RED STONE WAR

9.0

เขียนโดย nemon

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.

  86 ตอน
  9 วิจารณ์
  63.36K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ชายในกรงขังตอนที่2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                   ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มเหมือนฝนใกล้จะตกเสียงฟ้าร้องเริ่มคำรามมาแต่ไกล ชาวบ้านที่เคยยืนมุงดูอยู่ที่หน้ากรงขังก็เริ่มทยอยกลับบ้านกัน พอฝนเริ่มโปรยปรายลงมา ทุกอย่างก็เงียบสงบลงมีเพียงเสียงสายฝนกระทบพื้นดิน กับชายสองคนในกรงขังที่นั่งอยู่คนละมุมอย่างเงียบเงียบ โชคยังดีที่กรงขังนี้มีหลังคาคอยบังสายฝนไม่ให้เปียกได้ เวลาผ่านไปชั่วครู่หนึ่งสายฝนโปรยปรายจนน้ำนองเต็มพื้นดินจนเป็นดินโคลน

                  ชายที่ถูกเรียกว่าปีศาจก็เริ่มขยับตัว ไคนั่งจ้องมองชายคนนั้นอย่างเงียบเงียบ เค้าเห็นชายคนนั้นเดินไปทางด้านหน้าของกรงขังแล้วนั่งลง ชายคนนั้นค่อยค่อยเอื้อมมือออกไปนอกกรงขังพยายามคว้าห่อข้าวที่เลอะดินโคลนเต็มไปหมดเค้าคว้ามันมาได้แล้วค่อยค่อยแกะห่อข้าวที่มีแต่เศษดินเต็มไปหมดมองดูแล้วไม่น่าจะกินได้ เค้าใช้มือหยิบข้าวพัดไข่ดาวที่หนูน้อยเจนทำมาให้เค้ากินมันจนหมดโดยไม่สนใจเศษดินและก้อนกรวดที่ติดอยู่ในห่อข้าวเลย เค้ากินไปร้องไห้ไปเหมือนที่เด็กน้อยเจนเคยเล่าให้ไคฟังจริงจริง

“อร่อย อร่อยมากจริงจริง “นี่คงเป็นคำพูดแรกที่ได้ยินจากปากของเขาตั้งแต่ไคได้เข้ามาอยู่ในกรงขังร่วมกับชายคนนี้

                 ไคนั่งมองชายคนนั้น กินข้าวจนหมดอย่างนิ่งนิ่งโดยไม่พูดอะไร จนเมื่อชายคนนั้นกินข้าวผัดไข่ดาวจนหมดไคจึงพูดกับชายคนนั้น

 

“นายรู้จักเด็กน้อยคนนั้นจริงจริงด้วย ทำไมเมื่อสักครู่นี้ถึงไม่ยอมรับไมตรีจากเธอล่ะ”ไคสอบถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรียบชายคนนั้นหันมองไคด้วยหางตาเพียงเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไรเลย สักพักนึงเค้าก็กลับไปนั่งที่มุมเดิมของเค้า

“เด็กน้อยเจนเป็นคนที่น่ารักและมีจิตใจดีนะ น่าสงสารเด็กนั่นที่ถูกพี่ชายใจดีของเธอไม่สนใจใยดีเธอเลย เธอคงเสียใจมากน่าดู” ไคสอบถามด้วยเสียงที่ราบเรียบอีกครั้งหนึ่ง

“ข้าเป็นปีศาจนะ อย่าให้เด็กคนนั้นมาเกี่ยวข้องอะไรกับตัวข้าเลย อยู่ห่างตัวข้าไว้เป็นอันดีที่สุด จะได้ไม่ถูกชาวบ้านเค้ารังเกียจไปด้วย” ชายในกรงขังตอบไคด้วยน้ำเสียงที่แสนเศร้า

“ปีศาจ งั้นเหรอ ปีศาจร้องไห้เป็นด้วยเหรอ ปีศาจเค้าไม่มีหัวใจกันหรอก นายร้องไห้ยังกับเด็กขี้แยแบบนี้คงไม่ใช่ปีศาจแน่แน่ “ไคพูดกับชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงธรรมดาและยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

“จะเยาะเย้ย ถากถาง ก็ตามใจแกเถอะข้าไม่สนใจหรอก ข้าอยากอยู่เงียบเงียบ ดูสายฝนไปเรื่อยเรื่อย พรุ่งนี้ข้าอาจจะไม่ได้เห็นเม็ดฝนอีกก็เป็นได้” ชายในห้องขังเริ่มพูดคุยกับไคมากขึ้น

“ทำไมล่ะ ปีศาจจะออกจากร่างของเจ้า รึไงในวันพรุ่งนี้ “ไคถามอีกครั้งแต่ชายในกรงขังกลับนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรและนั่งมองสายฝนอย่างเงียบเงียบ

“ปีศาจ นายมีชื่อมั้ย”ไคถามอีกครั้ง แต่ทว่าชายที่ได้ชื่อว่าเป็นปีศาจกลับนิ่งเงียบอีก

“นายไม่อยากคุยก็ไม่เป็นไรนะ แต่ผมก็ไม่ชอบอยู่เงียบเงียบซะด้วยซิ งั้นผมจะร้องเพลงให้เจ้าฟังละกัน” ไคตั้งท่าเตรียมจะร้องเพลง แต่ก็นิ่งเงียบไป

“เงียบทำไม อยากร้องเพลงก็ร้องสิ แต่ถ้าร้องไม่เพราะข้าจะตัดลิ้นของเจ้าซะ จะได้อยู่เงียบเงียบซะที”ชายในกรงขังบอกกับไคด้วยน้ำเสียงดูหงุดหงิดเล็กน้อย

“ผมร้องเพลงไม่ได้ เพราะผมไม่มีความทรงจำอะไรเลย คือผมความทรงจำหายไปน่ะ” ไคบอกกับชายในกรงขัง

“ไม่มีความทรงจำ ดีจังข้ามีความทรงจำแต่ข้าไม่อยากจำมันข้าอยากลืมความทรงจำบ้างคงจะดี แล้วแกรู้จักหนูน้อยเจนกับคุณลุงตาบอดได้ยังไง”ชายในกรงขังถามไคอีกครั้ง

“พอดีผมหลงทางผ่านมา เจอคุณตากับหนูเจน ก็เลยได้พูดคุยกัน ก็เลยได้รู้เรื่องของนาย” ไคตอบ

“เป็นอย่างนั้นเองรึ บังเอิญว่าข้าก็หลงทางเหมือนกัน และก็มาเจอสองคนนั้นเช่นกัน” ชายในกรงขังกล่าว

“ผมชื่อไค แล้วคุณล่ะมีชื่อมั้ย”ไคกล่าวแนะนำตัวเองก่อน

“ไค เหรอ ชื่อแปลกดีนะ “ชายในกรงขังกล่าวต่อ

“ชื่อจริงจริงของผมไม่ได้ชื่อไคหรอก ชื่อที่แท้จริงนั้นผมคงจำไม่ได้ แต่ว่าชื่อไค นี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งตั้งให้ครับ” ไคกล่าว

“ผู้หญิง เหรอ แม่ หรือแฟนละ ขอเดานะ แฟนใช่มั้ย” ชายในกรงถาม

“ไม่ใช่ทั้งสองอย่างอ่ะครับ อย่างแรก พ่อหรือแม่ของผมมีรึเปล่าผมก็ยังไม่รู้และแฟนเธอก็ไม่ใช่ แต่เป็นคนที่ผมพึ่งได้เจอกับเธอ ครับ เธอชื่อว่า เรนโบว์”ไคเล่าให้ชายในกรงฟังอย่างตั้งใจ

“เรนโบว์เหรอ ชื่อเพราะดีนะ แกชอบเค้าใช่มั้ย” ชายในกรงถามไคตรงตรง

“เฮ้ยย ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย “ไคหน้าแดง และทำท่าเขินอายโดยไม่ตั้งใจ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าเชื่อแกก็ได้ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”ชายในกรงหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อเห็นอาการของไค

“แล้วคุณล่ะชื่ออะไรเหรอ แล้วมาจากที่ไหน” ไคตั้งใจถาม

“มีสิ ข้าชื่อ จัมพ์ เป็นคนหมู่บ้านใหม่เผ่าอาข่า อยู่แถวจังหวัดเชียงราย”ชายในกรงขังตอบ

“แล้วมาทำอะไรที่นี่ล่ะครับ” ไคถามต่อ

“ก่อนที่ข้าจะหนีมาที่นี่ เมื่อก่อนข้าก็อยู่ในหมู่บ้านของข้า ที่บ้านของข้า มีพ่อกับแม่และมีพี่น้องอีกสองคน อยู่อย่างปรกติดี

                 ข้าก็ช่วยที่บ้าน ทำไร่ ทำสวน ทำนา เหมือนคนอื่นทั่วทั่วไป วันหนึ่งข้าเอาลูกม้าไปกินหญ้าที่ท้ายหมู่บ้าน ข้าปล่อยลูกม้าออกหาอาหารกินแถวบริเวณนั้น ข้าเองก็กะว่าจะไปแอบหลับที่ใต้ต้นไม้ ในวันนั้นอากาศเย็นสบายมากตอนนั้นข้านั่งเล่นเพลินเพลินอยู่ข้าก็เจอสร้อยคอสีเหลืองประหลาดของใครข้าก็ไม่รู้ มันฝังดินอยู่ที่โคนต้นไม้ตรงที่ข้าจะนอนพอดี มีจี้เป็นแท่งพลอยสีเหลืองสวยงามมากข้าเลยเอามากัดดูว่าเป็นของแท้มั้ยแต่มันกับแตกและบาดปากข้าจนเลือดออกเลย และต่อมาข้าก็หลับฝันไปตอนไหนข้าเองก็ไม่รู้ ข้าฝันเห็นขุนพลทหารไทยแต่งชุดโบราณขี่ม้ามาหาข้า ม้าตัวใหญ่สีดำขนเป็นเงามันวับ มาหยุดอยู่ต่อหน้าข้า ขุนพลชุดสีดำบนหลังดูน่ากลัวมากจ้องมองลงมาที่ข้าดวงตาสีแดงกล่ำจ้องมองที่ข้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อของข้าเลยก็ว่าได้ ตอนนั้นข้าอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลแต่ก็ก้าวขาไม่ออก ข้าตัวแข็งทื่อไปหมด ขยับตัวไม่ได้ ในฝันข้าเองคิดว่าคงไม่รอดแล้วแน่แน่ แล้วอยู่ดีดี ขุนพลที่อยู่บนหลังม้าตัวนั้นก็โยนดาบยาวสีดำเล่มใหญ่ให้กลับข้า แล้วทันใดนั้นข้าก็ตื่นขึ้นมาตกใจมาก ตัวข้าเองอยู่ดีดีก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แขนขวาของข้า พอข้าหันไปดูที่แขนขวาของข้าก็เห็นว่ามีรอยสักรูปดาบสีดำ ลายไทยพร้อมอักขระแปลกแปลก เกิดขึ้นมาตอนไหนข้าเองก็ไม่รู้ จากนั้นข้าก็รีบกลับบ้านไม่กล้าบอกใคร หลังจากนั้นไม่กี่วันข้าก็รู้ถึงความสามารถที่ปีศาจตนนั้นมอบให้กลับข้า” จัมพ์หยุดพูดครู่หนึ่งพร้อมกับโชว์รอยสักให้ไคดู

“ปีศาจ รึ ที่เจ้าเห็นคือปีศาจหรอกหรือ”ไคถาม

“ใช่ มันคืออำนาจของปีศาจ พอข้ารู้ว่าข้าสามารถเรียกดาบสีดำเล่นใหญ่ ที่ฟันอะไรก็ขาดเป็นสองท่อนได้ ข้าก็ดีใจมากข้าก็ไปแสดงให้คนที่หมู่บ้านข้าดู แต่ว่าหมอผีใหญ่ประจำหมู่บ้าน ได้บอกกับทุกคนว่าพลังดาบสีดำที่ข้ามีคืออำนาจมนต์ดำข้าจะนำความหายนะมาสู่หมู่บ้าน ข้าจึงถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านทันที หลังจากนั้นข้าก็ไปอาศัยอยู่กับเพื่อนของข้าแถวแถวชายแดนพม่า ตอนนั้นข้ากำลังจะอดตายไม่มีงาน ไม่มีอาหาร ข้ากับเพื่อนเลยไปรับจ้างขนยาบ้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ยาบ้าของนายพล ยี่ฐา ตอนขนยาบ้ามาทำแบบกองทัพมด ค่อยค่อยทยอย ใส่กระเป๋าเป้สะพายหลังมาคนละใบ มากันทั้งหมดสิบคนเดินลัดเลาะป่ามาเพื่อเข้าชายแดนไทย ระหว่างทางเจอกับกองทหาร ตชด ของไทยเข้า เกิดการปะทะกันขึ้น เพื่อนข้าถูกยิงตายที่นั่น ข้าทิ้งกระเป๋ายาเสพติดแล้วรีบหนีทันที พลังอำนาจปีศาจชัดชัด ไม่ว่าข้าจะทำอะไรคนรอบรอบตัวของข้าจะต้องมาเดือดร้อนเสมอ มันคือคำสาปที่ข้าต้องเผชิญ ข้าถูกตามล่าทั้งกองทหารของไทย และพวกนักฆ่าของขบวนการค้ายาของนายพล ยี่ฐา อีกข้าก็หลบหนีมาเรื่อยเรื่อย จนมาถึงที่นี่มาเจอกับเจ้านี่ล่ะ เป็นไงฟังแล้วโชคชะตาชีวิตของข้าถูกกำหนดด้วยคำสาปของปีศาจร้าย ข้าควรจะตายไปนานแล้วที่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ก็นับว่าเป็นบุญแล้ว ข้ารอเพียงเวลา ที่จะชดใช้หนี้กรรมครั้งนี้ให้หมดไปเสียที” จัมพ์เล่าไปด้วยน้ำเสียหดหู่ใจ

“พลังปีศาจอะไรกัน เหลวไหล ชะตาต้องคำสาปก็ไร้สาระ มีคนเคยบอกผมไว้ ว่าพลังของอักขระคือพลังที่พระเจ้าประทานมาให้ต่างหากล่ะ”ไคพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจกับแนวคิดของจัมพ์

“มีคนที่มีพลังแบบเดียวกับข้าด้วยรึ” จัมพ์ถามด้วยความสนใจ

“มีสิมีเยอะด้วย เป็นกลุ่มคนที่มีพลังพิเศษ พลังที่ทำในสิ่งดีดีได้ เป็นกลุ่มคนผู้ที่ถูกเลือกไงล่ะ” ไคพูดเพราะนึกถึงคำที่ เรนโบว์เคยพูดเอาไว้

“ผู้ที่ถูกเลือกงั้นหรือ”จัมพ์ถามเพื่อความแน่ใจ

“ถ้านายได้เจอเรนโบว์ นายจะเข้าใจได้ทุกอย่าง กระจ่างแน่แน่ แต่เสียอยู่อย่างคือตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าเธออยู่ไหน”ไค พูดแล้วนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา