Castlevania - The Rancor's Funeral

10.0

เขียนโดย xanxussama1010

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 14.22 น.

  13 ตอน
  4 วิจารณ์
  14.55K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 14.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่ 3 - เก็นยะ อาริคาโด้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            “เก็นยะ…อาริคาโด้งั้นเหรอ…?”

            หนุ่มผมดำยาวพูดออกมาลอยๆ ในห้องเรียน เวลาในตอนนี้คือ 10.30 น. ซึ่งในห้องของเขากำลังเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งปกติเขาต้องตั้งใจเรียนและคอยจดโน้ตในสิ่งที่สำคัญ แต่เนื่องจากตอนนี้ หนุ่มผมดำที่เป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนกำลังมีเรื่องที่สำคัญกว่าการเรียนให้ครุ่นคิด เขาจึงไม่ได้สนใจที่อาจารย์กำลังบรรยายเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหันมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วคิดถึงเรื่องเหตุการณ์ที่ผ่านมาวนเวียนไปมาแทน

 

            --ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 9 ชั่วโมงที่แล้ว—

            “อืม…อา…”

            หนุ่มผมดำค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาหลังจากการนอนหลับอันยาวนาน

            “ที่นี่มัน…?”

            เขาค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งก่อนที่จะเอามือขยี้ตาแล้วเริ่มมองไปรอบๆ บรรยากาศในห้องที่ปกคลุมไปด้วยความมืดเป็นการบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ในห้องนั้นไร้ซึ่งแสงจากหลอดไฟใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงแสงจันทร์สลัวๆ ที่ส่องผ่านทางหน้าต่างเท่านั้น ทำให้หนุ่มผมดำมองเห็นอะไรไม่ค่อยชัดนัก

            “….อืม…สวิตซ์ไฟ….เอ้ะ…?”

            หนุ่มผมดำที่มองเห็นไม่ค่อยชัดตัดสินใจที่จะลุกจากเตียงเพื่อไปหาสวิตซ์ไฟ แต่แล้วมือขวาของเขาก็บังเอิญไปสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง ซึ่งมีลักษณะเป็นลูกๆ และมีสัมผัสนุ่มนิ่มราวกับมาร์ชเมลโล่

            “อะไรล่ะเนี่ย…?”

            เขาขยับมือไปมาสัมผัสสิ่งนั้น แล้วพยายามใช้สายตาเพ่งมองว่ามันคืออะไร ผ่านไปประมาณ 10 วินาที เขาก็ได้คำตอบที่ทำให้ตัวเองถึงกับตกใจจนร้องออกมา…

            “ว้าก~~~~~~~!!!”

            เพราะเขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าเพื่อนสาวคนสนิทนั้นนอนอยู่ข้างๆ มาตลอด แล้วในตอนนี้ มือขวาเจ้ากรรมก็ดันไปสัมผัสตรงหน้าอกหน้าใจของเธอพอดีอีกต่างหาก! ชายหนุ่มรีบชักมือออกมาอย่างลนลานจนหงายหลังร่วงจากเตียงไปกระแทกพื้นเต็มๆ

            “อืม…ไวเวิร์น….ตื่นแล้วเหรอ…?” ซากุระที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วหันมามองข้างๆ

            “ต…ตื่นแล้วๆๆๆ!!” ไวเวิร์นรีบลุกจากพื้นปีนกลับขึ้นมาบนเตียงมาทันที

            “เอะอะซะดังเลย….เกิดอะไรขึ้นเหรอ…?” ซากุระลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ตาอย่างงัวเงีย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ตัวเรื่องเหตุการณ์เมื่อกี้เลยแม้แต่น้อย

            “หวา!!! ม…ไม่มีอะไร!! ไม่มีอะไร!!” ไวเวิร์นแกว่งมือปฏิเสธไปมาอย่างลนลาน

            “งั้นเหรอ….” ซากุระทำหน้ามึนงงอยู่ซักพักก่อนที่จะบิดขี้เกียจเพื่อคลายความงัวเงีย “เดี๋ยวฉันเปิดไฟให้นะ” เธอลุกจากเตียงแล้วเดินไปทางผนังห้องพลางคลำหาสวิตซ์และเปิดไฟในห้อง

            “อุ้บ~!” ไวเวิร์นเอามือบังตาตัวเองเนื่องจากสายตาปรับตัวไม่ทันจากการที่ปริมาณแสงในห้องเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน พอผ่านไปซักประมาณ 30 วินาที เขาก็เอามือลงแล้วมองไปรอบๆ ห้อง เค้าจำห้องนี้ได้ดี เพราะเขาเองก็เคยเข้ามาในห้องนี้หลายครั้ง เตียงนอนที่ปูด้วยผ้าปูเตียงสีส้มลายมาสคอตรูปหมีที่แสนจะน่ารักและเป็นที่นิยมในหมู่เด็กผู้หญิง ชั้นหนังสือทำจากไม้ที่มีทั้งหนังสือเรียน หนังสือนิยายต่างๆ และหนังสืออื่นๆ จัดเรียงตามประเภทอย่างเป็นระเบียบ ชุดโต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งทำการบ้านที่หนังสือและอุปกรณ์การเรียนวางอย่างเรียบร้อย ไม่ผิดแน่ ที่นี่คือห้องส่วนตัวของซากุระนั่นเอง

            “ชั้นมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง…?” ไวเวิร์นกุมขมับพลางพยายามนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

            “ก็ไวเวิร์นน่ะสิ ต้องหลับไปตั้งสามวันจากการฟื้นตัวอะไรนี่แหละ จะปล่อยให้นอนกับพื้นหรือโซฟาก็กลัวจะเป็นหวัด เลยพามานอนบนเตียงของฉันซะเลยน่ะ” ซากุระเดินกลับมานั่งลงข้างๆ หลังจากเปิดไฟเรียบร้อยแล้ว

            “งั้นเหรอ…? นี่ชั้นหลับไปสามวันเลยเหรอเนี่ย…?” ไวเวิร์นนึกทวนเหตุการณ์ก่อนที่จะหลับ เขาพอจำได้ลางๆ ว่าพยายามถามถึงข้อสงสัยทั้งหมดกับชายในชุดคลุม แต่ยังไม่ทันได้รู้อะไรเลย จู่ๆ เขาก็รู้สึกวูบลงไปอย่างควบคุมไม่ได้ขึ้นมากะทันหัน

            “ …เอ้ะ…เดี๋ยวก่อนนะ…”

            ไวเวิร์นที่ดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้หันมามองหน้าสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ ทันที

            “ชั้นหลับไปสามวัน…แล้วเธอก็พาชั้นมานอนที่เตียงของเธอตั้งแต่ตอนนั้น…ง…งั้นก็…ม…หมายความว่า…” ไวเวิร์นพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก ใบหน้าเริ่มมีเหงื่อไหลออกมาเล็กน้อย “ส…สามคืนที่ผ่านมา…ธ…เธอนอนกับชั้น…ง…งั้นเหรอ….?”

            “เอ๋…? ก็ใช่น่ะสิ…ทำไมเหรอ…?” ซากุระถามถามกลับพลางเอียงคอมองอีกฝ่ายอย่างงงๆ

            “ป…เปล่า!! ม….ไม่มีอะไรๆ!!!” ไวเวิร์นรีบหันหน้าไปอีกทาง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเหมือนลูกมะเขือเทศ ถึงแม้ว่าไวเวิร์นจะเป็นคนเข้มแข็งที่สามารถผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาได้ แต่ยังไงเขาก็เป็นชายหนุ่มผู้บริสุทธิ์กับเรื่องแบบนี้ธรรมดาๆ คนนึง เมื่อรู้ว่าตัวเองเพิ่งจะนอนกับผู้หญิงมาตลอดทั้งสามคืน ก็ย่อมที่จะเกิดอาการแบบนี้เป็นธรรมดา ถึงแม้คนที่นอนด้วยจะเป็นคนที่สนิทกันมาเกือบสามปีก็เถอะ

            “? เป็นอะไรเหรอ…? สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย…” ซากุระกระเถิบเข้าไปใกล้เพื่อไปดูอาการอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วงเป็นใย

            “เอ๋!? ป…เปล่า!! ช…ชั้นสบายดี!!” ไวเวิร์นส่ายมือปฏิเสธอย่างลนลาน ก่อนที่จะหาเรื่องเบี่ยงประเด็นในทันที “เอ่อ…จ…จริงสิ!! ล…แล้วชายคนนั้นล่ะ!?”

            “เอ๋? เขากลับไปตั้งแต่ตอนที่ไวเวิร์นหลับไปแล้วล่ะจ้ะ อ้ะ! จริงสิ! เขาฝากอะไรไว้ให้ก่อนไปด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันไปเอามาให้นะ”

            ซากุระลุกขึ้นแล้วเปิดประตูออกจากห้องไปเพื่อไปเอาสิ่งนั้นมาให้ ไวเวิร์นถอนหายใจอย่างโล่งอกทันทีที่เห็นเธอลับหลังไป

            “ถ้าชั้นเจอเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ชั้นว่าซักวันนึงชั้นต้องเผลอควบคุมตัวเองไม่ได้แน่เลย….” ไวเวิร์นบ่นกับตัวเอง ถึงเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนสาวของตนเป็นประเภทใสซื่อกับเรื่องพวกนี้ก็เถอะ แต่ถึงขนาดนอนกับเขาสามคืนโดยไม่รู้สึกอะไรเลยนี่มันก็ออกจะเกินไปหน่อยนะ

            “ว…ว่าแต่ว่า…” หนุ่มผมดำค่อยๆ ยกมือขวาของตัวเองขึ้นมาตรงหน้า ใบหน้าของเขาเริ่มกลับเป็นสีแดงก่ำอีกครั้ง

            ”น…"นิ่มดีจังนะ….”

            สัมผัสอุ่นๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วยังคงหลงเหลืออยู่ที่มือข้างนั้น ในสมองของเขาเองก็ยังคงมีภาพติดตาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีหลงเหลืออยู่เช่นกัน ถึงแม้ตอนนั้นแสงจะน้อยจนมองเห็นไม่ค่อยชัด แต่เขาก็ยังจดจำรายละเอียดช่วงนั้นได้เป็นอย่างดี ร่างของเพื่อนสาวผู้ใสซื่อในชุดนอนสีฟ้าที่กำลังหลับสบาย กระดุมเม็ดบนหลุดออกมาจนเห็นเนินอกเล็กน้อยโดยไร้ซึ่งชุดชั้นในบังทัศนวิสัย ขนาดหน้าอกประมาณคัพบี ซึ่งเป็นขนาดที่สมส่วนกับรูปร่างแถมยังช่วยเพิ่มเสน่ห์ทางร่างกาย โดยเมื่อรวมเข้ากับสัมผัสอันอบอุ่นที่ยังไม่จางหายแล้ว ก็ทำให้พระเอกผู้บริสุทธิ์ของเราถึงกับเหม่อลอยแล้วจมกับภาพติดตานั้นไปถึงหลายนาทีเลยทีเดียว~~

 

            “ไวเวิร์น~~~~~~!!!”

            “แว้ก~~~~~~!!!!!”

            ซากุระที่ไม่รู้ว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ตะโกนข้างหูไวเวิร์นดังลั่น ทำเอาเจ้าหนุ่มลามก เอ้ย เจ้าหนุ่มผู้บริสุทธิ์ที่กำลังเพลิดเพลินกับภาพในสมองต้องสะดุ้งและหงายเงิบร่วงลงไปกับพื้นอีกครั้ง

            “ย…อย่าทำให้ตกใจสิ…” ชายหนุ่มผู้สติกลับเข้าร่างปีนกลับขึ้นมานั่งบนเตียงอีกครั้ง

            “ก็ฉันเรียกไวเวิร์นตั้งหลายทีแล้ว ไวเวิร์นก็ไม่ยอมตอบรับเลยนี่นา…ไม่สบายรึเปล่า…?” เพื่อนสาวมองด้วยสายตากังวล

            “ม..ไม่ๆๆ! ชั้นสบายดีๆ! ว…ว่าแต่…ของที่ว่าล่ะ!?” ไวเวิร์นหาเรื่องเบี่ยงประเด็นอีกครั้ง

            “อ้ะ! น…นี่จ้ะ”

            ซากุระยื่นซองจดหมายสีฟ้าให้ ไวเวิร์นรับมันมาแล้วแกะออกดู ภายในซองนั้นมีกระดาษอยู่แผ่นเดียวพับอยู่ข้างใน พอคลีการดาษแผ่นนั้นออกมาดู ก็พบข้อความเขียนด้วยลายมือที่ดูเป็นระเบียบอ่านง่าย เนื้อความในกระดาษนั้นมีอยู่ดังนี้

 

            ก่อนอื่นผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่สามารถบอกในสิ่งที่คุณอยากรู้ในตอนนี้ได้ แต่อย่างน้อยผมก็สามารถบอกเรื่องเล็กน้อยสองสามเรื่องผ่านทางจดหมายนี้ได้อยู่ครับ

            เรื่องแรก ของที่ผมมอบให้คุณไปนั้น ขอให้พกติดตัวไว้ตลอด อย่าได้ห่างตัวนะครับ นับจากนี้ คุณจะต้องเจอเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องใช้มันอีกนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้น เพื่อให้คุณสามารถต่อกรกับอันตรายที่เข้ามาหาคุณได้ตลอดเวลา  ขอให้พกมันไว้ด้วยครับ

            เรื่องที่สอง พยายามอยู่ให้ใกล้กับ ซากุระ คุรุสุ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้นะครับ เพราะว่าเธอเป็นเป้าหมายของพวกนั้น ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่าพวกนั้นจะลงมืออีกเมื่อไหร่ ขอให้ระวังตัวไว้ด้วยนะครับ

            และสุดท้าย สิ่งที่คุณอยากรู้ทั้งหมด ชายที่มีนามว่า “เก็นยะ อาริคาโด้” สามารถที่จะให้คำตอบคุณได้ครับ  ไปพบกับเขา แล้วคุณจะรู้ถึงสิ่งที่คุณสงสัย และสิ่งที่คุณควรทำต่อไปครับ ไม่จำเป็นต้องถามนะครับว่าเขาอยู่ที่ไหน เพราะในเร็วๆ วันนี้ คุณจะได้พบกับเขาแน่นอนครับ

            ยามที่เวลาต้องการ เราคงได้พบกันอีกครับ

 

            “เก็นยะ…อาริคาโด้งั้นเหรอ…?” ไวเวิร์นอ่านทวนชื่อที่รู้สึกว่าไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย “รู้จักรึเปล่า ซากุระ?”

            เขาหันไปมองเพื่อนสาว แต่เธอเองก็ได้แต่ส่ายหน้าเช่นกัน

            “เก็นยะ…อาริคาโด้….” ไวเวิร์นอ่านทวนชื่อที่เป็นเบาะแสเพียงอย่างเดียวอีกครั้งด้วยแววตาจริงจัง

 

             “เก็นยะ…อาริคาโด้…”

            ไวเวิร์นพึมพำชื่อนี้ขึ้นมาอีกครั้งในห้องเรียน ในตอนนี้ เขาต้องการที่จะพบคนคนนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่จะได้รู้ถึงคำตอบของสิ่งที่ค้างคาอยู่ในหัวเขาซักที แต่เนื่องจากว่าเขาไม่มีเบาะแสอื่นอยู่เลยนอกจากชื่อ ทำให้เขาทำได้แค่เพียงเฝ้ารอ รอให้ถึงเวลาที่จะได้พบ ตามที่ชายปริศนาเขียนไว้ในจดหมายเท่านั้น

            แต่แล้ว ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขาลืมเรื่องที่คิดวนเวียนอยู่ในหัวไปซะสนิท

 

            “!! นั่นมัน!!”

            ไวเวิร์นลุกขึ้นตะโกนดังลั่นพร้อมเอามือตีโต๊ะเรียนอย่างแรงหลังจากได้เห็นสิ่งหนึ่งผ่านทางหน้าต่าง ทำเอานักเรียนคนอื่นและอาจารย์ในห้องสะดุ้งและหันมามองเขาเป็นตาเดียว

            “อ…อัลเดน่าคุง…เป็นอะไร…”

            “ขอโทษนะครับ!! วันนี้ผมขอตัวกลับก่อนครับ!!”

            “เอ๋!? ด…เดี่ยวก่อน!!? อัลเดน่าคุง!?”

            ไวเวิร์นรีบคว้ากระเป๋าสะพายแล้ววิ่งพรวดพราดออกไปจากห้องทันที โดยไม่ได้สนใจอาจารย์ที่พยายามทักท้วงและเพื่อนร่วมห้องที่มองอย่างงุนงงเลย

            “ไม่ผิดแน่…ต้องเป็นพวกสิ่งนั้นแน่ๆ!!” ไวเวิร์นเร่งสปีดเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก เนื่องจากต้องการที่จะไล่ตามสิ่งที่เห็นจากทางหน้าต่างให้ทัน ใช่แล้ว เจ้าฝูงสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์ผสมกับอีกาที่บินผ่านหน้าประตูโรงเรียนไปนั่น จะต้องเป็นพวกนั้นแน่นอน

            “โธ่เว้ย!! ไปทางไหนแล้วเนี่ย!?”

            ไวเวิร์นหันมองรอบๆ อย่างร้อนรนหลังจากที่ออกมาถึงตรงบริเวณทางแยกแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตสีดำที่บินผ่านหน้าเขาไปอยู่เลย แต่แล้ว…

 

            เปรี้ยง!!

            จู่ๆ ก็เกิดฟ้าผ่าขึ้นมาขึ้นมาทางตะวันตกเฉียงเหนือห่างออกไปประมาณ 100 เมตร นับจากที่จุดที่ชายหนุ่มยืนอยู่

            “ตรงนั้นเรอะ!?” ไวเวิร์นที่เห็นปรากฏการณ์นั้นตัดสินใจวิ่งมุ่งหน้าไปตรงจุดนั้นอย่างไม่ลังเล เพราะการที่จู่ๆ ก็มีฟ้าผ่าลงมาในเมืองทั้งๆ ที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน มันต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขากำลังไล่ตามอยู่แน่

            และแล้ว…สิ่งที่เขาคิดไว้ก็ถูกต้องซะด้วย…

 

            เขาหยุดวิ่งเมื่อมาถึงลานกว้างขนาดใหญ่ที่อยู่กลางเมือง เบื้องหน้าของเขานั้น มีมนุษย์อีกาอยู่นับหลายสิบตัวบินกันอยู่ทั่วบริเวณนั้น แต่ละตัวมีความสูงประมาณสองเมตร ร่างกายปกคลุมไปด้วยขนนกสีดำทั่วตัว ปีกขนาดใหญ่สองข้างซึ่งมีขนาดกว้างข้างละประมาณห้าเมตรกระพืออย่างไม่หยุด จงอยปากสีดำที่แหลมมากจนดูเหมือนว่าจะสามารถเจาะทะลุเนื้อหนังได้ มือและขาที่งองุ้มและเต็มไปด้วยเล็บที่แหลมคมดั่งอีกา  นับว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งถ้าต้องต่อสู้ด้วย

            แต่ทว่า…ตรงหน้าของเขา ก็ไม่ได้มีแต่สัตว์ประหลาดกลุ่มนี้เท่านั้น แต่กลับมีมนุษย์กลุ่มนึงอยู่ด้วย!!

 

            “หน่วยปืน ยิง!!”

            เปรี้ยงๆๆๆ!!!

            คนจำนวนสิบกว่าคนที่ถืออาวุธปืนอยู่เล็งยิงพวกมนุษย์อีกาบนฟ้าหลายตัวจนร่วงลงมาแล้วสลายหายไปกับพื้นตามคำสั่งของชายผู้หนึ่ง ชายคนนั้นดูจากภายนอกแล้วน่าจะอายุประมาณสามสิบต้นๆ ผมดำขลับเป็นมันเรียบยาวถึงประมาณคอ สวมชุดสูทสีคำทั้งตัว นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนแสดงออกถึงความเป็นผู้นำและไร้ซึ่งความหวาดกลัวต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทำให้สามารถรู้ได้ในทันทีว่าเขาเป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้แน่ๆ

            “ตรงทิศ 2 นาฬิกา ป้องกัน!!”

            “บาเรีย system ON!!”

            ชายในชุดสูทคนเดิมสั่งการอีกครั้ง คราวนี้คนกลุ่มหนึ่งได้กางสิ่งที่ดูเหมือนโล่สร้างบาเรียขึ้นมาป้องกันขนนกจำนวนมากที่มนุษย์อีกาฝูงหนึ่งสะบัดปีกปล่อยออกมา

            “หน่วยเวทย์มนต์!! ตอนนี้ล่ะ!!”

            “Lighting Bolt!!”

            ชายชุดสูทคนเดิมสั่งการอีกครั้ง คราวนี้คนกลุ่มหนึ่งที่อยู่แนวหลังก็ร่ายเวทย์สายฟ้าใส่มนุษย์อีกาจนร่วงลงมาอีกสิบกว่าตัว

 

            “ส…สุดยอด…”

            ไวเวิร์นที่เห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้าถึงกับยืนอึ้ง ทั้งการโจมตี การป้องกัน และการประสานงานนั้นทำได้อย่างเยี่ยมยอด คนกลุ่มนี้เป็นใครกันนะ ทำไมถึงต่อสู้กับสัตว์ประหลาดพวกนี้ได้ขนาดนี้

            “หืม?” ผู้สั่งการในชุดสูทหันไปเห็นหนุ่มผมดำที่ยืนอึ้งอยู่ใกล้ๆ “เขตอาคมกันคนนอกหลงเข้ามาคลอบคลุมไม่ทั่วถึงเหรอเนี่ย….ให้ตายสิ…”

            เขาบ่นอย่างไม่ค่อยพอใจนักก่อนที่จะหันไปทางชายคนนึงทางขวามือซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นลูกน้องของเขา

            “ฝากสั่งการแทนชั่วคราวด้วย”

            เขาออกคำสั่งก่อนที่จะเดินออกไปหาเด็กหนุ่มผู้ที่เขาเห็นว่าเป็นคนนอกที่หลงเข้ามา

            “ที่นี่มันอันตรายนะ รีบออกไปซะเถอะ” เขาพูดกับไวเวิร์นที่ยังยืนอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ อย่างไม่วิตกกังวลอะไร

            “เอ้ะ? อ้ะ? ค…คือว่า…” ไวเวิร์นที่เพิ่งสังเกตเห็นถึงชายชุดสูทตรงหน้าตัวเองอ้ำอึ้งอย่างประหลาดใจ

            “ชั้นรู้ว่าสิ่งที่นายเห็นมันคงน่าประหลาดใจไม่น้อย แต่ว่าตอนนี้ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายสมควรจะอยู่ รีบๆ…”

            “บอส!! อันตราย!!”

            เสียงของลูกน้องคนนึงตะโกนลั่น ชายชุดสูทหันหลังกลับมาตามเสียงเตือน และเขาก็ได้พบกับขนนกสีดำจำนวนมากที่ถูกปล่อยมาจากฝูงมนุษย์อีกา 5-6 ตัว โดยมีเป้าหมายอยู่ที่เขา ในขณะที่ขนนกกำลังจะเข้าถึงตัวนั้น…

 

            “ย้าก~~~~~~~~~!!!”

            ชายหนุ่มผู้หลงทางใช้มือซ้ายคว้าแส้จากกระเป๋าสะพายแล้วเข้ามายืนบังร่างสวมชุดสูทก่อนที่จะควงแส้เป็นวงกลมป้องกันขนนกเหล่านั้นเอาไว้ได้

            “!! น..นั่นมัน…” ชายในชุดสูทมองอย่างประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงตรงหน้า

            “ย้าก~~~~~~~~~~~!!!”

            ไวเวิร์นวิ่งออกไปตามสัญชาตญาณ เขาตวัดแส้ไปรัดกิ่งไม้ของต้นไม่ใหญ่ที่อยู่สูงจากพื้นประมาณ 7 เมตร จากนั้นจึงอาศัยแรงดึงจากแส้ดึงตัวเองลอยขึ้นไป ทำให้ร่างของหนุ่มผมดำพุ่งเข้าไปหาฝูงอีกากลางเวหาซึ่งตอนนี้เหลืออยู่เพียงแค่ 5-6 ตัวเท่านั้น

            “จงลุกไหม้….Holy Fire!!”

            เพียะๆๆๆๆ!! ฟู่ววว!!

            ไฟสีฟ้าลุกไหม้ท่วมตัวมนุษย์อีกาเหล่านั้น พวกมันบินแตกฝูงอย่างทุรนทุรายก่อนที่จะไหม้สลายหายไปกลางอากาศ ส่วนผู้ใช้แส้ที่อยู่กลางอากาศ เมื่อจัดการกับศัตรูตรงหน้าเรียบร้อย ก็รีบตวัดแส้ไปหากิ่งไม้อีกครั้ง แล้วลงสู่พื้นอย่างไร้บาดแผล

            “ความสามารถแบบนั้น…เป็นไปไม่ได้น่า….” ชายชุดสูทจ้องมองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตาไม่กระพริบ ก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าไปหา

            “แส้นั่น…ไปเอามันมาจากที่ไหน…?” ชายชุดสูทถามอย่างตรงไปตรงมา แววตายังคงจับจ้องอย่างไม่กระพริบเช่นเดิม

            “เอ้ะ…อ้ะ…ค…คือ…คนคนนึง…เอามามอบให้ผม…” ไวเวิร์นอ้ำอึ้งอย่างตั้งตัวไม่ทันก่อนที่จะตอบคำถามออกมาอย่างงงๆ

            “ใครกันงั้นเหรอ…?”

            “ม…ไม่รู้…เขาไม่บอกชื่อ…แล้วก็ไม่เปิดเผยหน้าตา…”

            “…ทางเราต้องการที่จะนำสิ่งนั้นไปตรวจสอบ ช่วยกรุณาส่งมอบมันให้กับทางเราด้วย…” ชายชุดสูทพูดแล้วยื่นมือขวามาข้างหน้า

            “ด…เดี๋ยวก่อนสิ!!” ไวเวิร์นรีบเอามือที่ถือแส้หลบไปข้างหลังทันที เขาเพิ่งจะรู้จักกับชายตรงหน้าเพียงแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเอง ชายคนนี้เชื่อใจได้แค่ไหนก็ยังไม่รู้ แถมยังมีเรื่องคำเตือนในจดหมายที่ให้พกติดตัวเอาไว้ไม่ให้ห่างตัวอีก เลยทำให้ผู้ใช้แส้ย่อมระแวงกับชายตรงหน้าเป็นเรื่องปกติ

            “ไม่ต้องระแวงไปหรอก” ชายชุดสูทกล่าวอย่างเรียบๆ ทันทีที่เห็นท่าทางของอีกฝ่าย ”ทางเราก็แค่….”

            “บอส! ประธานาธิบดีของบราซิลติดต่อเข้ามาขอเจรจาเรื่องกองทุนสำหรับคลังอาวุธครับ” ลูกน้องคนนึงเข้ามาขัดหวะและรายงานข่าวที่เพิ่งได้รับมาให้กับผู้เป็นบอส

            “เข้าใจแล้ว…” ชายชุดสูทหันไปมองคนบอกข่าว “ฝากติดต่อกลับไปว่า อีก 15 นาที เก็นยะ อาริคาโด้ผู้นี้จะเข้าไปเจรจาเอง”

            “รับทราบครับ!!” ลูกน้องตอบรับก่อนที่จะเดินกลับไปแจ้งกับคนส่งข่าว

            “ด…เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณคือเก็นยะ อาริคาโด้งั้นเหรอ!?” ไวเวิร์นมองชายตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ถึงเขาจะคิดว่าอยากเจอเร็วๆ ก็เถอะ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่ามันจะบังเอิญได้ขนาดนี้

            “หืม…? ใช่…ชั้นนี่แหละ เก็นยะ อาริคาโด้ ว่าแต่…รู้จักชั้นด้วยเหรอ…?” เก็นยะมองอย่างสงสัย เขาแน่ใจว่าเขาไม่เคยเจอชายหนุ่มตรงหน้ามาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

            “…คุณอาริคาโด้…ผมยอมให้คุณยืมสิ่งนี้ชั่วคราวก็ได้…” ไวเวิร์นยื่นมือซ้ายที่กำแส้ออกมาตรงหน้าพลางจ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจัง “แต่ว่า…ผมมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรนิดหน่อย…”

            “….ทำไมพวกเราไม่เริ่มจากหาที่นั่งกันก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องรายละเอียดกันล่ะ…”

 

            --เวลา 16.00 น. ที่โรงเรียน—

            “แล้วเจอกันวันจันทร์น้า~”

            “จ้า~ โชคดีน้า~”

            สาวน้อยผมสีน้ำทะเลกล่าวทักทายเพื่อนร่วมห้องก่อนที่จะเปิดประตูห้องออกไปเพื่อที่จะมุ่งหน้ากลับบ้าน แต่แล้ว….

            “อ้ะ…ไวเวิร์น…?” เธอประหลาดใจเล็กน้อยที่เพื่อนชายคนสนิทของเธอมายืนรอเธอถึงหน้าห้อง

            “ไง~ เพิ่งทำเวรเสร็จเหรอ? เหนื่อยหน่อยนะ” ไวเวิร์นกล่าวทักทายอย่างปกติ

            “หายไปไหนมาน่ะ!?” เธอโวยวายพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ “จู่ๆ ก็ส่งเมลล์มาบอกว่าวันนี้ไม่มากินข้าวเที่ยงอย่างกะทันหัน พอไปถามที่ห้องก็มีแต่คนบอกว่าไวเวิร์นพรวดพราดออกไปตั้งแต่ตอนสิบโมง ฉันเป็นห่วงมากเลยนะ!!”

            “จ…ใจเย็นๆ ก่อนสิ…พอดีว่า….เกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะ…” ไวเวิร์นประหลาดใจที่จู่ๆ เพื่อนสาวก็โวยวายใส่ตัวเอง แต่ก็พยายามพูดให้อีกฝ่ายใจเย็นลง

            “เรื่องอะไรงั้นเหรอ!? สำคัญถึงขนาดผิดนัดกับฉันโดยไม่บอกกล่าวกันก่อนเลยงั้นเหรอ!?”

            “ก…ก็บอกให้ใจเย็นๆ ก่อนไง…ด…เดี๋ยวชั้นจะอธิบายให้ฟังระหว่างทางกลับบ้านน่า…”

            “…ก็ได้ๆ…” ซากุระที่ยอมใจเย็นลงบ้างพูดขึ้น ”แต่ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นล่ะก็…ฉันจะไม่ทำข้าวให้ไวเวิร์นกินเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์!!”

            ซากุระหันหลังให้ชายหนุ่ม ก่อนที่จะออกเดินไปอย่างงอนๆ ไวเวิร์นถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าก่อนที่จะวิ่งตามไปเดินข้างๆ แล้วเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาให้ฟัง

 

            “ถ้าอย่างนั้น…ไวเวิร์นก็เลยตกลงยอมมอบแส้อันนั้นให้คุณอาริคาโด้ไปตรวจสอบ โดยแลกกับข้อมูลที่ไวเวิร์นต้องการสินะ” ซากุระกล่าวสรุปหลังจากฟังเรื่องที่ไวเวิร์นเล่ามาตลอดทางจนจบ

            “อื้ม เพราะงั้น ชั้นก็เลยคอยจนถึงเวลาเลิกเรียน เพื่อให้ซากุระได้รู้เรื่องด้วยน่ะ” ไวเวิร์นตอบ

            “เอ๋!? งั้นหมายความว่า…ตอนนี้คุณอาริคาโด้ก็กำลังรออยู่ที่บ้านฉัน เพื่อที่จะรอคุยเรื่องนั้นกับพวกเราน่ะเหรอ!?” ซากุระพูดขึ้นหลังจากที่ฟังเรื่องราวจนจบ

            “อื้ม แล้วเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ก็ต้องยอมให้องค์กรเขาตรวจสอบเจ้านี่ด้วยน่ะ” ไวเวิร์นหยิบแส้ในกระเป๋าสะพายออกมาชูให้ดู

            “งั้นเหรอ…” ซากุระพูดก่อนที่จะหันไปก้มหน้ามองพื้นด้วยแววตาที่ดูกังวล

            “ซากุระ…เป็นอะไรไปเหรอ…?” ไวเวิร์นถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนสาว

            “…นี่…ไวเวิร์น…” ซากุระเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม “ความจริงที่พวกเรากำลังจะได้รับรู้นี่…จะทำให้ชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เปลี่ยนไปรึเปล่า….?”

            “ซากุระ….” ไวเวิร์นนิ่งเงียบและจ้องมองแววตาของเพื่อนสาว เขานั้นเข้าใจความรู้สึกของเธอดี พวกเขาทั้งสองจะต้องพบเจอกับอะไรต่อไปก็ยังไม่รู้ แต่สิ่งที่พอคาดเดาได้ก็คือ ชีวิตประจำวันแบบคนปกติทั่วไปของพวกเขา อย่างการนั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นั่งกินข้าวด้วยกัน คอยติวหนังสือให้กัน ชีวิตแบบนี้คงจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ไวเวิร์นจ้องมองดวงตาสีมรกตที่แฝงไปด้วยความเศร้าและความกังวลนั้นพลางพยายามคิดหาคำพูดที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรต่อนั้น…

            “เธอคนนั้นคงจะเป็นซากุระ คุรุสุสินะ”

            เสียงพูดของบุคลที่สามก็เข้ามาขัดจังหวะ ทั้งสองคนหันไปมองตามเสียงก็พบกับชายในชุดสูทกำลังยืนอยู่บริเวณโทริอิของศาลเจ้าฮาคุบะ

            “คุณอาริคาโด้ ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ” ไวเวิร์นกล่าวเชิงขอโทษกับคนตรงหน้า

            “คุณคือเก็นยะ อาริคาโด้สินะคะ” ซากุระมองร่างของายชุดสูทตรงหน้า ก่อนที่จะโค้งคำนับให้อย่างนอบน้อม “ซากุระ คุรุสุค่ะ”

            “ถ้าอย่างงั้น…ไปกันเถอะ” เก็นยะกล่าวแล้วหันหลังให้ทั้งสองคน

            “เอ๋…? ไป…? พวกเราไม่ได้จะคุยกันที่นี่เหรอครับ…?” ไวเวิร์นมองชายในชุดสูทอย่างงงๆ พลางชี้ไปทางศาลเจ้าฮาคุบะ

            “เรื่องที่เราจะคุยกันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรให้คนนอกได้ยิน จึงต้องเปลี่ยนสถานที่คุยกันนิดหน่อยน่ะ”

            เก็นยะพูดแล้วยกแขนซ้ายขึ้นมาขนานกับอก พร้อมจ้องมองไปยังสิ่งที่ดูเหมือนนาฬิกาข้อมือ ซึ่งรัดอยู่ที่แขนข้างนั้น

            “นี่เก็นยะ อาริคาโด้ รหัสการใช้งาน ALC ขออนุญาตใช้งาน warp gate สู่สำนักงานใหญ่ VADET ด้วย”

            สิ้นสุดคำพูดนั้น เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา ตรงหน้าของทั้งสามก็ปรากฏสิ่งหนึ่งขึ้นมา สิ่งนั้นคือประตูสีเงินลักษณะโค้งขนาดใหญ่ ที่บานประตูมีตัวหนังสือสีแดงเขียนสลักไว้ว่า “VADET” จากนั้นบานประตูทั้งสองก็เปิดออก เบื้องหลังบานประตูนั้นมีแสงสว่างสีทองฉายออกมาจนไม่อาจมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในได้

            “ประ…ประตูนั่นมัน…อะไร…” ไวเวิร์นเอ่ยปากถามและมองประตูที่โผล่มาตรงหน้าอย่างพูดไม่ออก โดยมีซากุระที่กอดรัดแขนขวาของชายหนุ่มอย่างไม่มีท่าทีว่าจะปล่อย ดูเหมือนเธอเองก็ตกใจกับภาพประตูที่โผล่มากะทันหันไม่น้อยเช่นกัน

            “ไม่ต้องตกใจไป ประตูนี้จะนำพาเราไปยังสถานที่ที่คุยกันได้สะดวกน่ะ” เก็นยะหันหน้ามาหาทั้งสอง ก่อนที่จะเดินตรงไปยังประตูที่สาดแสงสีทอง แล้วเดินเข้าประตูหายไปยังเบื้องหลังแสงนั้น

            “พ…พวกเราเองก็ไปกันมั่งเถอะ…” ไวเวิร์นหันมามองซากุระที่ยังคงกอดแขนเขาอยู่

            “อ…อื้ม!”

            ไวเวิร์นเดินไปยังประตูนั้น โดยมีซากุระที่ยังคงเกาะแขนนั้นตามมาด้วย ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่หน้าประตูแล้วหันไปสบตากับเพื่อนสาว ทั้งสองคนจ้องตากันอยู่ประมาณ 5 วินาที ก่อนที่จะพยักหน้าพร้อมกันแล้วเดินผ่านบานประตูจนหายไปหลังแสงนั้น หลังจากที่ทั้งสามเข้าไปเรียบร้อยแล้ว บานประตูทั้งสองก็ค่อยๆ ปิดลงก่อนที่ประตูนั้นจะค่อยๆ เลือนลางจนหายไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา