดี้เอ่ย  “นึกว่าจะคุยกันให้นานกว่านี้

ซะหน่อย แต่คงไม่ได้แล้วสินะ เพราะตอนนี้ฉันจะปราบพวกนายเอง!”

            แซนดี้และแฮนดี้โยนดาวกระจายไปยังทั้งสองคน ซีแล็คและซีเรียเคลื่อนไหวป้องกัน

การโจมตีพลางร่ายเวทย์พลังดาวตกใส่พวกเขา “ปึ้ง!!” 

           

           ในขณะที่ทั้งสี่คนกำลังต่อสู้กันอยู่นั้น ทั้งสามคนแกะห่อลูกอมวิเศษที่อลิซได้ให้มานั้น

แล้วจึงอมไว้ทันที ทำให้ร่างกายของพวกเขาล่องหนและมองไม่เห็น แต่ทั้งสามสามารถมองเห็น

กันและกันได้ ฝ่ายเฮนเนอร์และแซนดี้ ไม่ทันสังเกตเห็นเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการต่อสู้  พวกเขาจึง

รีบวิ่งฝ่าจากตรงนั้นมา เมื่อถึงด้านหน้าของประตู โซเฟียใช้เวทย์มนต์เปิดประตูสีทองนี้ออก แล้ว

ทั้งสามจึงเข้าไปทันที

           

           “พวกแก! หยุดนะ!” เฮนเนอร์ตะโกนใส่ประตูที่เปิดออก รู้ว่าเป็นทั้งสามคน เธอตัดสิน

ใจที่จะวิ่งไปแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะกำลังช่วยแซนดี้ต่อสู้กับสองคนนั้นอยู่ จนประตูจึงถูกปิด

ลงอีกครั้งโดยฝีมือของโซเฟีย

 

ณ ห้องเก็บเอกสารลับ

           
           อลิซเดินตามหาและสำรวจหลายห้องเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง จนมาถึงห้องแห่งหนึ่ง

ที่เต็มไปด้วยตู้และชั้นหนังสือหลายใบซึ่งด้านในมีเอกสารและหนังสืออยู่จำนวนมาก

            ‘เอ๊ะ..นี่มัน’ อลิซกระดาษแผ่นหนึ่งติดอยู่ตรงตู้ บอกเกี่ยวกับชนิดและหมวดหมู่ของ

เอกสารต่างๆที่อยู่ในชั้น เธอเคลื่อนนิ้วชี้ไปตามแต่ละบรรทัด จนหยุดเมื่อเห็นข้อความที่ว่า ‘600

รหัสผ่านต่างๆ’ แล้วเธอจึงเดินไปหาตู้ตามเลขหมวดทันที

            “100..200..300..400..500..600 เจอแล้ว!” อลิซยืนอยู่ตรงหน้าชั้นที่เก็บรหัส

ผ่าน เธอใช้มือแหวกเอกสารทีละเล็กน้อยออกเล็กน้อยและอ่านข้อความบนแผ่นโน๊ตที่บอกว่ารหัส

ผ่านนี้ใช้กับสิ่งใด ในที่สุดอลิซก็เจอ ‘รหัสผ่านสำหรับเข้าสู่ระบบควบคุมในระบบปฏิบัติการ’ ดังนั้น

เธอจึงคว้ากระดาษนั้นมาทันที แล้วมุ่งหน้ากลับไปยังห้องก่อนหน้านี้อีกครั้ง

           

          อลิซเปิดระบบอีกครั้งแล้วคีย์รหัสผ่านลงไป

                              “T H E M Y S T E R Y B O O K”

            ‘รหัสผ่านถูกต้อง ยินดีต้อนรับเข้าสู่ระบบควบคุมหนังสือแห่งความลึกลับ”

            “ในที่สุดก็สำเร็จ!” อลิซดีใจแต่ทว่าจอมอนิเตอร์แสดงข้อความบางอย่างออกมา

‘กรุณารอเพื่อการอัพเดตระบบใหม่.. สองชั่วโมง ยี่สิบสี่นาที’

            “โถ่เอ้ย…ไม่นะ” เธอรู้สึกโกรธจนกำมือทุบแผงคอม “บ้าชะมัด!”

           

          บรรยากาศความเงียบสงัดอยู่รอบตัวของพวกเขาทั้งสามคน แอนโทนี่นำหน้าบลูมและ

โซเฟียก้าวเข้าไปอย่างช้าๆ พื้น ฝาผนังและด้านบนเพดานสูงสีดำ ลายตาราง มีแสงสีขาวลอด

ออกมาเล็กน้อย รอบๆดูกว้างราวกับไม่สิ้นสุด

           

          “ยินดีต้อนรับเข้าสู่หนังสือแห่งความลึกลับ” หญิงสาวปริศนาผู้สวมชุดคลุมสีดำปิด

หน้าตาคนหนึ่งกล่าวต้อนรับในขณะที่นั่งอยู่บนเตียงที่ถูกปกคลุมไปด้วยม่านสีดำ “เด็กๆอย่างพวก

เจ้านี่ก็เก่งไม่เบาเลยนะที่ผ่านทุกด่านมาได้”

            “คุณคือใครค่ะ” โซเฟียถาม น้ำเสียงเยือกเย็น

            “ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าฉันคือใคร” หญิงสาวคนนั้นตอบกลับมาแล้วหัวเราะ

            ‘ทำไมฉันถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเธอคนนี้มาก่อนเลยนะ’ บลูมคิดในใจ รู้สึกสัมผัสได้ถึงน้ำ

เสียง ท่าทางและรูปร่างของเธอคนนั้น

            “จัดการพวกมันซะ! สมุนของข้า!” หญิงสาวปริศนาเอ่ยแล้วเรียกพวกของหล่อนออกมา

นั่นก็คือสปาร์ค และแฮร์รี่นั่นเอง

            “พวกเธอจะต้องโดนพวกเรากำจัดไปในที่สุด” ครูแฮร์รี่ใช้นิ้วดันแว่นของตัวเองบนจมูก

ท่าทางและน้ำเสียงดูมั่นใจ

            “นี่ฉันต่อสู้กับพวกอ่อนหัดเหรอเนี่ย ไม่มีทาง” สปาร์คหัวเราะเยาะเย้ย

            “หนอยแน่..แก!” แอนโทนี่เริ่มโมโห ทันใดนั้นก็วิ่งไป รวมถึงโซเฟียและบลูมเช่นกัน

ทั้งสองฝ่ายเริ่มปะทะเข้าต่อสู้กัน ราวกับเป็นสงครามแห่งเวทย์มนต์  

แอนโทนี่ใช้ดาบเอ็กคาริเบอร์ฟันสปาร์ค แต่เขาก็เคลื่อนไหวหลบได้อย่างคล่องแคล่ว “อาวุธใหม่

เหรอนั่นนะ ขอชมว่าสวยดีนะ แต่ดาบของเล่นนั่นทำอะไรฉันไม่ได้หรอก!”        

            “ลองดูไหมหละ!” แอนโทนี่ท้าทายเขา “แกมันไม่แน่จริงนี่หว่า ได้แต่หลบอย่างเดียว”

            “แกกล้าลองดีกับฉันงั้นสินะ” สปาร์คแสยะยิ้ม “งั้นฉันจะเอาของดีให้แกเอง”

          

          สปาร์คใช้เวทย์เรียกมีดยาวพอประมาณออกมาที่มือสองเล่ม แล้วพุ่งเข้าโจมตีแอนโทนี่

ทันที “ฟึบ..ฟึบ..ชิ้ง!” มีดสั้นของเขากระทบกับดาบของแอนโทนี่ที่บังอยู่ ทันใดนั้นสปาร์คใช้มีด

อีกข้างหนึ่งของเขา ฟันไปตรงแขนอีกข้างหนึ่งของเขา แอนโทนี่หลบได้อย่างเฉียดฉิว เสื้อของ

เขาขาดออกเป็นชิ้น เกิดบาดแผลขึ้นมาเล็กน้อย

      

           “เธอเป็นใคร แกเอาอีฟกับเฮ็ดวิกไปไว้ที่ไหน!” บลูมใช้เคียวทั้งสองอันโจมตีหญิงสาว

คนนั้น แต่หล่อนก็กลับใช้เวทย์หายตัวหลบไปอยู่ด้านหลังของบลูม เมื่อเธอโจมตีมา 

          “เธอจะไม่มีวันได้รู้หรอก ฮ่าๆๆ!” หญิงสาวตอบกลับ มีฝีหน้าดูแคลน

          “อึก!” บลูมรู้สึกราวกับถูกกระแทกทีหลังอย่างหนัก เพราะหญิงคนนั้นได้โจมตีทางด้าน

หลังของเธอด้วยเวทย์มนต์ความมืด รู้สึกโกรธมากขึ้น แล้วกัดฟันสู้ต่อไป

          “คุณครูจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่คุณครูทำค่ะ!” โซเฟียใช้คฑาท่องคาถาเวทย์มนต์

          “เดอะไอซ์สโตน!” น้ำแข็งขนาดใหญ่ถูกเรียกให้ตกลงมา เสียงของน้ำแข็งถล่มลงพื้นเต็มไปหมด “ครื้น!”

          “วิชาเวทย์ของเธอสักวันคงจะเป็นประโยชน์มากแน่ๆ!” แฮร์รี่หายตัวหลบพลังของเธอ

          “แต่ครูจะไม่มีวันยอมแพให้กับเธอเด็ดขาด!”

          “ทันเดอร์เฟลม!” เขาปล่อยกระจุกไฟฟ้าขนาดใหญ่ มันระเบิดแล้วแตกออกมาเป็นสะเก็ด

ไฟราวกับพลุใส่โซเฟีย เธอจึงหลบหลีกไปอีกทาง

           

          ทั้งสองฝ่ายผลัดกันเป็นฝ่ายโจมตีและฝ่ายป้องกันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนข้อให้ต่อกัน

เลยแม้แต่น้อย ผ่านไปหลายนาทีพวกเขาก็ยังต่อสู้กันอยู่ แต่ทักษะและพลังของพวกเขาอยู่เหนือ

กว่าทั้งสามคนมาก แอนโทนี่รู้สึกเจ็บแขนขึ้นมา ทำให้เริ่มจับดาบได้ไม่ค่อยไหว บลูมโจมตีไม่โดน

หญิงคนนั้นเลย แต่กลับโดนโจมตีกลับมาหลายครั้ง ทำให้ร่างกายของเธอทรงตัวเริ่มไม่ไหว และ

โซเฟียก็รวบรวมพลังเวทย์ให้มากที่สุดเพื่อโค่นล้มคุณครูผู้ฝึกสอนเวทย์มนต์ของเธอเอง

 

ณ ห้วงมิติกาลเวลาการทดสอบของอีฟ

          
          อีฟค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อย ดันผ้าห่มออก แล้วจึงก้าวเท้าออกจากเตียงด้วยน้ำหนักฝีเท้า

เบาๆ ในใจเธอรู้สึกราวกับกำลังฝัน แม้คิดว่าจะไม่เป็นความจริง แต่เธอก็ดีใจที่ได้อยู่ในสถานทีนี้

บรรยากาศที่เธอคุ้นเคยดีในบ้านแห่งนี้.. เธอกับพ่อและแม่อาศัยอยู่ด้วยกันบ้านหลังนี้มานานตั้งแต่

ตอนที่เธอยังเด็กจนกระทั่งเติบโต

          

          อีฟเดินลงบันไดอย่างช้าๆ พร้อมชุดเดรสสีขาว ไปยังห้องรับประทานอาหาร พ่อและแม่

ของเธอกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะและเก้าอี้ไม้ เธอจึงเข้าไปร่วมรับประทานอาหารด้วย มี

ไข่ดาว ไส้กรอกและแฮม พร้อมซอสมะเขือเทศกับข้าวสวยร้อนๆ ซึ่งเป็นเมนูวันนี้

          

          ครั้นอีฟใช้ช้อนและซ้อมหั่นชิ้นกรอก จิ้มซอสมะเขือเทศ และกินเข้าไป เธอกลับไม่รู้สึกได้

ถึงรสชาติใดๆ เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก อาหารที่เธอได้กินเข้าไปหมดจานนั้น  อีฟไม่รู้สึกอิ่มท้อง

เลยแม้แต่น้อย  ดังนั้นเธอจึงจะเอ่ยถามพ่อแม่ของเธอ

         

          “อย่ามาดูถูกความฝันของหนูนะ!” อีฟกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วจึงวิ่งออกจากบ้าน

ไปอย่างรวดเร็ว วิ่งเข้าไปในป่าซึ่งเคยไปเป็นประจำ ผ่านลำธารเล็กๆ เธอเข้าไปลึกกว่าเดิมอีก

หลายเท่า จนถึงทุ่งกว้างใหญ่เขียวขจีแห่งหนึ่ง..  อีฟเจอกับชายแก่หูยาวๆคนหนึ่ง.. คุณตาแอน

ดรูนั่นเอง “สวัสดีหนูอีฟ.. โอ ดูสิ ตาและแก้มเจ้าแดงหมดแล้วนะ”

          อีฟมองเขาด้วยสายตาผิดหวังและโกรธในขณะเดียวกัน เธอเห็นแต่เพียงความแสแสร้งใน

ตัวของเขา  “คุณดูน่าเกลียด! ไม่เหมือนคุณตาคนเดิมอีกต่อไปแล้ว”

           “พ่อคะ..แม่คะ..คือว่า” แต่เมื่อกำลังจะถามพ่อของเธอกลับตะคอกเสียงดังบนโต๊ะ

          “หุบปากไปซะเจ้าเด็กไร้สาระ!”

          “คุณพ่อเป็นอะไรค่ะ?” อีฟตกใจเมื่อได้ยินเสียงของคุณพ่อ ฝีหน้าและแววตาที่แข็งกร้าว

บอกถึงความโกรธ “ ทำไมต้องพูดจากับหนูแบบนี้ด้วย!”

          “ก็เพราะแกมันไม่ได้เรื่องยังไงหละ! วันๆเอาแต่นั่งคิดเรื่องความฝันไร้สาระ มันจะทำ

ประโยชน์อะไรให้กับครอบครัวของเราได้บ้าง!” พ่อยังคงใช้น้ำเสียงก้าวร้าว ส่วนแม่นั้นมีใบหน้าอัน

เรียบเฉยและส่งสายตาอันเย็นชามาที่เธอ

          

          หลังจากที่ได้ฟังพ่อพูด หัวใจของอีฟรู้สึกราวกับว่ามีหินก้อนโตมาโยนทับไว้ตรงอก หัวใจ

ของเธอแตกร้าวเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาของเธอรินหยดลงมาทีละน้อย ไม่เคยผิดหวังขนาดนี้มาก่อน คุณ

แม่ที่เคยใจดีต่อเธอ แววตาที่ดูเหมือนกำลังยิ้ม ตอนนี้อีฟคิดว่านี่ไม่ใช่แม่ของเธอเลย

 

ณ สถานที่แห่งการต่อสู้

          

         ในที่สุดทั้งสามก็ไม่มีแรงเหลือแล้วถูกโจมตีอีกครั้ง ทำให้บาดเจ็บจนทรุดล้มลงไปนอนกับ

พื้น

          “เราจะไม่มีวันยอมแพ้พวกคนเลวอย่างแกเด็ดขาด!” แอนโทนี่ใช้ดาบยันพื้นแล้วลุกขึ้นนั่ง

ชันเข่า บลูมและโซเฟียก็เริ่มทรงตัวลุกขึ้นอีกครั้ง “เราจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้!”

          “ย๊ากกก!” ทั้งสามคนเริ่มโจมตีฝ่ายผู้คุ่มหนังสืออีกครั้งแต่ทว่าก็ถูกเวทย์มนต์ของหญิง

สาวที่เป็นคลื่นน้ำซัดกลับมา ร่างของพวกเขาสามคนนอนคล้ายกับไร้วิญญาณ ไร้แม้แต่พลังเพียง

น้อยนิดที่เหลืออยู่ “พะ..พะ..พวกเรา”

          “พอแค่นั้นแหละ!” หญิงสาวตะโกนใส่เมื่อเห็นทั้งสามคนกำลังจะลุกขึ้นมาอีก “มันไม่มี

ประโยชน์อีกแล้วที่จะมาต่อกรกับพวกเรา.. ดูนี่ซะ!”

           คนรับใช้ชุดสีดำของหญิงคนนั้นนำบุคคลปริศนาทั้งสองคนออกมา พร้อมกับสัตว์อีกตัวหนึ่ง

            “กรู๊กกกก!” เฮ็ดวิกร้องตื่นตระหนก

             “เฮ็ดวิก!” แอนโทนี่เรียกมันทั้งๆที่ล้มลงกับพื้น

            “โซเฟีย ช่วยฉันด้วย!” เพื่อนสนิทของโซเฟียตะโกนเรียกเธอ

            “มาเรีย!”

            “ลูก! ลูกของฉันอยู่ที่ไหน!” แม่ของอีฟตะโกนถามพลางใช้สายตามองไปรอบๆ หวัง

เพียงได้พบลูกสาวของเธอ แต่ก็ไม่พบ แววตาของเธอจึงดูผิดหวัง  “อีฟลูกของแม่..”

            “ฮ่าๆๆ!!” หญิงคนนั้นหัวเราะอย่างอำมหิต “ดีๆ..ฝีหน้าแบบนั้นฉันชอบเป็นบ้าเลย”

            “เธอมันนางโรคจิต!” บลูมต่อว่าผู้หญิงคนนั้น           

          “เธอจำไม่ได้เหรอบลูม ว่าฉันคือใครหนะ” หญิงคนนั้นก้มหน้าลงกับพื้น แล้วถอดชุดของ

ชุดคลุมของเธอออก ภาพที่อยู่ด้านหน้าคือสาวคนหนึ่งผู้มีผมสีขาว ปลายผมถูกม้วนเป็นวงดวงตา

และชุดของเธอเป็นสีม่วง “กี่ปีแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน”         

            “พี่ซิลเวีย!..” บลูมมีฝีหน้าตกใจ “ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ ทำไมไม่กลับบ้าน!”

            “เรื่องนั้นเธอก็รู้ดีไม่ใช่หรือไง!” ซิลเวียเอ่ยพลาง ใบหน้าจริงจัง “ฉันเกลียดเธอ!

เกลียดครอบครัว เกลียดทุกอย่าง!”

            “แต่ฉันยังรักพี่อยู่ พ่อกับแม่ก็ด้วยนะ เราคิดถึงพี่มาก” บลูมตอบ

            “ทุกคนโกหกฉัน!” ความแค้นของซิลเวียยังคงไม่จางลง “และ..วันนี้ ฉันจะได้กำจัด

เธอไปซะที ดูเพื่อนของเธอเป็นตัวอย่างนี่ซิ”

            ซิลเวียเรียกวงกลมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมากลางห้อง ภาพเหตุการณ์ของอีฟในอีกมิติ

หนึ่งปรากฏขึ้นมา

 

          “เจ้ารู้ไหม..เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยนได้เสมอ” คุณตาแอนดรูหัวเราะอย่างเจ้า

เล่ห์ “ลองดูพ่อกับแม่ของเจ้าซิ”  

           เขาผายมือไปยังพ่อกับแม่ของเธอที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากทุ่งกว้างนี้  อีฟไม่ทราบว่าทั้งสอง

มายืนตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ฝีหน้าไร้ความรู้สึกเช่นเดิม อีฟทำได้แต่เพียงเงียบไป เพราะไม่เชื่อใน

สิ่งที่เกิดขึ้น “คุณโกหกฉัน!”

          “มีอะไรที่ข้าจะต้องปิดบังเจ้าด้วยหรือ..แม่สาวน้อย?”

          “คุณหลอกให้พวกเราเข้ามาในหนังสือนี้ คงมีแผนการอะไรใช่ไหมค่ะ?”  

          “เจ้าไม่มีวันรู้แผนการของเราหรอก ฮ่าๆๆ!” เขาหัวเราะด้วยความดูแคลน

          “เอาพ่อกับแม่ของหนูคนเดิมกลับมานะ!” อีฟเข้าไปเขย่าตัวพ่อและแม่ของเธอ “กลับมา

เป็นพ่อและแม่คนเดิมของหนูสิ!”  

          “แกพูดเรื่องอะไรของแก!”

          “พ่อค่ะ..แม่ค่ะ” อีฟทรุดตัวลงกับพื้น รังสีแห่งความมืดขยายแผ่มาปกคลุมทั่วร่างกาย อีฟ

รู้สึกปวดหัวและทรมานไปทั้งตัว “กรี๊ดดดด!”

          อีฟเอามือจับหัวทั้งสองข้างไว้ ดิ้นและกรีดร้องอย่างเจ็บปวด

          “อย่าทำอะไรกับเธอนะ!”  แอนโทนี่ตะคั้นเสียงแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

          “อีฟ! อย่าไปเชื่อมัน มันโกหกลูกอยู่นะ” แม่ของอีฟเอ่ย “แม่เชื่อในตัวของหนูนะอีฟ!!”

          “ฮ่าๆๆ! ไม่มีผลหรอกคะคุณแม่ ตราบใดที่ยังอยู่ที่นี้ เสียงของคุณก็จะไม่มีวันส่งไปถึง!” ซิลเวียกอดอก

           “กรี๊ดดด ฉันจะไม่ยอมแพ้หรอก!” อีฟพยายามฝืนควบคุมตัวเอง นั่นยิ่งทำให้เธอทรมาณมากขึ้นกว่าเดิม

           
          ในขณะนั้นเอง โซเฟียหวนกลับไปคิดถึงสิ่งที่แม่ของเธอได้บอกเกี่ยวกับสร้อยมุกสีน้ำเงิน

เส้นนั้นซึ่งได้มอบให้ไว้ มันสามารถจะช่วยเธอได้เมื่อถึงคราวจำเป็น โซเฟียนำมือทั้งสองจับบน

สร้อยคอเส้นนั้น หลับตาลง นึกถึงฟลาวเวียร์ แม่ของเธอ แล้วจึงตั้งจิตภาวนาเพื่ออธิษฐานถึงเธอ

“ขอให้พลังวิเศษของสร้อยมุกเส้นนี้ ช่วยอีฟได้มีพลังที่จะเอาชนะความมืดได้ และให้อีฟ กลับเป็น

เหมือนเดิมอีกครั้งด้วยเถิด”

 

          คำอธิษฐานของโซเฟียสำเร็จผล มุขสีน้ำเงินตรงกลางสร้อยคอของเธอเปล่งแสงออกมา

เป็นสีฟ้าในอุ้งมือของเธอ หลังจากนั้นได้เกิดแสงประหลาดสีขาวจ้าแสบตาขึ้นในมิติกาลเวลา

ของอีฟ หญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา แม่ของโซเฟียนั่นเอง ฟลาวเวียร์กำลังลอยอยู่สูงเหนือ

จากพื้นหญ้าที่ทุกคนกำลังยืนอยู่  และอยู่ตรงเบื้องหน้าของอีฟ

 

            “ความฝันของเธอจะไม่ไร้ความหมาย หากเธอมีความฝัน ทุกคนก็ล้วนแต่มีความฝัน

ความฝันเป็นสิ่งที่สวยงามและไม่ผิด หากเธอใช้มันอย่างถูกต้อง มันก็จะมีประโยชน์และสร้างสรรค์

สิ่งที่ดีได้เสมอ”  ฟลาวเวียร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ใบหน้าคราบน้ำตาของอีฟเงยหน้าขึ้นมองเธอ

พลังแสงสว่างค่อยๆชำระความมืด “เธอไม่ได้เผชิญหน้าอยู่บนโลกนี้ตามลำพังอีกต่อไป เธอยังมี

สหายที่คอยเผชิญและพร้อมอยู่เคียงข้างเสมอ ตอนนี้เธอ..อีฟ จงกลับมาเป็นเด็กสาวผู้เปี่ยมด้วย

ฝันอันงดงามเหมือนเดิมเถิดนะ”

 

            “จงใช้พลังของเธอช่วยเพื่อนๆทุกคน ทำลายเพชรพลังแห่งความมืด แล้วเราก็จะกลับ

บ้านด้วยกัน!” ฟลาวเวียร์แตะมือลงบนตัวของอีฟ แสงสีขาวเปล่งประกายออกมาท่ามกลางความ

มืดบนตัวเธอ ผมของทั้งสองปลิวไสวตามคลื่นพลังวิเศษ ความรู้สึกพิเศษที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมา

ก่อน กำลังพลุ่งพล่านเข้าสู่ในตัวของอีฟ “ทำลายความมืดด้วยพลังของเธอ!”

          คุณตาแอนดรูแสดงฝีหน้าตกใจทันทีเมื่อได้พบกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เขาเอามือบัง

แสงสว่างที่มากระทบ  “พลังนี่มัน!”

          
          แสงสว่างขยายพื้นที่ไปทั่วบริเวณ มิติกาลเวลาที่อีฟอยู่ได้ถูกปิดออก เธอเคลื่อนย้าย

มายังสถานที่ที่สหายกำลังเผชิญอยู่ รังสีความสว่างเจิดจ้าไปทั่วตัวของอีฟ ทุกคนที่อยู่ใน

เหตุการณ์ตื่นตระหนกกับพลังวิเศษของอีฟ ผู้คุ้มหนังสือรับรู้ได้ถึงพลังที่มีมหาศาลในตัวของเธอ

        

          “อีฟ! แม่ดีใจที่ได้เห็นหน้าลูกอีกครั้ง” แม่ของอีฟเอ่ยอย่างดีใจ

         

           อีฟรู้สึกตัวและเรียกสติให้ตัวเองกับมาอีกครั้ง พลังของเธอเหมือนจะเต็มเปี่ยมและเพิ่ม

ขึ้นเรื่อยๆ “ฉันจะไม่มีวันให้อภัยพวกคุณ!”

           

          อีฟนำดาบที่อยู่บนมือของแอนโทนี่ออกมาถือ แล้ววิ่งตรงไปที่ผู้คุ้มหนังสือด้วยแววตาที่

มุ่งมั่นและปราศจากความกลัว เหล่าผู้คุ้มหนังสือทั้งสามคนโจมตีใส่เธอด้วยพลังเวทย์และการ

โจมตี แต่พลังของอีฟเหนือกว่า เธอมองเห็นและสามารถหลบหลีกการโจมตีของแอนดรู แฮร์รี่

และสปาร์คได้ “ไม่จริงน่า!!”

          

          เธอไม่ได้โจมตีพวกเขา แต่โจมตีชายชุดดำทั้งสองคนที่จับตัวประกันไว้ จนร่างของเขา

สลายหายไปกลายเป็นฝุ่นละออง อีฟกอดไหล่ของแม่กับเพื่อนของโซเฟียไว้ และจับตัวเฮ็ดวิก

แล้วจึงกระโดดข้ามทั้งสามคนกลับมายังจุดปลอดภัย ที่มีซีแล็คเข้ามาและป้องกันอยู่ก่อนหน้านี้

         

          อีฟวิ่งกลับไปอีกครั้ง ผู้คุ้มหนังสือใช้เวทย์มนต์และการโจมตีขั้นสูงสุดแต่ยังคงไม่สามารถ

โจมตีเธอได้เช่นเดิม เธอรวดเร็วราวกับไม่ใช่คนธรรมดา อีฟทำลายเตียงของซิลเวียจนพังพินาศ

วิ่งต่อไป จนมาหยุดอยู่ไม่ไกลนักประมาณสี่ถึงห้าเมตร เธอกำลังยืนหันหลังให้กลับอีฟ ด้านหน้ามี

แท่งสี่เหลี่ยมมีตู้กระจกสี่เหลี่ยมขนาดพอดีอยู่ด้านบน

          

          “อ้าวมาแล้วงั้นเหรอ” ซิลเวียหันตัวมารังสีความมืดแผ่ซ่านรอบตัว “เก่งจังเลยนะ”

          “ขอบคุณสำหรับคำชม” อีฟตอบกลับ “นั่นคงจะเป็นเพชรแห่งความมืดสินะ”

         

           ครั้นพูดจบแล้ว อีฟวิ่งเข้าไปโจมตีซิลเวียทันที พลังของทั้งสองฝ่ายสูสีกันมาก ราวกับ

ความสว่างและความมืดผสมผสานกัน ซิลเวียใช้ดาบสองเล่มที่ล่องหนและไม่สามารถมองเห็นได้

โจมตีเธอ ทั้งสองฝ่ายต่างก็เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน

 

          “ชิ้ง!..ชิ้ง!” เสียงดาบของทั้งสองคนเสียดสีกันจนเกิดเสียงและสเก็ดกระจายไปทั่ว

หญิงสาวสองคนดำเนินการต่อสู้ไปถึงหนึ่งชั่วโมง แม้กระนั้นพลังของอีฟก็ไม่อาจลดลง ถึงแม้ทั้ง

สองจะมีพลังใกล้เคียงกันมาก แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถเอาชนะและพลังที่เพิ่มมากขึ้นของอีฟได้

แสงสว่างได้เปรียบต่อความมืด.. ดาบล่องหนของซิลเวียหลุดออกจากมือ

          

          “ไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันเป็นฝ่ายแพ้ซะแล้ว” ซิลเวียทรุดตัวอย่างผิดหวัง “ไม่จริง..”

          “ยอมรับความจริงได้แล้วนะ” อีฟพูดพลางก้าวเท้ามาถึงตู้กระจกที่มีเพชรอยู่ในนั้น

          “หยุดนะ!!” ซิลเวียยื่นแขนไปยังอีฟ น้ำตาไหลพราก

          “เพล้ง!” อีฟชะง้างดาบขึ้น แสงที่เพชรตรงด้ามจับส่องเป็นแสงประกายสีขาว พร้อมกับ

เพชรที่อยู่ในตู้กระจก พลังเข้ามารวมตัวกันในดาบเล่มนั้น เธอฟาดทั้งตู้และเพชรแตกออกเป็นเศษ

ชิ้นเล็กๆในที่สุด

          “ไม่!!!! กรี๊ดดดดดดด!!!” ซิลเวียกรีดร้องเสียงดังจนหนวกหู เธอรู้สึกทรมาณและร้อง

คร่ำครวญราวกับจะสิ้นชีวิต รังสีและไอความมืดในร่างกายค่อยๆสลายหายไปอย่างรวดเร็ว จน

สุดท้ายก็ไม่เหลือพลังอะไรอีกเลย “ฮึก…!” เธอซะอื้น

          

          ไม่นานนักอลิซพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้จับกุม A.T.T.O ก็ได้วิ่งเข้ามาทันเวลา

พอดี ชายในชุดเจ้าหน้าที่คนหนึ่งใส่กุญแจมือเหล็กที่ข้อมูลของซิลเวียทันที รวมถึงทั้งสามคนก่อน

หน้านั้นก็ถูกรวบตัวเรียบร้อยแล้ว ด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีที่เหนือชั้นทำให้พวกเขาไม่สามารถทำ

อะไรได้

          

          “มันจบแล้วจริงๆเหรอ” ซิลเวียเอ่ยด้วยน้ำเสียงและใบหน้าอันโศกเศร้า

          “ค่ะ..พี่ซิลเวีย” บลูมยังคงตอบรับเธอเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเจ้าหน้าที่จึงพาตัวขึ้นยานเหาะ

แปลกๆทันที “เป็นเพราะพี่ไม่รู้จักยอมรับความจริง ในใจของพี่เต็มไปด้วยความแค้นและความ

อิจฉา”

          “เป็นยังไงบ้างอีฟลูกรัก เจ็บตรงไหนรึเปล่า” แม่โผเข้ากอดอีฟ ถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย

น้ำตาความดีใจเอ่อล้นออกมา

          “สบายดีค่ะแม่”  อีฟกอดแม่ตอบพลางยิ้มอย่างมีความสุข “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ

ค่ะ”

          “ไม่เป็นไรจ๊ะ ลูกได้กลับมาแม่ก็สบายใจแล้วหล่ะ แม่รักลูกนะ”

          “หนูก็รักแม่ค่ะ”

          “แอนนี่ สบายดีรึเปล่าค่ะ” โซเฟียถามสุภาพ “ขอโทษนะค่ะที่ทำให้ต้องเจอเรื่องลำบาก”

          “ไม่เป็นไรจ้า อย่างน้อยฉันก็ไม่เป็นอะไรมากนัก” แอนนี่ตอบแล้วกอดเพื่อนรัก  

เฮ็ดวิกบินไปอยู่บนไหล่ของแอนโทนี่แล้วกระพือปีก “กรู๊กกกก!” 

          “ได้กลับบ้านแล้วเนอะ เจ้าเพื่อนยาก!”

          “แหม..ดีอกดีใจกันเชียวนะ เฮ้อ..เกือบไปแล้วหละ” อลิซพึมพำพลางถอนหายใจ “ใน

ที่สุดเราก็ทำสำเร็จ”

          “โชคดีที่เธอมาช่วยเราไว้ทัน” บลูมเอ่ย “ขอบคุณนะ”

          “ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง สบายมาก” อลิซยิ้มแฉ่งเช่นเคย ชูสองนิ้ว

          “นี่ทุกคนได้เวลากลับกันแล้วนะ” พ่อของอลิซเรียกทุกคนให้ไปขึ้นยานเหาะทามเมชชีนที่

กำลังจอดอยู่เป็นคันๆ สำหรับไปส่งในแต่ละที่

          “พวกเราต้องจากกันแล้วใช่รึเปล่า” แอนโทนี่ถามในใจรู้สึกเศร้าแปลกๆ สหายทุกคนเงียบ

บรรยากาศดูไม่สดชื่นเท่าไหร่

          “มีพบก็ต้องมีจากกันสินะ” บลูมเอ่ย “ฉันเชื่อว่าสักวันเราต้องได้พบกันอีก”

          “ฉันคงคิดถึงทุกคนมากๆเลยค่ะ คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาค่ะ” โซเฟียกล่าวถ้อยคำลึกซึ

          “อย่าเศร้าไปเลยนะทุกคน” อีฟปลอบใจ น้ำตาคลอพลางหัวเราะ “เราจะอยู่ด้วยกันตลอด

จริงไหม”

          “จริงด้วย!” แอนโทนี่หัวเราะ น้ำตาคลอ “เราจะยังเป็นเพื่อนกันตลอดไป”

          “ช่วงเวลานั้น ฉันจะไม่ลืมแน่ๆเลย” อลิซเอ่ยแล้วยิ้มกว้าง

          “กรู๊กกกก!” เฮ็ดวิกกระพือปีก

          “ฉันมีของวิเศษที่จะให้ทุกคนด้วย” อลิซเอ่ยแล้วใช้ตุ๊กตาวิเศษเสกพวงกุญแจออกมา มัน

เป็นหนังสือสี่เหลี่ยมเล็กๆห้อยอยู่ เธอเอาสิ่งนั้นแจกให้กับเพื่อนๆทุกคน “เอาไว้เป็นที่ระลึกละกัน

นะ เมื่อมองหนังสือนี้เราก็จะได้คิดถึงช่วงเวลาดีๆที่เราเผชิญมาด้วยกัน”

                   

          ทุกคนกอดไหล่และโอบกอดกันพูดคุยกันเป็นครั้งสุดท้ายหลายนาที จนในที่สุดแต่ละคนก็

ต่างขึ้นยานเหาะ ซึ่งแต่ละเครื่องก็มีเจ้าหน้าที่ขับไปส่งยังที่บ้าน พวกเขาหันซ้ายขวาโบกมืออำลา

ซึ่งกันและกัน  แล้วยานจึงพุ่งทะยาน แหวกมิติกาลเวลาออก และมุ่งหน้าออกเดินทางไป ทิ้งมิติ

กาลเวลาแห่งหนังสือปริศนาไว้เบื้องหลัง แล้วกลับสู่โลกปัจจุบันกาลอีกครั้ง

 

          แม้การเดินทางของพวกเขาจะมีวันจบ แต่เชื่อแน่ทีเดียวว่าสายใยมิตรภาพของเหล่าสหาย

ที่มีต่อกันและกันนั้นจะไม่มีแม้กระทั่งจุดจบหรือสูญสลายไป จิตวิญญาณที่มุ่งมั่นของพวกเขายังคง

รวมกันเป็นหนึ่งเช่นนี้ต่อไป.. ตราบเท่ากาลนาน

                       

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา