เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]

9.8

เขียนโดย บุหงา

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.

  29 ตอน
  6 วิจารณ์
  30.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

22) ตอนที่ 22-100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

~22~

อ้อมอกของแม่ กับคำรัก

 

                ฉันปวดหัวมากเมื่อรู้ข่าว เนปจูนโทรมาบอกน่ะ ว่าพี่มีนถูกจับข้อหาทำร้ายร่างกายคนอื่นโดยเจตนา ฉันรีบไปโรงพักทันที ไปถึงเห็นพี่มีนทำหน้าบูดเบี้ยว แล้วจ้องหน้าคู่กรณี เขม็ง ฉันส่ายหน้าช้าๆพร้อมกับเดินเข้าไปหาทันที

                “พี่มีน มันเรื่องอะไรกันค่ะ ทำไมถึงถูกจับ”

                ฉันพูดขึ้นพร้อมถลาเข้าไปจับมือพี่มีนแน่น

                “ก็ยัยบ้านี่สิมัน หน้าด้านแย่งแฟนชาวบ้าน”

                พี่มีนพูดขึ้นพร้อมชี้หน้าน้ำหวานด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด

                “ใครว่าละ ยัยพลอยมันไม่มีน้ำยาต่างหาก”

                “หน่อย อีบ้า  อย่าให้หลุดไปได้นะ เจอดีแน่”

                “โอย....คุณตำรวจขา ดูสิค่ะเขาขู่ฉันอีกแล้วคะ น่ากลั๊วน่ากลัว”

                น้ำหวานพูดขึ้นพร้อมทำท่าทางกลัวลนลาน แต่ก็เต็มไปด้วยอาการเสแสร้ง 

                “หน่อย...”

                “พี่มีนค่ะ”

                ฉันปรามพี่มีน แล้วหันไปมองตำรวจที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานด้วยใบหน้านิ่งๆ

                “ฉันมาประกันตัวพี่สาวคะ”

                “ได้ครับเชิญทางนี้”

                “เอ้า อย่าลืมจ่ายค่าทำขวัญให้ฉันด้วยละหมื่นหนึ่ง”

                “พี่มีน..”

                ฉันปรามพี่มีนอีก เพราะพี่มีนทำท่าจะลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เพื่อจะเงื้อมือตบคนตรงหน้าให้ถนัดมือขึ้น

               

                หลังจากที่ฉันประกันตัวพี่มีนเสร็จ และจ่ายค่าทำขวัญให้กับน้ำหวานเสร็จ ก็ลากพี่มีนออกมาจากโรงพัก และพากลับบ้านทันที ป่านนี้คุณพ่อคงจะกลับมาบ้านแล้ว บ้างทีคุณแม่อาจตามมาด้วย ...ฉันคิดขึ้นด้วยความหวัง

                “แบบนี้พี่มีนจะไล่น้ำหวานออกจากงานไหมค่ะ”

                ฉันถามขึ้นด้วยความสงสัย

                “ไม่หรอกยังแกล้งไม่ไปถึงไหนเลย ว่าแต่ดาวพาพี่กลับบ้านทำไม ไม่เอาพี่ไม่อยากเจอคุณพ่อ”

                “ถ้าเป็นคุณแม่ละค่ะ”

                พี่มีนชะงักไปแล้วพึมพำอะไรบ้างอย่างออกมา จากนั้นก็ก้าวเดินเข้าบ้านไปเงียบๆ แล้วจากนั้นไม่ถึงนาทีฉันก็ได้ยินพี่มีนร้องโวยวายขึ้น ฉันจึงรีบวิ่งตามเข้าไป

                คุณพ่อน่ะเมาแอ๋เลย เฮ้อดูอาการแล้วรู้ทันทีเลยว่าทำไมสำเร็จ สภาพแบบนี้คงจะโดนคุณแม่ไล่ตะเพิดมาแน่ๆ แล้วจากนั้นก็ต้องปวดหัวหนักไปอีก คุณปู่จูงมือคุณย่ามาแล้วก็นั่งลงตรงข้ามคุณพ่อจากนั้นก็พูดประชดประชันทันที ตามประสาผู้สูงวัยที่ขี้น้อยใจ

                “ไม่ไหวแค่นี้ก็ยอมแพ้ซะแล้ว”

                คุณปู่กล่าวขึ้นพลางส่ายหน้าไปมาด้วยความอิดหนาระอาใจ

                “ผมไม่ได้ยอมแพ้นะ”

                คุณพ่อเถียงขึ้นด้วยน้ำเสียงยานคาง จากนั้นก็ผล็อยหลับไป เลยต้องพึ่งลุงโชติให้มาช่วยพาคุณพ่อเข้าไปนอนในห้องนอนดีๆ

                “ดาว กับมีนปู่อนุญาต ให้ลาพักร้อนได้เดี๋ยวที่บริษัทปู่จะดูแลให้ก่อน ส่วนที่คลับสุขภาพก็ให้หนูน้ำพลอยช่วยดูแลให้ เอาละกลับไปอยู่กับแม่กันเถอะทั้งสองคนเลย”

                “ค่ะ”

                ฉันตอบตกลง และก็น่าแปลกที่พี่มีนก็ตอบตกลงไม่ขัดใจคุณปู่เหมือนอย่างเคย

                “กลับไปอยู่กับแม่บ้าง อย่าปล่อยให้อยู่คนเดียวมันไม่ดีนักหรอก เดี๋ยวจะน้อยใจซะเปล่าๆ”

 

                จากนั้นในเวลาเช้า ฉันกับพี่มีนก็แพ็กกระเป๋าเตรียมออกเดินทาง โดยให้ลุงโชติขับรถไปส่งถึงที่ แล้วก็พบว่าคุณแม่ยืนรอรับเราด้วยรอยยิ้มอยู่หน้าบ้าน คุณปู่วางแผนไว้สินะคงเป็นแบบนั้น ไม่เช่นนั้นคุณแม่จะรู้ล่วงหน้าได้ยังไง คิดว่ากะจะเซอร์ไฟรส์คุณแม่สักหน่อย

                “แม่ฝัน!/แม่ฝัน!”

                หลังลงจากรถฉันกับพี่มีนตะโกนเรียกชื่อของแม่แข่งกัน

                แม่ฝันของพวกเราน้ำตาไหลอาบแก้มแล้วกล่าวขึ้นด้วยเสียงสะอื้นเล็กน้อยว่า

                “นานแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าลูกของแม่ทั้งสองคนพร้อมกันแบบนี้ ถึงหน้าจะเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีใครทดแทนกันได้หรอกนะ เพราะดาวก็คือดาว มีนก็คือมีน แม่รักทั้งสองคนเท่าๆกัน”

                แม่ฝันกล่าวขึ้นแล้วยกมือลูบหน้าพวกเราทั้งสองคนเบาๆ แล้วหันไปมองหน้าพี่มีนนิ่ง

                “แม่ไม่ได้จะทิ้งมีนนะลูก”

                “มีนรู้ เรื่องนั้นมีนเข้าใจแม่ แม่ไม่ต้องห่วงนะ มีนกับดาวก็รักแม่เหมือนกันคะ”

หลังจากนั้นเราทั้งสามคนก็กอดกันกลมดิก และรอยยิ้มก็ระบายเต็มสีหน้าของเราทั้งสามคนแม่ลูก

                “เข้าบ้านกันเถอะจ๊ะ พรุ่งนี้แม่จะพามีนกับดาวไปอวดแม่พรึกสักหน่อย”

               

                เช้าวันใหม่เสียงนกร้อง กอปรกับอากาศสดชื่น ฉันลุกมาเปิดหน้าต่างมองดูนกตัวเล็กๆ บินผ่านหน้าไปตัวแล้วตัวเล่า บรรยากาศแบบนี้หาดูอยากในกรุงเทพฯ ที่มองเห็นแต่ตึกสูงๆ แออัดเบียนเสียดกัน ถ้าหากตึกอาคารต่างๆมีชีวิตมันคงทำหน้าเบ้อยู่ตลอดเวลาเพราะความอึดอัดแน่ๆเลย

                “ไงเราตื่นแต่เช้าเลยนะ”

                พี่มีนพูดขึ้นพร้อมกับนั่งบิดขี้เกียจบนเตียงนอน จากนั้นก็ฟุบหน้าลงบนหมอนอีกครั้ง

                “หลับสบายจัง ไม่อยากลุกเลย”

                “พี่ลุกเดี๋ยวนี้แม่ จะพาเราไปทำบุญที่วัดนะเร็วเข้าไปอาบน้ำก่อนเลย”

                ฉันพูดขึ้นพร้อมดุนหลังพี่มีนให้เข้าห้องน้ำไป จากนั้นก็เดินลงไปข้างล่าง เพื่อช่วยแม่เตรียมอาหารไปทำบุญตักบาตรที่วัด

                “แม่จ๋าให้ดาวช่วยนะ”

                “แม่ทำเสร็จหมดแล้วจ๊ะลูก ว่าแต่พี่มีนละเมื่อไรจะลงมาสักที”

                “อาบน้ำอยู่ค่ะ”

                “งั้นเราก็ไปแต่งตัวเลย เดี๋ยวแม่ก็จะไปแต่งตัวเหมือนกัน”

 

                “แม่ มีนว่ามันไม่ดีนะคะแบบนี้”

                “มันไม่ดีตรงไหนออกจะน่ารัก ใช่ไหมดาว”

                “ใช่ดาวว่าตอนนี้พี่มีนน่ารักมากๆเลย”

                จากนั้นพี่มีนก็เดินกระมิดกะเมี้ยน ทำท่างอนตุบป่องนำหน้าไป สาเหตุที่เป็นแบบนี้ เพราะพี่มีนกับฉันถูกแม่จับแต่งสวมผ้าถุงน่ะ กว่าจะลากพี่มีนออกมาได้ ข้ออ้างสารพัดเลยละ กลัวหลุดบ้างละ กลัวเดินเหยียบชายผ้าถุงบ้างละ

                แต่สุดท้ายก็ดูท่าจะยอมแพ้แล้ว จากนั้นเราก็พบแม่พรึก ระหว่างทาง  และท่านก็ดูไม่ตกใจอะไรที่เห็นฉันกับพี่มีนพร้อมกันทั้งสองคน แม่ฝันของดาวคงจะเล่าให้ฟังแล้วมั้ง

                “คนไหนหนูดาว คนไหนหนูมีนละเนี่ย แยกกันไม่ออกเลยแต่งตัวเหมือนกันแบบนี้”

                แม่พรึกกล่าวขึ้นยิ้มๆ พร้อมกวาดสายตาเอ็นดูมองฉันกับพี่มีนสลับกันไปมา

                “คนที่ดูเรียบร้อยๆคนนี้ดาวจ๊ะแม่พรึก ส่วนคนที่เอาแต่ทำหน้าบูดนั้นก็มีนจ๊ะ”

                จากนั้นเราชวนกันไปทำบุญตักบาตรที่วัดด้วยกันอย่างมีความสุข

 

                ทั้งวัน ฉันนั่งอมยิ้มกับชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับบ้านหลังกะทัดรัดหลังนี้ หากคุณพ่อมาด้วยคงมีความสุขมากกว่านี้บ้านไม่จำเป็นต้องหลังใหญ่โตหรอก หลังเล็กแต่อบอุ่น ดีกว่าโตแต่บ้านหากความอบอุ่นลดน้อยถอยลงเรื่อยๆเป็นไหนๆ

                “พี่ดาว!”

                จู่ๆ ก็มีเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักมายืน เรียกชื่อฉันอยู่หน้าบ้าน ฉันหันไปจ้องหน้าเขาด้วยแววตาสงสัย ทำไมรู้จักฉันด้วยละ?

                “โมได้ยินคนในหมู่บ้านลือกันว่าพี่ดาวยังไม่ตาย และก็เป็นเรื่องจริง... จริงๆด้วย”

                “โม?”

                ฉันเอ่ยขึ้น และขมวดคิ้วงุนงง โม...ชื่อนี้คุ้นๆนะ เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนเลย และฉันก็คิดไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหนกันแน่

                “นะโมฮะ พี่ดาว ยังจำโมได้รึเปล่า”

                “นะโม นะโมนั้นเอง”

                ฉันกล่าวขึ้นเมื่อจำได้ว่าเด็กคนนี้เป็นใคร แล้วรีบเดินไปเปิดประตูรัวบ้านให้นะโมเข้ามา ด้วยรอยยิ้มสดใส

                “พี่ดาวเดินได้...เดินได้เหมือนเดิมแล้ว แบบนี้ก็แย่น่ะสิครับ”

                นะโมตะโกนร้องขึ้นด้วยความตกใจ แล้วจ้องขาของฉันเขม็ง

                “อ้าวทำไมถึงแย่ละนะโม พี่เดินได้แล้วแบบนี้นะโมไม่ดีใจเหรอ?”

                ฉันพูดพร้อมยิ้มให้นะโม เพราะรู้คำตอบดีว่าทำไมถึงแย่

                “ดีใจฮะ แต่พี่ดาวเดินได้แบบนี้โมก็มีคู่แข่งเยอะน่ะสิ พี่ดาวของโมออกจะสวย  แต่ถ้าหากพี่ดาวยังเดินไม่ได้เหมือนเดิม โมจะขอพี่ดาวแต่งงาน ใครจะมองพี่ดาวของโมยังไงก็ช่าง  โมจะดูแลพี่ดาวเอง”

                คำพูดของนะโมทำให้ฉันดีใจมากๆ อ้อนะโมเด็กที่ฉันช่วยไว้เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว  เขาเคยสัญญาว่าโตขึ้นจะขอฉันแต่งงานถึงฉันจะเป็นคนพิการก็ช่าง ฉันคิดว่าเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝันสำหรับเด็กคนหนึ่งเท่านั้น พอมาตอนนี้ไม่นึกว่าจะขอฉันแต่งงานจริงๆหรอก แต่นะโมเขายังยืนยันคำเดิมที่จะขอฉันแต่งงาน

                “มานั่งตรงนี้สิจ๊ะนะโม เดี๋ยวพี่จะเอาขนม กับน้ำหวานที่นะโมชอบมาให้นะ”

                “ผมโตแล้วนะครับไม่สนใจขนมหรอก สนใจพี่ดาวของผมมากกว่า ”

                นะโมพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ย ส่วนฉันส่ายหน้าไปมามองเจ้าตัวที่บอกว่าตัวเองโตแล้ว แต่สูงเพียงแค่ระดับไหล่ของฉัน และเพิ่งจะอายุสิบสองเท่านั้นเอง

                “เอาเถอะ ขนมนี้พี่ทำเองเลยนะนะโม... นะโมไม่สนใจเหรอ?”

                จบคำพูดของฉันนะโมก็ทำตาลุกวาวทันที แต่สักครู่ก็ทำหน้ามุ่ยเหมือนเดิม และพูดว่า

                “ทำไมไม่เรียกโมละฮะ”

                “จ้ะโม แล้วรอตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่มาแป๊บเดียวเอง”

                นะโมพอได้ยินฉันเรียกโมเฉยๆก็ยิ้มกว้างและรีบทรุดตัวนั่งลงบนม้าหินอ่อนหน้าบ้านอย่างว่าง่ายทันที

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา