RED STONE WAR

9.0

เขียนโดย nemon

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.

  86 ตอน
  9 วิจารณ์
  63.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

46) เนียโอกอยส์ 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               พอไคและจัมพ์เล่าเรื่องราวที่ผ่านมาของพวกเค้าให้ลุงเคนฟังจนหมด ลุงเคนได้แต่นั่งเงียบเหมือนกับว่าเค้ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ เค้าเหลือบมองไปทางหนังสือเล่มหนาที่เค้าถือมาด้วยตอนที่มาถึงห้อง หนังสือเล่นเก่าเก่าเล่มนั้นต้องมีอะไรบางอย่างที่พิเศษแน่แน่ ส่วนแปปซีเองฟังเรื่องราวที่ไคและจัมพ์เล่าก็นิ่งเงียบเช่นกันโดยไม่พูดอะไรเลยแต่ดูท่าทาง แปปซีจะเริ่มนิ่งและซึมตาเริ่มปรืออาจเป็นเพราะความง่วงนอนที่คอยรบกวนเค้าตลอดเวลา เหตุเพราะเวลานี้ก็เริ่มดึกมากมองดูนาฬิกาก็เกือบจะตีสามแล้ว

“ไค ทำไมโจเซฟมันนอนแน่นิ่งนานแล้วนะ ปรกติมันร่าเริงแทบจะตลอดเวลาข้าว่ามันแปลกแปลกไปนะ”จัมพ์เอ่ยขึ้น หลังจากที่เห็นอาการโจเซฟที่เอาแต่นอนตลอดเวลา

“ลุงเคนครับ ผมมีข้อสงสัยอยากจะถาม”ไคเอ่ยขึ้น

“เจ้ามีอะไรอยากถามข้าพเจ้างั้นรึ”ลุงเคน

“เนียโอกอยส์ คืออะไรหรือครับทำไมพอทุกคนได้ยินชื่อนี้แล้วต้องตกใจกันด้วย โดยเฉพาะ คุณฮันนี่”ไคเอ่ย

“ฮันนี่ นะรึ”ลุงเคน

“ใช่ครับคุณฮันนี่มีอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ”ไค

“เนียโอกอยส์ยังงั้นรึ ข้าพเจ้าจะอธิบายอย่างไรดีนะเอาอย่างนี้ เจ้ารอข้าพเจ้าสักครู่”ลุงเคนกล่าว

                 พอลุงเคนพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปที่บริเวณด้านหลัง โต๊ะทำงานของเขาตรงชั้นหนังสือด้านริมสุด ถัดจากโต๊ะที่ตั้งโคมไฟเปลือกหอยสีทอง ลุงเคนก้มลงหยิบหนังสือปก กำมะหยี่สีแดงเลือดหมูขึ้นมาเล่มหนึ่ง ขนาดของหนังสือไม่ใหญ่มาก ด้านหน้าปกมีรูปหัวแพะสีดำติดอยู่ ลุงเคนหยิบหนังสือขึ้นมาปัดฝุ่นสองสามทีจนฝุ่นฟุ้งกระจาย นำมันมาวางบนโต๊ะแล้วเค้าจึงเปิดหาหน้าที่ต้องการอยู่ครู่หนึ่ง

“โฮะ โฮะ เจอแล้วล่ะหน้าที่ร้อยห้าสิบแปด พวกเจ้าจะอ่านเองหรือจะให้ข้าพเจ้าอ่านให้ฟังดีล่ะ”ลุงเคนเอ่ยขึ้น

“ลุงเคนอ่านเถอะครับ พอดีผมอ่านหนังสือไม่ค่อยออกจำได้บ้างไม่ได้บ้าง”ไคเอ่ยขึ้น

“โธ่ ลุงก็ไคความจำมันหายไป ส่วนข้าก็เรียนมาน้อยอ่านก็ลำบากเห็นหนังสือแล้วข้าก็ขนลุกไปทั้งตัวละ ข้ากับหนังสือมันเป็นของไม่เข้ากันจริงจริง ให้ลุงอ่านให้ฟังนั่นแหล่ะดีแล้ว”จัมพ์

“ความทรงจำที่หายไป ทำให้เจ้าอ่านหนังสือไม่ออกเลยรึ”ลุงเคนเอ่ยปากถามไค

“ไม่ครับพออ่านได้แต่เหมือนกับว่ามันไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่”ไค

“ถ้างั้นก็แสดงว่ายังพออ่านออกเขียนได้อยู่สินะ”ลุงเคน

“ครับ พออ่านออกเขียนได้”ไค

“ถ้าอย่างนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดี หากจะกล่าวว่า ความทรงจำที่หายไปนั้นมันไม่อาจที่จะนำมันกลับคืนมาได้อีก แต่ก็ใช่ว่าเราจะหาความรู้เพิ่มเติมไม่ได้จริงมั้ย ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเรียนรู้ สมองของมนุษย์เราสามารถเรียนรู้เรื่องใหม่ใหม่ ได้โดยไม่มีจำกัด ความรู้ใหม่ใหม่ที่เข้ามาในหัวของเรา เริ่มแรกย่อมไม่สามารถเข้าใจได้กระจ่างแจ้ง แต่เมื่อความรู้ใหม่อยู่กับเราซักพักหนึ่ง ความรู้ใหม่ก็จะกลายเป็นความรู้เก่าของเราไปและจะทำให้ความรู้เหล่านั้นคงอยู่กับเราไปตราบนานเท่านาน แต่หากว่าความรู้ที่มีของเรา ตัวเราเองหากอยากถ่ายทอดให้ความรู้ของเราสืบทอดต่อไป โลกใบนี้ก็ยังมีหนังสือเอาไว้ให้เราใช้ศึกษาและสืบทอดต่อกันไปได้ นำความรู้ที่มีบันทึกเป็นตัวอักษรเพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป”ลุงเคนกล่าว

“โลกมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลานะลุง ยุคนี้มันเป็นยุคของคอมพิวเตอร์แล้วไม่มีใครมาคอยนั่งอ่านหนังสือให้เสียเวลากันหรอก”จัมพ์พูดแทรกขึ้น

“อันนั้นที่เจ้ากล่าวมาก็ถูกอีก ถึงแม้ว่าโลกมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแต่อย่าลืมสิ ว่าหนังสือก็ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณสืบทอดมาเรื่อยเรื่อยจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะผ่านมาหลายพันปี แต่หนังสือก็ถูกสร้างขึ้นมาเรื่อยเรื่อยไม่มีหยุด แม้แต่หนังสือบางเล่มที่ถูกเขียนขึ้นตั้งหลายร้อยปีก่อนจนคนแต่งหนังสือตายจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ว่าความรู้ที่เค้ามีที่สืบทอดลงเป็นตัวอักษรเป็นบันทึกต่างต่างก็ยังคงอยู่ ชั่วลูกชั่วหลาน หนังสือเล่มแรกที่ข้าพเจ้าได้อ่านคือหนังสือของท่านปู่ข้าพเจ้าเอง หนังสือเล่มนั้นไม่ได้เล่มใหญ่โตอะไรมากมายเนื้อหาเองก็ไม่มีสาระสำคัญอะไร เพียงแต่ว่ามันคือหนังสือที่ท่านปู่ของข้าพเจ้าเขียนขึ้นมาเองเป็นหนังสือที่มีอยู่เพียงเล่มเดียวในโลก เนื้อหาภายในหนังสือก็เป็นเรื่องราวคล้ายนิทานอ่านเล่น มีทั้งคำสอนต่างต่างมากมาย รวมถึงวิธีเก็บผลไม้ป่า การสังเกตดูเห็ดพิษ วิธีการใช้อาวุธแบบง่ายง่าย หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า ปู่สอนหลาน ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าทุกข์ใจหรือเสียใจ ข้าพเจ้าจะคิดถึงท่านปู่ของข้าพเจ้าเสมอ ถึงแม้ว่าท่านจะจากโลกนี้ไปนานมากแล้วก็ตาม ข้าพเจ้าจะหยิบหนังสือเล่นนั้นมาอ่านทุกครั้ง เวลาใดที่อ่านหนังสือเล่มนั้น ข้าพเจ้าจะมีความรู้สึกเหมือนกับว่าได้คุยกับท่านปู่ทุกครั้ง และทุกครั้งที่ข้าพเจ้าแก้ปัญหาในชีวิตไม่ได้ ข้าพเจ้าก็จะเปิดหนังสือเล่มเดิม พวกเจ้าเชื่อหรือไม่ข้าพเจ้าสามารถอ่านหนังสือเล่มนั้นได้ซ้ำไปซ้ำมาโดยไม่มีเบื่อเลยจริงจริง”ลุงเคนกล่าวด้วยเสียงราบเรียบเช่นเคย

“หนังสือเป็นสิ่งที่วิเศษจริงจริงนะครับ”ไคเอ่ยขึ้นมา ลุงเคนมองหน้าไคกลับพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร

“ใช่แล้วล่ะ หนังสือเป็นสิ่งวิเศษที่ถูกสร้างอย่างตั้งใจ หากว่าเจ้าสนใจจะอ่านหนังสือเจ้าก็เข้ามาอ่านหนังสือในห้องนี้ได้นะ ข้าพเจ้าอนุญาติ ไหนไหนพวกเจ้าก็ถูกคำสั่งของหัวหลุยส์ให้กักบริเวณห้ามออกจากอาคารแห่งนี้ ถ้าว่างก็มาหัดอ่านหัดเขียนได้ แต่มีข้อแม้นิดหน่อยนะ”ลุงเคนกล่าว

“นั้นไงล่ะ มีข้อแม้จนได้ข้าว่าแล้วว่าทำไมใจดีให้พวกเราอ่านหนังสือพวกนี้ได้ ของฟรีไม่มีในโลกจริงจริง”จัมพ์สวนขึ้นมา

“โฮะ โฮะ ถูกต้องอย่างที่เจ้าว่านั่นแหล่ะ พวกเจ้าต้องช่วยข้าพเจ้าซ่อมหนังสือด้วย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนตกลงมั้ยละ”ลุงเคนกล่าวพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย

“ข้าว่าอย่าดีกว่านะไค ถ้าหากจะอ่านหนังสือก็ไม่เห็นยากเลย ที่ชั้นสี่ของที่นี่ก็มีห้องสมุดไม่ใช่เหรอเราไปอ่านที่ชั้นบนก็ได้ไม่เห็นจะต้องมาซ่อมหนังสือเก่าเก่าพวกนี้เลย”จัมพ์พูดเบาเบาข้างหูไค

“จัมพ์ แต่ผมไม่คิดแบบนั้นนะดูจากหนังสือเก่าเก่าพวกนี้สิ หนังสือพวกนี้เป็นหนังสือเก่าแก่ที่มีคุณค่ามาก ใช่ว่าจะหาอ่านกันได้ง่ายง่าย เพียงแต่ถูกเก็บเอาไว้นานมากบางเล่มจึงชำรุดเสียหายไปบ้าง หากเราจะอ่านหนังสือก็เริ่มจากการซ่อมแซมหนังสือไปด้วย พอเราซ่อมแซมเสร็จคนอื่นก็ยังได้อ่านหนังสือดีดีอีก ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะ”ไค

“แต่ข้ากลัวว่าจะเป็นยิงปืนนัดเดียว ไม่ได้นกซักตัวแถมโดนด้ามปืนกระแทกใส่หน้าอีกนะสิ เห้อออ ถ้าแกว่าดีข้าก็ว่าดีแล้วแต่แกละกันไค ข้ายังไงก็ได้แต่ข้าบอกก่อนนะข้าช่วยซ่อมได้นะแต่ข้าไม่อ่านหรอกนะหนังสือนะ อ่านแล้วข้าง่วงนอน”จัมพ์กล่าว พร้อมกับทำหน้าหมดอะไรตายอยากอย่างเห็นได้ชัด

“โฮะ โฮะ น่าสนใจจริงจริงพวกเจ้าทั้งสองคน”ลุงเคนหัวเราะเบาเบาในขณะที่นั่งมองไคและจัมพ์

“ลุงเคนครับแล้วเรื่องของ เนียโอกอยส์ ละครับ”ไคถามขึ้น

“นั่นสินะลืมไปเลย โฮะ โฮะ งั้นข้าพเจ้าจะอ่านให้พวกเจ้าฟังละกัน”พอลุงเคนพูดจบก็หยิบหนังสือปกสีแดงเลือดหมูเล่มเดิมขึ้นมา แล้วเปิดหน้าที่ร้อยห้าสิบแปดลุงเคนเล่าไปพร้อมกับอ่านหนังสือประกอบไปด้วย

                  ลุงเคนเล่าว่า เนียโอกอยส์คือชื่อที่เหล่าผู้มีพลังอักขระวิเศษของผลึกใช่เรียกปีศาจนักล่าจำพวกหนึ่งที่คิดว่าเป็นสายพันธ์ใหม่ ที่ยอมสละร่างมนุยษ์ยอมเป็นร่างปีศาจอย่างที่พวกเจ้าพบเจอ แต่จริงจริงแล้ว เนียโอกอยส์ก็คือมนุษย์แต่ด้วยข้อกำหนดของพลังอักขระที่กำหนดเอาไว้ ว่าห้ามผู้ที่มีพลังของอักขระเกินกว่ายี่สิบชนิด หากใครก็ตามที่มีพลังสามารถรวบรวมพลังเกินยี่สิบชนิดเมื่อใด คนผู้นั้นก็ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปร่างกายของคนผู้นั้นก็จะเปลี่ยนไปเป็นร่างกายปีศาจหรืออสูรต่างต่าง เปลี่ยนไปตามลักษณะของพลัง ซึ่งไม่สามารถถอดถอนหรือแก้คำสาปใดใดได้เลยนอกเสียจากจะสิ้นลมหายใจเท่านั้น

“ถ้าอย่างนั้นสัตว์ประหลาดที่พวกผมเห็นก็คือ ร่างกายมนุยษ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจนกลายเป็นร่างของอสูรอย่างนั้นเองหรือครับ”ไคถามขึ้น

“ถูกต้องแล้วล่ะ”ลุงเคนตอบ

“แสดงว่าการที่จะกลายร่างเป็น เนียโกอยส์ได้คนเหล่านั้นจะต้องฆ่าคนที่มีพลังพิเศษไปมากมายเลยนะสิครับ”ไคถามต่อ

“ใช่แล้วล่ะ เดิมทีคนพวกนั้นก่อนที่จะเป็นเนียโอกอยส์ พวกเค้าก็เป็นผู้มีพลังแบบเดียวกับพวกเรานี่แหล่ะ แต่ด้วยความโลภครอบงำทำให้คนเหล่านั้นหลงใหลในพลังของผลึก จึงออกไล่ล่าตามหาความสามารถต่างต่าง เพื่อที่จะมาเพิ่มพลังให้กับตนเอง ทำให้ตนเองแข็งแกร่งกว่าใครหรืออาจจะเรียกได้ว่า เหล่าพวกที่ถูกเรียกว่าเนียโอกอยส์ทั้งหลายนั้นถือได้ว่าเป็นศัตรูตัวร้ายของผู้มีพลังอักขระพิเศษเลยก็ว่าได้”ลุงเคนกล่าว

“ศัตรู อย่างนั้นหรือครับหมายความว่ายังไง ก็คนเหล่านั้นก็เป็นผู้มีพลังของผลึกเหมือนกันไม่ใช่หรือครับ”ไค

“อย่างที่เจ้าพูดก็ถูก แต่เหล่าผู้ที่เป็นเนียโกอยส์แล้วจะเรียกได้ว่าแทบจะสูญเสียความเป็นมนุยษ์ไปจนหมดสิ้น เหล่าเนียโอกอยส์จะทำทุกวิธีที่จะแย่งชิงพลังจากผู้ที่มีพลัง ไม่ว่าจะเป็นการสังหารเหล่าผู้มีพลังเพื่อให้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา