RED STONE WAR

9.0

เขียนโดย nemon

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.

  86 ตอน
  9 วิจารณ์
  63.37K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ออกเดินทาง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ภาคที่สอง

                 กาลเวลาผ่านไปยาวนานหลายชั่วโมงจนดวงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเริ่มมืดลงอย่างช้าช้าตามแสงตะวันที่ค่อยค่อยเลือนหายไป พอดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าจนหายวับไป สายลมยามค่ำเริ่มพัดผ่าน ไคเริ่มรับรู้ถึงกลิ่นไอของยามค่ำคืน ประสาทสัมผัสรับรู้ได้ทุกสรรพสิ่ง เขาลืมตาตื่นขึ้นภาพแรกที่มองเห็นคือท้องฟ้ายามค่ำที่มืดสนิทมองเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า นี่กี่โมงแล้วนะแล้วเราหลับไปนานขนาดไหนกัน ไค รีบลุกขึ้นมาทันที เค้ากวาดสายตามองไปรอบรอบบริเวณที่เค้าอยู่ ตัวเค้าฉุดคิดในใจว่าเค้ายังอยู่ที่เดิมตรงที่เค้าได้อยู่กับหญิงสาว เรนโบว์ นั่นเอง เค้าเริ่มคิดถึงเธอและเป็นห่วงความปลอดภัยของเธออย่างจับใจ เค้าจะทำอย่างไรต่อไปดี จะเริ่มจากตรงไหนดี เค้าซึ่งไม่มีอนาคต ไม่มีอดีต ไม่มีความทรงจำ เค้าจะใช้ชีวิตยังไงต่อไปดี ไคได้รวบรวมสติอีกครั้ง งั้นเริ่มจากจุดเริ่มแรกเลยดีกว่า เราต้องกลับไปที่ห้องที่เราเจอเรนโบว์ครั้งแรก  

               ไคจึงเดินทางกลับไปที่ห้องที่เค้าและเรนโบว์ได้หลบหนีออกมาทันที ไคเดินทางย้อนกลับไปทางเดิมที่เค้ามา ตัวเค้าเองไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าที่ที่เค้าอยู่นั้นมันคือที่ไหน ในเมืองอะไร ไคเดินทางกลับถึงเริ่มต้นอีกครั้งแต่พอมาถึงบริเวณใกล้ใกล้ตึกที่เค้าตื่นขึ้นมาครั้งแรกแต่ไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากมีรถตำรวจเต็มไปหมดเพราะด้านล่างของตึกนั้นเกิดเหตุเพลิงไหม้ ไฟเพิ่งจะมอดลง ไคได้สอบถามผู้คนแถวนั้นก็ได้รับคำตอบว่า เกิดเหตุแก๊สระเบิดขึ้นชั้นล่างของตึกจึงห้ามทุกคนเข้าไปในบริเวณนั้น และรู้ว่าตอนนี้ตัวเค้าเองได้อยู่ที่จังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งที่อยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย สังเกตจากรถตำรวจที่เขียนว่า สภอ เมืองแพร่ ไคเองคิดว่าตัวเค้าไม่สามารถยืนยันตัวตนของเค้าได้เลย เพราะเค้าไม่มีหลักฐานอะไรที่จะใช้ยืนยันตัวตนของเขาได้ ถ้าไปหาตำรวจ ตอนนี้ คงไม่ดีแน่ เค้าควรหาทางอื่นดีกว่า ไคจึงเดินทางออกจากจุดนั้นทันที เค้าเดินทางด้วยเท้าเดินไปตามถนน เดินไปเรื่อยเรื่อยในยามค่ำคืน ที่ที่เค้าอยู่นี้มันชั่งเงียบสงบเสียเหลือเกินผู้คนก็บางตา ยามค่ำมืด คนส่วนใหญ่ที่นี้ ต่างก็เข้านอนกันหมด มันทั้งเงียบและมืดมาก ไคเริ่มสับสนไปหมดแต่เค้าก็ยังเดินทางด้วยเท้าต่อไปเรื่อยเรื่อย จนมาถึงสุดถนน ตรงทางข้างหน้ามีด่านตรวจ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจห่างจากตัวเค้าประมาณสองร้อยเมตร ตั้งด่านอยู่หากตัวเค้าเดินผ่านไปคงถูกตรวจค้นเป็นแน่ ซึ่งเค้าไม่มีแม้แต่บัตรประชาชน ต้องเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเค้าแน่นอน เค้าจึงลัดเลาะ อ้อมเข้าไปทางป่ารกทึบ เดินออ้มด่านตรวจไป พอเดินไปได้ซักพักนึง

                 ทางข้างหน้าเป็นผืนนาหลายร้อยไร่ ซึ่งไคเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนพื้นที่กว้างมากเต็มไปด้วยต้นกล้าข้าว ไคเดินทางต่อไปพลางคิดในใจเรามาทำอะไรอยู่ที่นี้นะทำไมเราไม่ไปหาตำรวจให้ตำรวจตามหาคนที่รู้จักเรานะ เราจะได้ไม่ต้องมาเดินบ้าอยู่ที่นี้ ไคเดินไปจนสุดปลายคันนา ทางข้างหน้าที่จะเดินทางต่อไปกลับเป็นป่ารกทึบเหมือนดงป่าที่เต็มไปด้วยต้นสักจำนวนมาก เหมือนมืคนมาปลูกเอาไว้ พงป่าด้านหน้ามันมืดมากมีเพียงแสงของดวงจันทร์เท่านั้นที่พอจะนำทางของเขาให้ไปต่อไปได้ไคค่อยค่อยเดินเข้าไปในป่าสักนั้นเค้ามองเห็นท่อนไม้ไผ่ความยาวและขนาดพอดีมือ เค้าจึงหยิบมันขึ้นมาการที่มีไม้ไว้ในมือเวลาเดินป่าในเวลากลางคืนมันคงพอช่วยให้เค้าอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง ไคเดินต่อไปเรื่อยเรื่อยจนไม่รู้ว่าเค้าเดินมานานเท่าไหร่ตลอดทางที่เค้าเดินมาสองข้างทางมืดสนิทมีแต่เสียงแมลงและสัตว์ขนาดเล็กวิ่งไล่กันตลอดสองข้างทางที่เค้าเดินมา

             ไคเดินมาได้สักพักก็หลุดพ้นดงป่าไม้สักออกมาได้ แต่ทางข้างหน้ากลับมีคลองระบายน้ำกว้างประมาณสามวาเห็นจะได้ ฝั่งตรงกันข้ามของชายคลองเค้ามองเห็นว่าเป็นป่ารกทึบอีก เค้าจึงตัดสินใจเดินไปตามริมคลองระบายน้ำดีกว่า อาจจะได้เจอบ้านคนบ้าง เค้าเองคิดเอาไว้ว่าจะยอมไปหาตำรวจแล้วเค้าไม่อยากเดินทางโดยไร้จุดหมายแบบนี้อีกแล้ว ไคเดินทางไปได้อีกสักระยะหนึ่ง เค้ามองเห็นแสงไฟเล็กเล็กจากระยะไกล ใช่แล้วละบ้านคน เค้าดีใจที่ได้เห็นบ้านคนครั้งนี้มากเค้าจึงตัดสินใจรีบเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะไปที่บ้านหลังนั้น พอไคไปถึงแสงไฟเล็กเล็กนั้น เค้ากลับมองเห็นบ้านนั้นเป็นเพียงกระท่อมเล็กเล็ก บ้านที่ทำจากสังกะสีผุผุเก่าเก่า ที่เต็มไปด้วยคาบของสนิม แสงไฟที่เค้ามองเห็นคือแสงไฟที่ลอดผ่านรูพรุนของสังกะสีที่เอามาทำฝาบ้านนั้นเอง

“สวัสดีครับ มีใครอยู่มั้ยครับ” เสียงไคตะโกนเพื่อบอกเจ้าของบ้านให้ได้ยิน มีใครอยู่มั้ยครับ พอดีผมหลงทางมา ไคตะโกนย้ำไปอีกครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงใดใดตอบกลับมาจากภายในบ้านเลย

---แอ๊ดดดด---

เสียงประตูสังกะสีผุพังค่อยค่อยเปิดออก ภาพที่ไคเห็นก็คือ เด็กผู้หญิงตัวเล็กเล็กอายุประมาณสิบขวบ หน้าตามอมแมม เหมือนพึ่งออกมาจากในครัวงั้นแหล่ะเด็กน้อยผมสั้น ตาเล็ก ผิวขาวเนื้อตัวมอมแมม เสื้อที่เด็กน้อยสวมใส่เป็นลายแนวขวางสีแดงแต่เปรอะเปื้อนไปด้วยเขมาสีดำทั้งตัว ไคมองเห็นกระโปรงสีเขียวที่เปื้อนฝุ่นผงเหมือนเช่นเสื้อของเธอ หลบอยู่หลังประตูสังกะสีจ้องมองดูเค้าอย่างกล้ากล้ากลัวกลัว ซึ่งไคสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเด็กน้อยกำลังกลัวเค้าอยู่

“แม่หนูน้อย ไม่ต้องกลัวฉันหรอก ฉันแค่หลงทางมา หนูอยู่ที่นี้คนเดียวเหรอพ่อกับแม่หนูล่ะ” ไคถามเด็กน้อยด้วยเสียงที่ราบเรียบและเป็นมิตร เด็กน้อยค่อยค่อยขยับบานประตูออกมาอีกนิด ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองดูเค้าอย่างสงสัย

“หนูอยู่กับคุณตาค่ะ” เด็กน้อยตอบ “คุณตาหนูอยู่ในบ้านคุณตาหนูไม่ค่อยสบาย หลงทางมาเหรอค่ะ”

“อ๋อ จ๊ะ พี่หลงทางมา” ไคตอบ ด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร เด็กน้อยยิ้มตอบกลับ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา