Fic B2ST Big Mama [JunSeung ft.Lee Joon] [Rate 20]

10.0

เขียนโดย เช้าตรู่

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.44 น.

  20 chapter
  5 วิจารณ์
  36.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) Big Mama Chapter 15

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Chapter 15

 

 “อีจุน...เป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ไหม หมอนั่นไม่ได้ทำร้ายร่างกายอีจุนตรงไหนใช่ไหม ไหนดูสิ” พอหนีออกมาจากบ้านตระกูลยงได้ ก็ตรงดิ่งมาที่บ้านทันที และเมื่อเห็นว่าคนที่เป็นห่วงหนักหนานั่งเคลียร์งานอยู่ที่โต๊ะทำงานอยู่ก็รีบตรงดิ่งเข้าไปหา จับเก้าอี้ทำงานของอีจุนให้หันมาหาตน แล้วก็สำรวจไปทุกที่ว่าอีจุนบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่

 

อีจุนนั่งมองร่างบางด้วยสายตาอ่อนโยน ยิ้มที่มุมปากส่งให้กับความห่วงใยที่ร่างบางแสดงออกมาอย่างไม่หมกเม็ด นี่แหละเด็กน้อยของอีจุน

 

“ว่าไงล่ะ นี่! นายแม่ถามก็ตอบสิ เอาแต่นั่งยิ้มแบบนี้แล้วนายแม่จะรู้ไหม!” ทำเป็นดุกลบเกลื่อนแววตาอ่อนโยนที่ส่งมาให้ เผลอฟาดมือลงไปที่สันไหล่กว้างอย่างแรง และมันก็ส่งผลให้อีจุนห่อไหล่เข้าหาตัวเองแน่น เผลอร้องออกมาเพราะความเจ็บ

 

“อีจุนเป็นอะไร! นี่เผลอฟาดไปเบาๆ เองนะ ไหนดูสิ!” ว่าแล้วก็ดึงเสื้อเชิ้ตของอีจุนออก ก็ปรากฏว่าเห็นรอยแผลที่เหมือนกับถูกมีดแทงลงไปที่สันไหล่ ความกว้างของปากบาดแผลประมาณหนึ่งนิ้วเห็นจะได้

 

“ไปโดนอะไรมา!” เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของบาดแผล สายตาเค้นเอาความจริงจากปากของอีจุนมากกว่าจะถามย้ำอีกครั้ง

 

“คือ...”

 

“พี่จุนทำใช่ไหม!”

 

“...........................” อีจุนนิ่งเงียบแล้วหันเก้าอี้หนี หมายจะตั้งใจเคลียร์บัญชีของบ่อนเหมือนเดิม แต่เจ้านายกลับไม่ยอมง่ายๆ

 

“นายแม่ถามว่าพี่จุนเป็นคนทำใช่ไหม! ตอบมาสิอีจุน!”

 

“เปล่าครับ”

 

“ถ้าพี่จุนไม่ได้ทำ แล้วใครทำ!”

 

“คนของแอนดรูว์ครับ”

 

“เมื่อไหร่!”

 

“วันที่ผมส่งตัวนายแม่ให้กับรุ่นแปด ลูกน้องของรุ่นแปดเสนอให้ผมออกมาพร้อมกันแต่ว่าผมปฏิเสธไป ผมรอดูความเรียบร้อยก่อนเพื่อให้แน่ใจว่านายแม่กับรุ่นแปดกลับออกมาอย่างปลอดภัยแล้วถึงจะเร่งออกจากนางาซากิ แต่ผมพลาด....”

 

“แสดงว่าวันนั้นที่พี่จุนบอกให้ลูกน้องเคลียร์แทนนั่นคือ...”

 

“ครับ...” อีจุนตอบออกมาแค่นั้น ก็ก้มหน้าลงทำงานต่อ ปล่อยให้อีกคนจ่อมจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่พักใหญ่ ก่อนจะกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง

 

“เดี๋ยวนายแม่ทายาให้” กัดปากล่างตัวเองก่อนจะหุนหันออกจากห้องทำงานของคนสนิทไปหากล่องยามาทาแผลที่ยังไม่แห้งสนิทให้

 

 

อีจุนมองตามร่างบางจนกระทั่งประตูปิดลง ถึงได้วางมือจากกระดาษหลายแผ่นที่ตนจดจ่ออยู่

 

“ไม่ใช่แค่นายแม่หรอกครับที่ไม่เข้าใจและตามรุ่นแปดไม่ทัน ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นที่นางาซากิ ผมก็รู้ตัวเองแล้วว่าผมตามรุ่นแปดไม่ทันและอ่านเกมส์ของรุ่นแปดไม่ออกเลยสักนิด”

 

สักพักร่างบางก็เดินเข้าห้องทำงานของอีจุนมาพร้อมกับกล่องยาขนาดพอเหมาะกับมือ ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ แล้วค่อยๆ บรรจงทายาลงที่แผลให้

 

“แล้วนี่ฮาราไม่เข้ามาดูแลเลยเหรอ” เอ่ยถามถึงคนสนิทของตนที่ตอนนี้มอบหมายให้มาดูแลอีจุนแทน เพราะตั้งแต่มาที่นี่ก็ยังไม่เห็นฮาราเลย

 

“มาเฉพาะเวลาที่ผมเรียกใช้น่ะครับ เวลานอกจากนั้นผมก็ให้คอยดูแลบ้าน”

 

ร่างบางพยักหน้ารับรู้ แล้วถึงได้ปิดแผลที่ทายาให้เมื่อครู่ด้วยผ้าปิดแผล ก่อนจะปล่อยให้อีจุนทำงานตามปกติ

 

“แล้วนายแม่ออกมาแบบนี้ บ้านนั้นไม่โกลาหลใหญ่เลยเหรอครับ” ถามทั้งๆ ที่ก้มหน้าสนใจกับงาน มือก็ยังคงกดเครื่องคิดเลขและกรอกตัวเลขลงในตารางไปเรื่อย ร่างบางมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของบอร์ดี้การ์ดเงียบๆ จู่ๆ ก็รู้สึกใจหวิวๆ อย่างไรไม่รู้ มันรู้สึกใจหายและรับรู้ได้ถึงความห่างเหินที่อีจุนมอบให้ เมื่อก่อนไม่ใช่อย่างนี้ ไม่ว่าอีจุนจะยุ่งแค่ไหน แต่เมื่อได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ อีจุนจะทิ้งงานทุกอย่างเพื่อมาคอยเอาใจและตามใจตน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่

 

“.....จุน...” พยางค์หน้าหายไปกับลำคอระหงนั้น จนเจ้าของชื่อหยุดปลายปากกาลง แต่ก็ยังไม่ยอมมองหน้าของเจ้านายอย่างที่มันน่าจะเป็น

 

“ผมชื่ออีจุนครับ” หันมาบอกสั้นๆ เพียงเท่านั้นด้วยแววตาที่วูบไหว ก่อนจะกลับไปสนใจกับงานต่อ

 

“ไม่ใช่อย่างนั้น....”

 

“ชื่อนั้น...ผมไม่ควรค่าหรอกครับ” อีกครั้งที่อีจุนเอ่ยออกมา เขาไม่รู้ว่ามันทำให้หัวใจของร่างบางกำลังเจ็บ เขาไม่เคยรู้เลยสักนิดว่าแค่ประโยคสั้นๆ ของเขา มันทำให้คนเข้มแข็งถึงกับปล่อยน้ำตาออกมาหยดแล้วหยดเล่า แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลจากคนที่เป็นต้นเหตุของน้ำตาเลยสักนิด

 

“มัน...ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย...อีจุน...” มือเรียวเช็ดน้ำตาเพียงลวกๆ เป็นครั้งแรกที่กลั้นหายใจเพราะกลัวจนตัวเองยังรู้สึกได้ กลัวที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ เขา พูดอะไรก็ได้ที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น หรือทำอะไรก็ได้ให้อีจุนที่รู้สึกแย่อยู่ตอนนี้ดีขึ้น

 

“ขอโทษจริงๆ นะครับนายแม่ แต่ผมต้องการสมาธิในการทำงาน” อีจุนแทบจะไม่ฟังในสิ่งที่ร่างบางพูดออกไปเลย ร่างบางรู้ดีว่าตัวเองพูดอะไรไม่รู้เรื่อง นั่นก็เพราะว่าไม่รู้จะพูดยังไงดี มันไม่ได้เป็นอย่างที่อีจุนเข้าใจ

 

“อือ...นายแม่ไม่กวนอีจุนแล้วก็ได้ งั้น...นายแม่กลับก่อนนะ” อีกครั้งที่เช็ดน้ำตาจากใบหน้าสวยนั้น มองเสี้ยวหน้าของอีจุนอยู่สักพักก็ละสายตาหนี ก่อนจะเดินออกจากห้องไปให้เร็วที่สุด

 

เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างกำยำเอนตัวพิงไปกับพนักเก้าอี้ มือใหญ่ปิดหน้าหล่อแน่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตบหน้าผากตัวเองหลายๆ ครั้ง

 

“กูเป็นห่าอะไรของกูวะเนี่ย! อยากเห็นหน้าแทบตาย คิดถึงแทบตาย ดีใจแทบตายที่เขามาหา แต่ก็เสือกทำตัวงี่เง่า มึงคิดว่ามึงสำคัญขนาดทำตัวงี่เง่าใส่เขาได้รึไง!”

 

“โว้ย!” อีจุนสบถออกมาเสียงดัง พร้อมๆกับงานบนโต๊ะที่กระจัดกระจายลงไปที่พื้น และจบลงที่สองมือบีบขมับตัวเองแน่นด้วยความโมโห

 

 

 

 

“รัน...ไปไหนมา” พอเดินเข้ามาในบ้านที่เปิดไฟเอาไว้เพียงบางดวงเท่านั้น ร่างบางก็ได้ยินเสียงทักทายจากคนที่ตนคิดว่าป่านนี้คงกำลังล่ออีตัวตัวไหนอยู่ที่ซ่องแน่ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าวันนี้กลับนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก ซิก้าคิวบารสเลิศค่อยๆ สั้นลงตามแรงดูดอัด ดวงตาคมเหลือบขึ้นมองร่างบางเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะวางแฟ้มเอกสารลงที่โต๊ะตัวเล็กตรงหน้า เอนหลังพิงไปกับพนักโซฟาบุกำมะหยี่เนื้อดี  กระดิกนิ้วเรียกให้อีกคนมาหา

 

“มานี่สิ มาหาพี่หน่อย แล้วบอกพี่ว่าไปไหนมา” น้ำเสียงเย็นเยียบผิดกับประโยคที่หลุดออกมาจากปากพร้อมๆ กับควันบุหรี่นั่นลิบลับ

 

ร่างบางเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้างๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงหนุนตักของร่างหนาทันที กอดขาของร่างหนาเอาไว้แน่น

 

“ไปบ้านมา พี่คงไม่โกรธใช่มั้ย ที่รันไปไหนโดยไม่ได้บอก”

 

มือใหญ่ลูบผมนุ่มเล่นไปด้วย ก้มหน้าลงมองเสี้ยวหน้าหวานอยู่นาน ก่อนจะก้มลงจูบแก้มขาวที่เย็นชืดแผ่วเบา

 

“ตั้งใจว่าจะโกรธนั่นแหละ แต่พอรันอ้อนแบบนี้...บอกเลยว่าโกรธไม่ลงแล้ว”

 

“รันไม่ได้อ้อนเพื่อไม่อยากให้พี่โกรธหรอกนะ แต่ก็แค่เหนื่อย...” ร่างบางพลิกตัวนอนหงายอยู่สักพักก่อนจะชันตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วสวมกอดร่างหนาไว้

 

“พี่กอดรันหน่อยสิ” เอ่ยปากขอให้อีกคนกอดอย่างไร้ท่าทีเคอะเขิน

 

ร่างหนายอมทำตามที่ร่างบางขอ แขนแกร่งสวมกอดร่างบอบบางนั้นเอาไว้ด้วยความแน่นที่พอดี ลูบศีรษะเล็กขึ้นลงเพื่อหวังจะให้ร่างบางผ่อนคลาย

 

“เป็นอะไรน่ะเรา จู่ๆ ก็มานอยด์ใส่พี่”

 

“รันเปล่า รันไม่ได้นอยด์ใส่พี่ รันก็แค่...อยากกอดพี่แล้วก็ให้พี่กอดแบบนี้บ้าง ก็บอกแล้วไงว่าเหนื่อยน่ะ” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงง้องแง้ง เหมือนความเอาแต่ใจเมื่อตอนเป็นเด็กจะกลับมาอีกครั้ง ร่างหนายิ้มบางเบาที่มุมปาก ส่ายหน้าเล็กน้อยเพราะกลัวอีกคนจะรู้ว่าตนส่ายหน้าอยู่

 

“ไปเหนื่อยอะไรมา กลับไปบ้านแค่ไม่ถึงวัน ที่นั่นเขาใช้ให้ทำงานรึไง...หื้ม...?” ถามขึ้นและพยายามจะดันร่างบอบบางนั้นออกห่างจากตน แต่เหมือนเจ้าของร่างจะไม่ยอม ยังคงสวมกอดร่างหนากำยำไว้แน่น เหมือนไม่อยากให้เห็นว่าตอนนี้ตัวเองเป็นยังไง

 

“รันเหนื่อยกับทุกสิ่ง”

 

“ไม่เอาน่าเด็กดี มีอะไรก็เล่าให้พี่ฟังสิ ปกติคนเก่งของพี่ไม่เป็นแบบนี้นี่นา ปกติเห็นทั้งเก่ง ทั้งแกร่ง ทั้งห่ามและบู๊ได้สารพัด แล้วทำไมมาวันนี้ถึงได้เหนื่อยง่ายๆ ล่ะ”

 

“พี่ก็รู้ว่าจริงๆ แล้วรันเป็นยังไงนะ!” ขึ้นเสียงเล็กน้อยแล้วก็ทุบกำปั้นลงที่หลังกว้างแรงๆ

 

“โอเคๆ พี่ยอมแล้ว” ยอมลงให้ง่ายๆ เสียงกลั้วหัวเราะทำให้ร่างบางเลิกกอดเพราะขัดใจ ยืดตัวออกห่างจากร่างหนาๆ นั่นแล้วจ้องหน้าหล่อนิ่ง

 

“พี่ขำรัน!”

 

“พี่เปล่า...” ร่างหนายกมือทั้งสองข้างขึ้นทำเหมือนยอมแพ้ แต่แล้วก็กลับมารวบเอวบางเหมือนเดิม

 

“ไม่จริง...พี่ขำรัน รันรู้หรอก ก็แล้วจะทำไมล่ะ ถ้ารันจะนอยด์บ้าง เหนื่อยบ้าง บ่นบ้าง อ่อนแอบ้างแล้วมันจะทำไม!” โวยใส่หน้าร่างหนาเสียงหลง กำลังจะอ้าปากโวยอีกรอบแต่ร่างหนาก็จุ๊บบางอิ่มนั่นเสียก่อน จุ๊บรัวหลายๆ ครั้งด้วยความหมั่นเขี้ยว

 

“พอแล้ว พอๆๆๆ” ร้องห้ามพร้อมทั้งปิดปากร่างหนาเอาไว้ แล้วจบลงที่สวมกอดร่างหนาเอาไว้อีกครั้ง

 

“วันนี้พี่กอดรันจนรันหลับไปเลยได้ไหม” จู่ๆ ก็เข้ามาโหมดเดิม จนอีกคนตามไม่ทัน แต่ก็ยอมตอบตกลงไปว่าวันนี้จะนอนกอดเอาไว้จนหลับและตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่อย่างที่ร่างบางต้องการ

 

คนเก่งว่าง่ายกว่าปกติ พี่จะอุ้มขึ้นไปบนห้องก็ยอมให้อุ้มง่ายๆ โดยไม่มีปากมีเสียงอะไรเลย พอถึงห้องก็ไล่ให้พี่ไปอาบน้ำก่อน แถมยังขู่ว่าถ้าไม่ยอมอาบน้ำ ก็จะไม่ให้กอดนอนง่ายๆ เพราะฉะนั้นร่างหนาจึงยอมแต่โดยดี หยิบได้ผ้าเช็ดตัวพาดไว้ที่ไหล่ กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่อีกคนก็เรียกไว้เสียก่อน

 

“พี่...”

 

ร่างหนาหยุดก้าวเดินแล้วหันกลับมาหาคนที่นั่งจุ้มปุ๊กคอตกอยู่ที่เตียง แต่เพียงไม่นานใบหน้าสวยนั้นก็เงยขึ้นมามองหน้าพี่อีกครั้ง

 

“ว่าไง”

 

“วันนี้รันกลับไปบ้านมา”

 

“รันบอกพี่แล้ว”

 

“แต่มันไม่ใช่แค่นั้น....”

 

“ครับ...?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเมื่อร่างบางพูดต่อ “เกิดอะไรขึ้นที่บ้าน”

 

“รัน...รันทำให้อีจุนโกรธ อีจุนเป็นอะไรก็ไม่รู้ ทำตัวห่างเหิน หน้ารันเขาก็ยังไม่มอง แถมยังพาลโกรธรันแค่เรื่องที่รันเรียกเขาไม่เต็มชื่อ...รันคงคิดมากไปเองหรือไม่ก็เพราะว่ารันแคร์เขามากเกินไป เขาบาดเจ็บด้วย...” มือเรียวพันกันจนมั่วไปหมด ปากคอสั่นเพราะเครียด เครียดที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองพูดอะไรออกไป คำพูดเมื่อครู่มันอาจจะทำให้อีกคนโกรธ แต่ตนทนเก็บมันไว้คนเดียวไม่ไหว ถ้าจะต้องถูกจุนฮยองโกรธมันก็คงไม่ได้แย่มากไปกว่าที่อีจุนโกรธหรอก

 

ร่างหนาสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วค่อยๆ ผ่อนมันออกมาจนหมด เดินเข้าไปหาร่างบางบนเตียง แล้วกระชากข้อมือเล็กนั้นขึ้นมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี พยายามแล้วที่จะไม่โกรธหรือว่าโมโหกับเรื่องแค่นี้ แต่พอได้ยินชื่อไอ้หอกนั่น จุนฮยองก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ทุกครั้งไป

 

“รักมันมากขนาดนั้นเลยรึไง!”

 

“ใช่...รันรักเขา แต่รันไม่ได้รักแบบนั้น เขาเหมือนพี่ชายของรัน เหมือนคนในครอบครัว เหมือนทุกอย่างของรันและรันก็ทนไม่ได้ถ้าจะต้องเห็นเขาโกรธ...รันยอมรับว่ารันรักอีจุน...รัก...แต่มันไม่เหมือนที่รันรู้สึกกับ...” พอรู้ตัวว่าพูดมากเกินความจำเป็น ร่างบางก็เงียบไว้เพียงเท่านั้น พยายามบิดมือออกจากมือใหญ่ที่ยังคงบีบรัดข้อมือตัวเองเอาไว้แน่น

 

“พี่ปล่อยข้อมือรันเถอะ...รันเจ็บ..” แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาจนได้ ไหลลงจากหางตากลมโตคู่สวย น้ำตาที่จุนฮยองไม่ได้เห็นมานานถึง 5 ปี จนวันนี้

 

จาง ฮยอนซึง ยอมร้องไห้ต่อหน้าเขา

 

ยอมแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเขา

 

แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าน้ำตาที่ไหลออกมานั้นมันเกิดขึ้นจากเขาเป็นคนกระทำ ไม่ใช่ไอ้หอกนั่น!

 

“เจ็บเท่าที่พี่เจ็บไหม...มันเทียบกันได้รึเปล่า...รัน!”

 

“ไม่มีความเจ็บไหนจะเทียบได้กับการที่รันเห็นคนที่รันรักฆ่าพ่อของรันไปต่อหน้าต่อตาหรอก ไม่มีอีกแล้ว!” ร่างบางพยายามบิดมือตัวเองออกจากมือใหญ่อีกครั้ง แต่ก็สู้ไม่ได้อยู่ดี

 

จุนฮยองชะงักและยอมปล่อยข้อมือของร่างบางแต่โดยดี

 

“ถ้าอย่างนั้น...รันก็เจ็บได้แค่เศษเสี้ยวความเจ็บของพี่เท่านั้นล่ะ” แววตาที่เจ็บปวด ถูกส่งไปยังอีกคนที่ยังร้องไห้ไม่หยุด แววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้น ทำให้ร่างบางพูดอะไรไม่ออก

 

“พี่จะอาบน้ำ...รันจะอาบพร้อมกันเลยไหม”

 

“..............................” ร่างบางก้มหน้านิ่ง ไม่ยอมตอบสิ่งใดออกจากปากบาง นิ่งเงียบนานจนกระทั่งร่างหนาเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเอง

 

“งั้นพี่อาบน้ำก่อนนะ ถ้ารันไม่อยากรอ จะไปอาบที่ห้องพี่เลยก็ได้” มือใหญ่ลูบหัวร่างบางเบาๆ เพียงเท่านั้นก็เดินเข้าห้องน้ำไป

 

ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองตามไปเงียบๆ ก่อนจะค่อยๆ คลานลงจากเตียงไปเหมือนกัน

 

“ทำไมถึงได้พูดแบบนั้นนะ พูดเหมือนกับว่า....”

 

...มีเหตุผลอ่นที่ต้องฆ่าท่านพ่อนอกเหนือจากที่เรารู้อย่างนั้นแหละ...

 

รำพึงรำพันในใจเพียงคนเดียวก่อนจะสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดที่ตีกันยุ่งไปหมดออกไปซะ แล้วเตรียมอาบน้ำ กอดผ้าเช็ดตัวเอาไว้แน่นแล้วก็เดินออกจากห้องส่วนตัวของตัวเองตรงไปยังห้องส่วนตัวของคนที่กำลังอาบน้ำอยู่

 

เพียงไม่กี่สิบนาที จุนฮยองก็ออกมาจากห้องน้ำ และก็พบว่าเตียงนอนว่างเปล่า ห้องกว้างๆ ว่างเปล่าปราศจากร่างบอบบางขี้แงเมื่อครู่ พอได้อาบน้ำแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองใจเย็นลงมาก เพิ่งจะสำนึกได้ว่าตัวเองไม่ควรจะไปมีน้ำโหกับร่างบางในเวลาที่ร่างบางนอยด์และอ่อนแอแบบนั้น

 

รู้สึกว่าตัวเองเป็นรุ่นแปดที่ไม่ได้เรื่องและไม่สามารถทำอะไรหรือแก้ปัญหาอะไรได้เลยเมื่ออยู่กับรุ่นสิบไม่ว่าจะต่อหน้าคนหมู่มาก ต่อหน้าลูกน้องหรืออยู่ด้วยกันสองต่อสอง

 

“คงไปอาบน้ำที่ห้องโน้นล่ะมั้ง”

 

ร่างกำยำทิ้งตัวลงบนที่นอนหยิบหมอนมาซ้อนกันแล้วนั่งเอกเขนกเอนตัวพิงหมอน เอื้อมมือไปหยิบเอาหนังสืออะไรสักอย่างที่โต๊ะข้างเตียงมาเปิดอ่าน

 

“อ่านนิยายรักด้วยอย่างนั้นเหรอเนี่ย...”

 

“มันไม่ใช่นิยายรักสักหน่อย พี่น่ะชอบมั่ว” จู่ๆ เสียงกระเง้ากระงอดก็ดังขึ้นขัดจังหวะคำพูดของร่างหนา เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงเจ้าของห้อง แล้วชูหนังสือให้เจ้าของเสียงที่เถียงออกมาเมื่อครู่ดู

 

“แต่พี่อ่านเจอฉากรักนี่นา...นี่ไง... “อ่า...เต็มไม้เต็มมือดีจัง” ฝ่ามือหยาบกร้านเพราะกรำศึกสงครามมานับครั้งไม่ถ้วนวางทาบลงที่เนินเนื้ออิ่มทั้งสองข้าง บีบเคล้น...”

 

“หยุดเลย!” ร่างหนาจำต้องหยุดอ่านเพียงเท่านั้นตามคำสั่งของอีกคน วางหนังสือลงที่โต๊ะข้างเตียงเหมือนเดิม

 

“พี่ก็ไม่ได้อยากอ่านนิยายรักปรัมปราพวกนี้หรอกน่า...ว่าแต่ทำไมถึงได้แต่งตัวแบบนั้น” เอ่ยถามขึ้นเมื่อเพิ่งมองเห็นการแต่งตัวของคนที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เตียง ใส่แค่เสื้อนอนตัวใหญ่ยักษ์ของตนตัวเดียว ส่วนท่อนล่างไม่มั่นใจว่าใส่กางเกงตัวเล็กๆ หรือแค่กางเกงในรึเปล่า

 

“ก็กางเกงนอนของพี่มันขายาวมากนี่ กลัวสะดุดขากางเกงล้ม ก็เลยไม่ใส่มันซะเลย” ตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วก็คลานขึ้นเตียงไปอีกฝั่ง ดึงเอาผ้าห่มมาคลุมตัว ก่ายขากอดหมอนข้างตั้งใจจะหลับ แต่ก็ถูกก่อกวนด้วยตัวก่อกวนประจำตัว

 

“ไหนบอกว่าจะให้พี่กอดไง”

 

“รันกอดหมอนข้างด้วย พี่กอดด้วยก็ไม่เห็นเป็นไรนี่” พลิกตัวกลับมาหา ยิ้มกริ่มคล้ายยั่วยวนส่งให้ นั่นเลยเป็นเหตุให้ปากอิ่มถูกกดจูบอย่างหนักหน่วงด้วยปากหยักได้รูปสวยของอีกคน

 

ร่างบางตอบรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ แล้วค่อยๆ ผละออกจากรสจูบแสนหวานนั้นก่อนที่มันจะเลยเถิดกว่าแค่จูบหรือนอนกอดเฉยๆ

 

“นอนได้แล้วน่า” มือเรียวยังปิดอยู่ที่ปากหยัก ช้อนตาขึ้นมองใบหน้าหล่อนั้นแล้วเลี่ยงการเสียตัวด้วยการมุดตัวเข้าอกกว้างแล้วกอดเอวหนาไว้แน่น

 

ร่างหนายิ้มกว้างตอบกลับไป ตะกองกอดร่างบอบบางไว้แน่น

 

“พี่สัญญาว่าวันนี้รันจะไม่ฝันร้ายเหมือนทุกๆ วัน ฝันดีนะครับ”

 

“อื้ม...ฝันดี...พี่จุน...”

 

“พี่ฝันดีทุกคืนเลยนะตั้งแต่บังคับให้รันมาอยู่ที่นี่ด้วยกันน่ะ”

 

“ชิ!”

 

“นอนเถอะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาออกบู๊ยืดเส้นยืดสาย”

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา