Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  42.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

38) สิ่งที่ต้องยืนยัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เค้าลางแห่งพายุขนาดมหึมาที่สุดเท่าที่โลกจะเคยประสบมาก่อนได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับความบิดเบี้ยวของมิติเวลาที่ปรากฏขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุที่กลางท้องฟ้ากว้างหลังจากที่มิรันและฮานามิสามารถกำราบเหล่าสัตว์ประหลาดที่ดันตัวเองออกมาจากพื้นดินเพื่อชำระล้างมลทินของโลกให้หายไปอย่างหมดจด ซึ่งกลับกลายเป็นว่าเซย์ริสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกในขณะนี้เป็นฝ่ายได้ชำระเสียเอง


และในขณะนี้เอง... การต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่จะไม่มีแม้กระทั่งแสงตะวันแห่งวันพรุ่งก็ได้อุบัติขึ้นแล้ว





"เตรียมใจตายเอาไว้แล้วงั้นสินะ...มิรัน ถ้างั้นฉันจะใช้'นิวตรอนสตรีม'ตอบโต้ท่าไม้ตายของเธอแล้วล่ะนะ"


"เธอไม่จำเป็นต้องบอกฉันหรอกน่า ฉันน่ะไม่คิดเตรียมใจที่จะตายตั้งแต่แรกแล้วล่ะ... เพราะคนที่จะต้องตายก็คือเธอ!"




ร่างบางๆของนางฟ้าผู้ยกระดับตัวเองขึ้นมาจากมนุษย์ทั้งสองเดินออกจากชายฝั่งที่ทอดยาวสุดลูกตาเป็นระยะที่มากพอเพื่อที่จะไม่เผลอกลิ้งตกลงไปในทะเลจนกลายเป็นตัวถ่วงน้ำหนักชั้นเลิศให้ฝ่ายตรงข้ามได้อาศัยช่องว่างนั้นพลิกสถานการณ์ไปเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างช้าๆจนได้ระยะที่พอเหมาะก่อนที่จังหวะก้าวเท้าของทั้งสองจะหยุดลง และเพราะการไถลเล็กน้อยของฝ่าเท้าที่กดหยุดลงบนพื้นทรายนั้นเองที่ทำให้เกิดเป็นละอองฝุ่นสีขาวละเอียดปลิวขึ้นมาตามแรงลมที่ยังคงพัดอยู่อย่างอ่อนโยนไปไกลสุดสายตา


และในระหว่างนั้นเองก็มีผู้ชมที่มีสถานะเหมือนสักขีพยานในชัยชนะในการตัดสินอำนาจเหนือผืนธรณีที่มีความขัดแย้งกันมานานระหว่างแองเจลอยด์ทั้งสองกำลังยืนดูฉากสุดท้ายของศึกตัดสินครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อภายในม่านพลังสีน้ำเงินที่ฮานามิกางเอาไว้ป้องกันอันตรายจากคลื่นพลังที่กระจายออกมาจากการเข้าปะทะกันของพวกเธอ แม้ว่าอันที่จริงแล้วจุดประสงค์แต่แรกก็เพื่อไม่ให้เด็กชายคนนั้นได้มีโอกาสเข้ามายุ่มย่ามในการต่อสู้ตัดสินระหว่างลูกผู้หญิงก็ตาม...




"อย่างที่ฮิซาชิคุงว่าเอาไว้... การใช้กำลังไม่ได้ช่วยตัดสินความขัดแย้งอะไรได้ก็จริง แต่ในขณะเดียวกันความอ่อนโยนเองก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหลายๆอย่างได้เช่นกัน!!"




               เปรี๊ยะ..!!!!!     เปรี๊ยะ..!!!!!!!




"ไม่เอาน่า... การต่อสู้ระหว่างเซย์ริด้วยกันไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นหรอกน่า... คิดใหม่ทำใหม่เถอะนะ มิรัน..!? ฮานามิ..!?"



ในจังหวะนั้นท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนเหนือพื้นดินขึ้นไปก็ได้ถูกแทนที่ด้วยลำแสงสีฟ้าและสีน้ำเงินที่แองเจลอยด์ทั้งสองรวบรวมพลังจากร่างกายทั้งหมดเอาไว้จนเปล่งแสงและพลังอัดทำลายที่สูงยิ่งกว่าทุกๆการโจมตีที่ผ่านมาทั้งหมดออกมาจากบรรยากาศโดยรอบเริ่มส่งเสียงร้องระงมด้วยความโศกเศร้าที่จะต้องสูญเสียบุคคลที่เคยปกป้องพวกมันเอาไว้คนใดคนหนึ่งไปอย่างไม่มีวันย้อนกลับคืนมา หรือบางทีอาจจะเป็นทั้งสองคนเลยก็ได้...




                                        "ฉันนี่แหละ...ที่จะเป็นคนปกป้องโลกใบนี้เอง!!!!"


                         "หยุดนะ!!!!!!!"








     หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั้น... สิบห้าชั่วโมงหลังจากที่การรุกรานของเหล่าสัตว์ประหลาดจบสิ้นลง...



"เป็นไงล่ะฮิซาชิ..! มิรันโตขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ใช่ไหมล่ะ!! นายอยากจะทำอะไรมิรันก็ตามสบายเลยนะ!!"



เสียงอันแสนสดใสที่เทอร์รารอยด์ระดับสองกล่าวถ้อยคำที่แสนเสนาะใบหูของเหล่าผู้ชายที่ปรารถนาที่จะลองลิ้มรสหวานนุ่มสุดละมุนลิ้นของหนองโพคั้นจากเต้าดังเข้าสู้โสตประสาทของเด็กชายที่กำลังมีอาการเหมือนกับไม่พอใจอะไรบางอย่างเอามากๆจนเหมือนกับปฏิกิริยาสะเทินไขมันบนผิวหนังที่ถูกกรดแก่ราดใส่ไม่มีผิด


ซึ่งมันจะเป็นเรื่องอะไรที่ทำให้ฮิซาชิรู้สึกหงุดหงิดได้ถึงขนาดนี้...คงจะรู้กันดีอยู่แล้วสินะ!?




"อืมใช่... หนองโพยัยมิรันใหญ่ขึ้นจริงๆจนฉันสัมผัสได้ อีกทั้งทรวดทรงองค์เอวก็สมบูรณ์ดีทุกอย่าง เป็นสาวมัธยมปลายตามที่ฉันปรารถนาจะขยายสายพันธุ์ด้วยจริงๆ แต่ว่านะฮิโรมิ..."



สายตาที่มองไปยังทิศตรงหน้าของสาวผมแดงกระตุกขึ้นนิดหน่อยพร้อมกับริมฝีปากที่กดให้ยิ้มเป็นรูปตัววีทันทีเมื่อฮิซาชิดันตัวลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ไม้เดินเข้ามาหาเธอ ซึ่งเด็กชายตัวน้อยได้ทำการชี้นิ้วให้ฮิโรมิโน้มตัวลงมาเพื่อให้เขาได้จัดการในสิ่งที่ต้องการจะทำได้อย่างสะดวก ทำให้เธอต้องดำเนินการแอ่นหน้าอกออกมาให้เขาได้ขยำขยี้ตามใจชอบ ก็ถ้ามันจะทำแบบนั้นจริงๆแล้วก็นะ...




                    "โขก!!!!!!"




"ทำไมเธอถึงต้องบอกฉันว่ามิรันล่วงหน้าไปโรงพยาบาลก่อนหน้าฉันด้วย!! ถ้าในตอนนั้นยัยนั่นเกิดตายไปจริงๆ...แค่ขยี้หน้าอกให้เละเป็นน้ำก้ไม่พอที่จะชดใช้หรอกเฟ้ย!!!"



"ก็ฉันคิดว่า...นายน่าจะรู้นี่นาว่ามิรันได้รับบาดเจ็บจนบินต่อไปไม่ไหวแล้วหันกลับมาถามฉันดีๆนี่นา อีกอย่างตอนที่นายรีบบินออกไปตอนนั้นมันดูตลกเป็นบ้า..."



"ฉันไม่ขำกับเธอด้วยหรอกนะ!! ลองคิดดูว่าถ้าคนที่บินตามมิรันที่มุ่งหน้าออกไปขึ้นฝั่งที่ไกลกว่ากำลังตอนนั้นจนบินไหวเป็นเธอแล้วละก็... ถ้าฉันบอกกับเธอว่าฉันยอมให้มิรันบินไปตามยถากรรมเมื่อก่อนหน้านี้ไม่นานแล้วไม่เห็นตัวยัยนั่น เธอจะค่อยๆบินกินลมปล่อยให้ยัยนั่นจมน้ำตายไปเรื่อยๆหรือไง!!"




"ก็มิรันไม่ได้จมน้ำตายจริงๆสักหน่อย..."



"เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกันว้อย!! ลองใช้สมองที่มีอยู่เพียงน้อยนิดนั่นคิดดูสิว่าถ้ากำลังรบสำคัญของมนุษยชาติต้องตายไปเพียงเพราะการเล่นสนุกโง่ๆของเทอร์รารอยด์ที่ไม่เคยจริงจังกับชีวิตแล้วละก็... คนที่จะต้องตายถัดจากมิรันก็คือเธอเองนั่นแหละ!!!"



                    "อีกโขก!!!!!!"




กำปั้นเล็กๆแต่แฝงไปด้วยความแข็งที่สามารถทุบลูกมะพร้าวแตกได้อย่างง่ายดายทุบลงไปยังศีรษะของสาวน้อยที่ไม่สามารถได้รับบาดเจ็บได้กับเพียงแค่มีดปังตอสับลงมายังกระหม่อมด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนน้ำตาเล็ดออกมาเล็กน้อย แต่ฮิโรมิก็ยอมรับการทำโทษครั้งนี้แต่โดยดี...ล่ะมั้ง!?



"คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ... รู้ไหมว่าฉันน่ะเป็นห่วงยัยมิรันขนาดไหน"





"กำลังรบสำคัญของ...มนุษย์อย่างนั้นเหรอ!? อยากจะหัวเราะ..." เสียงเล็กๆอีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา



"แปลว่าที่ผ่านมานายเห็นฉันเป็นแค่อาวุธชิ้นหนึ่งเท่านั้นหรือไง...เพราะเป็นอาวุธที่มีชีวิตชิ้นหนึ่งถึงได้ต้องพยายามเอาใจเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ฉันหักหลังพวกมนุษย์สินะ หรือว่าเพราะในการต่อสู้ที่นายต้องแลกด้วยชีวิตในยุคที่นายมาไม่มีฉันอยู่ด้วย นายถึงได้พยายามที่จะไม่ให้ฉันต้องออกไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อรักษากำลังรบให้ได้มากที่สุดกันแน่!!"






"ก็...คงจะเป็นอย่างที่เธอพูดมานั่นแหละ" เสียงของเด็กชายทำให้มิรันถึงกับนิ่งพูดอะไรไม่ออก



"เพราะที่ผ่านมาตอนเด็กๆฉันเห็นเธอไม่ได้ร่วมต่อสู้เป็นชิ้นเป็นอันเลยสักครั้ง ถ้าจะให้นับกันจริงๆก็ได้เห็นเธอแค่สามครั้งเท่านั้นแหละ ครั้งแรกก็ตอนที่ฝากมิคาสะให้ฉันดูแล... ครั้งที่สองก็ตอนที่ทดสอบความสามารถของมิคาสะกับยูนะในการต่อสู้ที่ชายหาด... แถมครั้งสุดท้ายยังมาตายต่อหน้าพวกเราซะอีก ถ้าให้ฉันคิดดูดีๆแล้วนะ เซย์ริที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างเธอมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับอาวุธชีวภาพที่ไม่มีใครเห็นค่านอกจากจะถูกใช้ในสนามรบเท่านั้นแหละ!!!"






"นายมัน...ไม่สมควรจะได้รับความรักจากผู้หญิงคนไหนทั้งนั้นจริงๆนั่นแหละ"


มิรันระบายความอัดอั้นที่สั่งสมเอาไว้ภายในใจออกมาให้ฮิซาชิได้รับรู้อย่างชัดเจนว่าจริงๆแล้วเธอรู้สึกกับท่าทีที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของเขาอย่างไรกันแน่ ซึ่งคำพูดนี้เองที่ฮิโรมิเห็นด้วยอย่างที่สุด




"ที่ผ่านมานายคงจะเก็บกดจากการถูกผู้หญิงละลายทรัพย์ไปมากเลยสินะ!! นายคงติดลมจากการไล่ชกไล่ฆ่าผู้หญิงรายตัวแบบจะชกเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักทีเลยสินะ..! อย่าลืมนะว่าในตอนนี้ฉันแข็งแกร่งพอที่จะฆ่านายได้แล้ว...และบ้านที่นายอาศัยอยู่ตั้งแต่ตอนเด็กๆจนในตอนนี้ก็เป็นบ้านของฉัน!! ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อก็หัดทำตัวให้มันดีๆซะบ้าง!!!"




                                   โครม..!!!!!!! 




หลังจากที่ได้ระบายอารมณ์และข่มขู่ผู้อาศัยเกาะกินจนเป็นที่พึงพอใจแล้ว มิรันก็เดินออกจากบ้านไปด้วยอารมณ์โกรธที่ยังคงค้างอยู่ในจิตใจจนต้องระบายออกมาด้วยการปิดประตูบ้านอย่างแรงจนบานประตูหลุดออกมาทั้งแผ่นจนเธอต้องเก็บชิ้นส่วนที่หลุดออกมาไปทิ้งขยะ ก่อนที่จะบินออกไปด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดทั้งหมดที่ไม่สามารถระบายออกมารวดเดียวได้ ซึ่งมิรันยังไม่ได้เลือกที่หมายในการระบายอารมณ์โกรธครั้งนี้เลย





                    "เป็นอะไรของเขานะ...มิรัน!?"




มางด้านฮิซาชิที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของจิตใจแองเจลอยด์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมาทางไหนกันแน่ได้ยกแขนขึ้นมาบังเศษกระจกที่แตกออกด้วยแรงอัดอากาศตอนที่มิรันออกตัวพุ่งขึ้นท้องฟ้าไปด้วยความเร็วสูงสุดซึ่งกระเด็นเข้ามาเสียบบนของประดับบ้านอย่างโหดเหี้ยม น่าเสียดายที่ฮิซาชิและฮิโรมิกลับไม่ได้รับบาดเจ็บจากเศษกระจกเหล่านั้นเลย



เพราะสิ่งที่จะทำให้เด็กชายที่แข็งแกร่งเกินคนทั่วไปนั้นบาดเจ็บได้...มาอยู่ข้างๆเขาแล้ว!




                                                                 ผัวะ!!!......



ร่างของฮิซาชิกระเด็นออกไปตามแรงกระแทกรุนแรงที่พุ่งเข้ามาทางใบหน้าฝั่งขวาด้วยความเร็วพอๆกันจนลอยไปกระแทกกับกำแพงปูนเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่ ก่อนจะตามมาด้วยแรงอัดกระแทกที่ปะทะเข้ามายังช่องท้องของเขาจนพุ่งทะลุกำแพงออกมายังทางเดินหน้าประตูบ้านพร้อมกับอาการบาดเจ็บรุนแรงที่ส่งตรงเข้าสู่สมองโดยไม่ทันได้ตั้งตัวและฝ่าเท้าของฮิซาชิที่ลอยขึ้นจากพื้นโดยที่เจ้าตัวไม่ได้กระโดดหรือใช้พลังทำให้ลอยขึ้นมาเลยสักนิด




"เธอทำอะไรน่ะ... ฮิโรมิ!?"



"นายน่ะไม่ได้เข้าใจมิรันเลยสักนิด..! ทั้งๆที่ยัยนั่นเป็นพวกเปราะบางต่อความรู้สึกขนาดนั้นแท้ๆ!!"



"หมายความว่ายังไง...ที่แน่ๆปล่อยฉันลงก่อนที่หัวของฉันจะกลายเป็นลูกแตงโมบนชายหาดหน้าร้อนนะ!!"




"ถึงฉันจะไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่างที่เด็กสาวที่มีอายุเท่าส่วนสูงของฉันรู้กันก็เถอะ แต่ว่าเรื่องของมิรันน่ะ...ฉันมองแค่ครั้งเดียวก็รู้แล้วว่ายัยนั่นต้องอยู่อย่างอ้างว้างมาตลอด!! ทั้งที่เป็นแบบนั้น...นายยังทำร้ายจิตใจยัยนั่นได้ลงคอ"




"โปรเจกต์SEIRIแต่ละคนล้วนมีความสามารถเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป แต่ว่ามีอยู่สิ่งหนึ่งที่ทำให้มิรันแตกต่างออกไปจากเซย์ริคนอื่นๆ... 'ความรู้สึกสังเคราะห์ที่เหมือนกับมนุษย์จริงๆ' นายคงได้เห็นที่มิรันแสดงความรู้สึกได้ต่างจากฉันแล้วสินะ... นายคงไม่รู้หรอกนะว่าที่ผ่านมามิรันน่ะแอบมองนายจากที่ไกลๆมาตลอด คงจะยังไม่ลืมสินะว่าตอนที่พวกเราวิ่งหนีพวกมนุษย์ที่ถูกผู้นำมาซึ่งความวิบัติควบคุมอยู่นั่น มิรันก็ยังเลือกที่จะวิ่งตามนายไปจนโดนนายไล่ไปอีกด้วย คงยังจำได้ดีสินะ!?"



"ยัยเซย์ริโลลิค่อนเอ๊ย..!"



"มันก็จริงที่มิรันจะมีวิวัฒนาการระดับที่สองอยู่ก่อนแล้วด้วยความรู้สึกที่มีให้กับใครบางคนก่อนที่จะได้พบกับนาย แต่เหตุผลที่ยัยนั่นพยายามที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องฉันตอนที่เกือบจะถูกโซลเนลฆ่าจนเสียแขนไปข้างนั่นก็ดี... ทั้งตอนที่เลือกจะปล่อยพลังสกัดเปลวไฟของสัตว์ประหลาดร่างยักษืแทนที่จะเล่นงานมันตรงๆไปเลยเมื่อตอนที่เจอฮานามิครั้งแรกนั่นก็ด้วย... หรือจะให้เท้าความไปถึงตอนที่ยัยนั่นยอมให้เด็กที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านนั่นก็ดี ถึงยัยนั่นจะบอกกับฉันว่าเพราะสงสารนาย...แต่ที่มิรันยอมให้นายเข้ามาอาศัยอยู่ตั้งหลายเดือนโดยไม่ส่งไปสถานเลี้ยงเด็ก นั่นก็เพราะความรู้สึกที่ยัยนั่นมีให้กับนายระหว่างการต่อสู้และระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ใช่เหรอ!? แล้วนายคิดว่าสิ่งที่กระตุ้นวิวัฒนาการขั้นที่สามของมิรันขึ้นมานั่น...ไม่ใช่เพราะความรู้สึกที่มิรันมอบให้กับนายหรอกเหรอ"




"พูดซะยาวเลยนะ สรุปแล้วเธออยากจะให้ฉันไปตามยัยโลลิคอนนั่นกลับมาทำความเข้าใจอย่างนั้นหรือไง!?"




การเสวนาธรรมระหว่างฮิโรมิกับฮิซาชินั่นกินเวลานานกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก ซึ่งกว่าที่เรื่องทั้งหมดจะจบลงก็กินเวลาไปกว่า10นาทีแล้ว ซึ่งมันนานมากจนฮิโรมิไม่สามารถระบุตำแหน่งของมิรันจากระบบค้นหาคุณภาพต่ำในระบบน้ำเลี้ยงสมองของเธอได้อีกต่อไปแล้ว



"ฉันไม่ทำให้หรอก... ฉันเชื่อว่ามิรันยังมีเรื่องคาใจที่ต้องจัดการในฐานะแองเจลอยด์อยู่แน่ๆ ฉันจะปล่อยให้ยัยนั่นจัดการเรื่องนั้นด้วยตัวเอง แต่จะว่าไป...ฉันเองก็ยังมีเรื่องคาใจกับยัยนั่นอยู่ด้วยนี่นา"





ฮิซาชิวิ่งผ่านประตูกระจกที่แตกออกเป็นรูกว้างด้วยคลื่นโซนิคบูมของมิรันไปยังลิ้นชักที่เขาเก็บอะไรบางอย่างเอาไว้อย่างทะนุถนอมภายใต้ผ้าเช็ดตัวหนานุ่มที่มิรันซื้อเอาไว้เตรียมที่จะใช้ต่อจากผ้าผืนเดิมที่กำลังจะเปื่อยในภายภาคหน้าออกมาซุกไว้ในกำมือของตัวเองอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้สังหรณ์แปลกๆของฮิโรมิได้รู้สึกตัว ก่อนจะรีบวิ่งส่งตัวเพื่อบินออกไปยังจุดมุ่งหมายของเขาในทันที







โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าที่ๆเขาจะไปนั้นก็เป็นสถานที่สุดท้ายที่มิรันจะไปด้วยเช่นกัน...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา