RED STONE WAR

9.0

เขียนโดย nemon

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.

  86 ตอน
  9 วิจารณ์
  63.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

68) ปิดฉากการแข่งขัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

จากการฟาดเข้าไปที่ต้นขาทั้งสองข้างของจัมพ์ เสียงของจัมพ์ร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ตามด้วยการหมุนตัว เปลี่ยนมาเป็นท่าแทงหัวไหล่ทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นจัมพ์เองแทบจะยืนไม่อยู่สายตาที่กำลังจะพล่ามัวมองเห็นนัสโกฟิว ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ของเค้ากำลังตั้งท่าสุดท้าย น่าจะเป็นท่าที่จะใช้เผด็จศึกครั้งนี้ เป็นท่าแทงแบบทุ่มสุดตัวซึ่งเป็นท่าที่เค้าถนัด นัสโกฟิวตั้งท่าเตรียมแทงยืนเล็งเป้าหมายอย่างใจเย็น ในขณะที่จัมพ์ก็กำลังยืนโงนเงนอยู่ นัสโกฟิวพุ่งตัวทะยานออกมาพร้อมกับใช้ท่าแทงหมายพิชิตศึก เป้าหมายคือ บริเวณจุดตายกลางหน้าอกของจัมพ์

                      จัมพ์เองเมื่อเห็นดังนั้นเค้าจับดาบไม้ไว้แน่นพร้อมกับงัดดาบสะบัดขึ้นสุดแรงจนดาบลอยขึ้นไปในอากาศ เป็นจังหวะเดียวกันกับปลายด้ามพลองของนัสโกฟิวแทงเข้าที่จุดกลางหน้าอกของจัมพ์พอดี จัมพ์เองใช้มือทั้งสองข้างจับปลายด้ามพลองเอาไว้เพื่อลดแรงกระแทก ใช้ขาทั้งสองข้างยันพื้นเอาไว้แน่นทุกอย่างหยุดนิ่งลง พร้อมกับเสียงกองเชียร์ที่ต่างนิ่งเงียบด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น จัมพ์ที่อยู่ในท่ายืนค่อยค่อยแหงนหน้ามามองนัสโกฟิวที่หยุดนิ่งด้วยท่าแทงพร้อมกับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนที่เค้าจะค่อยค่อยหลับตาแล้วหมดสติไปในท่ายืน ทางด้านนัสโกฟิวเองก็พยายามจะดึงไม้พลองออกแต่ก็ไม่เป็นผล ในสภาพที่จัมพ์ยืนหมดสติไปแล้วนั้น มือของจัมพ์ก็ยังคงจับปลายไม้พลองเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

                       เสียงของกองเชียร์เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อผู้เข้าชมได้เห็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ในขณะที่ นัสโกฟิวกำลังพยายามดึงไม้พลองออกจากมือของจัมพ์อยู่นั้น ดาบไม้ที่จัมพ์ได้โยนขึ้นฟ้าไปก่อนหน้านี้ได้ลอยลงมาตรงจุดที่นัสโกฟิวยืนอยู่พอดิบพอดี ปลายของดาบไม้ตั้งฉากปักลงมาตรงบริเวณศีรษะของนัสโกฟิว ก่อนที่จะหล่นลงสู่พื้น

“มันจบแล้วสินะ นี่คงจะเป็นการจู่โจมครั้งสุดท้ายของจัมพ์แล้ว”หรั่งที่ยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอ่ยขึ้น ในขณะที่นักกีฬาของทีมสีแดงคนอื่นอื่น ได้แต่ยืนดูอย่างเงียบเงียบ

                      หลังจากนั้นทางด้านคณะกรรมการก็ได้เข้ามาตรวจสอบอาการของจัมพ์ และประกาศว่าทางด้านนักกีฬาของทีมสีเขียวเป็นฝ่ายชนะ เนื่องจากนักกีฬาของทีมสีแดงหมดสติและไม่สามารถที่จะทำการประลองต่อไปได้ เสียงกองเชียร์ของทีมสีเขียวก็ดังกระหึ่มขึ้น ทั้งเสียงกลอง เสียงปรบมือ เสียงคนโห่ร้อง ต่างก็แสดงความยินดีต่อนัสโกฟิวที่มีชัยในการประลองครั้งนี้ แต่ทางด้านนัสโกฟิวเองก็ไม่ได้แสดงอาการดีใจอะไรเลย เค้ากลับยืนจ้องมองไปที่จัมพ์ที่ยืนหมดสติอยู่ในมือยังคงจับปลายไม้พลองเอาไว้แน่น พร้อมกับจ้องมองดาบไม้ที่หล่นอยู่ที่พื้น คล้ายกับว่ายังคงมีเรื่องค้างคาใจของเค้าอยู่ นัสโกฟิวค่อยค่อยก้มลงไปหยิบดาบไม้ขึ้นมา ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในที่พักของนักกีฬาทีมสีเขียว

                      ส่วนทางด้านของจัมพ์ทางคณะกรรมการได้เรียกหน่วยพยาบาลให้เข้ามาดูแลอาการของจัมพ์ ทางหน่วยพยาบาลได้นำจัมพ์วางลงบนเปล แล้วจึงนำตัวจัมพ์ไปปฐมพยาบาลที่ห้องพยาบาลต่อทันที ในขณะที่หน่วยพยาบาลกำลังยกเปลที่มีร่างของจัมพ์นอนหมดสติอยู่ เดินผ่านทางด้านฝั่งที่มีกองเชียร์ของทีมสีแดงอยู่ กองเชียร์ของทีมสีแดงต่างก็ยืนขึ้นและปรบมือเพื่อเป็นเกียรติแก่จัมพ์ เสียงดังไปทั่วทั้งสนามไปจนสุดทางเดิน

                     และเมื่อจัมพ์ได้ถูกส่งตัวไปยังห้องพยาบาลแล้ว ก็เป็นพิธีในการมอบรางวัลในการแข่งขันประจำปี อันดับที่หนึ่งก็คือนักกีฬาของทีมสีเขียว เมื่อมีการประกาศผลอย่างเป็นทางการแล้วก็มีเสียงปรบมือและเสียงผู้คนโห่ร้องเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งสนาม เพื่อแสดงความยินดีกับทีมสีเขียว อันดับที่สองก็คือทีมสีแดง แต่ทว่านักกีฬาของทีมสีแดงได้ส่งตัวแทนมารับรางวัลเนื่องจากนักกีฬาของทีมสีแดงทุกคนต่างก็ไปอยู่ที่ห้องพยาบาลทั้งหมด ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนของเค้านั่นเอง

                    ไม่นานนักทุกอย่างก็เงียบสงบลงเมื่อทางด้านหัวหน้าหลุยส์ผู้เป็นประธานในพิธีได้ประกาศยุติการแข่งขันประจำปี ผู้คนจากตึกต่างต่าง ก็เริ่มที่จะแยกย้ายกันกลับอาคารที่พักของตน ส่วนทางด้านตึกTคงมีการเลี้ยงฉลองใหญ่แน่นอน เพราะก่อนที่จะแยกย้ายกันทางด้าน ไหม ได้ประกาศไปจนทั่วว่าทางตึกT จะมีงานเลี้ยงฉลองในชัยชนะครั้งนี้จึงเรียนเชิญทุกคนไปร่วมฉลองที่หน้าอาคารTก่อนที่จะเดินนำขบวนกลับอาคารของตน ผิดกับบรรยากาศที่แสนจะเงียบสงัดในสถานพยาบาล ที่มีจัมพ์ซึ่งยังคงไม่ได้สตินอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง พร้อมทั้งเพื่อนเพื่อนของเค้าที่ยังคงนั่งเฝ้าดูอาการของจัมพ์อย่างเงียบเงียบโดยไม่มีใครพูดอะไรเลย โดยที่ต่างคนต่างก็ตกอยู่ในความคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ เมื่อทุกอย่างจบลงทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างเรื่องราวมากมาย ก็เปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าภายในใจ ไคเองก็รู้สึกภาคภูมิใจในเพื่อนของเค้าที่จัมพ์ได้แสดงถึงความกล้าหาญกับหัวใจนักสู้ที่มีอยู่ในตัว เค้าเองก็รู้สึกดีใจที่เค้าได้เจอเพื่อนที่ดีแบบนี้ ไคเองและเพื่อนเพื่อน ได้แต่ยืนจ้องมองดูจัมพ์ที่นอนหลับไม่ได้สติอย่างห่วงใย และปล่อยให้ความเงียบสงัดนำพาเวลาแห่งความพ่ายแพ้ของช่วงนี้ให้ผ่านพ้นไป

 

เมื่อความรู้สึกพ่ายแพ้หมดสิ้นแล้ว……

 

 

 

                       หลังจากนั้นสามวันในเวลายามเช้าซึ่งเป็นเวลาปรกติที่ไคจะเดินลงมาอ่านหนังสือที่ห้องทำงานของลุงเคนและได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนฝูงของเค้า ซึ่งก็ยังคงเป็นเพื่อนหน้าเดิมเดิม เมื่อไคมาถึง สายตาของฮันนี่ก็จ้องมองมายังตัวเค้า ส่วนทางด้านไคเองเมื่อเห็นสายตาของฮันนี่ที่จ้องมองมาก็รับรู้ได้ทันทีว่า สายตาคู่นั้นกำลังจะบอกถึงคำถามอะไรบางอย่าง เมื่อไคเห็นดังนั้นเค้าก็ทำได้แค่เพียงส่ายหัวไปมาอย่างช้าช้า เพื่อแสดงถึงคำตอบต่อคำถามจากสายตาคู่นั้นและเมื่อฮันนี่ได้รับคำตอบเธอก็ได้แต่ทำตาเศร้าเศร้า พร้อมกับก้มหน้าอ่านหนังสือเล่นโตที่อยู่ในมือของเธอต่อ

“ไค ลงมาแล้วเหรอแล้วจัมพ์ล่ะ”เสียงของแปปซีตะโกนขึ้นเพื่อที่จะสอบถามอาการของจัมพ์ ซึ่งก็เหมือนเช่นเคยตลอดทั้งสามวัน ไคก็แค่เพียงส่งยิ้มให้แล้วก็ส่ายหัวไปมาเท่านั้น

“นี่มันก็ผ่านมาตั้งหลายวันแล้วนะ ยังไม่หายอีกเหรอ”แปปซีกล่าว

“แผลทางกายหายดีแล้วครับแต่บาดแผลทางด้านจิตใจนี่สิยังไม่มีทางรักษาเลยครับ”ไคตอบ

“ไม่น่าเชื่อเลยนะคนอย่างไอ้หมอนี้ไม่น่าจะเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ไปได้ ก็แค่แพ้การแข่งขันไม่เห็นจะต้องซีเรียสอะไรมากมายเลย”แปปซีกล่าว

“ผมว่าสิ่งที่สร้างความกังวลใจให้กับจัมพ์ น่าจะเป็นความรู้สึกผิดที่มีต่อพวกเราทุกคนมากกว่า เพราะการที่เค้าพ่ายแพ้ต่อนัสโกฟิวทำให้ทีมของเราต้องแพ้ในการแข่งขัน จัมพ์เองคงไม่อยากมาพบเจอใครในเวลานี้”ไคกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“อ้าว แล้วโจเซฟไปไหนแล้วล่ะไค ไม่เอาลงมาด้วยเหรอ”แปปซี

“ผมปล่อยโจเซฟให้อยู่เป็นเพื่อนจัมพ์ข้างบนห้องครับ ไม่อยากให้จัมพ์อยู่คนเดียวเดี๋ยวจะฟุ้งซ่านไปใหญ่”ไคกล่าว

“ก็จริงอย่างที่แกว่า จะว่าไปการแข่งขันปีนี้สนุกดีนะไม่น่าเชื่อว่าทีมของเราจะเข้ารอบชิงได้ คิดแล้วก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ ว่ามั้ยฮันนี่”แปปซีเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองฮันนี่ที่นั่งอ่านหนังสือเล่มโตอย่างเงียบเงียบ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบตอบใดใดจากเธอเลย

“คุณแปปซีครับแล้วลุงเคนไม่อยู่เหรอครับ”ไค

“ออกไปข้างเมื่อตะกี้นี่เอง ก่อนที่แกจะเข้ามา เออว่าแต่เห็นลุงแกบอกว่าจะฝากหนังสืออะไรซักอย่างไปให้จัมพ์ ลุงแกฝากให้หรั่งเอาไปให้ อ้าวแกไม่ได้เจอเจ้าหรั่งหรอกรึ”แปปซีกล่าว

“เปล่าครับ ผมไม่เห็นเจอคุณหรั่งเลย”ไคตอบ

“แปลกแฮะ สงสัยเจ้าหรั่งจะแอบไปที่ไหนก่อนรึเปล่าไอ้หมอนี่น่าสงสัยจริง”แปปซีกล่าว

“เจ้าแปปซีพอข้าไม่อยู่หน่อยแอบนินทาข้าเชียวนะ” เสียงของหรั่งดังขึ้นจากบริเวณหน้าประตูพร้อมกับเปิดประตูห้องหนังสือเข้ามา ในตอนที่ประตูเปิดออก เจ้าลูกสุนัขสีขาวตัวน้อยก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทันที มันรีบวิ่งพร้อมกับกระโจนใส่ไคที่ยืนอยู่มันกระดิกหางไปมาด้วยความดีใจที่ได้พบกับไค

“แกมาได้ยังไงโจเซฟ” เมื่อไคเห็นโจเซฟที่วิ่งมาหาเค้าก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นมันที่นี่ ในตอนนั้นสายตาของเค้าก็เหลือบไปเห็น จัมพ์เพื่อนของเค้าที่เดินตามหลังหรั่งมาติดติด ในมือของจัมพ์ถือหนังสือเก่าเก่าปกสีขาวเล่มโตเล่มหนึ่งอยู่

“อ้าว จัมพ์แกมาได้ยังไงหายดีแล้วเหรอเพื่อน”แปปซีตะโกนขึ้นด้วยความดีใจพร้อมกับวิ่งตรงดิ่งไปหาจัมพ์ทันที ส่วนทางด้านฮันนี่เธอเพียงแค่มองด้วยหางตาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ข้าหายดีแล้วขอบใจที่ห่วง และ ข้าก็มีเรื่องอยากจะบอกกับทุกคนด้วย”จัมพ์กล่าว

“เรื่องอะไรวะ”แปปซีถามต่อ หลังจากนั้นสิ่งที่จัมพ์ทำต่อจากนั้นทำเอาทุกคนรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก นั่นก็คือจัมพ์ค่อยค่อยคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกับโค้งคำนับแบบการขอขมาแบบญี่ปุ่นเอาหน้าผากแตะที่พื้นห้องพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดังลั่น

“ข้าขอโทษทุกคนด้วยที่เอาแต่ใจ ทำให้ทีมของเราแพ้และทำให้ทุกคนผิดหวัง ข้าขอโทษ”จัมพ์ตะโกนออกมาจนสุดเสียง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา