Rainbow University(1)สายรุ้งรักปักหัวใจนายต่างชาติ

8.8

เขียนโดย Greek

วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 01.52 น.

  16 ตอน
  3 วิจารณ์
  14.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 01.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) การเปิดตัว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          

          วันนี้ฉันนัดกับนายจื่อเฉิงว่าจะไปหาคนที่จะสอนฉันแสดง คงจะเป็นตอนเลิกเรียนเพราะว่าวันนี้ฉันมีเรียนทั้งวันเวลาแม้แต่จะหาอะไรกินยังไม่มี คงได้กินอีกทีนุ่นตอนเย็น กระเพาะแดกอีกแล้วชีวิต

          และแล้วก็มาถึงคาบสุดท้ายของวันนี้ คือวิชานาฏศิลป์ เอกหลักของสาขาที่ฉันเรียนอยู่ ซึ่งสิ่งที่จะต้องทำในวันนี้คือ สอบเก็บคะแนน แต่เป็นสอบปฏิบัติ “รำขวัญเจ้าเอย” ฉันนั่งรองอาจารย์เรียกชื่ออยู่พักใหญ่แถมนั่งดูเพื่อนๆทั้งหลายสอบรำไปพลางๆเพลินตา เออใช่มันสอบเป็นคู่ อาจารย์จะสุ่มเรียกชื่ออกมาสอบเป็นคู่เพื่อนดูความสามารถและความแตกต่างในการให้คะแนน และอีกอย่างสถานที่สอยมันไม่ใช่ห้องเรียน มันคือใต้ร่มไม้สนามหญ้าที่อยู่ระหว่างสนามฟุตบอลกับโรงยิม อากาศมันไม่น่าออกมาเรียนข้างนอกนะ เพราะมันโคตรจะร้อนเลยล่ะวันนี้

          “สุพรรณิการ์” นั่นชื่อนฉันนิจะได่คูกับใครกันเน้ออออ

          “นรีกานต์” นั่นมันยัยซอลญ่าดาวนรกนั่น จะบ้าเหรอให้ฉันแข่งกับยัยบ้านี่เนี่ยนะ

          “เริ่มได้”

          “นี่มันคู่หลักของวันนี้เลยนะ”

          “สงสัยจะมันกว่าฟุตบอลหรือมวยคู่ไหนๆ”

          “แกว่าใครจะชนะ”

          “ฉันว่ายัยซอลญ่า”

          “ทำไมอะ”

          “เพราะว่ายัยซอลญ่าเป็นถึงดาวคณะเราเชียวนะแสดงว่ายัยนี่ต้องความสามารถเริ่ดชัวร์”

          “มีหลักการมาก” แหมๆซุบซิบกันใหญ่เลยนะ คิดว่าหูฉันหนวกรึไง มาว่าฝีมือฉันห่วยกว่ายัยนี่งั้นเหรอ ยัยซอลญ่าไม่ได้เป็นดาวเพราะความสามารถซะหน่อย เพราะไม่มีใครจะแข่งด้วยต่างหากล่ะ

          “สุพรรณิการ์มีสมาธิหน่อย” เพราะยัยพวกนี้แท้ๆฉันไม่มีสมาธิโดนอาจารย์ดุอีกต่างหาก เซ็งงง

          “เฮ้ยแกดูพี่คนนั้นสิ” ฉันไม่ได้หันไปมองตามยัยพวกนั้นแต่เห็นว่ามันชี้ไปทางสนามบอล (นี่ขนาดไม่ได้หันไปมองนะเนี่ย)

          “อ๋อ...พี่คนนั้นน่ะเหรอ ฮุ้ย...แกหล่อเนอะ เล่นกีฬาก็เก่งอีก ฉันจำชื่อไม่ได้แต่รู้ว่าเป็นลูกครึ่งจีนแถมเป็นประธานคณะวิทยาศาสตร์ด้วยนะแก” ใครกันวะอยากรู้จังดีเลิศเหลือเกิ๊นนนน แต่ก็คงหันไปดูไม่ได้เพราะยังรำอยู่

          “เค้าอยู่ในกลุ่มเด็ก SF ด้วยนะ”

          “SFคืออะไรวะ”

          “ก็Student Foreigners ไง เด็กนักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวต่างชาติอะ”

          “อ๋อออออออ” อ๋อซะยาวเชียวนะ ใครวะ มาจากจีนด้วย อยากรู้อยากรู้

          “พอ พอได้แล้ว กลับไปนั่งที่ได้ เดี๋ยว สุพรรณิการ์ เลิกเรียนอยู่หน่อยนะ” อ้าว...ทำไมอะ ฉันอีกแล้วเหรอ

          “ได้ค่ะ” ตอบไปงั้นแต่สายตาฉันขอมองไปที่สนามบอลหน่อยเหอะฉันอยากรู้จริงๆว่าใคร

          “ทุกคนเลิกเรียนได้ อย่าลืมรายงานส่งไว้ด้วยนะ”

          “ค่ะ/ครับ” ทุกคนที่นั่งอยู่ตามโต๊ะหรือเก้าอี้บริเวณนั้นต่างก็ทยอยกันเก็บของใส่กระเป๋าและเอารายงานไปวางตรงกองรายงาน

          “วันนี้เธอเป็นอะไรสุพรรณิการ์ ดูไม่มีสมาธิเลย หรือว่าเธอเครียดเรื่องการแสดงในวันงาน” อาจารย์อ้าปากถามทันทีที่ฉันไปถึงกองรายงานที่ตอนนี้สูงเท่าภูเขา

          “เปล่าค่ะ” ที่จริงก็เครียดแต่ไม่อยากให้รู้ไง เข้าใจมะ

          “เอากองรายงานนี้ไปไว้ที่โต๊ะอาจารย์ให้ด้วยนะ วานช่วยหน่อยได้ไหม” แหมอาจารย์พูดซะขนาดนี้ถ้าหนูปฏิเสธก็คงติด F เป็นแน่แท้

          “ได้ค่ะ” ฉันค่อยหอบกองรายงานที่มันสูงกว่าหัวฉัน เดินไป

          “เฮ้ย!!!!น้องโหย่วหยี!!” ใครมันมาตะโกนเนี่ย เพื่อนที่เรียนร่วมห้องของฉันหันมามองกันเต็มเมื่อรู้ว่าเป็นใคร โอ้!!!!ฉันควรตกใจไหมเมื่อเห็นว่าเป็นใคร อีตาพี่จื่อเฉิงนั่นแหล่ะ แหมเรียกฉันแบบนั้นท่ามกล่างผู้คนได้ไง ไม่เรียกเปล่าวิ่งมาฉันด้วย โห...ขนาดเหงื่อออกยังหล่อ แถมเสื้อที่เปียกเหงื่อยังเผยให้เห็นรูปร่างอัน......เฮ้ยยยย....เรียกสติหน่อยไอ้บ้านี่มันกำลังทำให้ฉันขายขี้หน้าอยู่นะ มันใช่เวลามาหื่นไหม

          “วันนี้เรามีนัดกันจำได้เปล่า” ไม่ได้วิ่งมาเฉยๆด้วยจะพูดทำไมเนี่ย เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าผิดหรอก

          “มันใช่เวลาไหมเนี่ย” ฉันหันไปมองคนอื่นๆที่กำลังจ้องฉันกับเขา

          ฉันรีบคว้ามือเขาเดินไปทางอื่นทันทีพร้อมกับบ่นไปตามทาง แต่ก็ไม่รู้ว่าเค้าจะฟังรึเปล่า บ่นไปงั้นแหล่ะ

          “นี่...วันหลังห้ามไปหาฉันต่อหน้าเพื่อนในห้องฉันเด็ดขาดเลยนะ เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดว่าเรา...เป็น...”

          “แฟนกันเหรอ” รู้แล้วจะยังมาถามอีก มันน่าต่อยให้หงายซะเลย ถ้าไม่ติดว่าฉันกำลังแบกรายงานหลายสิบเล่นอยู่นะ ว่าแต่โคตรจะหนักเลย

          “ผมช่วยนะครับ” ไม่ทันให้ฉันตอบ เขาก็แบ่งรายงานจากฉันไปครึ่งหนึ่ง พร้อมกับเดินนำไป

          “รู้เหรอว่าจะไปที่ไหนเดินนำเชียวนะ” จื่อเฉิงหันมายิ้มให้ฉันเล็กน้อย

          “คุณไม่ชอบให้ผมเดินนำเหรอ ก็ได้ผมจะตามหลังคุณตลอดไป” เขาพูดพร้อมกับเดินไปข้างหลังฉัน มันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้กับสิ่งที่เค้าพูดรู้สึกตะหงิกๆจักจี้บริเวณหน้าอก

          “ฉันแค่รู้ทาง แต่คุณน่ะไม่รู้ต่างหากย่ะ” ฉันพูดก่อนจะเดินนำไปแล้วก็ไม่พูดอะไรเลยจนกระทั้งถึงห้องอาจารย์ ฉันกับเขาต่างหอบกินเพราะระยะทางก็ไกลพอสมควร

          ฉันรู้สึกว่ามีคนมองฉันตอนที่ฉันกำลังนั่งหอบกินอยู่บนเก้าอี้ ที่แท้ก็อีตาจื่อเฉิงนี่เอง มองอะไรยะไม่เคยเห็นคนหอบกินรึไง มันเหนื่อยนะรู้ไหม

          “วันนี้คุณจะพาฉันไปที่ไหน”

          “ที่บ้านผม”

          “ห๊า!!!ไปทำไมบ้านคุณ” นี่เค้าจะบ้าเหรอ สงสัยคงหอบกินจนเพี้ยนไปแล้ว จะพาฉันไปทำไมที่บ้านเขา

          “คนที่จะสอนคุณน้องเค้าอยู่ที่บ้านผม...อาม่าผมเองแหล่ะ”

          “ห๊า!!!อาม่าของคุณจะเป็นคนสอนฉันงั้นเหรอ”

          “ใช่ครับ อาม่าของผมเนี่ยแหล่ะ เค้ารู้วัฒนธรรมของจีนนะ เพราะเค้าเป็นจีนแท้” อ้อ...เข้าใจละ ต้องพาไปหาผู้เชี่ยวชาญของจริง โอเครงั้นก็ไม่มีปัญหา

 

          ฉันกำลังเดินเข้าบ้านผู้ชาย ได้ยินไหม บ้านผู้ชาย บางคนอาจมองว่าฉันแรด แต่ฉันมาธุระนะ ไม่ได้มาหาผู้ชายด้วยมาหาคนชรา คุณย่าหรืออาม่าของนายคนที่กำลังเดินจูงมือฉันเข้าไปในบ้านคฤหาสน์หลังใหญ่ โห...รวยขนาดนี้เลยเรอะ ฉันควรเจียมตัวไหม เฮ้ย...เมาตดอะไรเนี่ย ฉันมาหาความรู้ ไม่ได้มาสมัครเป็นหลานสะใภ้ซะหน่อย (นางเอกเพ้อเจ้อตลอด)

          “น้องโหย่วหยีรออยู่นี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมมา” เขาเอาฉันมาปล่อย พร้อมกับเรียกชื่อฉันที่สุดแสนจะพิเรน ใครมาได้ยินคงคิดว่าฉันเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่คน

          ฉันนั่งเกรงไม่กล้าขยับตัวไปไหน กลัวของในบ้านหรูจะเสียหาย ฉันไม่มีเงินใช้เขานะ ฉันเป็นเด็กยากจนที่มีจะกิน ทำไมไปนานจังวะ รู้ไหมว่ามันเมื่อย แล้วไม่ใช่ในแบบฉันด้วยที่จะต้องมานั่งเฉยๆ

          “อีเป็นคนยังไง สวยไหม” ฉันได้ยินเสียงคนชราพูดเป็นภาษาจีน โชคดีที่ฉันฟังออก และโชคดีที่ฉันก็ดันพูดเป็น แต่ก็อยากจะแกล้งโง่อะนะ ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องเข้าไว้

          “อาม่าต้องเจอเองครับ” ส่วนเสียงนี่ก็คงเป็นอีตาพี่จื่อเฉิง นินทาใครยะ ฉันฟังรู้เรื่องนะ

          สิ่งที่ฉันเห็นตอนนี้คืออีตาพี่จื่อเฉิงเดินจูงคนชราที่เข้าเรียกว่าอาม่า มาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน อาม่าจ้องหน้าฉันไม่เลิก หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ ก็ไม่มีอะไรนิ ฉันคงคิดมากไปเองหรือเปล่า ว่าอาม่ามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า สภาพฉันมันคงจืดชืดแน่ถึงได้มองฉันแบบนั้น

          “ลื้อซื่ออาราย” คนชราที่น่าเคารพเอ่ยปากถามฉันทันทีที่นั่ง เธอดูงงๆนิดหน่อยที่ฉันลงไปนั่งกับพื้น มันเป็นการเคารพผู้ใหญ่จ้า เห็นอย่างนี้ฉันเองก็มีมารยาทนะ

          “สุพรรณิการ์ค่ะ” อาม่าพยักหน้าเหมือนเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด ออกเสียงชื่อฉันถูกไหมคะอาม่า

          “อาสุพังลิกา” นั่นไงชื่อฉันที่สุดแสนจะไพเราะพังหมดเลย

          “โหย่วหยีก็ได้ครับอาม่า” ฉันหันไปมองหน้าไอ้คนที่เรียกชื่อนี้ทันที นั่นไม่ใช่ชื่อฉัน ฉันจะฆ่านาย

          “อาโหย่วหยีเลอะเพาะลีเพาะลี” เพาะตรงคะเนี่ยอาม่าคนบ้านนี้นี่เพี้ยนแท้

          “ไปกันใหญ่แล้วคุณแม่ ฉันอาโกวหรือป้าของตาเฉิงนะจ๊ะ” หญิงสาววัยกลางคนเดินเข้ามาทักทายฉัน คนที่นี่เป็นมิตรกันดีเนอะ ไม่ถือตัวว่ารวยด้วย น่ารักจัง ยกเว้นอีตาพี่จื่อเฉิงนี่

          “กินข้าวมารึยังจ๊ะ” ชวนฉันกินข้าวด้วย ดีเลยฉันกำลังหิว

          “หนูยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ พอดีเรียนทั้งวัน” ทุกคนทำหน้าตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ก็มันจริงอะ

          “ทำไมไม่บอกผมก่อน ผมจะได้พาน้องโหย่วหยีหาอะไรกิน” อีตานี่นิ บอกว่านั่นไม่ใช่ชื่อฉัน ยังจะมาเรียกอีก

          ฉันกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารไม้สุดหรูเวอร์ นี่ถ้าฉันแอบเอาน้ำยาลบคำผิดมาเขียนเล่นจะมีใครว่าไหม อิอิ อาม่านั่งอยู่หัวโต๊ะอาโกวนั่งอยู่ข้างๆตรงข้ามกับอีตาจื่อเฉิงแล้วก็ฉันที่นั่งข้างๆกัน อาหารที่อยู่บนโต๊ะ เป็นอาหารไทย เช่นพวกต้มยำกุ้ง ผัดผักรวมมิตร ไข่พะโล้ หมูทอด (คนแต่งกำลังหิวจัด)

          “อร่อยไหมจ๊ะหนู” คุณป้าหรืออาโกวของอีตาพี่จื่อเฉิงถามฉันเพราะบนโต๊ะรับประทานอาหารมันเริ่มเงียบเกินไป แล้วทุกคนก็กำลังขมักเขมนกับการกินซะส่วนใหญ่ ยกเว้นคนข้างๆที่เอาแต่มองฉันเป็นพักๆ จะมองอะไรนักหนา

          “อร่อยค่ะ ทำให้นึกถึงฝีมือแม่ของหนูเลยค่ะ” เธอหันมายิ้มกว้างให้ฉันอย่างพอใจ

          “เรียนจบแล้ว หนูจะทำอะไรจ๊ะ” คำถามง่ายๆ ตอบได้ทันที

          “หนูจะทำงานหาเงินสักก้อนมาลงทุนเปิดโรงเรียนสอนนาฏศิลป์ค่ะ”

               “ความคิดดีนะจ๊ะ”

          “ขอบคุณค่ะ”

          สัมภาษณ์อย่างกับฉันมาสมัครเป็นหลานสะใภ้อย่างงั้นแหล่ะ นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฉันมานะโว้ย ไอ้บ้าข้างๆนี่ไปพูดอะไรกันแน่ อย่าให้รู้เชียวนะว่าพูดอะไร จะสั่งสอนเสียให้เข็ด (นางเอกโหดแท้)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา