Perfect? Perfect!

-

เขียนโดย MsMaggie

วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.17 น.

  1 ตอน
  2 วิจารณ์
  2,920 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 16.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) Chapter 1 : As you know, Im not perfect.

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

      รู้อะไรมั้ยสาวๆ? ฉันเป็นพวกที่ไม่เชื่อในทฤษฎีอะไรก็ตามที่บอกว่าคนสวยและคนขี้เหร่มีเปอร์เซ็นต์การออกเดทและมีแฟนในอัตราที่เท่าเทียมกัน หรือคำกล่าวในเชิงให้กำลังใจคนที่มีหน้าตาสวยแบบธรรมชาติ… ธรรมชาติลงโทษน่ะนะ ที่บอกว่าคนแบบฉันต้องมองพิศไม่ใช่มองผ่าน มองนานๆถึงจะเห็นความสวยที่หลบใน คำพูดพวกนี้จะมีประโยชน์อะไรงั้นเหรอ? ในเมื่อผู้ชายสมัยนี้น่ะ ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครเสียเวลานานขนาดนั้นเพื่อ ‘มองพิศ’ พวกเธอเหล่านั้นหรอกนะ

     ดูเอาสิ นั่นเธอกล้าส่องกระจกในห้างนานๆได้ยังไงน่ะ? เธอกำลังโชว์ก้นที่บานใหญ่ยิ่งกว่ากะละมังภายใต้สกินนี่ยีนส์สุดฟิตที่ไม่ได้เข้ากันเลยแม้แต่น้อยให้สาวคนอื่นเห็นอยู่นะ และให้ตายสิ เธอควรจะไปคลินิกรักษาผิวหน้าก่อนจะออกมาเดินเล่นพบปะใครต่อใครดีกว่าไหม?

     โอเคๆ จะบอกว่าฉันเป็นพวกมองโลกในแง่ร้ายงั้นเหรอ? ก็ไม่เชิงหรอกน่ะ ความจริงข้อนี้สาวๆน่ะรู้ดีที่สุด ถ้าให้พวกเธอเลือกระหว่างเป็นสาวสวยหมวยเอ็กซ์หรือสาวเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันผมบลอนด์สุดร้อนแรง กับสาวอ้วนพุงย้อยหน้าตาน่าเกลียดสิวเขรอะเป็นหลุมพระจันทร์ไม่มีใครชายตามองแต่ฉลาดโคตรๆแถมไอคิวร้อยแปดสิบประมาณนี้ ให้คุณเลือกก็ได้ ตอบสิว่าคุณจะเลือกเป็นใคร?

     ฮะฮ่า แน่นอนอยู่แล้วว่าคุณต้องเลือกข้อแรกแบบแทบจะทันที ใครกันล่ะจะอยากเกิดมาน่าเกลียด?

     กลับกัน ถ้าให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเลือกแน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องเลือกข้อแรกอยู่แล้ว ซ้ำร้ายเขาอาจจะเลือกข้อแรกด้วยความเร็วประมาณศูนย์จุดศูนย์สองวินาทีเลยเป็นได้ ซึ่ง โอเค มันเป็นความจริงที่โหดร้ายพอดู

     แต่อาจจะมีผู้ชายเพียงหยิบมือหรือตีไปซักประมาณ… สองเปอร์เซ็นต์

     ใช่! แค่สองเปอร์เซ็นต์ที่มีแนวโน้มจะเลือกตัวเลือกที่สอง แต่ก็เถอะ คุณก็รู้ว่าพวกนี้น่ะหน้าตาก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากผู้หญิงที่เขาเลือกหรอก

     ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่พวกมองโลกในแง่ร้าย แล้วก็ไม่ใช่พวกชอบดูถูกเหยียดหยามคนอื่นด้วย แต่ฉันเป็นพวกมองโลกตามความเป็นจริง และอย่างที่บอก… ความเป็นจริงมักจะโหดร้าย

     พราะฉะนั้นแล้ว สาวอัปลักษณ์ทั้งหลายเอ๋ย โอกาสการมีคู่ของเธอน่ะมีน้อยซะยิ่งกว่าโอกาสที่การคอร์รัปชั่นจะหมดไปจากโลกใบนี้ เรียกง่ายๆก็คือโอกาสการมีคู่ของเธอนั้นแทบจะเป็นศูนย์…

     ปุบ

     "ไม่มีที่ว่างสำหรับสอออปอลอ… มันคืออะไรน่ะ โค้ดลับรึไงเอลี่?” เสียงใสๆของปลาวาฬที่ฟังดูกึ่งขบขันกึ่งสมเพชดังขึ้นเหนือหัวก่อนที่หนังสือในมือของฉันจะถูกเจ้าของเสียงผลักมันคว่ำหน้าลงบนโต๊ะ ฉันเงยหน้าขมวดคิ้วมองเธออย่างไม่สบอารมณ์นิดๆ เฮ้ นั่นมันตอนสำคัญเลยนะยัยบ้า!

     “สาวอัปลักษณ์น่ะสิหรืออีกนัยหนึ่งก็คือฉันเอง” ฉันทำมือทั้งสองข้างเป็นรูปเครื่องหมายคำพูดตรงคำว่าฉันเองก่อนจะกลอกตาใส่ใบหน้าน่ารักน่าชังนั่นอย่างหน่ายๆ ใช่สิ ยัยนี่น่ะสวย น่ารัก หุ่นดี เพอร์เฟ็คต์ไปซะทุกอย่าง

      โอ้… ยกเว้นเรื่องเรียนที่ยังเป็นรองฉัน เรื่องเรียนอย่างเดียวจริงๆ…

      “ไม่เอาน่าเอลี่ หนังสือนี่มันไร้สาระจะตาย ไม่มีที่ว่างสำหรับสาวอัปลักษณ์อะไรกัน ทุเรศสิ้นดี ‘ก้นที่บานใหญ่ยิ่งกว่ากะละมังภายใต้สกินนี่ยีนส์สุดฟิต’เนี่ยนะ? ยัยคนเขียนนี่เป็นพวกเหยียดชนชั้นรึไง” ปลาวาฬส่งสายตารังเกียจไปที่หนังสือในมือของฉันอย่างไม่ปิดบัง เมื่อครู่ฉันเห็นเธอแอบลูบก้นตัวเองด้วยนะ แหม ที่แท้ก็แอบหวั่นไหวเหมือนกันนี่นา

       “แต่มันก็จริงนะ”  ฉันวางหนังสือลงบนโต๊ะพร้อมเหยียดขาออกเพื่อคลายเมื่อย ยอมรับก็ได้ว่าหนังสือที่ฉันอ่านอยู่ตอนนี้ค่อยข้างเหยียดชนชั้นอย่างที่ปลาวาฬพูดจริงๆ เปล่า ไม่ใช่ชนชั้นทางสังคมทั่วไปที่มีคนรวยคนจนอะไรนั่นหรอก แต่หมายถึงชนชั้นที่พวกผู้หญิงแบ่งขึ้นมาเองต่างหาก ประมาณว่ายัยนี่อ้วนไป มาเข้าชมรมเชียร์ลีดเดอร์กับพวกเราไม่ได้หรอกนะ หรือ ตายล่ะ เธอน้ำหนักเกินมาสองขีดนะ รีบไปลดน้ำหนักด่วนก่อนที่ฉันจะปลดเธอลงไปเป็นฐานของชมรมเชียร์ของเราแล้วยัยผู้หญิงที่มักเรียกร้องความสนใจโดยการมโนไปเองว่าอ้วนมหาศาลก็จะคอยเปรียบเทียบตัวเองกับผู้หญิงที่อ้วนกว่า เฮอะ เปล่าหรอก ยัยพวกนั้นไม่ได้คิดว่าตัวเองอ้วนน่าเกลียดจริงๆหรอกน่า หล่อนแค่อยากทำให้ผู้หญิงอีกคนที่ด้อยว่ารู้สึกจมดินมากขึ้นต่างหาก

     "ร้ายกาจ

     เอ๊ะ แล้วนี่ฉันเป็นอะไรกับชมรมเชียร์ลีดเดอร์รึเปล่า ใช่สิ แม่พวกนั้นน่ะตัวดีเลยล่ะ ไหนจะพวกยัยนางแบบอนอเร็กเซียร์คลั่งผอมที่ชอบล้วงคอตัวเองอีก ยัยพวกนั้นนั่นแหละที่ทำให้มาตรฐานความงามของผู้หญิงต้องบิดเบี้ยวไปหมด

      “อย่าไปใส่ใจเลยน่า ไม่สวยแต่เริ่ดน่ะเคยได้ยินมั้ย อีกอย่างแกก็ไม่ได้อัปลักษณ์ซะหน่อย แกแค่ยังมองไม่เห็นเสน่ห์ของตัวเองต่างหาก”

       “ฉันใช้เวลามองหามันมาเกือบยี่สิบปีแล้วย่ะ เผื่อไม่รู้ เสน่ห์ฉันนี่หายากจริง” ฉันเล่นมุกขำๆ ปลาวาฬส่ายหน้า

       “ยัยบ้า”

        โอเค จากบทสนทนาข้างต้นพวกคุณคงพอรู้จักฉันอย่างคร่าวๆกันแล้วสินะ หรืออย่างน้อยก็รู้อย่างหนึ่งล่ะ

        ฉันไม่สวย หรือพูดให้ถูกคือฉันยังไม่เคยเห็นใครที่มองว่าฉันสวย วงเล็บ ใคร = หนุ่มๆ

        ฉันชื่อเอลีน่า หรือชื่อเล่นที่เพื่อนๆเรียกว่าเอลี่นั่นแหละ โอ้ ดูจากชื่อคุณคงคิดว่าฉันเป็นสาวฝรั่งก๋ากั่นเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันซะไม่มีใช่มั้ยล่า เปล่า เปล่าเลย ถึงฉันจะมีเลือดตะวันตกไหลเวียนไปวนมาอยู่ในร่างกายก็จริงแต่ก็มีแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นแหละ พูดให้ชัดๆก็คือฉันเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกันธรรมดาๆ ที่แทบจะไม่มีความเป็นอเมริกันในตัวเลยแม้แต่จิ๊ดเดียว เนื่องจากพ่อผู้บังเกิดเกล้าชาวอเมริกันของฉันทิ้งแม่ที่เป็นสาวไทยหัวใจเหนือไปตั้งแต่ตอนที่ฉันยังไม่เกิดน่ะสิ ทิ้งในที่นี้คือเสียชีวิตน่ะ โทษที จากนั้นมาครอบครัวฝั่งพ่อกับแม่ของเราก็ไม่เคยได้ติดต่อกันอีกเลย มีแค่เงินจำนวนหนึ่งส่งมาให้แม่ทุกเดือนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายและเลี้ยงดูฉันซึ่งนั่นทำให้ฉันพอจะอนุมานเอาได้ว่าอย่างน้อยญาติๆฝั่งพ่อก็ยังรักและเอ็นดูแม่อยู่น่ะนะ

        จากนั้นฉันก็ใช้เวลาเกือบๆจะยี่สิบปีของตัวเองอาศัยอยู่ในเมืองไทยแผ่นดินเกิดอันเป็นที่รัก ตลกดีที่ทุกครั้งที่ฉันก้าวเท้าออกไปที่ไหนผู้คนมักคิดว่าฉันเป็นสาวฝรั่งเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมันก็โอเคนะ โดยเฉพาะเวลาไปสั่งอาหารตามร้านหรือภัตตาคารใหญ่ๆ เพราะเพียงแค่เหล่าบริกรชายหญิงเห็นว่าคุณเป็นคนผิวขาวเท่านั้นแหละ พวกนั้นจะเต็มใจบริการแถมว่าง่ายราวกับลูกแมวจนคุณแทบจะกลายเป็นพระเจ้าเลยเชียว ไม่แฟร์เอาซะเลย แต่ฉันก็เผลอตัวทำแบบนั้นทุกครั้งเลยแฮะ ฮ่าๆ

      อาจเป็นเพราะฉันได้รับ เอ่อ รียกว่าอะไรล่ะ พันธุกรรม? ยีนส์เด่น? ยีนส์ด้อย? ฮอร์โมน? เอาเป็นว่าอะไรก็ช่างเถอะ จากพ่อมาเต็มๆ เว้นแต่ตาที่เป็นสีน้ำตาลเข้มนี่แหละที่ได้มาจากแม่ และฉันควรจะขอบคุณพ่อดีรึเปล่านะ เป็นเพราะเขามีรูปร่างใหญ่มาก เน้นเลยนะว่ามาก นั่นเลยทำให้ฉันได้รับยีนส์เด่นนั่นมาเต็มๆ (สันนิษฐานไปก่อนว่าเป็นยีนส์เด่น) ฉันในตอนนี้จึงมีส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสี่เซนติเมตรถ้วน พร้อมทั้งโครงสร้างกระดูกที่ใหญ่โตไม่ผอมเพรียวเรียวเล็กเหมือนพวกสาวไทยหรือสาวนางแบบทั้งหลาย ส่วนน้ำหนักก็เกือบๆหกสิบห้ากิโลกรัมมานานโขแล้วล่ะและไม่มีทีท่าว่าจะลงเลยด้วย

       ขอบคุณค่ะพ่อ

       ตอนนี้ฉันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สองสำนักวิชาศิลปศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังที่มีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ทีนี่เมื่อหนึ่งปีก่อนฉันได้เจอเพื่อนสนิทของตัวเองสองคน ปลาวาฬและแมว การเรียนของฉันปกติดี ความจริงก็เรียกได้ว่าเพอร์เฟ็คต์เลยล่ะ ฉันกวาดเอรวดทั้งสองเทอมและขึ้นแท่นนักศึกษาท็อปเทนของชั้นปี แต่ในขณะที่ดวงการเรียนขึ้นเอาๆ ชีวิตรักของฉันกลับเหี่ยวเฉาสิ้นดี ถ้าเทียบความรักตัวเองเป็นดอกไม้ล่ะก็ปานนี้ดอกไม้ของฉันคงเหี่ยวแห้งตายคากระถางไปหลายตลบแล้วล่ะ จะสารภาพเลยแล้วกันว่าตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยมีโมเม้นต์เขินๆ ฟินๆประมาณว่าต้องมานั่งยิ้มคนเดียวข้างหน้าต่างตอนกลางคืนหรือมองไปทางไหนก็เห็นแต่หน้าเขาคนนั้นทุกที่ หรือเอาแต่เพ้อจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ

          ไม่เคยเลย

          ความสูงของฉันอาจมีเอี่ยวในเรื่องนี้ด้วย คิดดูสิ ฉันสูงตั้งร้อยเจ็ดสิบสี่นะ สูงกว่าผู้ชายแทบจะทั้งมอด้วยซ้ำมั้ง คงเพราะอย่างนี้ถึงไม่มีใครยอมเข้ามาคบกับฉันเพราะเขารู้ว่ามันต้องออกมาตลกมากแน่ๆเมื่อผู้หญิงตัวใหญ่อย่างฉันเดินคู่กับผู้ชายที่สูงแทบไม่พ้นร้อยเจ็ดสิบ

          เหงาอยู่เหมือนกันนะเวลาที่เห็นเพื่อนๆเดินกันเป็นคู่ๆนะ ซึ่งฉันเดาว่าอีกไม่นานยัยเพื่อนสองคนข้างตัวก็คงทิ้งฉันไปมีแฟนเหมือนกันนั่นแหละ แต่ก็ช่างเถอะ ตราบใดที่ผู้ชายยังสนแต่รูปลักษณ์ภายนอกของพวกเราน่ะ ฉันไม่เสียเวลาลงไปยุ่งด้วยหรอกนะ

         ชาตินี้ไม่ต้องมีความร้งความรักอะไรนั่นแล้ว โฮ่ๆๆ(เปิดซาวด์ฟ้าผ่าประกอบในใจ)

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา