The Ugly Girl ฉันขี้เหร่หรือนายเท่เกิน...?

9.5

เขียนโดย Kreota

วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.01 น.

  21 ตอน
  9 วิจารณ์
  23.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 เมษายน พ.ศ. 2561 02.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) จบกัน!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

[7 :: จบกัน!]

 

            [น้ำปิง : Talk]

            เสียงโห่ร้องยินดีของชาวค่ายและเด็กๆ ในโรงเรียนดังขึ้นขณะส่งมอบกุญแจห้องสมุดและอุปกรณ์การเรียนให้แก่อาจารย์ใหญ่ มันเป็นความรู้สึกดีๆ ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนอกจากมาทำกิจกรรมช่วยเหลือคนอื่นแบบนี้ ฉันยิ้มกับเพื่อนๆ ที่ช่วยกันอย่างขยันขัยแข็ง หัวเราะกับมุขตลกที่หนุ่มๆ เขาหยอดเล่นกัน สิ่งเหล่านี้มันช่วยให้ฉันลืมเรื่องเลวร้ายเมื่อคืนไปได้มากเลย

            คืนนี้จะมีงานรอบกองไฟอำลาค่ายซึ่งฉันได้ร่วมแสดงด้วยนั่นคือการเต้น Cover dance เพลงเกาหลีค่ะ แต่สภาพแขนของฉันเป็นแบบนี้ไม่รู้ว่าจะเต้นได้ขนาดไหนน่ะสิ U_U นอกจากจะมีการแสดงรอบกองไฟแล้ว ยังมีกิจกรรมมากมายให้ร่วมสนุกกัน รวมถึงยังเป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้แต่งสวยแต่งหล่อกันอย่างเต็มที่หลังจากทำงานหน้ามันกันมา 2 วัน 1 คืน

            “น้ำปิง กรีดอายไลเนอร์ให้หน่อยสิ”  หนึ่งเดือน เพื่อนที่เต้น Cover ด้วยกันเข้ามาหาฉันพร้อมอายไลเนอร์ในมือ เพื่อนคนนี้เราทำงานกลุ่มด้วยกันบ่อยๆ เลยสนิทกันพอสมควร แต่เพราะหมี่เกี๊ยวบอกว่าเพื่อนในกลุ่มเขาเป็นคนไม่ค่อยดีก็เลยไม่อยากให้ฉันเกาะแกะด้วย แต่จากที่ฉันทำงานด้วยหลายงาน ฉันว่าเขาก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นสักหน่อยนะ

            “โอเค นั่งๆ”  ฉันพูดพลางเขยิบไปข้างหลังนิดหน่อยเพื่อให้มีพื้นที่ให้หนึ่งเดือนนั่งลงได้

            “แกกับหมี่เกี๊ยวทะเลาะกันหรอ ทำไมไม่เห็นคุยกันเลย”  หนึ่งเดือนกระซิบฉันเบาๆ พร้อมกับปลายตาไปมองหมี่เกี๊ยวที่นั่งบัดบรัชออนอยู่ฝั่งตรงข้ามของเต็นท์

            “ไม่มีอะไรหรอก”

            “แกจะว่าฉันก็ว่าเถอะนะขอฉันพูดหน่อยเถอะ จากสายตาคนนอกอย่างฉัน ความสัมพันธ์ของพวกแกมันแปลกๆ”

            “หมายความว่าไง”  ฉันขมวดคิ้วถาม เพราะฉันไม่เข้าใจหนึ่งเดือนพูดจริงๆ ‘แปลก’ ยังไงอ่ะ

            “เอ้า! ไม่เข้าใจหรอ อืม...งั้นเรียกง่ายๆ ก็เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ชิงดีชิงเด่นกลัวได้ดีเกินกัน อะไรประมาณนี้อ่ะ แกไม่สังเกตหรอเวลาที่แกได้คะแนนสอบมากกว่ายัยนั่นยังเหวี่ยงใส่แกเลย แล้วก็อีกตั้งหลายเรื่องที่แนไม่รู้ว่าแกสังเกตรึเปล่า”  หนึ่งเดือนเบ้ปากอย่างเกลียดชังเมื่อพูดถึงหมี่เกี๊ยว

            “เฮ้ย! ไม่ใช่หรอกมั้ง”

            “ที่ฉันพูดเนี่ยไม่ใช่จะยุให้พวกแกแตกกันหรอกนะ แต่ที่ฉันพูดเพราะฉันหวังดี ฉันไม่อยากให้แกไปคบกับมันเลย รู้อะไรไหม? เพื่อนในกุ่มฉันมีแต่คนไม่ชอบยัยหมี่เกี๊ยวกันทั้งนั้น ดูเหมือนเป็นคนมีเลศนัยอะไรสักอย่าง...หน้าตาแบบว่าไม่จริงใจอ่ะ”

            “ขนาดนั้นเลย”

            “ใช่ ถ้าเกิดแกกับหมี่เกี๊ยวทะเลาะกันจริงๆ ล่ะก็ มาอยู่กับพวกฉันก็ได้นะ พวกเรายินดีต้อนรับ...แต่อย่าพ่วงยัยหมี่เกี๊ยวนั่นมาด้วยล่ะ อิอิ ^^”  ประโยคสุดท้ายหนึ่งเดือนป้องปากเข้ามากระซิบฉันใกล้ๆ

            “แกเนี่ยนะ ชอบบอกว่าไม่ชอบหมี่เกี๊ยวตั้งแต่ทำงานกลุ่มด้วยกันครั้งแรกเลย ไม่ชอบขนาดนั้นเชียวหรอ”  ฉันพูด แล้วนึกไปถึงครั้งแรกที่อาจารย์จับกลุ่มให้ แล้วฉันได้อยู่กลุ่มเดียวกันกับหนึ่งเดือน

            หนึ่งเดือน เป็นผู้หญิงชื่อแปลกคนนี้ เป็นคนเปิดเผยคิดอะไรก็จะพูดออกมาอย่างนั้น เป็นคนเอาการเอางานดีมาก มีความรับผิดชอบเป็นเลิศจนใครๆ ก็อยากอยู่กลุ่มด้วย และเธอเป็นคนแรกที่ออกตัวว่าไม่ชอบหมี่เกี๊ยวอย่างแรง ตอนที่หนึ่งเดือนพูดแรกๆ ฉันก็ไม่เชื่อหรอกเพราะฉันไม่คิดว่ามี่เกี๊ยวจะเป็นคนแบบนั้นไปได้ แต่ตอนนี้...ฉันเริ่มเชื่อแล้วว่าหมี่เกี๊ยวเป็นอย่างที่ใครๆ พูดกันจริงๆ มีแค่ฉันนี่แหละที่ดูไม่ออกอยู่คนเดียว -_-

            “ใช่ ไม่ชอบมากๆ คนอะไรไม่รู้ มองน้าแล้วไม่ถูกชะตาเอาซะเลย แถมชอบพูดเสียดสีกลุ่มพวกฉันอยู่เรื่อยว่าแรงอย่างนั้นแรงอย่างนี้”

            “จริงหรอ ตอนไหน?”

            “เฮ้อ...ก็ตอนที่แกไม่เห็นไง ลับหลังแกยัยนี่แรงจะตาย”  หนึ่งเดือนกรอกตาอย่างเอือมระอากับความไม่ทันคนของฉัน ฉันรู้น่าว่าฉันมันซื่อบื้อ คบคนไม่ดูตาม้าตาเรือ แต่ฉันก็ซื่อบื้อมาตั้ง 7 ปีแล้วจะซื่อบื้อต่ออีกสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก (_ _;)

            “มาๆ มากรีดตาให้ฉันได้แล้ว เดี๋ยวจะไปแสดงไม่ทันกันพอดี” 

            “อื้ม”  ฉันรับคำแล้วกรีดตาให้ตามที่ขอ แต่มันลำบากนิดหน่อยเพราะแขนฉันมันยังไม่ค่อยหายดี ยังดีที่เป็นแขนข้างซ้าย ไม่อย่างนั้นคงทำอะไรช่วยเพื่อนๆ ไม่ได้

            “ว่าแต่แกเหอะ แขนสภาพนี้ยังจะเต้นอีกหรอ ไม่เป็นไรก็ได้นะ เดี๋ยวฉันบอกเพื่อนให้”

            “แต่ฉันไม่ได้เตรียมชุดอื่นมาเลยนะ”

            “ก็ใส่ชุดนี้แหละเข้างาน แต่ไม่ต้องแสดง”

            “อ๋อ อืมก็ดีเหมือนกัน วันนี้ยกถังสีทั้งวันมันก็เลยกลับมาบวมอีกแล้ว”

            “นั่นแหละ ไม่รู้จักดูแลตัวเอง ขอบใจมากนะ...อ้อ! ลืมถ่ายวีดีโอไว้ให้ฉันดูด้วยนะ”  หนึ่งเดือนพูดทิ้งท้ายก่อนจะออกไปจากเต้นท์เพื่อเตรียมการแสดงต่อ

            เฮ้อ...ไม่ได้เต้นแล้วโชคดีชะมัด ถือว่าฉันก็ไม่ได้ซวยจนเวอร์อย่างที่คิดนะ

            ฉันเข้าไปในงานพร้อมกับชุดที่จะใส่แสดงในวันนี้นั่นก็คือเสื้อเชิ้ตตัวใสสีขาว เสื้อสูทแขนยาวสีขาว และกางเกงขาเดฟสีขาว สรุปคือชุดขาวทั้งชุดค่ะ มีแค่รองเท้าส้นสูงสีแดงกับสร้อยคอที่เป็นเม็ดคริสตอลหลากสีเท่านั้นที่ดูจะมีสีสันที่สุดในชุด

            “มาแล้วหรอ ฉันนึกว่ายัยหมี่เกี๊ยวจะจับแกหมกป่าซะแล้ว”  หนึ่งเดือนเดินมาทักทายเป็นคนแรกเมื่อเดินเข้ามาในงาน

            “ฉันมัวแต่หารองเท้าอ่ะ ไม่อยากใส่ส้นสูงเดินแต่มันหาไม่เจอก็เลยต้องใส่มันมาเหมือนเดิม”

            “เออใส่ๆ ไปเถอะ อุตส่าห์ซื้อแล้ว”  หนึ่งเดือนพูด แล้วอยู่ๆ ก็ชะงักไปแล้วชี้ให้ฉันดูอะไรบางอย่าง

            “เฮ้ยๆ น้ำปิง พี่ๆ เขามองแกด้วยแหละ >.<” 

            “ใคร?”  ฉันมองตามหนึ่งเดือนไปก็เห็นพี่ยศ พี่ปาร์เกต์และพี่มาร์ชกำลังเดินมาหาฉัน

            “ว้าว...ถ้ายศไม่บอกว่าเป็นน้ำปิง พี่เผลอมาจีบแล้วนะเนี่ย สวยใช่เล่นนะเรา ^_^”  พี่มาร์ชทักฉันเป็นคนแรก ทำเอาหนึ่งเดือนและเพื่อนๆ ที่เดินมาด้วยกันกรี๊ดนิดๆ อยู่ข้างหลังฉัน

            “ขอบคุณค่ะพี่มาร์ช ^////^”

            “เจอกันสภาพปกติสักทีนะน้ำปิง ^^”  พี่ยศยิ้มน้อยๆ มาให้ฉัน ทำเอาหน้าฉันมันร้อนๆ ขึ้นมาแปลกๆ

            “ส่วนอีกคที่เดินตามมาพร้อมกันไม่ยอมพูดอะไรเลยเอาแต่จ้องหน้าฉันอย่างเดียว ถ้าเป็นสายตาชื่นชมเหมือนพี่ๆ ทั้ง 2 คนฉันจะไม่ว่าเลย แต่เขาจ้องเหมือนอยากจะบีบคอฉันมากกว่าแล้วพี่เขาก็สะบัดหน้าเดินหนีไป เล่นเอาคนทั้งวงเงียบกันไปตามๆ กันฉันขมวดคิ้วเป็นเชิงถามพี่ยศกับพี่มาร์ชแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไร ฉันเลยตัดสินใจวิ่งตามพี่ปาร์เกต์ไปเพื่อหาคำตอบด้วยตัวเอง

            เป็นอะไรไปนะ ยังโกรธที่ฉันเอาเลือดหมูไปป้ายหน้าอยู่รึเปล่า! แต่ก็ไม่น่าจะโกรธขนาดนี้เลยนี่นา...ทำไมเข้าใจยากจังนะผู้ชายคนนี้!!!

            “พี่ปาร์เกต์!...พี่ปาร์เกต์!!...”  ฉันวิ่งไปตะโกนไปเหมือนคนบ้า แต่พี่ปาร์เกต์ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดเดินและหันกลับมาคุยกันดีๆ เลย แบบนี้เห็นทีต้องใช้ไม้ตายซะแล้ว -_+

            “พี่ปาร์ก!!”  ฉันร้องเรียกโดยใช้ชื่อที่พี่เขายังไม่อนุญาตให้เรียก ซึ่งมันได้ผลตามที่คาด พี่เขาหยุดและหันควับกลับมาหาฉันทันที

            “ใครอนุญาตเธอรึยังถึงกล้าเรียกฉันแบบนี้ -*-”

            “ไม่มีใครอนุญาตหรอกค่ะ ก็พี่ไม่ยอมหยุดเดินสักทีฉันเลยต้องใช้วิธีนี้”  ฉันทำหน้ามึนใส่ พี่ปาร์เกต์ถอนหายใจออกมาแรงๆ แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร

            “พี่เป็นอะไรหรอคะ หรือพี่ยังโกรธที่ฉันเอาเลือดไปป้ายหน้าพี่หรอ? ยังไงก็ขอโทษจริงๆ นะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจริงๆ ทำยังไงพี่ถึงจะหายโกรธล่ะคะ เอาเลือดหมูมาป้ายหน้าฉันคืนก็ได้นะคะ”  ฉันทำใจกล้าพูดออกไป ทั้งที่ในใจแอบภาวนาว่า ขออย่าให้เขาเอาเลือดหมูมาป้ายหน้าฉันจริงๆ เถอะ Y_Y;

            “เธอหลอกฉัน!”  อยู่ๆ พี่ปาร์เกต์ก็โพลงออกมาเสียงดัง จนคนฟังอย่างฉันแอบขนลุกซู่ขึ้นมากับความเย็นเยียบของเสียงนั้น ยังดีที่งานเริ่มแล้วเลยมีเสียงพิธีกรพูดตลอดเวลา เสียงของพี่เขาจึงไม่ได้เป็นที่สนใจเท่าไหร่

            “หลอก?...หลอกอะไรกันคะ ฉันไปหลอกอะไรพี่” 

            “ก็หลอกว่าเธอขี้เหร่ไง! ถ้าฉันรู้ว่าเธอสะ...เอ่อ ถ้าฉันรู้ว่าเธอเป็นแบบนี้ฉันไม่มีทางยุ่งแน่”  พี่ปาร์เกต์พูดตะกุกตะกักจนฉันเกือบจะจับใจความไม่ได้ว่าพี่ขาพูดอะไร

            “แบบนี้..แบบไหนคะ =_=”  ฉันชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ยัยหมี่เกี๊ยวก็คนหนึ่งแล้วนี่ยังพี่ปาร์เกต์อีก ตกลงคนอื่นเขามองฉันเป็นคนยังไงกันเนี่ย -_-?

            “...ต่อไปไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ!!”  พี่ปร์เกต์ไม่ยอมตอบ แต่บอกไว้แค่นั้นแล้วเดินหนีไป

            อะไรกัน! ทำไมเขาพูดกับฉันแบบนี้ แล้วตกลงเขาโกรธที่ฉันหลอกว่าขี้เหร่งั้นหรอ แต่ฉันไม่ได้หลอกเขาสักหน่อยนะเขาแค่ไม่ได้เห็นฉันในมุมนี้เท่านั้นเอง ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ด้วย!

 

            ช่วงท้ายของงานรอบกองไฟ ได้มีการโหวตกันภายในค่ายว่า ‘ถ้ามีคำถามอยู่หนึ่งคำถามคุณจะถามใครและถามว่าอะไร’ ซึ่งผลโหวตก็เป็นไปตามคาดคนที่ถูกเรียกออกไปคือ พี่ปาร์เกต์ พี่ยศ พี่มาร์ชและดาวของคณะฉัน

            พี่ปาร์เกต์เดินตามเพื่อนทั้ง 2 คนออกไปด้วยท่าทางเซ็งๆ ตามด้วยดาวคณะของฉันที่เดินไปยืนอยู่ข้างๆ พี่ปาร์เกต์ พี่ปาร์เกต์หันไปขมวดคิ้วมองดาวสุดสวยของคณะพยาบาลแล้วย้ายไปยืนอยู่อีกฝั่งอย่างไม่ใยดี ทำให้ทั้งงานอึ้งไปตามๆ กันกับพฤติกรรมแปลกๆ ของพี่เขา แต่พิธีกรก็สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันควันและดำเนินงานต่อไปได้ในที่สุด สร้างเรื่องได้เก่งจริงๆ เลยนะพี่ -_-;;

            “มีการตอบคำถามไล่จากดาวคณะของฉันไปเรื่อยๆ ตามลำดับการยืน ส่วนมากคำถามก็ ‘มีแฟนหรือยัง?’ แล้วก็ ‘ชอบคนแบบไหน?’ อะไรทำนองนี้ และทุกคนก็ตอบเหมือนดาราตอบกันเป๊ะ แต่ก็เรียกเสียงฮือฮาและเสียงกรี๊ดได้ไม่น้อยกับคำตอบของพวกเขา จนกระทั่งมาถึงคำถามของพี่ปาร์เกต์ซึ่งยืนอยู่ริมสุดของแถว

            “มาถึงคำถามของพี่ปาร์เกต์คณะวิศวกรรมศาสตร์บ้างนะคะ อื้ม...คำถามนี้น่าสนใจทีเดียวค่ะ”  ประโยคสุดท้าย นินิวที่รับหน้าที่เป็นพิธีกรในคืนนี้พูดออกมาเมื่อเปิดกระดาษคำถามออกดู

            “คำถามมีอยู่ว่า ที่มีข่าวมาว่าพี่ปาร์เกต์คบอยู่กับเด็กปี 1 ของคณะพยาบาลของที่นี่เป็นความจริงหรือไม่คะ?”

            เมื่อสิ้นสุดคำถามของนินิวก็เรียกเสียงฮือฮาขึ้นมาได้ในทันที ฉันกับพี่มาร์ชเผลอมองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย อย่าบอกนะว่าคำถามนี้มาจาก...หมี่เกี๊ยว!

            “รู้สึกว่าจะมีหลักฐานซะด้วยนะคะเพราะว่ามีการเผยแพร่ภาพถ่ายกันผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คกันด้วย แฟนคลับพี่ปาร์เกต์เนี่ย กำลังตามหาสาวน้อยคนนั้นแทบพลิกแผ่นดินเลยล่ะค่ะว่าคนในภาพคือใครกันแน่”  ตุ๊กตา พิธีกรคู่อีกคนพูดเสริม เอาเข้าไปพูดกันเข้าไป ชักรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แล้วสิ -_-*

            “ฉันละสายตาจากพี่มาร์ชไปมองพี่ปาร์เกต์ที่กระชากไมค์ไปจากนินิวด้วยใจที่จดจ่อ พี่เขาจะบอกว่ายังไงนะ แต่เรื่องนี้มิวรู้ความจริงแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะโกหกว่าเราคบกันต่อไปแล้ว...เรื่องโกหกของเราคงจบวันนี้สินะ

            “เรื่องไร้สาระ ผมยังไม่ได้คบกันใครสักหน่อย แล้วในภาพก็ไม่ใช่ผม เลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้วนะ”  พี่ปาร์ก์พูดพร้อมกับจ้องมาที่ฉัน ใช่แล้วล่ะ...มันจบแล้วจริงๆ

            ฉันยิ้มมุมปากให้พี่ปาร์เกต์ก่อนจะแยกออกมาจากงาน ทำไมใจฉันมันหวิวๆ แบบนี้ล่ะ ความรู้สึกเดียวกับตอนที่โดนมิวปฏิเสธเลย ไม่สิ!...มันรู้สึกเจ็บปวดมากกว่านั้น

            ฉันเลี้ยวเข้ามาในห้องน้ำเพื่อหาที่ค้ำยันร่างกายที่เหมือนว่ากำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และไร้การควบคุม ฉันเป็นอะไรไป...เราไม่ได้คบกันจริงๆ สักหน่อย แล้วที่ก่อนหน้านี้ที่เขาใจดีกับฉันก็เพราะฉันมีประโยชน์กับเขาเท่านั้นแหละ

            “ถึงกับหมดแรงเลยหรอ?”  อยู่ๆ ก็มีเสียงแหลมๆ ที่ไม่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง ฉันหันกลับไปมองต้นเสียงแต่...

            ซ่า!

            น้ำเย็นๆ ถูกสาดเข้ามาเต็มๆ หน้าของฉันทันทีที่หันไปมอง มันเข้าตาเข้าจมูกฉันจนรู้สึกแสบไปหมด -..-!

            “พี่ทำอะไรคะ!”  ฉันถามพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวด้วยความโกรธ ฉันมองหน้ารุ่นพี่ไล่ไปทีละคนจนครบทั้ง 3 คน อย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาทำ พวกเขาทำแบบนี้ทำไม อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับพี่ปาร์เกต์อีกแล้ว! เขาประกาศความจริงตอกหน้าฉันมาขนาดนั้นยังไม่พอใจกันอีกหรือไง!!

            “อย่ามาทำเป็นอินโนเซ็นต์หน่อยเลยน้อง โดนปฏิเสธออกสื่อขนาดนั้นแล้วยังจะแอ๊บไปทำไมอีก มันน่าสมเพช ฮ่าๆๆๆ”  พี่อีกคนพูด ทำให้เพื่อนคนอื่นๆ หัวเราะออกมาตามๆ กันอย่างชอบอกชอบใจ

            “ในรูปถึงมันจะมัวมาก แต่ฉันปลายตามองแว็บเดียวก็รู้ว่าเป็นปาร์กกับเธอ!!!”  พี่คนที่สาดน้ำใส่หน้าฉันผลักไหล่ของฉันแรงๆ ทำให้ฉันเซไปด้านหลังแต่ไม่ถึงกับล้ม

            “แต่พอได้มาฟังความจริงจากปากของปาร์กแล้วฉันก็โล่งอกที่มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด แต่ที่มาวันนี้ก็แค่อยากมาดูหน้าให้ชัดๆ เท่านั้นเองว่ารุ่นน้องที่น่าสงสารคนนั้นเป็นใคร ฮ่าๆๆๆ”  พูดจบพี่ทั้ง 3 คนก็เดินออกไปจากห้องน้ำทิ้งเสียงหัวเราะสะใจดังลอดเข้ามาไว้เป็นสิ่งกรีดแทงหัวใจฉัน...

            ไม่น่าเชื่อว่าแค่คนที่ชื่อ ‘ปาร์เกต์’ เข้ามาในชีวิตของฉันคนเดียวจะทำให้ฉันพบกับสิ่งที่ยากลำบากขนาดนี้ ตลอดเวลาที่ฉันใช้ชีวิตอยู่ในคณะที่มีกฎระเบียบ ฉันก็อุตส่าห์ทำตัวเป็นเด็กดี ไม่มีปัญหากับใคร แต่พอฉันรู้จักกับผู้ชายคนนี้กลายเป็นว่ามีแต่คนเกลียดฉันเต็มไปหมดทั้งคนที่ไม่รู้จักและแม้กระทั่งเพื่อนของตัวเอง...

            “อุ้ย! ขอโทษค่ะพี่!” 

            “น้องเดินยังไง เห็นไหมพี่เปียกหมดแล้วเนี่ย!!”  อยู่ก็เกอดเสียงเอะอะโวยวายขึ้นหน้าห้องน้ำ เอ๊ะ! นั่นมันเสียงของหนึ่งเดือนกับพี่คนเมื่อกี๊นี่ O_O!

            ฉันชะโงกหน้าที่เปียกโชกของตัวเองออกไปดูว่าหน้าห้องน้ำมันเกิดอะไรขึ้น ก็พบกับพี่ 3 คนเมื่อกี๊กำลังยืนว่าหนึ่งเดือนอยู่ และมีพี่ 1 ใน 3 คนนั้นตัวเปียกโชกไม่ต่างจากฉัน ฉันเลยมองไปที่หนึ่งเดือนอย่างอัตโนมัติ ยัยนั่นขยิบตาให้ฉันพร้อมกับกระดิกขวดน้ำในมือไปมาทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าเมื่อกี๊เกิดอะไรขึ้น

            “ขอบ-ใจ-นะ”  ฉันทำปากเป็นประโยคตามนี้ไปให้หนึ่งเดือน ก่อนจะกลับเข้ามาในห้องน้ำตามเดิม นี่สินะเรียกว่า ‘เพื่อน’ ถึงว่าตัวเองจะเดือดร้อนแต่เพื่อช่วยเพื่อนยังไงก็ยอม...

            ฉันรอจนเหตุการณ์ข้างนอกสงบลงก่อนจะเดินออกมา สงสัยใส่เสื้อเปียกนานเกินไป หนาวจนน้ำมูกไหเลยฉัน -.,-

            “น้ำปิง...ไปโดนอะไรมา”  มิวเดินเข้ามาหาฉันแล้วรีบถอดเสื้อแขนยาวของตัวเองส่งมาให้ฉัน

            “ไม่ต้อง”  ฉันปัดมือมิวออกห่างจากตัวแล้วเดินต่อไป แต่มิวก็ไม่ยอมเขาวิ่งตามมาแล้วเอาเสื้อมาคลุมให้ฉัน

            “เราบอกว่าไม่ต้อง!!”  ฉันตะโกนพร้อมกับปัดเสื้อมิวออกจากตัวทำให้เสื้อแขนยาวของเขาหล่นลงไปกองบนดินลูกรัง ฉันมองตามเสื้อตัวนั้นอย่างรู้สึกผิดนิดๆ แต่แนต้องทำเป็นไม่สนใจ

            ใช่! เธอต้องใจแข็งเข้าไว้น้ำปิง!

            “น้ำปิง...”  มิวเรียกชื่อฉันเบาๆ  “เราจะเริ่มต้นกันใหม่ไม่ได้เลยหรอ”

            “...มิว พอเถอะ หยุดสักที!!!...”  ฉํนตะโกนออกไปสุดเสียงเพื่อระบายสิ่งที่มันกวนใจฉันอยู่ออกมาให้หมด ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องของพี่ปาร์เกต์ เรื่องในห้องน้ำ หรือเรื่องของหมี่เกี๊ยวกันแน่ที่ทำให้ฉันอารมณ์ฉุนเฉียวได้ขนาดนี้

            “ถึงตอนนี้เราจะไม่ได้คบกับใคร แต่ยังไงซะเราสองคนก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี เข้าใจไหม...คพว่าเป็นไปไม่ได้น่ะ!!”

            “น้ำปิง! ขอร้องล่ะอย่าเป็นแบบนี้เลย!”  มิวเข้ามาจับต้นแขนฉัน

            “เฮ้ย! ทำรุ่มร่ามแบบนี้ได้ไงวะ”  อยู่ๆ มือของมิวก็ถูกปัดออกจากแขนของฉันแรงๆ โดยพี่มาร์ช

            “พี่มาร์ช ผมอยากจะคุยกับน้ำปิงหน่อยน่ะครับ” 

            “แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุย!!...ไปกันเถอะค่ะพี่มาร์ช”  ประโยคสุดท้าย ฉันเป็นคนลากพี่มาร์ชออกมาจากตรงนั้นทันทีโดยไม่หันหลังกลับไปมอง จนกระทั่งเดินมาได้สักพักฉันจึงหันไปหาพี่มาร์ช

            “ปิงขอโทษนะคะที่ลากออกมาแบบนี้”

            “ไม่เป็นไร อ่ะ...ไอ้ปาร์กมันฝากมาคืน”  พี่มาร์ชยื่นเสื้อกันหนาวมาให้ฉัน มันเป็นเสื้อที่พี่ปาร์เกต์ขอยืมฉันไปบังแดดตอนนั้นเอง

            “เฮ้อ...พี่ปาร์เกต์คงเกลียดปิงจริงๆ แล้วสินะคะ”  ฉันก้มหน้ามองเสื้อกันหนาวตัวนั้นแทนการมองหน้าพี่มาร์ชตรงๆ เพราะฉันกลัว...กลัวว่าพี่มาร์ชจะสังเกตเห็นบางอย่างที่ฉันพยายามซ่อนมันเอาไว้ ทั้งที่ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกแปลกๆ แบบนี้มันคืออะไร

            “พี่ว่ารีบใส่เสื้อก่อนเถอะ ตัวสั่นหมดแล้วน่ะ”  พี่มาร์ชพูด ฉันเลยสวมเสื้อแขนยาวทับเสื้อตัวที่เปียกนั้นเอาไว้

            “พี่มาร์ชเนี่ยไม่เหมือนอย่างที่ปิงคิดเลยนะคะ”  ฉันเอียงคอมองหน้าใสๆ ที่แม้จะอยู่ในทางเดินมืดๆ ก็สามารถเห็นออร่าเปล่งประกายออกมาได้

            “ยังไง?”

            “ก็ครั้งแรกที่เจอกันพี่ออกจะร่าเริง สดใสทำตัวเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ ตลอดเวลา แต่ตอนนี้พี่ดูจริงจังเหมือนผู้ใหญ่เลย”

            “คนเรามันต้องมีหลายๆ มุมบ้างสิ จะได้น่าค้นหา ^_^”

            “แล้วทำไมพี่มาร์ชถึงมาคอยดูแลปิงแบบนี้ล่ะคะ สาวๆ พยาบาลคนอื่นเขาคงน้อยใจแย่”  ฉันพูดแซวๆ เพราะมันไม่ใช่วิสัยของเพลย์บอยอย่างพี่มาร์ชเลย

            “บอกตามตรงนะ...”  พี่มาร์ชหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าฉันตรงๆ 

            “มิกกิฝากให้พี่ดูแลน้ำปิงน่ะ พี่เลยต้องคอยดูแลน้ำปิงตามคำสั่งของเบื้องบน” 

            “เอ...พี่มาร์ชกับมิกกิเป็นแฟนกันรึเปล่าคะเนี่ย”  ฉันหรี่ตามองพี่มาร์ชอย่างรู้ทัน พี่มาร์ชมีทีท่าอึดอัดนิดหน่อยกับคำถามของฉัน

            “เฮ้ย! น้ำปิงเอาที่ไหนมาพูดเนี่ยไม่ใช่สักหน่อย แล้วอีกอย่างอย่าพูดให้ไอ้ยศมันได้ยินเชียว ไม่งั้นพี่คอขาดแน่” 

            “ทำไมล่ะคะ ถ้าเกิดมิกกิกับพี่จะคบกันจริงๆ มันเสียหายตรงไหน”

            “มันเสียตรงที่เป็นพี่นี่แหละ”  พี่มาร์ชพูดแล้วออกเดินต่อ ฉันเดาว่าที่พี่เขาพาฉันเดินเพราะว่าไม่อยากสบตากับฉันตรงๆ มากกว่า

            “ยังไงคะ?” 

            “เพราะว่าใครๆ ก็มองว่าพี่เจ้าชู้น่ะสิ”

            “แต่พี่ยศไม่น่าจะเป็นคนไม่มีเหตุผลนะคะ ถ้าพี่รักเพื่อนปิงจากใจจริงพี่ยศก็น่าจะเข้าใจ”

            “ไอ้ยศมันหวงน้องอย่างกับอะไรดี น้ำปิงก็รู้นี่”

            “รู้ดีที่สุดค่ะ =_=”  ฉันทำหน้าเจื่อนๆ ตอบพี่เขาไป เพราะว่านอกจากพี่ยศจะเย็นชาใส่คนที่ไม่รู้จักแล้วยังมีกิตศัพท์ในเรื่องหวงน้องสาวเป็นที่สุดอีกด้วย

            “แต่ก็ช่างเถอะไม่ต้องหนักใจกับพี่หรอกเพราะว่ายังไงมันคงเป็นไปไม่ได้”

            “โธ่...ไม่ได้คบกันจริงๆ หรอคะเนี่ย” 

            “ใช่น่ะสิ ว่าแต่เราเถอะเป็นไงบ้าง”  พี่มาร์ชพาฉันเดินมานั่งอยู่ข้างๆ กองไฟที่กำลังจะเริ่มมอด

            “ก็...”  ฉันพูดได้แค่นี้แล้วถอนหายใจระบายสิ่งที่หนักอึ้งในออกมา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มากหรอกฉันเลยยิ้มให้พี่มาร์ชแทนคำตอบเพราะฉันคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะกลั่นกรองความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่มันวิ่งไปมาในหัวออกไปยังไง

            “พี่ขอโทษแทนไอ้ปาร์กด้วยนะ ที่มันเป็นแบบนี้คงเพราะช็อกที่รู้ว่าน้ำปิงไม่ได้ขี้เหร่อย่างที่มันคิด”  พี่มาร์ชพูดออกมาเบาๆ

            “แต่ปิงก็ไม่ได้สวยอะไรมากมายนะคะพี่ ถ้าสวยจริงคงได้เป็นดาวมหา’ลัยไปแล้วล่ะค่ะ”

            “แค่เข้าขั้นว่าหน้าตาดี ไม่สิพอไปวัดไปวาได้ไอ้ปาร์กมันก็เกลียดแล้ว =_=”

            “งั้นก็แสดงว่าพี่ปาร์เกต์เกลียดปิงจริงๆ แล้วน่ะสิคะ”

            “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ” 

            “ก็พี่เขาบอกปิงว่า อย่าให้เขาเห็นหน้าอีก...”

            “โห! เอ่อ พูดขนาดนี้เลยหรอ ขอโทษแทนมันอีกรอบแล้วกันนะ -_-;”

            “ไม่เป็นไรค่ะ...เอ่อ ปิงเคยได้ยินพี่ปาร์เกต์บอกว่าเกลียดผู้หญิงสวยๆ แอ๊บๆ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะคะ”

            “เรื่องนั้นก็เพราะพลอยนั่นแหละ รู้ไหมว่าวันที่มันจับได้ว่าพลอยแอบคบกับเพื่อนไอ้มิวน่ะ พลอยพูดยังไง ฮึ่ย!! คิดแล้วมันแค้นจริงๆ”  พี่มาร์ชขบกรามกรอดๆ เมื่อพูดถึงประโยคนี้ แสดงว่าพลอยคงทำพี่ปาร์เกต์ไว้สาหัสสากันต์แน่ๆ ถึงได้ฝังใจขนาดนี้

 

 

 

*************************************************

อัพแล้วจ้า ^O^

ถ้าอ่านแล้วชอบก็อย่าลืมติดตามต่อนะ ^^

:: ยินดีรับข้อคอมเม้นด้วยนะคะ เจอตรงไหนผิดพลาดก็บอกกันได้จ้า

*************************************************

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา