ลิขิตจันทรา ภาค มายาแห่งดวงใจ (注定月下老人 )

8.0

เขียนโดย Wuzhenni

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 22.20 น.

  22 ตอน
  9 วิจารณ์
  26.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 20.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) (แก้ไขเสร็จแล้ว)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     

"แล้วเจอกันที่หลังมอเน้ออออ..."

 

เสียงตะโกนไล่หลังของไอ้เผือกทำให้ผู้คนในโรงอาหารคณะพยาบาลต่างหันมาทางต้นเสียงแทบจะพร้อมเพรียงกัน จนหญ้าฟางอยากจะกระโดดกัดหูไอ้เพื่อนบ้านี้จริงๆ

 

" จะแหกปากเสียงดังทำไม นี้มันโรงอาหารน่ะเว้ย พูดเสียงโวลุ่มปกติก็ได้ เกรงใจคนอื่นเขามั้งสิว่ะ"

 

"อายเป็นด้วยเหรอเจ้......ทีไปชกต่อยกับคนอื่นเนี่ย ไม่อายเลยนะ"

 

"ชกต่อยอะไร  ฉันไม่ใช่คนที่จะไปหาเรื่องใครเขาก่อน ถ้ามันไม่มาแส่หาเรื่องฉัน"

 

หญ้าฟางหันเลี้ยวจะเดินกลับเข้าตึกหอพักที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ทว่า....

 

ความคิดอย่างหนึ่งแล่นพุ่งเข้าสู่โสตสมองส่วนกลาง

 

คำพูดของมัน  ที่ทำให้เธอต้องเหลียวหลัง ย่างเท้าเข้าประชิดชายหนุ่มโยกเยก

 

ความสูงที่เด่นชัดช่างไม่สัมพันธ์กับรอยหยักในหัวของมันเสียจริง!

 

"เดี๋ยวน่ะ เมื่อกี้แกบอกว่า เจอกันทีหลังมอ.....ใช่ม่ะ?"

 

"เออ ใช่........ป้าบ!!!!!!!!" 

 

เเรงเสียดสีที่ปะทะเข้ากลางกระหม่อมอย่างจัง 

 

"ไอ้ฟาง! มึงตบหัวกูทำไมเนี่ย!!!"

 

"ไม่ให้ตบได้ไงล่ะ  แหม.....นี้ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้เนี่ย ห่ะ ฉันไม่มีรถขับจะให้ฉันไปหลังมอเองได้ยังไงล่ะ เอ้อ "

 

"โว้ยย...แท็กซี่ ก็มี แม่คู๊ณณณ ก็นั่งแท๊กซี่ไปสิ"

 

"ไม่นั่งเว้ย...ไปหลังมอกิโลสองกิโล คิดค่าแท็กซี่เหมือนนั่งจากหอไปขนส่ง เรื่องอะไรฉันจะนั่งล่ะ"

 

"งกไม่เข้าท่าแห่ะ  งั้นก็โทร.บอก ให้ยัยปุ้มมารับสิ มันมีรถยนต์ไม่ใช่เหรอ?"

 

"ไม่เอาอ่ะ  ปุ้มขับรถเร็วจะตาย ปาดขวาปาดซ้ายไม่ระวังรถคันข้างๆ ฉันไม่ชอบ"

 

     เจ้าเผือกมองตาปริบๆอย่างหน่ายใจ  

จริงอยู่ เขากับหญ้าฟางเป็นเพื่อนต่างสาขาที่สนิทกันมากถึงมากที่สุด

 

อาจเป็นเหตุบังเอิญที่ทำให้เราสองต้องรู้จักกัน

 

ถ้าไม่ใช่เพราะพวกรุ่นพี่สโมฯศึกษาศาสตร์บังคับให้ลงโชว์เชียร์หรอกรึ??

 

ทำให้ทุกวันนี้มันจึงต้องจ่ายทรัพย์จ่ายสิน หายาพารามาเก็บกักตุนเอาไว้

 

ถึงแม้จะสนิท มักคุ้นกันดี แต่ก็ใช่ว่าจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ "เธอ" ผู้นี้

 

สิ่งที่เขารู้เพียงอย่างเดียว คือ หญ้าฟางเป็นผู้หญิงที่สวยหยาดฟ้ามลาดิน งามล้นอกล้นใจจนดาวมหาลัยยังต้องเซถลาล้มไม่เป็นท่า

 

เพราะความสวยที่เฉียบขาด

 

สวยทั้งหน้าตา  สวยทั้งความรู้  คนเป็นผู้หญิงอย่าสักแต่ว่าสวยแค่บำรุงผิวพรรณให้งามเลิศ  ถ้าให้ดีก็ควรแต่งเติมเพิ่มเสริมความสวยใต้หนังศรีษะด้วย จะได้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลเพิ่มมากขึ้น

 

แต่ไอ้นิสัยมุทะลุ ฝีปากจัดจ้านเหมือนมะนาวจิ้มเกลือ บางครั้งนึกอยากจะด่าก็ด่า นึกอยากจะบ่นก็บ่น หากเวลาดีก็ดีแสนดีเหมือนแม่ชีเพิ่งออกสึก

 

มุมปากมันเริ่มขยับออกข้าง  กว้างขึ้น  กว้างขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะเป็นรอยยิ้มเยาะๆ

 

นี้มันอารมณ์หญิงสาววัยแรกแย้ม  หรือ วัยทองแรกแย้มกันแน่วะ

 

ดี....ที่ไม่หลวมตัวหลงใจเข้าพร่ำเพ้อ  จะได้ไม่รอเก้อให้ผิดหวัง!!!

 

 "ไอ้เวรเอ๋ยยยยยยย......กูอยากจะบร้าตาย!!!!!! แม่งงกก็งก ยังจะขี้กลัวอีก เขาขับรถให้มึงนั่งขี่เป็นก็บุญแค่ไหนแล้วว"

 

"ก็แล้วจะทำไม ชีวิตคนเรามันมีค่านะยะ ถ้าหากรถคว่ำแล้วฉันกลายเป็นปลาปิ้งย่าง แกจะกล้าพูดแบบนี้มั้ยล่ะ ตกลงเอาไง สรุป แกจะมารับฉันดีๆหรือจะงด ยกเลิก ไม่กินเลี้ยง ห่ะ ไอ้หัวเผือก!!!"

 

"เอออๆ เอ้า โอเคๆ เดี๋ยวมารับก็ได้ ตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะ.."

หญิงสาวหันไปดูนาฬิกาที่แขวนในโรงอาหาร

 

"ตอนนี้สี่โมงยี่สิบ หกโมงมารับก็แล้วกัน โอเคน่ะ โทรนัดพวกยัยปุ้มให้ไปด้วยละกัน จะได้กินให้คุ้มกับเงินที่เสียไปหน่อย"

 

"โห....นี้ ไปกินส้มตำนะเว้ย ไม่ใช่เลี้ยงยาโยอิ"

 

หญ้าฟางง้างมือจะเข้าไปซ้ำที่กลางกะโหลกของมันอีกครั้ง...

 

แต่แล้วทำไมเขาจะต้องยืนเฉยๆ ปล่อยให้มันทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว

 

" อ้าว! แหม..ไวจริงๆ  ไอ้เผือก...." หญ้าฟางตะโกนไล่หลัง

 

"อย่าลืมมารับฉันนะ เฮ้ย!!"

 

ฟีโน่สีแดงสุดจิ๊ดเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่คนขับจะหันกลับมาแลบลิ้นใส่เธอ

 

ใบหน้ายียวนกวนประสาท ทำให้หญ้าฟาง นึกหัวเราะในใจ

 

ไอ้บ้า..!! หน้ามึง สมแล้วที่ได้เป็นพี่เลี้ยงฝ่าย "สัน" ทนาการ 

 

แต่ถ้า...ได้ "ศัล" ยกรรม  ผ่าหน้าขึ้นเขียง กูคงเสียดายใบหน้าดาวผียั่วอย่างมึงจริงๆ

 

ฟีโน่สีแดงขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้แค่ฝุ่นละอองและความว่างเปล่า 

 

บนถนนไร้เสียงเครื่องยนต์ ไร้เสียงสรรพสิ่ง

 

ก็อย่างนี้แหล่ะ...ถ้าจิตใจคนเรามันเงียบสงบได้เหมือนสถานการณ์ที่ไม่ต้องเร่งรีบ

 

ไม่ต้องขวนขวาย  ไม่ต้องวิ่งสู้กับสิ่งอื่น

 

คงจะดี  กับชีวิต....ชีวิตที่มีแต่ ตัวเองกับตัวเอง เพียงสิ่งเดียว

   

หญ้าฟางรีบเดินเข้าไปในตัวตึกของหอพักหญิง  หอพักบ้านนอก 

 

หอพักบ้านนอก?  ชื่อนี้กับสภาพบรรยากาศมันช่างผสมกลมกลืนกันได้อย่างเหมาะเจาะ

 

หอพักที่ถูกสร้างมาได้ไม่นานนัก ก็แค่ถูกสร้างมาพร้อมๆกับมหาลัย

 

ถ้าเปรียบกับตัวเลขขัยอายุของคนเรา คงจะราวๆ ห้าสิบแล้วกระมัง

 

 เป็นหอพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง เพียงแต่สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านั้นอาจจะทรุดโทรมไปบ้างตามกาลเวลา  

 

ตัวตึกมีทั้งหมดห้าชั้น ตัวเธอเองพักอยู่ชั้นห้ากับรูมเมทรุ่นน้องที่เธอต้องเกลี้ยกล่อม หลอกล่อให้ติดบ่วง บ่วงของพันธะระหว่างกัน.......

 

 "มาอยู่กับพี่ จะได้ช่วยกันหารค่าห้อง  ดีมั้ย?"
  

 

จากที่ค่าหอ เทอมละ 1200 หารสองก็เหลือแค่คนละ 600 บาท....

 

หญ้าฟางก้าวเท้า เยื้อย่างขึ้นบันไดด้วยอารมณ์เกือบปกติ สีหน้าที่กักเก็บความเหนื่อยล้ามาเกือบจะทั้งวัน 

เธอชินเสียแล้วกับการที่จะต้องขึ้นๆลงๆบันไดอยู่เป็นประจำ เพราะตอนเรียนอยู่ที่คณะ

ไม่เคยเลย ที่จะได้แตะปุ่มขึ้นลิฟต์ให้ใจชื้นเเหงื่อหายลยซักหน

 

 คนเป็นครูต้องอดทน!!!  แค่ไม่ได้ขึ้นลิฟต์มันจะลงแดงตายเลยรึไง  ห่ะ!!!

 

เสียงพี่คุมวินัยหรือเรียกให้โก้เก๋เท่ระเบิดว่า  "พี่ว้าก"  ผุดขึ้นมาวนเวียนอยู่ในประจุสมองอีกครั้ง

 

แม้การรับน้องจะผ่านมานานหลายปี  แต่คำๆนี้ยังคงถูกจารึกไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจ

 

'เป็นครูต้องอดทน

 

ถ้าทนไม่ได้ ก็ไม่ต้องเป็นครู!!!'  

 

หญ้าฟางเปิดประตูห้อง ลมพัดโชยกลิ่นอ่อนๆ ที่ไม่ใช่กลิ่นดินยามหลังฝนพร่ำ

 

เพราะฝนมันไม่ได้ตก..... 

 

แต่กลิ่นเน่าๆ  กลิ่นเน่าบูดของเศษอาหาร!

 

ได้กลิ่นยังพอทน  แต่เสียงที่ดังระลอก หนักเบาเข้าจังหวะ  มันคงดีถ้าเป็นเสียงเพลบรรเลงกล่อมนอน  หากแต่มันเป็นเสียงทีเจ้าหล่อนคุ้นเคยอยู่เป็นนิจ

 

"คร่อกกกกกก"

 

เสียงกรนของไอ้รูมเมททำให้หญ้าฟางแทบจะกลั้นอารมณ์โมโหเอาไว้ไม่ไหว ก่อนออกจากห้องก็ย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทำความสะอาดห้องให้เอี่ยม 

 

เอี่ยมจนจะเอียน คลื่นไส้อาเจียนวันล่ะหน!

 

ทั้งกล่องข้าวเอย  ถุงขนมเอย  สารพัดของกินแต่ละอย่าง วางกลาดเกลื่อนรอบเตียงจนเกินบรรยายของคำว่าสกปรก

 

ยังดีที่ชินมานาน ถ้าเป็นคนอื่น  แม้จะใจดีปานนางฟ้าลงมาโปรด หากพอได้เห็นเขี้ยวแหลมๆคมๆ โผล่ออกมาให้เห็น

 

เป็นต้องวิ่งกระโปรงบานพลิ้ว  แหม...เวลานางฟ้ามันกริ้วน่าดูชมซะเมื่อไหร่กันเล่า!

 

"หยก..หยก น้องหยกค่ะ"

หญ้าฟางขยับเข้ามาเรียกใกล้ๆกับรูมเมทรุ่นน้อง

 

ใบหน้านาง บ่งบอกถึงจินตนาการอันล้ำเลิศที่แสนหวานดยหารู้ไม่ว่ามียักษ์มารทีพยามหุบเขี้ยวของตัวเองยืนอยู่ข้างๆเตียง

 

"น้องหยกค่ะ..น้องหยก...น้องหยก...."

หญ้าฟางมองเจ้ารุ่นน้องคนนั้นด้วยสายตาเหยี่ยวพิโรธก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอด

"ไอ้หยกเว้ยยยย!!!"

 

"จ้า จ้า  จ้า  จ้า"  หญิงสาวที่ได้ชื่อว่าหยก รีบลุกขึ้นออกจากเตียงทันที

 

"อ่า พี่ฟางเองเหรอ นึกว่าโจร.."

 

"ก็ใช่น่ะสิ...แหม ถ้าพี่เป็นโจรเนี่ย พี่คงไม่ปลุกให้น้องมาจับพี่ส่งตำรวจหรอกค่ะ พี่คงกวาดข้าวของไปหมดแล้วล่ะ"

 

หญ้าฟางมองหน้ารุ่นน้องร่วมสาขาที่เพิ่งกลับมาจากจีนได้ไม่นาน เธอเข้าใจว่า บางทีเจ้ารุ่นน้องคนนี้อาจจะได้รับนิสัยบางอย่าจากคนจีนกลับมาด้วย

 

แต่ไม่ใช่คนจีนทุกคนที่จะเป็นแบบนี้ เรื่องไหนที่ผ่อนผันปันผลได้ก็สบาย โล่งเปล่า หากแต่เรื่องไหนที่เข้มงวดก็เข้มงวดเสียจนแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้อยู่หลายวัน

 

"หยก พี่บอกก่อนออกจากห้องแล้วไง ว่าให้ทำความสะอาด ดูสิ  พื้นห้องมีแต่เศษขยะเต็มไปหมดเลย  ไหนจะใต้เตียง ตามกระจงกระจก มีฝุ่นเต็มไปหมด ทำไมไม่ทำความสะอาดบ้างค่ะ  ไอ้คุณ..น้อง...หยก" 

 

"ขี้เกียจ..." คำสั้นๆแต่ให้ความหมายครอบคลุมทุกอย่าง

 

เออ..ดี  สกปรกซกมกอย่างนี้แหล่ะ แฟนเขาถึงได้เอือม ทิ้งหาเมียใหม่!!!

 

"..แล้วนอนเนี่ย ล็อกประตูบ้างมั้ย ห่ะ อย่าคิดว่า หอพักมหาลัยจะไม่มีโจรน่ะค่ะ ทีหลังก็ล็อกประตูด้วย แล้วก็กล่องข้าวเนี่ย กินเสร็จแล้วทำไมไม่ทิ้ง มดขึ้นห้องแล้วเนี่ย"

 

     เจ้าหยกมองรุ่นพี่คนเก่ง ดวงตาแจ่มใส มุมปากขยับขยายกว้างขึ้น

เธอก็เหมือนเด็กสาวมหาลัยทั่วๆไป ที่รักอิสระ ไม่อยากให้ใครมาบ่งการชีวิตของตัว

 

ใส่ใจในเรื่องที่สนใจ แต่ในขณะเดียวกันก็หลบหลีกในเรื่องที่ไม่พึงอยากจะกระทำ

 

ความสวยความงาม คือ สิ่งที่อยู่คู่กับ ผู้หญิง ไล่ตั้งแต่สมัยพระนางคลีโอพัตรามาจนถึงกาลเวลาปัจจุบัน 

 

การตกแต่งร่างกาย แลดูจะสำคัญกว่า ตกแต่งเรือนห้องให้สะอาดกว่าเสียอีก!!!

 

หยกเอียงคอมองดูรุ่นพี่สุดสวยที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บจัดข้าวของต่างๆ

 

ใบหน้าสวยผ่อง ไร้รอยเครื่องประทินผิวใดๆ แก้มทั้งสอง มีสีแดงระเรือเจือติด ดูเหมือนคนที่ใช้บลัชออนแต่งแก้มจนเกือบจะชำนิชำนาญ

 

แต่ในความเป็นจริง.....

 

" โอ้ย...จะแต่งอะไรเยอะแยะ  ใช้แค่ครีมกันแดดก็พอแล้ว อยากผิวขาวแต่ไม่บำรุง  มันก็ขาวซีดเหมือยผีญี่ปุ่นนั้นแหล่ะ"

 

เสียงของหญิงสาวดังก้องอยู่ในโสตสมอง

 

"ผิวขาวก็ไม่ได้หมายความว่าจะผิวสุขภาพดีนะจ๊ะ ไอ้หยก"

 

สุดท้ายแล้ว เธอก็ต้องยอมศิโรราบ เพราะเมื่อใดที่เธอกับรุ่นพี่ออกไปเที่ยวด้วยกัน ทุกคนต่างจับจ้องมาที่สาวร่างสวยรวยเสน่ห์คนนี้ทุกครั้งไป

 

หยกลอบมองมุมใบหน้าด้านข้างของหญิงสาวที่ยืนเยื้องอยู่ไม่ไกล เงาของแสงแดดยามเย็นตกกระทบรับกับรูปหน้า เรียว..สวย

 

ขนาดผู้หญิงด้วยกัน เวลายิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว  แล้วผู้ชายเล่าจะรู้สึกแบบไหนที่ได้เห็นผู้หญิงสวยยืนอยุ่ในระยะเกือบประชั้นชิดขนาดนี้

 

น่าแปลก....ที่ผู้หญิงก๋ากั่นแบบนั้นกลับมีของดีติดตัว

 

แต่ทำไมถึงไม่ยอมเอาออกมาใช้สักทีน่ะ

 

จะเก็บความสวยเอาไว้รอแตะชายคานรึไงกัน?

 

"หยก อ่ะ นี้ถุงขยะ เอาไปทิ้งข้างล่างน่ะ เดี๋ยวพี่จะไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน"

 

"นัดผู้ชายไว้รึ?"  ถามไปทั้งๆที่รู้ดีว่า  มันคงเป็นไปไม่ได้

 

"ไม่ได้นัดเว้ย วันนี้เกรดพี่ออก พี่ได้........"

 

"โอเคค่ะ  หยกรู้ล่ะ  พวกเพื่อนๆของพี่ฟางจะลากไปเลี้ยงข้าวอีกล่ะสิ"

 

"对了(ตุ้ย เล่อ) ใช่ค่ะ คุณน้อง" 

 

หญ้าฟางยิ้มให้รุ่นน้องจอมขี้เกียจก่อนจะรีบจัดแจงวางกระเป๋าลงบนโตีะ พร้อมหมุนตัวรื้อค้นเสื้อผ้าในตู้ของตน

 

ส่วนเจ้ารุ่นน้องก็เดินหิ้วถุงขยะออกจากห้องไปพลางฮัมเพลง หนูน้อยรักถังข้าวสาร อย่างอารมณ์ดี

 

 

" ... Ru guo zhen de you yi tian     ถ้าเกิดว่าสักวันหนึ่ง

Ai qing li xiang hui shi xian           รักนี้จะสมหวังดั่งใจปราถนา

Wo hui jie bie nu li hao hao dui  Ni yong yuan bu gai bian 

ฉันจะคอยดูแลเธอให้ดีที่สุด ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

Bu guan lu you duo me yuan       ไม่ว่าหนทางจะไกลซักเพียงใด

Yi ding hui rang ta shi xian          ฉันก็จะทำให้ฝันครั้งนี้เป็นจริง...."

 

ลุงยามที่เดินผ่านไปและยิ้มให้เป็นการทักทายก่อนจะเดินเข้าป้อมยาม ซึ่งเจ้าหยกก็พอจะเดาออกได้ว่า ลุงยามแกคงจะเข้าไปงีบหลับเหมือนอย่างเคย

ร่างอนงค์ทรวดทรงเท่าไหปลาร้าเดินกลับเข้ามาในตัวตึกอีกครั้ง แล้วหยุดอยู่ตรงกล่องใส่จดหมายของแต่ละห้อง

 

" เอ๊ะ..1503 มีจดหมายด้วยเหรอ...ค่าไฟป่าวหว่า?"  

หญิงสาวหยิบซองสีน้ำตาลที่เขียนจ่าหน้าซองถึงใครบางคนขึนมาอ่านพลางยิ้มกริ่มในใจ

 

 เออ  ดี....นึกว่า จะไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วยซะแล้ว

 

ยังไม่หมด.....ยังมีกล่องพัสดุที่ว่างอยู่ข้างๆอีกด้วย

 

เจ้าหยกเดินผ่านห้องน้ำรวม เห็นหญ้าฟางกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดเสื้อเชิ้ตสีเขียวทับกับเสื้อยืดสีเหลือง กางเกงยีนส์ตัวโปรด มัดรวบผมจนศรีษะตึง

แต่ถึงกระนั้น ผู้หญิงสวยๆแบบหญ้าฟางนอกจากชุดนักศึกษาแล้วคงจะเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นเธอใส่กระโปรงพริ้วๆ สวยๆ ออกไปเที่ยวข้างนอก 

 

"แหม่ะ อยากเห็นพี่สาวใส่กระโปรงออกไปเที่ยวบ้างจัง"

 

"อย่าได้คิด ว่าจะเห็นพี่ใส่กระโปรงออกไปข้างนอก ถ้าจะได้เห็นคงเป้นตอนที่พี่บวชชีนั้นล่ะ"

 

" พูดไปนั้น  หยกกลัวว่า พระท่านจะอยู่ไม่สงบสุขซะมากกว่า"  

 

" ไอ้นี้...เล่นพระเล่นเจ้า ระวังนรกจะกินหัว" 

 

"อ้าวว แล้วที่พี่ฟางเล่นแม่ชีล่ะค่ะ ไม่บาปเหรอ?"  

เจ้าหยกรีบหลบฝ่ามือมฤตยูได้อย่างรวดเร็ว หญ้าฟางหัวเราะเสียงดังก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

 

" ฉันไม่เข้าใจจริงๆ  คนรอบตัวฉันทำไมมีแต่พวกกวนประสาทเก่งกันเหลือเกิน พอแล้วๆ พี่จะรีบลงไปข้างล่าง"

 

"พี่ฟางจะไปแล้วเหรอ?"

 

"เบื่อแกฉิบ.." หางเสียงล้อเลียนจนละม้ายคล้ายจะจริง พาลให้คนฟังหน้าบูดบึ้งไปเสีย

 

"ว่าจะลงไปคุยกับป้าแมวที่โรงอาหารก่อน เดี๋ยวเพื่อนจะมารับฉัน"

 

เท้าทั้งสองเริ่มเขยื้อนขยับ หากแต่ดวงเนตรคู้สวยเหลือบไปเห็นซองสีน้ำตาลที่ติดมือมันมา  

 

เจ้าหยกก้มลงมองแล้วยื่นให้เธอทันที

 

" อะไร?  หิ้วกล่องอะไรมาล่ะนั้น?"

 

"ก็ของพี่หนิ ใครจะไปมีญาณทิพย์มองทะลุเข้าไปในกล่องได้ล่ะคร้าา คุณพี่"

 

หญ้าฟางเม้มปาก หางตาเชิดขึ้น คล้ายจะหาเรื่องอยู่หน่อยๆ

 

ตบหัวให้พรก่อนนอนสักป๊าบ จะได้หยุดเฉาะเลาะข้ามหัวรุ่นพี่เสียที

 

ดีที่เป็นคนรู้ใจ อยู่ด้วยช่วยกันมาตั้งแต่แรกเริ่มพบเจอ

 

ถ้าเป็นคนอื่น ป่านฉะนี้มีหวังกระโดดฟรีคิกส์หัวบุบให้ตายกลางห้องไปนานแล้ว

 

เจ้าหล่อนมองซองสีน้ำตาลพลางทำท่าครุ่นคิด คล้ายหยั่งใจตน.......

 

'ค่อยกลับมาอ่านก็ได้  คงไม่ใช่เรื่องด่วนอะไรหรอกมั้ง'  

 

เสียงของใจที่สั่งให้หล่อนต้องทำตาม ก่อนจะเปิดปากเอ่ยสั่งรูมเมทรุ่นน้องทันที

 

"งั้นก็เก็บไว้ให้ดีๆน่ะ ห้ามหายล่ะ เดี๋ยวพี่กลับมาเปิดอ่าน" 

 

หญ้าฟางหมุนตัว วิ่งลงบันไดด้วยกิริยาผาดโผนตามแบบฉบับของเธอเอง

 

อาบน้ำแล้ว สบายตัว สดชื่นดีจริง

 

สายลมอ่อนๆปะทะเข้าตัว ทำให้รู้สึกเย็นวาบแปลกๆ

 

เข้าหน้าหนาวแล้วสินะ 

 

ฤดูของการมองหาใครซักคนมาเป็นหุ่นนิ่งให้ซบอิงไหล่

 

แต่เธอไม่มี และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะมีใครยอมเอาไหล่มาซบแนบหัวเสียที

 

" ก็เลือกมากเองนี้หว่า จะเอาให้เลอเลิศเหมือนพระเอกในนิยายเลยรึไง หล่อ หรู ดูไฮโซ อย่างงั้นรึ?"

 

เสียงไอ้เผือกดังแว่วๆเข้าหู 

 

ตามมารังควาญเสียจริง....พูดยังกะมันมีจนต้องชี้นิ้วเลือกซะ

 

แล้วจะมีหรือไม่มีมันไปหนักหัวใครซะเมื่อไหร่เล่า? 

 

อากาศยิ่งหนาว  ความร้อนรุ่มในใจกลับมากมายจนรู้สึกพิลึกกล

 

เดือนธันวา หวนคืนมาให้ใจเหงา...

 

เวลาอันเปล่าเปลี่ยว  

 

ใช่ว่าหล่อนจะไร้หัวใจ

 

อากาศหนาวทำให้รู้ ว่าเธอยังมีไอละอุ่นร้องร่ำอยู่ใต้ทรวง

 

บทเพลงหนึ่ง แทนใจซึ่งที่โหยหา 

 

ความเหงากรายเยี่ยมวนเวียนมา

 

หล่อนรู้ค่า...ว่าความเหงานั้น เป็นฉันใด 

 

"  deng xia tian deng qiu tian deng xia ge ji jie  

   เฝ้ารอฤดูร้อน เฝ้ารอฤดูใบไม้ร่วง เฝ้ารอฤดูกาลต่อไป

   yao deng dao yue liang bian quan     รอจนกว่าจันทราจะเต็มดวง

   ni cai hui lai dao wo shen lian             เธอจึงจะมาอยู่เคียงข้างฉัน

   bu qian shou ye ke yi man bu feng xiang yu xue 

   แม้ไม่จับจูงมือ ยังเดินทอดน่องผ่านลมฝนพายุเหน็บหนาวได้

   bu neng xiang jian ye yao zhao si mu nian   แม้ไม่พบหน้า ยังพะวงหาทุกเช้าค่ำ"

 

  เสียงเพลงยังคงบรรเลงผ่านรูปปากเรียวงาม

 

  ถึงแม้จะไม่เสนาะเพราะพริ้ง...........แต่ความจริงมักซ่อนเร้นอยู่ในบทเพลงเสมอ

 

ไม่มีใครล่วงรู้ความหมายของเพลง

 

เธอร้อง เพราะเธอมิอาจรู้

 

หล่อนจักต้องร้องเพลงแก้เหงาไปอีกนานเท่าใด

 

สวรรค์เท่านั้น...ที่รู้คำตอบของเธอ! 

 

จบตอนที่สอง


 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา