ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  97.87K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

115) บทที่ ๑๑๔ : การประลองระหว่างศรีกับสิรไพร

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

บทที่ ๑๑๔

[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]

การประลองระหว่างศรีกับสิรไพร

               เพื่อนบางคนพึมพำเบา ๆ ในขณะที่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลออกส้มยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก ใบหน้าขี้เล่นนั้นทำให้ดูน่าคบ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูอันตราย ศรีรู้สึกไม่ไว้ใจชายหนุ่มคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก บรรพตที่ดูเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่กระซิบข้างๆ หูศรี

               “ท่านครูนี้ชื่อ วีนะ เห็นท่านหน้ายิ้ม ๆ อย่างนี้ใจไม่ยิ้มตามอย่างที่เห็นดอกนะ โหดมากเลยล่ะ แถมกวนประสาทสุด ๆ ด้วย” ศรีไม่คิดมากที่บรรพตว่าครูเช่นนั้น เพราะมัวแต่จ้องเจ้าตัวไม่วางตา ลางสังหรณ์บอกว่าจะมีอะไรไม่ดียิ่งกว่าที่บรรพตเล่า

               “สวัสดีครับนักเรียน …เช้านี้คึกคักดีนะครับ เมื่อครู่นี้ออกกำลังกายอยู่เหรอ? แหม น่าดีใจจริงๆ ที่ฝึกการต่อสู้แต่เช้า คาบนี้ครูจะได้ทบทวนให้ไม่มาก”

               เป็นไปตามที่บรรพตกล่าว จากลักษณะคำพูด ท่าทีและสีหน้าของวีนะ ศรีก็คิดว่าคงจะเป็นดังที่ลางสังหรณ์บอก เพราะหากไม่จริงวีนะจะต้องถามด้วยความเป็นห่วงไม่ก็ดุ

               “เฮ้อ… อ้ายสิรไพรเอ๊ย จะมีสักสัปดาห์ไหมที่เจ้าจะมิหาเรื่อง” ผู้ที่มาใหม่พร้อมกับวีนะ คือขนมชั้นที่แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายและระอา เจ้าตัวได้ยินแต่ทำเป็นไม่สนใจ เขากล่าวพร้อมกับริมฝีปากที่แสะยิ้มทุกวินาที

               “ท่านครู วันนี้เริ่มต้นด้วยการประลองระหว่างข้ากับอ้ายเด็กใหม่นั่นดีไหม?” สิไพรเหลือบมองผ่านแว่นตาสีดำ โดยที่เจ้าตัวจ้องกลับด้วยความไม่พอใจ …ไม่ดีเลย วันแรกแท้ ๆ แทนที่จะได้เริ่มต้นด้วยสิ่งดี ๆ แต่กลับกลายเป็นว่ามีเรื่องวิวาท ในขณะนั้นขนมชั้นก็เอ่ยก่อนที่วีนะจะตอบสิรไพร

               “ท่านครู หากท่านตามิบอดก็จะเห็นว่าเมื่อครู่เป็นเรื่องวิวาท หากใช่การออกกำลังกายไม่ โปรดอย่าเชื่อ

               “ท่านครูครับ หากท่านตามิบอดก็คงจะทราบว่า เมื่อครู่มิใช่การออกกำลังกาย แต่เป็นเรื่องวิวาท” ขนมชั้นกล่าวพลางเหลือบมองสิไพร “อีกประการ …สิไพร เจ้าหาเรื่องผู้อื่นได้ทุกวี่วันจริง มีความสุขมากนักฤ?”

               “ใช่ มีความสุขมาก …โดยเฉพาะกับอ้ายเด็กใหม่นี่ และอ้ายคนความจำเสื่อมนั่น” สิรไพรกล่าวพลางเหลือบมองผู้ที่ค่อยๆ เดินเข้ามาทางประตูหลัง ซึ่งก็คือเด็กชายตัดผมรองทรง ไว้ผมส่วนหนึ่งเกล้าทรงหางม้ายาวถึงบ่า เขาสะดุ้งเล็กน้อยที่อีกฝ่ายจับได้ ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นว่าสิรไพรคงกำลังหาเรื่องใคร เพราะเหลือบเห็นศรียืนแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์

               “สิไพร นายนี่หาเรื่องคนอื่นได้ตลอดจริงนะ”

               “เอ็งนี่ก็อีกคน ข้าหาเรื่องใครมันหัวเอ็งมากเรอะ?” สิรไพรถามใบโพธิ์อย่างกวนๆ เจ้าตัวพยายามสงบอารมณ์ที่กำลังเดือดราวกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ ระหว่างนั้นเพื่อน ๆ ในห้องก็คุยกันจ้อกแจ้กจอแจเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขา

               “เฮ้ย! ผู้นำทางแห่งวายชนมมิใช่เรอะนั่น?!”

               “มาอยู่ที่โรงเรียนเราได้ไงน่ะ?!”

               “มีแผนอะไรเปล่า?!”

               “นักเรียนแลกเปลี่ยน? ไม่น่า ทางโรงเรียนไม่เห็นบอกเลย!”

               ฯลฯ

               อีกสารพัดเรื่องที่ใบโพธิ์ฟังแล้วไม่เข้าใจ ผู้นำทางวายชนม์… คำนี้ติดหูมาก เขาได้ยินที่สิรไพร และคนอื่นๆ ในโรงเรียนสนทนาเรื่องนี้บ่อย เขาเคยถามสิรไพร แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ จึงสงสัยว่าตนเองเกี่ยวข้องกับสมญานามนั้นอย่างไร เลยถามเพื่อนผู้ชายที่นั่งใกล้ๆ ซึ่งเป็นนรสิงห์แบบช่วงบนเป็นคนช่วงล่างเป็นสิงห์ ผมยาวเลยบ่าชี้ออกยุ่งๆ จนดูคล้ายสิงโต ไม่สิ ก็อีกฝ่ายเป็นสิงห์อยู่แล้ว (แต่เผอิญเป็นลูกครึ่ง)

               “นี่ ขอถามอะไรหน่อยสิ ผู้นำทางแห่งวายชนม์นี่คืออะไรเหรอ?”

               “ถามอะไรแปลก ๆ …ก็เจ้าอย่างไรเล่า ผู้นำทางแห่งวายชนม์น่ะ”

               นรสิงห์ตนนั้นตอบอย่างแปลกใจ ว่าทำไมอีกฝ่ายถามเช่นนั้น ด้วยความที่ผู้นำทางแห่งวายชนม์เป็นตัวแทนยมทูตของฝ่ายโรงเรียนอื่น เขาจึงระแวดระวังในใจว่าใบโพธิ์ผู้ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นผู้นำทางแห่งวายชนม์จะทำร้ายตนเอง

               “ฉัน… จะเป็นไปได้อย่างไร? ฉันเป็นคนปรกตินะ เรื่องที่เกี่ยวกับมิตินี้ไม่มีหรอก” กล่าวพลางเหลือบมองว่าอีกทางแก้ไขปัญหาหรือยัง ทว่าไม่เป็นดังหวัง เพราะสิรไพรยังคงเอ่ยต่อไปอย่างสบายอารมณ์ โดยที่ผู้เป็นครูอย่างวีนะไม่กล่าวห้าม

               “สรุปคือคาบแรกนี้จะประเดิมด้วยการประลองระหว่างสิไพรกับศรี เพื่อนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามานะครับ เอาล่ะ ออกไปเข้าแถวให้เรียบร้อย เราจะไปที่โรงพละนะครับ”

               วีนะกล่าวอย่างอารมณ์ดี จนใบโพธิ์นึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ศรีและเพื่อนคนอื่นๆ ก็เช่นกัน แต่ไม่มีใครต่อว่าวีนะ …เพราะนักเรียนที่อยู่โรงเรียน รวมทั้งบุคลากรอื่น ๆ ต่างทราบดีว่าเขากวนและโหดกับนักเรียนมากเพียงใด เห็นหน้ายิ้มๆ พูดจาสุภาพอย่างนี้นะ

               ระหว่างที่ออกจากห้อง กลุ่มปักเป้าซึ่งประกอบด้วย แววไพร บรรพต ปักเป้า เฉาก๊วย ขนมชั้นก็เข้ามาพูดคุยกับเธออย่างเป็นห่วง

               “ยอมจริงเหรอศรี?” แววไพรถาม ดวงตาฉายความเป็นห่วง ศรียิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ย พลางกวาดตามองเพื่อนๆ ที่ยืนล้อม “จ้ะ ถึงฉันจะไม่เต็มใจ แต่ถ้าเผื่อว่าจะทำให้สิรไพรเขาหยุดหาเรื่องได้ก็ต้องยอม”

               “ระวังตัวด้วยล่ะ โชคดี” ขนมชั้นเอ่ย แม้น้ำเสียงจะนิ่งแต่ศรีก็รู้สึกได้ถึงความห่วงใย เธอพยักหน้าแล้วยิ้มกว้าง ๆ ให้

               “จ้า ขอบคุณนะทุกคน”

               .

               .

               .

               โรงพลศึกษา

               ศรีหยิบบัตรตรวจสอบเข้าโรงเรียนมาดูตารางเรียนด้านหลัง ว่าชั่วโมงนี้คือวิชาอะไร ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋ากระโปรงดังเดิมเมื่อทราบว่าเป็นวิชาพลศึกษา บัตรตรวจสอบนี้ทำมาจากแผ่นโลหะสีขาวลงอาคม ซึ่งพิมพ์ตัวอักษรด้วยการกดให้เป็นรอยแทนน้ำหมึก การใช้งานไม่ได้ทำด้วยระบบไฟฟ้าที่อ่านรหัส แต่ตรวจสอบด้วยเลือดของนักเรียนเจ้าของบัตร ซึ่งต้องผ่านพิธีเล็กๆ น้อย ๆ ให้เลือดมันเคลือบจนไม่สามารถชะล้างออกได้ และการใช้งานนั้นก็เพียงจุ่มลงไปในอ่างน้ำเล็กๆ บริเวณหน้าโรงเรียน (เป็นน้ำที่ผ่านพิธีกรรมแล้วเช่นกัน)

               จะดีหรือไม่ดีเนี่ย มิติผกายใช้วิธีแบบนี้ก็ดีอยู่หรอกนะ ประหยัดไฟฟ้า แต่ออกจะน่ากลัวเสียหน่อย

               ศรีคิดพลางมองบัตรตรวจสอบ ถึงเธอจะผ่านเรื่องน่ากลัวมามากก็เถอะ แต่อะไรที่แปลกๆ เช่นนี้ก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่

               ตอนนี้ศรียืนอยู่ที่สนาม โดยที่เพื่อน ๆ นั่งบนอัฒจันทร์ ส่วนวีนะยืนอยู่ตรงชั่นล่างสุดที่เป็นทางเดินของอัฒจันทร์ ในมือมีใบบันทึกคะแนน

               จะได้ไหมนะ?

               ศรีคิดด้วยความกังวล แม้จะพอมั่นใจในฝีมือระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถชนะสิรไพรได้ ในขณะนั้นเองขนมชั้นที่ยืนอยู่ตรงกลางห่างจากทั้งสองมากมากพอควร ก็ยกมือขึ้นเพื่อเตรียมฟันมือลง

               “๑”

               ศรีอัญเชิญดาบออกมาเมื่อเห็นว่าสิรไพรมีโซ่เป็นอาวุธ ขึ้นชื่อว่ามิติผกายอะไร ๆ ก็ไม่ธรรมดา หากใช้มือเปล่าคงตายตั้งแต่พุ่งเข้าปะทะกัน

               “๒”

               เธอตั้งท่าและจับดาบไว้อย่างมั่นคง ดวงตาจดจ้องสิรไพรอย่างระวัง

               “๓”

               ฟุ่บ!

               สิ้นเสียงของขนมชั้นพร้อมกับมือของเขาที่ฟันลง ทั้งสองก็ปะทะเข้าหากัน พร้อมกับที่โซ่ของสิรไพรพุ่งเข้ามา ศรีเห็นดังนั้นจึงฟันดาบใส่อย่างเขลา แม้จะทราบดีว่าดาบไม่สามารถตัดของแข็งเช่นโซ่ได้ …ทว่าไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อโซ่ของสิรไพรขาดออกจากกันเป็นสองเส้น ท่ามกลางแววตาตกตะลึงของเพื่อน ๆ สิรไพรก็เอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ

               “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? นอกจากเหล่านายิกาและผู้ใช้อาคมจอมขมังเวท โซ่เส้นนี้ก็มิเคยมีผู้ใดตัดได้ …แล้วนี่เจ้า ตัดมันได้เยี่ยงไร?” อย่าว่าแต่สิรไพรและเพื่อนคนอื่น ๆ เลย ขนาดตัวศรีเองยังไม่รู้ ก็ทราบอยู่หรอกว่าดาบสองเล่มของเธอนี้จะต้องไม่ธรรดมา แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้

               “ฉัน… ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ศรีเอ่ยเบา ๆ โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะได้ยินหรือไม่ เธอมองดาบในมืออย่างไม่เชื่อสายตา …ดาบที่แปลงมาจากปิ่นปักผมนี้มีอะไรซ่อนอยู่กันแน่นะ

               “ดูท่าดาบนั่นจะมิธรรมดา …น่าสนใจดีเหมือนกัน ลองดูอีกสักรอบซิ!”

               กล่าวจบโซ่เส้นเดิมที่ฟื้นคืนสภาพเดิม และเส้นใหม่ก็ทะลุไปใต้พื้นไม้ แล้วทะลุขึ้นอีกครั้งแล้วมัดร่างของศรีไว้ ก่อนที่เธอจะเผลอปล่อยดาบตกลงสู่พื้น และปลายของโซ่ก็พุ่งขึ้นไปยึดบนเพดานไม้ ความปวดแสบปวดร้อนเพราะพลังอาคมที่ลงในโซ่ทำให้เธอทรมาน แต่ก็ยังคงฝืนใจขัดขืนโดยการจับโซ่เส้นนั้นแล้วพยายามดึงให้มันออก

               ร้อน… ร้อน… เจ็บปวดราวกับถูกขูดกับพื้นผิวขรุขระอย่างแรง นั่นคือความรู้สึกศรีตอนนี้ แต่เธอก็ไม่ท้อเพราะไม่อยากแพ้ด้วยที่เพียงถูกโซ่อาคมสองเส้น

               “ใช้วิธีเขลาจริง” เสียงแหบพร่าดังขึ้นเบา ๆ ในสมองของศรี เธอพยายามตั้งสมาธิไม่ให้จดจ่อแต่เสียงนั้นก่อนจะเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

               “แล้ววิธีฉลาดของเธอคืออะไรล่ะ?”

               “มีมีดอก เพียงแต่คิดว่าดันทุรังดึงโซ่เส้นนั้นดูน่าอนาถ วิธีที่ดีๆ กว่านี้น่าจะมีนะ”

               ได้ฟังดังนั้นศรีก็เลิกสนใจ เธอกลับจดจ่อกับโซ่ของสิรไพรอีกครั้ง แล้วตัดสินใจดันร่างให้ก้มลงไปหยิบดาบอย่างทุลักทุเล ทว่าพอมือเกือบจะถึง สิรไพรก็เหวี่ยงโซ่อย่างแรงจนร่างของเธอไปกระแทกกับอัฒจันทร์อีกฝั่ง จนกระดูกร้าวไปหมดแทบจะขยับไม่ได้ ร่างของเธอสั่นด้วยความเจ็บปวด

               “มีฝีมือเท่านี้เองเรอะ?” สิรไพรกล่าวอย่างดูถูก ในขณะที่กลุ่มปักเป้าและเพื่อนคนอื่นๆ แสดงสีหน้าเป็นห่วง โดยเฉพาะแววไพรกับเฉาก๊วยที่ผูกพันกับศรีมานาน

               “ตัดสินเร็วไป”

               ศรีทำเป็นเข้มแข็ง แม้ร่างกายจะบอบช้ำมากแล้วก็ตามที เธอค่อย ๆ ใช้มือยันร่างขึ้น ก่อนจะยืนหลังงอเพราะไม่มีแรงจะตั้งไหว ดวงตาสีดำที่ยากจะหยั่งลึกยิ่งกว่ารัตติกาลไร้เงาจันทร์นั้น ทำให้สิรไพรที่แทบจะไม่เคยหวั่นเกรงต่อสิ่งใดหวาดกลัวเล็กน้อย ระหว่างนั้นดาบเล่มข้างขวาก็สลายเป็นเพลิง ดาบข้างซ้ายเองก็สลายเป็นน้ำ ก่อนจะมาปรากฏในมือของศรีโดยที่เธอไม่ได้ใช้มนต์เรียกมันมา

               “ทีนี้คือของจริงล่ะ …สิรไพร”

               กล่าวจบศรีก็ใช้อาคมเคลื่อนย้ายที่อสุราเคยสอนระหว่างวันปิดเทอมไปหาสิรไพร จึงทำให้ร่างลอยอยู่ในอากาศ  โดยที่มีโซ่เข้ามาขวางกั้น เธอใช้ดาบฟันมันอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งเข้าไปที่สิรไพรซึ่งเจ้าตัวก็อัญเชิญดาบมารับดาบของศรีที่ฟันเข้ามาจนเกิดเสียงดังเคร้ง! ศรีถอยออกมาพร้อมกับรับดาบของอีกฝ่าย พลางใช้ดาบข้างซ้ายฟันคืน ก่อนที่โซ่สองเส้นจะเข้ามามัดแขนโดยไม่รู้ตัว เธอจึงรีบใช้ขาถีบสิรไพรก่อนที่โซ่จะมัดจนเธอขยับไม่ได้

               การต่อสู้ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครใช้อาคมในการประลอง ซึ่งก็ยังคงดำเนินต่อไป กลุ่มปักเป้าและเพื่อนคนอื่นๆ บางคนเห็นเช่นนั้นก็โล่งใจ ในขณะนั้นวีนะก็เขียนคะแนนลงไปเรื่อย ๆ

 

 

 

---------------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ ไม่ได้ลงเสียนานเลย สำหรับท่านที่อ่านบทนี้อาจจะสังเกตว่าไม้ยมกหนูเว้นทั้งหน้าทั้งหลัง ในส่วนนี้ต้องขอชี้แจงว่าการเว้นหน้าเว้นหลังไม้ยมกถูกต้องตามหลักราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งการเว้นหลัง หรือติดกันทั้งหน้าทั้งหลังนั้นผิดค่ะ (พึ่งทราบเมื่อก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว จะใช้แบบถูกต้องตั้งแต่ตอนนี้) เลยกล่าวมาเพื่อให้ทราบ 

 

ขอบคุณค่ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา