Fic B2ST Big Mama [JunSeung ft.Lee Joon] [Rate 20]

10.0

เขียนโดย เช้าตรู่

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.44 น.

  20 chapter
  5 วิจารณ์
  36.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) Big Mama Chapter 10

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Chapter 10 

 

 

“รู้มั้ยว่าไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร!” เมื่อโยนอีกคนลงที่โซฟาแล้ว ร่างหนาก็ตวาดลั่นใส่หน้าร่างบอบบางทันที

 

“กูไม่รู้! แล้วก็ไม่คิดจะรู้ด้วย กูก็แค่ไปเต้นเฉยๆ จะเต้นกับใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึงด้วยจุนฮยอง!” ร่างบางลุกขึ้นเถียงสุดเสียงเช่นเดียวกัน ไม่ยอมให้ไอ้หมอนี่มาตวาดลั่นใส่หน้าฝ่ายเดียวหรอก ในเมื่อตนไม่ผิด แล้วทำไมจะต้องยอมลงให้ด้วย ตัวเองหนีออกไปเที่ยวแท้ๆ ทั้งที่จริงๆ ก็น่าจะอยู่บ้านให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้างซักนิด ลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าฮยอนซึงเป็นผู้มาอยู่ใหม่ ถึงตำแหน่งนายแม่จะค้ำคออยู่ แต่ที่นี่มันก็คือดินแดนของศัตรู ไว้ใจใครไม่ได้เลยว่าจะไม่ทำอะไรตน เพราะก่อนหน้าจะมาอยู่ที่นี่ คนของพรรคก็ทำร้ายคนที่นี่เอาไว้ไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้วก็ปลิดชีวิตพี่น้องของพรรคนี้ไม่รู้กี่คนด้วยเหมือนกัน

 

“มันจะไม่เกี่ยวเลยซักนิดถ้าหากว่าคนที่มึงไปเต้นด้วยน่ะไม่ใช่....!” ร่างหนากำลังจะหลุดบันดาลโทสะและเกือบจะเผลอบอกบางเรื่องที่ร่างบางไม่ควรจะรู้ออกไป

 

“ไม่ใช่อะไร! มึงมีความลับอะไรกับกูอีกจุนฮยอง!”

 

“ใครซักคนที่มึงไม่ต้องรู้ รู้แค่ว่าห้ามเจอมันอีก หรือถ้าบังเอิญเจอมันก็ให้หนีให้พ้นๆ เข้าใจมั้ย!”

 

“ไม่เข้าใจ กูไม่เข้าใจที่มึงพูดซักนิด!”

 

“ไม่เข้าใจก็ต้องเข้าใจ...จำที่พี่พูดเมื่อกี๊ได้ใช่มั้ย...รัน!” ร่างหนาลดการตวาดลงและเปลี่ยนเป็นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแทน ร่างบางรู้ดีว่าถ้าเมื่อไหร่ที่จุนฮยองพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไร้ความรู้สึกแบบนี้ นั่นหมายความว่าตอนนี้กำลังหงุดหงิดถึงที่สุดแล้ว แล้วก็กำลังจะระเบิดออกมาในไม่กี่วินาที

 

ร่างบางกลั้นใจเชิดหน้าใส่ร่างหนาที่ดวงตาประดุจเหยี่ยวจับจ้องมาที่ดวงหน้าของตนนิ่ง

 

“จำไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากจะจำด้วย ไอ้คนเผด็จการ!” ประโยคจบลงพร้อมๆ กับที่ร่างหนากดปากหยักลงที่ปากบางสีระเรื่อที่เอาแต่เถียงคำไม่ตกฟากเมื่อครู่ สองแขนแกร่งรัดร่างบอบบางนั้นเข้าหาตนและกอดเอาไว้แน่น ไม่ว่าจะด้วยสองแขนหรือลิ้นอุ่นชื้นนั่น

 

“อ่ะ...อื้อ!” เสียงประท้วงดังขึ้นบ่งบอกว่าไม่ได้พอใจกับรสจูบนี้เลยซักนิด มือเรียวเล็กฟาดไปยั้งไปที่สันไหล่กว้างหวังจะให้อีกคนปล่อยตนออกจากพันธนาการที่ร่างหนาขังเอาไว้ หากแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อยิ่งขัดขืนมากเท่าไหร่ กลีบปากก็ยิ่งแนบแน่นมากขึ้นเท่านั้น ลิ้นอุ่นปิดทุกช่องว่างภายในโพรงปากนุ่มละมุนนั้นจนแทบไม่มีที่ว่างเหลือให้หายใจ

 

รสจูบดำเนินต่อไปจนร่างบางเริ่มโอนอ่อนตาม มือเรียวที่เคยทำร้ายสันไหล่กว้างนั้น กลับกลายเปลี่ยนโอบรอบคอของร่างหนาไว้แทน

 

ลิ้นนุ่มหอมหวานที่เคยหลบหลีกสัมผัสของร่างหนาที่ส่งผ่านมา ณ เวลานี้กลับตอบรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ และปล่อยให้มือใหญ่ที่สอดผ่านเข้ามาภายในเสื้อตัวสวยเนื้อนิ่มที่ตนสวมอยู่อย่างง่ายดาย ก่อนที่เรือนร่างบอบบางนั้นจะถูกคนที่แข็งแรงกว่านำพาลงสู่โซฟาตัวใหญ่นั้นอย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน

 

แต่เมื่อร่างกายถูกร่างหนาล่วงเกินจนแทบจะโอนอ่อนตาม ร่างบางก็รีบดันร่างหนาออกห่าง

 

“รันง่วง” บอกร่างหนาเพียงเท่านั้น ก็รีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปทันที ทิ้งให้อีกคนที่ถูกปฏิเสธด้วยท่าทางแสนน่ารักนั้นทำได้เพียงยิ้มกับตัวเอง ยิ้มเพราะนานมากแล้วที่ไม่ได้ยินร่างบางแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นที่ตนเป็นคนตั้งให้

 

“ปล่อยให้พยศต่อไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยๆ พี่ก็รู้ว่ารันเข้มแข็งและดูแลตัวเองได้ แม้ว่าวันนึงพี่อาจจะไม่อยู่แล้ว” ร่างหนาเอนตัวพิงไปกับโซฟาก่อนจะหยิบเอาบุหรี่ขึ้นมาสูบไปพร้อมๆ กับดูเอกสารการส่งของล็อตใหญ่ไปด้วย วันนี้นั่งทำงานต่อที่ห้องนั่งเล่นไปก็แล้วกัน

 

 

 

“บ้าอะไรถึงไปแทนตัวเองแบบนั้นน่ะรุ่นสิบ! จำเอาไว้สิว่ามาอยู่ที่นี่ในฐานะหัวหน้าพรรคเหมือนกันน่ะ!” หลังจากกระแทกปิดประตูเสียงดังแล้ว ก็เอนตัวพิงกับประตูแทนที่จะก้าวเข้าไปในห้องด้านใน ตบปากตัวเองไปหลายครั้งที่เผลอแทนตัวเองด้วยชื่อที่คนใจร้ายตั้งให้

 

“บ้าที่สุด! เดี๋ยวหมอนั่นก็ได้ใจกันพอดีหรอก อย่าใจอ่อนกับคนชั่วคนนั้นเป็นอันขาด ยังไงก็ห้าม!” ยกสองมือขึ้นตีที่หัวตัวเองระรัวเพื่อเตือนสติตัวเอง ก่อนจะแจ้นไปยังห้องด้านใน ทิ้งตัวลงนอนราบกับเตียงก่อนจะเผลอม้วนตัวเข้ากับผ้าห่มหนาสีดำสนิทจนเป็นม้วนกลม

 

“ทำไมต้องห้ามไม่ให้เจอกับคุณแอนดรูว์ด้วยล่ะ” คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเพราะความสงสัย ไม่เพียงแค่ห้ามไม่ให้เจอ แต่สีหน้าของรุ่นแปดกลับบ่งบอกชัดเจนว่ากังวลตอนที่พูดถึงผู้ชายคนนั้น มีความลับ มีเรื่องอะไรที่ไม่เคยและไม่คิดจะบอกเรารึเปล่า หรือถ้าไม่มีความลับอะไร แล้วทำไมต้องห้ามขนาดนั้น หรือว่า...

 

“หึง...งั้นเหรอ...” พอคิดมาถึงตรงนี้ร่างบางก็กลิ้งตัวเองกลับออกมาจากม้วนผ้าห่มนั้น ลุกขึ้นนั่งแล้วก็เผลอลูบไปที่แก้มตัวเอง

 

“จะหึงทำไม ก็ไม่ได้รักนี่ ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเหมือนเมื่อก่อนนี่ เราจะยุ่งกับใครมันก็ไม่เกี่ยวอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ!”

 

“ไม่หรอก...พี่จุนไม่ได้หึงเราหรอก เค้าจะหึงเราไปทำไม ที่ยอมทุกวันนี้ก็แค่เพราะอยากจะได้พรรคของเราก็แค่นั้น ที่ให้มาอยู่ที่นี่ก็เพื่อจะได้ควบคุมพรรคของเราได้ง่ายขึ้น เพราะมีเราเป็นตัวประกันอยู่ที่นี่” ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน ยิ่งคิดร่างบางก็ยิ่งฟุ้งซ่านมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะลืมไปว่าที่ตัวเองยอมมาอยู่ที่นี่เพื่ออะไร

 

จุดประสงค์ที่ยอมมาอยู่ที่นี่ ยอมให้จุนฮยองควบคุมตระกุลของตัวเองได้ในช่วงนี้ ก็เพราะแค่จะเอาชีวิตของจุนฮยองมาสังเวยต่อวิญญาณของพ่อก็เท่านั้น

 

แต่แล้วพอได้อยู่ใกล้ๆ กันแบบนี้ หัวใจที่เคยเข้มแข็ง หัวใจที่แข็งแกรงมาตลอด 3 ปีที่ไม่ได้อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ก็กลับอ่อนยวบลงจนแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเอง

 

“พอเลยรัน พอเลย! เลิกคิดได้แล้ว เลิกคิดๆๆๆ” ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาใครอีกคนที่ไม่ได้คุยกันนานแล้ว เสียงรอสายดังอยู่ซักพักแล้วปลายสายก็กดรับ

 

“อีจุน...” จู่ๆ ก็รู้สึกว่าการเรียกชื่อบอร์ดี้การ์ดของตนมันยากขึ้นทุกที

 

“ดึกแล้วทำไมนายแม่ของผมยังไม่นอนอีกครับ” เสียงปลายสายตอบกลับมา ฟังน้ำเสียงแล้วร่างบางก็พอจะรับรู้ได้ว่าอีจุนรู้สึกยังไง

 

“คิดถึงน่ะสิ ทำไมอีจุนไม่โทรหานายแม่บ้างเลยล่ะ จริงๆ มาหาที่นี่ก็ได้ทำไมไม่เห็นจะมาหาเลย” พอพูดจบประโยคเท่านั้นแหละ ก็ได้ยินเสียงอีกคนหลุดหัวเราะอย่างน่าฟังออกมาเบาๆ แต่มันก็ทำให้ร่างบางยิ้มตามไปด้วย

 

“การเดินเข้าบ้านของรุ่นแปดมันไม่ง่ายหรอกนะครับนายแม่”

 

“แต่ถ้าชั้นสั่ง ยังไงอีจุนก็เข้ามาได้อยู่แล้วนี่”

 

“เอาเป็นว่าถ้าว่างแล้ว ผมจะลองเดินเข้าบ้านของรุ่นแปดดูนะครับ ถ้าไม่ถูกไอ้เจ้าหมาหลายๆ ตัวน่ะงับเอาซะก่อน” อีกครั้งที่อีจุนหัวเราะออกมา

 

“เจ้าตูบพวกนั้นไม่ทำอะไรหรอกน่า เอางี้สิ เดี๋ยวชั้นจะเอาผ้าเช็ดหน้าของอีจุนไปให้พวกมันดมดูก่อน เผื่อวันไหนอีจุนอยากจะมาหาชั้น มันจะได้ชินกลิ่นแล้วปล่อยเข้ามาง่ายๆ ดีมั้ย?”

 

พอได้คุยกับอีจุนก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว ถึงอีจุนจะไม่ได้อยู่ด้วย แต่ก็ยังอุ่นใจที่ได้คุยกันแบบนี้

 

“ไม่เอาน่าครับนายแม่ นอนได้แล้วครับ ดึกแล้วนะ” อีจุนปรามขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเกือบจะครบชั่วโมงอยู่แล้ว

 

“ยังไม่อยากวางเลยนี่ หรืออีจุนไม่อยากคุยกับชั้นแล้ว”

 

“อยากคุยสิครับ แต่นี่มันดึกแล้ว อีกอย่างผมก็เคลียร์งานค้างเอาไว้ อยากจะทำให้มันเสร็จก่อนที่งานพรุ่งนี้จะเข้ามาอีก นายแม่คงไม่โกรธผม...ใช่มั้ย?”

 

ร่างบางถอนหายใจออกมาเบาๆผ่านสายโทรศัพท์ หน้างอเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อยให้อีจุนไปทำงานตามที่เจ้าตัวต้องการ

 

“ก็ได้ๆ งั้นอีจุนทำงานไปเถอะ ว่างๆ ก็มาหาบ้างนะ....คิดถึง...” ร่างบางตอบกลับไปแค่นั้น ก็รีบกดวางสายไปทันทีโดยไม่ปล่อยให้คนทำงานได้เอ่ยลาเลยซักนิด

 

“อาบน้ำดีกว่า” ร่างบางเลิกคิดเรื่องที่กำลังคิดอยู่ ลุกจากเตียงแล้วตรงไปยังห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำทั้งที่เพิ่งจะอาบไปเมื่อตอนหัวค่ำนี่เอง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อนเลยจำเป็นต้องเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าใครมาหาตอนนี้

 

เมื่อประตูเปิดออกเพียงเท่านั้นล่ะ ร่างบางแทบจะกระแทกประตูปิดลงทันที แต่คนที่มาเคาะกลับเอามือดันไว้ได้ทันเสียก่อน

 

“มีธุระอะไร!”

 

“ง่วง อยากจะนอนแล้ว” ตอบแค่นั้นก็แทรกตัวเข้าไปภายในห้อง ทั้งที่อีกคนทำได้แค่ยืนอึ้งเท่านั้น ตั้งสติได้อีกทีก็ตอนที่เขาเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วนั่นแหละ ดวงตาเรียวกะพริบปริบๆรัวเร็วก่อนจะรีบแจ้นไปที่เตียงสีดำสนิทของตัวเอง

 

“ง่วงก็ไปนอนห้องตัวเองสิ!” นิ้วเรียวชี้ออกไปประตู บ่งบอกว่ากูไล่แล้ว มึงไปเดี๋ยวนี้ !

 

“แต่นี่มันบ้านกู กูจะนอนตรงไหนก็ได้ไม่ใช่รึไง” ร่างหนาพูดผ่านหมอนออกมา ก่อนจะเพิ่มแรงกอดหมอนให้แน่นขึ้น ไม่สนใจคนที่ยืนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ที่ข้างเตียงเลยสักนิด

 

“ใช่! นี่บ้านมึง แต่ที่นี่มึงยกให้เป็นห้องส่วนตัวของกูแล้ว นั่นหมายความว่ามึงไม่มีสิทธิ์ในส่วนที่เป็นของกู นอกจากกูจะอนุญาต!”

 

ร่างหนาขยับแล้วพลิกตัว ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ตีหน้าเบื่อส่งให้คนหน้าหงิกที่ตอนนี้หงิกจนดูแทบไม่ได้แล้ว

 

“เคยได้ยืนที่เขาว่า ผัวเมียก็เหมือนคนๆ เดียวกันมั้ย ของของผัวก็เหมือนของของเมีย และของของเมียก็เหมือน.......”

 

“ก็เหมือนของของเมีย!” ร่างบางรีบพูดดักคำพูดของร่างหนาไว้ก่อนที่ร่างหนาจะพูดจบ แต่ก็เหมือนจะลืมไปว่า ตัวเองพลาดให้กับคนเจ้าเล่ห์เสียแล้ว คิดได้มันก็สายไปเสียแล้ว เมื่อคนเจ้าเล่ห์ยิ้มกว้างส่งให้ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก้าวเข้าไปใกล้คนสวยที่เริ่มร้อนๆ หนาวๆ ก้าวหนีแต่อีกคนก็เร็วกว่า คว้าเอาไว้ได้ก่อนแล้วรีบโยนร่างบอบบางนั้นลงไปเตียงไป ตามด้วยตัวเองที่รีบลงไปนอนกอดเอาไว้

 

“ปล่อยเลยนะไอ้อ้วน! กูจะอาบน้ำ!” ร่างบางโวยวายแล้วผลักคนที่กอดตนจากด้านข้างออกห่าง แต่ร่างหนาที่ถูกเรียกว่าไอ้อ้วนเมื่อครู่ ก็กลับมากอดร่างบางเอาไว้ได้อีกครั้ง

 

“อาบทำไม ก็แห้งเพิ่งอาบไปเองไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องอาบก็

หอมอยู่แล้วแหละน่า...นี่แหน่ะ...ฟอด....!” ว่าแล้วก็กดจมูกลงที่แก้มขาวของร่างบางไปแรงๆ เพื่อพิสูจน์ว่าคนสวยของตนตัวหอมจริงๆ แม้ว่าจะไม่อาบน้ำ

 

“ใครแห้ง...บอกให้ปล่อยไง...” ดันตัวเองอีกครั้ง และก็แพ้อีกครั้งเหมือนกัน

 

ร่างหนาเอนตัวออกมาเล็กน้อย มองเรือนร่างร่างบางด้วยสายตาหยาบคาย ก่อนจะกลับมาหยุดที่ใบหน้าหวานที่แดงระเรื่อทั้งที่แค่ถูกมองเท่านั้น

 

“ก็มึงไง แห้งจนแทบไม่มีเนื้อมีหนังให้จับแล้ว แล้วนี่อะไรกอดไปก็เจอแต่กระดูก” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ร่างหนาก็ยังกอดร่างบางไว้เช่นเดิม กดใบหน้าหวานเข้าไปอกกว้างของตน

 

“ถ้ามันมีแต่กระดูกก็ไม่ต้องกอดสิ ปล่อยๆๆๆ”

 

“ไม่เอาหรอก รักนี่ รักมากขนาดนี้ แห้งยังไงก็กอดก็หอมเหมือนเดิมแหละ” ร่างหนาพูดแค่นั้น เสียงทั้งหมดก็เงียบหายไป มีแค่เสียงลมหายใจที่เริ่มสม่ำเสมอขึ้นเท่านั้นเข้ามาแทนที่ แรงกอดเริ่มผ่อนแรงลง รับรู้ได้ว่าร่างหนาคงหลับไปแล้วจริงๆ ร่างบางยกแขนแกร่งที่กอดตนออกจากเอวของตน ลุกขึ้นนั่งข้างๆ ยังไม่ไปไหนทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะอาบน้ำ แต่ก็ยังเอาแต่นั่งมองหน้ายามหลับของร่างหนา

 

นิ้วเรียวเกลี่ยไปตามโครงหน้าได้รูปที่เคราเริ่มเขียวครึ้มขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว งานยุ่งขนาดไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลยอย่างนั้นหรือจุนฮยอง

 

“คำว่ารักของพี่ มันทำให้รันใจเต้นอีกต่อไปไม่ได้แล้วนะ รันเกลียดพี่ และรันก็ไม่มีทางจะกลับมารักพี่ได้อีกแล้ว พี่พรากทุกสิ่งทุกอย่างของรันไป แม้กระทั่งตอนนี้ก็เหมือนกัน...ตอนนี้ที่พี่กำลังพรากความเข้มแข็งไปจากรัน...” พูดจบปากอิ่มก็กดลงที่ปากหยักเพียงแผ่วเบา ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

ดวงตาเรียวค่อยๆ เปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อแน่ใจแล้วว่าร่างบางอยู่ในห้องน้ำแล้วจริงๆ

 

“พี่คงไม่ต้องรอวันที่รันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้วใช่มั้ย”

 

 

 

“รันจาง......” ร่างหนาลากเสียงเรียกร่างบางออกมาจากห้องน้ำ ทำให้คนที่กำลังแต่งตัวด้วยชุดปกติของตัวเองนั่นก็คือยูกาตะอยู่ ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพิ่งจะแจ้นเข้าไปอาบน้ำเมื่อกี๊ เรียกอะไรกันนักหนานะ ร่างบางหยุดมือที่กำลังผูกผ้าคาเอวเอาไว้แค่นั้น มัดแค่ลวงๆ แล้วก็เดินตรงไปที่ห้องน้ำ เลื่อนประตูเปิดออกก็เห็นว่าอีกคนล้อนจ้อนอยู่ หันหลังกลับแทบไม่ทัน

 

“เรียกอะไร แล้วแก้ผ้าทำไมน่ะ!”

 

“อ้าว...ก็กูจะอาบน้ำนี่ แก้ผ้ามันก็ไม่เห็นแปลก”

 

“ว่าแต่เรียกหาทำไม จะอาบน้ำก็อาบไปสิ!”

 

“อันไหนแปรงสีฟันกูอ่ะ”

 

“นี่มันห้องกู จะต้องมีแปรงสีฟันของมึงไปทำไม ก็มีแต่ของกูน่ะสิ!” ร่างบางแว้ดขึ้น ทั้งที่ยืนหันหลังให้นั่นล่ะ

 

“สรุปว่าไม่มี งั้นเดี๋ยวให้แม่บ้านเอามาไว้ในห้องมึงด้วย เผื่อวันไหนมานอนห้องนี้อีก เช้ามาจะได้ไม่ยุ่งยาก”

 

“ไม่ต้องเสือกเลย!” หันมาแว้ดเต็มเสียง ไม่สนแล้วว่าหมอนี่จะแก้ผ้าล่อนจ้อนอยู่มั้ย ของมันเคยๆ อยู่แล้ว ก็เหมือนที่เคยเห็นนั่นแหละ

 

“งั้นวันนี้ใช้ของมึงไปก่อนนะ”

 

“ไม่ต้อง! เดี๋ยวกูไปหยิบอันใหม่มาให้!” ร่างบางรีบห้าม แต่อีกคนกลับไม่ฟัง หยิบติดมาแล้วเรียบร้อย พร้อมทั้งยื่นไปตรงหน้าร่างบางพร้อมๆ กับหลอดยาสีฟัน

 

“ไม่เป็นไรหรอก แปรงสีฟันเมียก็เหมือนแปรงสีฟัน.....” กำลังจะจบที่ “ของผัว” แต่ร่างบางส่งสายตาดุไปให้ ร่างหนาก็เลยหยุดเอาไว้แค่นั้น ก่อนจะพูดประโยคเดิมใหม่อีกครั้ง

 

“แปรงสีฟันเมียก็เหมือนแปรงสีฟันเมียนั่นแหละ แต่ผัวอยากใช้ เพราะงั้น...บีบยาสีฟันให้ด้วยเลยนะ” พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้าง มันทำให้ร่างบางหน้าบึ้งกว่าเดิม แต่ก็ยอมยิ่งเอทั้งแปรงสีฟันและยาสีฟันมาทำตามที่ร่างหนาต้องการ ก่อนจะจบที่เอาหลอดยาสีฟันตีไปที่หน้าผากกว้างๆ ของร่างหนาแรงๆ อีกคนกุมหน้าผากแน่น หน้างอเป็นครั้งแรกของวัน

 

“นี่มันหน้าผากผัวนะ เคาะมาได้!”

 

“ก็พูดเองนี่ว่าอะไรที่เป็นของผัวก็เป็นของเมียได้ จะเป็นไรไปถ้าเมียจะตีหน้าผากตัวเอง!” ว่าแล้วก็ฟาดไปอีกครั้งก่อนจะจ้ำอ้าวออกมาจากห้องน้ำ เบื่อจะเถียงด้วยเต็มที่แล้ว

 

“ยัยรันจอมโหด!” ร่างหนาร้องออกมาจากห้องน้ำเสียงดัง แต่ก็ต้องรีบเงียบปากที่กำลังจะว่าร่างบางลงทันที

 

“ถ้าแหกปากอีกครั้งล่ะก็ กูจะตบปากให้แตกเลยนะ ยง จุนฮยอง!”

 

“_______พี่เงียบก็ได้....” ตอบกลับมาเสียงเศร้าเท่านั้นแล้วก็ไม่เถียงร่างบางอีกเลย

 

ร่างบางหัวเราะออกมาเบาๆ กับสิ่งที่ได้ยิน หลังจากนั้นก็กลับไปหน้ากระจก สนใจกับผ้าคาดเอวตัวเองอีกครั้ง พอแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินลงไปชั้นล้างเพื่อทานอาหารเช้าก่อนที่ไอ้อ้วนลงพุงนั่นจะอาบน้ำเสร็จ ไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะด้วย

 

 

“นายแม่ครับ นายท่านยังไม่ตื่นเหรอครับ” แทคยอนถามขึ้นเมื่อเห็นแค่ร่างบางเดินลงมาคนเดียว เพราะปกติแล้วทั้งสองคนจะลงมาพร้อมกัน แน่นอนว่าคนที่รอและตื่นก่อนเสมอก็ต้องเป็นนายท่าน แม้จะไม่ได้นอนห้องเดียวกันแต่อีกคนจะรีบตื่นมาก่อนเสมอ

 

“อาบน้ำอยู่”

 

“นายแม่ทราบได้ยังไงครับว่านายท่านกำลังอาบน้ำอยู่” แทคยอนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและอยากรู้อย่างเห็นเต็มที่ หากแต่ก็ต้องหยุดความอยากรู้ของตนเอาไว้เพียงเท่านั้นเมื่อร่างบางส่งสายตาดุๆ มาให้

 

“ชั้นจะรู้ได้ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับนายอยู่แล้วนี่อ๊ค แทคยอน”

 

“ครับ” แทคยอนรีบโค้งเป็นการขอโทษให้ทันที ก่อนที่นายแม่อาจจะพิโรธ

 

“วันนี้ชั้นจะกลับตระกูลจางซักหน่อย ขับรถให้หน่อยนะ” ร่างบางเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังนั่งลงที่โต๊ะอาหารโดยที่มีแทคยอนช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้  

 

“นายแม่ขออนุญาตนายท่านแล้วเหรอครับ หรือว่านายท่านทราบแล้วว่านายแม่จะกลับตระกูลจาง”

 

“ชั้นแค่จะกลับไปเอาแมวชั้นมา ก็แค่นั้น ทำไมจะต้องขออนุญาตหมอนั่นด้วย”

 

“งั้นเดี๋ยวไปกับกู ยังไงกูก็ต้องไปทำงานอยู่แล้ว ดีเลย...เอาแมวเสร็จแล้วก็พาเลยไปออฟฟิศเลย ไปนั่งเป็นกำลังใจในการทำงานซักหน่อย” จู่ๆ เสียงคนที่คิดว่าจะอาบน้ำนานกว่านี้ก็ดังขึ้น แถมยังแต่งตัวเรียบร้อยแล้วด้วย

 

“กูจะไปกับแทคยอน!”

 

“ยังไงก็จะไปทางเดียวกันอยู่แล้ว จะต้องไปรถสองคันทำไมให้เปลืองน้ำมัน” ร่างหนาดักคอขึ้น

 

“แต่กูไม่อยากไปกับมึง!”

 

“ไม่อยากก็ต้องไป นี่เป็นคำสั่ง!” เรื่องอื่นจุนฮยองยอมให้ได้ แต่เรื่องจะให้ออกไปไหนเพียงลำพังนี่ เขาไม่ยอมแน่ ถึงแม้ว่าจะมีแทคยอนไปด้วย แต่เขาก็ไม่ไว้ใจ

 

ร่างบางเถียงอะไรไม่ออก ทำได้เพียงตีหน้าบึ้งตลอดการทานอาหารเช้าส่งให้เท่านั้น ไอ้คนเผด็จการ!!

 

ตลอดการเดินทางกลับมาบ้าน ร่างบางนิ่งเงียบมาตลอด ไม่พูดไม่จาแม้ว่าร่างหนาจะชวนคุยเรื่องอะไรก็ตาม หน้าบึ้งตึงจนแทบไม่น่ามอง แต่พอมาถึงบ้านเท่านั้นล่ะ รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยทันที

 

“อีจุน!” ร้องเรียกอีกคนด้วยความดีใจ ก่อนจะโผเข้ากอดร่างกำยำเอาไว้แน่นเพราะความคิดถึง อีจุนรับเอาร่างเล็กๆ นั้นไว้ในอ้อมกอด กดใบหน้าเข้ากับสันไหล่เล็กแน่น

 

...คิดถึงเหลือเกิน...

 

ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน แต่เหมือนยาวนานเป็นปี

 

“คิดถึงจัง อีจุนสบายดีใช่มั้ย ไหนดูสิ!” ดันตัวเองออกจากแขนแกร่งแล้วสำรวจบอร์ดี้การ์ดของตนตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

“ผอมลงรึเปล่าน่ะ”

 

“นิดหน่อยครับ พอนายแม่ไม่อยู่ ระบบรวนนิดหน่อย ยังดีที่เดวิลเข้ามาช่วยเคลียร์ ไม่อย่างนั้นผมอาจจะไม่แค่ผอม อาจจะตายไปเลยก็ได้” อีจุนตอบพร้อมรอยยิ้ม

 

“งานไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้นซักหน่อย เมื่อก่อนนายแม่ทำคนเดียวยังไม่บ่นเลย นี่อะไรทำงานกันตั้งสองคนยังมีหน้ามาบ่น!” หน้าง้ำหน้างอแต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่มันทำให้ร่างหนาอิจฉาที่ตัวเองไม่มีโอกาสจะได้รับ

 

“เข้าบ้านดีกว่า อ้อ...เดี๋ยวช่วยต้อนรับรุ่นแปดด้วยนะ นายแม่จะขึ้นไปดูแบล็คโรสแล้วก็จะไปกอดฮาราซักหน่อย” สั่งอีจุนแล้วก็รีบสาวเท้าเดินเข้าบ้านไป แต่ยังไม่ทันจะได้เดินขึ้นไปชั้นบน ก็ต้องสะดุดเข้ากับใครอีกคนที่นั่งอยู่ที่ห้องโถงกลางบ้าน ข้างๆ ก็มีคนตัวสูงๆ ยืนเป็นบอร์ดี้การ์ดให้

 

ร่างบางหันไปดูเพื่อความแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไปแน่ๆ ว่าเมื่อกี๊เหมือนจะเห็น...

 

“รุ่นเก้า!!” อุทานออกมาเสียงดัง หวังจะวิ่งหนี แต่ยุนโฮเร็วกว่ามาก เข้าไปดักหน้าร่างบางเอาไว้ก่อน

 

“หลบไปเลยนะไอ้โย่ง!”

 

“ด้วยความเคารพนะครับรุ่นสิบ รุ่นสิบจะต้องอยู่คุยกับรุ่นเก้าก่อนครับ”

 

“ชั้นจะไปหาแบล็คโรส!” ไม่สนใจสิ่งที่ยุนโฮบอก ใครจะอยู่คุยกับพี่ใหญ่กันล่ะ มีหวังถูกตำหนิเรื่องที่ไปอยู่ที่ตระกูลยงแน่ๆ ทั้งที่พี่ใหญ่สั่งห้ามแล้ว กลับมานี่ก็เพื่อจะมาเอาเรื่องน้องอย่างนั้นสินะ

 

“แต่รุ่นสิบต้องคุยกับพี่ก่อน...” เสียงเย็นเยียบดังขึ้น ทำให้ร่างบางยากที่จะปฏิเสธ ถ้าพี่ใหญ่จะใจเย็นได้ขนาดนี้ สู้พี่ใหญ่ตะคอกใส่หน้าน้องยังจะดีกว่านะ

 

ร่างบางจำเป็นต้องหันกลับมาหาพี่ชายตัวเอง และยอมเดินเข้าไปหาพี่ชายที่นั่งไขว่ห้างกอดอกอยู่ที่โซฟาไม้สักทองอย่างสง่างามอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้

 

“ถ้าวันนี้คุยกันไม่รู้เรื่อง พี่ก็จะไม่ยอมให้เรากลับไปที่ตระกูลยงอีก แล้วก็ต้องยุติเรื่องทั้งหมดลงด้วย!”

 

“ไม่ได้นะรุ่นเก้า! ยุติเรื่องนั้นไม่ได้!”

 

“เลือดรุ่นแปดมันสังเวยวิญญาณท่านพ่อไม่ได้ มันทำให้ท่านพ่อกลับมามีชีวิตไม่ได้อีกแล้ว รุ่นสิบเข้าใจอะไรบ้างมั้ย!”

 

“ไม่เข้าใจ รุ่นเก้าจะมาเข้าใจอะไร ในเมื่อตัวเองไม่ได้เห็นพ่อถูกผู้ชายคนนั้นฆ่าต่อหน้าต่อตาน่ะ!”

 

“มันเป็นแค่อดีต มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะรุ่นสิบ ที่จะใช้ทั้งชีวิตเพื่อสังเวยให้อดีตที่ผ่านมาแล้ว!”

 

“มันไม่มีประโยชน์สำหรับรุ่นเก้า แต่มันมีประโยชน์สำหรับรุ่นสิบ ถ้ารุ่นเก้าไม่คิดจะทำอะไรเลยก็อยู่เฉยๆ เถอะ รุ่นสิบจะจัดการเอง!” น้ำตาไหลรินอีกครั้ง ก่อนที่จะวิ่งหายขึ้นไปยังชั้นบน

 

จะมาบอกให้ยกเลิกทั้งที่เดินมาถึงขนาดนี้แล้วอย่างนั้นเหรอ

 

...มันหยุดไม่ได้แล้วล่ะรุ่นเก้า...

 

 

“ตามมั้ยครับนายแม่” ยุนโฮถามขึ้น

 

“ปล่อยไปแบบนั้นล่ะ ถึงตามขึ้นไปก็คุยไม่รู้เรื่องอยู่ดี” แจจุงบอก ก่อนจะเดินไปที่เรือนรับรองเพื่อพูดคุยกับรุ่นแปดของตระกูลยง เมื่อเห็นว่าวันนี้มาที่นี่ด้วย

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา