ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  97.78K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

99) บทที่ ๙๘ : การลวนลามและการทรมาน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ ๙๘

[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]

การลวนลามและการทรมาน

                น่าเหลือเชื่อจริงๆ ถึงแม้จะคิดบ้างแล้วว่าตนเองอาจจะเคยเรียนแต่ก็ไม่คิดว่าจะรู้สึกง่ายถึงเพียงนี้

                จากตอนแรกที่เริ่มทำเขารู้สึกว่ายาก แต่พอได้อ่านแล้วคิดดีๆ ก็รู้สึกว่าง่ายมาก อย่างยันต์ที่ใช้ก็คิดว่าตนเองคงจำไม่ได้แน่ แต่ก็ผ่านมาได้สบายๆ ถึงจะเป็นเช่นนั้นข้อสอบก็มีหลายโจทย์ นี่ยังไม่รวมกับวิชาภาษาไทยที่มีมากว่า ๑๐๕ ข้อ หลังจากเสร็จการสอบนี้ ก็ต้องสอบภาคปฏิบัติ นี่แหละที่เขาหนักใจกว่าสอบข้อเขียนและข้อเลือก นึกถึงเรื่องนี้เขาก็ถอนหายใจเบาๆ ลออที่สังเกตถึงสีหน้านั้นก็ยิ้มมุมปาก ในใจคิดว่าใบโพธิ์จะไปได้สักกี่น้ำ

                ผ่านไปนานหลายชั่วโมงจวบจนถึงกลางคืน ใบโพธิ์ก็วางปากกาลงก่อนจะยืดแขนด้วยความเมื่อย เขาหยิบกระดาษข้อสอบและกระดาษคำตอบไปให้ลออ แล้วยกมือไหว้ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก เมื่อออกมาแล้วก็เบิกตาด้วยความแปลกใจที่เพื่อนๆ บางคนยังอยู่ ทั้งๆ ที่เขาเข้าไปทำหลายชั่วโมงแล้ว

                “นี่ยังไม่กลับไปเหรอ?” เด็กชายผมยาวถึงเอวสีน้ำเงินเกล้าทรงหางม้า มองใบโพธิ์พลางดูดน้ำจากในกระติกไปด้วย คนอื่นๆ ก็เช่นกัน “จริงๆ ก็มิได้อยากอยู่ดอก แต่ต้องมาเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าด้วยน่ะ เลยอยู่รอ”

ใบโพธิ์ได้ยินดังนั้นก็นึกขึ้นได้ ในใจหวังว่าคนอื่นๆ จะไม่ได้เป็นเช่นเดียวกับเด็กชายผมสีน้ำเงิน คิดว่าถ้าพวกเขาอยู่ด้วยเพราะรอเป็นเพื่อนจะรู้สึกอุ่นใจ ในระหว่างที่ยืนนิ่งคิดอะไรไปเรื่อยนั้น เด็กชายผมสีน้ำเงินก็โยนดาบไทยมาให้ ใบโพธิ์รับมาแล้วมองดาบ ก่อนจะมองอีกฝ่ายเป็นเชิงว่าต้องต่อสู้ตอนนี้เลยหรือ? ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกถึงแววตานั้นเลยพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะชักดาบออกมาจากฝัก ใบโพธิ์เองก็เช่นกัน เขารู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้จะฝึกมาบ้างแล้วและผลการฝึกอยู่ในระดับที่ดีเลยทีเดียว แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าตอนฝึกกับตอนสู้จริงนั้นไม่เหมือนกัน เขาถอนหายใจก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายที่เดินนำเพื่อไปยังที่ประลอง คนอื่นๆ เองก็ตามไปด้วย

เมื่อมาถึง ทั้งสองก็เดินแยกกันไปยังฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย ในระยะที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ใบโพธิ์หยิบดาบขึ้นมาแล้วตั้งท่า สักพักทั้งสองฝ่ายก็พุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ดาบปะทะส่งเสียงดังเคร้ง! ใบโพธิ์เกือบจะเสียท่าอยู่รอมร่อ ถึงแม้เขาจะทำได้อย่างคล่องแคล่ว ทว่าอาจจะเพราะไม่ได้ใช้ดาบนานเลยมีสะดุดบ้าง …ถ้าเกิดเข้าเคยเรียนตามที่สิรไพร ขนมฟูและเพื่อนคนอื่นๆ บอกล่ะนะ

                ท่าที่ใช้ในการต่อสู้นั้นใบโพธิ์ได้ผสมกับลีลาดาบสายอื่นบ้าง อาทิ ดาบเหนือ ดาบสะบัดชัย ดาบล้านนา ฯลฯ ถึงแม้จะผิดหลักไปบ้าง แต่เขาก็สามารถใช้ได้อย่างลงตัว จนเด็กชายผมสีน้ำเงินเริ่มหวาดเล็กน้อยว่าตนเองจะพ่ายแพ้ ทว่าเขายังคงฮึดสู้ รุกเข้าไม่ออมมือ ซึ่งใบโพธิ์เองก็รับแล้วรุกตอบอย่างไม่เกรงใจ แม้จะไม่อยากทำร้ายแต่มันก็จำเป็นจริงๆ

                การต่อสู้ด้วยวิชาดาบนั้นเริ่มมีนักเรียนและบุคลากรคนอื่นๆ ในโรงเรียนที่เดินผ่านมาดูด้วยความสนใจ ได้ยินเสียงโห่ร้องให้กำลัง แต่ส่วนใหญ่จะให้เด็กชายผมสีน้ำเงินเสียมากกว่า กระนั้นใบโพธิ์ก็ทำเป็นไม่รู้สึกอะไรที่เหมือนกับตนเองโดนข่มอยู่ การที่ไม่มีใครให้กำลังใจตนเองนั้นมันช่างบั่นทอนกำลังใจเสียจริงๆ ทว่าพอเหลือบมองสิรไพรกับขนมฟูก็รู้สึกมีกำลังใจอย่างน่าประหลาด

                ใบโพธิ์ยังคงพยายามอย่างสุดความสามารถ ถึงตนเองจะคิดว่าฝีมือยังไม่ดีอยู่ แต่ในสายตาคนอื่นๆ โดยเฉพาะสิรไพร ขนมฟูและลออที่เดินมาไม่นานนัก กลับรู้สึกว่าฝีมือจะเริ่มเหนือกว่าเด็กชายผมสีน้ำเงิน ทว่าความคิดต้องเปลี่ยนไปเมื่อเด็กชายผมสีน้ำเงินสบโอกาสที่อีกฝ่ายเผลอ หมุนร่างไปด้านข้างก่อนจะกระแทกดาบใส่ร่างของใบโพธิ์ ตามด้วยส่วนอื่นอย่างรวดเร็วจนเจ้าตัวแทบไม่มีโอกาสตอบโต้ เด็กชายผมสีน้ำเงินยิ้มมุมปาก ก่อนจะกระแทกดาบใส่อีกครั้งเมื่อเห็นว่าใบโพธิ์เริ่มรับไม่ไหวแล้ว

               สิรไพรมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ความรู้สึกที่ชัดเจนคือหงุดหงิดที่มีคนบางคนมาทำร้ายของเล่นของเขา โดยที่เขายังทำร้ายไปได้ไม่มากเลย คิดได้ดังนั้นเขาก็อัญเชิญดาบออกมา ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาระหว่างทั้งสองคน เผอิญกับจังหวะเดียวที่เด็กชายผมสีน้ำเงินเงื้อมือเตรียมจะฟาดดาบลงมา สิรไพรรับดาบนั้นแทนใบโพธิ์ ดวงตาที่ฉายความหงุดหงิดช่างขัดกับริมฝีปากสีซีดที่เหยียดดูน่าสะอิดสะเอียนนัก เด็กชายผมสีน้ำเงินชักสีหน้า ดวงตาสีดำจ้องสิรไพรอย่างเอาเรื่องที่มาขัดตนเอง ส่วนใบโพธิ์นั้นก็เบิกตาด้วยความตกตะลึงและแปลกใจ ที่บุคคลอย่างสิรไพรมาช่วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังแกล้งเขาอยู่เลย คนอื่นๆ ที่มาดูต่างซุบซิบถึงการมาของบุคคลที่สาม ลออยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก

               “ทำไม… นายถึงมาช่วยฉัน?” สิรไพรมองด้วยหางตา แม้แว่นตาสีดำจะบังอยู่แต่ใบโพธิ์ก็รู้สึกได้ “เฮอะ เป็นเอ็งจะรู้สึกเยี่ยงไรหากของเล่นของตนเองถูกทำร้าย ทั้งๆ ที่ยังมิได้เล่นเลย”

               ใบโพธิ์เบิกตามากขึ้น เมื่อได้ยินถ้อยคำที่ฟังดูโหดร้าย รู้สึกน้อยใจที่ตนเองเป็นของเล่นแปลกๆ ยังไม่ทันที่เขาจะแย้งว่าตนนั้นไม่ใช่ของเล่น สิรไพรก็ผลักดาบออกก่อนจะรุกเข้าด้วยลีลาที่รวดเร็วเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เด็กชายผมสีน้ำเงินเริ่มมีเหงื่อออก ใจเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่น ด้วยความที่ทราบดีว่าอีกฝ่ายนั้นมีฝีมือเหนือกว่าตนมากนัก การที่มาปะทะกันเช่นนี้ไม่ต้องบอกก็ทราบว่าใครจะชนะ

               “อ้ายสิรไพร! นี่เป็นการประลองเพื่อทดสอบถึงฝีมือของใบโพธิ์ในการเข้าเรียน เจ้ามาขัดเช่นนี้ที่ประลองมาก็สูญเปล่าน่ะสิ!”

               เคร้ง!

               “ใครสนวะ! เรื่องเข้าเรียนมันมิใช่เรื่องของข้านี่!” สิรไพรกล่าวก่อนจะถอยหลังออกไปตั้งหลัก เด็กชายผมสีน้ำเงินรู้สึกถึงลางไม่ดี เขาตั้งท่าแล้วระมัดระวังมากขึ้น ทว่าเพียงพริบตาเดียวเขาก็ไม่เห็นสิรไพรแล้ว พอหันไปมองรอบด้านก็ไม่เจอ แต่เงยหน้าไปมองเท่านั้นก็ไม่ทันตั้งตัวถึงคบดาบที่ฟันลงมา

               “อ้าก!!”

               เขาร้องครวญด้วยความเจ็บปวด ถึงแม้ตนเองจะเป็นสายเลือดอมตะแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เจ็บ เลือดพุ่งออกมาส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียน สิรไพรกระโดดลงมาก่อนจะแสยะยิ้มด้วยความสะใจ ใบโพธิ์มองภาพนั้นด้วยความหวาดกลัว เลือดที่พุ่งแล้วไหลลงมานั้นทำให้แทบจะเป็นลมอยู่รอมร่อ ด้วยความที่ทนไม่ไหว ในที่สุดเขาก็สลบไปท่ามกลางสายตาตกตะลึงของใครหลายคน  สิรไพรที่หันมามองจะกล่าวเยาะเย้ยที่ใบโพธิ์สู้ไม่ได้ก็ต้องชักสีหน้า เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหมดสติแล้ว เขาเก็บดาบก่อนจะอุ้มใบโพธิ์ กินนรผมสีน้ำตาลที่บินมาหาเพื่อจะพาใบโพธิ์ไปพักนั้น ก็ต้องหยุดบินแทบไม่ทันเพราะแววตาคมกริบที่เห็นได้เพียงรางๆ ของสิรไพร เห็นดังนั้นแล้วกินนรตนนั้นก็บินไปหาเด็กชายผมสีน้ำเงินแทน ก่อนจะพาร่างเปื้อนเลือดไปที่เรือนพยาบาล

               “น่าสมเพชจริง ถ้ามิติดว่าเอ็งเป็นของเล่นใหม่ ข้าคงปล่อยให้อ้ายนาวิชฟันไปนานแล้ว” สิรไพรกล่าวเบาๆ กับใบโพธิ์ ก่อนจะเดินผ่านสายตาของใครหลายคนที่มองมาอย่างแปลกใจและสนใจ มุ่งหน้าไปยังห้องพักของตนเอง

               .

               .

               .

               สิรไพรวางร่างใบโพธิ์นอนอย่างไม่ใส่ ส่งผลให้อีกฝ่ายกระแทกกับฟูกเล็กน้อย ก่อนจะนอนข้างๆ อย่างสบายใจ คิดไปพลางๆ ว่าถ้าตื่นมาเมื่อไหร่จะทรมานให้สาแก่ใจเลย เขาเหลือบมองร่างที่บางกว่าตนเองเล็กน้อย รู้สึกอยากแกล้งขึ้นมา แล้วลุกขึ้นนั่ง เขยิบไปคร่อมใบโพธิ์ที่ยังคงไม่รู้สึกอะไร ในความคิดพลันนึกถึงภาพยนตร์ลามกที่ดูเมื่อคืนวาน จากความรู้สึกอยากแกล้งเปลี่ยนเป็นความรู้สึกทางเพศ เขาเลียริมฝีปากที่ซีดแห้งผากเหมือนจะทานขนมหวาน โน้มใบหน้าลงไปก่อนจะกัดริมฝีปากใบโพธิ์อย่างแรง จนเลือดซึมออกมา เขาเลียเลือดนั้นด้วยความพึงใจก่อนจูบอย่างบดขยี้ เสมือนว่าตนเองทานขนมวุ้นก็ไม่ปาน …การกระทำเกินอายุนั้นเขาเป็นมาได้ค่อนข้างนานแล้วล่ะ

               ใบโพธิ์เริ่มรู้สึกตัว แต่ก็ไม่ลืมตาเสียที สิรไพรเห็นดังนั้นก็ยิ่งได้ใจ เขาจัดการปลดกระดุมอีกฝ่ายก่อนจะไล้ริมฝีปากตามผิวที่อุ่นร้อน อุณหภูมินั้นกับสัมผัสเนียนนุ่มนั้นยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ ในขณะที่กำลังจะไปต่อนั้นก็มีใครบางคนเปิดประตูเข้ามา ผู้ที่มาเยือนเป็นเด็กชายที่มีเขี้ยวโง้ง มุมปากมีรอยแบบไทย ผมสีแดงเหลือบสีส้ม เขายืนนิ่งเมื่อเห็นว่าสิรไพรกำลังทำการใด เจ้าตัวที่หันมามองด้วยสายตาเหี้ยมนั้น ทำให้ยักษ์ผมสีแดงเหลือบส้มหวาดหวั่นขึ้นมา …ดูท่าว่าเขาคงมาในเวลาที่ไม่สมควรแล้วล่ะ

                สิรไพรลงจากเตียงก่อนจะเดินเข้าไปหายักษ์ตนนั้น ซึ่งกำลังยิ้มแห้งๆ รอรับความตายที่จะมาเยือน

                “เอ่อ ข้า… ขอโทษนะ อ้าก!!”

 กล่าวไม่ทันจบไม้หน้าสามที่สิไพรหยิบมาด้วยก็หวดเข้าใส่อย่างไม่บันยะบันยัง ยิ่งตะปูที่ตอกด้วยแล้วเลยทำให้เจ็บเข้าไปอีก ยักษ์ตนนั้นจะสู้ก็สู้ได้เช่นกัน แต่เพราะเป็นอมนุษย์ที่ไม่ชอบมีเรื่องเลยพยายามหลีกเลี่ยง… โดยการหนี สิรไพรวิ่งตามไปพร้อมกับโซ่ที่อัญเชิญ มันพุ่งเข้าไปมัดยักษ์ตนนั้นก่อนที่สิรไพรจะฟาดไม้หน้าสามและเตะต่อยอยากไม่ปรานี ด้วยข้อหาที่บังอาจมาขัดอารมณ์เขาตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ภาพนั้นตกอยู่ในสายตาเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆ ในหอพัก มีบางคนที่เข้าไปช่วย ทีแรกก็ไม่ได้แต่พอเข้ามาช่วยกันมากๆ สิรไพรเลยทำร้ายต่อไม่ได้

                “อ้ายเอกคเรช ได้โอกาสเมื่อใดข้ามิปล่อยเอ็งไปอีกแน่!” สิไพรเดินกลับไปที่ห้องก่อนจะผนึกประตู แล้วหันกลับไปมองใบโพธิ์ที่ยังคงไม่ได้สติพลางสบถเบาๆ “ให้ตายสิ”

               เขาเดินไปนั่งบนเตียงก่อนจะนอนข้างๆ ใบโพธิ์ ครานี้ไม่มีกระจิตกระใจจะลวนลามอีกฝ่ายแล้ว ระหว่างที่สิไพรหลับตาใบโพธิ์ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดตามร่างกายรวมทั้งริมฝีปาก ตอนหลับไม่รู้สึกอันใดหรอก แต่พอตื่นขึ้นมานี่สิ… เขาไม่เอะใจถึงความเจ็บปวดตรงริมฝีปากเลยแม้แต่น้อย หวนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะมานอนที่นี่ เขากำลังประลองกับเด็กชายผมสีน้ำเงินเจ้าของนาม เอกคเรช (คเรช) ทว่าในขณะที่กำลังจะถูกฟันด้วยดาบ สิรไพรก็เข้ามาช่วย… ไม่สิ ถึงจะช่วยก็จริงแต่ที่ทำไปก็เพราะไม่อยากให้ของเล่นตนเองถูกผู้อื่นทำร้ายก่อน พอนึกถึงเหตุผลนี้ใบโพธิ์ก็รู้สึกน้อยใจและเจ็บใจ ด้วยความที่คิดว่าตนเองนั้นไม่สามารถขัดขืนเด็กชายผมสีขาวได้เลย

               ใบโพธิ์ถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น ก่อนจะเหลือบเห็นว่าเสื้อผ้าของตนเองเองถูกปลดกระดุมออก ผิวที่ขาวออกคล้ำแลดูมีน้ำมีนวลนั้นมีรอยบอบช้ำ เขาคาดว่าคงจะเป็นผลจากการต่อสู้ โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วเป็นฝีมือของบุคคลด้านข้างตนเอง ใบโพธิ์ติดกระดุมพลางคิดเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อย

               ระหว่างนั้นเองสิรไพรก็ลืมตาขึ้น พอเหลือบมองก็เห็นว่าใบโพธิ์ฟื้นแล้ว เมื่อเป็นดังนั้นเขาก็ลงจากที่นอน หยิบโซ่ที่ปลดก่อนจะไปทดสอบขึ้นมาพันร่างของใบโพธิ์ที่มองมาอย่างฉงน ก่อนจะนึกได้ว่าที่อีกฝ่ายทำไปเพราะอยากทรมาน ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เมื่อสิรไพรหยิบเทียนขึ้นมาจากในลิ้นชักโต๊ะไม้ เขาหยิบอุปกรณ์จุดไฟพกพาขึ้นมา เลื่อนส่วนที่หมุนๆ จนเกิดเปลวไฟเล็กๆ แล้วมาจ่อที่ไส้เทียน พอมันติดไฟแล้วสิรไพรก็เดินเข้ามาใกล้ใบโพธิ์ที่ใจเต้นแรงเพราะหวาดหวั่น  เขารู้สึกถึงลางไม่ดี

               สิรไพรแสยะยิ้ม ลิ้นแลบออกมาเลียริมฝีปากแห้งผาก ก่อนจะเอนเทียนส่งผลให้น้ำตาเทียนหยดลงไปที่ต้นขาของใบโพธิ์เร็วกว่าเดิม เจ้าตัวครวญในลำคอด้วยความปวดแสบปวดร้อน แม้จะไม่มากนักแต่หากโดนนานเข้าผิวคงจะไม่ดีแน่ ใบโพธิ์ตระหนักถึงเรื่องนั้นจึงถอยหลังไป คลานบนเตียงหวังจะลงไปแล้ววิ่งออกจากห้อง แม้จะเจ็บจนคลานไปได้อย่างทุลักทุเลแต่ก็พยายามจนจากเตียงจนได้ ทว่าโซ่ของอีกฝ่ายนั้นพันธนาการไว้เขาจึงไปได้ไม่ไกลนัก สิรไพรเหยียดยิ้มมากขึ้น ใบหน้าสีขาวแสดงความอำมหิตจนดูน่ากลัวยิ่งกว่าอาชญากรโรคจิต  ริมฝีปากที่ทั้งซีดทั้งแห้งขยับเอ่ยเสียงเย็นเยียบออกมา

               “คิดจะรอดเงื้อมมือจากข้า สู้หนีไปตายแล้วเกิดใหม่คงจะง่ายกว่ากระมัง”

               “นายเป็นพวกโรคจิตเรอะ! ถึงได้ชอบทรมานคนอื่นนักน่ะ!”

               ใบโพธิ์ตะคอกถาม เขาจ้องสิรไพรอย่างเอาเรื่อง เจ้าตัวไม่สะทกสะท้านกับแววตานั้น แต่กลับยิ้มมากขึ้นเหมือนกับว่าใบโพธิ์เล่าเรื่องสนุกๆ ให้ฟัง เขาดึงโซ่ให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้จนเจ้าตัวร้องครวญ ก่อนที่สิรไพรจะลงไปคร่อมร่างบนพื้น แลบลิ้นเลียริมฝีปากอีกครั้ง สีหน้าดูเจ็บปวดกับรอยบอบช้ำจากการประลองนั้น ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของเขามากขึ้น นึกย้อนไปถึงภาพยนตร์ลามกอารมณ์ก็รุนแรงยิ่งกว่าเดิม เขาจัดการปลดกระดุมที่เพิ่งติดได้ไม่นาน ยื่นเทียนไปยังร่างของใบโพธิ์ ก่อนที่เจ้าตัวจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว

               “น่ะ นายจะทำอะไรน่ะ?!”

               สิไพรเงยหน้ามองใบโพธิ์แล้วแสยะยิ้มอย่างโรคจิต ก่อนที่น้ำตาเทียนที่ร้อนนั้นหยดลงไปตามผิวส่วนบน หน้าอก หน้าท้อง ใบโพธิ์ดิ้นไปดิ้นมาอย่างทรมาน ถึงจะไม่ถึงขั้นกับโดนไฟลวกแต่ก็สร้างความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่อาจอธิบายได้ มืออีกข้างของสิรไพรลูบไล้ตามเรือนร่าง สัมผัสนุ่มนิ่มมันมือทำให้รู้สึกเพลินจนเผลอบีบ ความรู้สึกบางอย่างในกายใบโพธิ์เริ่มจะปะทุขึ้นมา ใบหน้าขาวนั้นแดงระเรื่อดูเย้ายวนทำให้สิรไพรอยากทำมากกว่านี้

               “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะอ้ายคนวิปริต!”

               สิไพรละสายตาจากร่างกายใบโพธิ์มามองเจ้าตัว ดวงตาสีดำที่ดูหยาดเยิ้มเพราะอารมณ์และน้ำตาที่คลอชวนหลงใหลทำให้สิไพรเกือบจะทำจริงๆ ทว่ายังอดใจไหว เขาโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปแล้วบดขยี้ ใบโพธิ์หลั่งน้ำตาออกมาสายหนึ่ง หวาดกลัวมากขึ้น ด้วยความที่คิดว่าสิรไพรจะทำการล่วงละเมิดทางเพศยิ่งกว่าเดิม แม้นจะเป็นเพศเดียวกันที่สังคมไม่ค่อยจะยอมรับ แล้วพอมีเพศสัมพันธ์แล้วจะไม่ท้องเขาก็ไม่รังเกียจ กระนั้นการถูกข่มขืนแล้วมีเพศสัมพันธ์กันตั้งแต่ยังเด็กนั้น ทำให้เขารู้สึกเจ็บใจ อับอาย นึกไม่ถึงจริงๆ ที่อีกฝ่ายทำอะไรเกินวัยไปมาก

               สิรไพรไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย ยังคงเพลิดเพลินกับการทรมานและลิ้มรสชาติเรือนร่าง มีครู่หนึ่งที่เขาหยิบมีดมากรีดผิวใบโพธิ์เพียงตื้นๆ ทว่าสร้างความเจ็บปวดได้อย่างดี

               คราแรกที่จะโดนนั้นใบโพธิ์เองก็คิดจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่พอคิดอีกทีก็เห็นว่าหากผู้อื่นมาพบในสภาพนี้ ตนเองจะต้องอับอายแน่ ซ้ำร้ายอาจจะโดนประจานด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาเลยทำได้เพียงภาวนาในใจ รับความเจ็บปวดที่แสนทรมานอย่างกล้ำกลืน น้ำตาไหลพรากมากกว่าเดิม คิดว่าการประลองก่อนหน้านี้ได้รับความเจ็บปวดน้อยกว่าอีก

               ใบโพธิ์อ่อนล้าลงเรื่อยๆ เปลือกตาค่อยๆ ปิดลงความทรมานทำให้เขาสลบไปอีกครั้ง กระนั้นสิรไพรก็ยังคงทำต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา