The Extreme Hunter นักล่าท้าปีศาจ

6.4

เขียนโดย Flash

วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.17 น.

  4 chapter
  2 วิจารณ์
  6,797 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 11.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) จุดเริ่มแห่งหายนะ Part 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

ภารกิจที่ 1 จุดเริ่มแห่งหายนะ

ณ ที่แห่งหนึ่ง

มีชายผู้หนึ่งยืนอยู่กลางเมือง เมืองนั้นคงจะสวยงามมากหากไม่ได้อยู่ท่ามกลางความมืดเช่นนี้ จุดเด่นของเมืองนี้ก็คือ หอคอยเหล็กสีเงินสูงเสียดฟ้าที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง

ครื้น!! ครื้น!! เปรี้ยง!!

สายฟ้าจำนวนมากพุ่งลงมาจากท้องฟ้าก่อนที่จะปะทะเข้ากับพื้นดินรอบๆชายหนุ่มจนเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่ แต่หนึ่งในจำนวนนั้นกำลังพุ่งมาทางเขาด้วยความเร็วสูง แต่เขาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหลบ จนกระทั่ง…

ตูม!!

เกิดการระเบิดขึ้นทันทีที่สายฟ้านั้นปะทะเข้ากับร่างของชายหนุ่ม เกิดควันโขม่งไปทั่วบริเวณนั้น สักพักเมื่อควันหายไป สิ่งที่ปรากฏออกมาก็คือ ร่างของชายหนุ่มที่ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน แต่ที่น่าแปลกก็คือพื้นที่อยู่รอบๆ ชายหนุ่มในรอบรัศมีหนึ่งเมตรนั้นกลับไม่มีความเสียหายเลยราวกับว่ามีอะไรบางอย่างมาป้องกันมันไว้!

ทันทีที่ควันเริ่มจาง เขาก็เริ่มมุ่งหน้าสู่หอคอยทันที เพราะเขารู้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป

ฟุบ!!

ชายหนุ่มคนนั้นกระโดดขึ้นหลังคาบ้านละแวกนั้นเพื่อที่จะไปถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น เขากระโดดหลังคาบ้านหลังต่างๆ ไปเรื่อยๆ จนถึงด้านหน้าของหอคอย

แต่ถึงกระนั้นอุปสรรคของเขาก็ยังไม่หมดไปเพราะอุปสรรคต่อไปของเขาก็คือ ประตูเหล็กกล้าหนาถึงแปดนิ้วที่ปิดทางเข้าอยู่นั่นเอง

 แต่ตอนที่เขากำลังหาทางเปิดประตูนั่นเอง ก็พลันมีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น

 “ให้ช่วยมั้ย?” อีกเสียงหนึ่งพูด ก่อนที่จะมีสายฟ้าสีทองพุ่งมาจากด้านหลังของชายหนุ่ม แล้วปะทะเข้ากับประตูจนประเหล็กกล้าขนาดใหญ่จนเกิดอาการสั่น

กึก!! กึก!! กึก!!

ชายหนุ่มคนนั้นถอยหลังออกห่างประตู ก่อนที่จะรวบรวมพลังเวทย์โดยกำมือรวบรวมพลังเวทย์ ชายหนุ่มคนนั้นกำมือจนเส้นเลือดนั้นปูดโปนขึ้นมา จากนั้นจึงแบมือออกก่อนที่จะปรากฏลูกไฟเวทย์ขนาดใหญ่บนมือทั้งสองของเขาแล้วจึงปาลูกไฟเวทย์นั้นออกไป ลูกไฟเวทย์นั้นพุ่งเข้าไปหาประตูที่กำลังสายฟ้าพลุกพล่านอยู่จึงทำให้เกิด...

ตูม!!

ผลจากแรงระเบิดนั้นทำให้รอบๆประตูเกิดความเสียหาย ส่วนตัวประตูนั้นเจอแรงระเบิดจนทำให้ตัวประตูนั้นบิดเบี้ยวจนไม่เป็นรูป แล้วจึงลอยกระเด็นไปกระแทกกับบันไดด้านหลัง

ชายหนุ่มทั้งสองเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งขึ้นบันไดเพื่อไปชั้นบนสุดของหอคอยทันที

แต่ขณะที่พวกเขากำลังวิ่งขึ้นบันไดวนไปเรื่อยๆ สมองของพวกเขาก็ได้รับบางสิ่งบางอย่างแทรกเข้ามาอย่างกะทันหัน

“นายรู้สึกเหมือนฉันมั้ย?” ชายหนุ่มถามด้วยเสียงวิตกกังวล

“อืม” ชายอีกคนพูดพร้อมกับพยักหน้า “กระแสเวทย์”              

“ต้องรีบแล้วสินะ” ชายหนุ่มทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

ชายหนุ่มทั้งสองพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อให้ไปถึงยอดหอคอยโดยเร็วที่สุด ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงยอดหอคอย

ตึง!! โครม!!

พวกเขาทั้งสองถีบประตูพร้อมกัน จากนั้นก็พลันแรงกระแทกเข้ามาที่ร่างกายของพวกเขา

พลั่ก!! พลั่ก!! พลั่ก!!

“ตื่นๆ จะนอนขี้เซาไปถึงไหน?”

 เสียงชายวัยกลางคนเรียกชายหนุ่มทั้งสองพร้อมกับเขย่าร่าง เมื่อชายหนุ่มทั้งสองตื่นขึ้น พวกเขาทั้งสองต่างคิดตรงกันว่า…

  ‘ฝันแบบนี้อีกแล้วเหรอ?’

 ...

ณ โฮลด์เดอร์ทาวน์ เซฟโซนแห่งเมาท์เทนท์แอเรีย

 เมืองทั้งเมืองเงียบสงัด เพราะตอนนี้เป็นเวลาเช้ามืดจึงยังไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านนัก แต่ท่ามกลางความเงียบนั้นมีชายผู้หนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนนอิฐสีเทาที่ทอดยาวไปสู่ใจยังใจกลางเมือง ชายผู้นั้น มีร่างสูงโปร่ง ใบหน้ารูปไข่ นัยน์ตาสีดำ ผมสีเงิน สวมเสื้อยืดสีขาว สวมเสื้อคลุมยาวสีเงินขลิบขาวทับอีกชั้น กางเกงยีนสีดำ รองเท้าหนังสีดำ

 ใบหน้าของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจเหมือนกับถูกบังคับให้ทำงานบางสิ่งบางอย่างโดยที่เจ้าตัวนั้นไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไร

 “ทำไมต้องเป็นฉันด้วยนะ?” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับมองกล่องสีเงินในมืออย่างหงุดหงิด

                ...

                2 ชั่วโมงก่อน

            ณ แกรนด์ซิตี้                                                  

                แม้จะเป็นยามราตรีแต่ภายในเมืองก็คงยังมีผู้คนจำนวนมากสัญจรไปมากันอย่างพลุกพล่าน แสงสีภายในเมืองดูตระการตาเป็นอย่าง แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในเมืองนี้ก็คงไม่พ้นปราสาทที่ประดับไฟตกแต่งสวยงาม ออร่าสีทองที่ปกคลุมไปทั่วปราสาทช่วยเพิ่มให้กับปราสาทเป็นอย่างมาก ในดินแดนที่ผู้คนเต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นนี้คงไม่มีใครคิดหรอกว่าลึกลงไปใต้ปราสาทนั้นจะคนกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยเรื่องหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นกันอย่างเคร่งเครียดอยู่

                ณ ห้องประชุมใต้ปราสาท

            ภายในห้องประชุมนั้นเป็นห้องสีขาว ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมากมาย มีเพียงโต๊ะประชุมเหล็กขนาดใหญ่วางอยู่ระหว่างเก้าอี้ไม้เท่านั้น

                ผู้ที่อยู่ในห้องมีเพียงสามคนเท่านั้น คนแรกที่จะกล่าวถึงก็คือ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ ชายหนุ่มคนนั้นมี ใบหน้ารูปไข่ ผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีเขียวมรกตของเขากำลังจดจ้องอยู่กับประตูของห้องประชุมอย่างใจจดใจจ่อ เชื่อว่าในลอสท์แลนด์คงไม่มีใครไม่รู้จักชายผู้นี้เพราะชื่อของชายผู้นี้ก็คือ อเล็กซ์ซานเดอร์ ครูซ ฮาวน์เวน ซึ่งก็คือกษัตริย์กำลังปกครองลอสท์แลนด์อยู่ในขณะนี้นั่นเอง

                ชายคนที่สองนั้นนั่งถัดมาจากครูซทางด้านซ้าย ขายคนนั้นมีร่างกายบึกบึน ใบหน้ากลมมน ผมสีน้ำเงินเข้ม นัยน์ตาสีดำของเขากำลังจดจ้องอยู่กับประตูไม่ต่างจากชายคนแรก ชื่อของชายคนนี้ก็คือ คัล เฟเทอร์ หรือหัวหน้ากองพันอัศวินรักษาพระองค์คนปัจจุบันนั่นเอง

                ส่วนคนที่สามนั้นนั่งตรงข้ามคัลมาทางด้านขวาก็ชายหนุ่มผมสีเงินคนดังกล่าวนั่นเอง ชื่อของชาวหนุ่มคนนั้นก็คือ ลูซ กราดิเวอร์ คนในลอสท์แลนด์รู้จักเขาในฐานะบุรุษไปรษณีย์ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น แต่ในความจริงแล้วใครจะไปคิดล่ะ ว่าตัวเขามีอะไรมากกว่าคำว่า ‘ธรรมดา’ เยอะ

                “นายแน่ใจนะว่าหมอนั่นจะมา?” ครูซเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบโดยที่สายตายังไม่ได้ละไปจากบานประตูเลยแม้แต่น้อย

                “แน่ใจสิ ฉันเล่นทิ้งปมไว้ซะขนาดนั้น” คัลตอบพร้อมกับยกกาแฟขึ้นมาจิบ “นายเคยทำงานกับหมอนั่น นายน่าจะรู้จักหมอนั่นดีที่สุดนะ”

                “แต่ว่านายเขียนไปในจดหมายว่าให้มาภายในวันพรุ่งนี้แล้วหมอนั่นจะมาเหรอ?” ลูซพูดพร้อมกับหยิบคุกกี้หนึ่งชิ้นขึ้นมากิน

                “อาจจะยังมาไม่ถึงก็ได้นะ เพราะการสัญจรไปมาในเมืองค่อนข้างแออัดพอสมควร แถมยังมีการรักษาความปลอดภัยในปราสาท กว่าจะผ่านมาได้คงเป็นวัน” ครูซวิเคราะห์โดยที่ยังไม่ละสายตาจากบานประตู

                กึก!! แอ๊ด!!

                ลูกบิดประตูถูกหมุนก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก เสียงของบานประตูที่ถูกเปิดนั้นช่วยดึงความสนใจของคนภายในห้องประชุมได้ดีทีเดียว ภาพของบุรษสองคนที่ปรากฏตัวหน้าห้องประชุมนั้นสร้างความตื่นตะลึงให้กับคนภายในห้องเป็นอย่างมาก

                “นัดแค่หนึ่ง ทำไมมาตั้งสองวะเนี่ย?” คัลเอ่ยขึ้นทั้งที่เขาก็ตื่นตะลึงไม่ต่างจากคนอื่น

                “เพราะฉันรู้ไงล่ะ ว่านายชอบของแถม” ชายผมทองที่ยืนอยู่หน้าประตูพูดพร้อมกับเดินเข้ามาที่ห้อง

                ‘แถมบ้าแถมบออะไรกัน’ คัลคิดพร้อมกับยกกาแฟขึ้นจิบ

                ตึง!! กึก!!

                ประตูถูกปิดโดยชายชราที่มากับชายผมทอง ก่อนที่ชายชราจะเข้ามานั่งข้างลูซ ส่วนชายผมทองนั้นเดินไปนั่งข้างคัล

                “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ราเฟล” ครูซพูดก่อนที่จะหันไปทางชรา “นายด้วยนะลาสท์”

                “ยินดีที่เจอกันอีกเช่นกันครับ หัวหน้า คัล แล้วก็...” ชายชราเว้นวรรคเล็กน้อยเมื่อหันไปทางลูซ “น้องชาย”

                ลูซนั้นยิ้มตอบกลับมา คัลนำชามาเสิร์ฟให้ราเฟล แล้วจึงนำกาแฟมาเสิร์ฟให้ลาสท์ ส่วนครูซยื่นกระแผ่นหนึ่งให้กับทั้งคู่

“นี่เป็นแผนปฏิบัติการ” ครูซเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียดก่อนที่จะยกกาแฟขึ้นมาดื่มแล้วจึงกดปุ่มที่โต๊ะ หลังจากที่กดปุ่ม ตรงกลางโต๊ะประชุมก็แยกออกจากกันก่อนที่จะปรากฏเลนส์สีแดงโผล่ขึ้นมาแทรก หลังจากที่เลนส์สีแดงนั้นเรืองแสงสีแดงมันก็เริ่มฉายภาพอะไรบางอย่าง…

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา