Thank For Your Smile...น้ำตา...ความฝัน...ความหวัง

-

เขียนโดย MightySoul

วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.50 น.

  26 บท
  0 วิจารณ์
  25.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 11.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) บทที่ 12 นกสีขาว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 12

นกสีขาว

หลังจากที่เราออกเดินทางมาเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดจากท้องฟ้าที่มืดและอึมครึม ก็สว่างขึ้นมาพลางให้เห็นสีฟ้าที่ให้ความรู้สึกสดใส เหมาะที่จะเริ่มวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆของต้นฤดูใบไม้ร่วงเป็นสิ่งที่พอให้ความอบอุ่นท่ามกลางอุณหภูมิระดับต่ำกว่า 20 องศา

ในที่สุดฟีลก็กล้าที่จะพูดกับฮานะ เสียงหัวเราะของเขา รอยยิ้มของเขา คล้ายฟีลกำลังมีความสุขจริงๆ และก็นานแล้วเหมือนกัน ที่ฉันไม่ได้เห็นเพื่อนสาวคนนี้คุยอย่างมีความสุขขนาดนี้นอกจากฉันที่ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ

ถึงแม้ถ้ามองผิวเผินอาจจะเป็นแค่เด็กบ้าๆคนหนึ่ง ที่ดูจะซุ่มซ่ามและอ่อนต่อโลกไปเสียซะทุกอย่าง แต่สิ่งนั้นกลับทำให้เขาอ่อนโยน อ่อนโยนขนาดที่ผู้หญิงส่วนมากยังเป็นไม่ได้เท่าฟีล

บางสิ่งที่แปลกประหลาดแต่กลับอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากตัวผู้ชายคนนี้ ที่แม้แต่ผู้ที่เพิ่งพบเห็นเป็นครั้งแรกก็ไม่อาจเมินเฉยที่จะยิ้มเมื่อรู้จักกับเขาได้

โอ๊ย นี่ฉันคิดบ้าอะไรของฉันอยู่เนี้ย ก็แค่รู้สึกว่าถ้าได้ฟีลมาอยู่เคียงข้างฮานะก็คงจะดีไม่น้อย ซึ่งเป็นความคิดที่จริงจัง ไม่ได้พูดแซวเล่นเหมือนตอนอากิ

“เอ่อ ขอโทษนะครับ เดี๋ยวเราจะแวะพักที่จุดพักรถข้างหน้าสักครึ่งชั่วโมงนะครับ” เสียงของคนขับรถที่น่าจะมีอายุไม่เกิน 30 กล่าวขึ้นดังพอที่จะปลุกคนที่หลับให้กลับมาสู่โลกความเป็นจริง

ทันทีที่ลงจากรถฉันก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบประกบตัวฮานะที่กำลังเดินข้าไปหาฟีลคล้ายจะไปคุยเรื่องที่ติดค้างอยู่ในรถต่อ

“หยุดเลยๆ มาคุยกับฉันก่อน”

“อ้าว ริกะ มีอะไรเหรอ”

“เป็นไง เขาน่าแกล้งอย่างที่ฉันว่ามั้ยล่ะ” ฉันปัดแว่นตาให้ตกลงมาเพื่อให้ฮานะเห็นสายตาที่ฉันกำลังสื่อกับเธอ

“อืม ก็ไม่เห็นจะน่าแกล้งอะไรเลยนี่นา ถึงจะอ่อนต่อโลกไปหน่อย แต่ก็เป็นสุภาพบุรุษสุดๆเลยล่ะ”

“จริงเหรอ” ฉันไม่ค่อยจะเชื่อในสิ่งที่เพื่อนสาวพูดเท่าไหร่นัก

“ไม่เชื่อก็ตามใจ คุยกับเขาสนุกกว่าเธอตั้งเยอะ”

“แหมๆไปเลย แล้วอย่ามา...” ยังไม่ทันพูดจบ ฮานะก็รีบวิ่งตามฟีลไปจนฉันประหลาดใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเพื่อนสาว

“เอ่อใช่ ริกะ ฟีลซังเขาถามถึงเธอด้วยนะ เอ่อ...ถามถึงตัวตนจริงๆของเธอ ตัวตนที่ชื่อริกะน่ะ แต่ฉันเห็นว่าเธอน่าจะไปตอบกับเขาด้วยตัวเองมากกว่า” ฮานะตะโกนกลับมาจนฉันต้องรีบแสดงท่าทางให้เธอเงียบลง เพราะกลัวเรื่องนาโอะจะแดงก่อนเวลาอันควร

ถึงเพื่อนสาวจะทำท่าทีคล้ายเข้าใจ แต่ก็ดูเหมือนการกระทำจะไม่ตรงกับสิ่งที่ฉันอยากให้เธอเข้าใจนัก “ริกะ!!! ฟีลเขาเป็นคนที่น่ารักมากๆเลยล่ะ”

“แล้วเธอจะบอกฉันทำไมเล่า” ฉันตะโกนกลับไปบ้าง จนเริ่มมีคนหันมาสนใจ

ถึงจะถามไปฮานะก็ไม่ตอบกลับมา แต่กลับยิ้มอย่างมีเล่ห์และวิ่งตามฟีลไปโดยที่ไม่หันกลับมาอีก

“ยัยบ้าเอ้ย” ฉันแอบยิ้มอยู่ในใจ

โชคดีที่จุดพักรถแห่งนี้เป็นจุดพักรถที่ใหญ่ในระดับหนึ่ง ทำให้ภายในปรากฏร้านขายของต่างๆไม่ว่าจะเป็นของจิปาถะ หรือแม้กระทั่งของที่ระลึก ของขึ้นชื่อที่คล้ายจะเป็นร้านสำหรับนักท่องเที่ยว

เมื่อเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกกว่ายี่สิบนาทีก่อนที่ล้อจะหมุน ฉันจึงเดินเข้าไปในร้านของที่ระลึกทั้งๆที่ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยคิดที่จะเข้าร้านนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

ทันที่เปิดเข้าไปในร้าน ฉันก็ต้องตกใจกับจำนวนนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่เดินกันควักไขว่อยู่ในร้านขนาดไม่ใหญ่โต จำนวนผู้คนที่มากเกินกว่าที่ร้านจะรับไหวบดบังทัศนียภาพของร้านที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามสะอาดตาจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงแต่ความวุ่นวายที่เข้ามาแทนที่

ฉันค่อยๆเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปบริเวณซุ้มขายของที่ระลึกจำพวกเครื่องประดับ ของที่ระลึกชิ้นเล็กๆ

แต่ถึงแม้จะเดินเข้ามาถึงตัวซุ้มขายได้แล้ว แต่ก็กลับมีของให้เลือกหลายรูปแบบมากมายเสียจนลายตา

ฉันใช้เวลามองอยู่เกือบนาทีจนในที่สุดสายตาก็สะดุดอยู่กลับพวงกุญแจพวงหนึ่งที่ดูคล้ายจะไม่มีอะไรโดดเด่น เป็นพวงกุญแจรูปนกสีขาวแบนราบ

ไม่มีความลังเลในการหยิบพวงกุญแจชิ้นนั้นขึ้นมาพิจารณา แต่แล้วก็กลับมีเสียงชายแก่ดังขึ้นตรงหน้า

“อ้าว แม่หนู สนใจพวงกุญแจชิ้นนั้นเหรอ”

“ค่ะ”

ชายแก่ตรงหน้าที่คล้ายจะเป็นพนักงานขายของของร้าน สังเกตได้จากเสื้อที่เขาใส่ที่มีตราสัญลักษณ์ติดไว้อยู่ ผมสีขาวและผิวหนังที่เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาบ่งบอกถึงวัยที่ล่วงเลย

“ทั้งๆที่ชิ้นนี้ฉันอุตส่าห์ตั้งใจทำแท้ๆ แต่กลับไม่เคยมีใครสนใจมันเลย พวกเขาไปสนใจแต่สิ่งที่มีสีสัน และสวยงามจนลืมที่จะหันมามองถึงความหมายของสิ่งของแต่ล่ะอย่างที่อยู่ภายใน ไม่ใช่ภายนอกอย่างที่พวกเขาเห็นๆกันอยู่”

ถึงแม้คุณลุงจะพูดอย่างนั้น แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจความหมายของพวงกุญแจพวงนี้อยู่ดี ถึงแม้จะพลิกดูไปมาสักกี่รอบก็ตาม

“ขอโทษทีนะ ที่ฉันพูดอะไรไปแปลกๆออกไป” คุณลุงพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง เมื่อเห็นใบหน้าที่แสดงท่าทีไม่เข้าใจอย่างชัดเจน

“ปะ...เปล่าค่ะ คุณลุงไม่ได้ผิดอะไรหรอก”

“งั้นเหรอ ท่าทางฉันจะกลายเป็นตาแก่ขี้กังวลไปซะแล้ว”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ”

คุณลุงหัวเราะขึ้นมาทันทีที่ฉันพูดจบ ท่าทางแกจะเป็นคนที่มีอารมณ์ขันในระดับหนึ่ง

“แม่หนูไม่ต้องมาพูดรักษาน้ำใจฉันหรอก ฉันรู้ตัวดี ภรรยาฉันก็พูดด่าฉันบ่อยๆจนหูชาไปหมดแล้ว”

“ท่าทางภรรยาของคุณลุงจะดุน่าดูเลยนะค่ะ”

“เหอๆดุสุดๆเลยล่ะ แต่ถ้าเธอยังอยู่ด่าฉันตอนนี้ก็คงจะดี” คุณลุงหยิบพวงกุญแจจากมือฉันไป

“คุณลุงคงไม่ได้หมายความว่า...”

“อืม ภรรยาฉันเสียไปตั้งแต่ปีก่อนแล้วล่ะ”

“ขอโทษนะคะ ที่พูดอะไรไม่ดีออกไป” ฉันรู้สึกผิดที่ทำให้คุณลุงนึกถึงอะไรแย่ๆ แต่ไม่รู้ทำไม ทำไมคุณลุงถึงยังยิ้มอยู่ ราวกับไม่ได้เสียใจกับการจากไปของภรรยา

“แล้วแม่หนูทำไมถึงหยิบพวงกุญแจพวงนี้ขึ้นมาดูล่ะ มันก็ไม่ได้สวยอะไรนี่นา” คุณลุงส่งพวงกุญแจพวงเดิมมาให้

ฉันหยิบมันจากมือลุง ก่อนที่จะมองมันอย่างละเอียดอีกรอบ “หนูรู้สึกว่า...นกตัวนี้มันเหมือนเพื่อนหนูคนหนึ่งน่ะค่ะ”

“เหมือนยังไงเหรอ แม่หนู” คุณลุงดูท่าทางสนใจไม่น้อย

“อืม...หนูก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันน่ะค่ะ เพราะบางทีหนูก็ยังไม่เข้าใจเขาเลยว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่ ถึงบางครั้งจะดูบ้าๆ แต่บางครั้งก็กลับดูจริงจัง ถึงจะร่าเริง แต่บางครั้งก็กลับดูเศร้าหมอง ชอบทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่นึกถึงผลที่ตามมา แต่บางครั้งก็กลับรอบคอบอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆที่ขี้อาย แต่กลับรู้สึกได้ถึงความกล้าที่พยายามจะฝืนสิ่งที่ตัวเองเป็นอย่างสุดตัว”

“เหอๆ แม่หนูดูท่าทางจะรู้จักเขาเยอะจังเลยนะ”

เมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดเยอะเกินไปจึงรีบก้มหัวขอโทษคุณลุง “ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็เป็นคนที่ทำให้หนูเริ่มมีหวังในสิ่งที่เคยเชื่อมั่นเมื่อนานมาแล้วอีกครั้งน่ะค่ะ”

“อย่างงั้นเหรอ” คุณลุงทำท่าทีคล้ายค้นอะไรบางอย่างด้านล่างเคาร์เตอร์ก่อนที่จะหยิบรูปภาพรูปหนึ่งขึ้นมา

“นี่รูปภรรยาของคุณลุงเหรอค่ะ” คุณลุงยื่นรูปถ่ายของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถ่ายคู่กับคุณลุงในสมัยหนุ่มๆ

รูปภาพนั้นดูเก่ามาก และเริ่มปรากฏให้เห็นรอยซีดจางตามกาลเวลา แต่ถึงอย่างไรก็คล้ายสิ่งเหล่านั้นจะยังไม่สามารถลบสิ่งที่สำคัญที่สุดจากรูปนี้ไปได้

รอยยิ้มที่คล้ายจะมีความสุขที่สุดในชีวิตของภรรยาคุณลุง ยังคงชัดเจนอยู่บนรูปถ่ายใบนี้

“เดิมทีพวงกุญแจพวงนั้นน่ะ ฉันทำขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของภรรยาของที่เสียไปของฉัน...”

“พวงกุญแจพวงนี้เหรอค่ะ”

“อืม ฉันอยากให้นกตัวนี้บินขึ้นไปบนท้องฟ้า บินไปหาภรรยาของฉัน ถ่ายทอดคำพูด ถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆไปให้เธอ” คุณลุงยังคงยิ้ม...ยังคงยิ้มอยู่ ทั้งๆที่เขาน่าจะกำลังเสียใจแท้ๆ

“แล้วคุณลุงเอาของสำคัญแบบนี้ออกมาขายได้ยังไงค่ะ” ฉันรีบส่งพวงกุญแจคืนไปให้คุณลุง

แต่แล้วคุณลุงก็กลับกำมือของฉันให้กำพวงกุญแจไว้แน่นกว่าเดิม

“มันเป็นของแม่หนูแล้ว”

“ตะ...แต่ว่า”

“แต่หลังจากทำพวงกุญแจนี้เสร็จ ฉันก็นึกขึ้นมาได้ ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะส่งความรู้สึกไปให้เธออีกแล้ว เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันใช้ชีวิตร่วมกับเธอคุ้มค่าแล้วจริงๆ”

เมื่อคุณลุงเห็นฉันไม่พูดอะไร เขาจึงพูดต่อ

“เพราะฉะนั้น ฉันจึงอยากให้นกตัวนี้ คอยส่งต่อความรู้สึกของผู้อื่น แม่หนูบอกว่าจะซื้อเจ้านกตัวนี้ไปให้เพื่อนคนหนึ่งใช่มั้ยล่ะ ถ้างั้นเมื่อยามใดที่เขามีปัญหา ยามใดที่เขาสิ้นหวัง ยามใดที่เขาเหนื่อยอ่อน จนกระทั่งล้มลง นกตัวนี้จะคอยส่งความรู้สึกของหนู ไปช่วยให้เขาสามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง”

ฉันพูดเถียงคุณลุงต่อไม่ออกอีกแล้ว นกตัวสีขาวซีด ตัดกับนัยน์ตาสีดำที่สะท้อนแสงคล้ายแววตาจนเหมือนมันมีชีวิตจริงๆ

“พวงกุญแจพวงนี้ หนูเอาไปเถอะ ฉันให้”

“จะดีเหรอค่ะ”

“แน่นอนสิ แม่หนูเอาไปเถอะ”

“ขอบคุณค่ะ” ฉันเก็บพวงกุญแจลงไปในกระเป๋ากระโปรง ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไปโดยที่ไม่ลืมกล่าวลาคุณลุงเพราะใกล้ถึงเวลาที่รถจะออกเดินทางต่อแล้ว

หลังจากเดินออกมาจากร้านขายของที่ระลึกฉันก็เห็นฮานะกำลังเดินซื้อของรับประทานอยู่ข้างๆพร้อมกับให้ลายเซ็นและถ่ายรูปกันแฟนคลับ

“ฮานะ!!!” ฉันตะโกนเรียก ก่อนที่ฮานะจะเดินมาหลังจากเซ็นลายเซ็นเสร็จ

“ว่าไง ริกะ แฟนคลับถามหาเธอตลอดเลย”

“งั้นเหรอ...แล้วฟีลล่ะ” ฉันถามเมื่อไม่เห็นเด็กหนุ่มอ่อนต่อโลกอยู่กับเพื่อนสาว

“อ้อ เขาไปหาซื้ออะไรกินที่อีกมุมหนึ่ง ก็เลยแยกกันไป”

“ว่าไงนะ!!!” เสียงตะโกนอย่างลืมตัวทำให้ฮานะต้องรีบเอามือขึ้นมาปิดหู

“ระ...ริกะ เธอจะตะโกนทำไม”

“ขะ...ขอโทษ แล้วเธอปล่อยให้เด็กคนนั้นอยู่ตัวคนเดียวได้ยังไง”

“แล้วทำไมล่ะ ฟีลอายุ 18 แล้วนะ เขาดูแลตัวเองได้น่า” ฮานะถามด้วยความมึนงง

“ไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นความรู้สึกที่ว่าคนไม่คิดหน้าคิดหลังอย่างเขาถ้าปล่อยให้อยู่คนเดียวล่ะก็...จะมีเรื่องเกิดขึ้นน่ะสิ”

ยังพูดไม่ทันขาดคำ ฉันและฮานะก็ได้ยินเสียงของความวุ่นวายขึ้นในอีกมุมหนึ่งของจุดพักรถ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา