เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]

9.8

เขียนโดย บุหงา

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.

  29 ตอน
  6 วิจารณ์
  30.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ตอนที่ 7 มาแล้วค่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

~7~

เดินทางจากไป แต่ใจไม่อาจลืม

 

                “เฮ้ยพวกเราลากมันขึ้นรถ”

ทิมตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงฉุนๆ

“ ดูมันทำหน้าเข้า”

พัทกล่าวขึ้นบ้างพร้อมส่ายหน้าระอา กับการแสดงความรู้สึกบนใบหน้าของผม

“โวโฮะ ไอ้นี้หน้ามันตลกจังวะ”

พีเองก็เหมือนกันพูดจบก็เอาแต่หัวเราะท้องขัดท้องแข็งจนต้องง้อตัวเหมือนกุ้ง ผมซีเรียสอยู่นะมันไม่ตลกเลยสักนิด ไม่เข้าใจความคิดของพีมันเสียเลย

“ ซันไม่ยอมขยับเลยใช่ไหมครับคุณแม่ ตอนที่ผมคุยโทรศัพท์กับลูกนอกคอกของคุณแม่เสร็จ”

                ดินกล่าวขึ้นพลางหันไปอ้อนแม่ผม แล้ว ทิม พัท พีระ  เพื่อนสมัยเรียนมหา’ลัย เพื่อนรักของผมก็โวยวายขึ้นเมื่อเดินเข้ามาถึงหน้าประตูที่ผมเปิดอ้าเอาไว้ตอนดูต้นไม้ในยามเช้า คงแค้นดินที่หันไปอ้อนแม่ผมก่อนใคร และผมก็ยังนั่งอยู่เหมือนเดิมไม่ยอมขยับไปไหน

                “ผมคิดถึงแม่พรึกจังครับ แม่พรึกคิดถึงลูกทิมคนนี้ไหมครับ”

                ทิมพูดขึ้นแล้วเข้าไปนั่งเกาะเอว และเอาหัวไปซบที่เอวแม่ของผมอย่างกับเด็ก..เด็ก

                “อย่าอ้อนแม่ฉันสิวะ แม่เอ็งที่ไหนไอ้ทิม...แม่ครับผมคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่อะ ไม่ได้ชิมนานแล้วครับ คิดถึง คิดเถิง”

                แล้วพัทก็พูดขึ้นพร้อมกับก้าวเข้าไปพลักหัวไอ้ทิมออกจากเอวแม่ของผม

                “ตกลงคิดถึงแม่พรึก หรือเอ็งคิดถึงของกินวะ ไอ้พัท ...แม่พรึกครับพีอย่างหม่ำห่อหมกปลาช้อนฝีมือของแม่

พรึกครับ”

                แล้วพีอีกคนที่เข้าไปร่วมวงพลักหัวกับสองคนนั้น

                “เฮ้ยพวกเอ็งอย่าโวยวายเป็นเด็ก..เด็กสิวะ ใช้ไม้เรียวหวดก้นแต่ละคนเลยครับแม่พรึก พวกเด็กไม่รู้จักโตพวกนี้นี่ เดี๋ยวก็โดนไม้เรียวแม่พรึกหรอก”

                และดินเองแหละที่เป็นคนห้ามพวกนั้นที่กำลังกันรุมกันกอดแม่ของผม และพยายามพลักอีกคนออกให้ห่างแม่ผมตัวเองจะได้กอดได้ถนัดขึ้น

                “เอาละจ๊ะ เด็กๆ ไม่ต้องแย่งกัน มาแม่จะกอดทุกคนเลย”

                แม่ผมพูดจบก็กอดผู้ใหญ่ตัวโต แต่สมองน้อยเท่ากับเด็กเจ็ดขวบพวกนี้เรียงตัว

                “พรุ่งนี้ดิน และลิงพวกนี้จะพาซันไปบำบัดโรคจิตนะครับ วันนี้พวกเราจะอยู่นอนกอดแม่พรึกคืนหนึ่ง จากนั้นพรุ่งนี้เช้าพวกเราจะออกเดินทางไปโรงพยาบาลบ้าเพื่อไปส่งซันมันครับ”

                ดินพูดขึ้น เมื่อเป็นคนกอดแม่ผมเป็นคนสุดท้าย ผมจึงหันไปถลึงตาใส่ดิน แล้วหันไปอ้อนแม่ผมอีกคน

                “วันนี้แม่ต้องนอนกับซัน ถึงซันจะกลับมาบ้านได้อาทิตย์หนึ่งแล้วก็ตามวันนี้ แม่ก็ต้องนอนกอดซัน และคืนนี้ห้ามนอนกอดไอ้ลิงพวกนี้เด็ดขาด”

                “แม่นายที่ไหนซัน!!!!”

                เมื่อจบคำพูดนี้ของผมไอ้พวกนี้สี่คนก็พูดขึ้นพร้อมกันเสียงแข็ง

                “นายเป็นแค่ลูกนอกคอก ออกไปนอนกับดุกดิกเถอะ ไอ้พวกจมอยู่แต่กับอดีต”

                คำพูดนี้ของดินทำให้ผมหน้าชา

                “ไอ้ดุกดิกมันตายแล้ว อีกอย่างพวกนายต่างหากลูกนอกคอก”

                ผมพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบตึง และหันไปเดินเข้าห้องตัวเอง อย่างรู้สึกฉุนๆ ผมไม่ได้รู้สึกโกรธพวกเพื่อนๆผมหรอก ก็แค่รู้สึกหงุดหงิดที่จะต้องจากที่นี้ไป เพราะเพื่อน ๆ ผมเล่นมารับกันถึงบ้านถ้าหากผมปฏิเสธไป เพื่อนๆผมก็บังคับให้ผมไปอยู่ดีนั่นแหละ

 

                สุดท้ายผมก็เป็นลูกนอกคอกจริงๆ เพราะต้องย้ายตัวเองมานอนข้างนอกบนโซฟาที่ห้องเล่น พัทยึดห้องผมนอนคนเดียวโดยให้เหตุผลกับผมว่า ผมเป็นลูกนอกคอกต้องนอนข้างนอก

                ไอ้พี กับไอ้ดินนอนห้องรับแขกซึ่งก็นอนได้แค่สองคน ส่วนไอ้ทิมรายนี้หน้าระริกระรี้เพราะได้นอนกอดแม่ผมที่ห้องของแม่ผมเพราะเปายิงชุบชนะ... พวกมันปัญญาอ่อน! แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ต้องเปายิงชุบไปตามแกน

และก็เช้าแล้ว แต่ผมยังไม่ลุกจากที่นอนทั้งที่ตื่นตั้งนานแล้ว แต่ผมยังคงนอนคุดคู้อยู่บนโซฟา เพราะผมไม่อยากจากที่นี้ไป การที่ผมเดินทางไปจากที่นี้แล้ว เหมือนผมทิ้งดาวอีกครั้ง ซึ่งผมไม่อยากทิ้งเธออีก การเดินทางของคนบาปอย่างผมไปที่ไหนไม่ได้หรอกมันมีความผิดบาปติดตัว และหัวใจไปด้วยจะพลอยทำให้คนอื่นเขามีบาปไปด้วยเปล่าๆ

คนอย่างผมอยู่ที่นี้ ตรงนี้ข้างๆดาวนั่นแหละถูกแล้ว คนบาปที่คิดจะเดินทางมันไม่สมควรเลยจริงๆ และก็อยากอยู่อย่างสงบๆ ถึงแม้จะเป็นไปได้ยากเพราะผม...เป็นนักแข่งวิ่งที่ชนะในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเชียวนะคงไม่สงบง่ายๆหรอก หากไปอยู่กับคนในเมืองใหญ่ ชีวิตของผมคงหาความสงบสุขไม่ได้แน่ๆ

                “แบกมันขึ้นรถ!”

                เสียงคนใดคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนผมตะโกนขึ้น และจบแล้วครับความเป็นผู้ชายอกสามศอกที่ถูกผู้ชายตัวโตเท่ากันสี่คนจับแบกไปขึ้นรถ

                “ปล่อย! ยังไม่ได้อาบน้ำเลย พวกนายจะพาฉันไปทั้งแบบนี้ไม่ได้ แล้วอีกอย่างฉันยังไม่เก็บของเลย”

                ผมให้เหตุผลอ้าง และพยายามดิ้น แต่แรงคนๆเดียวจะสู้แรงของคนสี่คนได้ไง

                “นายไม่ต้องมาอ้างนู้นอ้างนี้ ไปถึงคอนโดฉันนายค่อยอาบก็ได้ ส่วนข้าวของของนายนอนแอ้งแม้งอยู่ที่รถเรียบร้อยแล้ว เอ้าพวกเราอย่าไปสนใจมันแบกมันขึ้นรถ”

                “ฉัน! ฉันจะไปลาดาวก่อน”

                “ไม่ได้!!!!”

 

กรุงเทพมหานคร...

                T.G. SPORT CLUB คลับคนรักสุขภาพ

                ผมเนปจูน จากที่หัวใจได้แตกสลายไปแล้วครั้งหนึ่ง... แต่ตอนนี้ผมกำลังมีหวัง ท้องฟ้าของวันนี้ช่างสดใสเหลือเกินครับ ผมเป็นครูสอนกีฬาเทควันโดที่คลับสุขภาพแห่งนี้ และได้รู้จักเธอคนนี้ “มีนา” ผู้หญิงที่เหมือน กับเธอคนนั้นเหมือนกันมากเหลือเกิน เหมือนจนผมแทบคิดว่าเธอคนนี้คือเธอคนนั้นจริงๆ

ผมหลงรักผู้หญิงคนนี้ “มีนา” มากกว่าผู้หญิงคนนั้นเสียอีก ไม่ใช่เพราะเธอหน้าเหมือนกันหรอกนะ แต่เพราะผมรักเธอจริงๆต่างหาก

“มีนาครับ”

                “อ้าวสวัสดีค่ะเนปจูน มาทำงานแต่เช้าเลยนะคะ แต่เรียกมีนก็ได้ค่ะ”

                “ครับคุณมีน”

                ผมตอบรับเธอด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น และสุขใจที่เธออนุญาตให้ผมเรียกชื่อเล่นของเธอได้ ผมรู้สึกก้าวเข้าไปใกล้เธอได้อีกก้าวแล้ว

“คุณมีนเองก็เหมือนกันครับ...เอ่อว่าแต่เที่ยงนี้วางรึเปล่าครับ ผมอยากชวนมีนไปทานข้าวด้วยกันครับ”

ผมไม่ยอมปล่อยโอกาสทิ้งไว้รีบชวนเธอทันที

                “แย่จัง วันนี้คณะนักกีฬาโอลิมปิกเขาจะมาพักผ่อนหลังจากเหนื่อยกับการแข่งกีฬาด้วยสิคะ”

                ผมรู้สึกเสียดายหน่อยๆ แต่ก็ไม่เป็นไรโอกาสหน้ายังมี ผมจะต้องชวนเธอไปทานข้าวกับผมให้ได้เลย

                “อ้าวทำไมละครับคุณมีนเป็นครูสอนว่ายน้ำในสระเด็กนี่ครับ ไม่ได้เป็นพนักงานต้อนรับ ทำไมต้อง...”

                ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย มีนไม่ได้เป็นแค่ครูสอนว่ายน้ำในสระเด็กหรอกครับ แต่แท้จริงแล้วเธอเป็นหลานของเจ้าของคลับสุขภาพแห่งนี้ ดูเหมือนว่าผมจะเป็นหมาวัดคอยมองมีนที่เป็นนางฟ้าเลย แต่หมาวัดคนนี้ก็จริงใจจริงๆนะครับ

                “น้ำพลอยเธอลางานน่ะค่ะ มีนเลยต้องดูแลเอง...แย่จังเลยอดทานข้าวฟรีนานๆจะมีคนเลี้ยงมีนสักมื้อ เอางี้นะไว้คราวหลังเรานัดทานข้าวด้วยกันนะคะ และแน่นอนคุณเนปจูนต้องเลี้ยงมีนนะคะ”

                “ได้เลยครับ งั้นผมไปทำงานก่อนนะเด็กๆคงมากันแล้วครับ”

                “ค่ะ”

“สวัสดีค่ะ T.G. SPORT ยินดีต้อนรับค่ะ”

                ฉันกล่าวสวัสดีต้อนรับคณะนักกีฬา และก้มหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการให้เกียติพวกเขา และเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มทักทาย แต่แล้วก็ต้องชะงัก ตีหน้าบึ้ง เพราะใช่แล้วละในจำนวนผู้ชายห้าคน มีคนหนึ่งที่ฉันแน่ใจว่าต้องใช่เขาแน่ ถึงแม้หน้าเขาที่ฉันเคยเห็นตอนนั้นจะอายุประมาณ สิบแปด ตอนนี้ก็แตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้นดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น

                ฉันเพ่งมองเขาด้วยความเศร้าใจ แค้นใจ และแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แต่พยายามฝืน เชิดหน้าขึ้นด้วยความหยิ่งทะนง พยายามมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าเพื่อไม่ให้เขารู้ตัวว่าฉันรู้จักเขา ใช่แล้วละนายซัน นายสารเลว! นายทำร้ายดาว ดาวคนเก่าที่ได้ตายไปแล้ว เหลือแต่ดาวคนใหม่ผู้ที่เปลี่ยนไปแล้วทั้งกาย และใจ จะไม่มีวันอภัยให้นายง่ายๆหรอก

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา