ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  97.84K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

117) บทที่ ๑๑๖ : ตัวละครหลักผู้เป็นจุดเด่น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

บทที่ ๑๑๖

[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]

ตัวละครหลักผู้เป็นจุดเด่น

               หลังจากการประลองจบลง เสียงสัญญาณบอกหมดชั่วโมงที่ ๑ ก็ดังขึ้น พงสณะให้เฉาก๊วยอุ้มร่างศรีขึ้นหลังตนเอง ก่อนจะพาไปยังเรือนพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพลศึกษาเท่าไหร่ สีหน้าที่มักจะทะเล้นนั้นบัดนี้ฉายความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ...เป็นใครไม่กังวลบ้างล่ะ คนที่ตนเองรักบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ถึงแม้ศรีจะมีสายเลือดอมตะ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าการประลองเมื่อครู่จะมีผลข้างเคียงอันเกิดจากการต่อสู้ ธรรมดายังพอว่าแต่นี่ใช้อาวุธที่ลงอาคมด้วย ระหว่างที่พวกเขามุ่งหน้าไปโรงพยาบาลนั้น ขนมชั้นก็เข้าไปช่วยสิรไพรพยุงตัว ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ต้องการแต่ด้วยความที่ร่างกายแทบจะไม่มีแรงดึงดันจึงต้องให้ขนมชั้นช่วยจนได้

                แววไพรและกลุ่มเพื่อน ๆ ที่ตามมานั้นก็กังวลไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเฉาก๊วย แววไพร และว่าว

                “ทำไมต้องเกิดเรื่องอย่างนี้ด้วยนะ” แววไพรพึมพำเบา ๆ ด้วยความไม่สบายใจอย่างยิ่ง ส่วนว่าวมีสีหน้าสลด เฉาก๊วยเองก็เช่นกัน แต่เขาใจแข็งกว่า

                เมื่อมาถึงเรือนพยาบาลแล้วเฉาก๊วยก็เปิดประตูให้พงสณะเข้าก่อนแล้วตามด้วยคนอื่น ๆ ในห้องไม้นั้นมีหญิงสาวผมสีน้ำเงินถักเป็นเปียหลวมๆ เส้นผมหลุดลุ่ยแต่ก็ไม่ทำให้ความงดงามอันแสนเย้ายวนลดลงได้ เธอสวมชุดสีครีมแบบผ่าหน้าจึงทำให้เห็นร่องอกที่ใหญ่ และนุ่งผ้าถุงลายไทยยาวถึงข้อ ดวงตาสีดำมองมาทางเด็กๆ ก่อนจะโปรยยิ้มหวานให้

                “สวัสดีจ้ะ เด็กๆ ชั่วโมงของครูวีนะล่ะสิ สะบักสะบอมเชียว” ชบา (นามของหญิงสาว) กล่าวขึ้นก่อนจะหันจากเอกสารบนโต๊ะมามองกลุ่มของศรี

“ครับ เพื่อนผมบาดเจ็บช่วยดูให้ด้วยนะครับ” ปักเป้าตอบอย่างร้อนรน ชบาพยักหน้าก่อนจะชี้นิ้วไปทางเตียงหลังม่านเป็นเชิงให้พงสณะพาศรีไปนอนตรงนั้น ก่อนที่ตนเองจะตามเข้าไปดูอาการ

                “แหม น่ารักจังเลย”

               ชบาเอ่ยอย่างเอ็นดู พงสณะเริ่มใจคอไม่ดีเพราะด้วยความที่เรียนอยู่ที่นี่ เลยพอจะทราบมาบ้างว่าชบาชอบเด็กผู้หญิง ซึ่งเขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอาจารย์ประจำห้องพยาบาลท่านนี้จะไม่เกิดชอบศรีขึ้นมา ดวงตาสีดำจดจ้องทุกอิริยาบถของชบาเผื่อว่าเธอจะแอบลวนลามเด็กหญิงลนเตียง  …และก็เป็นไปตามที่เขากังวลจริงๆ เมื่ออีกฝ่ายปลดกระดุมเสื้อก่อนจะเผยให้เห็นขอบเสื้อชั้นในสีฟ้า ภาพนั้นทำให้เลือดกำเดาของเขาไหลออกมาอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด แววไพรกับว่าวที่ตามเขามาก่อนคนอื่นๆ ก็แทบจะห้ามใจตนเองไว้ไม่อยู่ ระหว่างนั้นอีกสามคนก็เข้ามาก่อนที่ปักเป้าจะเอ่ยขึ้น

               “ท่านครู รีบ ๆ ดูเสียทีเถิดครับ”

               “ก็ดูอยู่นี่ไงจ๊ะ”

ปักเป้าแทบจะเอาศีรษะโขกกับผนังข้าง ๆ จริง ที่เขาให้ดูไม่ใช่ดูเพื่อเสพ แต่เพื่อให้ดูอาการของศรีต่างหาก ชบาเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายของอีกฝ่ายก็ขำคิกคัก ก่อนจะค่อยๆ แตะนิ้วบริเวณใกล้หน้าอกของศรี ในระหว่างที่หลับตาเพื่อรับการสื่อสารของจิตอยู่นั้นเธอก็สะดุ้ง เพราะเห็นภาพเด็กหญิงผมสีน้ำตาลอ่อนอยู่ในร่างของศรีเลือนราง ชบาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่เคร่งขรึมก่อนจะหันไปบอกกับเด็ก ๆ

               “พลังวิญญาณในการฟื้นตัวดีและเร็วมากจ้ะ แต่น่าแปลกที่มีคลื่นวิญญาณดวงหนึ่งอยู่บางเบามากในร่างของเธอ ดูเหมือนว่าจะใช้เป็นที่สถิตโดยกินพลังวิญญาณของหนูคนนี้เป็นสิ่งหล่อเลี้ยง แต่โชคดีที่พลังวิญญาณแข็งแกร่งมากพอเลยรับไว้” พอชบากล่าวจบสีหน้าแปลกใจและฉงนฉายขึ้นบนใบหน้าของทุกคน

               “วิญญาณอีกดวง… เหตุไฉนถึงมิเคยรู้สึกมาก่อนล่ะ?”

               เม็ดแตงเอ่ยขึ้น เธอแปลกใจมากจริง ๆ เพราะการที่วิญญาณสถิตในร่างใครสักคนจะต้องแสดงคลื่นพลังงานให้รู้สึกถึงได้ เว้นเสียแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะมีพลังวิญญาณแข็งแกร่งจริง ๆ จึงจะควบคุมเพื่อปกปิด แต่เมื่อครู่ที่ชบาบอกว่าคลื่นพลังวิญญาณบางเบามากแสดงว่าวิญญาณดวงนั้นออกไปแล้ว แต่เศษยังคงหลงเหลือ ไม่ก็วิญญาณยังอยู่แต่พลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ

               หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุม ก่อนที่ปักเผ้าจะตัดสินใจกวักมือเรียกให้เพื่อนๆ ไปเรียนวิชาต่อไป ถึงแม้จะยังเป็นห่วงศรีจนเกือบจะเอ่ยปากขออนุญาตอยู่เฝ้า แต่พอสบตากับชบาซึ่งฉายแววมั่นใจว่าจะดูแลเด็กหญิงบนเตียงได้อย่างแน่นอน พวกเขาก็ยอมออกจากเรือนพยาบาลไปแม้ในใจจะกังวลก็ตาม

               .

               .

               .

               เจ็บ… ไม่ไหวแล้ว…

               เสียงเล็กหวานใสเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเครือ แฝงด้วยความเจ็บปวดยากที่จะบรรยาย เจ้าของเสียงคือเด็กหญิงผมสีน้ำตาลอ่อนกำลังนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ โดยมีผ้าผืนเล็ก ๆ ปิดไว้เพียงช่วงสะโพก ตามผิวที่ขาวอ่อนนุ่มของเธอเต็มไปด้วยรอยแผลและรอยช้ำสีแดงออกม่วง ขอบตาเป็นสีแดงเนื่องจากร้องไห้หนัก ดวงตาสีชมพูใสเพราะน้ำอุ่น ๆ ที่ยังคงไหลไม่หยุด

               ภาพนั้นอยู่ในสายตาของศรีโดยที่ร่างของเธอนั้นสั่นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก น้ำตาเอ่อล้นจากขอบตาอย่างไม่อาจกลั้นได้

               ใครทำ? ใครทำร้ายเธอ?

               ศรีถามในใจด้วยความรู้สึกที่เศร้าโศกและโกรธ ร่างกายสั่นเพราะอารมณ์โกรธาที่แทบจะระงับไว้ไม่อยู่ …เด็กหญิงผมสีน้ำตาลอ่อนผู้เป็นเสมือนอีกส่วนหนึ่งของชีวิตเธอ บัดนี้กำลังนอนด้วยสภาพที่น่าเวทนา

               พอควบคุมร่างกายที่ชาเพราะอารมณ์รุนแรงที่ปะทุภายในได้ เธอก็รีบเข้าไปหาอีกฝ่ายที่สลบไปแล้ว แต่พอจะช้อนร่างขึ้นมากอดปลอบไว้มือก็ผ่านเข้าไปราวกับอากาศ ศรีเบิกตาด้วยความแปลกใจอย่างมาก แล้วก้มมองมือทั้งสองข้างของตนเอง

               นี่อย่าบอกนะว่าวิญญาณหลุดจากร่าง …ถ้าอย่างนั้นแสดงว่านี่ก็ไม่ใช่ความฝัน

               ศรีเงยหน้ามองเด็กหญิงผมสีน้ำตาลอย่างฉงนว่าอีกฝ่ายออกจากร่างของเธอเมื่อใด แต่ไม่ทันจะคิดอะไรได้มากกว่านี้ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ผู้ที่เข้ามาคือชายหนุ่มสวมหมวกสีดำ …ผม เสื้อสูทแซงแซวที่ทับเสื้อเชิ้ต และโจงกระเบนนั้นล้วนเป็นสีเดียวกับหมวก

                เขาปิดประตูแล้วยืนนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น พอเวลาผ่านไปสักพักก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเด็กหญิงผมสีน้ำตาลอ่อน ศรีจ้องเขาตาแทบจะไม่กะพริบเพราะระแวงว่าเจ้าตัวคือผู้ที่ทำร้ายเด็กหญิงบนเตียงหรือไม่ …ดูเหมือนจะไม่ใช่ เมื่อเขาช้อนร่างของเด็กหญิงมากอดแล้วไล้นิ้วที่สวมถุงมือขาวไปตามใบหน้าที่มีรอยช้ำ ศรีผ่อนความระแวงลงแต่ก็ยังไม่ลดละสายตา ระหว่างนั้นเองเด็กหญิงในอ้อมกอดชายหนุ่มก็ปรือตาขึ้นพร้อมกับเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา

               “ศรี… ช่วยฉัน… ด้วย…” ศรีกำมือไว้เพื่อข่มความโกรธที่มีต่อตนเอง …ทำไมเธอถึงช่วยอีกฝ่ายไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวก็เคยให้ที่พักพิงใจมาหลายครั้ง แต่เพียงจะเข้าไปกอดเธอก็ยังทำไม่ได้

               ในขณะนั้นชายหนุ่มก็แสดงสีหน้าฉงนออกมา ว่าเด็กหญิงผมสีน้ำตาลอ่อนเอ่ยถึงใคร เขาหันไปมองรอบ ๆ ก่อนที่สายตาจะสะดุดกับร่างของศรี เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจที่อีกฝ่ายมองเห็นตนเอง ก่อนที่จะหยิบปิ่นปักผมออกจากมวยผมซึ่งก่อนหน้านี้แปลงเป็นดาบเพื่อต่อกรกับสิรไพร และ ณ ตอนนี้เธอจะได้ใช้มันอีกครั้ง

               ทว่าไม่ได้เป็นตามที่คาดเพราะชายหนุ่มทำเพียงยืนนิ่ง ๆ โดยไม่มีท่าทีระแวง ดวงตาสีดำจดจ้องที่อีกฝ่ายอย่างพินิจ ศรีเองก็สบตากับเขาโดยไม่มีท่าทีทำตัวไม่ถูก

               “เจ้า… เป็นเพื่อนกับเด็กคนนี้ฤๅ?” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ ศรีนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าแล้วเอ่ย “แล้วท่านเป็นใครเหรอคะ? แล้วเพื่อนหนูโดนใครทำร้ายมา และทำไมถึงโดนทำร้ายล่ะคะ?” ศรีถามรัวจนชายหนุ่มต้องยกมือเป็นเชิงว่าพอ เธอจึงจำใจต้องเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะกล่าว

               “ข้าเป็นใครอย่าได้ใคร่รู้เลย ส่วนคำถามของเจ้าไว้รอเจ้าตัวบอกแล้วกัน”

กล่าวจบชายหนุ่มก็อุ้มร่างของเด็กหญิงผมสีน้ำตาลอ่อน ก่อนจะเดินไปเปิดประตูโดยใช้อาคมแล้วออกจากห้องไป พอศรีวิ่งตามโดยไม่ทันพ้นเขตประตู สติของเธอก็ดับวูบก่อน

               .

               .

               .

               “อือ…”

               ศรีครางเบา ๆ เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแปลก ๆ และความชื้น พอเธอลืมตาขึ้นก็พบว่าชบากำลังเลียคอเธออยู่พร้อมกับสีหน้าเปี่ยมสุข เด็กหญิงบนเตียงขนลุกซู่ขึ้นมาเพราะการกระทำของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รู้สึกตัวว่าเธอตื่นแล้วเลยเลียต่อไป แล้วไล้ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณเนินอก พอเห็นดังนั้นเด็กหญิงผมยาวสีดำเกล้าส่วนหนึ่งเป็นมวยผมก็จับไหล่ผู้เป็นครู พออีกฝ่ายรู้สึกตัวก็หยุดการกระทำของตนเองก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างเย้ายวนให้

               “สวัสดีจ้ะ ต่ออีกนิดไหมจ๊ะ?”

               “ไม่เป็นไรค่ะ” ศรีตอบด้วยสีหน้าหนักใจในขณะที่ชบาพินิจร่างของเธอ “อืม… หายดีแล้วสินะจ๊ะ …ดี จะได้เล่นกับครูต่ออย่างเต็มที่” ศรีหวาดหวั่นขึ้นมา เธอเขยิบให้ร่างห่างจากชบาซึ่งก็ไม่ได้ผลอะไรนักเมื่อเจ้าตัวเขยิบตามเข้ามา มือข้างหนึ่งของครูประจำเรือนพยาบาลโอบที่หลังคอของเธอ ก่อนจะตามด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ

               “อย่าสิจ๊ะ เป็นเด็กดีนะ”

ก่อนที่มือจะทันได้ปลดกระดุมแบบติดประตูเรือนพยาบาลก็ถูกเปิดออกก่อน ผู้ที่เข้ามาคือเด็กชายผมสีน้ำเงินสวมชุดนักเรียนประถม ส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐานค่อนข้างมาก ดวงตาสีดำมองไปรอบ ๆ เพื่อหาครูประจำเรือนพยาบาล เมื่อไม่พบเขาจึงตัดสินใจไปดูที่เตียงนอน พอเปิดม่านจนมาถึงที่ชบากับศรีอยู่ในสภาพล่อแหลมเขาก็เอ่ยอย่างหงุดหงิด

               “คิดไว้แล้วเชียว ไปทำงานต่อไป”

               “เอ๋? มาถึงก็พูดแบบนี้ใจร้ายไปแล้วนะ จะมาแย่งเด็กของฉันเหรอ?”

               ชบาดัดจริตทำเป็นน่าสงสาร แต่เด็กชายหาได้เห็นใจไม่ เขาดันหญิงสาวไปอีกทางก่อนจะจับข้อมือของศรี เธอมองอีกฝ่ายสลับกับชบาอย่างไม่เข้าใจว่านี่เป็นเรื่องอะไรกัน ไม่ทันได้ถามก็ถูกลากลงจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องไปโดยที่ชบาถูกทิ้งไว้คนเดียว

               “ใจร้อนจริง ๆ นะ ภูรินทร์ …เดี๋ยวต้องไปดูสิรไพรก่อนแล้ว รายนั้นอาการหนักกว่านี่นะ”

               .

               .

               .

               “นี่ นายจะพาฉันไปไหนเหรอ? แล้วช่วยปล่อยมือฉันได้ไหมแบบนี้ดูไม่งามเลย” ศรีกล่าวในขณะที่เด็กชายเจ้าของนาม ภูรินทร์ จูงข้อมือเธอไปทางเรือนประถม พอได้ยินดังนั้นเจ้าตัวก็ปล่อยมือแล้วหันมาก่อนจะตอบ

               “ไปเรียนสิ แล้วอีกอย่างนะ ฉันไม่ใช่เด็กนักเรียน เป็นครูสอนวิชาภาษาไทยที่สอนห้องเธอ …เอาล่ะ อย่าถามมาก ตอนนี้เลยมาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากก็ทำตัวให้กระฉับกระเฉงหน่อย …เร็วเข้าสิ”

               ภูรินทร์เอ่ยเร่งศรีในขณะที่ออกเดินไปไม่กี่ก้าว เธอมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจโดยไม่ได้ขอโทษที่กล่าวล่วงเกินผู้เป็นครู ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ใส่ใจเพราะมัวแต่รีบจะไปสอน เห็นดังนั้นศรีก็เดินตามโดยพยายามก้าวขายาว ๆ และเร็ว ๆ

               เมื่อมาถึงศรีก็หยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลัง เพื่อลอบมองดูว่าเพื่อนทำอะไรกันเสียงถึงดังเอะอะ เธอเหลือบมองไปทางประตูหน้าว่าภูรินทร์จะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อลูกศิษย์เป็นเช่นนี้อย่างกังวล และก็เป็นไปตามที่คาดเมื่อครูสอนวิชาภาษาไทยท่านนี้ถึงจุดเดือด

               “ฉันไปไม่กี่นาทีพวกแกก็เล่นกันแล้วเรอะ?”

               “อ้าว อาจารย์มาแล้วเหรอ?”

               “นั่งที่ ๆ”

               “ไม่อยากเรียนเลย”

               “เรียนต่อ ๆ วรรณคดีมีอะไรน่าสนุกอีกเยอะ”

               ฯลฯ

               หลังจากนั้นเสียงก็ค่อย ๆ เบาลงภูรินทร์มองเหล่านักเรียนที่นั่งทำตาใสซื่อ ประหนึ่งว่าตนเองเป็นเด็กดีมาตลอดระหว่างที่เขาไม่อยู่ เด็กชายร่างจำแลงถอนหายใจก่อนจะทำมือส่งสัญญาณให้ศรีไปนั่งที่ เธอเดินกลับไปนั่งที่เดิมโดยมีแววตายินดีของเพื่อน ๆ ส่งมา หลังจากนั้นภูรินทร์ก็กล่าวขึ้น

               “ให้ตายสิ อย่าเสียงดังนักจะได้ไหม เดี๋ยวหักคะแนนเลยนี่”

               ซุบซิบ ๆ

               คิก ๆ

               ปึด!

               เหมือนได้ยินเสียงเส้นประสาทขาดผึง เมื่อยังมีบางคนคุยกันเบา ๆ ภูรินทร์หยิบไม้มาตีกระดานแรง ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ

               “เอ้า! เงียบ! วันนี้แนะนำตัว มีนักเรียนที่เพิ่งย้ายมาเรียนกับเรา ถ้าฉันไม่ได้ยินสิ่งที่เพื่อนใหม่พูดพวกแกเจอดีแน่! นักเรียนใหม่ที่ย้ายเข้ามาลุกขึ้นแล้วแนะนำตัว”

               ศรีเบิกตากว้างเล็กน้อยด้วยความไม่ทันตั้งตัว ที่อยู่ดี ๆ ต้องแนะนำตนเองกะทันหันรวมทั้งใบโพธิ์ก็ด้วย ทั้งสองลุกขึ้นก่อนที่ศรีจะแนะนำตัวก่อน

               “ฉันชื่อสังรศรี วีรสังฆะ เรียกสั้น ๆ ว่าศรีจ้ะ เป็นนักเรียนที่ย้ายมาจากโรงเรียนในมิติสามัญ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องในมิตินี้มากนัก อย่างไรก็ขอคำแนะนำด้วยนะจ๊ะ”

               มิติสามัญเรอะ? ไม่ค่อยเห็นบ่อยนักเลยนี่

               ภูรินทร์คิดด้วยความแปลกใจ แต่ก็ยังไม่เอ่ยถามเพราะอยู่ในช่วงแนะนำตัว หลังจากที่ศรีกล่าวจบใบโพธิ์ก็แนะนำตัวต่อ

               “ฉันชื่อใบโพธิ์ น่าจะมาจากมิติสามัญ ยังไม่รู้เรื่องตัวเองเท่าไหร่เพราะความจำเสื่อม อย่างไรก็ฝากตัวด้วยล่ะ” หลังจากนั้นทั้งห้องก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้นเพราะแปลกใจกับทั้งสองคน เจ้าตัวที่เป็นหัวข้อการสนทนายืนนิ่งแทบไม่กระดิกด้วยความที่ทำตัวไม่ถูก

               “ศรีน่ะเหรอที่ตัดโซ่ของสิรไพรได้ ตอนนั้นยังดูน่ากลัวอยู่เลย มาตอนนี้นี่เป็นเด็กที่น่ารักเหมือนกันเนอะ”

“เนตรยันต์มรณะนั่นไม่น่าเชื่อ เธอคนนี้มีจริง ๆ น่ะฤ?”

               “นี่ใช่ไหมคนที่ชื่อใบโพธิ์ที่ช่วงนี้ทุกระดับชั้นลือกันว่า อาจเป็นตัวแทนยมทูตของโรงเรียนประดู่แดง?”

               ฯลฯ

               ทั้งสองเผลอมองหน้ากันด้วยความหนักใจ …สมมติถ้านี่เป็นนิยายสถานการณ์ตอนนี้ก็คงเป็นของตัวเอกที่มักจะเป็นจุดเด่นทั้ง ๆ ที่ไม่ตั้งใจ

               เป็นตัวเอกก็อย่างนี่แล

               พินทุคิดในใจก่อนจะลุกจากขอบหน้าต่างแล้วลอยออกไป นางมาตั้งนานแล้วแต่ไม่มีใครเห็น เหตุผลที่มาก็เพราะว่าอยากเห็นทั้งสองคน …ตัวละครหลักที่ตนเองเป็นผู้กำหนด ไม่สิ ท่านผู้สร้างโลกต่างหากเล่า นางมาดูในฐานะที่เป็นเสมือนบรรณาธิการก็เท่านั้น

               “แสดงให้น่าประทับใจล่ะ ข้าล่ะเบื่อกับชีวิตเช่นนี้เต็มทีแล้ว…”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา