คฤหาสน์เร้นรัก [[My Mansion Of Love]]

-

เขียนโดย Murasaki

วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.27 น.

  8 chapter
  3 วิจารณ์
  10.68K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557 19.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) My Secret

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
Part : วานิช
บ้านสวยท่ามกลางสวนดอกกุหลาบหลากหลายสีและบรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ที่ทำให้ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่สวยงามแห่งหนึ่งในสวนวงกต แต่บรรยากาศภายในบ้านหลังนี้ช่างแตกต่างนั่นเป็นเพราะชายหนุ่มสองคนกำลังจ้องหน้ากันไม่วางตา คนหนึ่งจ้องอีกคนด้วยความรู้สึกไม่พอใจ แต่อีกคนกลับจ้องอีกคนด้วยความรู้สึกสบายอกสบายใจจนอีกคนอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้
 
“นี่นายคิดจะทำอะไร? ถึงได้ลวนลามฉันต่อหน้าน้องแบบนั้น ห๊า!” ผมจ้องไปที่ไวท์ที่ตอนนี้นั่งอยู่บนโซฟาแล้วยังจ้องมองมาที่ผม
 
“ก็แค่อยากทำ มีอะไรไหม?” ไวท์ตอบพลางทำหน้านิ่งใส่ผม
 
“เหอะ! ด้วยการลวนลามฉันต่อหน้าคนอื่นเนี่ยนะ ไอ้คนหน้าไม่อาย พื้นซีเมนต์ยังดีกว่าหนังหน้าคนบางคน” ผมพูดพลางทำลอยหน้าลอยตา เหอะๆ ไม่ยอมรับความผิดก็ว่ามันซะเลย
 
“ปากดีแบบนี้ต้องหาอะไรอุดปากซะละมั้ง” ไวท์ยิ้มมุมปากพลางทำสายตาแพรวพราวใส่ผมจนรู้สึกขนลุก แต่ผมก็ยังใจดีสู้เสือยิ้มหวานกลับไปให้ไวท์จนไวท์ต้องมองผมแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย
 
“ถ้าเข้ามาใกล้อีกก้าวเดียวจะต่อยให้ฟันร่วงหมดปากเลย” ผมพูดเสียงเย็นแล้วชูกำปั้นที่กำแน่น แต่ไวท์ก็ทำเพียงยักไหล่ราวกับไม่คิดจะกลัวผมสักนิด ใช่สิ! ไอ้หมาบ้านี่มันมีกำลังมากกว่าผมนี่
 
“ฉันไม่ลงมือต่อยตีกับนายหรอก มีอย่างอื่นให้น่าทำกว่านี้เยอะ” เหอะ! ทำเป็นพูดดีแล้วยังมาหรี่ตามองผมอีก เกลียดไอ้สายตารู้ทันของหมอนี่จริงๆ
 
“อืม! อยากจะเป็นสุภาพบุรุษกับผู้ชายมันก็เรื่องของนาย เพราะอีก  2 วันฉันก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว” ผมพูดเสียงเรียบแล้วหยักคิ้วส่งสายตากวนประสาท ข้าพเจ้าจะไปไม่มีใครมาห้ามได้เฟร้ย!!
 
“จะไปไหน?” ไวท์พูดเสียงเย็นใส่ผมแล้วยังจ้องผมเขม็งราวกับจะกัดผมอย่างนั้นแหละ
 
“เอ้า! ก็ไปจากสวนประหลาดนี่ไง ป่านนี้ครอบครัวฉันเป็นห่วงแย่แล้ว ดีจังที่จะได้กลับบ้านซะที”
 
“อย่าเพ้อฝันว่าจะได้ออกไปตราบใดที่นายยังคงมีสัญญากับฉัน” เหอะ! สัญญาหรอ? ใครสนกันล่ะ ผมยังคงทำหน้าตาสงสัยราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่ไวท์พูดทั้งที่ในใจรู้ว่ามันหมายถึงอะไร
 
“ชิ! สัญญาเป็นโม...” ผมที่กำลังจะทำเนียนยกเลิกสัญญากับไวท์
 
ตึง!
เสียงของไวท์กลายร่างเป็นสุนัขสีดำขนาดปานกลางแล้วกระโดดมาคร่อมตัวผมไว้ ดวงตาสีแดงชานจ้องมองราวกับโกรธแค้นอยากจะจับผมฉีกเป็นชิ้นๆ อย่างนั้นแหละ
 
“คิดจะไปจากฉันมันเร็วไปนะ นายยังไม่ได้ทำตามสัญญาของเราเลย” น้ำเสียงเย็นชาของไวท์ก็ดังอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับแววตาดุดันที่ผมจ้องไม่หลบสายตานั้น ไม่กัดกูเลยล่ะ พ่อคุณ! ไวท์ในร่างสุนัขก้มลงมาแยกเขี้ยว
 
แผล็บ!
“อึย! ปล่อยนะ ไอ้หมาบ้าขี้เรื้อน กล้าดียังไงมาเลียหน้าฉัน” ผมตะโกนร้องโวยวายทันทีที่โดนลิ้นสีแดงนั้นเลียตรงแก้ม อึ๋ย! ผมจะติดเชื้อหมาบ้าไหมเนี่ย!
 
“สัญญาของฉันกับนายมีผลแค่ 1 เดือน แค่นี้ทนอยู่ถึงวันนั้นไม่ได้หรือไง” เสียงไวท์ราวกับจะคำรามออกมา
 
“โอ๊ย! เลิกเอาสัญญาบ้าๆนั่นมาอ้างซะทีเถอะ 1 เดือนของนาย แต่มันเป็น 1 ปีของโลกมนุษย์นะ ใครมันจะไปอยู่นานขนาดนั้น ฉันจะกลับพร้อมเอคิว”
 
“ไม่ให้ไป!” กรร! หนอย! ทำมาเป็นขู่ ไม่กลัวหรอกเว้ย!
 
“ไม่ต้องมาขู่ก็กูจะไป มีอะไรไหม?” ไวท์ในร่างสุนัขสีดำจ้องมองมาในดวงตาของผมด้วยความเศร้าสร้อยก่อนมันจะหายไปกลายเป็นดวงตาแข็งกร้าว แล้วไวท์ก็อ้าปากที่มีเขี้ยวขาวแหลมคมลงมาที่คอของผม
 
งับ!
“อ๊าก! มึงไปฉีดยาเดี๋ยวนี้เลย ไอ้หมาบ้า ใครก็ได้ ช่วยด้วยยย..” ผมโดนมนุษย์หมากัดคอ
 
Part : เอคิว
ควับ! ควับ!
“เฮ้อ!” เมื่อไรน้ำเย็นจะกลับมานะ เป็นห่วงมันจัง
 
ควับ! ควับ!
“เฮ้อ!” น้ำเย็นจะเจอตัวประหลาดในสวนจนช็อกตาตั้งไปหรือเปล่าว่ะ
 
“หยุด! หยุดเดินไปเดินมาสักทีเถอะ  ฉันเวียนหัว” เดอร์มอทพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่เห็นคนตัวเล็กเดินไปเดินมาหลังจากที่ได้สติเต็มตัวแล้ว
 
“เรื่องของนายสิ ฉันจะเดิน นายเกิดมาเป็นขาฉันหรอ?” ผมพูดเสียงเย็นใส่เดอร์มอท แต่เดอร์มอทก็ยังไม่วายส่งสายตาดุดันมาให้ราวกับจะสั่งผมว่า “นั่งลงเดี๋ยวนี้” แต่ผมก็ทำเพียงเมินหน้าหนีไม่สนใจเดอร์มอทอีก
 
“หึ! อวดดีอย่างนี้ไงถึงได้ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน” เสียงเย็นชาดังมาจากเดอร์มอททำให้ผมตัองหันไปสบตาหมอนั่นอีกครั้ง แต่ดวงตาของเดอร์มอทดูแข็งกร้าวราวกับอยากจะฆ่าผมอย่างนั้นแหละ
 
เพล้ง! เฮือก!
ผมสะดุ้งด้วยความตกใจจนต้องเดินถอยหลังออกมาเมื่อจู่ๆก็มีแก้วไวน์สามใบลอยผ่านหน้าไปกระทบกำแพงห้องโถงพร้อมกันเสียงดังจนผมละสายตาจากเดอร์มอท แต่พอมองกลับไปก็เจอเพียงสายตาอ่อนโยนและรอยยิ้มของเดอร์มอทที่ดูขัดกับท่าทางเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ในใจจะสงสัยทั้งคำพูดและดวงตาของเดอร์มอทที่เปลี่ยนไป แต่ผมก็ต้องมาคิดว่า แก้วใบนั้นมาจากไหน? ใช่แล้ว! ผมหันไปมองรอบห้องโถงและทางเชื่อมไปยังห้องต่างๆแล้ว แต่ไม่พบแม้แต่เหงาคนที่ปาแก้วใบนั้นเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่กันแน่นะ
 
“โชคดีที่ไม่โดนแก้วพวกนั้นทำให้เสียโฉมซะก่อนจะได้ออกไปจากที่นี่” น้ำเสียงเย็นของเดอร์มอทปลุกให้ผมออกจากภวังค์แล้วหันไปแสยะยิ้มให้เดอร์มอท
 
“พูดมากว่ะ คนแก่ก็อย่างงี้แหละ”
 
“ชิ ไอ้เด็กปากเสีย” เดอร์มอทหน้าตาบูดบึ้งแล้วก็บ่นพึมพำเหมือนกำลังอวยพรผมอยู่
 
หมับ!
ระหว่างที่ผมกำลังมองเดอร์มอทอยู่ก็รู้สึกมีคนมากอดจากทางด้านหลังแล้วยังรัดตัวผมแน่นอย่างกับงู ใครกล้ากอดกูฟระ!! แล้วผมก็สะบัดตัวออกจากนั้นก็หันไปถวายเรียวขาอันสวยงามและแข็งแรงใส่ลำตัวของคนโรคจิตทันที
 
ผลั้ว!
“โอ๊ย!” เสียงสิงโตหอน(?)
 
“หึ สมน้ำหน้า” ผมพูดแล้วยิ้มเยาะใส่ดาเมียนที่ทำหน้าเหมือนมันเจ็บปวด ไม่ทราบว่ากูเอามีดไปแทงมึงเหรอ?
 
“อึก! ที่รักใจร้าย มันฝึกมวยหรือเปล่าว่ะ เตะมาโคตรเจ็บเลย” ดาเมียนว่าผมด้วยสีหน้าบึ้งก่อนจะพูดพึมพำกับตัวเองเสียงเบา แต่กูได้ยินนะ ไอ้โรคจิต
 
“ตุ๊ดควายก็อย่างงี้แหละ” ผมพูดว่าดาเมียนด้วยความหมั่นไส้
 
“ผมไม่ใช่ตุ๊ดครับ พูดผิดพูดใหม่ได้นะ พิสูจน์กันไหม?” ดาเมียนจ้องหน้าผมด้วยสายตากรุ้มกริ่ม อะไรของมันอีกล่ะ คุณมึงต้องการอะไรจากกูครับ คุณดาเมียน
 
“เชิญคุณมึงไปพิสูจน์คนเดียวเถอะ แล้วเมื่อไรน้ำเย็นจะกลับมาสักทีว่ะ” ผมพูดกับดาเมียนพลางแสยะยิ้มใส่แล้วเมินหน้าให้ดาเมียนที่ทำหน้าหงอย
 
“ไปกินข้าวเถอะที่รัก เดี๋ยวก็มาน่า ซินเนียไปตามให้แล้วนี่” ดาเมียนพูดเสียงอ่อนพร้อมกับส่งสายตาเป็นสิงโตหงอยเหงามาให้ผม น่ารักตายแหละมึง
“งั้นฉันขอตัว” เดอร์มอทที่นั่งเงียบตั้งแต่เหตุการณ์แก้วลอยเฉียดใบหน้าอันหล่อเหลาของผมไปอย่างหวุดหวิดก็เอ่ยขอตัวแล้วเดินขึ้นชั้นสองไปเลย เหอะ! ไอ้ขี้เก๊กเอ้ย ผมหันมามองหน้าดาเมียนที่ตอนนี้ยังคงส่งสายตาหงอยเหงามาให้จนผมอดที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆไม่ได้
 
เพี้ย!
“อูย เจ็บนะครับ เป่าให้หน่อยสิ” ดาเมียนพูดแล้วยกมือลูบหน้าผากตัวเองก่อนจะยื่นหน้าคมนั้นเข้ามาใกล้ผม อึ๋ย! มึงจะทำอะไรกูหรือเปล่าเนี่ย!
 
ผลัก!
“เหอะ! สำออยนะ อยากโดนมากกว่านี้หรือไง ไปกินข้าวกันได้แล้ว” ผมเอามือดันหน้าของดาเมียนสุดแรงจนหมอนั่นเกือบจะหงายหลังแล้วรีบเดินไปทางห้องอาหารทันที ทำไมผมถึงเดินไปห้องอาหารล่ะ? ก็รู้สึกหิวแล้วไง เดี๋ยวน้ำเย็นก็คงมา ผมหวังว่าหมอนั่นจะปลอดภัยไร้สามีกลับมาคฤหาสน์ได้นะ ผมล่ะห่วงมันจริงๆ
 
“ใจร้ายจัง” ดาเมียนรับพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทก่อนจะรีบเดินตามผม
 
ณ ห้องอาหาร
“กินนี่สิ อร่อยนะ ผมทำเอง” ดาเมียนพูดแล้วตักอาหารประเภอผักใบเขียวให้ผมไม่หยุดจนผมอดรู้สึกไม่ได้ว่า ไอ้นี่มันวางแผนจะฆ่ากูให้ท้องแตกตายด้วยผักหรือเปล่า? ถึงได้ตักอาหารให้อยู่
นั่นแหละ ผมจ้องดาเมียนพูดไม่หยุดตั้งแต่เข้ามาให้ห้องอาหาร แปลกคนจริง
 
“ทำไมที่รักไม่กินผักล่ะ จะได้ผิวสวย”
 
“นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย! ทำไมไม่กินข้าวของนายไปซะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใส่ดาเมียนที่ตอนนี้เริ่มจะทำหน้าสิงโตหงอย เอ่อ..มึงต้องการอะไรจากกูครับ สายตาออดอ้อนไม่ต้องส่งมาทางนี้เลยนะเฟร้ย!
 
“เอ่อ..จะว่ายังไงดีล่ะ ก็ที่รักไม่เห็นกินผัก ผมก็เลย..”
 
“หยุด! ดูนี่นะ นี่ปากของผม ท่านยุ่งอะไรด้วยครับ” ผมพูดเสียงเข้มแล้วพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ปากตัวเองพลางขมวดคิ้วจ้องหน้าดาเมียนไปด้วย
 
จุ๊บ!
“ปากสวย นุ่มด้วย”แล้วไอ้ผู้ชายหน้าด้านก็ยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวใส่ผม หนอย! มันอยากได้ฝ่าเท้ามากสินะ
 
“หุบปากเน่าๆ แล้วยัดข้าวใส่ปากไปเลยนะ” ผมจ้องเขม็งไปที่ดาเมียนด้วยความโมโหก่อนจะทำเมินหน้าหนีแล้วตักข้าวกินต่อราวกับหูหนวกตาบอดไม่เห็นหรือไม่ได้ยินคนที่นั่งทำหน้าบูดแล้วบ่นพึมพำไปด้วย เอ๊ะ! ไอ้นี่มันนั่งด่ากูหรือเปล่าว่ะ? ผมชำเลืองไปมองก็เห็นดาเมียนยังคงจ้องผมกินข้าวก่อนจะเริ่มกินข้าวของตัวเอง แต่ก็ไม่วายส่งสายตาราวกับน้อยใจกัน มันบ้าหรือเปล่า?
 
“มองอะไร? อยากจะมีเรื่องกลางโต๊ะอาหารว่างั้นเถอะ” ผมหันไปจ้องดาเมียนอย่างท้าทาย เอาสิ! วันนี้กูต้องได้กินข้าวอย่างสงบสุขเว้ย!
 
“..........” อ้าว! มาทำเงียบขรึมอะไรตอนนี้ว่ะ ดาเมียนยังคงจ้องผมแล้วทำหน้าบูดขึ้นเรื่อยๆ คือตอนนี้คิ้วเริ่มขมวดเป็นปมยิ่งกว่าเดิมแหละ ผมผิดอะไรครับ?
 
ง่ำ ง่ำ
ใครสนครับ? กินข้าวต่อสิ ไม่อยากเล่นสงครามประสาทกับหมอนี่แหละ เดี๋ยวสารอาหารของผมจะระเหยเป็นไอไปซะหมด ถึงจ้องให้ตายผมก็ยังคงมุ่งมั่นกินข้าวต่อครับ
 
“ที่รัก” นั่นไง เสียงอ่อนมาเชียว ต้องการอะไรจากผมครับ? ผมเงยหน้าจากจานข้าวไปมองดาเมียนรอฟังสิ่งที่หมอนี่จะพูดต่อ
 
“ที่รักอยากเจอพ่อไหม?” หืม! อะไรของมัน กูกินข้าวแล้วเกี่ยวอะไรกับเจอพ่อว่ะ?
 
“พ่อใคร?” ผมเงยหน้าไปจ้องดาเมียนที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว ผมอยากเจอพ่อของผมนะ แต่พ่อของหมอนี่คงน่ากลัวอ่ะ สิงโตเฒ่าแน่ๆเลย
 
“ก็...พ่อของที่รักไง คุณอัลมอนด์น่ะ”
 
เคร้ง!
ช้อนหลุดจากมือผมไปกระทบจานเสียงดังก่อนที่ผมจะเอื้อมมือไปเขย่าแขนของเพื่อนร่วมโต๊ะที่กำลังส่งยิ้มมาให้ผม
 
“นายรู้หรอ? พาฉันไปหาพ่อนะ ฉันอยากเจอ”
 
“เอ่อ..ที่รักจะไปแน่นะ” ดาเมียนเริ่มมองผมเหมือนไม่แน่ใจบางอย่าง แต่มันคืออะไรกันล่ะ
 
“ไปแน่สิ ฉันไม่ได้เจอพ่อมาหลายปีแล้วนะ แต่พ่อฉันยังไม่ตายใช่ไหม?”
 
“น่ะ...น่าจะยังนะ” ดาเมียนตอบด้วยเสียงตะกุกตะกักและมีสีหน้ากังวล
 
“หมายความว่าไง?” ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “น่าจะ”ก็แปลว่า ไม่แน่ใจ ล่ะสิ มันเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ?
 
“เอ่อ..คือว่า...คุณอัลมอนด์เป็น..เป็น”
 
“นายจะอ้ำอึ้งทำไมเนี่ย!”
 
“เจ้าชายนิทรา”
หา! พ่อเป็นเจ้าหญิงนิทรา เอ้ย! เจ้าชายนิทรา ไม่ใช่ว่าพ่อของผมนอนเป็นเจ้าชายนิทรามา 10 กว่าปีแล้วเนี่ยนะ ให้ตายเถอะ นี่อำกันใช่ไหม?
 
“ไม่ได้ล้อเล่นนะ เจ้าชายนิทราอยู่บนหอคอย”
 
“หอคอย? ที่นี่ไม่เห็นจะมีหอคอยเลย นายหลอกกันหรือเปล่า?”
 
“มันอยู่ในป่าอสรพิษ ฉันจะพาไปเมื่อนายพร้อม” ดาเมียนจ้องมองมาด้วยสายตาจริงจังจนผมพูดค้านไม่ได้ ถึงแม้ว่าในใจอยากจะให้ดาเมียนพาไปหาพ่อพรุ่งนี้เลยก็ตาม
 
“เมื่อไรที่นายว่าฉันจะพร้อม?” ผมจ้องดาเมียนไปด้วยสายตามุ่งมั่น ก่อนที่ดาเมียนจะตอบเสียงเบาจนผมคิดว่า ถ้าตอนนี้ผมหูหนวกก็คงจะดี
 
“แต่งงาน”
ไม่! แกพูดอะไร ห๊า! ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องแต่งงานทุกทีเลยเนี่ย!
 
“ใช่ ที่รักต้องแต่งงานเท่านั้นถึงจะเข้าไปในป่าอสรพิษได้” ดาเมียนพูดพลางทำสีหน้าจริงจังก่อนจะส่งยิ้มแหยะๆให้ผมเมื่อเห็นสายตาของผมที่กำลังจ้องเขม็งอย่างจับผิด ใช่สิ! ผมจะเชื่อไอ้หมอนี่ได้ยังไงล่ะ ในเมื่อผมต้องแลกกับการแต่งงานเพื่อเข้าไปหาพ่อในป่าเชียวนะ มันจะการ์ตูนไปไหนเนี่ย!! ผมกับดาเมียนตกอยู่ในความเงียบก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อจนเสร็จแล้วมานั่งพักผ่อนที่หัองโถงก่อนที่เราจะเริ่มบทสนทนากันต่อจากห้องอาหารนั้น
 
ณ ห้องโถง
“นายเป็นคนที่โคตรไม่น่าไว้ใจเลยว่ะ เข้าป่าบ้าอะไรต้องแต่งงาน ถ้าออกจากป่านี่ไม่ต้องมีลูกออกมาด้วยหรอว่ะ”
 
“เอ่อ..คงไม่ขนาดนั้นนะที่รัก มันเป็นกฎของป่า ผู้ที่เข้ามาจะต้องเป็นเพียงที่มีคู่ครองแล้วเท่านั้น ถ้าไม่มีคู่ครองจะถูกนำตัวไปให้เจ้าแห่งป่าอสรพิษ” นั่นไง! มันจะเอาผมไปบูชายัญหรือไงฟระ! น่ากลัวพิลึก แถมไอ้กฎของป่านั่นก็ประหลาด แต่ปัญหาอยู่ที่ผมจะไปแต่งงานกับสาวที่ไหนล่ะ? นี่มันในสวนวงกตนะครับคุณ ไม่ใช่ตลาดสดเดินชนปั๊บปิ๊งเลย
 
“แล้วฉันจะไปแต่งงานกับใคร? นายมีปีศาจสาวมาให้ฉันหรือไง”
 
“หืม! ปีศาจสาว? ใครบอกที่รักว่าจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงล่ะ” อ้าว!! ไม่แต่งกับผู้หญิงแล้วข้าพเจ้าจะแต่งทำเพื่ออะไรว่ะ? ดาเมียนจ้องมองสีหน้าของผมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ เห็นสายตานั้นแล้วหงุดหงิด มันหลอกกูหรือเปล่าว่ะเนี่ย!!
 
“ที่รักต้องมีคู่ครองเป็นเพศเดียวกันถึงจะเข้าไปในป่าได้” ห๊า! ไอ้บ้า แต่งกับผู้ชายแล้วใครจะสืบสกุลล่ะ (คนละเรื่องเลย)
 
“ไม่แต่งเว้ย! แมนๆอย่างฉันไม่ได้อยากมีเมียเป็นผู้ชายว่ะ นี่มันงานแต่งงานไม่ใช่เล่นพ่อแม่ลูก กูไม่ตลกนะ” ผมพูดใส่ดาเมียนด้วยความหงุดหงิดแล้วจ้องหน้าไอ้คนตรงหน้าที่ดูเหมือนจะไม่ทุกข์ร้อนกับผม มึงเป็นเกย์ใช่ไหม?
 
“ไม่แต่งก็ไม่ต้องเข้าไปในป่า ก็แค่นั้น” หนอย! แค่นั้นป้าแกสิ หมั่นไส้มันเว้ย! อยากตบกะบาลแยกสักป้าบจริงๆ
 
“ฮึ่ย! เออๆ แต่งงานหลอกๆไปเลย ทำได้ใช่ป่ะ?”
 
“อืม! น่าจะได้....มั้งนะ” ผมเห็นดาเมียนทำหน้าตากำลังนึกคิดก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้ผมจนอดที่จะเบ้ปากใส่ไม่ได้ ฮึ่ม! กวนตรีนกูจริงนะ ไอ้สิงโตโรคจิตเจ้าเล่ห์
 
“ประเด็นเลย..ฉันต้องแต่งกับใคร?”
 
“ถ้าหาคนแต่งด้วยได้จะบอกนะครับ”ดาเมียนส่งยิ้มเยาะมาให้ราวกับผู้ชนะ แล้วมันชนะอะไรกูว่ะเนี่ย แถมยังมาขยิบตาส่งให้อีก ฮึ่ย! อยากฆ่าสิงโต
 
“กวนตรีน” ผมกำหมัดยกขึ้นขู่จะเตรียมชกไอ้คนกวนประสาทตรงหน้าที่เดี๋ยวก็ทำเป็นเจ้าเล่ห์ เดี๋ยวก็ทำเป็นมีลับลมคมในสักอย่าง แล้วสุดท้ายก็ทำลอยหน้าลอยตาจนน่าต่อยสักเปรี้ยง
 
Part : น้ำเย็น
น้ำเย็นกำลังนึกถึงความทรงจำที่มีร่วมกับเพื่อนเล่นวัยเด็กที่คอยติดตามมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่ก็ยังจำเรื่องราวของเขาทั้งคู่ไม่ได้ น้ำเย็นขบเม้มริมฝีปากอย่างใช้ความคิดอย่างหนักจนคอนโดและโฮเต็ลที่จ้องมองมาด้วยความกังวลไม่แพ้กัน
 
“งั้นเจ้าไม่ต้องทดสอบแล้วล่ะ”
หืม! ไม่ต้องทดสอบอย่างนั้นหรอ? แล้วดวงตาเศร้าสร้อยของสองแฝดนี่ล่ะ ผมจะทำยังไงดี
 
“ไม่! ถึงจะลืม แต่สักวันจะต้องจำได้ นะๆให้ฉันทดสอบเถอะ เผื่อฉันจะจำเรื่องในอดีตได้”
 
“น้ำ / น้ำ” สองแฝดร้องออกมาพร้อมกันทันทีที่น้ำเย็นตอบตกลงการทดสอบนั่น
 
“ไม่เป็นไร แค่ทดสอบใช่ไหม? ฉันจะทำให้ดีที่สุด” น้ำเย็นพูดเสียงเรียบราวกับไม่มีความรู้สึกกังวลใดๆเหมือนก่อนหน้านี้ แล้วจ้องมองไปที่สองแฝดที่กำลังหันหน้ามองกันเองก่อนจะหันมาจ้องมองน้ำเย็นอย่างตั้งคำถามในคำพูดนั้น
 
“ทำไม..น้ำไม่เคยมีความรู้สึกคิดถึงพี่บ้างหรอ? ถึงขนาดต้องทดสอบเพื่อให้จำกันได้น่ะ” คอนโดถามเสียงเศร้าเมื่อรู้สึกว่าน้ำเย็นรับการทดสอบนั้นเหมือนการบังคับมากกว่าการเต็มใจ
 
“เอ่อ ผะ..ผมขอโทษที่จำไม่ได้ แต่เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ” หมับ! คอนโดดึงตัวน้ำเย็นเข้ามากอดเมื่อเห็นว่าน้ำเย็นก็รู้สึกกังวลไม่แพ้ตน แล้วยังจะต้องมารับการทดสอบทั้งที่ไม่จำเป็นนั่นอีก
 
“เรามาเริ่มต้นกันใหม่ 3 คนนะ” เสียงคอนโดและริมฝีปากคลอเคลียอยู่ข้างใบหูเล็กก่อนที่คนตัวเล็กที่กำลังจกอดตอบนั้นจะตาโตค้าง
 
“สะ...สามคนหรอ?” เสียงสั่นดังมาจากร่างเล็กที่กำลังนึกว่าตนหูฝาด
 
“นายจะลืมฉันด้วยหรือไง?” เสียงเย็นของโฮเต็ลทำให้น้ำเย็นสะดุ้งแล้วรีบผลักตัวคอนโดออกก่อนจะหันไปจ้องหน้าโฮเต็ล
 
“ไม่! ฉันจะไม่นิยม 3P ว่ะ” น้ำเย็นพยายามพูดเสียงเข้มขู่แล้วจ้องโฮเต็ลด้วยสายตาจริงจัง แต่กลับได้สายตาดุดันสีแดงกลับมาแทน
 
เฮือก!
ไอ้หมอนี่แม่งดุเว้ย! ก็ไม่อยากได้สามคน แต่อยากได้แค่สองเราแล้วมีปัญหาหรือไง ห๊า! น้ำเย็นเริ่มพาลไปเรื่อยเมื่อรู้สึกว่าตัวเองสู้ความเย็นชาและสายตาดุดันทิ่มแทงของโฮเต็ลไม่ได้
 
“หึ! นายไม่นิยม แต่ฉันชมชอบ 3P ว่ะ” โฮเต็ลตอบเสียงนิ่งก่อนจะเดินหันหลังเดินหนีน้ำเย็นที่ยืนกำหมัดแน่นแล้วกัดฟันกรอดด้วยความโมโห
 
“มันไม่มีปัญหาหรอกนะ แต่เผอิญฉันกับน้องเป็นแฝดมันก็คนๆเดียวกันน่ะ เข้าใจหน่อยนะน้ำ” คอนโดส่งยิ้มล้อมาให้น้ำเย็นที่หันไปส่งสายตาอาฆาตมาให้คอนโด
 
“ไม่เข้าใจเว้ย! คุณลุงงูล้านปี ผมไปก่อนล่ะ ไป! ซินเนีย”น้ำเย็นยกมือไหว้แล้วกล่าวลาพ่อของคอนโดและโฮเต็ลก่อนที่จะหันกลับไปทางเดิมที่เคยเข้ามาโดยมีซินเนียคอยวิ่งตามไปจนหายเข้าไปในความมืดของถนนหนทางข้างหน้า
 
“อ้อว่าน้ำคงไม่ยอมหรอก ไปโกหกน้ำทำไมกันนะ” ต้นอ้อแหงนมองคอนโดแล้วส่งสายตาแอ๊บแบ๊วไปให้ด้วยความสงสัย
 
“แต่ฉันลืมบอกว่า ฉันกับน้องเป็นแฝดที่มีหัวใจไว้ให้คนๆเดียวต่างหาก ซึ้งป่ะล่ะ?”
 
“ชิชะ! อ้อจะอ้วกอ่ะ ไอ้คนขี้แกล้ง” ต้นอ้อสะบัดหน้าใส่คอนโดแล้วเดินไปหาพ่อของสองแฝดแล้วส่งสายตาดุใส่แอบเคืองที่คนตรงหน้าปล่อยให้ตนวิ่งตามในความมืดโดยไม่รอกัน
 
“ท่านพ่อจะทำอย่างไรกับน้ำเย็น?” คอนโดถามผู้เป็นพ่อที่กำลังมองหน้าต้นอ้ออยู่แล้วเงยมามองตนด้วยสายตานิ่งเฉยไร้ความรู้สึก
 
“ในเมื่อเจ้าชอบไอ้หนูนั่น ข้าก็ไม่ขัด แต่ข้ายังยืนยันจะทดสอบ”
 
“แล้วท่านจะให้น้ำเย็นทำอะไร?” เสียงเย็นของโฮเต็ลถามขึ้นบ้าง เมื่อเห็นสายตาแพรวพราวราวกับเห็นเรื่องสนุกของบิดา
 
“ป่าอสรพิษ...น่าสนุกดีนะ”คอนโดและโฮเต็ลเบิกตาโพล่งเมื่อได้ยินชื่อป่ามืดที่อยู่หน้าหอคอยปีศาจและมีคำล่ำลือกันว่าป่านั้นเต็มไปด้วยสัตว์และพืชมีพิษ ทำให้สองแฝดมีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันทีที่นึกได้ว่ามนุษย์ตัวเล็กอย่างน้ำเย็นจะต้องเข้าไปที่นั่น แล้วจะกลับมาแบบมีชีวิตได้อย่างไร
 
น้ำเย็นเดินทางมากับซินเนียแล้วพลางคิดถึงเรื่องที่เขาต้องทดสอบเพื่อเป็นคู่ให้กับสองงูยักษ์ที่เขาเกลียดมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาคิดอย่างหนักว่าคุณลุงงูนั่นจะให้เขาไปทำการทดสอบอะไรกันแน่ ในเมื่อเขาไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่เพื่อจะนึกเรื่องในอดีตของสองคนนั้นให้ออก เขาคงต้องทดสอบใจของเขาเองสินะ
 
เฮือก!
น้ำเย็นชะงักเท้าก่อนที่จะหันไปมองเด็กสาวข้างกายที่กำลังมองมาที่ตนเช่นกันก่อนจะมองออกไปทางข้างหน้าที่มืดมิด
 
“ซินเนีย เคยมาที่นี่ไหม?” น้ำเย็นเริ่มชวนซินเนียคุยเมื่อเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศเงียบสงบอย่างประหลาด
 
“เคยสิ ตั้งแต่เด็กเลยล่ะ แต่ที่นี่เปลี่ยนไปมากเลยนะ” ซินเนียส่งยิ้มเป็นมิตรให้น้ำเย็นก่อนที่จะเอามือกระตุกแขนเสื้อน้ำเย็นให้เดินต่อไป
 
“หืม! เปลี่ยนไปยังไงหรอ?”
 
“เมื่อหลายร้อยปีก่อนสวนลับแห่งนี้จะมีสัตว์ประหลาดหลากหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ทั่วสวนลับ มีแม้กระทั่งดวงไฟวิญญาณลอยวนไปเต็มสองข้างทาง แต่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้น”
 
“มันเกิดอะไรขึ้น?” น้ำเย็นถามซินเนียด้วยความสงสัย น่าแปลกที่สวนแห่งนี้เปลี่ยนไปมากขนาดนั้น เพราะสองข้างทางมีเพียงดวงไฟที่แขวนไว้ตามต้นไม้เท่านั้น แต่ถ้าตอนนี้มีดวงวิญญาณลอยวนเวียนอย่างที่ซินเนียว่าไว้คงจะขนลุกพิลึกเลยล่ะ น้ำเย็นเอามือลูบแขนตัวเองทันทีที่นึกถึงมัน
 
“สวนลับเป็นสวนต้องสาปของชายหนุ่มที่มีหน้าตาสวยราวกับเทพธิดา เขาเกิดความเสียใจและผิดหวังจนพลั้งปากสาปแช่งสวนแห่งนี้ให้เป็นสวนอาถรรพ์และผู้อาศัย ณ ที่แห่งนี้เป็นปีศาจจงจำไม่ได้ออกไปไหนจนกว่าเขาจะพอใจ”
 
“เทพธิดา? ชายหนุ่ม? ทำไมผู้ชายถึงเป็นเทพธิดาล่ะ ต้องมีหน้าตาเหมือนเทพบุตรสิ ซินเนียเปรียบซะมั่วเลยนะ ฮ่าๆๆ”
 
“ไม่ได้มั่วนะพี่น้ำ ก็ชายหนุ่มคนนั้นมีผมยาวสวย ดวงตาหวานเป็นสีอัลมอนด์ แต่ชื่ออะไรนี่จำไม่ได้นะ ตอนนั้นซินเนียยังเด็กน่ะ” ซินเนียทำหน้าครุ่นคิดพยายามนึกชื่อของคนๆนั้นให้ออก แต่ก็นึกไม่ออกเสียทีจนน้ำเย็นอดขำในความจริงจังของเด็กสาวไม่ได้ แต่แล้วเสียงหัวเราะของน้ำเย็นเป็นอันต้องหยุดลงเมื่อเขาในจิตสำนึกกลับฉายภาพเรื่องบางเรื่องออกมากะทันหัน
 
“ท่านจะทำกับข้าแบบนี้ไม่ได้นะ จงปล่อยตัวเขาเดี๋ยวนี้” ร่างของผู้หญิงบอบบางแต่สวมชุดนักรบหญิงกำลังมองมาที่ปีศาจงูยักษ์ด้วยสายตาเจ็บปวดเมื่อเห็นเด็กชายวัย 10 ขวบกำลังถูกปีศาจงูตัวใหญ่ยักษ์ที่กำลังรัดตัวเด็กชายเสียแน่น แต่เด็กชายกลับหลับสนิทราวกับต้องมนต์สะกด
 
“ข้าจะปล่อยได้เช่นไร นี่มันลูกชายข้าเช่นกัน ข้าจำเป็นต้องพาเขาไป” น้ำเสียงเย็นเฉียบดังกังวานออกมาจากงูยักษ์สีแดงที่มีลายขาวพาดผ่านทั่วลำตัว ดวงตาสีน้ำเงินวาวโรจน์จ้องมองมาที่หญิงสาวผมสีน้ำตาลที่มีน้ำตาไหลนองใบหน้าสวยหวานนั้น
 
“ข้าไม่เชื่อ คำทำนายบอกว่าเขาจะเป็นปีศาจไร้รูปลักษณ์หากพันจากอ้อมอกของข้า ท่านจะเอาลูกชายข้าไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดก่อนที่จะหยิบดาบที่หล่นอยู่ตรงพื้นขึ้นมากำในมือแน่นเตรียมจะฟาดฟันงูยักษ์ตรงหน้า
 
“เจ้าก็รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ไม่ได้ หรือว่าเจ้าอยากเห็นลูกของเราจากไปไม่มีวันหวนคืนกันเล่า ข้าจะเอาเขาไปฝากให้คนฝั่งโน้นดูแลให้เติบใหญ่เป็นคนดี ใยเจ้าต้องขัดขวาง” น้ำเสียงเคร่งเครียดติดออกจะเย็นชาและสายตาของงูยักษ์จ้องเขม็งมาที่หญิงอันเป็นที่รัก
 
“แต่ท่านบอกว่าข้าจะไม่ได้เจอแม้แต่ใบหน้าของเขาเป็นร้อยปีแล้วข้าจะทนได้อย่างไร?” หญิงสาวทรุดตัวลงแล้วร้องไห้อย่างหนักที่นางจะต้องลาจากลูกชายตัวน้อยโดยไม่มีโอกาสเห็นหน้าอีกเป็นร้อยปี งูยักษ์ตรงหน้าเลื้อยเข้ามาใกล้หญิงสาวก่อนจะกลายร่างเป็นชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ผมยสีดำยาวสลวยและใบหน้าสองข้างมีรอยสักลวดลายสีแดง ดวงตาคมดุสีน้ำเงินจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนโยนพร้อมกับในอ้อมแขนของเขามีเด็กชายผิวขาวตัวเล็กกำลังหลับสนิท
 
“งั้นข้าจะหาคู่ครองให้กับเขา สักวันเราจะได้เจอเขาเมื่อเติบใหญ่”
 
“พี่น้ำ....พี่น้ำ...พี่น้ำเย็น!!”
 
“ห๊ะ! อ่า..อะ..อะไรหรอ?” น้ำเย็นหันไปจ้องซินเนียที่กำลังจ้องตัวเองเขม็ง
 
“ทำไมพี่น้ำถึงนิ่งไปล่ะ? เรียกเท่าไรก็ไม่ขานตอบนี่”หืม! นี่เขาหลับหรอ? แต่ภาพนั้นช่างคุ้นเคยน่าประหลาด ชายหญิงคู่นั้นเป็นใครกันนะ โดยเฉพาะงูยักษ์สีแดงลายขาวนั่น
 
“อ่อ! พี่อาจจะยืนหลับล่ะมั้ง แหะๆ”น้ำเย็นส่งรอยยิ้มกลบเกลื่อนความผิดปกติของตน แต่ก็ไม่พ้นสายตาช่างสังเกตของซินเนียที่มองด้วยความสงสัยใคร่อยากรู้นั่น
 
“จะบ้าหรอ! ระวังบ้างสิ ตอนนี้เรายังไม่พ้นเขตของสวนลับเลยนะ” ซินเนียพูดก่อนจะส่งยิ้มสดใสมาให้จนน้ำเย็นอดที่จะเอ็นดูหญิงสาวอายุน้อยกว่า(?)ตรงหน้านี้ไม่ได้
 
“อืมๆ พี่จะระวังนะน้องสาว” น้ำเย็นรับคำซินเนียแล้วเดินตรงไปไม่พูดอะไรกับซินเนียอีก แต่ความเงียบกลับทำให้เขานึกถึงคนที่เราเพิ่งจะระลึกในจิตสำนึกนั้น เขาเกี่ยวข้องอะไรกับงูยักษ์และหญิงงามในชุดนักรบกันนะ
**********************100%********************************
ทักทายกันนะ...
หลังจากที่คนเขียนได้มาลงนิยายไว้แค่ 30% แล้วก็หายสาบสูญราวกับคนไม่มีตัวตนบนโลก ตอนนี้ก็มาต่อให้แล้วนะจ๊ะ แล้วจะมาต่อตอนต่อไปให้จ้า..ขอบคุณที่อ่านและติดตามจ้า

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา