Fic B2ST Big Mama [JunSeung ft.Lee Joon] [Rate 20]

10.0

เขียนโดย เช้าตรู่

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.44 น.

  20 chapter
  5 วิจารณ์
  36.13K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) Big Mama Chapter 19

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

Chapter 19

 

“อา...อยากได้เบอร์กิ้นส์จังเลยน้า...” พูดขึ้นลอยๆ ก็แค่ลอยๆ เท่านั้น แต่มันก็ทำให้คนที่กำลังสนใจกับตัวเลขมหาศาลในบัญชีเงยหน้าขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ได้ เลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าอะไรคือเบอร์กิ้นส์ตามที่นายแม่รับสั่ง

 

“อะไรคือเบอร์กิ้นส์ อยากกินเบอร์เกอร์เดี๋ยวสั่งเด็กไปซื้อให้”

 

ร่างบางเก็บชายยูกาตะด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ ปิดนิตยสารแบรนด์เนมในมือลงแล้วกระแทกลงข้างๆ ตัว

 

“เบอร์กิ้นส์! ไม่ใช่เบอร์เกอร์ จะมาอยากกินเบอร์เกอร์อะไรตอนนี้ล่ะ นี่มันใช่เวลากินซะเมื่อไหร่!”

 

“แล้วไอ้เบอร์ก้ง เบอร์กิ้นส์ที่รันว่าน่ะมันคืออะไร”

 

“กระเป๋าไง! ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้นะ ไม่รู้จักได้ยังไงแอร์เมส เบอร์กิ้นส์น่ะ!”

 

“ก็พี่ไม่ได้สนใจเรื่องกระเป๋านี่ แต่ถ้าเป็นเรื่องปืนก็ว่าไปอย่าง แล้วว่าแต่มันราคาเท่าไหร่” ถามทั้งๆ ที่ก้มลงไปสนใจกับตัวเลขมหาศาลในบัญชีอีกครั้ง ก็แค่กระเป๋าใบเดียวไม่น่าจะแพงอะไรหรอก เดี๋ยวค่อยหาเวลาพาไปช้อป

 

“แปดล้านสองแสนเยน” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หยิบเอานิตยสารแบรนด์เนมขึ้นมาดูอีกครั้ง พลิกไปพลิกมาด้วยสีหน้าที่อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย เพราะรู้แน่แก่ใจว่ายังไงก็ต้องได้แอร์เมส โซแบล็ค เบอร์กินส์ 30 มาครอบครองแน่ๆ

 

“แปดล้านเยน! แพงขนาดนั้นซื้อมาถือแล้วลอยได้ไหมรัน!”

 

“ก็ลอยไม่ได้หรอก แต่ก็อยากได้ แค่แปดล้านสองแสนเยนเองนะ!”

 

“แปดล้านเยนน่ะรันรู้ไหมว่าต้องขายเฮโรอีนไปเท่าไหร่กันน่ะ มันใช่เงินน้อยๆ รึไงครับ ”

 

“พูดแบบนี้หมายความว่าจะไม่ซื้อให้ใช่ไหม...ก็ได้นะ รันไปอ้อนให้แอนดรูว์ซื้อให้ก็ได้  หมอนั่นต้องรีบซื้อให้อย่างที่รันอยากได้แน่ๆ”

 

ผิดคาดเมื่อรุ่นแปดคิดว่ารุ่นสิบจะยอมมาออดอ้อนให้ซื้อกระเป๋าแสนแพงนั่นให้ แต่กลับไม่เป็นเช่นที่คิด พอได้ยินชื่อของศัตรูตัวฉกาจของตัวเอง คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันทันใด

 

“อยากได้กี่ใบว่ามา” เงยหน้าขึ้นมาพูดกับร่างบางที่ตอนนี้ยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้ไปเสียแล้ว

 

“กระเป๋าน่ะ ใครเขาซื้อทีละยี่สิบใบกันล่ะ ใบเดียวก็พอแล้ว” ว่าแล้วร่างบางก็หยิบเอานิตยสารติดมือมาด้วยในขณะที่เดินเข้ามาหาร่างหนา นั่งลงที่พนักวางแขนแล้วเปิดหนังสือหน้าดังกล่าวให้ร่างหนาดู

 

“ใบนี้ล่ะ หนังจระเข้อย่างดีเลยนะ เป็นไง..สวยไหม” หันไปถามคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับกระเป๋าเลยสักนิด จับจ้องไปที่กระเป๋าใบที่นายแม่รับสั่งว่าสวย แทบจะแย่งเอาหนังสือมาดูใกล้ๆ อยากจะกลับหัวหนังสือดูความสวยของมันตามที่นายแม่ว่า

 

“ก็ถ้ารันบอกว่าสวย ก็สวย แต่พี่ว่าใบสีแดงนี่สวยกว่าสีดำอีกนะ หนังจระเข้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ” ร่างหนาแสดงความคิดเห็นของตนบ้าง แต่แล้วกลับเห็นว่าร่างบางส่งใบหน้าที่หงิกงอมาให้ เป็นอันว่ารู้คำตอบแล้วว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าสวย ร่างบางนั้นกลับเห็นว่ามันไม่สวยไปเสียได้

 

“ก็สวย แต่รันไม่ชอบ”

 

“ทำไมล่ะ นี่มันเป็นเงาๆ ด้วยนะ เวลารันถือคู่กับยูกาตะสวยๆ ของรันพี่ว่ามันจะเข้ากันมากกว่าสีดำอีก” นี่มันอะไรกันน่ะ ทำไมยง จุนฮยอง รุ่นแปดผู้เก่งกาจสามารถและโหดเหี้ยม จะต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้ด้วย เลือกกระเป๋าเนี่ยมันไม่ใช่สิ่งที่ยง จุนฮยอง จะสามารถทำได้นะ

 

“ไม่เอาอ่ะ”

 

“ทำไมล่ะ งั้นซื้อสองใบเลยก็ได้ พี่ว่าใบนี้สวยดี เอาไว้เผื่อวันไหนรันอยากจะใช้ก็ค่อยหยิบมาใช้ดีไหม?”

 

“สองใบก็ได้ด้วยเหรอ” สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าดีใจมาก ที่จู่ๆ คนที่ตอนแรกบอกว่าจะไม่ยอมซื้อให้ แต่กลับบอกว่าซื้อสองใบเลยก็ได้

 

“ได้สิ อะไรที่รันอยากได้ พี่ให้ได้ทั้งนั้นแหละ”

 

“อืม...” ร่างบางรับคำสั้นๆ แค่นั้น ยังคงมีรอยยิ้มในดวงตา ก้มลงไปหอมแก้มกร้านเบาๆ แทนคำขอบคุณ

 

“งั้น...พี่ทำงานไปเถอะ รันไม่กวนแล้ว”

 

ใช่...เขาไม่กวนหรอก จะกวนได้ยังในเมื่อวันนี้เขามานั่งเฝ้าถึงที่ แถมยังคอยเหล่ตามองทุกครั้งที่ลูกน้องเข้ามารายงานว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ชั้นล่างบ้าง กระแอมไอทุกครั้งถ้าหากว่าอูบินเป็นฝ่ายเข้ามารายงานเอง ใครๆ ก็รู้ว่าอูบินเป็นมือขวาให้รุ่นแปด เรื่องสำคัญใดก่อนถึงหูรุ่นแปด อูบินจะรู้ก่อนแทบทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เหมือนทุกๆ ครั้งที่อูบินเข้ามา

 

“นายครับ!”

 

“จะเข้าห้องทำงานของรุ่นแปด สมควรที่จะต้องเคาะประตูก่อนไหม...อูบิน” เงยหน้าขึ้นไปพูดน้ำเสียงราบเรียบกับคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่

 

อูบินก้มหน้านิ่งแล้วเอ่ยขอโทษแก่นายแม่ด้วยน้ำเสียงแหบกลืนหายไปกับลำคอ ร่างหนาอมยิ้มเล็กน้อยกับอาการของอูบินที่เกรงกลัวนายแม่มากกว่าเจ้านายของตน แล้วเอ่ยขึ้นก่อนที่ร่างบางจะกินหัวอูบินก่อนจะได้บอกอะไรกับตน

 

“ว่าไงอูบิน มีอะไรอีกงั้นเหรอ”

 

อูบินไม่ได้ตอบในทันที เดินเข้าไปหาเจ้านาย กำลังจะก้มลงกระซิบกระซาบ เหตุเพราะมันเป็นเรื่องที่นายแม่ไม่ควรจะได้ยินเป็นอย่างยิ่ง

 

“มีเรื่องอะไรที่นายแม่รู้ไม่ได้อย่างนั้นเหรออูบิน” ร่างบางพูดขึ้นมาก่อน แล้วเดินเข้ามาหาร่างหนาอีกครั้ง นั่งลงบนตักของร่างหนาพร้อมทั้งคล้องแขนกับคอแกร่งของเจ้านายใหญ่แห่งตระกูลยงไปด้วย ร่างหนายิ้มพร้อมทั้งส่ายหน้าไปมาช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปพูดกับอูบิน

 

“มึงบอกมาเหอะ ถึงมึงกระซิบกูตอนนี้ มึงออกไปกูก็ต้องบอกรันอยู่ดี”

 

“จะดีเหรอครับนาย”

 

“ทำไม! ทำไมถึงจะไม่ดี นายแม่รู้ด้วยไม่ได้รึไง!”

 

“ถ้าบอกนายแม่ด้วย นายแม่สัญญานะครับว่าจะไม่โกรธนายท่านของผม”

 

พออูบินพูดจบเท่านั้นล่ะ ร่างบางก็รู้คำตอบได้ในทันที

 

“ถ้าลงไปหามัน พี่ก็ไม่ต้องเข้าบ้าน!” หันไปเอาเรื่องร่างหนาที่นั่งอยู่เฉยๆ เลย ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยแล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรแบบนั้นด้วย

 

“ไม่ใช่แบบนั้นครับนายแม่” อูบินรับออกตัวแทนเจ้านายตัวเองทันที

 

“ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหน!” ตะเบงเสียงใส่อูบิน จนอูบินต้องยู่คอหนี ถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่ได้ตั้งใจ

 

“แก๊งค์อุเอยาม่าส่งของมาให้ครับ หัวหน้าแก๊งค์มาส่งของเองถึงที่ เพราะงั้นนายท่านจะต้องลงไปรับของด้วยเองครับ”

 

“อูบินรับแทนก็ได้ไม่ใช่รึไง ยังไงก็ทำหน้าที่แทนรุ่นแปดแทบทุกอย่างอยู่แล้วนี่!”

 

“เห็นจะไม่เหมาะครับนายแม่”

 

“แก๊งค์นั้นก็แค่แก๊งค์เล็กๆ ไม่ใช่รึไง ทำไมจะต้องให้เกียรติขนาดนั้นด้วย!”

 

“เอาเถอะรัน...พี่ลงไปรับของแป๊บเดียว เดี๋ยวพี่รีบกลับขึ้นมาเลยนะครับ” ร่างหนารีบพูดขึ้นก่อนที่อูบินจะเหงื่อโชกไปมากกว่านี้ เห็นแล้วก็สงสาร ไม่กล้าแม้จะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อตัวเอง

 

“รันไปด้วย!”

 

“รันอยู่นี่แหละครับ พี่ไปแป๊บเดียวจริงๆ”

 

“ก็บอกว่าจะไปด้วยหรือพี่มีปัญหางั้นเหรอ?”

 

“ครับๆ ไปด้วยก็ไป”

 

“น่ารักที่สุดเลยรุ่นแปด” ว่าแล้วก็จับแก้มร่างหนาส่ายไปมาแล้วลุกจากตักของร่างหนาไปทันที อุ้มเอาแบล็คโรสขึ้นสู่อ้อมแขนแล้วเรียกอูบินเข้าไปหา

 

“ไปกันเถอะอูบิน ฝากถือกระเป๋าให้นายแม่ด้วยนะ” อูบินทำตามอย่างว่าง่าย แล้วเดินตามนายแม่ไปแทบจะในทันที

 

ร่างหนาส่ายหน้าเล็กน้อย มองตามไปเงียบๆ บ่นขึ้นในขณะเซฟงานให้เรียบร้อยก่อนจะทิ้งงานนี้แล้วไปวุ่นวายกับงานอื่น ที่คงไม่ได้วุ่นวายเพราะงานเป็นแน่ แต่คงจะวุ่นวายเพราะคนที่ดื้อจะขอตามไปด้วยนั่นล่ะ

 

“ตกลงว่านั่นลูกน้องใครกันแน่วะ”

 

 

 

“อูบิน! ทำไมนายแม่ได้มาด้วยวะ!” ลูกน้องอีกคนถามขึ้นเมื่อเห็นว่านายแม่นั่งลงที่โซฟาเรียบร้อยแล้ว และก็กำลังเพลิดเพลินกับการลูบขนนุ่มๆ ของแบล็คโรสเล่น หากแต่สายตากลับจับต้องไปที่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า

 

“กูไม่รู้”

 

“มึงจะไม่รู้ได้ไง ก็มึงเป็นคนเดินตามนายแม่มาต้อยๆ เสียขนาดนั้น”

 

“ที่กูบอกว่าไม่รู้น่ะคือกูขัดอะไรนายแม่ไม่ได้ต่างหากเล่า ก็นายแม่บอกว่าจะมาด้วย นายท่านเองก็พูดอะไรไม่ได้”

 

“อ๋อ...เจ้านายของเรากลัวเมียนี่เอง”

 

“นายแม่ได้ยินนะ!” หันไปตีหน้าดุให้ลูกน้องที่พูดคุยกันโดยไม่เกรงใจตนเลยสักนิดทันที ทั้งสองหนุ่มหุบปากทันที ก่อนที่อูบินจะเดินมายืนอยู่ข้างๆ ร่างบางทั้งที่มือยังคงถือกระเป๋าใบสวยของร่างบางเอาไว้ในมือ

 

“ผมไม่ยักรู้มาก่อนว่าตระกูลยงเปลี่ยนนายใหม่แล้ว” ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยขึ้นก่อนทั้งที่ยังไม่ได้บอกชื่อของตนให้กับเจ้าถิ่นทราบด้วยซ้ำ

 

“ก็ไม่ได้เปลี่ยนนายใหม่อะไรหรอก แต่พอดีว่านายใหญ่ของที่นี่เขาไม่ค่อยว่าง งานยุ่ง...นายแม่ก็เลยลงมาจัดการแทน ก็แค่นั้น” ร่างบางพูดเสียงเรียบ ก่อนจะส่งแบล็คโรสให้กับริสะ ที่ผันตัวมาเป็นหัวหน้าคอยดูแลสาวๆ แทนที่จะให้ลูกน้องที่เป็นผู้ชายดูแลแทนตามคำสั่งของนายแม่

 

“รุ่นแปดแต่งงานเมื่อไหร่ครับ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย”

 

“แต่งหรือไม่แต่ง แล้วทำไมจะต้องรายงานให้แกรู้ด้วยล่ะ อ่ะ...ว่าแต่วันนี้ส่งอะไรมาให้”

 

“ผมจำเป็นต้องมอบให้รุ่นแปดด้วยตัวเองครับ”

 

“รุ่นแปดหรือกู! ก็เหมือนกันนั่นแหละ จะส่งมาดีๆ หรือเจ็บตัวก่อนเลือกมา!” ร่างบางเริ่มหัวเสีย ไม่เคยมีใครหน้าไหนกล้าขัดใจแม้กระทั่งรุ่นแปด แล้วไอ้หน้าหักนี่มันเป็นใคร ถึงกล้ามาต่อรองกล้าต่อปากต่อคำกับรุ่นสิบของตระกูลจาง

 

“รุ่นสิบครับ ใจเย็นๆ ครับ เดี๋ยวเรื่องนี้พี่จัดการเองนะ” ร่างหนาที่ลงมาทันพอดิบพอดีรีบปรามขึ้น ก่อนที่ร่างบางจะเผลอลงมือกับแก๊งค์ในปกครองของตน นั่งลงข้างๆ ร่างบางที่ตอนนี้องค์กำลังจะลง หลังจากนี้จุนฮยองจะต้องแจ้งให้ทุกแก๊งค์ทราบแล้วว่าเจ้านายอีกคนคือรุ่นสิบของตระกูลจาง แล้วรุ่นสิบก็ไม่ใช่คนใจเย็นอะไรมากมาย พอที่จะมานั่งฟังคำพูดยียวนกวนอารมณ์ของใครได้นานๆ

 

“ก็ไอ้หน้าหักเนี่ยมันวอนตายนี่!”

 

“พี่รู้ครับ เอางี้ไหม...เดี๋ยวไปนั่งคุยกับสาวๆ พวกนั้นก่อนดีไหม ขอพี่คุยธุระก่อน ริสะ...เดี๋ยวพานายแม่ไป...”

 

“ไม่ไป!” สองพยางค์ สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความสุดๆ ทำให้ทุกอย่างในห้องรับรองตอนนี้หยุดนิ่งไปชั่วขณะและเป็นรุ่นแปดเองที่พูดขึ้นมาก่อนเพื่อทำลายความเงียบงันนั้น

 

“โอเค นั่งอยู่ด้วยกันตรงนี้ก็ได้ เอาล่ะทาจิบานะ...เดือนนี้ส่งอะไรมาให้”

 

ชายหนุ่มหัวหน้าแก๊งค์อุเอยาม่าตบมือสามครั้ง และเพียงไม่กี่วินาที สิ่งของที่หัวหน้าแก๊งค์อุเอยาม่านำมาให้รุ่นแปดก็อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มผายมือเชิญให้รุ่นแปดเปิดดูของในกล่องที่ยาวประมาณหนึ่งเมตรเห็นจะได้ ร่างหนาเอื้อมมือไปเปิดกล่องด้วยมือเพียงข้างเดียว สิ่งที่ปรากฏอยู่ในกล่องก็คือดาบซามูไรนั่นเอง ร่างหนาเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าชายหนุ่มเล็กน้อย

 

“ก็แค่ดาบ”

 

“รุ่นแปดจะไม่ถอดออกจากปลอกเพื่อดูข้างในหน่อยเหรอครับ” ทาจิบานะพูดต่อ และมันก็ทำให้ร่างหนาสนใจเจ้าดาบนั้นมากขึ้น เอื้อมไปหยิบเอาดาบขึ้นมา แล้วถอดออกจากปลอกที่ทำขึ้นด้วยไม้สลักอย่างสวยงาม

 

“ตีขึ้นด้วยเหล็กชั้นดีเลยนะครับ แถมลวดลายที่สลักอยู่บนใบมีดผมยังเลือกเฟ้นช่างสลักฝีมือดีมาสลักลวดลายบนใบมีดให้ เพื่อรุ่นแปดโดยเฉพาะเลยนะครับ แน่นอนครับรุ่นแปดว่าดาบเล่มนี้มีแค่อันเดียวในโลก” ทาจิบานะอธิบายต่อในขณะที่ร่างหนากำลังยลโฉมดาบเล่มดังกล่าวอยู่

 

ใบมีดขนาดยาวที่คมกริบ สลักเสลาเป็นลวดลายมังกร อันเป็นสัญลักษณ์ของตระกูล รายละเอียดบนตัวมังกรที่ยาวพาดไปบนใบมีดละเอียดและชัดเจน สวยงามจนยากที่จะหาดาบเล่มใดมาเทียบได้

 

“ไม่เพียงเท่านั้นนะครับรุ่นแปด ที่บังมือยังสลักเป็นรูปมังกรเหมือนๆ กับตัวดาบอีกด้วยครับ”

 

ร่างหนาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “สวยทีเดียวล่ะ”

 

“รุ่นแปดพอใจไหมครับ ถ้าหากยังไม่พอใจ.....” ทาจิบานะยังไม่ทันจะได้พูดต่อ ก็ต้องหยุดพูดเสียก่อน เมื่อร่างหนายกมือขึ้นห้าม

 

“กูชอบ”

 

ได้ฟังคำตอบแล้วทาจิบานะถึงกับยิ้มกว้าง

 

“ผมก็คิดเอาไว้อยู่แล้วล่ะครับ ว่ารุ่นแปดจะต้องชอบ!”

 

“ว่าแต่วันนี้มึงมีธุระแค่นี้ใช่ไหม ถ้ามีแค่นี้กูจะได้กลับขึ้นไปทำงานต่อหรือถ้ามีธุระต่อก็คุยกับอูบินแทนกูละกัน”

 

“ผมมีธุระกับรุ่นแปดอีกเรื่องครับ แต่ไม่ได้สำคัญอะไร ผมคิดว่าคุยกับคุณอูบินก็คงจะได้ เชิญรุ่นแปดกลับไปทำงานเถอะครับ ผมไม่รบกวนแล้ว”

 

ท่าทางที่นอบน้อมของทาจิบานะทำให้ร่างบางหมั่นไส้อยู่ไม่น้อย ทีกับรุ่นแปดล่ะนอบน้อม ทีกับเราล่ะก็ทำท่าทางหยิ่งยโสใส่ นี่ไม่รู้ใช่ไหมว่าใครกันแน่ที่น่านอบน้อมมากกว่ากันน่ะ

 

“ถ้าหมดธุระแล้วพี่จุนก็ขึ้นไปทำงานเถอะ ส่วนธุระอีกเรื่องของหมอนี่ รันจัดการเอง”

 

“ให้อูบินจัดการดีกว่า รันขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับพี่เนี่ยแหละ....นะ” ถ้าหาปล่อยให้จัดการเองไม่ได้แน่ๆ ถ้าให้ร่างบางจัดการเดี๋ยวระบบของที่นี่จะเสียหมด เพราะงั้นต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม

 

“แต่ว่า....”

 

“ไม่มีแต่ครับ” ร่างหนาชักสีหน้าดุใส่บ้าง ตามใจมากจะไม่ดี ฮยอนซึงไม่ใช่เด็กๆ แล้วที่จะมาคอยตามใจกันเหมือนเมื่อก่อน อีกอย่างสถานะของเราทั้งสองคนตอนนี้มันก็ไม่สมควรที่จะตามใจใครคนใดคนหนึ่งต่อหน้าลูกน้องได้

 

“ก็ได้!” ถึงจะไม่อยากยอมอ่อนข้อให้เท่าไหร่นัก แต่ร่างบางก็ยอมแต่โดยดี ยื่นมือไปให้ร่างหนาที่ยื่นมือมารอตรงหน้าก่อนแล้วจับแต่โดยดี

 

ร่างหนาเอื้อมไปหยิบเอากระเป๋าใบสวยของร่างบางมาถือว่าแล้วเป็นฝ่ายเดินไปก่อน ทำให้คนหน้างอจำต้องเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

อูบินได้แต่มองตามเจ้านายตัวเองไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อ แล้วหันไปพูดกับเพื่อนร่วมแก๊งค์ที่มีปฏิกิริยาเหมือนกับตนไม่ผิดเพี้ยน

 

“กูว่านายแม่มาอยู่ด้วยแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเนอะ”

 

“กูก็ว่างั้น เออ...ว่าแต่วันนี้ไอ้แทคยอนไปไหน ทำไมมึงถึงได้มาดูแลนายแม่แทนมัน”

 

“นายส่งมันกินนอนอยู่หน้าบ้านไอ้แอนดรูว์”

 

“นี่นายยังไม่เลิกกัดไอ้หมอนั่นอีกเหรอ”

 

“คิดว่าไม่ ถ้าจะเลิกก็คงตอนที่ไอ้นั่นตายแล้วนั่นแหละ” อูบินตอบแค่นั้นก็เดินเข้าไปหาทาจิบานะที่รอยังคงรออยู่

 

“ว่าไงครับคุณทาจิบานะ ธุระอีกเรื่องที่ว่านั่นคืออะไรครับ”

 

“ผมฝากเด็กไว้ทำงานที่นี่สักคนได้ไหมครับคุณอูบิน  พอดีเด็กมันลำบาก ต้องหาเงินใช้หนี้แทนพ่อกับแม่”

 

“รับไว้ก็พอจะรับไว้ได้ เดี๋ยวให้ริสะมาจัดการให้ก็แล้วกัน แล้วไหนล่ะเด็กคนนั้นน่ะ วันนี้ได้พามาด้วยรึเปล่า”

 

“มินอา มานี่ซิ” ทาจิบานะเรียกชื่อหญิงสาวคนดังกล่าวเบาๆ มินอาเดินมายืนข้างๆทาจิบานะด้วยท่าทีนอบน้อม

 

“เห็นว่าเป็นคนเกาหลี อยู่ที่นี่จะง่ายกว่าให้ไปอยู่ที่อื่นน่ะครับ มินอาเป็นนักศึกษามาเรียนที่นี่ แต่เพราะพ่อกับแม่ติดการพนันเลยเป็นหนี้เป็นสิน เจ้าตัวเลยทั้งทำงานและเรียนไปด้วยเพื่อหาเงินช่วยพ่อกับแม่ใช้หนี แต่งานพวกนั้นรายได้มันก็น้อยและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะใช้หนี้ให้พ่อแม่หมด พอดีว่าน้องชายของผมรู้จักกับมินอาก็เลยแนะนำให้ผมรู้จักครับ”

 

อูบินมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า “จะทำงานนี้ได้อย่างนั้นเหรอ”

 

หญิงสาวที่ยังคงก้มหน้า พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบเสียงแผ่วเบา “ทำได้ค่ะ ฉันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วขอแค่ให้หนี้พ่อกับแม่หมด”

 

“พ่อกับแม่เป็นหนี้อยู่เท่าไหร่ ฉันจะจ่ายให้ก่อนทั้งต้นทั้งดอกแล้วเธอค่อยมาทำงานใช้แทนทีหลัง”

 

“ไม่เป็นไรค่ะคุณอูบิน ฉันทำงานเก็บเงินใช้หนี้เองจะดีกว่า ขอบคุณมากนะคะ”

 

อูบินพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเรียกริสะให้เข้ามาหา “ริสะ...เดี๋ยวพามินอาไปเรียนรู้ระบบงานก่อนนะ วันนี้อย่าเพิ่งให้ทำงาน อธิบายระบบให้ฟังให้เข้าใจก่อนสักสองสามวันแล้วค่อยให้ทำงาน”

 

“ค่ะคุณคิม” ริสะรับคำสั้นๆ ก่อนจะพามินอาไปเรียนรู้งานตามที่อูบินสั่ง

 

“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครั้บ ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอตัวไปทำงานก่อน ส่งแขกด้วย” อูบินสั่งลูกน้องของตนอีกที ก่อนจะเอียงคอเรียกเพื่อนร่วมแก๊งค์ของตนมาหา

 

“มึงบอกให้ใครก็ได้จับตาดูมินอาเอาไว้ อย่าให้คลาดสายตา บอกตรงๆว่ากูไม่ไว้ใจเลยสักนิด มันผิดปกติของเด็กที่เป็นหนี้มากเกินไป”

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา