สัมพันธ์รัก...สัมผัสหัวใจ [YAOI]

-

เขียนโดย ผ้าปูโต๊ะ

วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 23.08 น.

  11 ตอน
  4 วิจารณ์
  12.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

***นิยายชายรักชาย***

 

เช้าวันใหม่ ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะรู้สึกหนักที่ช่วงหน้าอก เขาหันมองแล้วเหตุการณ์ก็รีรันฉายให้เขาได้รู้อีกครั้งว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ชายหนุ่มขยับตัวออกจากอ้อมกอดหญิงสาว เขาลงไปจากเตียงและเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น ก่อนจะถือวิสาสะหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อไปจัดการอาบน้ำให้ตัวสะอาด เขาใช้เวลาไม่นานนักก็ออกมาในชุดเดิมของเมื่อวาน ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ยืนพิงกำแพงอยู่พร้อมกับผ้าเช็ดตัวอีกผืนที่พันตัวไว้

“เธอจะเอาเงินมั้ย?” พีวดลถามไปตรงๆ หญิงสาวยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้าหาชายหนุ่ม เธอยกมือคล้องคอและแหงนหน้ามอง “ขอเปลี่ยนเป็นเบอร์คุณได้มั้ยคะ”

“ฉันไม่อยากสานความสัมพันธ์กับเธอต่อหรอกนะ คืนเดียวแล้วจบ” พีวดลบอกไปตรงๆ อีกครั้ง เรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น หญิงสาวตรงหน้าเสนอให้เขาเอง และเขาก็แค่สนองตอบกลับไป ต่างคนต่างต้องการและก็จบกันไป

“โอเค. ค่ะ แต่ถ้าคุณเหงา ก็มาที่ห้องเนมได้นะคะ” หญิงสาวบอก เธอโน้มคอชายหนุ่มลงมาจูบอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยและเดินหายเข้าไปในห้องนอน พีวดลส่ายหน้าก่อนจะหยิบเงินในกระเป๋าจำนวนหนึ่งวางไว้บนโต๊ะและเดินออกไปเลย หลังเสียงประตูปิดลง เนมเดินออกมาอีกครั้ง เธอเดินไปหยิบเงินที่ชายหนุ่มวางไว้ให้ก่อนจะยิ้มกับตัวเอง

“ฉันไม่โทรไปกวนคุณบ่อยๆ หรอกนะคะ คุณพีวดล”

 

ช่วงบ่ายของวันเสาร์ โชจินและพนักงานคนอื่นๆ ต่างช่วยกันทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้มากมายจนต้องหัวหมุน จ๋ากวักมือเรียกโชจินเมื่อเห็นว่าบริการให้ลูกค้าเสร็จแล้ว

“พี่จ๋ามีอะไรเหรอครับ”

“โชจิน ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วใช่มั้ย?” เธอถามน้ำเสียงนุ่ม ชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำพูด “พี่อยากให้เรามีเวลาอ่านหนังสือ”

“ก็มีนะครับ ไม่ได้ลำบากอะไรเลยครับ” โชจินบอก เขาพอจะรู้แล้วว่าพี่จ๋าต้องการจะบอกอะไรเขา

“พี่ก็รู้ว่าเราจัดสรรเวลาได้ แต่นี่ก็จะจบแล้วไม่ใช่เหรอ พี่อยากให้เราทุ่มเทกับมัน”

“พี่จ๋าครับ ผมทำได้จริงๆ ครับ” โชจินย้ำกลับไปอีกครั้ง เขาไม่อยากเอาเปรียบคนอื่นในการทำงาน แม้ว่าคนอื่นจะเต็มใจให้เขามีเวลามากขึ้นในการอ่านหนังสือสอบก็ตาม

“โชจิน มันสำคัญกับเรามากไม่ใช่เหรอ เราอยากเรียนจบเร็วๆ แล้วมีงานทำดีๆ นี่นา” จ๋าพยายามเกลี้ยกล่อม โชจินมองหน้าเจ้านายสาวด้วยความรู้สึกขอบคุณ แต่ยังไงเขาก็ยังยืนกรานว่าเขาไหว

“งั้นเอาแบบนี้นะโชจิน พี่ให้เราเลิกงานก่อนคนอื่น สักห้าโมงเย็นแล้วกัน”

“พี่จ๋า แต่ช่วงนั้นคนเยอะนะครับ” โชจินโต้กลับไป หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดอีกครั้ง “งั้นโชจินไม่ต้องช่วยเก็บร้าน ปิดร้านแล้วกลับเลย”

“ได้ยังไงครับพี่จ๋า น่าเกลียดตายเลย ผมไหวจริงๆ ครับ ผมก็ลาไปติวบ่อยอยู่แล้ว แค่นี้ก็เกรงใจพี่จ๋าและคนอื่นมากแล้วครับ อย่าให้ผมต้องรู้สึกอึดอัดเลยนะครับ”

“เรานี่นะ ดื้อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ไม่มีใครเขาคิดว่าเราเอาเปรียบหรอก มีแต่คนอยากให้เราเรียนจบเร็วๆ ทั้งนั้นแหละ” เธอบอก โชจินยิ้มบางๆ “ถ้างั้นพี่ให้โชจินหยุดวันเสาร์ แล้วห้ามปฏิเสธเด็ดขาด” เธอยื่นคำขาด โชจินที่กำลังจะแย้งกลับก็ต้องยั้งปากไว้ เมื่อเห็นสายตาจริงจังของเจ้านายสาว โชจินถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยักหน้ายอม

“ก็ได้ครับ ขอบคุณพี่จ๋ามากนะครับ”

“จ้ะ งั้นวันนี้ก็กลับไปได้แล้วล่ะ งานที่ร้านก็ไม่เยอะเท่าไหร่แล้ว รีบๆ ไปเรียนให้จบ จะได้ทำงานได้เต็มที่” จ๋าบอก โชจินยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะยกมือขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ เขาเข้าไปบอกลุงกุ้ง พี่บุญและพี่น้องในครัว ซึ่งทั้งสามก็เข้าใจดี โชจินเดินไปบอกเพื่อนร่วมงานอย่างนิด ดอย และพี่ส้ม ทั้งหมดเต็มใจให้โชจินเอาเปรียบ เพราะนั่นคืออนาคตของชายหนุ่ม โชจินรู้สึกโชคดีมากที่ได้มาเจอเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ดีขนาดนี้

 

“อ้าว!โชจิน ทำไมวันนี้กลับเร็วจัง ไม่สบายหรือเปล่า” ญาดาถามขึ้นทันทีที่เห็นชายหนุ่มเปิดประตู เธอเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือขึ้นวัดไข้ที่หน้าผาก โชจินยิ้มเอ็นดูกับความเป็นห่วงที่หญิงสาวส่งให้เขา

“พี่จ๋าไล่กลับมาอ่านหนังสือน่ะ และต่อไปนี้ผมก็จะไม่ต้องไปทำงานในวันเสาร์แล้วจนกว่าจะเรียนจบ” โชจินบอก หญิงสาวทำหน้าประหลาดใจ “โห! เจ้านายโชจินใจดีจัง แต่เอ๊ะ! แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ เขาก็เป็นเจ้านายโชจินด้วยไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวถาม โชจินนิ่งไปนิด ก่อนจะตัดสินใจบอกความจริง

“จริงๆ ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เจ้านายผมหรอก เขาเป็นเพื่อนกับพี่จ๋าน่ะ”

“เหรอ แล้วเขามาหาโชจินทำไมบ่อยๆ ล่ะ” ญาดาถามต่อ โชจินนิ่งไปอีกครั้งเพราะไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดี เรื่องราวระหว่างเขากับพีวดลนั้นยังไม่สามารถระบุได้ว่ามันเป็นแบบไหน แต่ในขณะที่เขากำลังพยายามคิดคำตอบอยู่นั้น เสียงมือถือของญาดาก็ดังขึ้น เธอเดินไปดู คิ้วสวยของเธอขมวดเข้าหากันทันทีที่เห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามา

“มีอะไรหรือเปล่าญา” โชจินเดินเข้าไปหา เขาก้มดูก่อนจะพบสาเหตุที่ทำให้ญาดามีอาการแบบนั้น

“ผมรับสายให้มั้ย” โชจินถาม หญิงสาวส่ายหน้าพร้อมกับปล่อยให้เสียงมือถือหายไปเอง เธอเดินไปนั่งบนโซฟาพร้อมกับมองมือถือของตัวเองอีกครั้ง โชจินไปนั่งลงใกล้ๆ แล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้นอีกรอบพร้อมชื่อเดิม

“ญาดายังรักเขาอยู่ใช่มั้ย” โชจินถาม แม้ว่าเขาจะรู้สึกเจ็บลึกๆ หญิงสาวมองหน้าโชจินก่อนจะพยักหน้า ดวงตาของญาดาเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า โชจินยิ้มให้อย่างอบอุ่น

“คุยกับเขาเถอะ”

“โชจิน ญา....”

“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจดี แค่ญามีความสุข ผมก็พอใจแล้ว รับสายเขาเถอะนะ” โชจินบอก หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มสลับกับมองหน้าจอที่คนเดิมยังคงพยายามโทรหาเธอ โชจินพยักหน้าให้อีกครั้ง ก่อนที่ญาดาจะรับสาย โชจินลุกขึ้นเตรียมเดินออกไปเพื่อเปิดทางให้ญาดาได้คุยกันสะดวก แต่มือของหญิงสาวก็จับมือเขาไว้ก่อน

“ผมอยู่หน้าห้อง ไม่ไปไหนไกลหรอก” โชจินบอก เขาใช้มืออีกข้างของเขาจับมือหญิงสาวเพื่อให้กำลังใจ ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับหัวใจที่รู้สึกเจ็บ เขาไม่โทษหญิงสาวที่ให้ความหวังเขา ขอแค่ให้ญาดาได้มีความสุขกับคนที่เธอรัก แค่นี้ก็พอใจแล้ว

 

“เฮ่ย! คุณ” โชจินต้องร้องเสียงหลงเมื่อปิดประตูลงแล้วเจอกับชายหนุ่มที่ยืนพิงกำแพงอยู่ “คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาถาม แต่ไม่ได้รับคำตอบ

“ผิดหวังหรือไง” ชายหนุ่มถามกลับไปแทน พีวดลขมวดคิ้วก่อนจะนึกได้ว่าชายหนุ่มคงแอบฟังเขาคุยกับญาดาในห้องเมื่อครู่

“คุณแอบฟัง?”

“ไม่จำเป็นหรอก ดูแค่หน้านายฉันก็พอเดาได้” พีวดลบอกโดยยังคงยืนพิงกำแพงแบบนั้น ไม่หันหน้าไปมองโชจินแต่อย่างใด ส่วนโชจินที่ขี้เกียจจะเถียงก็ยืนพิงกำแพงอีกฝั่งหนึ่ง ทั้งคู่ไม่พูดคุยอะไรกันอีก จนกระทั่งประตูเปิดขึ้นอีกครั้ง

“เป็นไงบ้าง” โชจินถามน้ำเสียงห่วงใย แต่ญาดาที่กำลังจะเอ่ยพูดก็ถูกโชจินห้ามไว้ก่อน “เข้าไปคุยในห้องกันนะ” โชจินบอกและเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับปิดประตูทันที พีวดลหันไปมองประตูที่ปิดลง เขายิ้มเยาะให้กับตัวเองที่มายืนทำเรื่องไร้สาระอะไรก็ไม่รู้อยู่แบบนี้

ภายในห้องโชจินกับญาดานั่งเงียบกันอยู่บนโซฟา โดยเว้นระยะห่างไว้ แล้วชายหนุ่มก็เป็นคนเอ่ยพูดขึ้นก่อน “ปรับความเข้าใจกันแล้วใช่มั้ย” หญิงสาวพยักหน้าทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่

“ดีแล้วล่ะ แล้วจะกลับบ้านเลยมั้ย ผมจะได้ไปส่ง” โชจินถาม หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองโชจิน

“โชจิน ญาขอโทษนะ” หญิงสาวบอกน้ำเสียงสั่นเครือ เธอรู้สึกผิดที่ดันไปให้ความหวังกับโชจิน ในตอนนั้นเธอสับสนและต้องการแค่ใครสักคนเข้ามาแทนที่แฟนของเธอ

“ญาจะขอโทษทำไม ญาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ อย่าคิดมากสิครับ” โชจินบอก เขาขยับเข้าไปใกล้หญิงสาว เขายกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา ก่อนจะถูกญาดาโถมเข้ากอด

“โชจิน ญายังอยากให้โชจินอยู่ข้างๆ ญานะ”

“ผมก็ไม่ได้จะไปไหนนี่นา ญาไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรนะครับ ผมยังอยู่ตรงนี้เสมอ” โชจินบอก เขากอดตอบหญิงสาวพร้อมกับลูบหัวปลอบโยน ก่อนจะผละออกจากกัน

“ญาไปล้างหน้าก่อนดีกว่านะ เขาจะมารับญาใช่มั้ย” โชจินถาม หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะลุกเดินไปห้องน้ำ พอออกมาก็เดินเข้าไปเก็บของ

“ญาขอบคุณโชจินมากเลยนะ ขอบคุณจริงๆ” เธอบอก โชจินยิ้มให้อีกครั้ง “ไม่ต้องคิดมากนะ ใกล้สอบแล้ว มีปัญหาอะไรโทรหาผมได้ตลอดนะ” โชจินบอก หญิงสาวพยักหน้า เสียงมือถือของเธอดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูก่อนจะเงยหน้ามองโชจิน

“ให้ผมลงไปส่งมั้ย”

“ไม่เป็นไรค่ะ ญาลงไปเองดีกว่า ขอบคุณโชจินอีกครั้งนะ เราจะเป็นเหมือนเดิมได้ใช่มั้ย”

“ครับ” แล้วโชจินก็ยืนส่งญาดาอยู่หน้าห้อง จนหญิงสาวเดินเข้าลิฟต์ไป โชจินเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง เขายอมรับว่าเสียใจ ยอมรับว่าผิดหวัง แต่เมื่อนึกถึงรอยยิ้มของญาดา นึกถึงความสุขของญาดา เพียงแค่นี้โชจินก็ยิ้มได้ เขาถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหยิบหนังสือเพื่อลุยอ่านเตรียมตัวสอบ

 

โชจินที่ฟุบหลับไปกับโต๊ะตอนไหนก็ไม่รู้ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะพร้อมกับบิดคอไปมาไล่ความเมื่อย ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเจอกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาและกำลังอ่านอะไรบางอย่างในแท็บเล็ตที่ถืออยู่

“คุณ!!”

“หมดเรี่ยวแรงจะอ่านหนังสือเลยหรือไง กับแค่โดนผู้หญิงทิ้ง”

“คุณพีวดล คุณพูดอะไร แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเข้าห้องคนอื่นสักที” โชจินแหวขึ้นด้วยความหงุดหงิด เขาลุกขึ้นและเดินไปหยุดยืนอยู่ห่างๆ พีวดลที่นั่งมองอยู่

“คนอื่นที่ไหนกัน ก็เคยๆ กันอยู่” พีวดลแกล้งพูดยั่วโมโห และมันก็ได้ผล “คุณพูดบ้าอะไร เคยอะไร ผมว่าผมพูดชัดแล้วนะครับ หรือต้องให้ผมย้ำอีกครั้ง”

“หึ...นี่ผิดหวังจากผู้หญิงแล้วมาลงที่ฉันหรือไง” พีวดลเอ่ยกลับไป เขาลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาโชจิน

“คุณหยุดอยู่ตรงนั้นเลย จะเอายังไงกับผม ผมเหนื่อยที่จะต้องมาคอยไล่คุณแบบนี้แล้วนะ” โชจินถามอย่างเหลืออด หรือเขาต้องทำเป็นยอมเพื่อที่พีวดลจะได้รีบๆ เบื่อ และออกไปจากชีวิตเขาสักที

“ก็หยุดไล่สิ หยุดไล่ หยุดหนีฉัน นายก็ไม่เหนื่อยแล้ว” พีวดลบอกกลับไป

“ผมไม่อยากจะเถียงกับคุณแล้ว ผมขอความกรุณาแล้วกันนะครับ ผมใกล้จะสอบแล้ว ผมต้องอ่านหนังสืออย่างหนัก หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ” โชจินบอก จะว่าไปแล้วเขาก็เริ่มคุ้นชินกับการที่ต้องเจอพีวดล

“นายก็อ่านไปสิ ฉันก็ต้องอ่านเอกสารในนี้เหมือนกัน จะให้ฉันช่วยติวให้ก็ได้นะ” พีวดลเสนอตัว

“ไม่ต้อง!!” โชจินก็ตอบกลับทันควัน

ก่อนหน้านี้พีวดลนั่งอยู่ในรถพักใหญ่ จนเห็นหญิงสาวที่ชื่อญาดาเดินลงมาพร้อมกระเป๋า แล้วส่งให้กับชายหนุ่มอีกคนก่อนจะเดินออกไปด้วยกัน เขานั่งคิดปะติดปะต่อเรื่องราวเองจนพอจะเดาได้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างโชจินกับหญิงสาวคงเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น และมันก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็น เขานั่งรอเวลาไปอีกสักพักก่อนจะขึ้นไปด้านบน และเมื่อเปิดประตูเข้ามาก็พบว่าโชจินฟุบหลับไป ชายหนุ่มจึงตัดสินใจนั่งดูอะไรไปเรื่อยในแท็บเล็ตที่หยิบติดมา สลับกับมองโชจินด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป แต่ก็ยังไม่อยากยอมรับตรงๆ...นายจะต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้นโชจิน

 

“นายไม่รำคาญเสียงข้างนอกนั่นเหรอ” พีวดลถาม เพราะห้องของโชจินไม่ได้ติดแอร์ เลยต้องเปิดหน้าต่างไว้รับลมข้างนอกพร้อมกับเสียงอะไรมากมายที่จะส่งเข้ามาด้วย

“นายจะอ่านเข้าหัวเหรอ เสียงดังขนาดนี้” พีวดลถามอีก แม้ว่าคำถามก่อนหน้าจะยังไม่ได้รับคำตอบ เขานั่งดูโชจินที่กำลังคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสืออย่างไม่รู้จักเบื่อ

“นาย....”

“โอ้ย! คุณพีวดล คุณนั่นแหละเลิกถามผมสักที ผมไม่มีสมาธิก็เพราะคุณเอาแต่ถามโน่นถามนี่นี่แหละ..ครับ” โชจินหันไปแหวใส่อย่างเหลืออด เขาอยากจะไล่ชายหนุ่มออกไปใจจะขาด แต่ก็รู้ว่าไล่ไปก็เสียเวลา เสียพลังงานเปล่าๆ เลยปล่อยให้อยากทำอะไรก็ทำไป ขอแค่ไม่มายุ่งกับเขาก็พอ

“คุณขำอะไร” โชจินถามเสียงห้วน เขาปิดหนังสือเพราะรู้ดีว่าสมาธิของเขาเตลิดไปไหนต่อไหนแล้ว

“ขำนายไง” พีวดลบอก ก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องนอน ทำให้โชจินต้องรีบลุกตามเข้าไปเพื่อหวังจะขวาง แต่ก็ช้ากว่าชายหนุ่มที่ตอนนี้หยุดยืนอยู่กลางห้องแล้วเรียบร้อย

“คุณหาอะไรของคุณ” โชจินถาม

“นายต้องอ่านเล่มไหนบ้าง” พีวดลถามกลับ โชจินขมวดคิ้วแปลกใจ “คุณจะอยากรู้ไปทำไม”

“ฉันจะติวให้ไง”

“ไม่ต้อง!!” โชจินปฏิเสธอย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็ต้องรีบเดินเข้าไปแย่งหนังสือในมือพีวดลที่หยิบขึ้นมาสามเล่ม และดันเป็นเล่มที่เขาต้องอ่านด้วย

“ฉันบอกจะติวให้ก็จะติวให้ไง ติวฟรีไม่คิดเงิน” พีวดลบอกอย่างอารมณ์ดี เขาเดินออกไปโดยมีหนังสืออยู่ในมือ ชายหนุ่มเดินไปหยิบแท็บเล็ตของตัวเองและเดินต่อไปตรงประตูห้อง

“แล้วคุณจะเอาไปไหน”

“ฉันติวให้ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ มันหนวกหูเกินไป” พีวดลบอก เขายิ้มมุมปากแล้วเดินออกจากห้องไป โดยไม่สนใจเจ้าของหนังสือว่าจะเดินตามมาหรือไม่

 

พีวดลนั่งรอในรถอยู่ไม่นานก็ยิ้มออกเมื่อเห็นโชจินกำลังเดินมาพร้อมกระเป๋าใบเก่ง เขานั่งรอจนโชจินจัดการคาดเบลต์เรียบร้อยจึงออกรถไปยังสถานที่ติวส่วนตัวของเขา

“ไม่เมื่อยหน้าหรือไง” พีวดลจงใจพูดยั่วโมโห โชจินเหล่มองและพยายามจะไม่ใส่ใจคำพูดของชายหนุ่ม เขาหยิบหนังสือที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมาอ่าน พีวดลเหลือบมองก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “เดี๋ยวก็เมารถหรอก” แต่ดูเหมือนโชจินจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เจ้าตัวยังคงตั้งใจอ่านหนังสือจนพีวดลทนไม่ไหว ต้องเอื้อมมือไปแย่งหนังสือออกมา

“คุณพีวดล!!”

“เรียกชื่อฉันบ่อยเหลือเกินนะ ชอบหรือไง” พีวดลถามกลับ “ไม่ชอบครับ” โชจินโต้กลับไป พีวดลยิ้มขำ แล้วก็ไม่มีการพูดคุยอะไรอีกจนถึงคอนโดฯ ของพีวดล

เจ้าของห้องเดินนำหน้าไปโดยมีหนังสือสี่เล่มอยู่ในมือ โชจินเดินตามไปอย่างเซ็งๆ เขาจำใจต้องมาที่นี่อีกครั้งเพราะหนังสือเรียนที่พีวดลยึดไว้เป็นตัวประกันนั่นแหละ โชจินเดินเข้าไปในห้องเมื่อพีวดลหลีกทางให้ ก่อนจะเดินตามชายหนุ่มไปยังโซฟาตัวใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้เป็นที่นอนมาแล้ว

“เดี๋ยวฉันสั่งอาหารจากโรงแรมมาแล้วกันนะ นายคงไม่อยากออกไปกินข้าวกับฉันหรอกใช่มั้ย” พีวดลบอก โชจินไม่พูดอะไร เขายื่นมือขอหนังสือคืน ก่อนจะโดนฉุดให้นั่งลงข้างๆ พีวดล

“ฉันไม่ปล้ำนายหรอกนา ฉันไม่ชอบบังคับขืนใจใคร” พีวดลบอกหลังจากเห็นอาการของโชจิน เขาลุกออกไปเพื่อจัดการเรื่องอาหาร โชจินมองตามก่อนจะมองรอบๆ ห้องอีกครั้ง เขาหันไปมองยังบานกระจกใหญ่ที่มีม่านปิดบังทิวทัศน์ด้านนอกไว้ โชจินเดินไปแหวกม่านมองออกไปด้านนอก เขารู้สึกชอบที่ได้มองออกไปไกลๆ แบบนี้ มันดูมีอิสระ ดูผ่อนคลาย เขาเองก็เคยอยากมีห้องส่วนตัวที่อยู่ที่สูงแบบนี้บ้าง พีวดลที่จัดการสั่งอาหารเสร็จก็หันกลับมามอง แล้วภาพของคืนนั้นก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาโชจินก่อนจะโอบกอดไว้จากด้านหลัง แล้วซุกไซ้ซอกคออย่างหลงละเมอ โชจินที่ตกใจในตอนแรกก็รีบดิ้นพร้อมกับพยายามแกะมือหนาที่โอบรัดเขาไว้ ก่อนจะตัดสินใจกระทืบเท้าใส่พีวดลเต็มแรง

“โอ้ย! ฉันเจ็บนะ” พีวดลบอก เขาปล่อยโชจินทันที มือหนาข้างหนึ่งลูบเท้าที่ยกขึ้นมาเพราะถูกเหยียบ โชจินยืนมองด้วยความโกรธ เขารีบเดินอ้อมโต๊ะเพื่อให้อยู่ห่างจากชายหนุ่ม และจัดการรวบหนังสือพร้อมกระเป๋าตัวเอง ก่อนจะรีบเดินไปที่ประตูเพื่อออกไปจากห้องนี้ แต่ก็ช้ากว่าพีวดลที่รีบวิ่งมาขวางหน้าไว้ โชจินจ้องมองอย่างไม่กลัวโดยไม่ได้พูดอะไร

“ฉันขอโทษ” แล้วพีวดลก็พูดในสิ่งที่โชจินคิดไม่ถึง น้ำเสียงนั้นบ่งบอกได้ดีว่าคนตรงหน้ารู้สึกผิดจริงๆ แต่ความโกรธมันมีมากกว่า “กรุณาหลีกทางด้วยครับ”

“นายอยู่ก่อนเถอะ ฉันจะไม่ทำอะไรนายทั้งนั้น” พีวดลบอก เขายังคงยืนขวางประตูอยู่พร้อมกับมองโชจินที่ยืนจ้องเขา “จริงๆ ฉันสัญญา” พีวดลให้คำยืนยันกับโชจิน แล้วเขาก็ต้องโล่งอกเมื่อเจ้าตัวเดินกลับไปนั่งที่โซฟาอีกครั้ง พีวดลหัวเราะในลำคอเมื่อนึกได้ว่าเขากำลังทำตัวอ่อนโยนกับโชจิน ชายหนุ่มเดินไปนั่งลงที่โซฟายาวตัวเดียวกันกับโชจินที่ตอนนี้ได้เขยิบหนีไปนั่งชิดอีกฝั่งหนึ่ง พีวดลอดที่จะขำไม่ได้กับอาการหวาดระแวงและระวังตัวของโชจิน

“นั่งซะไกลขนาดนั้น แล้วฉันจะติวให้นายได้มั้ย”

“ไม่ต้องหรอกครับ แค่ปล่อยให้ผมได้อ่านหนังสือก็พอแล้วครับ” โชจินบอก เขายังคงโกรธกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ เขาอยากจะออกไปจากห้องนี้เป็นที่สุด แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าพีวดลก็สามารถเข้าห้องเขาได้เหมือนกัน และเขาเองก็ไม่อยากจะต้องเร่ร่อนไปนั่งอ่านหนังสือข้างนอกอีก เขาเลยจำใจที่ต้องอยู่ที่นี่ต่อไป

“โอเค. ฉันจะปล่อยให้นายนั่งอ่านหนังสือไป ถ้าหิวน้ำก็เดินไปหยิบในตู้เย็นได้เลยนะ อยากกินอะไรในตู้เย็นก็หยิบมา ฉันไม่หวง และถ้ามีอะไรอยากจะถามฉันก็ถามได้เลย” พีวดลบอกยืดยาวก่อนจะลุกเดินไปนั่งยังโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ติดกับกระจกบานใหญ่ เขาเปิดคอมพิวเตอร์ยี่ห้อดังระดับโลก โชจินเงยหน้าจากตำราหนังสือมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งหันหลังให้เขา และด้วยจอคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ทำให้เขาเห็นว่าพีวดลกำลังเปิดดูเว็บไซต์เกี่ยวกับพวกออกแบบตกแต่งภายใน ก่อนจะดึงสมาธิกลับคืนมาและขยับตัวลงมานั่งบนพื้นแทนเพื่อความสะดวกในการอ่านและจดเลกเชอร์สั้นๆ

เสียงออดหน้าห้องดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนทั้งสอง โชจินเงยหน้าและหันไปมองทางประตูเช่นเดียวกับพีวดล ก่อนจะเป็นเจ้าของห้องที่ลุกไป เขาส่องตาแมวแล้วจึงเปิดประตู

“ให้ผมเอาเข้าไปเก็บให้มั้ยครับ” เสียงของผู้ชายหน้าประตูพูดด้วยความสุภาพ พีวดลส่ายหน้าก่อนจะยื่นมือไปรับถุงอาหารทั้งหมดมาเอง

“วันนี้เรียบร้อยมั้ย” พีวดลถามพนักงานโรงแรมที่นำอาหารมาส่งให้เขา “เรียบร้อยครับ”

“อืม ขอบใจมาก เดี๋ยวยืนรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ” พีวดลบอก แต่เมื่อเขาหันกลับมาก็เจอกับโชจินที่ยืนอยู่ เขาเลิกคิ้วมองก่อนจะเข้าใจเมื่อเห็นเจ้าตัวยื่นมือออกมาขอถุงจากมือของเขา พีวดลไม่อยากขัดใจจึงส่งให้บางส่วน แล้วจึงเดินตามเข้าไปวางถุงไว้ตรงเคาท์เตอร์ครัว ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าตังค์และเดินย้อนกลับไปที่ประตูอีกครั้ง เขาหยิบแบงค์พันส่งให้ไปสองใบ พนักงานโรงแรมคนนั้นรับไว้และกล่าวขอบคุณ พีวดลพยักหน้าและปิดประตูลง

“จานอยู่ไหนครับ” โชจินถาม พีวดลไม่ตอบแต่กลับเดินไปหยิบจานมาจำนวนหนึ่ง

“นายไปอ่านหนังสือต่อเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” พีวดลบอก แต่เขาคงลืมไปแล้วว่าโชจินนั้นค่อนข้างพยศกับเขา

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ชอบเอาเปรียบใคร” โชจินบอก ก่อนจะจัดการนำอาหารใส่จาน พีวดลจึงปล่อยให้โชจินได้ทำอย่างที่ต้องการ เขาเดินไปหยิบมือถือที่สั่นอยู่บนโต๊ะทำงานมารับสาย

“ไงวะ” พีวดลทักทายเพื่อนในกลุ่มที่โทรมา

“มึง คืนนี้มีดริ๊งก์ที่ผับไอ้นุต อย่าหนี” ปลายสายบอก เขาหันไปมองเวลาที่บอกว่าใกล้หกโมงเย็น ก่อนจะหันไปมองโชจินที่ยังคงจัดการกับอาหารอยู่

“เออๆ แต่ไปสายหน่อยนะ” พีวดลบอก “นั่นแน่ มึงแอบไปกกใครอยู่ป่าววะ” ปลายสายถามเสียงล้อเลียน พีวดลหันมองโชจินอีกครั้งก่อนจะตอบกลับไป

“มึงอย่ามั่ว”

“เออๆ แล้วเจอกันเว่ย ห้ามหนีอีกนะมึง” แล้วปลายสายก็ตัดสายไป พีวดลส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะวางมือถือไว้ที่เดิม เขายืนมองโชจินก่อนจะยิ้มอย่างไม่รู้ตัว เขาเดินเข้าไปหาโดยหยุดยืนเว้นระยะห่างไว้เล็กน้อย

“กินเลยมั้ย” พีวดลถาม โชจินมองหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปดึงเก้าอี้ออกมาและนั่งลง พีวดลจึงนั่งตาม

“นายยังไม่หายโกรธฉันอีกเหรอ” พีวดลถามเมื่อโชจินไม่ยอมพูดอะไรกับเขา โชจินเงยหน้ามองก่อนจะมองเลยไปยังทิวทัศน์ด้านนอกที่พีวดลเปิดม่านไว้

“ผมจะกลับได้ตอนไหน” โชจินถามกลับ พีวดลยิ้มมุมปากอย่างเคยก่อนจะตักอาหารเข้าปากโดยไม่ได้ให้คำตอบ โชจินมองหน้าชายหนุ่มอีกครั้งแล้วลอบถอนหายใจออกมา ทั้งคู่ทานอาหารโดยไม่ได้พูดจาอะไรกันอีกจนเสร็จ

“คุณมีกล่องใส่อาหารมั้ยครับ” โชจินถาม หลังเห็นว่าอาหารยังเหลืออยู่จำนวนหนึ่งที่พอจะทานได้อีกมื้อ พีวดลขมวดคิ้วสงสัยในคำถาม “ทำไม?”

“ผมจะได้ใส่อาหารเก็บไว้ทานได้อีกมื้อครับ”

“ไม่ต้องหรอก ทิ้งไปเถอะ” พีวดลบอกด้วยความเคยชิน เขาไม่เคยต้องเก็บอาหารที่เหลือไว้ กินอิ่มถ้าเหลือก็เททิ้งไป

“อ้อ...ผมลืมไปว่าคุณมันเป็นพวกกินทิ้งกินขว้าง” โชจินจงใจประชด ทำให้พีวดลหลุดขำออกมาจนโชจินต้องถามน้ำเสียงขุ่น “คุณหัวเราะอะไร”

“เปล่าๆ ฉันไม่มีกล่องอะไรแบบนั้นหรอกนะ แล้วจะทำไงดีล่ะ” พีวดลบอก เขานั่งดูโชจินที่กำลังคิดหาวิธีในการเก็บอาหารเหล่านี้ ก่อนที่เขาจะนึกอะไรบางอย่างได้ พีวดลเสนอวิธีให้กับโชจิน

“งั้นก็เอาอย่างนี้สิ คืนนี้นายก็อ่านหนังสืออยู่ที่นี่ แล้วเผื่อดึกๆ จะหิว ก็มาทานต่อ ไมโครเวฟก็มี” พีวดลบอก โชจินมองหน้าอย่างคนรู้ทันความคิดของชายหนุ่ม

“แต่นี่มันก็เงินคุณ ทิ้งๆ ไปก็ได้ครับ” โชจินบอก เขาลุกขึ้นและหยิบจานอาหารทั้งสองมือเตรียมเดินไปเททิ้งในถุงขยะ แต่ความเสียดายมันก็ทำให้เขาต้องหยุดคิดอีกครั้ง โชจินมองหน้าพีวดลก่อนจะถอนหายใจออกมา เขาวางจานทั้งสองลงบนโต๊ะ

“คุณจะไม่ยุ่งกับผมใช่มั้ยครับ” โชจินถาม พีวดลขมวดคิ้วคิดตามก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ “ได้ ฉันจะไม่ยุ่งกับนาย” พีวดลบอกพร้อมกับนิ้วของเขาที่ไขว้ขัดกันอยู่ใต้โต๊ะ...’ฉันจะไม่ยุ่งกับนายได้ยังไง’

หลังจากมื้ออาหารผ่านไป โชจินก็กลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับเปิดหนังสือเรียนอีกเล่ม ตอนนี้โต๊ะเล็กหน้าโซฟากลายเป็นพื้นที่ของโชจินไปโดยปริยาย ส่วนพีวดลก็เดินกลับไปนั่งที่เดิม เขาเช็กอีเมล์และจัดการเรื่องงานอีกนิดหน่อยก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์ลง แล้วก็ย้ายตัวเองมานั่งลงที่โซฟาอีกข้างหนึ่ง ชายหนุ่มนั่งมองโชจินจนเจ้าตัวรู้สึกตัว คนถูกมองหันหน้ากลับมาก่อนจะทึกทักนึกเอาเองว่าเจ้าของห้องอาจจะอยากดูโทรทัศน์

“ถ้าคุณจะเปิดทีวีดูก็เปิดไปเถอะครับ ผมอ่านได้” โชจินบอกแล้วหันกลับไปสนใจหนังสือต่อ พีวดลนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะแอบขำ เพราะดูเหมือนโชจินจะเข้าใจผิด เขาเขยิบเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่บนพื้นอีกเล็กน้อยแบบไม่ให้รู้ตัว ก่อนจะชะโงกหน้าไปมองว่าโชจินกำลังอ่านอะไรอยู่

“เรื่องนี้ไม่ยากหรอก ฉันมีทริคดีๆ ในการจำ” พีวดลบอก โชจินหันมาทำให้ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่คืบ โชจินรีบหดถอยทันที พีวดลแอบยิ้มก่อนจะกลับมานั่งพิงโซฟาอีกครั้ง

“นายไม่อยากรู้เหรอว่าฉันมีทริคอะไร”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่อยากรบกวน” โชจินตอบโดยไม่หันกลับไปมองคู่สนทนา พีวดลที่คิดไว้ล่วงหน้าว่าโชจินต้องตอบแบบนี้ก็หัวเราะในลำคอ ก่อนจะย้ายตัวเองลงไปนั่งที่พื้นบ้าง โชจินตกใจเล็กน้อยแต่ก็พยายามเก็บอาการและค่อยๆ ถอยหนีอย่างไม่ให้ดูว่าจงใจ พีวดลพาดแขนยาวตามโซฟา ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังโอบโชจินกลายๆ ชายหนุ่มจงใจชะโงกหน้าให้ใกล้กับใบหน้าของคนตัวเล็กกว่า “มา เดี๋ยวฉันจะบอกให้” แล้วการติวหนังสือก็เริ่มขึ้นจริงๆ สักที

 

“โอเค. แค่นี้ก่อนแล้วกันนะ อ่านมากๆ มันจะเบลอ นายก็พักสมองบ้างเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเวลาอีกวัน” พีวดลบอก หลังจากกลายเป็นติวเตอร์จำเป็นอยู่ชั่วโมงกว่า เขาหันไปมองนาฬิกาบนผนังก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว คล้อยหลังชายหนุ่มโชจินก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขายอมรับว่าพีวดลเก่งเรื่องติวหนังสือจริงๆ เพราะทริคส่วนตัวที่ชายหนุ่มบอกนั้นมันทำให้เขาจำเนื้อหา และวิธีการได้ง่ายขึ้น แต่เขาก็ต้องแลกกับการแตะเนื้อต้องตัวแบบเนียนๆ ของพีวดล ถือซะว่าแลกเปลี่ยนไปแล้วกัน

โชจินปิดหนังสือก่อนจะทิ้งตัวพิงพนักโซฟา เขานั่งพาดหัวไปที่เบาะและปิดตาลงเพื่อผ่อนคลาย แต่แล้วก็ต้องรีบลืมตาขึ้นเมื่อมีเสียงของพีวดลดังอยู่ไม่ไกลนัก

“ขึ้นมานอนดีๆ นั่งแบบนี้เมื่อยแย่” พีวดลบอก โชจินรีบนั่งหลังตรงเพราะตกใจกับการมาแบบไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียง

“เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก ฝากห้องไว้ก่อนนะ หวังว่าคงจะไม่ปฏิเสธ” พีวดลบอก แล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง โดยไม่ทันได้ฟังว่าโชจินจะตอบรับหรือไม่ ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงน้ำที่โชจินเดาว่าเจ้าของห้องคงกำลังอาบน้ำอยู่ เขาลุกเดินไปเข้าห้องน้ำอีกห้องหนึ่ง เสร็จแล้วก็เดินไปจัดการล้างจานที่กองไว้ในซิงค์ล้างจานจนเสร็จหมด แล้วจึงเดินกลับมานั่งบนโซฟาอีกครั้ง เขาหยิบมือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความเข้ามาพร้อมกับสายที่ไม่ได้รับ โชจินปิดเสียงและตั้งสั่นไว้

5 สายที่ไม่ได้รับมาจากคนเดียวกัน...ญาดา

6 ข้อความที่ไล่ดูแล้วก็มาจากคนเดิม...ญาดา

แม้เขาจะบอกหญิงสาวออกไปว่าไม่เป็นไร และแม้ว่าเขาจะเตรียมใจไว้เหมือนกันหากเธอกับแฟนของเธอจะกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง แต่ภาพที่เขากับญาดาได้จูบกันนั้นมันก็ยังผุดขึ้นมาทุกครั้งที่คิดถึง เขายิ้มบางๆ ให้กับตัวเอง ญาดาที่เป็นรักแรกของเขา แม้ว่าจะเป็นฝ่ายชอบเธออยู่ข้างเดียวก็ตาม และถึงแม้ว่าเขาจะผิดหวังเมื่อครั้งที่มีหวัง แต่เขาก็ไม่คิดที่จะลบญาดาออกไปจากใจ โชจินกดอ่านข้อความทั้งหมดที่หญิงสาวส่งมา ก่อนจะตอบกลับไป

‘ขอโทษด้วยนะครับ ผมอ่านหนังสืออยู่ เลยไม่ทันเห็น ญาอย่าคิดมากนะ ผมไม่เป็นไรจริงๆ ^^’

เสียงสั่นจากมือถืออีกเครื่องหนึ่งดังขึ้น ดึงความสนใจจากโชจินที่กำลังอ่านข้อความของหญิงสาวอีกครั้ง เขานั่งดูมันส่งไฟกระพริบพร้อมกับสั่นอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ก่อนจะสงบลง แล้วไฟก็กระพริบพร้อมสั่นอีกครั้ง มันเป็นอยู่แบบนี้จนเจ้าของเครื่องเดินออกมาจากห้องนอน

“มือถือคุณ....สั่น” โชจินหันไปบอก ก่อนจะรีบหันกลับมาที่เดิมอีกครั้ง เมื่อพบว่าพีวดลเดินออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่พันท่อนล่างไว้เพียงผืนเดียว ชายหนุ่มเห็นอาการของโชจินจึงนึกอยากแกล้งขึ้นมา เขาเดินไปหยิบมือถือก่อนจะเดินกลับมานั่งบนโซฟาที่โชจินนั่งอยู่ และเขาจงใจนั่งให้ชิดที่สุด

“โทรมาทำไมนักหนาวะ” พีวดลพูดกับคนในสาย เขาแอบเหล่มองโชจินทุกครั้งที่เจ้าตัวเขยิบหนี จนไปสุดชิดอีกฝั่งหนึ่ง และในขณะที่โชจินกำลังจะลุกขึ้น พีวดลก็จัดการรวบเอวแล้วดึงเข้ามาชิดกับร่างกายตัวเอง

“เออๆ แต่งตัวอยู่ กูไปแน่ โทรจิกอย่างกับเมียเลยนะมึง” คำว่าเมียนั้นพีวดลหันไปมองโชจินพร้อมกับเน้นคำให้เจ้าตัวได้ยิน พีวดลวางสายไปและโยนมือถือไปอีกฝั่งหนึ่ง แขนอีกข้างก็ยกขึ้นขวางหน้าโชจินไว้ ทำให้ตอนนี้ดูเหมือนพีวดลกำลังกอดโชจินอยู่

“คุณพี ปล่อยผม” โชจินบอก แต่ชายหนุ่มกลับยิ่งเข้าใกล้ขึ้นไปอีกจนใบหน้าของทั้งคู่แทบจะชิดกัน โชจินหันหน้าออกพร้อมกับพยายามแกะมือหนา

“นายหน้าแดงนะ อายที่เห็นฉันอยู่แบบนี้หรือไง” พีวดลแกล้งเย้า

“แล้วคุณไม่อายเหรอครับ” โชจินบอกโดยที่ไม่ยอมหันหน้าไปมอง พีวดลแอบขำก่อนจะพูดกลับ “แล้วฉันจะอายอะไร ผู้ชายเหมือนกัน จริงมั้ย”

“คุณจะอายไม่อายก็เรื่องของคุณ แต่ตอนนี้กรุณาปล่อยผมก่อนครับ” โชจินบอกด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้นิ่งที่สุด ซึ่งสวนทางกับหัวใจที่ตอนนี้เต้นแรงโครมครามจนน่ารำคาญ

“นายอายฉัน” พีวดลบอก “เปล่าครับ” โชจินตอบกลับ

“นายอายฉันอยู่” พีวดลบอกอีกครั้ง และโชจินก็ตอบกลับคำเดิม “เปล่าครับ

“ถ้าไม่อายก็หันมามองฉันสิ” พีวดลท้า โชจินที่ไม่มีทางเลือกก็ต้องหันกลับไปมอง แล้วก็ต้องสบตากับพีวดลที่มองมาอย่างเดาความคิดไม่ออก พีวดลค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนจมูกจะชนกัน โชจินรีบยกมือปิดทั้งปากและจมูกของตัวเองไว้ก่อนจะพูดเสียงอู้อี้ออกมา “คุณจะทำอะไร”

พีวดลพอใจกับอาการของโชจิน เขายิ้มมุมปากก่อนจะกระซิบข้างหูเสียงแผ่ว “ฉันอยากจูบนาย” จบประโยค เขาก็หันกลับมามองหน้าโชจินที่หน้ายังแดงไม่หาย ดวงตาเจ้าตัวเบิกโตเพราะตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน พลันสายตาก็สบเข้ากับชายหนุ่มอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่มันกลับตรึงสายตาให้เขาไม่สามารถเสหลบไปไหนได้ พีวดลดึงมือของโชจินออก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปอีกหวังจะทำอย่างที่พูด แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่โชจินเอ่ยออกมา

“ถ้าผมยอม คุณจะเลิกยุ่งกับผมมั้ยครับ”

“หึ” พีวดลส่งเสียงแค่นั้น ก่อนจะถอยห่างพร้อมปล่อยให้โชจินได้รับอิสระอีกครั้ง เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดทิ้งท้ายโดยไม่ก้มลงมอง “ฉันจะทำให้นายยอมฉันโดยไม่มีเงื่อนไข” แล้วก็เดินกลับเข้าห้องเข้าไปอีกครั้งเพื่อแต่งตัว

ด้านโชจินที่สามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์อันตรายเมื่อครู่ได้ ก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ ด้วยความโล่งอก เขายกมือจับไปที่หน้าอกด้านซ้ายก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ทำไมเต้นแรงขนาดนี้นะ ตอนจูบกับญายังไม่แรงเท่านี้เลย”

พีวดลออกมาจากห้องนอนอีกครั้งด้วยชุดใหม่ที่ดูหล่อสมกับเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ เสื้อยืดสีขาวคอกลมกว้างแขนยาวที่ถูกถกมาไว้ตรงศอก กางเกงยีนส์สีดำพอดีตัว พร้อมกับกลิ่นน้ำหอมหอมฟุ้งไปทั่วห้อง เขาเดินไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนโซฟา แล้วก่อนที่จะเดินออกไป เขาพูดกับโชจินที่หันหน้ามองไปทางหน้าต่างกระจกบานใหญ่

“อยู่นี่ไปก่อนนะ ไม่ต้องหนีกลับไปให้เหนื่อยหรอก อยากทำอะไรก็ทำ ฉันไม่มีความลับอะไรอยู่แล้ว”

หลังจากได้ยินเสียงประตูปิดลง โชจินหันกลับไปมองทางประตูแล้วก็ต้องถอนหายใจโล่งอกอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็ได้อยู่คนเดียวสักที แม้ว่าจะอยู่ผิดที่ผิดทางไปหน่อย เขาเดินไปหารีโมตก่อนจะเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ และเริ่มเดินสำรวจห้องกว้างที่ตกแต่งได้อย่างลงตัว บอกรสนิยมของคนอยู่ได้เป็นอย่างดี เท่าที่เห็นพีวดลไม่ค่อยมีเครื่องตกแต่งห้องชิ้นเล็กๆ และดูเหมือนจะชอบอ่านหนังสือเหมือนกับเขา แต่หนังสือของชายหนุ่มดูจะมีราคาสูงมากกว่า และออกไปทางหนังสือภาษาต่างประเทศ โชจินไม่ได้สำรวจละเอียดอะไรมาก และไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปยังห้องนอนทั้งสองห้อง เขาเดินกลับมาล้มตัวลงนอนที่โซฟาแล้วดูทีวีไปเรื่อยๆ จนผล็อยหลับไป

 

กลางดึก พีวดลกลับมาจากการสังสรรค์ เขาเปิดประตูเข้ามาก่อนจะเห็นโชจินนอนหลับไปแล้ว ชายหนุ่มปิดประตูให้เสียงเบาที่สุด เขาเดินไปมองก่อนจะส่ายหน้าแล้วเดินเข้าห้องนอนไป เขาจัดการอาบน้ำใหม่เพื่อจะได้ดับกลิ่นเหล้าและบุหรี่ ใส่ชุดนอนที่เป็นเพียงเสื้อยืดและกางเกงขายาว เขาเดินกลับออกไปด้านนอกอีกครั้งพร้อมผ้าห่ม ชายหนุ่มปิดโทรทัศน์ด้วยรีโมตแล้วจึงจัดการห่มผ้าให้โชจินอย่างเบามือที่สุด เขาเปิดไฟตรงห้องครัวไว้ก่อนจะปิดไฟดวงใหญ่แล้วเดินเข้าห้องนอนไปโดยไม่ได้ปิดประตู

 

เช้าวันใหม่ โชจินตื่นแต่เช้าด้วยความเคยชิน เขาลืมตามองเพดานแล้วหันมองไปด้านข้าง คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันก่อนจะนึกได้ว่าตอนนี้เขานอนอยู่ที่ไหน โชจินรีบลุกขึ้นมองไปรอบห้องก่อนจะก้มไปมองผ้าห่มที่อยู่ในมือ 'เขาเอามาให้เหรอ' โชจินคิด เขาลุกขึ้นพับผ้าห่มวางไว้บนโซฟา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปล้างหน้าล้างตา และออกมาใหม่โดยแวะชะโงกหน้าไปดูเจ้าของห้องที่เปิดประตูห้องนอนทิ้งไว้ ดูเหมือนจะยังหลับลึกอยู่ เขาเลยเดินกลับมาเก็บของอย่างเบามือที่สุด ก่อนจะเขียนโน้ตทิ้งไว้แล้วเดินออกจากห้องไป

พีวดลเริ่มรู้สึกตัวจากแสงแดดที่ส่องเข้ามา เขาปรือตาขึ้นก่อนจะหันหานาฬิกาเพื่อดูเวลา ตอนนี้เกือบจะเที่ยงวันแล้ว แต่ในเมื่อมันเป็นวันหยุดเขาเลยไม่ต้องรีบร้อนตื่น แต่แล้วเขาก็ต้องรีบลุกขึ้นนั่งเมื่อนึกได้ว่ายังมีอีกคนอยู่ในห้องเขา พีวดลรีบเดินออกไปด้านนอกแล้วก็พบว่าไม่มีโชจินอยู่แล้ว เขาเดินไปที่โซฟา มีผ้าห่มพับวางไว้อย่างเรียบร้อยก่อนที่สายตาจะหันไปเห็นกระดาษโน้ตที่รีโมตวางทับไว้ ‘ขอบคุณครับ’ ประโยคสั้นๆ ที่ทำให้พีวดลยิ้มออกมา แม้จะไม่รู้ว่าคนเขียนจะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ หรือแค่มารยาท แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกดีรับวันใหม่

 

ในตอนนี้โชจินเดินกลับมาจากทานข้าวกับโดนัทที่มาหาเขาแบบไม่บอกไม่กล่าว โชคดีที่เขากลับมาก่อนและทันได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ วันนี้โดนัทจะมาอ่านหนังสือและจะค้างด้วยหนึ่งคืน โชจินแปลกใจไม่น้อยแต่ก็ได้รับคำอธิบายสั้นๆ ว่าแค่คิดถึง ทั้งคู่เดินเข้าอพาร์ตเมนต์พร้อมกับถุงขนมที่โดนัทเป็นคนซื้อ พร้อมกับน้ำแข็งและน้ำอัดลม ห้องของเขาไม่มีตู้เย็นแต่ยังมีกระติกไว้ใส่น้ำแข็ง  

การมาของโดนัททำให้พีวดลที่นั่งรออยู่ในรถขมวดคิ้วทันทีที่เห็น “โดนัทกับโชจินรู้จักกันอย่างนั้นเหรอ” เขาเปรยกับตัวเอง แล้วเขาก็คิดย้อนกลับไปช่วงที่เคยมีความสัมพันธ์กับโดนัท เขาไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับโดนัทเท่าไหร่ ไม่เคยถามด้วยซ้ำ เพราะระหว่างโดนัทกับเขาแล้วมันก็แค่คนสองคนที่หาความสุขกันยามค่ำคืน แม้เขาจะดูแลโดนัทด้วย แต่ที่ทำไปก็เพราะเขามองว่าเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ต่างตอบแทนกัน และก็ไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อนอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งที่โดนัทเอ่ยปากขอยุติความสัมพันธ์กับเขา ชายหนุ่มก็ไม่รั้งหรือยื้อไว้ แม้จะมีเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก แล้วความคิดหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในหัวเขา ‘หรือว่าโดนัทจะเล่าอะไรให้โชจินฟัง โชจินเลยดูไม่ชอบเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ไม่นับความสัมพันธ์ในคืนหวาน เพราะเรื่องนั้นก็ยังคาใจอยู่ว่าสรุปแล้วโชจินในคืนนั้นคือใครกันแน่?’

 

เสียงมือถือดังขึ้นในขณะที่โชจินและโดนัทกำลังช่วยกันติวหนังสืออยู่ โชจินหยิบมือถือขึ้นมาดูก่อนจะนิ่งไปเล็กน้อย เขาหันไปมองโดนัทที่กำลังมองมา

“มีอะไรหรือเปล่า” โดนัทถาม โชจินส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นไปรับสาย โดนัทเองก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากมาย เขานั่งอ่านหนังสือต่อไป

“โทรมาทำไมครับ” โชจินถามทันทีโดยไม่ต้องมีคำทักทาย ปลายสายขำก่อนจะพูดกลับมาบ้าง “น้ำเสียงตื่นๆ นะ มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรครับ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” โชจินถามกลับอีกครั้งพร้อมกับมองดูโดนัทเป็นระยะ เขายังไม่อยากให้พีวดลกับโดนัทมาเจอกันในตอนนี้ เขาคงพูดอะไรไม่ออก หรืออธิบายไม่ได้หากโดนัทถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพีวดล

“ฉันอยู่ข้างล่าง จะให้ขึ้นไปมั้ย” พีวดลหยั่งเชิงถาม ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อปลายสายรีบพูดกลับมาจนลิ้นแทบจะพันกัน “เดี๋ยวผมลงไปเองครับ”

โชจินวางสายแล้วหันไปทางเพื่อนอีกครั้ง “โดนัท เดี๋ยวฉันลงไปข้างล่างแป๊บนึงนะ พอดีน้องที่ร้านมาหาน่ะ” โชจินโกหกออกไป โดนัทพยักหน้าก่อนจะฝากซื้อขนมที่พร่องลงไปแล้ว โชจินอดขำไม่ได้

พีวดลนั่งรออยู่ในรถอย่างใจเย็น จนเห็นโชจินกำลังเดินมา เขาจึงได้เปิดประตูลงไปยืนรออยู่หน้ารถ “คุยกันในรถมั้ย” พีวดลถามเมื่อโชจินเดินมาหยุดอยู่หน้าเขา โดยเว้นระยะห่างไว้พอสมควร โชจินคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินไปเปิดประตูขึ้นนั่งบนรถ พีวดลเดินไปขึ้นอีกฝั่ง

“นายกับโดนัทรู้จักกัน?” ชายหนุ่มเริ่มถาม โชจินขมวดคิ้วพร้อมกับหันไปมองพีวดลก่อนจะตอบกลับไป “ครับ เราเป็นเพื่อนกัน”

“นานหรือยัง?” พีวดลถามต่อโดยไม่หันไปมองคู่สนทนา เช่นเดียวกับโชจินที่นั่งมองไปด้านหน้ารถ “ทำไมครับ”

พีวดลหงุดหงิดเล็กน้อยที่โดนย้อนคำถามแทนที่จะได้คำตอบ เขาหันไปมองโชจินแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับมาทางเดิม “นายรู้จักฉันมาก่อนใช่มั้ย”

“เปล่าครับ ผมจะไปรู้จักคุณได้ยังไง” โชจินปฏิเสธ พีวดลยิ้มมุมปากก่อนจะพูดต่อ “นายโกหกไม่เก่งนะ รู้ตัวหรือเปล่า แต่เอาเถอะ ฉันไม่รู้นะว่าโดนัทบอกอะไรนายบ้างเกี่ยวกับฉัน แต่ฉันกับโดนัท....”

“ไม่มีครับ เขาไม่ได้บอกอะไรผม” โชจินพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่พีวดลจะพูดจบ เขาเปิดประตูลงไปจากรถ พีวดลต้องรีบลงมาดักหน้าไว้เพื่อไม่ให้โชจินหนีขึ้นห้องไป

“ฉันยังพูดไม่จบ”

“ผมไม่ว่างจะฟังครับ ขอโทษด้วย และผมขอย้ำอีกครั้งว่าโดนัทไม่ได้บอกอะไรผมเกี่ยวกับคุณ ขอตัวนะครับ” โชจินบอกรวดเดียว แต่เขาเดินผ่านไปไม่ได้ เพราะชายหนุ่มยังยืนขวางทางเขาอยู่ โชจินมองหน้าอย่างไม่สบอารมณ์

“ทำไมนายไม่อยากฟังให้จบ” พีวดลถาม โชจินเม้มปากก่อนจะเบือนหน้าหนี เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ก็พูดแทรกขึ้นมาแบบนั้น ใจที่เต้นรัวในตอนนี้มันคืออาการอะไร และทำไมเขารู้สึกไม่อยากได้ยินเรื่องราวเก่าๆ ระหว่างพีวดลกับโดนัท

“ผมขอตัวนะครับ แล้วคืนนี้ห้องผมไม่ว่าง และจะกรุณามากนะครับถ้าจะไม่มาห้องผมอีก” โชจินบอกและรีบเดินออกไปทันที พีวดลหันมองตามด้วยความรู้สึกที่เขาเองก็ยังไม่เข้าใจ มันมีทั้งความหงุดหงิดและความน้อยใจเจือปนอยู่ พีวดลเดินไปขึ้นรถก่อนจะขับออกไปอย่างเร็ว

โชจินกลับขึ้นมาบนห้อง เขายืนอยู่หน้าประตูก่อนจะเคาะเรียกคนในห้องให้มาเปิดประตู โดนัทเปิดออกและหลีกทางให้โชจินเข้าไปด้านใน ก่อนจะปิดแล้วเดินตามไป โดนัทสังเกตเห็นว่าโชจินดูแปลกไปจากก่อนหน้านี้

“โชจิน มีอะไรหรือเปล่า” โดนัทถามด้วยความเป็นห่วง โชจินหันไปมองก่อนจะส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มบางๆ แล้วชวนโดนัทอ่านหนังสือต่อ โดนัทเองก็ไม่อยากเซ้าซี้มากนัก เขาลอบมองโชจินเป็นระยะจนแน่ใจว่าเพื่อนของเขาต้องมีอะไรบางอย่างไม่สบายใจแน่นอน เขาจึงแย่งหนังสือมาและปิดมันลงก่อนวางไว้

“โชจิน นายมีอะไรไม่สบายใจอยู่ใช่มั้ย ฉันดูออก” โดนัทบอก โชจินไม่สบตา และนั่นก็ยิ่งทำให้โดนัทมั่นใจขึ้น

“มีอะไรไม่สบายใจก็บอกเราได้นะ ทีตอนนั้นเรายังบอกโชจินเลย” โดนัทหมายถึงเรื่องเขากับพีวดล โชจินมองหน้าก่อนจะตัดสินใจถามออกไป “โดนัทยังติดต่อกับ..เอ่อ..กับคุณพีวดลอยู่มั้ย”

“ทำไมถาม มีอะไรหรือเปล่า” โดนัทถามกลับทันที เขาแปลกใจไม่น้อยที่จู่ๆ คนตรงหน้าก็ถามถึง

“คือไม่มีอะไรหรอก พอดีเขาเป็นเพื่อนกับเจ้านายฉันน่ะ ก็เจอกันบ้างที่ร้าน” โชจินบอกกลับไป โดนัทฟังคำอธิบายแต่ก็ไม่ได้ปักใจเชื่อตามนั้น เขาหรี่ตามองก่อนจะถามอีกครั้ง “แล้วยังไง หรือเขามาจีบเจ้านายของโชจินเหรอ” โดนัทรู้ว่าเจ้านายของเพื่อนเป็นผู้หญิง โชจินนิ่งไปเพราะไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง

“ก็...ไม่เชิง”

“โชจินกังวลแทนเจ้านายหรือเปล่า แบบว่าระแวงว่าเขาจะไม่ดีและไม่คู่ควรกับเจ้านายของโชจินน่ะ อย่างนั้นหรือเปล่า” โดนัทคิดไปอีกทาง ซึ่งก็ทำเอาโชจินอึ้งไปเหมือนกัน แต่ก็ทำให้เขาโล่งใจหน่อยที่โดนัทไม่ได้คิดว่าเขากับพีวดลอาจรู้จักกัน

“ก็...มั้ง ช่างเหอะ คงไม่มีอะไรหรอก” โชจินตัดบท เขาหยิบหนังสือมาเปิดเตรียมอ่านต่อ แต่โดนัทก็พูดขึ้นมาเสียก่อน

“คุณพีน่ะจริงๆ เขาก็เป็นคนดีนะ อย่างตอนที่เขาดูแลฉัน เขาก็ไม่มีใครนะ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของเราจะไม่ได้ถึงขั้นเรียกว่าแฟนหรือคนรักได้เต็มปากก็เถอะ แต่ช่วงนั้นเขาก็ไม่ได้ไปมั่วกับใครหรอก และเพราะแบบนั้นแหละฉันถึงได้รู้สึกรักเขาขึ้นมาจริงๆ โชจิน นายไม่ต้องกังวลไปหรอก เพราะคนอย่างคุณพีวดลน่ะ ถ้าเขาเข้าหาใครก่อน นั่นแสดงว่าเขามีความรู้สึกพิเศษให้กับคนๆ นั้น พวกข่าวซุบซิบไฮโซอะไรนั่นน่ะ พวกผู้หญิงหรือผู้ชายด้วยกันเข้าหาคุณพีเองทั้งนั้นแหละ” แม้ว่าเรื่องของเขากับพีวดลจะจบไปนานแล้ว แต่เมื่อนึกถึงมันก็ทำให้โดนัทยิ้มได้ โชจินที่มองอยู่ก็คิดตามก่อนจะถามกลับไปอย่างที่ใจอยากรู้

“แล้วตอนนั้นโดนัท...เอ่อ....” โชจินไม่รู้จะถามยังไง โดนัทหันมามองก่อนจะต่อให้จบประโยค “ทำไมถึงเลือกที่จะเลิกกับเขา อย่างนั้นใช่มั้ย” โชจินพยักหน้า โดนัทยิ้มก่อนตอบ

“ก็เพราะฉันเข้าหาเขาก่อนไงล่ะ”

 

--จบตอนสิบ--

 

(ขอบคุณนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ )

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา