RED STONE WAR

9.0

เขียนโดย nemon

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.

  86 ตอน
  9 วิจารณ์
  63.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) ความหวังกับความฝัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“อ่อ ก็รู้จักกันตอนที่ข้าโดนขังที่หมู่บ้านไงล่ะและเพราะแกจับไคมาขังที่เดียวกับข้าไคกับข้าเลยได้รู้จักกันไงจะว่าไปก็ต้องขอบใจแกนะที่ทำให้ข้าได้รู้จักกับไค”จัมพ์ตอบ

“พวกแกเพิ่งเจอกันจริงจริงรึแต่ทำไมดูสนิทกันมากเลย แล้วพวกแกจะไปไหนกันต่อล่ะถ้าหากขายสร้อยได้แล้วได้คิดกันบ้างมั้ย”พัชถาม

“ไปทำความฝันของเราให้เป็นจริงไงล่ะ”จัมพ์ตอบ

“พวกแกมีฝันอะไรกัน”พัชถาม

“ตามหาหญิงสาวคนนึงผู้หญิงของไคไงล่ะ”จัมพ์

“ไม่ใช่ซักหน่อย เค้าไม่ใช่แฟนผมนะ”ไคสวนขึ้นมาทันที

“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ คือผู้หญิงคนที่พวกเราพูดถึงอยู่นั้นอาจจะช่วยแก้ไขข้อข้องใจอะไรหลายหลายอย่างได้ไงล่ะ”จัมพ์พูด

“แก้ไขอะไรกันเหรอ ข้าไม่เข้าใจ”พัชถาม

“เรื่องอะไรก็ช่างมันเถอะแกอย่ารู้เลย ว่าแต่แกล่ะมีความฝันที่จะต้องไปหาบ้างมั้ย”จัมพ์

“มีสิ ข้ามีสิ่งที่อยากทำเหมือนกันแต่พ่อข้าไม่เห็นด้วยคือข้าอยากเป็นนักเขียนล่ะ”พัชพูด

“นักเขียนรึ เขียนอะไรอ่ะ นิยายเรื่องผีรึ หรือนิยายโป๊ ฮ่า ฮ่า”จัมพ์พูดขึ้น

“นิยายความรักต่างหากล่ะ”พัชตอบ

“นิยายรักเหรอ โอ้พระเจ้าคนอย่างแกเนี๊ยะนะ จะเขียนนิยายรักแกมีความรักกับเขาด้วยรึข้าไม่อยากจะเชื่อ”จัมพ์

“เห็นข้าแบบนี้ข้าก็โรแมนติกเป็นนะโว้ย ถ้าพวกแกไม่เชื่อก็ตามใจพวกแกเถอะ เชอะ”พัชตอบแบบไม่ค่อยพอใจที่โดนดูถูกความฝันของตน

“เชื่อก็เชื่อจ้าพ่อยอดนักเขียน พ่อนักกวีเอก ไหนเรื่องที่แกจะแต่งเป็นเรื่องแบบไหนเหรอ ลองเล่าเรี่องคร่าวคร่าวให้ข้าฟังบ้างสิข้าอยากรู้”จัมพ์พูด

“แกไม่ต้องมาพูดดีเลย พวกแกก็เหมือนคนอื่นชอบดูถูกข้าหาว่าข้าเพ้อเจ้อใช่มั้ยล่ะ”พัชตอบด้วยน้ำเสียงน้อยใจเล็กเล็ก

“ไม่หรอกนะพวกเราไม่กล้าดูถูกคนที่มีความฝันหรอกพวกเราอยากรู้จริงจริงนะว่าความคิดและความฝันที่อยู่ในหัวของแต่ล่ะคนมันมีอะไรบ้างหลายหลายคนที่สามารถถ่ายทอดจินตนาการของตนให้คนอื่นได้รับรู้ได้ศึกษาถือว่าเป็นสิ่งที่วิเศษดีออกนะผมว่า”ไคพูดขึ้น

“จริงเหรอแกคิดอย่างนั้นจริงจริงเหรอ”พัชถามย้ำ

“แต่ที่ข้ารู้มานักเขียนต้องอ่านเยอะเยอะรู้มากมากไม่ใช่เหรอแล้วแกล่ะอ่านมาเยอะขนาดไหนแล้วรู้มากขนาดไหนกัน”จัมพ์พูดแทรกขึ้นมา

“ข้าเหรอ ถึงข้าจะเรียนมาน้อยแต่ข้าเชื่อในเรื่องพรสวรรค์ของข้าล่ะว่าข้าสามารถทำได้”พัชตอบอย่างเรียบเรียบด้วยความมั่นใจ ทั้งไคและจัมพ์พอได้ยินอย่างนั้นต่างมองหน้ากันแบบสับสนเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน

“นี่เราอยู่กับอัจฉริยะหรือนี่ ทำไมดูไม่ออกเลยนะ”จัมพ์อุทานขึ้นมาลอยลอยแต่พัชทำตาขวางใส่จัมพ์แบบไม่พอใจอาการของจัมพ์

“ไหนลองเล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิข้าอยากรู้นิยายที่อัจฉริยะแต่งจะเป็นยังไงนะ”จัมพ์พูดย้ำอีกครั้ง

“ก็ได้ ถือว่าเป็นบุญสำหรับพวกแกละกันที่จะได้ฟังก่อนคนอื่นเพราะว่าอีกหน่อยมันจะเป็นนิยายรักขายดีอันดับหนึ่งและได้ทำเป็นหนังจนดังไประดับโลก”พัชยืนขึ้นแล้วทำท่าชี้มือไปบนเพดานแววตาแสดงถึงความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก ทั้งไคและจัมพ์ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันไปมาอีกครั้งแล้วก็ยิ้มให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

แล้วพัชก็นั่งลงแล้วเริ่มเล่าเรื่องที่เค้าจะแต่งให้ทั้งสองคนฟัง

“เรื่องของเรื่องก็คือ จะเริ่มยังไงดีล่ะ อ่อ ข้านึกออกละ มีผู้ชายอยู่คนหนึ่งอายุประมาณสามสิบกว่าเป็นคนดีขยันทำงานอาชีพของเค้าก็คือเป็นบาร์เทนเดอร์ในร้านขายเหล้าหรือร้านคอกเทลเลาจน์ชายคนนั้นทำงานอย่างมีความสุขโดยไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงที่มีมากมายในร้านเลย ถึงจะมีคนมาจีบไอ้หมอนี้ก็ไม่เล่นด้วยเพราะว่ากฎระเบียบของร้านห้ามมีแฟนในร้านแล้วมาวันหนึ่งมีเด็กสาวอายุประมาณยี่สิบต้นต้นมาสมัครทำงานเป็นเด็กนั่งดื่ม

“เด็กนั่งดื่มคือะไรเหรอ”ไคถาม

“อะไรแกไม่รู้จักเด็กนั่งดื่มรึ”พัชสวน ไคส่ายหัวไปมา

“เด็กนั่งดื่มก็คือผู้หญิงที่แต่งตัวสวยสวยจ้างเค้ามาคอยชงเหล้ากินเหล้าเป็นเพื่อนอะไรประมาณนี้แหล่ะ”พัชอธิบายอย่างละเอียด

“จะเล่าต่อล่ะนะ ถึงไหนละหว่า “มีเด็กสาวมาสมัครงาน”จัมพ์บอก “

          อ่อ ใช่ใช่ มีเด็กสาวอายุน้อยมาสมัครงานครั้งแรกที่ชายคนนั้นเห็นหญิงสาวคนนั้นชายหนุ่มกับมองว่าผู้หญิงคนนี้ขี้เหร่จังน่าสงสารหน้าตาแบบนี้คงจะไม่มีแขกเรียกนั่งเป็นแน่ น้องเค้าคงจะกดดันมากมากและคงจะทำงานได้ไม่เกินสามวันแน่นอนหญิงสาวคนนั้นมีผิวสองสีสูงประมาณร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรหน้ากลมกลม ตาโต ริมฝีปากบางบาง จมูกนิดหน่อยคือไม่มีดั้งนั้นแหล่ะ ชายหนุ่มเห็นเธอมาทำงานได้สองวันก็ยังคงไม่มีลูกค้าเลือกเธอไปนั่งด้วย

“คือแบบว่าคนทำงานกลางคืนแบบนี้จะต้องมีลูกค้าเรียกไปนั่งพวกเธอถึงจะได้เงินนะถ้าไม่มีคนเรียกก็จะไม่ได้เงิน บอกไว้ก่อนกลัวไคไม่เข้าใจ”พัชเล่าแทรกเพื่อให้ไคเข้าใจ

              แล้วพอวันที่สามที่สาวน้อยมาทำงานกลับถูกใส่ร้ายโดยพวกคนใจร้ายหาว่าเธอเป็นขโมยพอตอนเลิกร้าน หญิงสาวคนนั้นก็มานั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าร้านชายหนุ่มเลิกจากงานเหมือนกันแล้วมาพบกับเธอคนนั้นเข้า ทั้งสองคนจึงได้นั่งคุยกันแล้วเธอได้ปรับทุกข์กับชายหนุ่มเธอเล่าชีวิตที่แสนลำบากของเธอก่อนจะมาทำงานที่นี่ โดยความจริงบ้านของเธอค่อนข้างจะมีฐานะดีเลยทีเดียวแต่ทางบ้านเกิดปัญหาการเงินขึ้น แต่เหตุผลที่มาทำงานเพราะเธออยากช่วยเหลือที่บ้านเห็นว่าได้เงินดีเลยมาลองทำดูแต่กับต้องมาเจอคนไม่ดีคอยรังแกเธอตลอด เริ่มแรกหญิงสาวเล่าว่าเธอมาเรียนที่มหาลัยแห่งหนึ่งพอเธอเรียนเสร็จตอนเย็นต้องไปทำงานกลางคืนอีก ที่มหาลัยกับที่ทำงานของเธอไกลกันมากเธอจึงต้องพักอาศัยกับโมเดลลิ่งของเธอแต่เธอก็เกือบโดนโมเดลลิ่งขืนใจ เธอจึงต้องเดินทางไกลจากที่ทำงานกับที่เรียนของเธอมาถึงที่ทำงานก็โดนดูถูกต่างต่าง นานาไม่มีคนสนใจเธออีกเด็กสาวอายุเพียงสิบเก้าปีต้องมาเจอทั้งคนจะข่มขืน โดนใส่ร้ายทั้งที่ตัวเธอแค่อยากจะช่วยเหลือที่บ้านเท่านั้นเอง ชายหนุ่มจึงเข้าช่วยเหลือเธอโดยการปกป้องเธอจากทุกคนที่ข่มเหงเธอช่วยสอนการทำงานแนะนำลูกค้าให้เธอ จนเธอเข้มแข็ง และทั้งคู่ก็เริ่มคบกันเป็นแฟนชายหนุ่มดีใจและปลื้มมากที่มีหญิงสาวอายุที่ต่างกันนับสิบปียอมคบหากับเค้า และตัวเค้าก็สัญญากับหญิงสาวว่าจะดูแลสาวน้อยคนนี้อย่างดี

“นิยายแกนี่ ย่อย่อหน่อยได้มั้ยเริ่มจะง่วงละนะ สรุปว่านิยายรักของแกเป็นเรื่องรักแบบไหนกันแน่”จัมพ์พูด

“ใจเย็นเย็นสิ นิยายรักมันต้องเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครด้วยสิ แกก็ไม่มีวิญญาณศิลปินเลยนะพวกป่าเถื่อนก็แบบนี้ล่ะ”พัชพูด

“ขอสรุปเลยได้มั้ย ข้าอยากรู้ว่าความรักของแกมันจะจบยังไง”จัมพ์

“ก็เนื้อเรื่องคร่าวคร่าวก็เป็นเรื่องของความรักที่ต่างกันมุมมองของความรักที่แตกต่างของคนสองคน พูดไปคนอย่างแกคงไม่เข้าใจ”พัชตอบ

“แต่นิยายส่วนใหญ่นะข้าเห็นคนอื่นเขียนกันมันต้องมีพระเอกถ้าไม่หล่อ ก็ต้องรวยมาก เป็นเจ้าชายเลยยิ่งดีนี่พระเอกแกทำงานในร้านขายเหล้าเนี๊ยะนะมันจะไหวเรอะ”จัมพ์แนะนำตามความคิดของตน

“ก็เพราะมีคนอย่างพวกแกนี่ไงล่ะ คนอ่านนิยายถึงโง่กันหมด เพ้อฝันหาเจ้าชายปลูกฝังค่านิยมผิดผิด คนทั่วไปถึงนิยมแต่ความรวย ความสวย ความหล่อ ไม่มีใครสนใจความดีเลย แล้วคนเราจะทำความดีกันไปทำไม”พัชพูดด้วยอารมณ์ฉุนนิดนิด

“โห ไม่น่าเชื่อว่าข้าจะได้ยินความคิดแบบนี้จากคนอย่างแกนะเนี๊ยะ”พัชพูด

“แต่ถึงข้าอยากให้นิยายรักมันสวยงามแค่ไหนแต่สุดท้ายนิยายรักของข้าก็ต้องจบแบบไม่สมหวังอยู่ดี เพราะนิยายมันก็หลีกหนีความเป็นจริงของสังคมไม่พ้น“พัชพูดจบก็นั่งนิ่งเงียบไปหลังจากนั้นไคและจัมพ์ก็หยิบหมอนจากหัวเตียงนอนมาคนละใบแล้วย้ายตัวเองจากที่นอนลงไปนั่งข้างล่างเตียงตรงปลายเตียงของพัชทั้งคู่นั่งลงอย่างเงียบเงียบพร้อมกับตั้งใจฟังสิ่งที่พัชจะเล่าต่อทันที

“ความรักที่แตกต่างของคนสองคนที่รักกัน ฝ่ายหญิงกับฝ่ายชายทั้งที่รู้เหมือนกันว่าคนทั้งสองรักกันแต่พอถึงจุดจุดหนึ่งมันก็มีการเปลี่ยนไปเพราะว่าคนทั้งคู่เข้าใจความหมายของคำว่ารักที่ต่างกันเมื่อมารู้ตัวอีกทีมันก็สายเกิน ทั้งที่คนทั้งคู่ยังรักกันมากแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้เพราะเหตุผมบางอย่างที่มันอยู่เหนือคำว่ารัก”พัชพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ความหมายของคำว่ารักที่ต่างกันงั้นหรือครับมันคืออะไรล่ะ”ไคถาม

“ความต่างคือสิ่งที่คนเราต้องการจากความรักยังไงล่ะ อย่างฝ่ายหญิงในนิยายของข้านี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีเชียวล่ะ ความห่างของอายุก็ส่งผลต่อความหมายของคำว่ารักเช่นกัน หญิงสาวในนิยายของข้าอายุห่างจากชายหนุ่มสิบกว่าปี แรกแรกเธอรักชายหนุ่มคนนั้นมากเพราะชายหนุ่มเป็นผู้ชายที่ดีไม่เจ้าชู้ไม่เล่นการพนันดูแลงานบ้านทำทุกอย่างให้หญิงสาวมีความสุขหากหญิงสาวอยากทำอะไรชายหนุ่มจะสนับสนุนทุกอย่างหญิงสาวอยากทำจมูกหรือดัดฟันก็ยินดีอะไรก็ตามที่หญิงสาวทำแล้วมีความสุขชายหนุ่มจะยอมเธอตลอดทุกครั้งที่หญิงสาวมีปัญหาชายหนุ่มจะคอยรับฟังและให้คำปรึกษาหญิงสาวคนรักตลอดจนหญิงสาวตอบแทนความรักด้วยการ บอกรักชายหนุ่มทุกวันแต่ตัวชายหนุ่มไม่เคยบอกรักหญิงสาวก่อนเลยซักครั้งนอกเสียจากเธออยากได้ยินเสียงบอกคำว่ารักจากปากของเขาหญิงสาวรักชายหนุ่มมากจนบอกกลับชายหนุ่มว่าชีวิตของเธอคงขาดผู้ชายคนนี้ไม่ได้หากขาดชายหนุ่มไปชีวิตของเธอจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร ชายหนุ่มได้ฟังก็ดีใจมากแต่เก็บความรู้สึกเอาไว้เพราะความต่างของอายุการผ่านชีวิตที่ต่างกันการเผื่อใจเผื่อความรู้สึกไว้ถือเป็นการป้องกันตัวแบบเบื้องต้นของความรู้สึก เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าพิษสงของความรักนั้นมันเจ็บปวดขนาดไหนหลังจากนั้นไม่นานทั้งสองคนอยากมีพยานรักไว้แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะยังไม่มีเพราะความไม่พร้อมเรื่องฐานะการเงินจึงหาสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงแทนเพื่อเป็นพยานรักแด่คนทั้งคู่ เป็นแมวเปอร์เซียสีขาวทั้งตัวทั้งคู่รักแมวตัวนั้นมาก แต่เวลาที่ต่างกันฝ่ายหญิงเองมีเวลาไม่มากเพราะส่วนใหญ่หลังจากเรียนหนังสือและต้องทำงานต่ออีกฝ่ายชายจึงอยู่กับแมวซึ่งเป็นพยานรักมากกว่าหญิงสาว ความผูกพันย่อมมีมากกว่าตัวชายหนุ่มมองดูแมวก็เปรียบเหมือนกับความรักของคนทั้งคู่แต่ระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คนฉันใดย่อมเป็นฉันนั้นจริงจริง เมื่อหญิงสาวเริ่มโตขึ้นเห็นโลกมากขึ้นลุ่มหลงความอยากได้และอยากมีหลงใหลในสิ่งจอมปลอม ความอยากได้อยากมีเมื่อมันอยู่เหนือความรู้สึกเมื่อไหร่ความรักก็นับเวลารอคอยการเลิกลา ในเมื่อชายหนุ่มให้ในสิ่งที่หญิงสาวต้องการไม่ได้ ชายหนุ่มให้ได้เพียงคำสัญญาเท่านั้นหากว่าหญิงสาวอยากจากลาหรือว่าความรักของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวต้องเจ็บปวดชายหนุ่มก็ไม่ขอรั้งและทำร้ายหัวใจเธอ เมื่อเธอบอกเลิกชายหนุ่มก็ยอมแต่โดยดีโดยไม่ต่อว่าหรือถามเธอซักคำ สิ่งใดที่หญิงสาวต้องการชายหนุ่มยินยอมให้เธอได้ทุกอย่างแม้แต่พยานรักของคนทั้งสองสิ่งที่ชายหนุ่มจดจำฝังใจคือคำว่า หล่อนไม่ต้องการอะไรจากชายหนุ่มอีกแล้ว

“โอ้ยยยยย ไม่เห็นสนุกเลย ไอ้เรารึนั่งฟังตั้งนาน ความรักอะไรข้าก็ยังไม่เข้าใจเลย”จัมพ์พูดแทรกขึ้นมาทันที

“แกนี่ไม่เข้าใจความเจ็บปวดรึไง ไหนจะอกหักคนรักทิ้ง ยังต้องเสียสัตว์เลี้ยงแสนรักอีก แกคิดดูมันจะเศร้าแค่ไหน ข้ารับรองไม่มีนิยายเรื่องไหนที่เหมือนเรื่องนี้แน่นอน เป็นไงนิยายรักแสนเศร้าของข้า”พัชพูดด้วยความมั่นใจอย่างสูงแล้วจึงยืนขึ้นกำหมัดไว้แนบอก แสดงถึงความมั่นใจเอามากมากไคกับจัมพ์นั่งมองอาการของความมั่นใจของพัชแล้วไม่กล้าขัดใจหรือขัดขวางความเชื่อมั่นของหมอนี่จริงจริง

“สุดยอดเลย นิยายของนายผมเชื่อว่าความมุ่งมั่นและความตั้งใจจะส่งผลให้นายทำความฝันให้เป็นจริงได้แน่แน่”ไคพูดให้กำลังใจพัชด้วยความเห็นใจ

“จริงเหรอไค แกคิดอย่างนั้นจริงจริงนะ อย่างน้อยก็ยังดียังมีคนเห็นพลังแห่งจิตวิญญาณในตัวข้าขอบใจมากนะไค แกเป็นแรกที่มองเห็นมัน เมื่อมีคนแรกย่อมต้องมีคนที่สองเสมอ จริงมั้ย”พัชพูดไปแล้วคว้ามือของไคมากุมไว้แสดงความขอบคุณไคจากใจของเค้าจริงจริงจนจัมพ์เห็นแล้วไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย

“จริงสิข้าไงล่ะ ข้าคือคนที่สองไงล่ะฮ่า ฮ่า”จัมพ์ยืนขึ้นแล้วจับมือของคนทั้งสองไว้เพื่อแสดงความจริงจริงใจแต่ดูเหมือนว่าพัชมองออกถึงความเสแสร้งของจัมพ์

“โคตร จริงใจเลยนะแก”พัชเอ่ยขึ้น

“ทำไมแกไม่เชื่อข้าวะ ที่เจ้าไคแกยังเชื่อมันเลยโธ่ ลำเอียงนี่หว่า”จัมพ์พูดขึ้นแล้วลุกขึ้นจากเตียงแล้วคว้าคอเสื้อเจ้าพัชเข้ามาหาทำท่าเหมือนจะหาเรื่องเจ้าพัช

“อะไรของแกเนี๊ยะ แกจะทำอะไรข้าไอ้พวกป่าเถื่อนไอ้พวกไม่มีสมองใช้แต่กำลัง ไคช่วยข้าด้วย”พัชพูดขึ้นแล้วหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากไค แต่ในตอนนั้นไคได้แต่นั่งหัวเราะจนท้องแข็งแล้วทั้งสามคนก็หัวเราะออกมาโดยไม่รู้สาเหตุจริงจริง ทั้งสามคนนอนเล่นอยู่บนเตียงอยู่ครู่หนึ่งจัมพ์จึงเอ่ยขึ้น

“พัช แกสอนข้าขับรถหน่อยสิข้าอยากขับรถเป็นเห็นว่าเวลาว่างพอดี”จัมพ์พูดขึ้น

“ได้สิ เดี๋ยวข้าจะสอนให้ทั้งคู่เลยไปด้วยกันมั้ยไค”พัชตอบแล้วจึงหันไปชวนไคอีกคน

“พัชสอนจัมพ์ก่อนเลยผมยังไม่อยากออกไปไหนครับผมขออยู่เฝ้าของที่ห้องดีกว่าเชิญตามสบายเลย”ไค

“ถ้าอยากหัดก็ตามมาละกันนะแก”จัมพ์พูดก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินออกจากห้องพักไป

                หลังจากที่จัมพ์กับพัชได้เดินไปจากห้องพัก ไคจึงเดินไปที่หน้าต่างบ้านพักแหวกผ้าม่านสีน้ำเงินตรงหน้าต่างออกจนมองเห็นบรรยากาศด้านนอกซึ่งเหมือนกับว่าข้างนอกฝนเพิ่งจะหยุดตกได้ไม่นาน ไคคิดขึ้นภายในใจว่านี่เราไม่รู้สึกตัวเลยรึนี่ว่า ข้างนอกห้องมีฝนตก ห้องนี้ถูกออกแบบมาได้ดีจริงจริงสามารถเก็บเสียงได้ดีทำให้ภายในตัวบ้านดูเงียบสงบมาก ภายนอกบ้านไคเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวไปมาอยู่ที่ใต้พุ่มไม้ไคลองจ้องดูให้ชัดมันคือลูกสุนัขตัวเล็กเล็กที่ดูสีไม่ออกเลย ว่าสีอะไรเพราะเนื้อตัวมอมแมมไปด้วยคราบโคลน นอนหนาวสั่นไปทั้งตัว ไคจึงรีบวิ่งออกไปทันทีแล้วจึงช่วยเหลือสุนัขตัวน้อย ที่สภาพอ่อนแรงเหมือนใกล้จะหมดลมหายใจ ไคใช้ผ้าขนหนูอุ่นอุ่นที่มีอยู่ในห้องพักอยู่หลายผืนนำมาห่อตัวลูกสุนัขไว้แล้วอุ้มเข้ามาในห้องพักแล้วจึงหานมให้ลูกสุนัขกินและคอยประถมพยาบาล เพื่อจะช่วยชีวิตเจ้าลูกสุนัขตัวนี้ให้ได้

“อย่าเป็นอะไรนะเจ้าหมาน้อย แกปลอดภัยแล้วไม่ต้องกลัวนะ”ไคเอ่ย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา