Overnight คืนนี้กับ 4 หัวใจของยัยวายร้าย

9.6

เขียนโดย LazyGirl

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.34 น.

  32 บท
  189 วิจารณ์
  42.57K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 10.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

27) ด้วยความยินดี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ด้วยความยินดี

 

                ห้องซ้อมดนตรี

                ดีนะที่ฉันกับนายไอโอดีนมาถึงห้องนี้ก่อนใครเพื่อนก็เลยทำการยึดครองไปซะเลย ส่วนคนอื่นที่ตามมาทีหลังก็ได้ความเสียใจกลับไป เพราะห้องนี้ ฉันคุม! แต่ถึงยังไงซะก็ต้องแบ่งเครื่องดนตรีให้เจ้าพวกคนอื่นๆบ้าง รายการนี้ทุ่มทุนสร้างมาก ขนาดเครื่องดนตรียังมีมากมายและหลากหลายทำอย่างกับจะขายของแน่ะ แต่ก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องแย่งกันใช้อุปกรณ์ แต่สิ่งที่ทีมฉันเหนือใครมากที่สุดก็คือการมีห้องเก็บเสียงเป็นของตัวเองนี่ล่ะ ดนตรีที่พวกฉันจะบรรเลงบนเวทีจะไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครได้ยิน นอกจากผู้ชมทางบ้านที่ดูผ่านจอโทรทัศน์เท่านั้น ^O^

                “จะเอายังไงดี” ไอโอดีนถามขึ้นแล้วหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาอย่างสบายใจ

                “ไม่รู้เหมือนกัน -_-” ตอนนี้ในสมองฉันไม่พร้อมที่จะคิดอะไรทั้งนั้น มันง่วงมาก ได้มาทำงานร่วมกับคนอย่างหมอนี่ที่เคยมีเรื่องกันตลอดเวลานี่คงจะยากลำบากมาก

                “ไม่รู้ก็หัดคิดหน่อยสิ”

                “อย่ามาสั่งฉันนะ นายมีสมองก็คิดสิ” ฉันนั่งลงบนเก้าอี้นุ่มนิ่มขนาดเล็กข้างโซฟาใหญ่บ้าง ทำยังไงดีล่ะ แอร์ห้องนี้มันเย็นสบายชวนนอนเหลือเกิน ปล่อยให้อีตานั่นคิดการแสดงแล้วเราแอบหลับสักสองสามงีบดีมั้ยนะ

                “ฉันคิดว่าเราควรจะเล่นสักสามเพลง เพลงแรกเป็นเพลงสบายๆ เพลงที่สองก็ค่อยๆทำให้มันหนักหน่วงขึ้น เรียกความคึกครื้นจากทุกคน และเพลงสุดท้ายก็ระเบิดความมันออกมาให้เวทีพังไปเลย”

                “ก็ตามนั้นแหละ” แบบนั้นมันก็ดีเหมือนกัน มันเป็นพื้นฐานการทำคอนเสิร์ตอยู่แล้วนี่ ที่เหลือก็คือเลือกเพลงสินะ จะอะไรก็ช่างเถอะ ฉันขอไม่เป็นคนร้องแค่นั้นพอและจะไม่ขออะไรอีกเลย เอ๊ะ! นี่ฉันจะให้อีหมอนี่เป็นคนร้องเหรอ?  =_=

                “นายร้องเพลงเป็นหรือเปล่า?”

                “จะให้ฉันเป็นคนร้องเหรอ?” ก็ฉลาดนี่นา พูดแค่นี้ก็ถึงกับเข้าใจในสิ่งที่ฉันจะสื่อ นึกว่าจะโง่ซะอีก

                “ใช่”

                “แล้วเธอจะทำอะไร?”

                จะให้เต้นมั้ยล่ะ -_-

                “กีตาร์ ฉันเล่นกีตาร์ได้” ฉันตอบไปหาวไป ถึงสกิลการเล่นกีตาร์ฉันจะไม่ค่อยดีเลิศเท่าไหร่ แต่ฉันก็ทำมันออกมาได้เป็นอย่างดีนะ

                “งั้นเหรอ แต่คนมีแค่สองคน จะทำอะไรดีล่ะ”

                “เล่นเพลงแบบอคูสติกมั้ย?” ฉันเสนอความคิดบ้าง ถ้าคนมีแค่สองคนและมันก็ทำอะไรได้ไม่มาก งั้นก็เล่นแค่กีตาร์หลักกับรองก็พอ มีคนร้องแค่นั้นก็จบ ไม่เยอะดี

                “งั้นมันก็เหมือนกับร้านนั่งชิวแถวๆถนน L น่ะสิ” ถนน L ที่หมอนั่นพูดถึงก็คือ ถนนที่มีแต่ร้านแอลกอฮอล์เต็มไปหมด ส่วนใหญ่จะเป็นร้านนั่งชิวสบายๆที่มีเสียงเพลงจากนักร้องคลอตลอด

                “ประมานนั้น มีปัญหาอะไรหรือไง”

                “มันไม่ตื่นเต้นพอ มันเนิบเกินไป” งั้นนายก็ปั่นจักรยานล้อเดียวบนเส้นด้ายแล้วดีดกีตาร์ไปด้วยสิ คงจะตื่นเต้นดีมิใช่น้อย =_=

                “แล้วจะเอายังไง”

                “ไม่รู้ เธอก็คิดสิ” พูดจบ อีตานั่นก็เอนหลังแนบชิดติดกับโซฟาแล้วอ้าปากหาวพร้อมกับหลับตาลง เฮ้ย! นี่เขาคิดจะให้ฉันคิดการแสดงคนเดียวเหรอ -O-

                “ตื่น! ฉันไม่ให้นายหลับเด็ดขาด!!” เพราะคนที่ต้องหลับคือฉันต่างหาก

                “ก็มันง่วงนี่ ” อีหมอนั่นไม่ยอมฟังที่ฉันพูด ยังคงหลับตาเน่าๆของเขาต่อไปอย่างไม่สนใจ

                “ไม่! นายต้องตื่นเดี๋ยวนี้ ตื่นมาช่วยกันคิดก่อนเซ่” ฉันกระโจนเข้าหานายหัวแดงแล้วเขย่าอย่างกับยาหลังอาหารหรือไม่ก็นมกล่อง จะเขย่าจนกว่าหมอนี่จะหายง่วง โอ๊ย! ฉันจะปล่อยให้เครื่องจักรเครื่องนี้หยุดคิดเรื่องการแสดงไม่ได้เด็ดขาด ต้องปลุก! ปลุกให้ตื่น เพราะคนที่หลับได้มีเพียงแค่ฉันเท่านั้น >O<

                “โอ๊ยๆ ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ยยย -O-” อีตาไอโอดีนรีบลืมตาขึ้นและแกะมือของฉันออกจากไหลของตัวเอง

                “ฉันจะไม่ปล่อยจนกว่านายจะยอมตื่น!”

                “แล้วฉันไม่ตื่นตรงไหนเนี่ย -O-”

                “ไม่! ฉันจะเขย่าจนกว่านายจะคิดเรื่องการแสดงเสร็จ!!” ถึงฉันจะขี้เกียจคิดแต่ก็มีความรับผิดชอบนะยะ

                พึ่บ!!

                “ท..ทำอะไรของนาย” จู่ๆอีตาบ้าหัวแดงก็รวบมือทั้งสองข้างไว้แล้วเหวี่ยงตัวฉันให้ลงไปนอนบนโซฟาข้างๆเขา โอ๊ย! หัวอันบอบบางของฉันกระแทกโดนไหล่เขาเต็มๆเลย

                “ก็เธอทำตัวน่ารำคาญนี่ ฉันง่วงนะยัยเตี้ย”

                “ฉันก็ง่วงเหมือนกัน เพราะงั้นรีบๆคิดเถอะ จะได้นอน” จุดประสงค์ฉันก็มีอยู่แค่นี้แหละ

                “คิดแล้วก็นอนเลยเหรอ ไม่ซ้อมหรือไง”

                “ก็ฉันง่วงนี่ นายเองก็ง่วงไม่ใช่หรือไง” ไม่แปลกที่จะไม่ง่วง ก็เขานั่งเฝ้าฉันทั้งคืนเลยนี่ จะขอบคุณเขาดีไหมนะ

                “คิดแต่ไม่ซ้อม คิดว่าการแสดงจะออกมาดีหรือไง ไม่อยากได้ของรางวัลเหรอเธอน่ะ”

                ของรางวัล!!

                “เออใช่!! ฉันต้องการเสื้อคอนเสิร์ต!!” เมื่อพูดถึงของรางวัลตาฉันก็เป็นประกายทันที ความง่วงหายไปในชั่วพริบตา ตอนนี้ภายในร่างกายฉันมันร้อนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

                “งั้นเธอก็คิดซะ ฉันจะนอน” พูดจบ อีตานั่นก็ปล่อยมือออกจากแขนฉัน

                “ไม่ได้! นายจะนอ…”

                ตุบ!

                เหมือนหมอนั่นจะอ่านทางฉันออกหมดทุกอย่าง ทันทีที่เขาปล่อยมือออก ฉันก็ลุกขึ้นพร้อมที่จะตีเขาอีกครั้ง และในจังหวะเดียวกันนั้นหมอนั่นก็รวบทั้งตัวฉันไว้จนขยับไปไหนไม่ได้ แรงจากแขนของเขากดให้ฉันต้องนั่งลงบนตักอย่างช่วยไม่ได้

                “ปล่อยฉันนะ!” ฉันพยายามดิ้นให้หลุดแต่เขากลับรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม จะมากเกินไปแล้วนะ!

                “ถ้าฉันปล่อย เธอก็ทำร้ายฉันอีกสิ ฉันไม่อยากเจ็บแล้ว” อีหมอนั่นตอบเสียงเรียบและหลับตาลงช้าๆ เฮ้ย! นี่นายจะหลับท่านี้จริงๆเหรอ -O-

                “โอ๊ย! แล้วนายจะให้ฉันอยู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ไม่กลัวกล้องเห็นหรือไง”

                “เห็นก็เห็นสิ นี่เป็นการลงโทษที่ทำให้ฉันเจ็บตัว มัดตัวเธอให้อยู่กับฉันแบบนี้แหละดีที่สุด ระหว่างนอนอยู่บนตักก็ฝากคิดเรื่องการแสดงด้วยล่ะ ฝันดี” อะไรนะ นายจะนอนทั้งๆที่กอดฉันอยู่แบบนี้เนี่ยนะ!!

                “ปล่อยเดี๋ยวนี้!”

                “…” อีตาหัวแดงทำเป็นเงียบไม่พูดไม่จา แต่ก็ยังคงกอดฉันแน่นไม่ให้ลุกไปไหนทั้งนั้น จะหลับลงได้ยังไงในเมื่อใช้แรงรัดฉันซะขนาดนี้ คงต้องนั่งนิ่งๆให้เขาตายใจแล้วรอจนกว่าอีตาบ้านี่จะคลายแขนออก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันต้องมานั่งบนตักนายตัวอันตรายกลางรายการแบบนี้ เมื่อคืนที่ถูกอีตานี่ช่วยไว้นับว่าน่าอายแล้วนะ ยังต้องมาอยู่ในสภาพที่หาดูได้ยากแบบนี้อีก ถ้าแม่ฉันเปิดโทรทัศน์มาแล้วเห็นลูกสาวนั่งอยู่บนตักของชายแปลกหน้าจะรู้สึกยังไงเนี่ย =_=

                สรุปฉันต้องคิดเรื่องการแสดงคนเดียวจริงเหรอ แล้วก็ต้องปล่อยให้หมอนี่นอนหลับฝันดีอยู่คนเดียวเนี่ยนะ เอาเปรียบกันมากเกินไปหรือเปล่ายะ!

                ฟี้…

                เสียงลมหายใจถูกพ่นออกมาจากจมูกของเขา เหมือนจะหลับไปแล้วจริงๆแต่ก็ยังกอดฉันแน่นไม่ยอมผ่อนแรงลงเลย จะยังไงก็เถอะ ฉันยอมให้ให้นายแตะต้องตัวได้แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น ไม่สิ แค่ตอนนี้เท่านั้น ฉันจะยอมอยู่นิ่งๆไม่ทำร้ายนายเพื่อเป็นการขอบคุณที่เมื่อคืนคอยอยู่เป็นเพื่อน

                …เวลาเขานิ่งๆแบบนี้ก็น่ารักดีนะ

                ทำไมก็หนาวขึ้นมาล่ะเนี่ย =_=

                ห้องนี้ปกติก็ไม่หนาวขนาดนี้หรอก เพราะทุกครั้งที่เข้ามาห้องนี้จะต้องเล่นดนตรีและใช้พลังงานเยอะมาก แต่เพราะเราอยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไร ลมเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศจึงทำให้เกิดความหนาวเย็น แต่มันก็ไม่ได้หนาวเท่าไหร่นะ เพราะอีตาหัวแดงกอดฉันอยู่ต่างหาก และดูเหมือนเขาใกล้จะเจอพระอินท์แล้วล่ะ อ้อมแขนที่รัดไว้แน่นตอนนี้มันมันเริ่มคลายลงแล้ว

                ตึกตึก

                เอ๊ะ นั่นมันเสียงคนเดินนี่นา มีคนกำลังเดินมาทางนี้งั้นเหรอ ไม่ได้เด็ดขาด จะให้ใครมาเห็นฉันในสภาพแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด! -O- แต่จะทำยังไง อีตาไอโอดีนก็ดันมาหลับเอาซะตอนนี้ ถ้าฉันดิ้นหมอนี่ต้องตื่นแน่ๆ เอ๊ะ แล้วทำไมฉันต้องมาห่วงอีตาบ้านี่ด้วยเนี่ย -O-

                ห้องนี้มันเป็นห้องหนาทึบและมีส่วนที่เป็นกระจกใสอยู่ด้านหน้าเพื่อให้คนที่เดินผ่านมาเห็นได้อย่างชัดเจน ฉันกับอีตาไอโอดีนก็นั่งอยู่บนโซฟาหน้ากระจกใสนี่ด้วย  คนที่เดินผ่านต้องมองเข้ามาแน่ๆ พวกเขารู้ว่าทีมของฉันซ้อมดนตรีอยู่ที่นี่และต้องอยากรู้แน่นอนว่าพวกฉันกำลังทำอะไรอยู่ แล้วสิ่งที่ทำคืออะไรล่ะ ใช้ห้องซ้อมอย่างไร้ประโยชน์ -_-

                ตึกตึก

                เสียงฝีเท้าปริศนาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใครกันนะที่เดินผ่านมาทางนี้

                …

                คนคนนั้นชะงักและยืนจ้องฉันที่นั่งอยู่บนตักของไอโอดีนด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ฉันเองก็มองกลับไปเหมือนกัน

                …

                ตึกตึก

                และคนคนนั้นก็เดินผ่านไปโดยไม่พูดอะไรออกมาเลย

 

 

                เวลาผ่านไป

                “ฉันไม่อยากคิดแล้ว เอาสักอย่างเถอะ!”

                “ฉันจะเอาให้มันสนุกๆ!”

                “สนุกของนายมันจะทำยังไง เรามีกันแค่สองคนนะ!” เอาอีกแล้ว บรรยากาศกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันเผลอหลับไปกับอีตาบ้านี่ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็11โมง ตื่นมาก็ตกลงกันไม่ได้สักที ก็อย่างที่เห็น พวกเราทะเลาะกันอีกแล้ว เราได้เปรียบเรื่องห้องซ้อมมากขนาดนี้แต่ทำไมถึงยังตกลงกันไม่ได้อีกนะ! TOT

                “แล้วความคิดของเธอมันดีหรือไง เล่นแค่กีตาร์มันไม่ทำให้มีคนสนใจหรอกนะ” โอ๊ย! คนดูก็มีแค่นั้นเอง พี่เอพี่อีฟ คุณลุงตากล้องแล้วก็พวกที่แสดงด้วยกัน จะเอาอะไรมากล่ะ

                “แล้วนายจะทำยังไง” ความเห็นไม่ตรงกันแบบนี้อยู่ด้วยกันยากแล้วล่ะ เสื้อของฉัน…ไม่ได้มันมาแน่ๆ

                “เราต้องหาดนตรีประกอบไปเปิดคลอด้วยเพื่อสร้างความตื่นเต้น” อีตาไอโอดีนทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะมองมาทางฉันที่ทำหน้าไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ ยังจะมาเสียเวลามานั่งหาเพลงอีก ฉันว่าจับกีตาร์คนละตัวแล้วเล่นมันเลยยังจะเร็วกว่าอีก

                “ก็แล้วแต่นายแล้วกัน ฉันขี้เกียจเถียงแล้ว =_=”

                “งั้นใครจะเป็นคนร้อง?”

                “นายไง ฉันไม่ร้องแน่ๆ”

                “จากที่ฟังเธอร้องเพลงเมื่อวานแล้ว เธอก็ร้องมันออกจะเพราะ ฉันว่าให้เธอร้องดีกว่านะ” ไม่เอาเด็ดขาด เวลาร้องเพลงแล้วมันทำให้คิดเรื่องที่ไม่น่าจดจำ

                “ไม่ ยังไงฉันก็ไม่ร้อง”

                “ทำไมเธอถึงได้เรื่องมากแบบนี้นะ”

                “โอ๊ย! เถียงกันแบบนี้ฉันไม่มีทางได้เสื้อแน่ๆ!!” ฉันทึ้งผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด เสื้อคอนเสิร์ตมันเลือนรางเข้าไปทุกทีแล้ว นี่รายการบ้านี่ต้องการอะไรจากฉัน ทำไมต้องให้ฉันมาจับคู่กับคนที่พูดไม่รู้เรื่องอย่าหมอนี่ด้วย ความสัมพันธ์ติดลบแล้วติดลบอีก อยากให้ฉันฆ่าหมอนี่มากใช่มั้ย หา?? TOT

                “ไม่ได้แน่ๆถ้าเธอยังไม่ยอมรับในความคิดของฉัน”

                สรุปฉันต้องยอมนายใช่เปล่าคะ =_=

                “มันจะต้องเป็นที่ดึงดูดใจ และมีเอกลักษณ์!” ฉันล่ะเบื่อหมอนี่จริงๆ

                “งั้นหาเสื้อผ้าที่เป็นทีมของเราก็แล้วกัน” ฉันตอบกลับไปด้วยความรำคาญ ถ้าจะเอาเอกลักษณ์ที่มันจำง่ายๆขึ้นใจก็ต้องเอาเพลงไทยไปเล่นแล้วล่ะ เอ๊ะ! หรือฉันจะสีซอเป็นเพลงเกาหลีดี?

                “ฉันชอบสีแดง งั้นคืนนี้เราใส่เสื้อดีแดงกันเถอะ มันเข้ากับผมสีน้ำตาลของฉันดี ^O^”

                “ใครบอกว่าน้ำตาล นั่นมันสีแดงต่างหาก ถ้านายใส่สีแดงฉันจะใส่สีดำ” ทีหมอนั่นยังใส่เสื้อสีแดงสีเดียวกับผมตัวเองเลย ฉันก็จะใส่สีดำเหมือนกันล่ะเอ้า

                “งั้นเธอใส่สีแดง ฉันจะใส่สีดำ สลับกันก็แล้วกัน”

                “ตามใจนายอ่ะ ยังไงก็ได้” ฉันเริ่มเอือมแล้วล่ะ จะทำอะไรก็ทำเถอะ ฉันรอตั้งใจซ้อมการแสดงเพื่อให้ผลงานมันออกมาดีที่สุด เพื่อเสื้อคอนเสิร์ตสุดที่รัก >_<

                “เอาล่ะ เรามาคิดกันเถอะว่าจะทำยังไงต่อ”

                “…ฉันว่าตามหาการ์ดยังจะง่ายกว่าอีก -_-” เริ่มมองไม่เห็นแสงสว่างแล้ว ขืนยังคิดอะไรไม่ออกแบบนี้ได้จบกันพอดี

                “ถ้ามัวแต่หาการ์ดแล้วจะได้ซ้อมไหม? การแสดงไม่มีก็คือจบ เธอไม่ได้รางวัลก็แค่นั้น”

                มัวแต่เถียงกันแบบนี้ก็ไม่ได้ซ้อมเหมือนกันนั่นแหละน่า

                “’ฉันจะทำตามที่นายบอก จะไม่เถียงแล้วด้วย เพราะงั้นคิดการแสดงสักทีเถอะ”

                “จะให้ฉันคิดจริงเหรอ?”

                “อืม ฉันให้นายจัดการทุกอย่างเลยอ่ะ ฉันไม่ถนัดเรื่องพวกนี้มากๆ =_=” ฉันตัดปัญหาโดยการโยนภาระทั้งหมดให้ชายหัวแดงที่นั่งไขว่ห้างอย่างสบายบนโซฟาตัวเดิม เราไม่ได้ลุกไปไหนตั้งแต่เช้าเลย

                “อ้อเหรอ งั้นฉันจะให้เธอเป็นนักร้อง เพราะวันนั้นเธอร้องเพลงเพราะมาก นี่ฉันชมเลยนะ” อีตาไอโอดีนทำเสียงตื่นเต้นชม คิดว่าฉันจะหลงกลโง่ๆของนายหรือไง

                “ขอบคุณมาก แต่ฉันจะไม่ร้องอีกแล้ว”

                “ทำไม? ถ้ามีเหตุผลที่ฟังขึ้นฉันจะไม่ให้เธอร้องเลย” หมอนี่หัดฟังเหตุผลของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่นะ แต่ก็ดีเหมือนกัน ค่อยคุยกันรู้เรื่องกว่านี้หน่อย

                “ฉันมีปม”

                “ปมอะไรของเธอ”

                “อดีต” เพียงเท่านั้นบทสนทนาก็หยุดชะงักลงทันที หมอนั่นนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น

                “ก็โอเค…แต่ไม่คิดจะสร้างปมใหม่เหรอ ปมที่มันดีกว่าเดิม”

                “อะไรของนาย เขามีแต่ปมด้อย จะให้ฉันสร้างปมเด่นเหรอ =_=” อีตานี่พูดจาอะไรเพี้ยนๆ บางทีฉันก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อเลย

                “ฉันรู้ว่าเธอชอบร้องเพลงให้อดีตของเธออยู่บ่อยๆ…” อา..นี่เขาเอาเรื่องชีวิตในอดีตของฉันมาจากใครอีกล่ะ ยัยดินสอเหรอ? อย่าบอกนะว่ายัยนั่นก็เล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังด้วย น่ารำคาญชะมัด อย่ามายุ่งเรื่องอดีตของฉัน

                “เธอก็ร้องเพลงให้ปัจจุบันของเธอบ้างสิ อาจจะดีขึ้นนะ ^^”

                “ปัจจุบัน?”

                “ฉันไง”

                “อย่าพูดแบบนั้นอีก ฉันจะอ้วก -_-” นึกว่าจะพูดอะไรที่แท้ก็เล่นมุกนี่เอง แต่ถ้าคนปัจจุบันของฉันคือนายจริงๆ…

                คิดภาพไม่ออกจริงๆ =_=

                “นี่ ฉันให้นายคิดได้ตามใจชอบก็ฝากด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันมา” พูดจบก็ลุกจากที่นั่งตรงไปยังประตูทันที

                “จะไปไหน -_-“ แล้วทำไมหมอนั่นต้องทำหน้าไม่เชื่อใจแบบนั้นด้วย คิดว่าฉันจะแอบหนีไปลั้ลลาไม่ช่วยเรื่องการแสดงหรือไง ทิงเจอร์ไม่ใช่คนแบบนั้นนะจ๊ะขอบอก

                “เข้าห้องน้ำ จะไปมั้ยล่ะ”

                “ไม่ล่ะ เชิญตามสบายเลย อ้อ! ทิงเจอร์” เสียงทุ้มต่ำเปลี่ยนเป็นเสียงหวานทันทีที่เรียกชื่อฉัน มันต้องมีแอบแฝงอยู่ในคำพูดของเขาแน่ๆ

                “อะไร?”

                “เอาของกินมาด้วยนะ ฉันหิว ^^” ไอโอดีนยิ้มหวานพร้อมกับทำเสียงอ้อนเรียกร้องขอขนม ถ้าฉันเป็นยัยบัทเทอร์นางแบบขานกกระยางนั่นก็คงจะเขินจนตัวบิดแล้วล่ะ

                “อื้ม แล้วจะเอามาให้” ฉันตอบแล้วเปิดประตูออกมาทันที ถ้าหมอนี่ไม่ได้เป็นคนคิดการแสดงฉันไม่มีทางไปหาของกินให้หรอก นี่บอกเลย

                ฉันเดินมาเรื่อยๆจนถึงลานโล่ง เสียงดนตรีผสานกันดังมาจากที่ต่างๆมากมาย ทั้งเสียงร้องเพลง คีย์บอร์ด กีตาร์และไวโอลิน อ๊ะ จริงสิ มีหนึ่งในเราทั้งหมดเล่นไวโอลินเป็นนี่นะ แต่ใครกันนะฉันจำไม่ได้ ที่มีเสียงพวกนี้เกิดขึ้นได้ นั้นก็หมายความว่าพวกเขาคิดเพลงที่จะเล่นออกแล้วสินะ น่าอิจฉาชะมัด ขนาดจับคู่แบบความสัมพันธ์ติดลบมาอยู่ด้วยกันยังสามัคคีตั้งใจซ้อมกันแบบนี้ งานนี้ทีมฉันพังแน่ๆ T^T

                แอด…

                ฉันเปิดประตูเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ถ้าหมอนั่นคิดการแสดงออกแล้วก็ดีสิ จะได้รีบๆซ้อมกันไวๆหน่อย เห็นทีมอื่นๆเริ่มเล่นแล้วอยากจะซ้อมบ้าง ของรางวัลที่มีทั้งเงินและเสื้อคอนเสิร์ตมันเป็นอะไรที่ดึงดูดใจทุกคนมาก มั่นใจได้เลยว่าทุกคนต้องทุ่มเทให้กับงานใสคืนนี้มาก โดยเฉพาะยัยดินสอที่ชื่นชอบการไปดูคอนเสิร์ตเป็นพิเศษอย่างยัยนี่จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด จริงสิ ยัยนั่นจับคู่กับร็อปเป้นี่นา ฉันจำไม่ได้ด้วยสิว่าร็อปเป้เขาถนัดทำอะไร แต่ที่รู้แน่ๆคือยัยดินสอจะต้องร้องเพลง

                ซ่า…

                เอ๊ะ มีคนอยู่หน้าห้องน้ำฉันเหรอ ต้องออกไปถามสักหน่อยว่าซ้อมถึงไหนแล้ว >_<

                ปัง!

                หลังจากฉันทำธุระเสร็จก็ออกจากห้องน้ำมา แต่สายตาดันไปปะทะกับบุคคลที่เปิดก๊อกน้ำล้างมือเมื่อกี้ เมื่อเห็นเขาปุ๊บก็ต้องนิ่งไปในทันที ฉันไม่คิดว่าจะเจอเขาในตอนนี้และที่นี่ด้วย

                “อ้าว ทิงเจอร์” เขาทักทายฉันด้วยท่าทีที่เป็นมิตร รอยยิ้มน้อยๆปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา และฉันก็เกลียดรอยยิ้มนั่นมาก

                ”อืม” ฉันตอบรับคำทักทายด้วยประโยคที่ห่างเหิน ใช่สิ เมื่ออยู่ในบ้านหลังนี้ ฉันและเขา เราไม่เคยรู้จักกัน

                “เป็นยังไงบ้าง ซ้อมถึงไหนแล้ว”

                ซ่า…

                ฉันไม่ตอบคำถามใดๆของเขาเลย แค่ก้มหน้าล้างมือของตัวเองให้เสร็จเป็นพอ

                “จับคู่กับไอโอดีนเป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” สิ้นคำพูดของเขา ฉันก็ปิดก๊อกน้ำแล้วเดินออกมาทันที ถึงที่นี่จะเป็นห้องน้ำรวมมีหลายห้อง แต่ที่นี่ก็ไม่มีกล้องติดตามมุมห้อง อยู่ในที่ลับตาคนกับแบบนี้กับหมอนี่ถือว่าเป้นเรื่องอันตรายสุดๆ ต้องรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็ว

                “เดี๋ยว! เรายังไม่ได้คุยกันเลยนะ” หมอนั่นดึงแขนฉันให้กลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง นี่เขามีสิทธิ์อะไรมาลากฉันไปมาแบบนี้!

                “ปล่อย ฉันไม่มีอะไรต้องคุยกับนาย!!!” ฉันตะโกนลั่นด้วยความโกรธ แค่เห็นหน้าเลวๆของเขาก็เกือบระงับอารมณ์ไม่อยู่แล้ว

                “เธอจะเย็นชากับฉันไปถึงเมื่อไหร่”

                “จนกว่านายจะหายไปจากชีวิตฉัน” คำตอบของฉันทำให้หมอนั่นเงียบไปชั่วครู่ “มายุ่งกับฉันแบบนี้อยากมีแผลเพิ่มอีกที่หรือไง” ฉันมองไปที่ผ้าก๊อซบนศีรษะของเขาอย่างสมเพชก่อนจะสะบัดแขนออกจากมือสกปรกๆของหมอนั่น

                “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอเกลียดฉันเลยนะ”

                “แต่นายทำมันลงไปแล้ว” การกระทำของเขามันเกิดกว่าจะให้อภัยได้ และฉันก็ไม่ใช่คนใจกว้างมากขนาดนั้นด้วย

                “ทิงเจอร์…” ก่อนที่หมอนั่นจะพูดไปมากกว่านี้ฉันก็หมุนตัวแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูทันที เอาเวลาที่เหลืออยู่ตอนนี้ไปคิดและซ้อมการแสดงดีกว่ามายืนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องกับหมอนี่

                “ปากบอกว่าเกลียดคนอย่างฉัน แต่ทำไมเธอถึงชอบทำตัวใกล้ชิดกับคนที่มีนิสัยเหมือนกับฉันล่ะ”

                “…” ใกล้ชิดกับคนที่มีนิสัยเหมือนกับเขาอย่างนั้นเหรอ…

                แอด…

                ฉันปล่อยมือจากลูกบิดประตูแล้วหันหน้ากลับมามองนายร็อคอีกครั้ง ที่เขาพูดเมื่อกี้หมายถึงไอโอดีนใช่ไหม

                แต่จะยังไงก็ช่างเถอะ…

                “ก็แล้วแต่นายจะคิด ฉันไปล่ะ” ไม่น่าหันกลับมาคุยกับเขาเลย ในหัวสมองของหมอนี่ก็มีแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งนั้น นี่เราเลิกรากันไปตั้งนานแล้วทำไมไม่รู้จักปล่อยวางซะบ้าง ผู้หญิงทั้งโลกมีเป็นล้าน มีมากกว่าผู้ชายบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ ทำไมเขาต้องยุ่งกับฉันคนเดียว

                “เดี๋ยว!! เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”

                แกร็ก!

                เขาดึงตัวฉันกลับอย่างแรงแล้วเอื้อมมือกดล็อคประตูทันที นี่มันจะมากไปแล้วนะ!

                “เป็นบ้าอะไรของนาย! ที่ฉันใกล้ชิดกับหมอนั่นมันเป็นเพราะเราต้องทำงานร่วมกันต่างหาก!” ฉันตะโกนออกไปอย่างเหลืออด เราเลิกกันมานานแล้วและหมอนี่ก็ยังไม่เลิกที่จะหึงหวงของเก่าอย่างฉันอีก ฉันไม่ใช่คนของเขาอีกต่อไป เพราะฉะนั้นเลิกทำตัวไร้มารยาทแบบนี้ได้แล้ว!

                “ที่ฉันพูดถึงมันไม่เกี่ยวกับที่เธออยู่ทีมเดียวกับหมอนั่น แต่ที่ฉันจะบอกคือเธอยอมให้คนอย่างหมอนั่นเข้าใกล้ได้ยังไง!” เสียงตะโกนของเขาทำให้ฉันตกใจและเงียบลงทันที “ฉันเห็นที่เธอนั่งอยู่บนตักของหมอนั่น ทำไมเธอถึงยอมให้ไอ้บ้านั่นกอด”

                “มันไม่เกี่ยวกับนาย” ฉันตอบพลางเบือนหน้าหนี นั่นสิ…ทำไมฉันถึงยอมให้คนอย่างไอโอดีนจับตัวได้ง่ายๆนะ ไม่ เพราะตอนนั้นฉันตั้งใจจะขอบคุณที่ดูแลฉันต่างหาก ถึงอย่างนั้น…ฉันก็ไม่ควรที่จะใช้ร่างกายเป็นการขอบคุณ…

                “อ้อ เธอเป็นพวกเล่นตัวนี่เอง ทำตัวเป็นของมีค่าที่ได้ยากๆ หลอกให้ผู้ชายหลายๆคนหลงรักเธอเพียงแค่คนเดียวมันคงสนุกมากใช่ไหม? ทั้งไอ้หัวม่วงร็อปเป้ กัปตัน ฉัน และยังไอ้หัวแดงนั่นอีก มีความสุขมากสินะ?”

                “นายมองฉันเป็นคนยังไงกันแน่!”

                “หรือมันไม่จริง? ทั้งที่บอกว่าไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ เกลียดการอยู่ใกล้พวกผู้ชาย แต่เธอกลับยอมให้คนอย่างหมอนั่นแตะเนื้อต้องตัว เธอต้องการอะไรกันแน่ เรียกร้องความสนใจงั้นเหรอ?”

                “มันจะมากเกินไปแล้วนะ นายคิดว่าฉันเป็นพวกเรียกร้องความสนใจจริงๆหรือไง!” ฉันไปแสดงท่าทางเอย่างที่เขาว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ต้องการจะยั่วโมโหหรืออะไรกันแน่ ฉันไม่เข้าใจ!

                “งั้นก็อธิบายมาสิ เธอยอมหมอนั่นได้ยังไง?”

                …

                ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ออกจะเกลียดไอโอดีนเข้าเส้นแท้ๆ เกลียดมาก เกลียดพอๆกับที่ฉันเกลียดร็อคเลย แต่มันก็เป็นอย่างที่ร็อคสงสัย ทำไมฉันต้องถึงปล่อยให้เขาแตะตัวฉันได้โดยไม่ขัดขืน

                 …

                แต่ก็ไม่นี่ ฉันไม่ได้ยอมไปซะทีเดียว ฉันก็มีปฏิเสธเหมือนกัน…แค่ไม่รุนแรงกับเขาเหมือนที่ฉันทำกับร็อคเท่านั้นเอง…มันเพราะอะไรกัน ทั้งนิสัยใจคอและท่าทางของไอโอดีนก็ไม่ได้ต่างไปจากร็อคเลย ทำไมนายหัวแดงนั่นถึงเป็นกรณียกเว้นนะ

                “ทำให้มันได้อย่างที่พูดหน่อย อย่าดีแต่ปาก”

                “ว่ายังไงนะ” ฉันเริ่มจะฉุนกับคำพูดของหมอนี่แล้วนะ ทิงเจอร์ในความคิดของนายมันเป็นยังไงกันแน่ ทั้งที่เขาก็รู้จักฉันดีแท้ๆ ดียิ่งกว่าใครๆ

                “เกลียดก็คือเกลียด ซื่อตรงต่อคำพูดหน่อย เธอเป็นพวกพูดแล้วไม่คืนคำไม่ใช่เหรอ หรือที่สับสนอยู่แบบนี้เพราะเธอชอบหมอนั่นเข้าแล้ว?”

                “ไม่ใช่สักหน่อย!!” ใครมันจะไปชอบหมอนั่นลง คนอย่างไอโอดีนก็ไม่ได้ต่างไปจากชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันหรอก เห็นแก่ได้…

                “แล้วทำไมเธอไม่ปฏิเสธมันล่ะ!”

                …

                มีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น ฉันมั่นใจมากว่าไม่ได้ชอบหมอนั่น แต่ทำไมถึงไม่ยอมตอบคำถามของร็อคล่ะ…

                “ที่ทำแบบนี้มีจุดประสงค์อื่นแฝงอยู่หรือเปล่า…อยากให้ฉันหึงเธองั้นเหรอ” เขาพูดเสียงเบาลงแล้วขยับตัวเข้ามาเรื่อยๆ

                “เรื่องนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไง ฉันไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนนะ!!” ฉันผลักอกเขาให้ออกห่างทันที “อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย นายไม่ได้อยู่ในใจฉันอีกต่อไปแล้ว”

                “แล้วเธอต้องการอะไรกันแน่ เธอเกลียดฉัน รังเกียจฉัน แต่กับหมอนั่นเธอทั้งที่เธอเกลียดมันเหมือนกับฉันแท้ๆ ทำไมถึงยอมมันล่ะ ฉันไม่เข้าใจ!!” ร็อคตะโกนลั่นด้วยความโมโห ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน ความรู้สึกเหล่านั้นส่งผ่านมายังสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด คนข้างนอกทำอะไรอยู่ ไม่ได้ยินเสียงพวกเราหรือยังไง

                …หรือเสียงดนตรีมันกลบเสียงตะโกนของพวกฉันสองคนกัน…

                ร็อคกำมือแน่นด้วยความโกรธ ความคิดของเขาทำให้ฉันเกิดอาการสับสน จริงที่ฉันเกลียดไอโอดีนเอามากๆ แต่ทำไม…ทำไมวันนี้ฉันไม่คิดที่จะปฏิเสธเขาเลย ทำไมฉันถึงยอมให้กอดฉันไว้แบบนั้น ทั้งที่รู้ว่าจะมีคนเดินผ่านและต้องเห็นแน่นอน แต่ก็ไม่ยอมที่จะลุกไปไหน คนทางบ้านก็เห็น ภาพนั้นถูกฉายออกไปอย่างสาธารณะ ฉันเป็นคนผิดคำพูด…บอกว่าเกลียด แต่การกระทำมันไม่ตรงกับพูดเลย ฉันคิดอะไรอยู่กันแน่…เพียงเพราะเขาใจดีกับแค่นั้นก็ทำให้ฉันใจอ่อนยอมไว้ใจหมอนั่นเลยหรือไง ฉันไม่ใช่พวกไว้ใจคนง่ายนะ…

                ‘อะไรก็ได้ฉันจะยอมทำหมดทุกอย่าง เพื่อให้ได้เธอมา…ฉันต้องการเธอ’

                คำพูดในอดีตของใครบางคนผุดขึ้นมา เพียงแค่ต้องการ…ก็ทำได้หมด

                ไอโอดีน…หมอนั่นอาจจะหลอกให้ฉันตายใจและหลังจากนั้นก็จะทำเรื่องที่มีแค่ตัวของเขาเองเท่านั้นที่สนุก ทำกับฉันเหมือนกับที่ทำกับคนอื่นๆ….มันก็มีเพียงเท่านี้ ความคิดของคนอย่างเขา ก็ไม่ได้ต่างจากร็อค…

                ทำทุกอย่างเพื่อให้ไว้ใจ และหลังจากนั้นก็ทำตามใจของตัวเอง

                ฉันจะไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น!

                “เลิกกล่าวหาฉันให้เสียหายสักที และฉันยังยืนยันคำเดิมไม่เปลี่ยน เกลียดทั้งนายและหมอนั่นด้วย” ฉันจริงจังในคำตอบของตัวเองมาก ฉันมั่นใจว่าคิดเช่นนั้นจริงๆและจะไม่เปลี่ยนแปลง

                “ทำให้เห็นสิว่าเธอเกลียดมันจริงๆ” แต่ถึงยังไงไอโอดีนก็ไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้น ถึงจะร้าย แต่ก็ดีกับฉันมากจริงๆ…เขาเฝ้าดูแลฉันทั้งคืนเลยนะ

 

                “เรื่องเมื่อวานน่ะ ฉันต้องขอโทษด้วยที่ทำอะไรแบบนั้นลงไป”

                 “ทั้งที่รู้ว่าเธอไม่ชอบให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัวแบบนั้นฉันก็ยังจะทำ ไม่แปลกที่เธอจะเกลียดฉัน ขอโทษที่ล่วงเกิน ฉันมันสุภาพบุรุษไม่พอ”

                “ฉันเพิ่งรู้มาจากดินสอว่าเธอเจออะไรมาบ้างกับแฟนเก่า...ฉันขอโทษจริงๆนะ ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมีอดีตแบบนั้น”

 

                เสียงของไอโอดีนตีวนเข้ามาในหัว คำพูดเหล่านั้นมันทำให้ฉันรู้ว่า…

                ที่เขาทำดีด้วย เพราะสงสารเท่านั้น และฉันก็ไม่ชอบทำตัวอ่อนแอเพื่อให้มีคนมาทำดีด้วยความสงสารเหมือนกัน!

                “อย่าให้มันได้แตะต้องตัวเธออีก…” คำพูดนั่นพ่นออกมาจากปากของร็อคที่เลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ฉันเรื่อยๆ

                พลั่ก!!

                “เลิกหึงหวงฉันสักที มันน่ารำคาญ!!!” ฉันผลักตัวหมอนั่นให้ออกห่างจนตัวเขาเซไปชนกับประตู ทำไมเขาถึงชอบ  บอกไปกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบให้ทำแบบนี้ ยิ่งทำก็ดีแต่จะทำให้ตัวเองถูกเกลียดไปเปล่า ชอบที่ถูกฉันเกลียดมากนักหรือไง

                “ทำไม? มันชวนให้คิดถึงเรื่องอดีตของเราหรือไง?” ร็อคคลี่ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

                “ไม่!! ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนั้นเลย!”

                “นี่ทิงเจอร์ ฉันจริงจังเรื่องเธอไอ้หัวแดงนั่นมากนะ”

                “…”

                “ถ้าเธอปล่อยให้หมอนั่นแตะตัวเธออีก ฉันจะเอาความลับของเธอไปบอกทุกคนซะ” ร็อคก้มหน้ากระซิบลงข้างหู นี่เขา…คิดจะทำอะไรกันแน่!!

                “นายต้องการอะไร ทำไมต้องเอาจุดอ่อนของฉันมาเล่นด้วย!!” หลงผิดจริงๆที่เคยคิดว่าเขาเป็นคนที่ไว้ใจได้ ฉันเล่าเรื่องราวทั้งหมดในชีวิตทั้งเรื่องดีและร้ายให้เขาฟัง แต่เขากลับเอามันมาขู่ฉัน ถ้ารู้อย่างนี้…ไม่เลือกนายตั้งแต่แรกยังจะดีกว่า

                “เธอต้องเป็นของฉันคนเดียว…” เขาไม่ยอมขยับตัวถอยห่างออกจากฉันเลย มีแต่จะเข้าใกล้มากขึ้น และเรื่อยๆ ริมฝีปากนั่นไล้ขึ้นมาบนแก้มของฉัน...

                “ร็อ…”

                แกร็ก!!

                “เฮ้! ทำไมประตูมันล็อคล่ะ นี่ยัยเตี้ย เธอตกส้วมตายแล้วหรือไง แล้วข้าวฉันล่ะ ของกินของฉันล่ะ เธออยู่ในห้องน้ำใช่มั้ย!” ไอโอดีน! หมอนั่นออกมาตามหาฉันเหรอ

                พลั่ก!

                แอด…

                ฉันยกมือขึ้นผลักชายตรงหน้าให้ออกไปให้พ้นๆแล้วรีบประตูทันที ฉันควรจะออกไปจากที่นี่ตั้งนานแล้ว!!

                “อยู่ที่นี่จริ…นี่นาย…” เสียงทุ้มของไอโอดีนเปลี่ยนเป็นโหดขึ้นมาในทันที ทั้งร็อคและไอโอดีนจ้องกันราวกับจะกินเลือดเนื้อ

                “หึ” ร็อคเค้นหัวเราะออกมาอย่างน่าขนลุกและค่อยๆก้าวออกมาอย่างช้าๆ

                “ขำอะไรของนาย” ไอโอดีนที่ยืนจ้องร็อคด้วยความไม่พอใจโพล่งออกมาอย่างหงุดหงิดทั้งที่เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ

                “ก็เปล่า…” ร็อคยักไหล่อย่างไม่สนใจก่อนจะเลื่อนสายตามามองฉัน “อย่าลืมที่ฉันบอกล่ะ” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินจากไปในทันที คำพูดของเขาทิ้งความสงสัยให้กับบุคคลที่สามที่ยืนข้างๆฉันเป้นอย่างมาก ไอโอดีนขมวดคิ้วสงสัยแล้วเอ่ยถามฉันในทันที

                “มันเกิดอะไรขึ้น”

                “เปล่า” ฉันเดินออกมาจากตรงนั้นแล้วตรงไปยังห้องครัวทันที “ไม่มีอะไรทั้งนั้น”

                “ล็อคห้องอย่างนั้นเนี่ยนะที่เรียกว่าไม่มีอะไร เธอควรจะเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่เอกับพี่อีฟเขานะ!” ไอโอดีนเดินตามฉันมาอย่างเป็นห่วง แต่นั่นก็คงจะเป็นความรู้สึกจอมปลอม ห่วงเพื่อหลอกให้ฉันตายใจ…ใครๆเขาก็ใช้วิธีนี่เพื่อหลอกหญิงกันทั้งนั้น

                “ฉันบอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีสิ จะกินอยู่ไหมข้าวน่ะ!”

                “เป็นอะไรของเธอ ถามแค่นี้ทำไมต้องหงุดหงิด”

                “…” ตอนนี้ฉันต้องการไปให้ถึงห้องครัวให้ไวที่สุดเท่านั้น เขามาตามฉันเพื่อให้ฉันหาของกินไปให้ไม่ใช่หรือไง เลิกยุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันได้แล้ว

                “นี่ เธอควรจะบอ…”

                “ก็บอกว่าเรื่องของฉัน!!!” ฉันปัดมือหมอนั่นทิ้งก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาดึงแขนฉัน ไอโอดีนชะงักเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร

                “ที่เธอไม่ยอมเอาเรื่องหมอนั่น เพราะเธอยังไม่ลืมมันหรือไง?” …ไม่เว้นแต่หมอนี่ก็ยังมีความคิดที่คล้ายกับร็อค…ฉันทำตัวให้พวกนายคิดอย่างนั้นหรือไง

                “ก็แล้วแต่นายจะคิด”

                “เหอะ! ที่แท้ก็ยังรักไอ้เฮงซวยนั่นอยู่นี่เอง ปากบอกว่าเกลียดแต่ก็ยังอุตส่าห์หาเวลามาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เฮอะ! ฉันไม่น่ามาขัดจังหวะเลยว่าไหม?”

                “…”

                “เกลียดการถูกแตะตัวจากชายอื่นแท้ๆ ตาการกระทำของเธอมันต่างกันโดนสิ้นเชิง…ถึงว่าเมื่อเช้าเธอดูแปลกๆ ยอมให้ฉันกอดง่ายๆโดนไม่ขัดขืน งั้นที่เธอไปผับบ่อยๆก็เพราอย่างนี้สินะ ฉันมองผู้หญิงไม่ผิดเลยจริงๆ”

                “…” ฉันจะปล่อยให้เขาคิดได้อย่างอิสระโดยไม่ขัดขืน ยิ่งเกลียดกันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น เราทั้งสองคนจะได้ไม่ต้องอยู่ใกล้กันอีก และร็อคจะได้ไม่เอาความลับของฉันไปบอกใคร…แต่การถูกเข้าใจผิดแบบนี้ฉันไม่ชอบเลย ยิ่งเป็นเรื่องพวกฉันยิ่งยอมไม่ได้…แต่จะให้ทำยังไง ความลับของฉันมันสำคัญกว่า…

                “ไม่ยอมพูดอะไรแบบนี้คือยอมรับทั้งหมดที่ฉันพูดมาสินะ แล้วไอ้เรื่องนั่นล่ะ เรื่องที่ดินสิเล่าให้ฉันฟัง เธอบอกให้ดินสอกุเรื่องขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองดูน่าสงสารหรือไง ทั้งเรื่องอดีตที่ไม่น่าจดจำแล้วก็แฟนเก่าห่วยแตกอะไรนั่น มันเป็นเรื่องหลอกงั้นเหรอ?”

                “ใช่” ถ้าการที่จะลบเรื่องของฉันออกจากหัวของหมอนี่ก็คงมีทางเดียวเท่านั้นคือ…ทำเหมือนกับเรื่องทั้งหมดที่เขาได้ยินมามันไม่ใช่เรื่องจริง เขาจะได้เลิกยุ่ง จะได้ลืมเรื่องอดีตทั้งหมด และเขาจะได้เลิกสงสารฉันสักที

                “อ้อ! ที่บอกว่าไม่ชอบให้ใครแตะเนื้อต้องตัว กลัวผู้ชายหื่น ทั้งหมดคือสร้างภาพขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้นงั้นเหรอ เรียกความสนใจสินะ? ถ้ารู้ว่าเธอยังรักไอ้แฟนเก่าอยู่ฉันก็คงไม่รู้สึกผิด รู้อย่างนี้ฉันคงไม่ไปนั่งเฝ้าเธอให้เสียเวลาหรอก!”

                “จะบอกว่านายสงสารก็เลยช่วยฉันงั้นเหร?”

                “เออ!”

 ฉันไม่ต้องการความเมตตาจากใครทั้งนั้น ฉันดูแลตัวเองได้!!

                “ต่อจากนี้ไปก็เลิกสงสารฉันได้แล้ว และเลิกยุ่งกับฉันอีก”

                “ด้วยความยินดี!”

 

 

 

กร๊าซซซซซซซซซ!!! ตายแน่ๆ

เขียนให้ทะเลาะกันอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่ทั้งสองจะดีกันล่ะ -O-

ปมของทิงเจอร์ที่ยังไม่ได้บอกใคร อาจจะมีเแลยอยู่ในตอนหน้าหรือตอนถัดๆไป

กรี๊ดดดดดด >O< ขอบคุณทุกคนที่เเวะเข้ามาอ่านตลอดเลยน้าาาา

จุ้บๆ  <3

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา