Fic B2ST Big Mama [JunSeung ft.Lee Joon] [Rate 20]

10.0

เขียนโดย เช้าตรู่

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.44 น.

  20 chapter
  5 วิจารณ์
  36.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) Big Mama Chapter 8

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

     Chapter 8

 

     “รันอยู่ไหน” เสียงทุ้มของเจ้าของคฤหาสน์ถามขึ้นเมื่อเข้าบ้านมาแล้วไม่เห็นอีกคน ทั้งที่วันนี้อยากจะไปรับด้วยตัวเอง แต่กลับติดงานใหญ่ซะก่อน อาวุธสงครามที่ส่งมาทางเรือนั้นจำเป็นต้องลำเลียงออกมาอย่างแยบยลที่สุด จุนฮยองไม่ไว้ใจให้ลูกน้องคนไหนเป็นคนจัดการให้ทั้งนั้น เรื่องสำคัญแบบนี้ยังไงก็ต้องจัดการเอง

 

     จุนฮยองลักลอบขายอาวุธสงครามให้กับรัฐบาลญี่ปุ่นมาเป็นเวลานานแล้ว เพื่อหลบเลี่ยงการเสียภาษีมหาศาลที่จะต้องจ่ายในแต่ละปี การขายอาวุธให้กับรัฐบาลนอกจากจะกำไรงามแล้ว ภาษีก็ไม่ต้องเสียอีกด้วย คุ้มขนาดนี้ ไม่ยอมรับข้อเสนอของรัฐบาลมันออกจะโง่ไปสักหน่อย

 

     “นายแม่อยู่ที่สวนกุหลาบด้านหลังครับนาย” ลูกน้องตอบพร้อมทั้งก้มหัวให้ ร่างหนาไม่แม้แต่จะมองลูกน้องด้วยซ้ำ เมื่อได้คำตอบแล้ว ก็รีบตรงไปที่สวนด้านหลังทันที เมื่อมาถึงก็เห็นว่าคนสวยของตนนั้นกำลังเพลินอยู่กับเหล่าดอกกุหลาบที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งเต็มไปหมด ยูกาตะสีขาวกับผิวขาวกระจ่างตา ตัดกับสีแดงของกุหลาบและสีเขียวของใบกุหลาบมองยังไงก็สวยงาม

 

     ร่างหนายิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปกลางดงกุหลาบพันธุ์ดี ที่ปลูกเอาไว้เพื่อต้อนรับ “รันจัง” ของตนเพียงคนเดียวเท่านั้น

 

     “มาถึงนานรึยัง” ถามพร้อมทั้งก้มลงไปดมดอกกุหลาบในมือของร่างบาง เหลือบตาขึ้นมองดวงหน้าสวยที่คงหน้าบึ้งทันทีที่ได้ยินเสียงตนเป็นแน่ แต่ถึงรันจะหน้าบึ้งอย่างไร สำหรับจุนฮยองแล้ว...

 

     ...รันงดงามเสมอ...

 

     ร่างบางชักดอกไม้ออกห่างจากจมูกโด่งได้รูปนั้น แล้วรีบหันตัวหนี ร่างหนาไม่ได้ตื้อด้วยการบังคับร่างกายนั้นให้หันมาหาตน เขารู้ดีว่าต่อให้พยายามบังคับเท่าไหร่ คนดื้ออย่างรันก็ไม่ยอมทำตามที่ตนต้องการอยู่ดี เพราะฉะนั้นถึงได้เดินอ้อมไปหยุดตรงหน้าร่างบางแทน

 

     “ไม่อยากเห็นหน้ากูมากขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

     “รู้ตัวดีนี่” ร่างบางเลี่ยงที่จะไม่มองหน้าร่างหนา ทำเป็นสนใจดอกกุหลาบสีเลือดนั้นแทน

 

     “ถึงไม่อยากเห็น ไม่อยากเจอ แต่ยังไงก็ต้องเจอหน้ากันทุกวันอยู่แล้ว...มึงคงยังไม่ลืมใช่มั้ยว่ามึงเป็นคนของบ้านนี้แล้วโดยสมบูรณ์!” ร่างหนากระชากกุหลาบไร้หนามเหล่านั้นออกจากมือเล็กของร่างบาง แล้วดึงเอาร่างบอบบางนั้นเข้ามาหาตัว

 

     “ถ้าไม่เป็นเพราะมึง กูไม่มาเหยียบที่นี่ให้เสียตีนกูหรอก!”

 

     “รู้สึกเป็นเกียรติ ที่นายแม่ยอมเอาตีนมาเหยียบบ้าน” ร่างหนาพูดเสียงแผ่วเบาชิดใบหูของร่างบาง ที่พยายามดันตัวเองออกห่างจากอกกำยำนั้น

 

     “ปล่อยกู!”

 

     “อะไรกันครับนายแม่...แค่นี้นายแม่ไม่น่าจะหลุดออกไปยากนี่ ถึงผมไม่ปล่อย ยังไงนายแม่ก็หลุดออกไปเองได้อยู่แล้ว...ใช่มั้ย?” เลิกคิ้วหนาขึ้น เพิ่มแรงกอดรัดเอวบางนั้นมากขึ้นไปอีก จุนฮยองสนุกทุกครั้งที่ได้กลั่นแกล้งคนตัวบางที่ทำเหมือนเข้มแข็งเหลือเกินคนนี้ ทั้งที่จริงๆ แล้ว....

 

     “น้องรัน”

 

     ก็ยังเป็นน้องรันอยู่วันยังค่ำ

 

     ต่อให้ภายนอกจะดูเข้มแข็งมากแค่ไหน แต่ภายในนั้นเปราะบางเหลือเกิน หากปราศจากใครซักคนมาดูแลแล้วล่ะก็ ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กนี้จะเดินอยู่บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยอสรพิษเส้นทางนี้ได้นานขนาดนี้มั้ย

 

     ร่างบางเงยหน้าขึ้นจ้องเข้าไปในดวงตาของราชสีห์ตัวโตที่กำลังตะครุบตนเอาไว้ด้วยกรงเล็บแห่งความรัก และไม่ว่ายังไงราชสีห์ตัวนี้ก็ไม่มีวันจะปล่อยตนออกจากกรงเล็บแห่งรักที่ขังตนเอาไว้มาตลอดเป็นแน่

 

     “บอกให้ปล่อย!”

 

     ไม่รู้ว่าที่บอกให้อีกคนปล่อยนั้น ปล่อยตนออกจากกรงแขนแกร่งนี้หรือปล่อยตนออกจากดวงตาที่มากไปด้วยความเสน่หานั้นกันแน่ ยิ่งได้สบตาเขามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรับรู้ว่าเค้ารักตนมากเท่านั้น ไม่อยากใจอ่อนให้กับคนที่ลงมือฆ่าพ่อตัวเอง ไม่อยากใจอ่อนให้กับคนเลวที่ย่ำยีร่างกายของตน

 

     ร่างหนายอมปล่อยร่างบอบบางนั้นแต่โดยดี ก่อนจะยื่นดอกกุหลาบคืนให้

 

     “ขอโทษที่มารบกวน แต่ก็แค่อยากมาเช็คให้แน่ใจว่า มาถึงที่นี่โดยปลอดภัยแล้วก็ไม่มีใครลอบทำร้ายกลางทาง ปลอดภัยก็ดีแล้ว” ก้มลงไปกดจูบปากอิ่มนั้นแผ่วเบา แล้วรีบหุนหันออกไปทันที

 

     ร่างบางมองตามร่างกำยำที่เดินออกห่างไปจนกระทั่งลับตา เม้มปากเป็นส้นตรงแน่น

 

     “ขอบคุณนะ...ที่ยังเป็นห่วง...” ร่างบางเอ่ยขึ้นแผ่วเบา ก่อนจะสนใจกับกุหลาบเพียงไม่กี่ดอกที่ร่างหนาส่งคืนให้เมื่อครู่ ยกมันขึ้นดมก่อนจะกอดไว้แน่น

 

     “ขออนุญาตครับนายแม่...” จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้น ร่างบางหันไปตามเสียงทุ้มน่าฟังนั้น ก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร

 

     “แกเป็นใคร”

 

     “บอร์ดี้การ์ดคนใหม่ของนายแม่ครับ ผม...อ๊ค แทคยอน” เขารายงานตัวพร้อมทั้งโค้ง 90 องศาให้

 

     “ชั้นไม่จำเป็นต้องมีบอร์ดี้การ์ด!”

 

     “แต่นายเห็นควรว่าต้องมีครับ”

 

     “ชั้นมีจุนฮยองอยู่แล้ว หมอนั่นบอกจะเป็นคนดูแลชั้นเอง!”

 

     ชายหนุ่มลอบยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาหาร่างบางที่ยังคงกอดกุหลาบไม่กี่ดอกเอาไว้แน่น

 

     “ผมทำหน้าที่เฉพาะเวลาที่นายออกไปทำงานครับ นายเผื่อเอาไว้ เผื่อว่านายแม่อยากออกไปช็อปปิ้งหรือเที่ยวเล่นเวลาที่นายไม่ว่าง”

 

     “ถึงงั้นก็เถอะ!”

 

     “นายยังบอกผมอีกว่า ยังไงนายแม่ก็ต้องดื้อไม่ยอมรับผมอยู่แล้ว แต่ยังไงผมก็ต้องทำหน้าที่ของผมครับ ตอนนี้ผมเห็นว่าค่ำมากแล้ว นายแม่ควรจะเข้าบ้านได้แล้วครับ ไม่อย่างนั้นอาจจะไม่สบายเอาได้” ว่าแล้วแทคยอนก็เดินเข้าไปใกล้ แล้วกางเสื้อโค้ทตัวใหญ่คลุมให้ร่างบาง

 

     ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตัวสูงกว่ามากด้วยความไม่พอใจ และพยายามจะดึงเอาเสื้อโค้ทออกจากร่างกายตัวเอง

 

     “โค้ทตัวนี้ไม่ใช่ของผมหรอกครับ แต่เป็นของนาย นายถอดให้ผมแล้วให้เอามาคลุมตัวให้นายแม่น่ะครับ” แทคยอนรีบพูดขึ้นก่อนที่ร่างบางจะดื้อไปมากกว่านี้

 

     ร่างบางเลิกดื้อทันที ก่อนจะเดินออกไปก่อนตามที่แทคยอนผายมือให้เดินนำไปก่อน

 

     บอร์ดี้การ์ดตัวใหญ่หัวเราะกับตัวเองเบาๆ กับท่าทางของร่างบางที่ใครต่อใครก็ว่ากันว่าโหดเหลือเกิน แต่พอได้สัมผัสจริงๆ แล้ว ก็แค่เด็กดื้อคนหนึ่งเท่านั้นเอง

 

     ไม่แปลกหรอกที่นายท่านจะเป็นห่วง

 

 

 

     “กลับมาถึง...ไม่คิดจะบอกพี่ซักคำเลยนะโยซอบ”

 

     “แหม...พี่รองล่ะก็...พี่รองเคยสนใจใครบ้างล่ะ นอกจากแมวดื้อของพี่รองน่ะ แล้วนี่เป็นไงบ้างล่ะ ไปบังคับให้เค้ามาอยู่ด้วยน่ะ คิดว่าจะปราบพยศได้วันไหน” กระโดดขึ้นนั่งที่โต๊ะทำงานของพี่ชาย แล้วเอี้ยวตัวไปพูดด้วย ก่อนจะหยิบเอากล่องดนตรีค่อนข้างเก่าขึ้นมาแล้วหมุนมันเล่น

 

     “พี่ยังเก็บมันไว้อีกเหรอเนี่ย แหม...จริงๆ แล้วรุ่นแปดก็มีมุมโรแมนติกแบบนี้เหมือนกันเนอะ” ยื่นไปใกล้พี่ชายในขณะที่มันยังมีเสียงอยู่ ร่างหนาแย่งมันมาจากมือของน้อง แล้วเอามันไปวางไว้ที่ตู้โชว์ ที่ที่มันควรจะอยู่

 

     “ทำไมพี่จะต้องทิ้งมันด้วย!”

 

     “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรพี่ซักหน่อยนี่ ถ้าพี่จะเก็บของที่คนรักให้พี่มา แต่พี่คงยังไม่ลืมหรอกใช่มั้ยว่าพี่หมดสิทธิ์นั้นไปตั้งนานแล้ว แล้วนี่...พี่คิดจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ผมจะบอกให้นะว่าแอนดรูว์ไม่ใช่ศัตรูที่พี่จะล้มได้ง่ายๆ ผมรู้มาว่าอีกไม่นาน หมอนั่นก็จะกลับจากดูไบแล้วด้วย”

 

     “เพราะอย่างนี้ไง พี่ถึงต้องให้รุ่นสิบอยู่ใกล้พี่ให้มากที่สุด”

 

     “ถ้างั้นผมว่าพี่เลิกเป็นมาเฟียไปเป็นบอร์ดี้การ์ดแทนเถอะ” พูดจบโยซอบก็กระโดดลงจากโต๊ะทำงานของพี่ชาย หันไปหาแล้วโน้มตัวไปใกล้พี่ชาย ยกยิ้มให้เล็กน้อย

 

     “จะให้ผมทำยังไงกับเดวิลก็รีบๆ สั่งการมาซะนะ ก่อนที่ความลับของพี่จะแตก ผมว่าอีกไม่นานหมอนั่นต้องเปิดปากบอกใครไปแน่ๆ โดยเฉพาะอีจุน...ถ้าอีจุนรู้ พี่ก็น่าจะรู้นะว่ารันจังของพี่จะต้องรู้แน่ๆ...ผมไปล่ะ วันนี้ว่าจะออกไปป่วนเดวิลที่ผับซักหน่อย...ยืมรถหน่อยนะ” ยังไม่ทันที่พี่ชายจะอนุญาต โยซอบก็คว้ากุญแจรถแล้วรีบออกจากห้องของพี่ชายไปทันที

 

     พอน้องลับตาไปแล้ว ร่างหนาก็หยิบเอากล่องดนตรีออกมาจากตู้โชว์ เปิดฝาขึ้นเพื่อให้เสียงดนตรีมันเล่นไปเรื่อยๆ พลางก็คิดไปถึงอดีตเมื่อหลายปีก่อน

 

 

 

 

     “จำเป็นต้องเรียนยิงปืนด้วยเหรอจุน!” เสียงเล็กๆ ถามขึ้น ฟังดูก็รู้ว่าไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ที่คนตัวโตๆ นี้น่ะ ลากออกมาเรียนยิงปืน พยายามสะบัดมือออกจากมือใหญ่ที่กุมมือตนไว้แน่นให้หลุดออก

 

     คนตัวโตกว่าหันมาหาแมวดื้อที่เอาแต่หน้าง้ำหน้างอ แล้วชี้มาที่หน้าตัวเอง

 

     “อายุมากกว่า 5  ปี กรุณาติดคำว่าพี่มาด้วยนะรัน”

 

     “ก็ไม่ชอบเรียกว่า “พี่จุน” นี่นา ชอบเรียกว่า “จุน” เฉยๆ” เถียงกลับไปทันที แล้วก็ดึงตัวเองไว้ด้วย ไม่อยากเรียนยิงปืน ไม่ชอบ ไม่เอา !!

 

     “แต่มันเป็นคำสั่ง และรันก็ต้องทำตาม เพราะต่อไปรันจะต้องดูแลพรรคแทนคุณอา”

 

     “พี่ใหญ่ต่างหากที่ต้องดูแลพรรคแทนท่านพ่อ ไม่ใช่รัน!”

 

     “พี่จำได้ว่ารุ่นเก้าจะต้องไปดูแลสาขาที่ดีทรอยส์นี่”

 

     ร่างบางยู่ปากใส่คนตรงหน้าที่รู้ดีกว่าตนไปซะหมด กลายเป็นคนโปรดของท่านพ่อไปซะแล้ว ทั้งที่ทั้งสองตระกูลไม่ถูกกัน แต่จุนฮยองก็ยังสามารถเดินเข้าออกคฤหาสน์ตระกูลจางได้อย่างสบาย โดยที่ไม่มีลูกน้องของพรรคคนไหนไม่ก้มหัวให้ เพราะถ้าหากหัวหน้าพรรคไว้ใจ นั่นก็หมายความว่าไม่มีเหตุผลใดที่ลูกน้องจะต่อต้าน

 

     จุนฮยองจึงกลายมาเป็นเหมือนทุกอย่างของจาง ฮยอนซึง เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ชาย ครู และบอร์ดี้การ์ดให้ และล่าสุด ตอนนี้สถานะของทั้งสองคนพัฒนาไปถึงขั้น “คนรัก” และหัวหน้าพรรคสูงสุดก็รับรู้เรื่องนี้ หากแต่ไม่ได้คัดค้านความสัมพันธ์ของทั้งสองคนแต่อย่างใด

 

     “เอาล่ะ มาเรียนได้แล้ว อย่าคิดว่าทำหน้าตาน่ารักแบบนี้แล้วจะยอมใจอ่อนให้นะ บอกเลยว่า ไม่มีทาง” นิ้วชี้เรียวกดลงที่ปากอิ่มที่ยังยู่เข้าหากันอย่างน่ามองอยู่เช่นเดิม

 

     ร่างบางจับนิ้วเรียวนั้นออกจากปากอิ่มของตนแล้วเดินไปประจำที่ ร่างหนาส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามไปซ้อนด้านหลังร่างบาง

 

     “ไหน...หยิบปืนขึ้นมาแล้วจับปืนให้พี่ดูสิ” ถอดที่ปิดหูออกก่อนจะออกคำสั่งกับแมวดื้อของตน ร่างบางหันมาหน้ายู่ใส่อีกครั้ง แต่ก็ยอมจับปืนตามวิธีที่ร่างหนาสอนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

 

     ฮยอนซึงไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจะต้องเรียนยิงปืนตั้งแต่อายุแค่ 15 ด้วย ตอนนี้ฮยอนซึงควรจะไปวิ่งเล่นตามประสาเด็ก ม.ต้น ธรรมดา ไม่ใช่มาติดแหงกอยู่กับผู้ชายอายุ 20 ที่จู่ๆ ก็มัดมือชกให้ฮยอนซึงเป็นแฟนด้วยเฉยเลย

 

     มีแฟนตั้งแต่อายุ 15 มันน่าภูมิใจมากสินะ!

 

     “ดีมาก ทีนี้ก็มองไปที่เป้า มือนิ่งเข้าไว้นะครับ สมาธิจดจ่ออยู่ที่เป้านะ” พูดพร้อมทั้งช่วยอีกคนจับปืนเล็งไปยังเป้าหมาย ก็เป็นอันว่าตอนนี้ผู้ชายอายุ 20 คนนี้กำลังหาเรื่องแต๊ะอั๋งฮยอนซึงผ่านหน้าที่การเป็นครู

 

     ร่างบางหันไปมองหน้าครูสุดหล่อของตนอีกครั้ง

 

     “ครับ?”

 

     “รันยิงเองได้น่า แค่ตั้งสมาธิดีๆ แล้วก็ยิง แค่นั้นใช่มั้ย”

 

     “คิดอยากจะยิงตรงไหนก็เต็มที่เลยครับ” ร่างหนาพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะหยิบที่ปิดหูสวมกลับให้เหมือนเดิม ส่วนตัวเองก็กลับไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ด้านหลังของร่างบาง

 

     เสียงปืนดังรัวทีเดียวจนหมดแม็กซ์ ร่างหนารีบลุกไปดู ก็ต้องกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ๆ เมื่อเห็นผลการยิงของลูกศิษย์ตัวเล็กของตน

 

     นิ้วเรียวกดปุ่มให้เป้าวิ่งเข้ามาตน แล้วหยิบเอาเป้านั้นออกมาดู

 

     “ไปแค้นใครมาจากไหนเนี่ย ยิงแบบนี้สูญพันธุ์เลยนะเนี่ย”

 

     “ไม่ได้แค้นใครหรอก แค่คิดเล่นๆ ว่าถ้าจุนนอกใจแล้วจะทำยังไงกับจุนดี ผลมันก็เลยออกมาอย่างที่เห็น” ไหวไหล่เล็กน้อย วางปืนลง ถอดที่ปิดหูออก แล้วเดินไปนั่งดื่มโค้กสบายอารมณ์อยู่ที่โต๊ะ ปล่อยให้อีกคนกลืนน้ำลายลงคออีกหลายครั้งเมื่อมองผลคะแนนที่ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

 

     คะแนนจะแบ่งตามจุดสำคัญที่ยิงได้

 

     หน้าผาก หัวใจ ปอด ช่องท้อง และใต้เข็มขัด

 

     ชัดเจนว่า ฮยอนซึงเล็งที่ใต้เข็มขัดอย่างเดียว แล้วก็แม่นซะด้วย พรุนจนไม่มีที่ให้กระสุนทะลุออกไปแล้ว

 

     ร่างหนาวางคะแนนเอาไว้ที่ถาดวางปืน แล้วเดินกลับไปหาร่างบาง นั่งลงตรงข้าม รู้สึกหมดแรงยังไงก็ไม่รู้

 

     “จุนเป็นไร หน้าซีดๆ ไม่สบายรึเปล่า”

 

     “บอกแล้วไงว่าเป็นพี่ตั้ง 5 ปี ให้เรียกพี่ติดมาด้วย”

 

     “ไม่เรียกหรอก”

 

     “ทำไม?”

 

     “ก็รันไม่ใช่น้องของจุน แต่รันเป็นแฟนจุนนี่ คงไม่ได้ลืมหรอกใช่มั้ยว่า เราสองคนเป็นแฟนกัน ถึงรันจะอายุแค่ 15 และห่างกับจุน 5 ปี แค่รันก็มั่นใจว่ารันจะเป็นแฟนที่ดีได้” ร่างบางลอยหน้าลอยตาพูด แทนตัวเองว่ารัน อย่างที่ร่างหนาต้องการให้เรียก

 

     ร่างหนายิ้มอ่อนโยนส่งให้ มือเรียวทั้งสองแตะลงที่ผิวแก้มเนียน นิ้วหัวแม่มือลูบแผ่วเบาที่แก้มใสนั่นไปด้วย กดหน้าผากของตนลงกับหน้าผากมนของคนตรงหน้า

 

     “แต่พ่อของพี่ พี่ชายของพี่ไม่พอใจกับเรื่องนี้ รันรู้ใช่มั้ย”

 

     ร่างบางยิ้มรับบ้าง มือเรียวแตะที่ผิวแก้มของร่างหนาเช่นกัน

 

     “รันรู้เรื่องนี้ดี ครอบครัวของเราเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันและก็เป็นศัตรูกัน แต่รันรักจุน และไม่ว่าใครก็ขวางรันไม่ได้ ถึงครอบครัวของจุนจะไม่ยอมรับรัน ไม่ยอมรับเรื่องของเรา แต่ยังไงรันก็ไม่มีวันจะเลิกรักจุนหรอก ถ้าวันนึงเราจะต้องตาย หรือถ้าวันนึงรันจะต้องตาย รันก็จะตายด้วยมือของจุนเท่านั้น” ปากอิ่มกดจูบลงที่ปากหยักแผ่วเบาก่อนจะละออก

 

     “สัญญานะ ถ้าวันนึงจำเป็นต้องฆ่ารันจริงๆ จุนจะเป็นคนทำ” ร่างบางเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ความตายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว ฮยอนซึงรู้ตัวดีว่า เส้นทางที่ตนกำลังเดินอยู่ตอนนี้ไปจนถึงอนาคตข้างหน้า ซักวันก็ต้องตายอยู่ดี มันอันตรายเกินกว่าที่จะมั่นใจได้ว่า ชีวิตจะปลอดภัยไปได้ตลอด

 

     “พี่สัญญา...”

 

 

     ร่างหนาจับจ้องกล่องดนตรีในมือที่ยังคงบรรเลงเพลงอยู่เช่นเดิม ภาพในอดีตไหลเข้ามาในห้วงความคิดเต็มไปหมด เรื่องเมื่อ 10 ปีก่อน ที่เต็มไปด้วยความหอมหวานของความรัก แต่แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความหอมหวานกลับกลายเป็นกลิ่นคาวเลือด

 

     เมื่อจุนฮยองไม่มีทางเลือก และจำเป็นต้องฆ่าคุณอาที่ตนเคารพรักเหมือน “พ่อ”

 

     ปลิดชีวิตพ่อของคนรัก ต่อหน้าคนรัก

 

     โยซอบบอกว่าเขามีทางเลือกเสมอ หากแต่เค้ากลับเลือกทางนี้ มันไม่จำเป็นเลยซักนิดที่จุนฮยองจะต้องเลือกให้ฮยอนซึงเกลียดตนได้ถึงขนาดนี้

 

     “พี่ขอโทษ...รันจัง...พี่ขอโทษ...”

 

 

     ประตูที่แง้มออกเพียงนิดเดียว ปิดลงเพียงเบาๆ พร้อมกับน้ำตาของอีกคน ตั้งใจแค่จะเอาโค้ทมาคืน และยอมทิ้งทิฐินิดหน่อยเพื่อขอบคุณ หากแต่สิ่งที่เห็นและได้ยินมันกลับทำให้กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

 

     คำขอโทษและน้ำตาของคนที่เกลียดแสนเกลียด คลอไปกับเพลงในกล่องเพลง มันน่าจะทำให้ฮยอนซึงยิ้มเยาะได้ไม่ใช่หรือ แล้วที่ร้องไห้ออกมาแทนที่จะหัวเราะคืออะไร

 

     เจ็บกับคำขอโทษนั้น ปวดร้าวกับน้ำตาของอีกคน

 

     และยิ่งไปกว่านั้น...

 

     กล่องดนตรีนั้น เค้ายังเก็บมันเอาไว้เหมือนเดิม ทุกอย่างยังสมบูรณ์ มันยังอยู่ในสภาพดี แม้จะผ่านมากว่าสิบปีแล้วก็ตาม

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา