สัมพันธ์รัก...สัมผัสหัวใจ [YAOI]

-

เขียนโดย ผ้าปูโต๊ะ

วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 23.08 น.

  11 ตอน
  4 วิจารณ์
  12.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

***(นิยายชายรักชาย)***

 

ตั้งแต่วันที่พีวดลได้ที่อยู่ของโชจินมา เขาก็ต้องยุ่งอยู่กับงานจนผ่านไปสามวัน วันนี้เขาตั้งใจจะไปเยี่ยมเยียนคนในคืนหวานเสียหน่อย พีวดลแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาจึงต้องพยายามหาหนทางไปพบโชจินให้ได้ขนาดนี้ อาจเป็นเพราะเขาติดใจในลีลาเร่าร้อนนั้น หรือไม่ก็อยากเอาชนะคนที่ทำเป็นเมินเขา และพยายามหนีเขา พีวดลเคลียร์งานจนถึงเกือบหกโมงเย็น เขาก็ออกมาจากโรงแรมแห่งหนึ่งของตระกูลแล้วขับรถไปตามที่อยู่ที่ได้มา

พีวดลใช้เวลาอยู่พักใหญ่บนท้องถนนที่รถติดเป็นประจำ แต่วันนี้เขากลับไม่รู้สึกหงุดหงิด รถปอร์เช่สีดำขับมาถึงอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งก่อนจะเลี้ยวเข้าไปจอดรถในบริเวณที่จัดไว้ เขาดับเครื่องยนต์แล้วเปิดประตูลงมาก่อนหันกลับไปปิดประตูและกดล็อกรถ จากนั้นจึงเดินเข้าไปภายในตึก เขาหยิบการ์ดที่สามารถแตะผ่านประตูอัตโนมัติเข้าไปด้านใน แม้จะมีบางคนมองเขาอย่างสงสัย เพราะระดับเขาแล้วการมาที่นี่คงดูแปลกตาไม่ใช่น้อย เขาเดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้น4 ชายหนุ่มเดินออกมาจากลิฟต์ก่อนเดินตรงไปตามทางเดินและมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง 404  

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น โชจินที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ หลังเพิ่งกลับจากที่ทำงานเดินออกมาจากห้องนอนตรงไปที่ประตู เขาส่องตาแมวเพื่อดูว่าใครมาเคาะประตู แต่กลับไม่พบใครยืนอยู่จึงเดินกลับเข้าไปภายในห้องนอนอีกครั้ง โชจินเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแขวนไว้ให้เรียบร้อย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าของห้องเริ่มขมวดคิ้วและเดินกลับไปที่ประตูเป็นครั้งที่สอง เขาส่องตาแมวเหมือนเดิมแล้วก็ไม่พบใครเหมือนครั้งแรก

“ว่างมากไงวะ” โชจินพึมพำกับตัวเอง บางทีอาจเป็นเด็กเล็กๆ ที่มาแกล้งเคาะประตู เพราะอพาร์ทเมนท์ที่นี่เป็นแบบรวม จึงมีผู้คนทุกเพศ ทุกวัย อาศัยอยู่ปะปนกัน

โชจินหันกลับมาเพื่อเตรียมเดินไปยังฝั่งครัวเล็กๆ ที่เขากันพื้นที่ไว้ เพื่อใช้ทำอาหารง่ายๆ แต่ยังไม่ทันจะก้าวเดิน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม โชจินหันกลับไปอย่างเหลืออด ก่อนจะรีบเดินไปและกระชากประตูเปิดออก แล้วเขาก็ต้องตกใจกับชายหนุ่มที่แทรกตัวเข้ามาภายในห้องอย่างรวดเร็วพร้อมกับปิดประตูให้เสร็จสรรพ

โชจินยังคงยืนนิ่งด้วยความตกใจอยู่ที่ประตู เขามองดูชายหนุ่มที่เขาจำได้ดีซึ่งกำลังยืนมองไปรอบๆ ห้องเขาอยู่ และเมื่อหายตกใจเขาก็รีบพูดขึ้นทันที

“คุณ!! คุณมาที่นี่ได้ยังไง”

“ผมก็ขับรถมาสิ ห้องเล็กกะทัดรัดดีนะ”

“คุณรู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่...นี่!ใครใช้ให้คุณแตะต้องของๆ ผม” โชจินถามก่อนจะแหวขึ้นและรีบเดินเข้าไปแย่งของในมือหนา ซึ่งเป็นของของตัวเองกลับคืนมา

“คุณ!! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ” โชจินออกคำสั่ง เมื่อเขาพลาดท่าถูกคนเจ้าเล่ห์รวบตัวไว้ โชจินรีบยกมือขึ้นดันหน้าอกแกร่งทันที เมื่อชายหนุ่มโน้มหน้าลงมา

“ไม่ให้แตะต้องของของคุณ แต่แตะต้องตัวคุณได้ใช่มั้ย” พูดจบก็ก้มลงสูดดมที่ซอกคอเพื่อแกล้งคนตัวเล็กในอ้อมกอด ก่อนที่เขาจะถูกผลักจากเจ้าของห้อง เขายอมปล่อยโชจินให้เป็นอิสระก่อนจะต้องแอบขำในใจเมื่อเห็นเจ้าตัวยืนมองเขาตาขวาง

“คุณมาที่นี่ทำไม” โชจินถามน้ำเสียงแข็งกระด้าง

“ผมก็แค่อยากมาเห็นความเป็นอยู่คนของผม”

“คนของคุณ?....ขอโทษนะครับ ที่นี่ไม่มีคนของคุณ เชิญคุณออกไปจากห้องผมด้วยครับ” โชจินบอกท่าทางเอาจริง แต่ก็ไม่ทำให้พีวดลกลัวแต่อย่างใด เขากลับหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอนที่ประตูเปิดทิ้งไว้ โชจินเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปปิดประตูและยืนดักอยู่หน้าห้องนอนส่วนตัวทันที

“ผมขอบอกคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะครับ เชิญคุณออกไปจากห้องของผม แต่ถ้าคุณยังไม่ยอมออกไปดีๆ ผมจำเป็นต้องเรียกรปภ.มาช่วยเชิญคุณออกไป” โชจินบอกอย่างใจเย็นที่สุด แม้ว่าเขาจะสงสัยและอยากรู้ว่าชายหนุ่มไฮโซคนนี้รู้ที่อยู่ของเขาได้ยังไง

“ทำไมไล่แขกแบบนี้ล่ะ ไม่ดีเลยนะโชจิน”

“แล้วคุณมาทำไม” โชจินถามกลับไป

“ฉันบอกไปแล้วนะว่าฉันมาที่นี่ทำไม” พีวดลเปลี่ยนสรรพนามใช้เรียกตัวเอง เขาเริ่มสนุกกับการยั่วโมโหคนตรงหน้า เขาต้องเอาชนะโชจินให้ได้ เพราะไม่ว่าเขาจะเข้าหาใคร เขาไม่เคยถูกปฏิเสธแบบที่โชจินกำลังทำกับเขา พีวดลต้องการพิสูจน์ให้โชจินได้เห็นว่า เขาไม่ใช่ของเล่นชั่วคราวของใคร และถ้าเขาอยากได้อะไร เขาจำเป็นต้องได้สิ่งนั้นมาครอบครอง

“ถ้าอย่างนั้นผมขอบอกคุณอีกครั้งว่า ที่นี่ไม่มีคนของคุณ....คุณจะทำอะไร” โชจินย้ำอีกครั้งเมื่อพีวดลพยายามยัดเยียดให้เขาเป็นคนของเจ้าตัว ก่อนจะต้องถามน้ำเสียงตื่นเมื่อถูกชายหนุ่มประชิดตัว โชจินถอยหลังอัตโนมัติจนไปชิดติดกับประตูห้อง แล้วเขาก็ถูกปิดทางหนี เมื่อพีวดลยกแขนทั้งสองข้างของตัวเองยืนค้ำประตูไว้โดยมีโชจินอยู่ตรงกลาง พีวดลแกล้งโน้มหน้าลงไปทำให้โชจินต้องรีบหันหน้าหนี ก่อนจะต้องขนลุกซู่เมื่อถูกกระซิบที่ข้างหูน้ำเสียงแผ่ว

“ฉันยังไม่คิดจะทำอะไรตรงนี้หรอกนะ” แล้วแขนข้างหนึ่งของพีวดลก็ลดลงไปจับที่ลูกบิดประตูก่อนจะถูกเปิดออก พร้อมกับแขนอีกข้างของเขารั้งร่างเล็กไว้กันหงายหลัง

ในที่สุดพีวดลก็สามารถเข้ามายืนอยู่ในห้องนอนส่วนตัวของโชจินได้สำเร็จ เขาเดินโอบเอวเจ้าของห้องเข้ามาด้วย ก่อนจะถูกปัดมือออก พีวดลยิ้มขำแล้วจึงเดินไปนั่งลงที่เตียงนุ่ม

“ทำไมคุณด้านแบบนี้เนี่ย ไล่ก็ไม่ไป” โชจินเหลืออดจึงพูดออกมา ก่อนจะรีบวิ่งไปแย่งกรอบรูปที่มีรูปเขากับครอบครัวอยู่ แล้วเขาก็ต้องเสียรู้ความเจ้าเล่ห์ เมื่อถูกชายหนุ่มรั้งตัวให้นั่งลงบนตัก

“คุณพีวดล ปล่อย!!!” โชจินบอกพร้อมกับพยายามแกะมือเหนียวให้ออกไปจากตัว แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกรัดมากขึ้น

“อยู่นิ่งๆ สิโชจิน ถ้านายยังดิ้นอยู่แบบนี้ ฉันไม่รับรองความปลอดภัยนะ” จบประโยคขู่ คนบนตักก็หยุดดิ้นทันที พีวดลยิ้มอย่างพอใจก่อนจะรั้งคนตัวเล็กเข้ามาแนบชิดมากขึ้น

“คุณปล่อยผมเถอะ ผมอึดอัด” โชจินกลับมาใช้ความใจเย็นอีกครั้ง แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อมือหนาข้างหนึ่งเลื่อนมาใกล้บริเวณจุดสงวนของเขา โชจินรีบจับมือหนานั้นไว้ทันที เพื่อหยุดการกระทำก่อนที่บางอย่างอาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ล่อแหลมนี้

“ไหนนายบอกฉันว่านายอึดอัดไง ฉันกำลังจะช่วยนายนะ” พีวดลแกล้งแหย่

“คุณพีวดล!!” โชจินตะคอกเรียกชื่อทันที เขาไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังต้องการสื่ออะไรออกมา

“นายยังจำฉันได้แม่นนะ เรียกชื่อฉันตั้งหลายครั้ง” พีวดลบอกอย่างอารมณ์ดี โชจินรีบเด้งตัวออกจากตักชายหนุ่มทันที เมื่อเห็นว่าการโอบเริ่มคลายลง เขาถอยออกมายืนอยู่ตรงประตูที่เปิดทิ้งไว้ ป้องกันสถานการณ์ฉุกเฉิน

“คุณมีธุระอะไรกับผมครับ” โชจินตัดสินใจถามอีกครั้งด้วยความใจเย็นและสุภาพ

“สงสัยต่อไปนี้ฉันคงต้องให้นายกินปลาเยอะๆ แล้วล่ะนะ ความจำนายจะได้ไม่สั้น ฉันจะบอกอีกครั้งนะว่า ฉันอยากมาเห็นห้องพักคนของฉัน”

“ผมไม่ใช่คนของคุณ” โชจินสวนกลับทันที

“โอเค ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แล้วนี่นายอยู่คนเดียว?” พีวดลจำยอมเออออไปตามคำปฏิเสธ ก่อนจะเริ่มถามชีวิตส่วนตัวของคนที่ยืนหน้าง้ำงออยู่ พร้อมกับเดินสำรวจห้องเล็กๆ นั้น

“คุณไม่จำเป็นต้องรู้” โชจินตอบเสียงแข็งกลับไป

“นี่ยังเรียนอยู่เหรอ ปีไหนแล้วล่ะ” พีวดลยังคงถามต่อเมื่อหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาเปิดดูก่อนจะวางลงที่เดิม

“เลิกถามซะที แล้วเชิญออกไปได้แล้วครับ” โชจินเอ่ยปากไล่ แต่ดูเหมือนคำพูดของเขาจะส่งไปไม่ถึงพีวดลเมื่อเจ้าตัวยังคงเดินดูของในห้องไปเรื่อยๆ เหมือนกับว่าห้องเขาเป็นพิพิธภัณฑ์ โชจินพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองให้ถึงที่สุด ก่อนจำต้องเดินออกไปรับโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ด้านนอก

“สวัสดีครับพี่โอม” โชจินส่งเสียงทักทายไปยังปลายสาย

(สวัสดีโชจิน พี่โทรมากวนหรือเปล่า) เสียงปลายสายถามกลับมา เพราะเวลาตอนนี้ก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว

“ไม่หรอกครับ พี่โอมมีอะไรหรือเปล่าครับ” โชจินถามกลับไป

(พี่จะโทรมาถามว่าพรุ่งนี้จะเข้าติวมั้ย)

“พรุ่งนี้เหรอครับ ตามตารางมันวันศุกร์ไม่ใช่เหรอพี่”

(พอดีวันศุกร์พี่ฝนติดธุระด่วนน่ะ เลยจะเข้าไปติวให้พรุ่งนี้แทน) โอมบอกเหตุผลที่ต้องสลับวัน

“แล้วกี่โมงล่ะครับ...อ๊ะ!!” โชจินถามกลับไปอีกก่อนจะต้องสะดุ้ง เมื่อเขาถูกกอดจากด้านหลัง

(โชจิน เป็นอะไรมั้ย) โอมถามหลังจากได้ยินเสียงแปลกๆ

“ไม่มีอะไรครับพี่โอม แล้วสรุปติวกี่โมงครับ” โชจินพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติ พร้อมกับหันไปจ้องพีวดลตาเขียวที่บังอาจมาลวนลามเขา และทำให้เขาต้องมีความรู้สึกแปลกๆ

(ประมาณสี่โมงเย็น โชจินสะดวกหรือเปล่า)

“เดี๋ยวผมขอดูก่อนนะครับว่าจะลาครึ่งวันได้มั้ย” โชจินบอกกลับไปพร้อมกับพยายามเบี่ยงหลบปากซุกซนของพีวดลที่กำลังดอมดมแก้มและซอกคอของเขา

(ยังไงก็โทรบอกพี่ก่อนเที่ยงนะ พี่จะได้ล็อกที่ไว้ให้)

“ครับๆ ขอบคุณนะครับพี่โอม แค่นี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ” โชจินรีบรวบรัดตัดความแล้วจึงวางสายลง ก่อนจะหันมาเล่นงานพีวดลที่จงใจแกล้งเขา

“คุยเสร็จแล้วเหรอ” พีวดลแกล้งถามตาใส และยังคงโอบคนตัวเล็กไว้หลวมๆ

“คุณเป็นบ้าหรือไง!!” โชจินโพล่งออกมาอย่างเหลืออด พร้อมกับพยายามแกะมือหนาออกจากเอวตัวเอง

“คงอย่างนั้นมั้ง” พีวดลตอบยียวนกลับไป ก่อนจะจับร่างเล็กให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา พีวดลดันโชจินให้ไปชิดติดกำแพง เขายกมือยันกำแพงไว้ทั้ง 2 ข้าง ขังโชจินไว้ตรงกลาง โชจินตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พีวดลมองใบหน้าโชจินด้วยความหลงใหล ก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าลงไปหมายจะฉกชิงความหวานจากปากที่เม้มแน่นอยู่ แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักนิ่ง เมื่อเจอคำถามที่จงใจส่งมา

“คุณเป็นไบหรือไง”

“ทำไมถามแบบนั้น” พีวดลถามกลับ ในขณะที่ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียบคืบเดียว

“ก็สิ่งที่คุณทำอยู่ มันทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าคุณสนใจผม คุณชอบผมอย่างนั้นเหรอครับคุณพีวดล” พูดจบโชจินก็ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับจ้องตาชายหนุ่มอย่างท้าทาย

“นายคิดอย่างนั้นเหรอโชจิน” พีวดลถามกลับเสียงเรียบ

“ตอนแรกผมก็ไม่คิดหรอกครับ แต่การกระทำของคุณมันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ ผมนี่โชคดีจังเลยนะครับ จู่ๆ ก็มีหนุ่มไฮโซเนื้อหอมมาคอยตามตื๊ออยู่แบบนี้ ถ้าสาวๆ รู้คงจะอิจฉาผมแย่เลย” โชจินโต้ตอบกลับไป แล้วเขาก็ได้รับอิสระคืนมาอีกครั้ง เมื่อพีวดลลดแขนลงและถอยห่างออกไปประมาณสามก้าว

“ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่ผมพูด ก็เชิญคุณกลับไปเถอะครับ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ผมจะลืมๆ มันไปซะ และผมหวังว่าผมกับคุณคงจะไม่ต้องเจอกันอีกนะครับ” โชจินบอกน้ำเสียงเรียบ เขาคิดว่าคนอย่างพีวดลคงไม่พอใจแน่สำหรับคำพูดแบบนี้ และหวังว่าคงจะไม่ต้องมาเจอกันอีก แต่เขาคิดผิดเมื่อจู่ๆ ก็ถูกพีวดลดึงเข้าไปจูบอย่างรวดเร็วก่อนจะผละออก โชจินยืนนิ่งด้วยความโกรธปนตกใจ

“นายคงยังไม่รู้สินะโชจินว่าคนอย่างฉัน...ยิ่งยาก ฉันยิ่งอยากได้” พีวดลบอกก่อนจะยิ้มมุมปากและหันหลังเดินออกไปจากห้องทันที

......................................................

กว่าสองอาทิตย์แล้วนับจากวันที่พีวดลมาหาโชจินถึงห้อง หลังจากวันนั้นโชจินก็ต้องคอยกังวลว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาหาเขาอีกหรือเปล่า แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ทำให้โชจินโล่งใจ และคิดว่าคงไม่มีเหตุการณ์เหมือนหลายวันก่อนเกิดขึ้นอีก เขายังคงสงสัยว่าทำไมจู่ๆ ชายหนุ่มไฮโซถึงได้มาหาเขา พีวดลเป็นชายหนุ่มเนื้อหอมที่ใครๆ ต่างก็รู้จัก และเขาเองก็รู้จักเหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไปเช่นกัน

“สวัสดีฮะพี่จ๋า” โชจินทักทายเจ้านายสาวที่เป็นเจ้าของร้านอาหารที่เขาทำงานอยู่

“สวัสดีจ้ะ ทานอะไรมาหรือยังโชจิน” หญิงสาวที่ชื่อจ๋า ทักกลับลูกน้องคนสนิท

“เรียบร้อยแล้วครับ พี่จ๋าล่ะ” โชจินถามกลับไปบ้าง

“กาแฟแก้วเดียวก็อยู่ได้ถึงบ่ายแล้วจ้ะ” หญิงสาวบอก โชจินยิ้มให้ก่อนจะขอตัวเข้าไปข้างในครับ

ร้านอาหาร ‘มุมอิ่ม’ ที่ทำงานของโชจินที่ทำงานมาได้เกือบปี โดยมี ‘พี่จ๋า’ หญิงสาววัยเกือบเลขสามเป็นเจ้าของร้านและเป็นเจ้านายที่แสนน่ารักและใจดี มีพ่อครัว ‘ลุงกุ้ง’ มือวางอันดับหนึ่งของร้านตลอดกาลเป็นหัวหน้าพ่อครัว โดยมีผู้ช่วยอีก 2 คน ‘พี่บุญและพี่น้อง’ สองสามีภรรยา รวมไปถึงบริกรของร้านที่นอกจากโชจินแล้วยังมี ‘นิด’ หญิงสาวรุ่นเดียวกับโชจิน ‘ดอย’ เด็กหนุ่มวัย 18 ที่มาจากดอยจริงๆ คนนี้ลุงกุ้งเป็นคนพามา และสุดท้ายคือ ‘พี่ส้ม’ หญิงสาววัยสามสิบต้นๆ ที่มีลูกแฝดชายหญิงคอยมาช่วยที่ร้านหลังเลิกเรียน และช่วงปิดเทอม

ร้านมุมอิ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10 โมง จนถึงประมาณ 3 ทุ่ม และจะหยุดทุกวันอาทิตย์ ช่วงเวลาที่คนจะเข้าร้านมากที่สุดก็จะเป็นช่วงตั้งแต่เปิดร้านจนถึงประมาณบ่ายโมงครึ่ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาพักกลางวันของคนทำงานย่านนี้ และช่วงเลิกงานตอนเย็นตั้งแต่ประมาณห้าโมงเย็นจนถึงสองทุ่ม

“โชจิน ข้ามฝั่งไปเอาดอกไม้ให้พี่หน่อยสิ” พี่จ๋าวานโชจิน หลังจากที่ลูกค้าเริ่มเบาลงแล้วในเวลาบ่ายๆ เขาตอบรับและเดินออกจากร้านไป คล้อยหลังไม่นานก็มีชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีเดินเข้ามาในร้าน เขาเดินไปนั่งลงที่โต๊ะหนึ่งริมหน้าต่าง ก่อนจะถามหาเจ้าของร้านกับพนักงานเสิร์ฟที่เข้ามาส่งเมนูอาหารให้

“พี่จ๋าคะ มีคนมาขอพบพี่จ๋าค่ะ โต๊ะโน้นอ่ะค่ะ” นิดเดินไปบอกพี่จ๋าที่นั่งอยู่หลังเคาท์เตอร์ หญิงสาวมองไปยังโต๊ะที่นิดบอกพร้อมกับขมวดคิ้วงงว่าเป็นใคร เธอเดินออกไปหาคนที่มาขอพบเธอ

“สวัสดีค่ะ คุณอยากพบฉันเหรอคะ” เธอถามชายหนุ่มที่นั่งหันหลังให้อยู่ ชายหนุ่มหันกลับมาหาพร้อมกับทักทาย

“สวัสดีจ๋า จำผมได้มั้ย”

“นายพี!!! มาได้ไงเนี่ย”

 

-- จบตอนสอง --

 

(มาลงช้าไปหน่อยค่ะ พอดีดูวอลเลย์บอลอยู่ เจอกันคืนวันพุธกับตอนที่สามนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ  )

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา