Love hazard of genius girl รักร้ายของยัยอัจฉริยะ?

7.1

เขียนโดย ME_KnOmwAn

วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.59 น.

  11 chapter
  6 วิจารณ์
  14.05K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557 06.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่ 3. เหตุที่ว่าด้วยความซวย(?)(ep.2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

[Dirfful's side]

 

   หลังจากที่พวกเราเดินลงมาถึงห้องอาหารของคณะฉันก็ต้องตกใจไปนิดหน่อยเพราะไม่ทันสังเกตเลยตั้งแต่เข้าเขตมหาลัยฯมา ว่ามหาลัยฯนี้เองก็ค่อนข้างหรู(??) จริงๆมันหรูมากเลยล่ะดูสิขนาดห้องอาหารคณะยังเป็นห้องกระจกขนาดใหญ่ติดแอร์ด้วยอะ อยู่ๆพี่ทิซที่ลากแขนฉันอยู่ก็ปล่อยมือลงแล้วเดินมาขอบัตรประจำตัวของแต่ละคนก่อนจะเดินเอาไปให้ยามที่ยืนอยู่ โห้ววว!! มีเครื่องสแกนบัตรเข้าด้วยอ๊ะจะหรูไปไหนเนี่ย เมื่อยามรับไปแล้วก็สแกนให้พวกเราแล้วประตูก็ถูกเปิดออก มันเป็นประตูอัตโนมัติที่ต้องให้บัตรสแกนผ่านอื้มหรูหรา และพอเดินเข้ามาข้างในเท่านั้นแหละกินอาหารก็ลอยมาเตะจมูกฉันอย่างจัง ภายในห้องอาหารนี้ถูกจัดไปด้วยบูทอาหารที่มีมากกว่าสิบบูท บูทเครื่องดื่มอีกประมาณเจ็ดบูทและบูทของเบเกอรี่อีกสามบูท บร๊ะเจ้า!! พอมองไปยังบูทเบเกอรี่นั้นก็พบแต่ขนมเค้ก ขนมปัง และเบเกอรี่อีกมายมาก อร๊ายยยย!! อยากกรีดร้อง คุณใช่ไหมว่าฉันเป็นพวกบ้าของหวานขนาดไหน ถ้าเป็นอาหารกับเบเกอรี่ฉันสามารถกินได้ไม่รู้จักอิ่มเลยล่ะ //เรียกง่ายๆว่ากระเพราะควาย(??) ยิ่งฉันเป็นพวกกินแล้วไม่อ้วนนี้มันยิ่งทำให้ฉันสามารถยัดของพวกนั้นลงท้องได้อย่างไม่เกรงกลัวอะไรเลยล่ะ ฮ่าๆๆ แต่เหมือนฉันจะหยุดยืนอยู่ตรงนั้นนานเกินไปพี่ทิซที่เดินไปนั่งที่โต๊ะประจำแล้ว?? เลยเดิมกลับมาลากแขนฉันให้เดินตามอย่างเร็ว เรามาถึงที่โต๊ะประจำที่พี่ทิซว่า เป็นโต๊ะริมกระจกวิวดีมองทะลุกระจกใสออกไปมองข้างนอกได้อย่างชัดเจน แถมแถบริมกระจกเองก็มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้น แต่อีกโต๊ะนึงมันห่างไกลออกไปอยู่มากเจ้าของโต๊ะริมกระจกอีกฝั่งนั้นเป็นกลุ่มผู้ชายประมาณห้าคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ ช่างเถอะกลับมามองขนมเราต่อดีกว่าจะกินอันไหนดีน๊าเวลาเดินไปเลือกจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ฮริๆๆ  ๆ

 

 " แหมๆ มองตาเยิ้มเลยน๊าซายด์เนี่ยชอบขนมขนาดนั้นเลยหรอ " จู่ๆ พี่ทิซก็พูดขึ้น

 

 " ครับแบบว่า...ยังไงดีล่ะ ก็ตอนอยุ่ที่บ้านผมก็เข้าครัวทำเองกับคุณแม่อยู่บ่อยน่ะครับแล้วก็เคยไปเรียนทางด้านนี้มาด้วยนะ จนตอนนี้ก็คิดสูตรของตัวเองได้ตั้งหลายสูตร " ฉันพูดขึ้น ก็แฮงล่ะสิ!! ถ้าทำไม่เป็นหรือไม่ชอบฉันคนนี้จะได้ทำงานเป็นเซฟอาหารและเบเกอรี่หรอค่ะ

 

 " ห๊ะ! ไอ้ซายด์นี่มึงเข้าครัวทำขนมแดรกเองด้วยหรอวะ ไม่แมนเลยนะมึง " พี่ฮ็อกพูดขึ้นอย่างล้อเลียน

 

 " เออแมร่ง!! ใช่กูเห็นด้วยกับไอ้ฮ็อกนี่มึงเนี่ยทำอย่างกับพวกตุ๊ดแต๋วแตกเลยวะ " พี่กรีนเสริมทัพฉันเคยบอกรึป่าวว่าไอ้พวกพี่ๆเนี่ยมันโคตรจะกวนบาทาฝ่าเท้าเลยล่ะบางทีนิเคยคิดว่าอยากจะกระทืบพวกพี่ๆมันให้จมดินไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดกันไปเลย แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบหรือเถียงอะไรเพียงแค่ตีหน้านิ่งเหมือนปกติก็พอ

 

 " เราว่าน่ารักดีออกน๊าผู้ชายเข้าครัวเนี่ย >//< " พี่ทิซเอ่ยชมพร้อมกับยิ้มเขินๆ

 

 " กูว่าวันนี้กลลุ่มพวกเราแมร่งฮอตผิดปกติ...แมร่งหันไปดูนั้นดิ๊!! " พี่ทิส์มที่สลืมสลือเริ่มเปลี่ยนประเด็นแล้วหันไปมองรอบๆห้องอาหารที่มีสายตานับร้อยคู่นั้นหันมาจ้องๆมองๆกลุ่มของพวกเราอยู่

 

 " จะไม่ให้ฮอตได้ไง นี่ใครนักศึกษาแลกเปลี่ยนนะเว้ย!! แถมไม่ใช่นักศึกษาธรรมดานะมึงดูหน้าตา สีตา สีผิว สีผม มันดิ๊!! " พี่กรีนพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีแล้วผายมือมาทางฉัน

 

 " ไอ้ซายด์มึงย้อมผมร้านไหนมาวะสีแมร่งเตะตากูซิบหายเลยวะ แล้วคอนแท็คมึงนั้นอีกเอ่อ ยังไม่หมดมึงนี่โคตรอินย้อมขนคิ้วด้วย แถมสีผิวนี่แบบโคตรขาวโอโม่อ่ะ ยิ่งกว่าผู้หญิงอีกนะมึง " พี่ทิส์มเริ่มบ่นยาว

 

 " ป่าวหรอกครับ สีผมนี้ได้พันธุกรรมมาจากคุณพ่อน่ะ พ่อดีคุณพ่อมียีนส์ผมสีฟ้า แม่มียีนส์ผมสีแดง แต่ว่าผมได้พ่อกับปู่มาเต็มๆ " พอฉันพูดแบบนั้นพวกพี่มันก็มองกันตาแบ๊วอย่างงงงวย

 

 " คนห่าเหี้ยไรมึงวะแมร่งมีผมสีฟ้า สีแดง เหอะ " แล้วพี่ทิส์มมันก็บ่นๆแบบอิจฉาเล็กน้อย

 

 " จริงๆแล้วผมก็ไม่ค่อยชอบสีนี้เท่าไหร่นะ พี่คนโตผมนี้หัวเกือบม่วงเข้มเลยล่ะ พี่คนรองงี้ได้แม่มาผมสีแดงสดมากๆอ้ะ ผมเคยแอบอิจฉาแกด้วยแหละเพราะเวลามองๆดูแล้วมันเท่อ่ะ อ๋อแล้วก็มีน้องคนเล็กอีกคนคนนี้ได้แม่เหมือนกันแต่ผมแกออกสีแดงอ่อนจางๆ มีคนเดียวที่สีผมเหมือนกับผมเนี่ยก็คือแฝดพี่ที่เป็นแฝดแท้กับผมเท่านั้นแหละ " ฉันเริ่มหล่ายยาวเมื่อแอบรู้สึกน้อยใจปนอิจฉาที่พวกพี่ๆมันมีผมสีเท่ๆ จริงๆมันก็ไม่ใช่พันธุกรรมบรรพบุตรจริงหรอกนะ พอดีก่อนพวกเราจะเกิดมาประมาณสี่ชั่วอายุของต้นตะกลูเราคือคุณปู่ทวดของทวดๆๆๆๆๆๆ นั้นเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่แตกต่างจากคนทั่วไปเรื่องการศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์และเพื่อให้เกิดความแตกต่างมากขึ้นทวดแกเลยตัดต่อพันธุกรรมของตัวเองพร้อมกับภรรยาและทำพันธสัญญากับตะกูลของคุณแม่ของฉัน ซึ่งตะกูลของคุณแม่ก็ถูกตัดแต่งพันธุกรรมมาเหมือนกันจนมันมาถึงรุ่นพวกเราเนี่ยแหละ

 

 " นี่ไอ้ซายด์มึงมีแฝดแท้ด้วยหรอวะ แถมยังเป็นแฝดพี่?? " พี่ฮ็อกเอ่ยถามอย่างสนใจ

 

 " มีสิเหมือนกันมากจนถ้าเราแต่งตัวเหมือนกันก็ไม่มีใครแยกออกขนาดพ่อกับแม่ยังงงอ่ะ เสียงก็เหมือนหน้าตาก็เหมือน ความสูงก็เหมือน หุ่นก็คล้ายๆ " แต่อีกไม่นานดาร์ฟมันคงจะสูงกว่าแล้วล่ะก็ดาร์ฟมันเป็นผู้ชายนิน๊า

 

 " กูว่างงตายห่าเลย " พี่ทิส์มพูดขึ้น

 

 " อื้มเราว่าจะถามซายด์ตั้งแต่อยุ่บนคลาสล่ะ จริงๆแล้วซายด์ไม่ใช่คนไทยใช่ไหมล่ะดูจากสีผิดดิ๊ขาวผิดธรรมชาติมากอ่ะ " พี่ทิซที่เงียบๆหันมาถามอย่างสนอกสนใจ

 

 " จริงๆผมก็ไม่ใช่คนไทยหรอกครับ เพียงแต่ย้ายมาอยู่ตั้งแต่เด็กๆน่ะ " ฉันว่าต่อ

 

 " แล้วมึงคนที่ไหนวะ " พี่กรีนทำหน้าอยากรู้อยากเห็น

 

 " เป็นโพเพอเรียโบราณอ่ะ แต่สมัยนี้ไม่ค่อยมีแล้วเพราะว่าดันไปแต่งงานข้ามเผาตะกูลผมเป็นตะกูลที่โบราณที่สุดแล้วล่ะเป็นตะกูลหลักอ่ะ " เพราะเป็นตะกูลหลักไงถึงได้โดนปองร้าย เพราะตะกูลรอง นั้นไม่ได้แต่งงานในเผาแต่ไปแต่งกับคนเชื้อชาติอื่น (ปล.**เป็นเผาที่ถูกแต่งตั้งขึ้นตามใจคนเขียน)

 

 " ห๊ะ!! ไอ้ห่าซายด์มึงเป็นโพเพอเรียหรอวะ มึงอย่ามาอำกูนะเว้ย!! " อยู่ๆไอ้พี่ทิส์มมันก็ตะโกนโวยวายซ๊ะดังลั่นจนกลายเป็นจุดสนใจมากขึ้นกว่าเดิมอีกสิบเท่า

 

 " แล้วมึงจะแหกปากไปทำไมวะไอ้ห่าทิส์ม มึงเห็นไหมคนเขาหันมามองกันเต็มหมดล่ะแค่นี้กูก็รู้สึกอึดอัดมากอยู่ล่ะ มึงนี่มันน่าโดนจริงๆ !! " พี่ฮ็อกที่เริ่มรู้สึกอึดอัดด่าพี่ทิส์มรั่วๆ

 

 " เออๆ โทษที ก็กูตกใจอ่ะแมร่งเค้าว่ากันว่าเผานี้อยู่ที่สุดขั่วโลกไม่ใช่หรอวะ กูก็ไม่เคยเห็นตัวจริงแบบเป็นๆเคยเห็นแต่ที่ตายแล้วถูกสตาฟไว้อ่ะกับพวกสารคดีอ่ะ แมร่งเผานี้มีวิวัฒนาการที่ก้าวไกลมากและยังเป็นเผาที่โบราณมากด้วย " พี่ทิส์มพูดออกมาเท่าที่มีความรู้ อื้มมันก็จริงอย่างที่พี่ทิส์มพูดนะ เผาเราเป็นเหมือนอัจฉริยะเลยล่ะ

 

 " กูว่าคนเริ่มซาแล้วว่ะแมร่งไปหาซื้ออะไรมายัดลงท้องดิ๊ " พี่กรีนพูดตัดบทเปลี่ยนเรื่องทันทีที่เห็นหน้าพี่ฮ็อกที่ตีหน้าโหดอยู่

 

 " อื้มๆไปกันเถอะ เฮียฮ็อกกับพี่ทิส์มมาด้วยกันกับทิซเลย มาช่วยทิซถือของดีกว่าให้พี่กรีนมันเฝ้าโต๊ะ " พี่ทิซว่าก่อนจะลากพี่พะหน่อนั้นออกไป

 

 " ไอ้ซายด์ถ้ามึงจะไปซื้อขนมก็ไปได้นะเดี๋ยวกูนั่งเฝ้าโต๊ะเอง " อยุ่ๆพี่กรีนพูดขึ้นมาแต่สายนี้มองหาแต่สาวๆ

 

 " อื้ม งั้นเดี๋ยวผมมาละกัน " ฉันพี่อย่างนั้นก่อนจะรีบเดินไปอย่างอารมณ์ดีเพื่อจะไปซื้อขนมเค้กมาทานสักสี่ห้าชิ้น คิดแล้วก็มีความสุข >///<

 

 

 

 

 

 

 [Fulfel's side]

 

 

  ผมที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนๆอยู่ก็ต้องหันไปมองตามต้นเสียงที่ตะโกนโวยวายเสียงดังเหมือนคนกำลังตกใจอย่างสุดขีดของใครบางคนเสียงนั้นมันคุ้นหูผมมากเลยละพอหันไปมองก็ใช่เลย! มันคือกลุ่มรุ่นพี่วิศวะปีสามที่เคยแกล้งพวกผมตอนรับน้องเฟรซซี่เมื่อปีที่แล้ว เหอะ! นี่พวกมันจะไม่เกรงจงเกรงใจใครเลยงั้นสินะคิดว่าห้องอาหารนี้เป็นของพวกมันคนเดียวหรือยังไงกัน ว่าแล้วผมก็ชายตาไปมองรอบๆโต๊ะนั้นก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับร่างคนใครบางคนที่ดูแปลกตาและไม่คุ้นเอาซ๊ะเลย ทั้งเลือนผมสีฟ้าสว่างที่ยาวระต้นคอนั้น คิ้วโค้งมนติดคมสันเข้มดูเข้ากันดีกับดวงตากลมโตที่แสนจะคมกริบนัยต์ตาสีฟ้าสว่างแกมเขียวน้ำทะเลคู่นั้นขนตาที่มองไกลๆยังรุ้ว่าเป็นแพรยาวนั้นอีก จมูกโด่งเป็นสันเข้ากันดีกับรูปใบหน้าเรียวติดความคมเข้มและริมฝีปากเรียวบางสีแดงอมชมพูและดูสุขภาพดีจนดูน่าจูบ?? เหอะ แล้วยิ่งใบหน้าคมเข้มที่แลดูติดหวานนั้นอีกยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์ดึงดูดทางสายตาและใจได้ของใครๆที่เดินผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี ผมเห็นแอบเห็นทั้งคนที่เดินผ่านและนั่งอยู่นั้นกำลังล้อมมองเข้าคนนั้น?? กันอย่างไม่วางตาบางคนก็มองแล้วซุบซิบอะไรกันคิกๆคักๆก็ไม่รู้ และผมเองก็ไม่รู้ว่าผมนั้นมองเข้าคนนั้น??นานไปหรืออย่างไรเพื่อนของคนสักคนในกลุ่มมันถึงกลับมาสะกิดแขนผมให้กลับไปมองที่โต๊ะตัวเองแต่ผมก็ไม่รู้ว่าใครเพราะผมยังคงมองเขาคนนั้น??อยู่อย่างไม่ว่างตา ไม่สิ! มันละสายตาทิ้งไปไม่ได้ต่างหาก

 

 " ไอ้เฟลมึงจ้องพี่เค้าแบบนั้นมึงไม่เดินไปกลืนกินพี่เค้าเลยวะ  " เสียไอ้ซันพูดขึ้น พี่? นี่ไอ้ซันมันรู้จักเขาคนนั้นด้วยหรอวะ?? ที่เสนอมานั่งกับพวกไอ้พี่ฮ็อก 

 

 " ใครวะ กูเพิ่งเคยเห็น " ผมถามออกไปทั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ พี่? ที่ไอ้ซันมันว่าก่อนจะหันกลับมาเจอสายตาของเพื่อนที่มองผมอย่าง 'มึงไปมุดอยู่รูไหนมาวะ?' 'นี่มึงไม่รู้จริงมึงแกล้งโง่ถามพวกกูวะ?'

 

 " ก็กูไม่รู้จริงๆนี่หว่า พวกมึงจะอะไรกันนักกันหนาวะ แล้วนี่พวกมึงจะบอกไม่บอกห๊ะ!! " ผมขึ้นเสียงพร้อมกับส่งสายตาดุๆไปให้พวกมันทันที อ๋อ กลุ่มผมมีกัน ห้า คน ครับ มีไอ้ซัน ไอ้เซน(คู่นี้มันเป็นฝาแฝดกันก็ไม่ยักกะเหมือนกันเท่าไหร่) ไอ้เทส์ม ไอ้ซอล แล้วก็ผมครับ 'เฟอล์เฟล' พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแล้วล่ะ จนเข้ามหาลัยอยู่ปีสองแล้วพวกเราก็ยังอยู่ด้วยกัน

 

 " นั้นรุ่นพี่รีซายด์ เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากมหาลัยฯ AT อยู่ปีสาม รู้สึกว่าเพิ่งถูกส่งตัวมารายงานตัวเมื่อเช้านี้เอง สาวๆคณะเรางี้กรี๊ดพี่แกตรึมเลยอะ นี่ขนาดเพิ่งจะมาไม่กี่ชั่วโมงนะมึง พวกเค้าฮอตมากอะตอนเนี่ยคนรู้จักกันทั้งคณะแล้วมั้ง " ไอ้ซันมันก็พล่ามๆตามข้อมูลของมันไป ส่วนสายตาของผมก็ยังคงจับจ้องใบหน้านั้นที่กำลังขยับปากพูดอยู่ แต่หูผมก็ยังฟังพวกมันพูดกันนะ แต่รู้สึกเหมือนพี่แกพูดน้อยจังวะ นับคำได้เลยอะ

 

 " กูพี่เค้าโคตรจะน่าจีบอ่ะ พวกมึงคิดเหมือนกูไหม?? " แล้วไอ้เซนก็พูดขึ้น จีบหรอ?? น่าสนจีบนักศึกษาแลกเปลี่ยน แล้วผมก็ต้องเหยียดยิ้มให้กับความคิดที่เพิ่งฝุดมาของตัวเอง เห็นพวกผมหล่อขั้นเทพแบบนี้แต่พวกผมก็เป็นเกย์ไบนะครับ หึๆ แถมยังเป็นกันยกกลุ่มเลยล่ะ

 

 " แต่แมร่งพี่เค้าไม่อยู่กลุ่มกับไอ้พวกรุ่นพี่สุดสยองนั้นได้ยังไงก็ไม่รู้ ดูไม่เข้ากันเลยวะกูว่าถ้ามึงไปจีบพี่เค้ามีหวังมึงจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาได้งง่ายๆแน่!! " แล้วไอ้ซันก็พูดตัดทางของไอ้เซนทันที

 

 " เออ ถ้ากูตายนะมึงก็ต้องตายตามกูไปด้วย เค้าว่ากันว่าถ้าเป็- " และไม่ทันที่ไอ้เซนจะพล่ามเรื่องแฝดที่เคยพูดออกมาประมาณล้านรอบเศษๆได้ ก็โดนไอ้ซอลเอามือปิดปากไว้พอดิบพอดีจนมันโวยวายใส่ไอ้ซอลทันที

 และดูเหมือนพวกพี่ฮ็อกจะลุกไปซื้อของกินกันจนเหลือเพียงแค่พี่กรีนกับพี่รีซายด์ผมก็นั่งใจจดใจจอรอดูว่าพี่เค้าจะลุกรึป่าวและแล้วพี่กรีนก็หันไปพูดอะไรบ้างอย่างกับพี่รีซายด์แล้วพี่รีซายด์ก็ทำท่าจะลุกเดินไปซื้ออะไรสักอย่าง

 " เดี๋ยวพวกขึ้นห้องไปก่อนกูเลยก็ได้นะ แล้วเดี๋ยวอีกแปบกูจะตามขึ้นไป " ผมเอ่ยขึ้นพร้อมกลับทำท่าจะลุกตามพี่รีซายด์ไปแต่ก็ต้องชะงักค้างเพราะไอ้พวกเพื่อนเวรนี่มันเรียกไว้ซ๊ะก่อน

 

 " มึงสนใจในตัวพี่เค้าอ่ะดิ๊มึง " ไอ้เทส์มที่เงียบๆอยู่เอ่ยขึ้น

 

 " ระวังจะไม่ตายดีนะมึง หึ! " ที่มาพร้อมกับคำอวยพรจากไอ้ซอล

 

 " จริงๆกูก็สนพี่เค้านะ แต่กูจะไม่แย่งมึงหรอกกูจะคอยเชียร์อยู่หาง " ไอ้เซนพูดอย่างล้อเลียน

 

 " ถ้ามึงสนใจพี่เค้าจริงๆ เดี๋ยวกูจะช่วยหาข้อมูลให้เองจะได้จีบติด " ไอ้ซันเสนอ

 

 " เอาให้อยู่มือนะมึงกูได้ข่าวมาว่าพี่แกไม่สนใจใครเลย ทั้งหญิงทั้งชาย ยังไงมึงก็ระวังตัวดีๆเพราะเรายังไม่รู้จักพี่เค้าดีพอ " ไอ้ซอลพูดอย่างเป็นห่วงเป็นใย

 

 " ได้เรื่องยังไงมึงต้องขึ้นมาเล่าให้พวกกูฟังนะเว้ย " ไอ้เทส์มพูดเหมือนอยากรุ้อยากเห็น

 

 " เออๆยังไงเดี๋ยวกูจะขึ้นไปเล่าให้ฟังทีหลัง " ผมบอกปัดๆ ก่อนจะเดินตามพี่เค้าไปพอเดินตามหลังแบบนี้รู้สึกว่าพี่เค้าจะเตี้ยไปนะ เอาวะเป็นไงเป็นกันยังไงมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร!! พอคิดได้แบบนั้นผมเลยรีบสาวเท้ายาวๆเข้าไปใกล้ก่อนจะใช้มือหนาจับเข้าที่ไหล่ของพี่เค้าให้พี่เค้าหันมา

 

 

 

 

 

[Dirfful's side]

 

 

    ฉันที่กำลังเดินอย่างอารมณ์ดีเพื่อนจะไปซื้อเค้กมาทานก็ต้องชะงักเท้าอยู่กลางอากาศเมื่อรู้สึกถึงมือหนาที่ถือวิสาสะมาจับไหล่ของฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้หันไปมองเพียงแต่อย่างใด ที่ฉันทำก็เพียงแค่เสตาไปมองด้วยหางตานิ่งๆเท่านั้น แต่แล้วเจ้าของมือหนาก็ทำให้ฉันตกใจ?? ปนอึ้ง?? เจ้าของมือหนาที่หน้าตาหล่อเหลาอย่างมากมากจนไม่คิดว่าจะมาเจออยู่ในที่แบบนี้ แต่เสียดายนะไม่น่าเป็นคนแบบนี้เลยอะ ฉะนั้นฉันจริงหันกลับไปส่งสายตานิ่งเรียบแต่เต็มไปด้วยความดุดันไปให้คนตรงหน้าเป็นการหยั่งเชิงว่า 'มึงต้องการอะไร'

 

 " พี่ชื่อรีซายด์ใช่ไหม? " คำถามที่ถามห้วนๆส่งให้ ก่อนฉันจะปัดมือนั้นออกอย่างแรงแล้วสวนกลับด้วยคำถามและไม่คิดจะตอบคำถามกลับคนตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ

 

 " มีอะไร? " ฉันมองร่างสูงที่สูงกว่าฉันอยู่มากด้วยสายตาเย็นชาแบบปกติถึงคนตรงหน้าจะหน้าตาดีแค่ไหนแต่นิสัยนี้รับไม่ได้เลยอะ!!

 

 " พี่อยู่กลุ่มพวกมันหรอ? " ร่างสูงตรงหน้าโบ้ยนิ้วโป้งไปทางด้านหลังซึ่งตรงกับโต๊ะของกลุ่มพี่ฮ็อกที่เรานั่งกันอยู่เมื่อกี้ ?? 

 

 " ทำไม? " ฉันสวนกลับด้วยคำถามแบบเดิมไปอีกครั้ง ดูท่าทางห่ามๆนั้นสิ ใครเค้าอยากจะมาเสียเวลาคุยกับคนแบบนี้กัน

 

 " ผมขอบอกพี่ไว้นะว่าให้ตีตัวออกมาจากกลุ่มนั่นซ๊ะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน " ดูๆมันดิ๊ นายเป็นพ่อฉันรึไงกันทำมาออกคำสั่ง แล้วนี้ฉันต้องฟังที่หมมอนี้พูดรึป่าวเนี่ย

 

 " ต้องกลัว? " ฉันกำลังเล่นลูกไม้เดิมๆคือสวนกลับไปด้วยคำถามแต่ไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่ายซึ่งเป็นการยั่วโมโหให้อีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี รุ้ได้ไงน่ะเหรอ? ก็ดูหน้าหมอนี้ดิ๊ขึ้นสีเพราะความงุดงิดแล้วอ่ะ

 

 " ผมเตือนพี่ดีๆแล้วนะ ผมชื่อ เฟอล์เฟล อยู่ปีสอง แล้วผมจะรอดูวันที่คนปากเก่งอย่างพี่หงอ " ร่างสูงข้างหน้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปนไปด้วยความโกรธ เหอะ อยู่ปีสอง? ขู่รุ่นพี่? แล้วมาว่าฉันปากดี? มันน่าจับฟาดลงพื้นนัก แต่ก่อนที่อีกคนจะเดินหันหลังจากไปฉันก็เอ่ยเพื่อนลองเชิงฝ่ายตรงข้าม

 

 " ที่มาเตือนนี้ก็เพราะว่านาย...นายแอบชอบฉันอย่างนั้นหรอ " ฉันถามเสียงนิ่งแต่กับทำให้อีกฝ่ายถึงกลับชะงักแต่ก็หันกลับมาประจันหน้ากันอีกครั้ง

 

 " ถ้าผมบอกว่าชอบพี่ล่ะ...พี่จะยอมคบกับผมไหม " แล้วร่างสูงก็ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดจาเสียงยียวน แต่นั้นมันก็ไม่ให้ฉันคนนี้รู้สึกอะไรหรอกนะ เหอะ ผู้ชายหล่อๆสมัยนี้หนีไปเป็นเก้งเป็นกวางเป็นเกย์คิงเกย์ควีนกันหมดแล้วสินะ แย่จริงๆเลย

 

 " หึ! อย่างนายน่ะไม่ใช่สเป็กฉันเลยสักนิด " ฉันพูดจาเหยียดๆออกไปก่อนจะใช้สายตาเหยียดหยันนั้นมองตั้งแต่ใบหน้าหล่อเหลาลงไปจนถึงปลายเท้า

 

 " นี่นาย!! " แล้วร่างสูงตรงหน้าก็กระชากคอเสื้อฉันอย่างแรงจนฉันเซเข้าไปใกล้กับตัวเค้าด้วยความโมโหจัด

 ฉันว่าหมอนี่คงเคยมีเรื่องอะไรกับพวกพี่ฮ็อกแน่เลยไม่งั้นไม่ตามมาลาวีแบบนี้หรอกแต่ว่าขนาดฉันกับพวกพี่ฮ็อกที่ถึงจะเพิ่งรู้จักกันและเรียนอยู่คลาสเดียวกันแต่พี่เค้าก็ไม่ถือวิสาสะมาแตะตัวฉันเลยสักนิดแต่หมอนี้มันไม่ใช่!! เพราะงั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อให้กับคนตรงหน้าเมื่อคิดได้แบบนั้นฉันจึงใช้มือเล็กๆที่แสนจะนุ่มนิ่มของฉันจับที่ข้อแขนของร่างสูงเอาไว้ก่อนจะกดลงตรงเส้นเอ็นที่อยู่ใกล้ๆกับกระดูกอย่างแรงแล้วล็อกแขนนั้นไว้ หึ! สีหน้าแบบนั้นคงจะเจ็บมากสินะ แล้วฉันก็ยื่นขาขวาออกไปเกี่ยวกระเเทกลงที่เอ็นข้อพับขาขวาของร่างสูงทันทียังยังไม่จบหรอกนะ!! ร่างสูงทรุดเข่าขวาลงไปกับพื้นแต่ฉันกลับดึงแขนนนั้นและกระชากร่างสูงให้ลอยข้ามหลังฉันไปทำให้ร่างสูงกระแทกลงกับพื้นห้องทันที อ่อนวะ! ฉันเองก็ต้องต่อสู้เรื่องแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดามากสำหรับฉันเพราะฉันเองก็ถูกฝึกมาเพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกป้องร้าย และเพียงแค่ฉันจับร่างสูงทุ่มลงไปกับพื้นเสียงวี๊ดว๊ายและผู้คนที่แตกตื่นก็ดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูงที่ลงไปนอนเล่นกับพื้นจะส่งเสียงร้องโอดครวญอย่างเจ็บใจและเจ็บปวด

 

 " นายคงเก่งงั้นสินะถึงกล้ามาขู่ผมน่ะ ไอ้หงอเอ้ย!!กับไปฝึกมาใหม่เถอะวะอ่อนสัดๆ!! แล้วก็นะอย่าริอาจมาหาเรื่องฉันถ้านายยังอยากมีลมหายใจเพื่อหายใจทิ้งไปวันอยู่ล่ะก็...อย่ามาหาเรื่องตายก่อนวัยอันควรจะดีกว่า ฉันขอเตือน " ฉันพูดออกไปด้วยเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความร้ายกาจอย่างกินใจก่อนจะสะบัดข้อแขนร่างสูงลงพื้นอย่างไม่ใยดี แล้วดูเหมือนว่าร่างสูงจะเหวอหน้าซีดไปชั่ววูบก่อนนะกลับมาตีสีหน้าแบบโกรธเคือง ...ที่เสียหน้า...ที่โดนขู่กลับซะเอง หรืออะไรก็แล้วแต่ฉันไม่สนใจแล้วเพราะตอนนี้อารมณ์มันเริ่มจะขุ่นๆแล้วอ่ะ ก่อนฉันจะเดินโดยไม่สนสายตาของคนรอบข้างไม่สนร่างสูงที่ยืนขึ้นได้แล้วก็โวยวายเสียงดัง ฉันเดินตรงไปยังร้านเบเกอรี่น่าทานนั้น ก็ได้แค่หวังไว้ในใจว่าหมอนั้นจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันอีก เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่ใช่ฉันที่ทำร้ายหมอนั้นแต่จะเป็นพวกการ์ดที่ยืนดูอยู่รอบนอก พวกการ์ดนั้นเองก็ไม่เคยปราณีใครเลยและนั้นอาจจะทำให้อีกฝ่ายหมดลมหายใจได้ 'ฉันพยายามเตือนนายแล้วนะ นายเฟอล์เฟล' เฮอ!! ขนาดเพิ่งมาวันแรกทำไมมันถึงได้ซวยอย่างนี้นะเนี่ย ต้องไปทำบุญหน่อยไหมเนี่ย!!

 

 

 

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

 ต่อจากที่ตัดจากตอนที่แล้วนะขอรับข้าน้อยก็เลยลงมันซ๊ะเลยทีเดียวสองตอน

 

  ฝากทุกท่านเม้มกันหน่อยนะขอรับข้าน้อยจะได้เอาไปปรับปรุงว่าจะต้องแก้ไขยังไง

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา