Fic B2ST Big Mama [JunSeung ft.Lee Joon] [Rate 20]

10.0

เขียนโดย เช้าตรู่

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.44 น.

  20 chapter
  5 วิจารณ์
  36.13K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) Big Mama Chapter 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

     ช่อดอกเบญจมาศสีขาวขนาดใหญ่ ถูกวางเอาไว้หน้าหลุมศพพร้อมทั้งเจ้าของช่อดอกไม้นั้นที่โค้งจนแทบจะติดพื้นให้กับหลุมศพตรงหน้า เพียงไม่นานก็เงยขึ้นมาแล้วยืนอยู่ต่อหน้าหลุมศพด้วยท่าทางที่สำรวม

 

     “คุณอาครับ ผมขอโทษที่ผมทำตามที่สัญญาเอาไว้ไม่ได้ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังดูแลน้องรันไม่ได้อย่างที่ให้สัญญากับคุณอาเอาไว้ เพราะเรื่องเมื่อ 3 ปีก่อน ถึงเป็นเหตุให้น้องรันไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้ ไม่แม้แต่จะอยากมองหน้าหรือพูดคุยกับผมดีๆเลยซักครั้ง คุณอารู้มั้ยครับว่าผมเจ็บปวดแค่ไหนที่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากมองคนที่ผมรักอยู่กับคนอื่น มองดูคนอื่นดูแลคนที่ผมรักทั้งที่หน้าที่นั้นมันควรจะเป็นของผม” ร่างหนากล่าวต่อหน้าหลุมศพเสียงสั่น ดวงตาเรียวที่มากไปด้วยความดุดันและน่ากลัวกระพริบถี่รัวเพื่อไหล่ก้อนน้ำตาที่กำลังจะทิ้งตัวลงตามแรงดึงดูดของโลก

 

     “นายท่าน...ได้เวลาแล้วครับ” ผ้าเช็ดหน้าผืนสีดำสนิทยื่นมาให้ตรงหน้าจากลูกน้องคนสนิทที่จะตามติดไปแทบทุกที่ ร่างหนารับเอามาแล้วกดลงที่ดวงตาทั้งสองของตน ค้างเอาไว้ซักพัก ก่อนจะส่งคืนให้กับลูกน้องคนเดิม หยิบเอาแว่นกันแดดสีชาจากกระเป๋าเสื้อด้านในของโค้ทราคาแพงลิ่วมาสวมเอาไว้ แล้วเดินออกห่างจากหลุมศพนั้นไป โดยไม่ได้โค้งลาเลยแม้ซักนิด

 

     ลูกน้องคนเดิมยังคงไม่ตามกลับไป เค้าจ้องมองไปที่หลุมศพนั้นแล้วโค้งให้จนเป็นมุมฉาก

 

     “ผมสาบานได้ครับท่านซึงฮอนว่านายท่านทำดีที่สุดแล้ว แล้วก็กำลังพยายามทำตามที่รับปากกับท่านซึงฮอนเอาไว้อย่างสุดความสามารถ” เค้าพูดทิ้งท้ายกับหลุมศพเอาไว้เพียงเท่านั้น ก็รีบตามนายท่านของตัวเองไป

 

 

 

 

     “กูไปจีนแค่ 3 วัน กลับมาทุกอย่างต้องเรียบร้อย เข้าใจมั้ย” หันกลับมาสั่งลูกน้องที่ตามมาส่งถึงสนามบิน เสียงเข้มและเย็นเยียบเพื่อเน้นย้ำว่าเจ้าของคำสั่งนั้นจริงจังกับมันแค่ไหน

 

     “ครับนายท่าน”

 

     “มีอะไรให้ส่งข่าวกูตลอด ส่งคนไปคอยป้วนเปี้ยนแถวๆ ปราสาทตระกูลจางด้วย”

 

     “แต่นายท่านครับ...คุณรัน...” เขารีบหุบปากทันทีเมื่อเผลอเรียกชื่อของอีกคนด้วยชื่อที่มีเพียงเจ้านายของตนเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะเรียก

 

     ร่างหนาจ้องหน้าลูกน้องตัวเองนิ่งเมื่อได้ยินลูกน้องเรียกร่างบางที่รักยิ่งด้วยชื่อเดียวกับที่ตนเรียก

 

     “ผมหมายถึง...ถึงแม้ว่าไม่ต้องส่งคนของพรรคเราไปคอยดูแลให้ แต่คนของพรรคจางก็ดูแลดีอยู่แล้วครับ โดยเฉพาะไอ้บอร์ดี้การ์ดหน้าหล่อคนนั้น”

 

     “ถึงจะมีอีจุนอยู่ แต่ก็ไว้ใจไม่ได้!” เมื่อลูกน้องพูดมากเกินความจำเป็นที่ตนต้องการจะให้พูด ร่างหนาเลยต้องจบการสนทนานั้นด้วยเสียงที่ทรงอำนาจแทน

 

     “ครับนาย!”

 

     หลังจากที่ลูกน้องรับคำแล้ว ร่างหนาก็รีบเดินไปยังเกทเพื่อขึ้นเครื่องบินไปคุยธุรกิจที่กำลังการจะให้เติบโตในจีนด้วย เนื่องจากพรรคจางเองก็มีสาขาอยู่ที่จีนและฮ่องกงด้วย เพราะฉะนั้นหากว่าขยายสาขาไปที่นั่นด้วย มันก็เป็นการง่ายที่จะดูแลกันและกันได้ง่ายขึ้น

 

 

 

 

     “เดวิลครับ มีแขกมาครับ” ลูกน้องของคนที่ชื่อเดวิลรายงานกับเจ้านายที่กำลังก้มโค้งลงเพื่อแทงลูกสนุ้ก ปากหยักยังคาบซิก้าราคาแพงลิ่วเอาไว้อีกด้วย เมื่อได้ยินดังนั้น ก็จำต้องยืดตัวขึ้น ละความสนใจจากลูกกลมๆ ตรงหน้า หันกลับมาหาลูกน้อง ยื่นไม้ที่อยู่ในมือให้ลูกน้องอีกคน นิ้วเรียวคีบบุหรี่ออกจากปาก เป่าควันใส่หน้าลูกน้องก่อนจะถามขึ้นเป็นภาษาถิ่นของที่นี่

 

     “ใคร?”

 

     “กูเอง” เสียงดังมาจากด้านหลัง ลูกน้องคนที่เข้ามาบอกรีบหลีกทางให้เสียงนั้นทันที หลังจากนั้นก็ตามด้วยร่างสูงหนาที่ก้าวเข้ามาใกล้ชายหนุ่มที่ชื่อเดวิล ถอดหมวกพร้อมทั้งแว่นกันแดดออกด้วย เผยให้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนของคนตรงหน้า

 

     “รุ่นแปดน่ะเอง” ชายหนุ่มโค้งให้กับชายหนุ่มอีกคน ก่อนจะปัดมือบอกลูกน้องให้เกณฑ์คนออกจากสโมสรแห่งนี้ให้หมด และเพียงไม่กี่นาที ห้องขนาดใหญ่นั้นก็ว่างเปล่าเหลือเพียงแค่เจ้านายและลูกน้องแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

 

     “ว่างเหรอ ถึงยอมทิ้งรันจังมาถึงนี่ได้น่ะ” เจ้าของสถานที่ถามขึ้น ก่อนจะเดินนำไปที่โซฟาตัวใหญ่ เพื่อต้อนรับผู้มาเยือน

 

     “รันจะเรียกตัวมึงกลับใช่มั้ย” ร่างหนาถามขึ้นทั้งทีที่นั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่สีทำทะมึนนั่นเรียบร้อยแล้ว และรับเอาแก้วไวน์สีแดงอมม่วงที่ลูกน้องรินให้มาจิบเล็กน้อย วางลงที่โต๊ะแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามที่ตอนนี้กำลังอัดซิก้าคิวบาเข้าปอดอย่างสบายอารมณ์

 

     “ก็ทำนองนั้นแหละ ไม่ได้อยากกลับ แต่ก็ต้องกลับใช่มั้ยล่ะ ในเมื่อเป็นคำสั่งของนายแม่ ใครขัดได้ล่ะ ขนาดรุ่นแปด มาเฟียที่เค้าว่ากันว่าไร้ความปราณีที่สุดในแถบเอเชียยังไม่กล้าขัดใจนายแม่เล้ย” คนพูดเปลี่ยนจากดูดซิก้ามาซัดไวน์ลงคอแทน 

 

     “มึงก็รู้ว่ากูยอมแค่รันคนเดียวนะดูจุน!”

 

     “อ่า...รู้ครับรู้ ว่ามีแค่นายแม่เท่านั้นแหละที่ทำให้รุ่นแปดอ่อนโยนด้วยได้ ว่าแต่...มาที่นี่มีธุระอะไรกับผมงั้นเหรอ ถ้าจะมาหาเรื่องเทคโอเวอร์ที่จีนน่ะ บอกไว้ก่อนเลยว่าไม่ได้!” แล้วดูจุนก็จริงจังขึ้นมาทันที โน้มตัวเพื่อให้ใกล้คนตรงหน้ามากที่สุด

 

     ร่างหนายกยิ้มเล็กน้อย พร้อมทั้งโน้มตัวเข้าไปใกล้ดูจุนเหมือนกัน

 

     “กูไม่จำเป็นต้องหาเรื่องเทคโอเวอร์ที่นี่ให้ยากหรอกดูจุน เพราะอีกไม่นานที่นี่และทั้งหมดของพรรคจะต้องเป็นของกูอยู่แล้ว นี่นายแม่ของมึงยังไม่ได้บอกสิว่าต้องการจะรวมพรรคทั้งสองให้เป็นหนึ่งเดียวน่ะ”

 

     ดูจุนหัวเราะในลำคอส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วกลับไปนั่งเอนพนักพิงของโซฟาเหมือนเดิม 

 

     “นี่...รุ่นแปดครับ รุ่นแปดยังไม่รู้จุดประสงค์ที่อยากจะรวมพรรคสินะครับ ผมจะบอกอะไรให้รุ่นแปดรู้ไว้นะว่า...นายแม่น่ะไม่ได้อยากจะรวมพรรคหรือควบรวมกิจการอะไรพวกนั้นหรอก แต่ที่นายแม่ต้องการน่ะก็คือชีวิตของรุ่นแปด ไม่ว่าเหตุผลในการปลิดชีวิตของนายท่านซึงฮอนจะมีเบื้องหลังมั้ยแต่ชีวิตก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิตนะครับ”

 

     ได้ฟังสิ่งที่ดูจุนพูด ร่างหนาถึงกับพูดอะไรไม่ออก จริงอย่างที่หมอนี่พูด ไม่ว่าสาเหตุของการปลิดชีวิตของจาง ซึงฮอนจะดีหรือเลวแต่ยังไงชีวิตก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิตเท่านั้น ถึงจะสาสมกับสิ่งที่ยง จุนฮยอง ตัดสินใจทำลงไป

 

     “กูรู้ แต่ที่กูมาที่นี่ ไม่ได้มาเพราะเรื่องธุรกิจ แต่กูมาเรื่องมึงโดยเฉพาะ”

 

     “หึ” ดูจุนพ่นลมหายใจออกมาดังๆ กระดกไวน์เข้าปากอีกครั้ง

 

     “เรื่องผม? ผมสำคัญขนาดที่รุ่นแปดลงทุนมาหาถึงที่นี่เลยเหรอครับ”

 

     “หายตัวไปซะยุน ดูจุน” ร่างหนาบอกตรงๆ รับเอากระเป๋าเงินที่ลูกน้องถือมาด้วยวางลงตรงหน้าดูจุน พร้อมทั้งเปิดโชว์ธนบัตรดอลล่าที่อยู่ในนั้นจนเต็ม

 

     “ห้าล้านดอลล่าสำหรับให้แกหนีไปที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องปรากฏตัวอีก”

 

     ดูจุนก้มลงมองเงินในกระเป๋า พยักหน้าพร้อมทั้งเบ้ปากเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดกระเป๋าใบนั้นลง แล้วเลื่อนกลับไปให้ร่างหนาเหมือนเดิม

 

     “เงินแค่ไหน ก็ซื้อความจงรักภักดีของผมที่มีต่อนายท่านและนายแม่ไม่ได้หรอกครับ เก็บเงินรุ่นแปดเอาไว้ซื้อกะหรี่สวยๆ เข้าซ่องมันน่าจะทำประโยชน์ได้มากกว่าเอามาจ้างผมหนีไปให้ไกลจากนายแม่ ผมถามตรงๆนะ ผมอยู่ที่จีนน่ะ มันยังห่างจากนายแม่ไม่พอ...อย่างนั้นเหรอ?”

 

     “มึงเลือกเองนะดูจุน กูถือว่ากูให้โอกาสมึงแล้วนะ”

 

     “ทำไมครับ ต่อจากนี้จะทำอะไรผมงั้นเหรอ”

 

     “ถ้ามึงเหยียบกลับไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่ล่ะก็ เตรียมตัวเอาเลือดทาพื้นดินญี่ปุ่นได้เลย!...กลับ!” จ้องหน้าดูจุนเหมือนคาดโทษเอาไว้ แล้วเดินออกไปทันที ลูกน้องที่มาด้วยก้มลงไปหยิบเอากระเป๋าขึ้นมาถือไว้ กำลังจะเดินตามเจ้านายตัวเองออกไป

 

     “ฝากไปบอกเจ้านายของมึงด้วยนะว่า ต่อให้เอาเงินฟาดหัวแล้วกูยอมหนีไปจริงๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่นายแม่ต้องการความช่วยเหลือ คนอย่างกูก็ต้องกลับมาอยู่ดี แล้วก็...อย่าขู่ว่าจะฆ่ากู เพราะกูไม่เคยกลัวความตาย...อีกอย่างแม้แต่รุ่นแปดก็ฆ่ากูไม่ได้ รู้ใช่มั้ย...” ดูจุนหรือเดวิลยกยิ้มส่งท้ายให้ลูกน้องคนเดิมแล้วกระดกไวน์เข้าปากไปอึกใหญ่จนหมดแก้ว มองตามร่างหนาที่เดินออกไปด้วยท่าทีอารมณ์เสียจนกระทั่ง ยง จุนฮยอง ออกจากสโมสรไปแล้วเรียบร้อย

 

 

 

 

     ร่างบอบบางมองซ้ายมองขวาเพื่อสำรวจให้แน่ใจว่าที่นี่ไม่มีใครอื่น นอกจากตนและอีจุนเท่านั้น เมื่อมาถึงหลุมศพของบิดาแล้วเห็นช่อเบญจมาศช่อใหญ่วางอยู่ก่อนแล้ว ที่สำคัญเบญจมาศช่อนั้นยังคงสดเหมือนเพิ่งมีคนมาที่นี่ก่อนหน้าตนแค่ไม่นาน

 

     “มีคนมาที่นี่ ก่อนหน้านี้แค่ไม่นาน ใครกัน?” ร่างบางเอ่ยขึ้นเพียงเบาๆ เท่านั้น ไม่ได้ต้องการคำตอบจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ที่คอยระวังภัยให้เลยซักนิด เรือนร่างสวยงามนั้นนั่งลงตรงหน้าหลุมศพของบิดาแล้ววางช่อเบญจมาศอีกช่อข้างๆ กันนั้น

 

     ร่างบางจะมาที่นี่ทุกๆ สัปดาห์ เพื่อเคารพบิดาที่ล่วงลับไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีอะไรแปลกไปกว่าสัปดาห์นี้ที่มีคนมาที่นี่เหมือนกับที่ตนมา ที่สำคัญคือไม่มีใครรู้ว่าหลุมศพของหัวหน้าพรรคคนเก่านั้นอยู่ที่ไหน นอกเสียจากคนในพรรคและ...

 

     “รุ่นแปดน่าจะมาที่นี่ครับ เพราะนอกจากเราแล้วก็มีแค่รุ่นแปดเท่านั้นที่รู้ว่าสุสานประจำตระกูลจางอยู่ที่ไหน” อีจุนที่เหมือนจะรู้ว่าร่างบางต้องการคำตอบหรือไม่ เลยตอบคำถามนั้นออกมาเมื่อมือเรียวสวยนั้นเอื้อมไปแตะที่ช่อเบญจมาศอีกช่อ

 

     “ชั้นให้อภัยเค้าไม่ได้หรอกนะอีจุน” ร่างบางพูดด้วยท่าทีเหม่อลอย มือยังคงลูบที่ช่อเบญจมาศช่อนั้นอยู่

 

     “ผมทราบครับนายแม่”

 

     “ถึงแม้ว่าต่อให้ชั้นฆ่าเค้าแล้วท่านพ่อจะไม่กลับมาหาชั้นอีก แต่ชั้นปล่อยคนที่ฆ่าท่านพ่อและย่ำยีชั้นเอาไว้ไม่ได้” ร่างบางยังคงพูดต่อ

 

     อีจุนมองร่างบอบบางนั้นด้วยแววตาที่อธิบายความรู้สึกไม่ได้

 

     ตนรู้ดีว่าร่างบางไม่สามารถทำใจฆ่ารุ่นแปดได้ แม้ความตั้งใจจะแน่วแน่แค่ไหน แต่นายแม่ฝืนความรู้สึกตัวเองไม่ได้หรอก ทั้งที่มีโอกาสและสามารถที่จะฆ่ารุ่นแปดได้แต่นายแม่กลับไม่ทำ หลายครั้งที่คนในพรรคเสนอตัวว่าจะช่วยจัดการรุ่นแปดให้เอง แต่นายแม่ก็เอาแต่ห้ามไว้และบอกว่าจะจัดการรุ่นแปดเอง

 

     3 ปีกับความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งเกลียด นายแม่ฝึกฝนตนเองจนเชี่ยวชาญการต่อสู้ทุกอย่าง เรียนรู้ที่จะดูแลธุรกิจมืดนี้แทนท่านพ่อที่จากไปด้วยฝีมือของรุ่นแปดที่ยอมฆ่าพี่ชายตัวเองเพื่อจะขึ้นมาเป็นใหญ่แทน รอเวลาที่พร้อมจะแก้แค้นและเอาชีวิตของคนที่ฆ่าท่านพ่อมาสังเวยวิญญาณของท่าน

 

     หลายอย่างพร้อม ยกเว้นก็แค่

 

     ความรู้สึกของนายแม่เท่านั้นที่ไม่พร้อมจะฆ่ารุ่นแปด

 

 

     “นายแม่ครับ รุ่นแปดส่งหนังสือมาบอกว่า อีก 1 สัปดาห์จะส่งรถมารับนะครับ ฝากทางเราเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”

 

     ร่างบางยืนขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่อีจุนบอก

 

     “เดวิลจะกลับเมื่อไหร่” ปากบางถามถึงคนที่จะต้องมาช่วยอีจุนดูแลพรรคแทนในระหว่างที่ตนเข้าไปอยู่ในตระกูลยง

 

     “ดูจุนบอกว่าจะกลับมาในอีก 3 วันครับ หากว่าไม่มีอะไรผิดพลาดและเคลียร์งานที่สาขาเรียบร้อยแล้ว”

 

     “ที่จีนคงลำบากหน่อยที่ไม่มีเดวิล แต่ชั้นตัดสินใจแล้วนะ ชั้นจะให้บยองฮีกับดงอุนไปดูแลที่จีนแทน เพราะยังไงที่ญี่ปุ่นก็สำคัญกว่าที่นั่นอยู่แล้ว ยังไงก็ช่วยบอกทั้งสองคนนั้นด้วยว่าอีกสามวันเตรียมตัวไปทำงานที่จีน” ร่างบางสั่งงานทั้งที่ไม่ได้หันมามองคนที่รับคำสั่งอยู่ข้างๆ

 

     “ครับ” อีจุนรับคำสั้นๆ เท่านั้น ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ร่างบอบบางที่ต้องแบกรับอะไรเอาไว้เกินตัว คว้าเอามือเรียวมากุมไว้บีบกระชับเบาๆ เท่านั้นเพื่อจะส่งผ่านความรู้สึกห่วงใยไปให้

 

     ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือใหญ่นั้น ก่อนจะเอนศีรษะเข้าพิงกับอกกว้างที่ขวางกั้นด้วยสูทสีดำสนิท

 

     “ชั้นรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจัง ที่มีอีจุนอยู่ข้างๆ แบบนี้ แต่อีกไม่กี่วัน ชั้นก็จะไม่มีอกกว้างๆ แล้วก็มืออุ่นๆ นี่เป็นที่พักพิงแล้ว ชั้นจะทำยังไงถ้าวันไหนชั้นเกิดอยากจะร้องไห้ขึ้นมา ชั้นจะร้องไห้กับใครล่ะอีจุน”

 

     อีจุนสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะตัดสินใจดึงเอาร่างบอบบางนั้นเข้าสู้อ้อมแขนของตน

 

     “ผมจะอยู่กับนายแม่เสมอครับ”

 

     “ถ้าแค่ในความฝัน...ชั้นไม่ต้องการ” ใบหน้าสวยเงยขึ้นสบสายตากับอีจุน ก่อนที่ปากบางนั้นจะตกเป็นของบอร์ดี้การ์ดหนุ่ม หากแต่ไร้การรุกล้ำใดๆ ทั้งนั้น

 

     ดวงตากลมโตปิดลงรับจูบนั้นอย่างเต็มใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายละออกเอง

 

     “ต่อจากนี้ก็ฝากพรรคด้วยนะอีจุน” ร่างบางพูดเพียงเท่านั้น ก็หันไปสนใจกับหลุมศพของบิดาต่อ หยิบเอาช่อเบญจมาศของใครอีกคนขึ้นมา โค้งให้หลุมศพนั่นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกไปพร้อมช่อเบญจมาศที่ไม่ใช่ของตน

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา