[The Doppelganger] เงาลวงร่าง

4.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 09.42 น.

  4 ตอน
  23 วิจารณ์
  6,875 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 10.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่ ๓: เด็กชายสีเทากำลังทำเรื่องไม่ดี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

  บทที่ ๓

 

               “ฉันอยากไปเรียน”

                จู่ๆ เจ้าดอปเปลแกงเกอร์ก็กล่าวขึ้นในขณะที่อ่านหนังสือเรียนของผมโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง ผมถอนหายใจก่อนจะกล่าว “คงไม่ได้หรอก นายเองก็ไม่มีประวัติในโลกนี้นี่ จะให้สร้างเรื่องมันก็ทำไม่ได้หรอกนะ ของแบบนี้ต้องทำตั้งแต่เกิดถึงจะใช้เป็นข้อมูลไปสมัครเข้าเรียน”

                “ฉันจะไป”

                “อย่าดื้อนักสิ นายอยู่บ้านก็ดีแล้วนี่ ไปโรงเรียนมันไม่สนุกหรอกนะบอกไว้ก่อนเลย ต้องมาทำงาน นั่งฟังครูสอน แต่ถ้าเกิดไปเล่นกับเพื่อนฉันก็พอพานายไปได้นะ” เจ้าดอปเปลฯ ละสายตาจากหนังสือมามองผมด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา ผมนิ่งไปราวกับถูกสะกด สักพักเขาก็ถามขึ้น

                “น่าเบื่อขนาดนั้นเชียวเหรอ?”

                “ใช่ น่าเบื่อมากๆ” ผมยืนยันอย่างหนักแน่น ใจหนึ่งก็หวังดีแต่อีกใจก็กังวลว่าหากเจ้านี่มันไปด้วยก็ไม่รู้ว่าจะสร้างความวุ่นวายไหม ทางที่ดีขังไว้ในบ้านจะดีที่สุด

                “…” เขาไม่พูดอะไรอีก กลับไปอ่านหนังสือดังเดิม ผมถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย จะเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือก็นึกอะไรได้จึงกล่าวทำลายความเงียบ “นายยังไม่มีชื่อนี่ ฉันว่าตั้งชื่อก่อนดีกว่านะ เพราะจะเรียกกันแบบนี้มันก็ลำบาก เอาชื่ออะไรล่ะ ฉันตั้งให้ไหม” ผมถามในขณะที่ใช้ความคิดในการสรรหาชื่อให้มัน

                “อืม”

                “แกงเขียว”

                “ฮะ?” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอุทานอย่างตื่นๆ ขัดกับบุคลิกที่ดูจะเย็นชา ผมนึกขบขันในใจเกือบจะหลุดหัวเราะด้วยซ้ำ ถ้าเกิดไม่ติดว่าเห็นปืนน่ะนะ

                “นี่ของโปรดฉันเลยนะ”

                “แล้วมันเกี่ยวกับอะไรกับชื่อที่จะตั้งให้ฉัน?” ใบหน้าเรียบเฉยติดเย็นชาเริ่มมีร่องรอยความฉงนปนหงุดหงิด ผมยืดอกเสมือนว่าตนเองเหนือกว่าทั้งๆ ที่ในใจกลัวปืนของอีกฝ่าย “ในเมื่อนายคือเงาของฉัน มีในสิ่งที่ฉันชอบมันแปลกเหรอ?”

                “…” ดวงตาฉายความเบื่อหน่าย บอกว่าระอากับผมและไม่อยากอธิบายให้ผมฟังเป็นการแก้ เขากลับไปอ่านหนังสืออีกครั้งโดยที่หันร่างไปอีกทาง คงจะรำคาญผมสินะ

                “แกงเขียว!” ผมตะคอกเรียก มันได้ผล เจ้าดอปเปลฯ หันมาด้วยสีหน้าที่บอกว่าถ้าพูดอีกทีร่างกายผมสีรูพรุนเพราะลูกกระสุนแน่ จากที่ผมปั้นหน้าบึ้งตึงก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเหยๆ ด้วยความหวาดหวั่น

                “ขอโทษนะ… เอ่อ ตกลงนายยอมแล้วใช่ไหม?”

                “อยากเรียกก็เรียกไปเถอะ แต่ถ้านายแนะนำฉันให้คนอื่นด้วยชื่อนี้ นายตายแน่” น้ำเสียงเริ่มแสดงความอำมหิตจนผมขนลุกเล็กน้อย ผมส่งยิ้มแห้งๆ ให้โดยที่เจ้าตัวหันกลับไปอ่านต่อ ส่วนผมเองก็ไปนั่งทำการบ้านบนโต๊ะเขียนหนังสืออย่างเงียบๆ

                เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งถึงกลางคืน ตอนนี้เวลาประมาณ ๒ ทุ่ม ซึ่งได้เวลาอาหารที่บ้านผมแล้ว ผมเงยหน้าจากสมุดที่เขียนอยู่ไปมองเจ้าแกงเขียว (ชื่อของเจ้าดอปเปลแกงเกอร์ที่ผมตั้งให้) สังเกตถึงหนังสือที่เจ้าตัวอ่านอยู่ก็เห็นว่าเขาอ่านเล่มอื่นแล้วล่ะ ผมมองเขาเงียบๆ ก่อนจะถามขึ้นทำลายความเงียบที่ปกคลุมห้องอยู่

                “หิวยัง? จะได้ไปทำอะไรให้กิน”

                “นิดหน่อย แต่กินเลยก็ได้” เขาตอบก่อนจะปิดหนังสือลง แล้วลุกขึ้นเดินมาหาผม ผมลุกจากเก้าอี้ก่อนจะนำเขาไปที่ห้องครัว เมื่อมาถึงผมก็บอกให้เขานั่งก่อนจะลงมือทำอาหาร

                “ให้ฉันช่วยไหม?”

               จู่ๆ เขาก็ถามจากด้านหลังโดยที่ผมไม่รู้ตัว ผมที่กำลังตอกไข่ใส่ถ้วยก็สะดุ้งจนเผลอไข่ตกแตกที่พื้น ผมมองมันก่อนจะหันไปมองตัวต้นเหตุที่ตอนนี้ยิ้มมุมปากเล็กน้อย …หนอย! นั่นมันส่วนผสมที่เรากำลังจะทานนะ ยังทำเป็นเล่นอีก ผมนึกด้วยความเคืองพลางหยิบผ้ามาเช็ด สักพักเจ้าแกงเขียวก็นั่งคุกเข่าแล้วช่วยผมเก็บเปลือกไข่โดยที่ไม่ขอโทษ ผมพยายามไม่ใส่กับเจ้าแกงเขียวเพราะรู้ตัวว่าทะเลาะไปฝ่ายที่แพ้ก็คือผมเอง

                น่าเจ็บใจนัก!

                “นี่ เจ้าแกงเขียว”

               ผมเรียกในขณะที่เก็บผ้าแต่พอหันไปหาอีกฝ่ายก็เผลอกลั้นหายใจ …ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่าหน้าที่หันไปนั้นมันอยู่ในระยะประชิดกับใบหน้าของเจ้าแกงเขียวน่ะสิ! ไม่ได้ห่างกันสองนิ้วด้วย แต่จมูกมันชนกันเลยต่างหาก ดวงตาสีเทาที่ยากจะคาดเดาสบตากับผมนิ่งๆ ผิวขาวที่ออกซีดนั้นยิ่งทำให้ดูไม่มีชีวิตชีวา มือที่ขาวซีด แห้งและเย็นของเขายื่นมาทาบอกของผมก่อนจะปลดกระดุมเม็ดหนึ่งแล้วล้วงเข้าไปทาบกับอกที่ภายใต้นั้นหัวใจกำลังเต้นแรง ผมไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกอย่างไร ที่รู้ๆ มันเต้นแรงมาก ใบหน้าและร่างบางส่วนก็ร้อนอย่างน่าประหลาด ยิ่งพอผ่านยอดอกนี่ไม่ต้องพูดถึง อีกฝ่ายลูบไปมาจนเมื่อพอใจแล้วถึงเอามือออกโดยที่ผมยังคงนั่งนิ่งๆ ดวงตาเบิกค้างเพราะตกตะลึง

               “อุ่น… รู้สึกหลังๆ นี่จะร้อนขึ้นด้วยนะ” พอเจ้าแกงเขียวกล่าวขึ้นด้วยเสียงเรียบ ผมก็ได้สติ ผมไม่รอช้าตวาดถามทันทีโดยที่ใบหน้ายังคงร้อนอยู่

               “เมื่อกี้ทำอะไรของนายน่ะ!”

               “แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าร่างกายเจ้าของเงาจะอุ่นไหม”

               “ทำแบบนี้ลวนลามชัดๆ” ผมกล่าวแล้วหันหน้าหนีพลางติดกระดุมเสื้อก่อนจะลุกขึ้นไปทำอาหารต่อ เห็นแวบๆ ว่าอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นตามโดยไม่เดินไปนั่ง ผมเสียวๆ บอกไม่ถูก กลัวว่าเจ้าแกงเขียวจะทำมิดีมิร้ายอีก …และก็เป็นไปตามคาด เจ้าแกงเขียวเข้ามากอดผม อุณหภูมิต่ำของเขาแผ่ไปทั่วหลังของผมจนรู้สึกขนลุก ผมยืนนิ่งไปกล้าทำอะไรในขณะที่ถือช้อนที่ไว้คนไข่ ไม่กล้าหายใจ บรรยากาศน่าอึดอัดและหวาดผวา ริมฝีปากหยาบแห้งเย็นๆ นั้นไล้ไปตามคอ หัวใจของผมเต้นแรงจนยากจะสงบ

               …นี่ไม่ใช่ว่า… ผมจะเสียความบริสุทธิ์ทั้งๆ ที่เป็นเด็กประถม ถึงจะผู้ชายด้วยกันก็เถอะแต่มันไม่สมควรนะ!

               “หยุดทำอาหารแล้วมาให้ฉันสัมผัสดีกว่าน่า”

               พลั่ก!

               ผมหันไปแล้วผลักเจ้าแกงเขียวออกโดยที่ไม่กลัวว่าเขาอาจจะเอาปืนมายิง ผมเหลือบเห็นว่าในมือเขาถือโซ่อยู่ซึ่งไม่รู้ว่าเอามาจากไหนและหยิบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมมองมันอย่างหวาดหวั่นก่อนจะก้าวเท้าเพื่อวิ่งออกจากห้อง ทว่าไม่เป็นผลเมื่อโซ่พุ่งเข้ามาพันร่างจนเผลอล้มลงไป

               โธ่เอ๊ย! ถ้าติดว่าไม่อยากมีประวัติไม่ดี ฉันหยิบมีดมาฟันแกแน่!

               เจ้าแกงเขียวเดินเข้ามาหาพร้อมกับบรรยากาศน่ากลัว รู้สึกว่าอากาศในห้องหายไป เหงื่อเริ่มไหล หัวใจเต้นรัว ในใจร่ำหาผู้ให้กำเนิดๆ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าทั้งสองท่านไม่รู้ว่าลูกตนเองกำลังตกอยู่ในอันตรายและถึงรู้ก็กลับมาช่วยไม่ทัน แต่อย่างว่าแหละ คนเราพอตกที่นั่งลำบากก็มักจะนึกถึงผู้ให้กำเนิดเป็นส่วนใหญ่โดยหวังว่าจะมาช่วยเราได้

               …เป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ

 

--------------------------------------------------------------------------------------------

              กลับมาแล้วค่ะ

              ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ค่ะ ที่มาเพิ่มช้าจนจะข้ามปี (แถมยังสั้นอีก จริงๆ แล้วเรื่องนี้หนูแต่งเล่นๆ นะคะ เลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่) เนื่องจากไม่ค่อยมีกระจิตกระใจแต่งเรื่องนี้นัก แล้วไปแต่งอีกเรื่องที่แต่งบ่อยๆ บวกกับทำงานอดิเรกแล้วขึ้นมัธยมแล้วเลยไม่ค่อยมีเวลานัก

              มีเรื่องจะบอกค่ะ คำว่า Doppelganger ซึ่งหนูเขียนว่าดอปเปลแกงเกอร์นั้นแล้วมีสมาชิกท่านหนึ่งบอกว่าเขียนผิด จริงๆ มันสามารถเขียนคำอ่านได้ไม่แน่นอนค่ะ จากการที่หนูไปตั้งกระทู้ถามในเว็บเด็กดี ทุกท่านที่ตอบก็ล้วนบอกประมาณว่าเขียนตามที่ตนเองอ่าน ซึ่ง Doppelganger นั้นก็อ่านแตกต่างกันไป เผลอๆ มีแบบตามสำเนียงของแต่ละที่ด้วย ฉะนั้นแล้วก็ต้องใช้แบบนี้ต่อไปค่ะ

 

              ขอบคุณจริงๆ ค่ะ สำหรับทุกท่านที่ติดตามนะคะ

---------------------------------------------------------------------------------------------

             

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา