Overnight คืนนี้กับ 4 หัวใจของยัยวายร้าย

9.6

เขียนโดย LazyGirl

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.34 น.

  32 บท
  189 วิจารณ์
  42.56K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 10.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

29) เป็นเจ้าของ(อดีต) 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 29

เป็นเจ้าของ(อดีต)

               

                วันที่3ของการถูกพักการเรียน

                กร็อบกร็อบ

                เสียงขนมถูกบดด้วยฟันอันแหลมคมดังออกมาจากปากของสาวน้อยร่างบางที่นอนดูโทรทัศน์จอใหญ่บนโซฟาสีเทาอย่างสบาย ก็สบายจริงๆนั่นแหละ วันๆไม่ต้องทำอะไร แค่นอนดูทีวีและอยู่เงียบๆไม่ให้โดนบ่นก็พอ วันนี้เป็นวันที่3ที่ถูกพักการเรียน และเป็นวันที่3ที่ตื่นบ่ายโมงตรง ชีวิตฉันดำเนินมาอย่างนี้3วันจนโดนคุณนายประจำบ้านบ่น แต่มีเหรอที่คนอย่างทิงจะสำนึก ก็เสียงบ่นของคนแก่มันน่ารำคาญจะตายไปนี่ ใครจะอยากฟังกันล่ะ อ๊ะ ฉันไม่ใช่เด็กดื้อที่ไม่ฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่หรอกนะ ก็แค่ไม่ชอบฟังเสียงบ่นของหญิงแก่ๆเท่านั้นเอง ว่าแล้วก็กินขนมต่อดีกว่า ^O^

                กร็อบกร็อบ

                เอ่อ...ถ้าฉันนอนกินนอนเล่นทุกวันแบบนี้จะอ้วนตายไหมเนี่ย เอาจริงๆมันก็ไม่มีอะไรทำนี่แหละ เวลาเรียนก็ว่าเบื่อแล้วนะ แต่ตอนไม่ได้ไปเรียนแบบนี้สิน่าเบื่อยิ่งกว่า ฉันจะไม่บ่นยาวๆแบบนี้เลยถ้าโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ไม่ถูกยึด นี่ฉันใกล้จะลงแดงตายแล้วนะ ไม่มีช่องทางไหนติดต่อร็อคได้เลยเหรอ T^T

                กร็อบกร็อบ

                “โอ๊ย! แกไปเคี้ยวไอ้ขนมนี่ไกลๆไป ฉันดูหนังไม่รู้เรื่อง!” คุณนายประจำบ้านที่นั่งดูจอโทรทัศน์เครื่องเดียวกับฉันเดือดร้อนดังลั่น นี่นางจะเสียงดังไปทำไมกัน นั่งก็ไม่ได้ห่างกันเท่าไหร่ พูดออกมาด้วยเสียงปกติฉันก็ได้ยินแล้วน่า และไอ้หนังเรื่องนี้ก็ออกมานานแล้ว เรียกได้ว่าโคตรเก่าเลยล่ะ ทำไมนางถึงไม่เคยดู ล้าหลังชะมัด -_-

                “ดูไม่รู้เรื่องก็เปิดคอมดูย้อนหลังสิ แม่ยึดคอมทิงไปแล้วนี่ ลำโพงก็ดังยังกับดูในโรงหนัง สนุกดีจะตาย”

                “ไม่” แม่พูดเสียงเรียบแล้วหันหน้ามาด่าต่อ “วันๆแกทำอะไรบ้าง ตื่นก็สาย งานบ้านก็ไม่ช่วย แล้วยังมานอนบนโซฟา กินขนมเลอะบนที่นั่งฉันอีก นี่แกยังเป็นลูกฉันอยู่หรือเปล่า รู้จักเสียสละให้แม่นั่งหน่อยสิ!”

                “ก็ถูกพักการเรียนนี่ ชื่อก็บอกแล้วว่า ‘พัก’ เพราะฉะนั้นก็ต้องพักให้มันอิ่มหนำสำราญ แล้วไอ้เรื่องงานบ้านไม่ช่วยน่ะ ทิงไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรเพราะบ้านหลังนี้มันก็สะอาดอยู่แล้ว แม่บ้านหรือคนสวนแม่ก็จ้างมาดูแล ที่นี่ไม่มีที่ว่างให้ทิงได้ทำอะไรเลย ทิงจึงต้องตื่นสายมานอนกินขนมให้แม่บ่นนี่แหละ =_=” ฉันบ่นยาวเป็นชุดแข่งกับคุณนายที่นั่งหน้ามุ่ยไม่พอใจ ฉันว่านิสัยบ่นยาวๆแบบนี้ต้องติดมาจากแม่ชัวร์ -_-

                “ไม่เบื่อหรือไงที่อยู่บ้านแบบนี้น่ะ -_-”

                “เบื่อสิ เบื่อโคตรๆ” ฉันตอบแม่พร้อมกับใบหน้าที่แสนจะเซ็ง และฉันก็เพิ่งสังเกตเห็นใบหน้าของแม่ที่เหมือนกับอารมณ์ของฉันในตอนนี้เปี๊ยบ เดาไม่ยากเลยว่าแม่ก็เบื่อเหมือนกัน =_=

                “ออกไปหาไรทำสิ”

                “ฮะ? -_-” ทำไมวันนี้แม่ถึงยอมให้ออกไปข้างนอกล่ะ ทิงเจอร์งง

                “ฉันเบื่อหน้ามันๆของแกแล้ว ไปล้างหน้าและออกจากบ้านนี่ไปซะ เห็นหน้าแล้วรำคาญ” แม่โบกมือไล่แล้วหันหน้าไปมองจอโทรทัศน์ต่อ

                “เบื่อขี้หน้ากันแบบนี้ทำไมไม่ให้ทิงไปอยู่โรงเรียนกินนอนเลยล่ะ”

                “ถ้าแกไปฉันก็เหงาสิ” แม่ตอบโดยไม่มองหน้าฉันแม้แต่น้อย แหม...พูดจาแบบนี้ก็เป็น ให้รางวัลดีไหมเนี่ย ^O^

                จุ้บ

                “แล้วแม่จะเหงาไหมถ้าทิงออกไปข้างนอกตอนนี้ ^^” ฉันหอมแก้มแม่หนึ่งดีแล้วก้มหัวเอาหน้ามุดกับซอกคอของแม่ คุณนายขี้บ่นนางนี้บางทีก็น่ารักดีเหมือนกันแฮะ

                “ฉันดีใจด้วยซ้ำที่แกจะไม่อยู่บ้าน ไม่มียัยเด็กน่ารำคาญมากวนโมโห ไปไหนก็ไปฉันเบื่อหน้าแกเต็มทีแล้ว ฉันอยากดูโทรทัศน์!” แม่ตะโกนอย่างรำคาญแล้วดันหัวฉันออกห่าง ฉันหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากบ้านเพื่อโบกรถไปไหนสักที่ โอ๊ย ก็ฉันไม่มีรถนี่นา แม่ไม่ยอมซื้อให้สักที เซ็งชะมัด =_=

               

                ถนน I

                “นี่ค่ะ”

                “ขอบคุณครับ”

                บรึ้นนน

                ฉันจ่ายเงินให้คุณลุงคนขับแท็กซี่ก่อนจะลงรถมา ดีนะที่ไม่ลืมเอากระเป๋าตังค์มาด้วยไม่งั้นซวยแน่ ตอนนี้ฉันก็มาถึงถนน I แล้ว ถนนเส้นนี้ที่ใครๆก็รู้จักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะนักกินที่มักจะมาล่าร้านขนมหวานบรรยากาศดีแถวนี้ ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องสถาปัตยกรรมที่สวยงามและร้านขนมหวานที่อร่อยถูกปาก ปกติฉันก็ไม่ใช่พวกชอบกินอะไรหรอกนะ แต่พอดีลุงแกขับรถผ่านมาแถวนี้ก็เลยตัดสินใจลง ถ้าไม่ลงสักที่ก็คงต้องนั่งอยู่บนรถเป็นชั่วโมงแน่ๆ เพราะตอนนี้สมองบอกไม่ได้จริงๆไปไหนดี ถ้าเป็นแบบนั้นนค่าแท็กซี่ต้องบานแน่ๆ =_=

                ฉันเดินสำรวจไปเรื่อยๆเพื่อมองหาร้านที่น่านั่ง แต่ละร้านตกแต่งอย่างสวยงามน่าเข้าไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศทั้งนั้น เอาเป็นว่ามันก็น่านั่งหมดนั่นแหละ ราคาก็คงจะแพงไม่ต่างกันด้วย ว่าแต่เงินฉันเถอะ มีไหม? สงสัยต้องไปกดเงินเพิ่มแล้วล่ะ หวังว่าพ่อคงไม่อายัดบัตรฉันนะ =_=

                “นั่นทิงเจอร์ใช่ไหม” หืม...ใครทักฉันนะ วันนี้ฉันออกจะแต่งตัวเพี้ยนๆเสื้อแขนยาวสีเขียวกับกางเกงยีนส์สั้นสีเหลือง นี่ยังอุตส่าห์จำได้อยู่นะ -O-

                “อ้าวไลน์ วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ” ไม่คิดว่าจะเจอเขาแถวนี้นะ หน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย สงสัยแผลที่ถูกร็อคทำร้ายจะยังไม่หายดี

                “ไม่ค่อยสบายน่ะ”

                “แล้วทำไมไม่นอนพักอยู่บ้านล่ะ เดี๋ยวก็เป็นหนักกว่าเดิมหรอก -O-” สภาพดูน่าเป็นห่วงเอามากๆ ถ้าเกิดเขาล้มขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ย ต้องโทร.เรียกตำรวจหรือรถพยาบาล เอ๊ะ! แต่ฉันรู้จักแต่เบอร์ป่อเต็กตึ๊งนะ -O-

                “ไม่เป็นไรหรอก นอนเฉยๆมันน่าเบื่อก็เลยออกมาเดินเล่นน่ะ ฉันพักอยู่แถวๆนี้เอง ^^” เขาพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปทางซอยซอยหนึ่ง นั่นคงเป็นทางไปที่พักของเขาสินะ ดีแฮะ อยู่ใกล้กับสถานท่องเที่ยวดี หิวอะไรก็ออกมากินได้ง่ายๆเลยสิ

                “อ๋อ...งั้นเหรอ”

                “ว่าแต่เธอเถอะ ไม่ไปเรีย...อ้อ ฉันลืมไป เธอถูกพักการเรียนสินะ”

                “ใช่ นายก็รู้นี่” ไม่แปลก เรื่องของฉันไม่มีทางที่จะไม่มีใครรู้อยู่แล้ว แต่ถูกพักการเรียนนี่รู้สึกจะเสียประวัตินะ เซ็งชะมัด ก็ฉันไม่เคยถูกพักการเรียนแบบนี้เลยนี่ ถึงแม้จะเคยมีเรื่องมานับไม่ถ้วนก็เถอะ =_=

                “เรื่องของเธอฉันรู้หมดแหละน่า รู้หมดทุกอย่าง...น่าเสียดายที่เธอไปคบกับร็อค ความจริงเธอไม่ใช่พวกชอบหาเรื่องชาวบ้านหรอกใช่ไหม” ทำไมเขาต้องทำหน้าจริงจังถามเรื่องนี้ด้วยนะ และคำตอบของคำถามนั่นก็คือรอยยิ้ม ฉันไม่รู้จะตอบยังไงดีนี่นา ที่ฉันชอบมีเรื่องทะเลาะบ่อยๆมันเป็นเพราะอะไรกันนะ เกิดขึ้นจากตัวฉัน หรือเพราะร็อคกันแน่...

                “ฮ่ะๆ นายก็รู้ว่าฉันคบกับอันธพาล แล้วไม่กลัวว่าร็อคจะตามมาทำร้ายนายเหรอ”

                “หมอนั่นเรียนอยู่ไม่รู้หรอก เธอก็อย่าบอกเขาสิว่าตอนนี้เราอยู่ด้วยกัน ^^” ทำแบบนี้มันจะดีไหมนะ -_- วกว่านี้น

                เป็นไงมาไงไม่รู้ เราทั้งสองเดินไปด้วยกัน เดินไปเรื่อยๆและพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย เดาว่าคนอื่นๆที่มองมาทางเราต้องเข้าใจว่าฉันกับไลน์กำลังเดทกันอยู่แน่ๆ แต่เอ๊ะ...พอคิดได้แบบนี้แล้ว...ความคิดที่อยากจะเอาคืนอีตาร็อคก็พุ่งเข้ามาในหัว ทำตัวสนิทสนมกับไลน์ให้ร็อคหมั่นไส้เล่น แต่ถึงจะอยากแก้แค้นให้ร็อคเจ็บแสบเป็นแสนเท่าตามกฏแห่งรักที่เราวางไว้ก็ตาม ถ้าไลน์เป็นผู้เคราะห์ร้ายมันก็น่าสงสารนะ ตอนนี้เขาเองก็เจ็บตัวอยู่ด้วย แผลยังไม่หายดีเลยแถมยังไม่สบายอีกต่างหาก ถ้าโดนร็อคต่อยหมัดเข้าไปต้องได้เข้าโรงพยาบาลแน่ =_=

แต่เขาก็ดูเป็นคนดีนะ กล้าเดินเป็นเพื่อนฉันโดยไม่กลัวร็อคทำร้าย ใจกล้าชะมัด

                “เธออยากกินอะไรหรือเปล่า?”

                “ก็อยากนะ ว่าแต่จะกินอะไรดีล่ะ” ฉันหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ มีร้านไหนที่ขนมหร่อยๆมั่งนะ เลือกไม่ถูกเลย มันมีเยอะเกินไปแล้ว -O-

                “เค้กไหม ชิสเค้กแถวนี้อร่อยนะ ^^”

                “อื้ม ก็เอาสิ วันนี้ฉันเป็นลูกทัวร์นาย เชิญนายนำไปได้เลย นายอาศัยอยู่แถวๆนี้น่าจะคุ้นเคยที่นี่มากกว่าฉันนะ ^^”

                “ตามนั้น ตามฉันมาแล้วกัน ^^”

และแล้ว...ไลน์ก็เดินนำทางมาจนถึง

 

                I-Love Cake

                “บรรยากาศดีเหมือนกันแฮะ” ฉันพูดพลางเหม่อมองดูรอบๆ ไลน์เขาก็ช่างเลือกที่ดีเหมือนกันแฮะ ฉันชอบมันมาก

                “เอาอะไรดี ที่นี่มีเค้กอร่อยๆเพียบเลยนะ ^^”

                “นายเลือกให้ฉันสิ อะไรก็ได้ที่คิดว่าฉันกินแล้วจะมีควมสุข เลือกมาเลย ^^”

                “ฮ่ะๆ เธอก็ดูมีความสุขตลอดนี่ ^^” เอ๊ะ รู้สึกว่าเมื่อกี้ฉันเผลอยิ้มจริงใจให้เขานะ ฉันเผลอนอกใจร็อคตั้งเสี้ยววินาทีแน่ะ! -O-

                “คงจะอย่างนั้นล่ะมั้ง”

                ระหว่างรอเค้กที่สั่งก็คุยกับไลน์ไปเรื่อยเปื่อย แต่จะคุยเรื่องของฉันซะส่วนใหญ่ ดูเขาจะเป็นห่วงฉันมากที่คบกับร็อค เราก็คบกันมานานแล้วนะไม่เห็นจะมีอะไรที่ดูน่าเป็นห่วงเลย เขาคิดมากไปหรือเปล่าเนี่ย

วันว่างๆหาอะไรอร่อยกินแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันแฮะ แต่ฉันก็ยังคิดถึงร็อคอยู่นะ ไม่นอกใจซะหน่อย T^T ที่โรงเรียนนั่น...สถานที่ที่ไม่มีฉันอยู่ ร็อคจะเป็นยังไงบ้างนะ เขาจะทำแบบเดียวกับฉันที่ทำอยู่ตอนนี้หรือเปล่า...

เดินเล่นกับชายอื่นที่ไม่ใช่ชายของตัวเอง...บางทีการทำแบบนี้มันก็รู้สึกผิดต่อคนรักของเราเหมือนกันนะ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ร็อคเขาทำแบบนี้กับฉันก่อนนี่นา ทำบ่อยเลยด้วยซ้ำ บางทีตอนนี้เขาอาจจะเดินเล่นกับสาวน้อยที่ไหนอีกก็ได้ ที่ที่ฉันไม่รู้และไม่เห็น ก็ฉันไม่ได้ตัวติดเขาตลอดเวลานี่นา เฮอะ! อยากไปตบพวกผู้หญิงพวกนั้นให้เลือดเลอะคามือจังแฮะ คิดแล้วคันไม้คันมือ

                “ชิสเค้กสตอเบอรี่และลาเต้คาราเมลค่ะ” ไม่นานพนักงานคนสวยก็เดินมาพร้อมกับชีสเค้ก ว้าว! กระเพาะในท้องฉันร้องลั่นเลยนะเนี่ย >O<

                เอ๊ะ...ทำไมมีของฉันคนเดียวล่ะ

                “นายไม่กินเหรอ?”

                “ไม่ล่ะ ฉันปวดฟัน ^^” อ่า...เจ็บปวดเพราะถูกร็อคทำร้ายมาสินะ น่าสงสารชะมัด

                “งั้นนายก็ต้องนั่งดูฉันกินคนเดียวสิ =_=” พูดจบก็ตักเค้กเข้าปาก

                ง่ำง่ำ

                หูยยยย อร่อย! >O<

                “ก็น่ารักดีนี่นา เห็นก็อิ่มแล้วล่ะ ^^”

                “ไม่ต้องมาเลี่ยนเลยนะ เดี๋ยวก็กินไม่ลงหรอก -_-” ไม่ค่อยชินกับคำพูดแบบนี้ของชายอื่นนอกจากแฟนตัวเองเลยแฮะ แต่เขาก็ทำให้ฉันรู้สึกดีแปลกๆดีเหมือนกัน เอ๊ะ แอบมีกิ๊กเหมือนคนอื่นบ้างดีไหมเนี่ย >_<

                “เธอมีเรื่องแบบนี้เป็นประจำเลยเหรอ?” จู่ๆไลน์ก็ถามขึ้นมาทำเอาฉันชะงักไป

                “เท่าที่นายเห็นนั่นแหละ”

                “ก็บ่อยนะ” พูดแบบนี้เดี๋ยวก็ตบด้วยแก้วลาเต้หรอก =_=

                “เพราะหึงร็อคเหรอ?”

                “คงจะอย่างนั้นแหละ” ก็ถูกอย่างเขาว่านั่นแหละ ที่มีเรื่องแต่ละครั้งก็เพราะความหึงหวงทั้งนั้น ก็มายุ่งกับคนของฉันทำไมล่ะ ฉันไม่ชอบ!

                “ร็อคเขาทำให้เธอหึง หรือเธองี่เง่าไปหึงเขาเอง”

                “ถามแบบนี้หมายความว่าไง หาว่าฉันงี่เง่าทำร้ายคนอื่นไปทั่วหรือไง -_-”

                “เปล่า แค่อยากรู้เฉยๆ แต่ถ้าถามมากไปก็ขอโทษด้วย สงสัยจะกินไม่อร่อยแล้วล่ะมั้ง ^^” ไลน์หัวเราะเล็กน้อยกลบเกลื่อนความผิด แต่สิ่งที่เขาถามฉันก็อยากตอบนะ

                “เอาจริงๆก็ไม่ใช่พวกที่ชอบมีเรื่องหรอก ไม่เคยหึงหวงร็อคเรื่อยเปื่อยด้วย ถ้าผู้หญิงเขาไม่เล่นด้วยก็จบกันไป แต่ถ้าร็อคเข้าไปยุ่งกับผู้หญิงก่อนก็คงต้องโทษคนของเรานี่ล่ะ ส่วนใหญ่จะเจอแต่ผู้หญิงปากมาก อวดดี ชอบคิดว่าตัวเองดีกว่าฉัน มันน่าหมั่นไส้น่ะ ก็เลยกระทืบซะ” ฉันตอบคลายความสงสัยของไลน์พลางดูดน้ำไปด้วย

                “ถ้าเป็นแบบนั้นก็หมายความว่า พวกผู้หญิงที่เธอเจอแต่ละคนพูดมากจนน่าหมั่นไส้กันหมดเลยงั้นสิ?”

                “ใช่ เพราะเป็นแบบนั้นจึงต้องตบสั่งสอน”

                “ผู้หญิงจะไม่พูดมากถ้าผู้ชายไม่ให้ความหวังนะ เธอคิดว่าไง” เขาค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา หมายความว่าไง...

                “นายจะบอกว่าร็อคให้ความหวังพวกผู้หญิงพวกนั้นจนพวกเธอคิดกันไปเองว่าร็อครักพวกเธอมากกว่าฉันเหรอ?”

                “ประมาณนั้นแหละมั้ง นี่เป็นความคิดส่วนตัวของฉันนะ ร็อคอาจจะไม่ทำอย่างนั้นก็ได้” แต่...จากเหตุการณ์เมื่อวานที่ฉันเห็นมันก็เหมือนอย่างที่ไลน์พูดนะ ร็อคเข้าหายัยลีนาอะไรนั่นด้วยท่าทีที่เป็นมิตร ราวกับหลงรักยัยนั่นหัวปักหัวปำ ก็ไม่แปลกที่นางจะหลงตัวเองและหาว่าร็อครักนางคนเดียว เขาทำแบบนั้นทำไมกันนะ

                “เงียบเลยแฮะ เป็นอะไรหรือเปล่าทิงเจอร์?” ไลน์สะกิดแขนเรียกสติ เอ๊ะ นี่เมื่อกี้ฉันเผลอคิดว่าแฟนตัวเองเป็นคนไม่ดีเหรอ เปล่านะ สิ่งที่เขาทำมันก็แค่การแสดง ที่เขาไปยุ่งกับหญิงอื่นนั่นก็เป็นการแสดง เขาแค่อยากรู้ว่าฉันรักเขามากแค่ไหนต่างหาก เพราะฉันรักเขาจึงต้องแสดงความเป็นเจ้าของ เพราะไม่อยากให้เขาต้องกลายเป็นของใคร มีแต่เราเท่านั้นที่รู้กัน คนอื่นเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ร็อคกำลังทำอยู่หรอก

                “เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”

                “เมื่อกี้เธอบอกว่าตบสั่งสอนใช่ไหม สั่งสอนเรื่องอะไรล่ะ?”

                “ก็ประมาณว่า อย่ามายุ่งกับคนของฉันอีก อะไรทำนองนี้แหละ”

                “ถ้าย้อนไปดูที่ต้นเหตุ เธอคิดว่าใครผิด ผู้หญิงที่เข้ามายุ่ง หรือคนของเธอที่เข้าไปยุ่งกับผู้หญิงก่อน” คำพูดของเขาทำให้ฉันนึกขึ้นได้...ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เพราะร็อคเข้าไปยุ่งกับคนพวกนั้นก่อนเหรอ...

                “แต่เธอไม่เคยยุ่งกับใครก่อนเลยใช่ไหมล่ะ?”

                ก็จริง...

                “เธอยอมให้เขาเล่นกับความรู้สึกได้ยังไง เขาไปพูดคุยกับหญิงอื่น ยั่วให้เธอโมโหและหึงหวง คนเป็นผู้ชายมันก็ดีใจอยู่หรอกนะที่แฟนรักแฟนหวงขนาดนี้ แต่เธอไม่เหนื่อยบ้างเหรอที่ต้องคอยตามเก็บกวาดผู้หญิงของร็อคน่ะ เธอรู้ตัวดีใช่ไหมว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่...”

                “…” ฉัน...

                “ความรักของเธอคืออะไร คือการแสดงความรักโดยการไล่ตีชาวบ้านหรือร็อคต้องเป็นของเธอแค่คนเดียว? ถ้าร็อครักเธอจริงๆ เขาคงไม่ทำแบบนี้หรอก คงไม่ทำให้เธอต้องเสียใจและปวดหัวกับเรื่องผู้หญิง เขาควรจะมีเธอคนเดียว”

                ร็อคน่ะมีฉันคนเดียวอยู่แล้ว...ที่เขาทำแบบนั้นเพื่อทดสอบใจฉัน ทดสอบว่าฉันรักเขาจริงหรือเปล่า ถ้ารักเขาจริ ต้องห้ามให้คนอื่นมายุ่ง...

                ความรักของฉัน...คือการที่ร็อคเป็นของฉันคนเดียว...

                จะว่าแบบนั้นมันก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือไง ใครจะอยากแบ่งปันคนรักของตัวเองให้คนอื่นกันล่ะ ฉันรักร็อคมากเลยนะ รักของฉันมันจะต้องเป็นรักเดียวที่ไม่มีคนอื่นเข้ามายุ่ง ฉันไม่ต้องการเห็นความรักระหว่างคน3คน เพราะแบบนั้นจึงต้องทำให้มันเป็นสองคนโดยการกำจัดอีกคนออกไปไม่ใช่หรือไง สิ่งที่ฉันทำมันไม่ถูกเหรอ แล้วมันเรียกว่าอะไรล่ะ ไม่ใช่ความรักหรือไง...

                “การแสดงความเป็นเจ้าของก็เป็นการแสดงออกด้านความรักอย่างหนึ่งนะ” เอ๊ะ...เสียงนี้ทำให้ฉันหยุดคิดเรื่องราวทุกอย่าง

                “ร็อค!” เขามายืนอยู่ข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่

                “ฉันนึกแล้วว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น เธอถูกพักการเรียน และไอ้หมอนี่ก็ไม่โผล่หน้าที่โรงอาหาร โทรศัพท์ของเธอก็โทร.ไม่ติด นี่เธอตั้งใจอยู่กับหมอนี่เพื่อแก้แค้นฉันใช่ไหม?” ร็อคจ้องหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง ดูท่าทางเขาจะโกรธเอามากๆ น่ากลัวชะมัด เขาคงไม่ทำลายที่นี่หรอกนะ...

                “ไม่ใช่สักหน่อย โทรศัพท์ฉันโดนยึด คอมพ์ก็โดนยึด ฉันติดต่อนายไม่ได้เลย”

                “ติดต่อใครไม่ได้แล้วทำไมถึงนัดเจอกับหมอนี่ได้ล่ะ?” ร็อคชี้นิ้วไปทางไลน์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของฉัน เรื่องมันชัดจะใหญ่โตเกินไปแล้วนะ คนทั้งร้านมองมาทางเรากันหมด

                “บังเอิญมาเจอกันต่างหาก ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ”

                “แม่เธอปล่อยให้ออกมาข้างนอกหรือไง?.

                “ก็แม่ฉันไล่ออกมาจากบ้านนี่นา นายฟังที่ฉันพูดหน่อยเถอะ” แม่เบื่อขี้หน้าก็เลยไล่ออกมาไงล่ะ นายก็รู้นิสัยแม่ฉันดี ทำไมไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยนะ

                “ร็อค ฉันว่านายใจเย็นๆก่อนนะ มีอะไรออกไปคุยกันข้างนอก ไม่อายคนนี้บ้างหรือไง” ไลน์ลุกขึ้นเจรจากับร็อคที่ตอนนี้อารมณ์เสียสุดๆ แต่ดูเหมือนร็อคจะไม่ฟังเลย ให้ตายสิ หมอนี่ฟังใครเป็นซะที่ไหน

                “นายน่ะหุบปากไปซะถ้าไม่อยากเจ็บตัว”

                “ฉันพูดจริง ฉันไม่ได้นัดเจอเขา เราบังเอิญเจอกันจริงนะ” ฉันพยายามพูดให้ร็อคใจเย็น หวังว่าเขาจะฟังฉันบ้าง

                “บังเอิญเจอแค่ทักทายก็พอ ไม่ต้องมานั่งกินเค้กสองต่อสองแบบนี้หรอก เธอชวนมันมากินหรือมันชวนเธอล่ะ? หา?” ไลน์เขาชวน...แต่ฉันเป็นคนตามมาเอง...

                “ไลน์เขาไม่ผิดหรอก ฉันผิ...”

                “เธอช่วยมันอีกแล้วนะ ยอมรับผิดแทนมันทำไม? ทิงเจอร์ เวลาเรามีเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเธอไม่เคยเข้าข้างคนอื่นนอกจากฉันเลยนะ ทำไมครั้งนี้เธอถึงเข้าข้างมันล่ะ มีใจให้มันหรือไง? ชอบมันแล้วใช่ไหม!” ร็อคเรื่มตะโกนแล้ว โอ๊ย น่ากลัวยิ่งกว่าแม่ตัวเองซะอีก!

                “ก็ครั้งนี้เขาไม่ผิดนี่ เขาไม่ได้เข้าหาฉันตรงๆเหมือนวันที่เขาเอาขนมมาให้ ฉันผิดเอง เราเจอกันและเขาก็ชวนมาเค้กที่นี่ แต่ฉันผิด ผิดที่ไม่ปฏิเสธแล้วตามเขามา”

                “เธอยอมรับแล้วนะว่าเธอผิด” จู่ๆเสียงของเขาก็เบาลงอย่างเห็นได้ชัด นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เราเคลียร์กันง่ายขนาดนี้

                “อืม...”

                “งั้นวันนี้นายก็รอดตัวไปไอ้หน้าเละ กลับบ้านไปซะ แล้วอย่าให้เจอหน้าอีก” ร็อคหันไปทำหน้าโหดใส่ไลน์แล้วไล่เขากลับบ้าน

                 “ถ้าฉันไม่ไปล่ะ?” ไลน์ยังคงยักคิ้วท้าทายอำนาจมืด ขอร้องล่ะอย่ามีเรื่องในที่แบบนี้เลย คนมันเยอะเกินไปแล้วนะ

                “ฉันก็จะสั่งสอนนายเดี๋ยวนี้เลย”

                “ร็อค ใจเย็นน่า” ฉันหันไปกระตุกชายเสื้อให้เขาใจเย็นลงแล้วหันกลับไปหาไลน์ต่อ “ไลน์ ขอโทษนะ นายกลับก่อนได้ไหม”

                “เธอจะไปขอโทษมันทำไม!”

                “ไลน์ กลับได้แล้ว” ฉันพยายามบอกให้ไลน์กลับ นี่เป็นห่วงหรอกถึงไล่ให้กลับไปแบบนี้ ไม่งั้นได้หน้าเละอย่างที่ร็อคพูดจริงๆหรอก

                “อืม งั้นฉันไปก่อนนะ” ไลน์โบกมือให้พร้อมกับทำหน้าเซ็งเดินออกจากร้านไป ร็อคมองตามอย่างละสายตา ผู้คนในร้านกลับสู้สภาพปกติเหมือนกันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร็อคน่ากลัวชะมัด =_=

                ตุบ

                ร็อคหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ไลน์เพิ่งลุกไป เขาจ้องหน้าฉันเขม็งราวกับจะจับผิดอะไรอย่างนั้นแหละ ขอโทษนะ หน้าฉันไม่มีพุธหรอก เพราะฉันไม่ได้ทำผิดอะไร ก็แค่มากินเค้กเท่านั้นเองแหละ ไม่ผิดสักหน่อย

                “มองอะไร” ฉันถามพลางตักเค้กเข้าปาก

                เคล้ง!

                “ร็อค!!!” บ..บ้าไปแล้ว! เข้าปัดช้อนในมือฉันทิ้งจนเศษเค้กกระเด็นไปโดนโต๊ะอื่น นี่ดีนะที่โต๊ะนั้นไม่มีคนนั่ง ไม่งั้นหน้าได้แดงเป็นสตอเบอรี่แน่

                “ไอ้เค้กนี่มันซื้อให้เธอใช่ไหม?”

                “แล้วนายจำทำแบบนั้นทำไม อารมณ์ร้อนเกินไปแล้วนะ!”

                “ขอโทษ มือมันกระตุก วันหลังจะได้รู้ว่าอย่าทำแบบนี้อีก” เขายังคงพูดเสียงเรียบข่มขวัญฉันกับพนักงานเสิร์ฟที่ยืนเป็นหินอยู่ด้านหลัง

                “ฉันไม่ชอบให้เธอกินของของคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน เดี๋ยวสั่งให้ใหม่แล้วกัน ขอเมนูด้วยครับ” ร็อคยกมือเรียกพนักงานเพื่อสั่งเค้กอีกจาน แต่ฉันไม่อยากกินแล้วล่ะ!

พรึ่บ!

                “นี่ค่าเค้กกับน้ำ ไม่ต้องทอนนะ” ฉันลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปที่พนักงานที่ทำหน้าเหลอหลาทำไม่ถูกแล้ววางเงินลงบนเมนูที่เธอเตรียมมา ทำไมวันนี้รู้สึกหงุดหงิดแบบนี้กันนะ

                “ทิงเจอร์ เธอจะไปไหน!” ร็อครียตามออกมาข้างนอก เขาไม่ได้เดินตามเพียงอย่างเดียว เขาคว้าข้อมือฉันไปและกระชากให้หบุดเดิน

                “ฉันจะกลับแล้ว”

                “เธองอนฉันไม่ได้นะ เธอบอกแล้วว่าเธอผิด” เสียงของเขาเบากว่าเดิม หวังว่าเขาคงจะใจเย็นลงจริงๆแล้ว

                “แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ?” ฉันถามพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อย ไม่รู้จะทำยังไงแล้วล่ะ ไม่น่าออกบ้านตามที่แม่บอกเลย

                “ทิงเจอร์ เธออย่าถอนหายใจแบบนั้นสิ ฉันรู้สึกไม่ดีเลย รู้สึกเหมือนเธอกำลังจะเบื่อฉันอย่างนั้นแหละ”

                “ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะ” เวลาเขาทำหน้าแบบนี้แล้วอดเห็นใจไม่ได้แฮะ ความรู้สึกของเขาออกทางใบหน้า ตอนนี้ฉันรับรู้ได้ว่าเขากลัวฉันจะเบื่อ แต่ฉันไม่เบื่อหรอกนะ แค่เหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้นเอง

                “ไม่เป็นไร แค่วันนี้ได้เจอหน้าเธอก็มีความสุขแล้วล่ะ ^^”

                “ไม่โกรธที่ฉันนั่งกินเค้กกับไลน์แล้วหรือไง?”

                “ความจริงก็โกรธอยู่นะ แต่ฉันคิดว่าที่เธออยู่กับหมอนั่นมันเป็นการแสดง เธอตั้งใจให้ฉันหึงเธอใช่ไหม เธอเอาคืนฉันใช่ไหมล่ะ นี่ รู้ไหม เธอเล่นเอาฉันโกรธจริงจังจนแทบจะต่อยหน้าไอ้หมอนั่นกลางร้านเลยนะ ฉันไม่ชอบไอ้หมอนั่นจริงๆ” การแสดงงั้นเหรอ...นั่นไม่ใช่การแสดงสักหน่อย...

                “เงียบทำไมล่ะทิงเจอร์...หรือที่เธออยู่กับมันเป็นเรื่องจริง เธอไม่ได้จัดฉากขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ...แล้วที่เธอพูดเข้าข้างมันล่ะ เธอปกป้องมันจริงเหรอ?”

                “ก็...เรื่องจริงนี่ เขาไม่ผิดสักหน่อย” ฉันห้มหน้าพ่นความจริงออกมา รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลนแฮะ แปลกๆ..

                “เธอเป็นห่วงความรู้สึกของมัน...นี่เธอชอบหมอนั่นเหรอ?” เปล่าสักน่อย ที่ทำแบบนั้นเพราะสงสารต่างหากเล่า

                “ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าฉันสำนึกผิดแล้ว ขอโทษนะ”

                “เฮ้อ...แค่คำขอโทษสำหรับฉันมันยังไม่พอหรอกนะ” ร็อคกอดอกพลางอมลมไว้ในปากแล้วเชิดหน้าขึ้น ท่าทางแบบนี้เขาหายโกรธฉันแล้วนี่นา ทำท่าแบบนี้ต้องอยากได้อะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ

                “แล้วนายจะเอาอะไรล่ะ?”

                “ให้หมดทุกอย่างหรือเปล่า^^” ร็อคคลี่ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง เวลาคนหน้าโหดยิ้มเนี่ยน่ารักชะมัด

                “อื้ม ก็ถ้าเป็นนายก็ให้หมดนั่นแหละ ^^”

                “ไว้วันสิ้นปีจะบอก อย่าลืมที่พูดล่ะ สัญญานะ ^^”

                “อื้ม ^^” เราทั้งสองเกี่ยวก้อยสัญญากัน ฉันจะไม่ลืมสิ่งที่พูดในวันนี้แน่นอน และวันสิ้นปีที่จะถึงนี้ก็คือเดือนหน้า ถึงตอนนั้นฉันก็ไปเรียนพอดีนั่นแหละ ในวันสิ้นปีขึ้นปีใหม่ ฉันเองก็มีแผนอยู่เหมือนกันนะ วันนั้นจะต้องเป็นวันที่พิเศษมากแน่ๆ

               

                วันสิ้นปี

                ณ โรงเรียนไฮโซชื่อดัง

                วันนี้เป็นวันที่โรงเรียนคึกคักมาก เดินไปทางไหนก็มีแต่เสียงเฮฮา ทั้งเสียงของน้องๆประถมและเพื่อนๆมัธยม อาจเพราะในวันนี้มีบุคคลภายนอกเข้ามาในงานด้วยก็ได้โรงเรียนก็เลยคึกครื้นเป็นพิเศษ ภายในงานมีกิจกรรมให้เล่นมากมาย ด้วยคอนเสปงานวัดที่ประธานนักเรียนม.3เป็นคนคิด มีทั้งปาโป่ง บ้านลม สาวน้อยตกน้ำ -_-

                …

                ฉันอยากจะถามว่าใครโหวตให้คอนเสปนี้ชนะ!! ห้องฉันอุตส่าห์เสนอคอนเสป Doll house บ้านตุ๊กตาไป ความคิดออกจะเลิศหรูดูมีระดับ แต่คณะกรรมการกลับไม่เลือกแล้วไปเลือกอีงานวัดแทน โอ๊ย! เซ็งชะมัด การประกวดเต้นในช่วงเช้าก็เลยกลายเป็นเพลงลูกทุ่งที่ฉันร้องไม่เป็นสักกะเพลง เพลงอินเตอร์ๆไม่เปิดเลยวันนี้ หดหู่ชะมัด =_=

                แต่ก็นะ ช่วงเช้าเป็นเวลาของเด็กๆให้ออกมาแสดงความสามารถกัน เด็กประถมทั้งหลายก็ออกมาร้องเพลงเต้นประกอบเพลงลูกทุ่งกันอย่างสนุกสนาน ผู้ปกครองก็ยืนเชียร์ลูกตัวเองด้วเสียงอันดังพร้อมกับกดรัวชัตเตอร์ถ่ายรูปเก็บไว้ ที่นี่ไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับวัยมัธยมอย่างพวกฉันเลย กะจะไปเต้นโคเวอร์สักหน่อย แต่เกาหลีมันคงไม่เข้ากับงานวัดแบบนี้หรอกมั้ง =_=

                อย่าให้ถึงเวลาเย็นล่ะ พื้นที่นี้พี่มัธยมจอง!

                ตอนนี้ก็อยู่อย่างเซ็งๆไปก่อนแล้วกัน อิจฉาคนอื่นชะมัดที่ได้อยู่กับเพื่อนของตัวเอง ทำฉันต้องมายืนโดดเดี่ยวไร้เพื่อนฝูงฟังเสียงประกาศขายของของอีเด็กป.6พวกนี้ด้วยนะ -_-

                “พี่ๆน้องๆทั้งหลายมาช่วยกันอุดหนุนปีกไก่ย่างหน่อยเร้ว ไก่สดจากฟาร์มน้องหมิวเลยนะค้า ^O^”

                “ใช่ค่ะ ไก่สดๆแบบนี้หาได้ยากมากเลยนะคะ ถ้าไม่เชื่อก็ดูเลยค่ะ!!”

                พั่บๆ!

                กะต๊ากๆ!!

                “กรี๊ด!! เอามันออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” ทำไมฉันต้องมายืนขายปีกไก่กับเด็กป.6ด้วยเนี่ย! ฉันกรี๊ดเสียงสูงพร้อมกับปัดมือไล่ไอ้ไก่บ้านั่น จู่ๆมากระพือปีกใส่หน้าฉันทำไมเล่า! แล้วยัยเด็กสองคนนี้ทำไมถึงได้อุ้มไก่ตัวนั้นออกมาจากเล้า มันอยู่ข้างในก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง ไม่สิ! ไก่มันไม่ควรที่จะมาอยู่ที่นี่เลยต่างหาก คิดว่าเอาไก่สดพร้อมขนออกมาโชว์มันจะทำให้มีคนสนใจอยากซื้อนักหรือไง!

                “ว้าว! น่าสนใจ ไก่สดจากฟาร์มสินะ พี่ครับ ขายไม้ละกี่บาทเหรอ”

                ไม่จริงน่า มันขายออกอยู่เหรอ! -O-

                “ไม้ละ12ค่ะน้อง พี่ทิงเจอร์คะช่วยปิ้งไก่หน่อยสิ เดี๋ยวมันก็ไหม้หมดหรอก!” ยัยน้องหมิวลูกเจ้าของฟาร์มไก่ เด็กป.6ตัวเล็กออกปากสั่งฉัน

                “นี่ ฉันเป็นพี่เธอนะ!” ฉันจิกตาใส่ยัยเด็กหมิวนั่นพร้อมถือไม้เสียบไก่อยู่ในมือ อยากตาบอดรึไงยัยเด็กน้อย!

                “พี่คะช่วยปิ้งไก่หน่อยค่ะ มันจะไหม้อยู่แล้ว” เพื่อนของน้องที่ชื่อหมิวรีบออกตัวเข้ามาขวางแล้วปิ้งไก่แทนฉัน เฮอะ! แน่จริงอย่าห้ามสิ!

                “เธอปิ้งได้ก็ปิ้งไปเองสิ หัวฉันเหม็นควันไปหมดแล้ว” ฉันพูดพลางถอยหลังไปนั่งเก้าอี้พลาสติกด้านหลังแล้วจับปลายผมตัวเองขึ้นมาดม อี๊! เหม็นเป็นบ้า เมื่อเช้าฉันลงทุนสระผมมาเพื่ออะไรยะ ฉันอุตส่าห์ใช้แชมพูกลิ่นน้ำหอมยั่วยวนชายจากฝรั่งเศลมาให้ร็อคดมเชียวนะ ตอนนี้เหม็นไปหมดแล้ว รู้ไหมว่าแชมพูนั่นเท่าไหร่! ถ้าขายไก่หมดร้านก็ไม่มีวันซื้อได้หรอก!

                “พี่ก็อย่าทำตัวมีปัญหาสิคะ ไม่อย่างนั้นคงได้เดินเที่ยวเหมือนคนอื่นๆแล้ว อ่ะนี่ตังค์ทอนค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ^^” น้องที่เป็นเพื่อนยัยเด็กหมิวลูกเจ้าของฟาร์มไก่นั่นชื่ออะไรนะ ทำไมถึงได้พูดจาเป็นผู้ใหญ่นัก น่าหมั่นไส้จริงๆ -_-

                แต่สิ่งที่ยัยนั่นพูดมันก็ถูก ถ้าฉันหัดทำตัวดีๆคงไม่ต้องมาขายไก่กับเด็กป.6แบบนี้หรอก เพราะฉันเพิ่งจะได้กลับมาเรียนและยังเป็นที่จับตามองของคุณครูหลายๆท่าน พวกครูทั้งหลายไม่มั่นใจในพฤติกรรมของฉัน เกรงว่าฉันจะก่อความวุ่นวายขึ้นอีก ก็เลยให้เด็กม.3ที่ไม่ได้มีหน้าที่ขายของอย่างฉันมาช่วยเด็กประถมโปรโมทไก่ ในช่วงเช้าจะได้มีอะไรทำและไม่ไปก่อกวนคนอื่นๆ น่ารำคาญชะมัด =_=

                พวกที่เดินไปเดินมาก็คือพวกมัธยมทั้งนั้น พวกที่ไม่มีหน้าที่ในตอนเช้า งานสิ้นปีนี้เขาให้พวกมัธยมไปจัดการเรื่องการแสดงในตอนเย็น เรียกได้ว่าเย็นนี้มันส์แน่นอน งานแสดงของฉันจะต้องเจิดจรัสเป็นที่สุด!

                คิดแล้วก็เซ็ง คงอีกนานกว่าจะถึงเย็นนี้

                “โอ้ว! แม่ค้าที่นั่งอยู่ตรงนั้นกินแรงคนอื่นเหรอ” สำเนียงเพี้ยนๆคุ้นหูนั่นทำเท้าฉันกระตุกนิดๆ

                “ว่ายังไงยัยฝรั่งขี้นก อยากได้กระดูกปีกไก่ไปช่วยดามจมูกหรือเปล่า?” ฉันเดินไปยืนนตรงหน้าเตาปิ้งเพื่อประจันหน้ากับยัยนั่นทันที ควันลอยผ่านหน้าฉันกับยัยฝรั่งนั่นเหมือนเป็นฉากการต่อสู้ที่น่าดุดัน จมูกของยัยนั่นยังแปะผ้าก็อซแสดงว่ายังไม่หายดี แหม...สภาพตัวเองก็ดูไม่ได้แล้วยังกล้าที่จะมาหาเรื่องฉันอีก เดี๋ยวก็เอาไม้เสียบนี่แทงเข้ารูจมูกซะหรอก!

                “No, thanks. เงินชดเชยที่มามี๊ของไอเรียกร้องจากครอบครัวยูมามันก็มากพอที่จะศัลยกรรมหน้าใหม่ได้แล้วล่ะ  โฮะๆ”

                “แล้วอยากได้เพิ่มหรือเปล่าล่ะ!!” ฉันเงื้อมือที่กำไม้เสียบแหลมๆเป็นสิบไม้ขึ้นพร้อมพุ่งไปยังใบหน้าที่มีแต่กระของยัยนั่น แต่มือนั้นก็ต้องนิ่งไปเมื่อเสียงยัยเด็กข้างๆนี่ดังขึ้น

                “พี่คะ ผอ.มา!” ยัยเด็กนั่นจับมือฉันไว้แล้วมองไปทางซ้ายมือ ทันทีที่ฉันเห้นอีตาลุงผู้อำนวยการนั่นกำลังเดินมาทางนี้ก็รีบปล่อยมือลง ทำเอาคนตรงหน้ายิ้มไม่หุบเลยทีเดียว

                “หึหึ ทำไมไม่ทำต่อล่ะ กลัวความผิดหรือไง?”

                “ไร้สาระน่า ขืนฉันทำอะไรเธอตอนนี้ก็หมดสนุกพอดี ยืดเวลาให้จนถึงตอนเย็นแล้วกัน อย่าเพิ่งหนีกลับบ้านไปก่อนล่ะ” ฉันกระตุกยิ้มมุมปากแล้วมองยัยนั่นอย่างเจ้าเล่ห์ ยัยฝรั่งสะบัดหน้าแล้วเดินหนีไปทางอื่น เฮอะ! ป๊อดชะมัด แน่จริงก็มายืนเถียงกันต่อสิ!

                “หืม...ร้านนี้ขายปีกไก่เหรอ?” เสียงแก่ๆน่ารำคาญดังขึ้นเรียกความสนใจเด็กป.6ได้เป็นอย่างดี เด็กพวกนั้นเข้าไปรุมตาลุงนั่นเพื่อโปรโมทสินค้าทันที

                “ใช่ค่ะ ปีกไก่สดเลยนะคะ!”

                “ค่ะใช่ค่ะ จากฟาร์มของพ่อหนูเอง ^O^” ‘จากฟาร์มของพ่อหนูเอง’ เฮอะ! มีพ่อเป็นเจ้าของฟาร์มไก่แล้วจะได้เกรด4เหรอ? ทำหน้าระรื่นออกนอกหน้าเกินไปแล้วนะ แล้วนี่ฉันจะพาลใส่ยัยเด็กพวกนี้ทำไมกันเนี่ย -O-

                “หืม หนูทิงเจอร์นี่นา มาขายของกับเด็กประถมแบบนี้เพราะถูกลงโทษสินะ ฮะๆ” ตาลุงนั่นหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นฉันอยู่ในผ้ากันเปื้อนรูปก๊อซซิล่า ไม่ตลกเลยนะตาแก่!

                “ก็อย่างที่เข้าใจนั่นแหละค่ะ มายืนหน้าร้านหนูแบบนี้จะเอาปีกไก่กี่ไม้ดีล่ะคะ?” นี่ล่ะ! เราต้องขายของให้กับผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ ยัดใส่มือไปเยอะๆแล้วกอบโกยเงินมามากๆ ขายหมดไวฉันจะได้ไปเที่ยวเล่นไวขึ้นไง!

                “งั้นฉันซื้อไม้นึงแล้วกัน” ตาแก่นี่ขี้เหนียวชะมัด

                “สนับสนุนเด็กๆหน่อยเถอะค่ะ น้องเขาเชือดไก่จากฟาร์มตัวเองเลยนะคะ เป็นถึงผู้อำนวยการแต่เอาแค่ไม้เดียว...มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ? ^^” ฉันยิ้มเจ้าเล่ห์หลอกล่อเอาเงินในกระเป๋าสตางค์ของตาแก่นั่น นี่ลุง...ลุงเป็นถึงเพื่อนพ่อฉันที่เป็นคนใหญ่คนโตเชียวนะ แค่ปีกไก่12บาทไม้เดียวเองเหรอ?

                “งั้นฉันเอา2ไม้แล้วกันนะหนู”

                “ค่ะ! ปีกไก่สองไม้ด่วน!” ทันทีที่ยัยเด็กหมิวลูกจเของฟาร์มไก่รับคำจากผอ.ผู้สูงศักดิ์ ก็หันไปสั่งงานเพื่อนที่ยืนหน้าเตาปิ้งข้างฉันทันที

                “ได้เลย!” ยัยเด็กที่ถูกสั่งงานก็รีบดันตัวฉันที่ยืนเกะกะออกแล้วยัดปีกไก่ใส่ถุง เดี๋ยวนะ...นี่แกกล้าผลักฉันงั้นเหรอ?!

                “นี่ค่ะปีกไก่สองไม้!” ทันทีที่นางเตรียมของเสร็จรีบร้อยก็ยื่นให้ตาลุงนั่นร้อยยิ้มที่ปลื้มสุดๆ

                “^^” อีตาผอ.นั่นยิ้มรับและยื่นเงินให้ นี่ตาแก่...แกจะเอาสองไม้จริงเหรอ? -_-

                “รับมา25บาท ทอน1บาทค่ะ!”

                “ขอบคุณมาก ทำงานเก่งกันจังเลยนะ ตั้งใจทำเข้าล่ะ ^^” พูดจบอีตาลุงนั่นก็เดินออกไปพร้อมกับถุงปีกไก่สองไม้ทันที แค่เงินทอนบาทเดียวก็ยังจะเอาอยู่! นี่เขาเป็นเพื่อนพ่อฉันได้ยังไงเนี่ย ขี้เหนียวเป็นบ้า!

                “ขายได้อีกสองไม้แล้ว ขอบคุณมากเลยนะคะพี่ทิงเจอร์ ^^” ยัยเด็กประถมตัวเล็กที่เพิ่งขายปีกไก่ให้อีตาผอ.ขี้งกหันมาขอบคุณฉัน เพิ่งรู้ถึงประโยชน์ของคนสวยยอ่างฉันหรือไง?

                “เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหมล่ะ”

                “พี่ทิงเจอร์จะเอาปีกไก่ฟรีเหรอคะ? แบบนั้นไม่ได้หรอก” ยัยเด็กนั่นหลุบตาต่ำลงพร้อมกับทำหน้าเศร้า ยัยนี่ก็ขี้งกไม่แพ้อีตาผอ.นั่นเลย ไม่ยอมจะให้ใครกินไก่ฟรีๆเลยใช่ไหม?

                “ไม่กินหรอก ฉันไม่หิว -_-”

                “แล้วพี่ต้องการอะไรล่ะคะ?”

                แหม...เป็นคำถามที่ดีมากในวินาทีนี้

                “ขอฉันออกไปเดินเล่นสักหน่อยสิ ขี้เกียจยืนลมควันแบบนี้แล้ว หัวฉันเหม็นไปหมด” ฉันพูดพลางม้วนผมไปมา

                “แบบนั้นพวกหนูก็แย่สิ คุณครูเค้าสั่งมาว่าอย่าให้พี่ทิงหายไปไหน ต้องอยู่ลมควันช่วยกันขายปีกไก่จนกว่าจะหมด” ยัยเด็กหมิวนั่นพูดแทรกขึ้น ทำไมยัยนี่ถึงได้ทำตัวขวางโลกอันสดใสของฉันนักนะ

                “แต่ฉันไม่อยากยืนลมควันนี่!”

                “เป็นไปได้ก็อยากให้พี่ไปเหมือนกันนะ หนูก็ไม่อยากได้ยินเสียงแว้ดๆของพี่เหมือนกัน น่ารำคาญ” ยัยเด็กหมิวนั่นสะบัผมบ๊อบใส่แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้

                “นี่ยัยเด็กน้อย คิดว่าแกเป็นลูกเจ้าของฟาร์...”

                “พี่ทิงใจเย็นๆค่ะ หมิวเขาก็เป็นแบบนี้แหละ อย่าใส่ใจเลย” เพื่อนของเด้กหมิวจับมือฉันไว้ให้ใจเย็นๆ เฮอะ! ถ้าไม่เห็นแก่ความน่าสงสารของเด็กคนนี้ล่ะก็ ฉันเอาคีมคีบถ่านร้อนๆมาป้ายหน้าแกแน่อีลูกเจ้าของฟาร์ม!

                “ถ้าเธอขี้เกียจฟังเสียงบ่นของฉันล่ะก็...ฉันมีข้อเสนอ” หึ! ฉันแอบหลุดหัวเราะในลำคอเล็กน้อยให้กับความคิดอันชาญฉลาดของตัวเอง

                “ว่ายังไง?” ยัยเด็กหมิวตอบอย่างห้วนๆ เห็นแล้วมันคันไม้คันมือจริงๆ!

                “ฉันจะออกไปโปรโมทร้านข้างนอก เธอจะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงบ่นน่ารักๆของฉันไง อีกอย่าง..พวกเธอก็ไม่ต้องกลัวครูด่าด้วย ยังไงฉันก็ช่วยงานอยู่ดี” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของฉันทำให้ยัยเด็กไก่นั่นแลมองมาเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับสั้นๆอย่างน่าหมั่นไส้

                “ตามใจ”

                เฮอะ!

                ฉันสะบัดผมใส่แล้วเชิดหน้าเดินออกมาจากกลุ่มควันเน่าๆนั่นทันที ผมที่หอมราวกับน้ำหอมของฉันมันเหม็นกลิ่นควันไปหมดแล้ว แบบนี้ก็อยู่ใกล้ที่รักของฉันไม่ได้แล้วล่ะสิ แย่จังเลย เฮ้อ...

                “เก๊าอยากได้ตุ๊กตาตัวนั้นอ่าตะเอง ซื้อให้เก๊าหน่อยสิ >_<” เสียงแอ๊บแบ๊วที่แทบจะฟังไม่เป็นภาษาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งโพล่งขึ้น เธอกอดแจนแฟนหนุ่มของเธอพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ตุ๊กตาไก่สีขาวตัวใหญ่ในซุ้มปาลูกโป่ง

                “อู๋ยย อันนั้นเราต้องปาโป่งเอาน๊า เก๊าซื้อให้ไม่ได้หรอก” เด็กผู้ชายตอบกลับด้วยภาษาแบบเดียวกัน นี่พวกแกเป็นโรคอะไรหรือเปล่ายะ -_-

                “งั้นตะเองก็ปาให้เก๊าสิ เก๊าอยากได้มะมะโลย >_<”

                “โอเค เดี๋ยวเก๊าปาให้ รอก่อนนะ ^^” เด็กชายคนนั้นบิดจมูกน้อยๆของเด็กหญิงก่อนจะเดินตรงไปยังซุ้มปาโป่ง ท่าบิดจมูกแบบนั้นทำให้ฉันคิดถึงร็อคขึ้นมาเลยแฮะ

                “อ้าวทิงเจอร์ มายืนทำอะไรตรงนี้ เธอต้องขายปีกไก่ไม่ใช่เหรอ? ฮ่าๆ ^^” เสียงทุ้มนุ่มนวลที่แฝงไปด้วยความกวนประสาทดังมาจากทางด้านหลัง เสียงแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...

                “หัวหอม -_-” เพื่อนชายคนสนิทของฉันเอง และถ้าหมอนี่อยู่ที่นี่ แฟนของเขาก็ต้องอยู้ด้วยสิ

                “อุ๊ย! คนสวยของฉันสภาพดูไม่ได้เลยนะ เมื่อเช้ายังดูดีอยู่เลย ดูสิหัวยุ่งไปหมด...” หัวเห็ดเพื่อนหญิงคนสนิทภรรยา..เอ๊ย! แฟนของหัวหอม เธอเดินมาดมที่หนังศีรษะของฉันแล้วทำหน้าขยะแขยง ขนาดนั้นเลยเหรอเพื่อน =..=

                “เหม็นแฮะ...ว่าแต่ขายดีไหม? ^^”

                “ไม่รู้ ฉันไม่สนเรื่องขายดีหรือไม่ดีหรอก ฉันสนแต่อิสระเท่านั้น” ฉันพูดพลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างรำคาญ ก็มันน่าเบื่อจริงๆนี่ เกิดมาไม่เคยมาทำอะไรแบบนี้เลยนะ

                “อ้าว ยังไง? ตอนนี้เธอก็ออกมาข้างนอกแล้วนี่” หัวหอมยังทำหน้าสงสัย

                “ถ้าขายไม่หมดก็ไม่มีทางได้ออกมาหรอก ตอนนี้ฉันออกมาโปรโมทร้าน เออ นี่ พวกเธอสองคนช่วยไปซื้อปีกไก่ร้านฉันหน่อยสิ คนละสิบไม้เลยก็ได้ 120 เอง”

                “เอาไปทำไมมากมาย ฉันคนเดียวกินไม่หมดหรอกนะ แค่ไม้เดียวก็จะอ้วกแล้ว -_-” กระเพาะของเธอเป้นร่างอวตารของเมล็ดถั่วเขียวหรือยังไง

                “น่า! ช่วยหน่อยเถอะ! อ๊ะ!! นั่น เหยื่อของฉัน!!” สายตาอันเสียบคมเหลือบไปเห็นผู้หญิงท่าทางจะตามโลกไม่ทัน เธอคนนั้นคือเหยื่อของฉัน!

                “สวัสดีดินสอ ^^” แหม...ดินสอ สาวน้อยผู้น่าสงสาร เธอเป็นคนที่ไร้เดียงสาที่สุด เป็นเรื่องง่ายที่จะหลอกเธอ โฮะๆ อ๊ะ ลืมบอกไป ยัยนี่ก็เป็นเพื่อนสนิทของฉันอีกคนหนึ่งเหมือนกัน ^O^

                “อ้าวว่าไงทิงเจอร์ ขายไก่หมดแล้วเหรอ ^^” ดินสอทักทายด้วยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา เล่นเอาต่อมรู้สึกผิดของฉันกระตุกเลยล่ะ -_-

                แต่ไม่ได้! จะใจอ่อนในเวลาแบบนี้ได้ยังไงกัน นี่แหละโอกาสทอง!

                “ยังไม่หมดเลย ดูมือฉันสิ ดำไปหมดแล้ว L” ฉันแบมือที่เปื้อนถ่านเล็กน้อยให้ยัยนั่นดู เป็นไปตามคาด! ยัยดินสอเริ่มแสดงอาการสงสารแล้ว!

                “ทำยังไงดีล่ะ ขายมาตั้งนานแล้วนะ ยังไม่หมดอีกเหรอ เธอให้ผอ.ช่วยซื้อหรือยัง?”

                “ซื้อแล้ว แค่2ไม้เท่านั้นเอง -_-”

                “ก็ดีแล้วนี่ เก่งมากเลยนะทิงเจอร์ ^^”

                “ดีบ้าอะไรล่ะยัยดินสอ ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ! TOT” โอ๊ย! รอยยิ้มโลกสดใสของยัยนี่มันทำให้ฉันทนไม่ไหว  นี่เธอจะยิ้มรับทุกสถานการณ์เลยหรือยังไง อะไรจะมองโลกในแง่ดีขนาดนั้น ตาแก่นั่นเป็นถึงผอ.แต่ซื้อแค่2ไม้ 24 บาท แถมยังเอาเงินทอนอีก 1 บาท มันงกเกินไปแล้ว! ช่วยสนับสนุนนักเรียนไทยหน่อยเถอะ!

                “เธอไปซื้อปีกไก่ให้ฉันเดี๋ยวนี้” ฉันจับบ่าทั้งสองข้างของยัยโลกสวยนั่นพร้อมกับบีบไว้แน่น สายตาที่มุ่งมั่นถูกส่งไปยังดวงตาอันไร้เดียงสาคู่ตรงหน้ ทำเอาดวงตาคู่นั้นสับสน ไม่แน่ใจว่าเธอกลัวหรืออะไรกันแน่ =_=

                แต่ตอนนี้ฉันต้องพึ่งคนโลกสวยอย่างเธอจริงๆ!

                “อ..เอากี่ไม้เหรอทิงเจอร์” ยัยนั่นหลบสายตาของฉันแล้วแลไปทางอื่น ฮ่า! นี่แหละคำพูดที่ฉันต้องการได้ยินจากปากของเธอ!

                “เหมาหมดเลย!”

                “เหมา? ฉันจะเอาเงินที่ไหนไปเหมามาล่ะ” ยัยโลกสวยทำหน้าเหวอทันทีที่ได้รับเควสสุดโหด

                “ใช่ ทิงเจอร์ โอเวอร์เกินไปแล้ว อีกอย่างถ้าดินสอเหมามาหมดแล้วยังไงต่อ แน่นอนว่าเธอกินมันไม่แน่ เดี๋ยวก็กลายเป็นยะอีก ก็เหมือนกับซื้อมาทิ้งเปล่าๆ” หัวหอมแสดงความคิดเห็นขึ้นบ้าง แต่ยังไงฉันก็ยืนยันคำเดิม!

                “พวกเธอทั้งสองนั่นแหละต้องช่วย นาย หัวหอม นายกินจุไม่ใช่หรือไง” ใช่ หัวหอมเป็นผู้ชายที่กินจุมาแต่ไม่เคยอ้วนเลย น่าอิจฉาระบบเผาผลาญของหมอนี่ชะมัด ขอซื้อต่อได้ไหม -_-

                “จะบ้ากาละมัง! ฉันกินไม่ไหวหรอกนะ!” หัวเห็ดตะโกนขึ้นมาบ้าง นี่ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อเธอเลยนะ -_-

                “ใช่ๆ ฉันต้องร้องเพลงอยู่นะ ถ้าอืดขึ้นมาแล้วร้องเพลงไม่เพราะอย่ามาโทษฉันนะ” ดินสอแทรกขึ้น เออ...นั่นสิ คืนนี่ยัยนี่ต้องร้องเพลงนี่นา...

                “หืม...ใครจะร้องเพลงเหรอ?” จู่ๆเสียงที่สุดแสนจะคุ้นหูก็ดังขึ้นพร้อมกับแขนที่โอบไหล่ฉันไว้

                “ร..ร็อค!” น..นี่เขาโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ได้ยินเรื่องร้องเพลงด้วย!

                “ตกใจอะไรทิงเจอร์ -_-” ร็อคหรี่ตาลงแล้วมองฉันอย่างจับพิรุธ บ..บ้าน่า ฉันไม่มีพิรุธสักหน่อย ไม่มีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

                “ผมเหม็นนะเนี่ย ขายเสร็จหรือยัง?” เป็นคำบ่นและคำถามที่เจ็บจี๊ดมาก -_-

                “ยังอ่ะ นายช่วยไปซื้อหน่อยสิ คนละ5ไม้ก็ได้” ทีนี้ฉันเปลี่ยนวิธีการจากการบังคับขู่เข็ญเป็นขอร้องอ้อนวอนแทน หวังว่าจะได้ผลนะ เอาหน่อยน่า ฉันอุตส่าห์ลดให้ตั้ง5ไม้เชียวนะ ถ้าไม่ซื้อนี่มีเคืองอ่ะ L

                “โอเค ตกลงตามนี้”

                “หา? พวกฉันยังไม่ได้ตกลงเลยนะ” หัวหอมโวยวายทันทีที่ร็อคตอบตกลง นี่นายจะเรื่องมากไปถึงไหนเนี่ย เริ่มจะหงุดหงิดแล้วนะ

                “5ไม้เอง มันไม่ลำบากเงินในกระเป๋าพวกนายหรอก” ร็อลดสายตาลงต่ำมองไปที่กระเป๋ากางเกงของหัวหอม

                “แล้ว...ใครจะกินในส่วนของฉันล่ะ?” ยัยหัวเห็ดกระเพาะเมล็ดถั่วเขียวโพล่งขึ้นด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ การกินปีกไก่นี่มันต้องเจรจากันยาวขนาดนี้เลยหรือไงหา?

                “…ก็ให้แฟนเธอช่วยกินสิ -_-” ร็อคชี้นิ้วไปที่หัวหอม

                “เออ ฉันกินก็ได้ แต่นายจ่ายให้พวกเรา เพราะนายเป็นคนตอบตกลง” หัวหอมชี้หน้าร็อคบ้าง โอ๊ย! เมื่อไหร่พวกนายจะปซื้อมากินสักทีเนี่ย ฉันปวดหัวไปหมดแล้ว!

                “ให้ฉันเลี้ยงพวกนาย3คนแบบนี้ฉันเหมาทั้งร้านไม่ดีกว่าเหรอ?”

                “เอาเลย!” ฉันมัปฏิกิริยาตอบสนองไวต่อคำว่า ‘เหมา’ มาก

                “บ้าน่า ถ้าจะเหมาก็คงต้องกดเงิน อีกอย่างใครจะกินทั้งร้านเธอหมดล่ะ -_-”

                (-  -)(_  _)

                ทุกคนพยักหน้าให้กับคำพูดของร็อค

                “โอเคๆ คนละ5ไม้แบบเดิมก็ได้ แค่มาซื้อก็ดีแล้วล่ะ” อย่างน้อยไอ้ปีกไก่เจ้าปัญหามันก็ลดปริมาณลง15ไม้ล่ะนะ

                ตอนนี้ฉัน ร็อค หัวเห็ด หัวหอม และดินสอ ตั้งขบวนเดินทางไปยังร้านปีกไก่บ้านั่น ให้ตาย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปีกไก่มันมีผลต่อชีวิตฉันขนาดนี้

                “นี่” ฉันที่เดินมาเป็นคนรองสุดท้ายถูกมือน้อยๆของดินสอจับแขนเอาไว้

                “หืม มีอะไรเหรอ?”

                “เธอบอกร็อคหรือยัง?”  

                “ไม่บอกหรอก บอกก็รู้หมดสิ” ฉันกระซิบตอบอย่างเบาๆ เรื่องที่คุยกันอยู่ในตอนนี้มันเป็นความลับ ดีนะที่ร็อคเขาเดินนำอยู่หน้าสุด ไม่มีทางได้ยินแน่นอน

                “แล้วนัดเขาหรือยัง?”

                “ลืมสนิทเลย!” ตาเบิกโพลงทันทีที่คิดเรื่องสำคัญออก นี่ฉันลืมมันไปได้ยังไงเนี่ย!

                “จัดการซะ =_=”  ไม่อยากจะเชื่อว่ายัยดินสอเด็กโลกสวยคนนี้จะเป็นคนโบกมือไล่ให้ฉันทำตามคำสั่งที่เธอบอก ฉันไม่เคยถูกยัยไร้เดียงสานี่สั่งงานมาก่อนเลยนะ เสียศักดิ์ศรีสุดๆ -_-

                ฉันเดินแทรกหัวเห็ดและหัวหอมที่เดินกระหนุงกระหนิงจนน่าหมั่นไส้แล้วพุ่งตรงไปหาร็อคทันที

                “นี่ร็อค...”

                “ว่าไง?” เขาหันมามองฉันเล็กน้อยแล้วเดินไปต่อ

                “เอ่อ...คืนนี้ดูตอนเสิร์ตเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”

                “แต่คืนนี้เรามีนัดที่บ้านหัวหอมไม่ใช่เหรอ?” เออ จริงด้วยสิ วันนี้เรามีนัดเค้าดาวน์ที่บ้านหัวหอมนี่นา

                “เอ่อ...” ฉันหันหลังกลับไปดึงแขนหัวหอมทันที มาช่วยกันแถหน่อยเร็ว!

                “มีอะไรอีก -_-” หัวหอมทำหน้าเซ็ง นี่นายไม่ฟังที่พวกเราคุยกันเลยเหรอ!

                “ก็เมื่อี้ทองเจอร์บอกว่าเย็นนี้จะดูคอรเสิร์ต แต่คืนนี้เรานัดไปบ้านนายกันไม่ใช่เหรอ?” ร็อคถามขึ้น ทำเอาเจ้าของบ้านอ้าปากค้างไม่รู้จะพูดอะไร

                แผนการดูคอนเสิร์ตในเย็นนี้ฉันบอกทุกคนยกเว้นร็อคเพียงคนเดียว และเราก็ไม่ได้เตรียมเรื่องข้อแก้ตัวด้วย อย่าทำพังล่ะหัวหอม!

                “อ..อ้อ วันนี้ดินสอร้องเพลงน่ะ นายรู้หรือยัง?” หัวเห็ดพูดแทรกขึ้นมา

                “อ้าว เธอเป็นนักร้องตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ทันทีที่หัวเห็ดพูดถึงนักร้อง ร็อคก็หันไปสนใจยัยดินสอที่เดินตามมา เฮ้อ โล่ง! นึกว่าความจะแตกซะแล้ว -O-

                “เพิ่งเป็นวันนี้น่ะ วันนี้วันเดียวเท่านั้น”

                “อ๋อ พวกเธอก็เลยจะอยู่ดูดินสอกันใช่ไหม?” ร็อคพยักหน้าเข้าใจ

                “ใช่ๆ อีกอย่างดินสอก็ต้องไปบ้านหัวหอมคืนนี้ด้วย รอดูดินสอร้องเพลงเสร็จเราค่อยไปกันก็ได้ งานเลิกไม่ดึกหรอก” ฉันช่วยพูดบ้าง

                “อ้อ เอางั้นได้ งานมันเลิกกี่โมงนะ?” ร็อคถามพลางก้มดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง

                “สองทุ่มครึ่ง นายดูกังวลเกี่วกับเวลาจัง รีบไปไหนหรือเปล่า?” หัวหอมที่สังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกของร็อคจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย

                “เปล่า แค่อยากใช้เวลาอยู่ที่บ้านนายนานๆน่ะ รู้สึกว่าที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรสนุก” ร็อคตอบพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ มันก็น่าเบื่อจริงๆนั่นแหละ

                “แต่เย็นนี้สนุกแน่...”

                “เธอว่าไงนะ?”

                “เปล่านี่!” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที อุตส่าห์พึมำกับตัวเองเบาๆแล้วยังได้ยินอยู่อีก หูดีเป็นบ้า

                “วันนี้เธอดูแปลกๆนะ”

                “ไม่หรอก ที่ดูแปลกอาจเพราะฉันขายปีกไก่ก็ได้ เอ้อ เกือบลืมไปเลย หัวเห็ด หัวหอม ฝากจองที่หน้าเวทีด้วยนะ ฉันอยากดูดินสอชัดๆน่ะ ^^” หลังจากที่แถมั่วซั่วจนเริ่มได้กลิ่นไหม้จากสีข้างตัวเองแล้วก็เปลี่ยนเรื่องไปสั่งงานยัยสองคนคู่รักนั่น พวกเขาพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม

                “ได้ ไม่มีปัญหา ^^”

                “จอง? เธอไม่ได้ไปกับพวกเราเหรอ?” ร็อคขมวดคิ้วสงสัย

                “น่าจะไปกับนายไม่ทันนะ ดูนั่นสิ”  ฉันชี้ยิ้มไปที่กองปีกไก่ เรามาถึงหน้าร้านตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ =_=

                “ยังเหลืออีกเพียบเลย คงอีกนานกว่าจะหมด ต้องให้หมดก่อนถึงจะไปได้” ฉันยักไหล่ให้กับกองปีกไก่นั่น มันเยอะเกินบรรยายจริงๆ ยัยเด็กหมิวนี่สังหารไก่ไปกี่ตัวแล้วเนี่ย แต่ถึงมันจะเยอะยังไงก็ต้องขายให้หมด เพราะเย็นนี้ฉันมีสิ่งที่ต้องทำ!

                “เป็นทิงเจอร์นี่น่าสงสารชะมัด -_-” คู่รักหัวเห็ดและหัวหอมพูดพร้อมกันอย่างกับนัดกันมา

                “เฮ้อ...” ฉันมองไปที่ยัยเด็กประถมพวกนั้น พวกนางยืนปิ้งปีกไก่จนหน้ามันเยิ้มไปหมด อยากจะแจกกระดาษซับมันให้จริงๆ =_=

                เอาล่ะ มาถึงร้านปีกไก่ก็ต้องกินปีกไก่สิ

                “ขอปีกไก่15ไม้ เดี๋ยวนี้ เพื่อนฉันหิว”

                “รับทราบค่ะ!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา